ว๊าย มาแล้วววค่ะะะ ตอนกลางวัน ต่อไม่ทันนน T...T ไปช่วยเตรียมงานศพมา
อยากจะต่อให้ได้ทุกวันๆเลยนะคะ แต่บางทีติดธุระจริงๆ ตอนนี้ ไรท์เตอร์ติดผู้อ่านไปแล้ว คิดถึงผู้อ่านมากตอนไปทำงาน อิอิ
มาแล้วค่า ตอนที่เก้า
ปล.ขออภัยเรื่องคำผิดด้วยค่ะ ตอนที่
9ห้องน้ำเป็นอ่างใหญ่ๆอันเดียว คล้ายๆของบ้านท่านอ้วน มีถังน้ำที่คนตักมาวางไว้ รอบๆห้อง เพื่อเติม
เอลลี่บอกว่า ส้วมอยู่ชั้นสอง เขาบอกว่า ถมดินมาได้ไม่สูงพอ ที่จะสร้างส้วมชั้นบนๆ
หอพวกเราอยู่ชั้นสี่ ถ้าจะเข้าส้วมก็ต้องเดินลงไป ..ผมอึใต้ต้นสนมาตลอดชีวิตเลย คงจะประหลาดดีถ้าได้ สำรวจส้วมที่นี้ ฮะๆๆ ผมคิดอะไรน่ะ
เอลลี่ยื่นไม้สีฟันให้ผม กับใบมิ้นต์บด ผมรีบแปรงฟันแล้ว วิ่งตามเอลลี่ออกมา
ตอนนี้ทุกคนอยู่อีกห้องแล้ว ห้องนี้คือห้องอาหาร ขนาดครึ่งหนึ่งของห้องโถง ไม่ใหญ่มาก และไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก แค่ผนังสีชมพูดอ่อน กับต้นไม้กระถางสองสามต้น
อาหารวางอยู่บนโต๊ะห้าที่ เคอร์กับแฝดนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมกับเอลลี่ตามเข้าไป ซุปแครอทกับไก่นี่หน่า ชามใหญ่ชะมัดเลย ผมแทบจะตักกินไม่ทันใจ
“มะเขือเทศมั๊ย?” เลลาห์เดินเข้ามา ในมือมีตระกร้ามะเขือเทศ ผมพยัคหน้า
เด็กๆทุกคนทานอาหารอย่างเงียบเชียบ ผมแอบสังเกตุเคอร์ เขาเล็มมะเขือเทศคำเล็กๆ แบบพวกผู้ดีซินะ เขาดมอาหารก่อนเอาเข้าปากตลอดเลย ตลกจัง
“มองอะไร?”
ผมสะดุ้ง กัดมะเขือเทศคำโตกลบเกลื่อน เคอร์ยิ้มมุมปาก วางช้อนซุปลง
“นี่…นากัล ชื่อนากัลใช่มะ? หยิบผลใหญ่นั่นให้ข้าหน่อย” เขาพูดกับผม ชี้มือมาที่ตระกร้าส้มตรงหน้า
ท่ามกลางความเงียบ ทุกคนบนโต๊ะมองมาที่ผม มีสีหน้ากังวล เลลาห์ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
ผมชะงักอยู่ซักพัก ก่อนจะหยิบส้มขึ้นมา ลุกขึ้นช้าๆ เอื้อมตัวยื่นให้เคอร์ที่อยู่อีกฝั่งนึง
!!อย่างรวดเร็ว เคอร์กระชากมือผมไปจับ ส้มเลยตกกลางโต๊ะ!
เขาใช้นิ้วนวดมือผมไปมา “มือหยาบชะมัด…ถึงจะหน้าตาดูชั้นสูงแบบนี้ แต่เจ้าไม่ได้มาจากที่สูงๆแน่ละ ใช่ใหม นากัล?” เคอร์เลิกคิ้วใส่ผม ก่อนจะกระชากมือออก ทำให้ผมเซไปข้างหน้า ชนโต๊ะเลื่อนดังเอี้ยด…
เคอร์เช็ดปาดด้วยผ้า “ทำใมถึงรับลูกชาวนาเข้ามาในวังล่ะ ฮะๆๆๆๆ” ทิ้งท้ายก่อนจะลุกออกไป พอเรือนผมสีส้มพ้นเงาประตู
“เขาทำอย่างงั้นกับพวกเราทุกคนแหละ…แรกๆน่ะ เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง”บากอสบอก
ผมนั่งลงช้าๆ รู้สึกประหลาด เคอร์เข้าใจอะไรผิดไปอย่างมาก ผมไม่ใช่ลูกชาวนา ผมไม่มีพ่อแม่ด้วยซ้ำ แล้วผมก็ทำงานประเภทนี้มาตั้งแต่จำความได้ ผมไม่รู้สึกแปลกอะไรที่จะถูกเรียกว่า ชั้นต่ำ ลูกค้าบางคนชอบร้องด่าผมแบบนั่น ตอนเขากำลังจะเสร็จ…เขาจะบ่นพึมพำๆ คำว่า อีร่าน ซ้ำๆ เหมือนเป็นบทสวดมนต์อะไรซักอย่าง อีกไม่นานเขาก็เสร็จ และก็จ่ายเงิน ผมถึงได้ออกไปเล่น
ผมไม่ควรรู้สึกแย่ด้วยซ้ำ…
แต่ผมรู้สึกแบบนี้ เขาเรียกมันว่าอะไรนะ…หมั่นใส้ ใช่ ผมหมั่นใส้เคอร์จัง
=========================
หลังกินอาหารเสร็จ เลลาห์ก็เข้ามาพาผม สำรวจห้องในหอทั้งหมด ตอนที่เด็กคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปรับใช้ฝ่าบาท เอลลี่บอกผมก่อนไป ว่าเขาน่าจะกลับมาตอนหัวค่ำ ผมอยากเห็นหน้าพวก เชื้อพระวงศ์บ้างจังเลย พวกลูกกษัตริย์ แม้แต่กษัตริย์เองก็เถอะ พระเจ้าเนบูนิดัสที่ปกครองแคว้นอยู่ตอนนี้ ผมอยากเข้าเฝ้าเขา
สถานที่ที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ คือ หอสนมเด็ก ตั้งอยู่ชั้นสี่ ทางด้านซ้ายของพระราชวัง นอกหน้าต่างห้องนอนคือ พระราชวังส่วนอื่นๆ คอกม้า คลังเก็บอาวุธ และ ที่พักของทหาร
ผมยืนอยู่นอกระเบียงห้องนอน ตอนที่เลลาห์อธิบาย ลมยามเช้าโกรกเย็นสบาย ผมเห็นเมฆขาวปุยชัดเลย
“นากัล ตั้งใจฟังหน่อย!”
“ฮะ !!” ผมผละจากระเบียง
“เห็นโค้งประตู อิฐสีฟ้าใหญ่ๆนั่นมั๊ย?? ถนนสีฟ้าที่ตัดมาจากประตูนั่นน่ะ เรียกว่า ประตูอิชตาร์นะ จำไว้ เป็นทางอันทรงเกียรติ ไม่ว่ากษัตริย์จะเดินทาง หรือ กลับจากสงคราม ก็จะผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์นี้”
ผมเห็นละ โค้งสีฟ้าใหญ่ๆ ที่สุมอยู่กับตึกราบ้านเมืองเบียดเสียดนั่น เห็นรูปปั้นสิงโตเล็กๆติดอยู่ตามกำแพง
เลลาห์ลากผมออกจากห้องนอน “ห้องโถง สำหรับทำการบ้าน และ พักผ่อน ถ้าเจ้าไม่ต้องไปรับใช้ฝ่าบาท…หน้าต่างบานใหญ่นั่น ถ้าจะเปิดก็ระวังด้วย ลมเคยพัดม่านออกไปแล้ว”
เธอลากผมเข้ามาห้องที่อยู่ติดกับห้องนอน ห้องนี้สุดยอดไปเลย ผมเพิ่งเห็น ถูกทาสีส้มสลับแดง รายล้อมด้วยเสื้อผ้านานาชนิด
“นี่คือห้องแต่งตัว เครื่องประดับอยู่ในลิ้นชัก ขนนกด้วย…ใส่เสร็จแล้วก็ถอดกองไว้บนพื้น อันที่ยังไม่ได้ใส่จะพับกองอยู่หลังตู้ เข้าใจนะ?”
ผมกลืนน้ำลาย รู้สึกอยากลงไปนอนกลิ้งและตะโกนโห่ร้อง “ทั้ง..ทั้งหมดนี่ - -”
“ของพวกเธอเท่านั้น…เด็กห้าคนนี่เท่านั้น”
ผมนิ่งงัน
“เธอเห็นห้องอาบน้ำแล้วนะ? ที่นี้ ฉันจะพาเธอไปดูส่วนอื่นของวัง…อย่าตื่นเต้นจนอ้วกอะไรออกมาล่ะ เคยมีเด็กเป็นแบบนั้น แย่มากๆเลย”
“ฮะ”
…
ผมไม่ได้อ้วกหรอก แต่เหงื่อแตก และ หัวใจเต้นแทบหลุดออกมาจากอก ผมได้ทั้งหมดนี่จริงๆน่ะหรอ? มาดามเป็นคนเลวจริงๆด้วย พวกผู้ใหญ่ที่ทำดีๆกับพวกเด็กๆ มีตั้งเยอะแยะนี่หน่า ยักษ์ยังใจดีกับผมมากกว่าเธอเลย ผมรู้สึกสงสาร เพื่อนๆที่เพิงจับใจ ผมอยากให้ทุกคนได้มาอยู่ที่นี้จัง แต่พอนึกว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรก่อนบ้าง ผมก็เหนื่อยใจ
ไม่รู้ล่ะ…อย่างน้อยผมต้องดูดีกว่าเคอร์ให้ได้… ถึงตอนนี้ยังไม่… ตอนหน้าผมจะดูดีกว่าหมอนั่นแน่นอน เขาจะได้หุบปากเสียที เด็กคนอื่นดูรำคาณเคอร์ แต่ไม่มีใครกล้าจัดการสินะ…
“นี่ นากัล” เลลาห์โพลงขึ้น ตอนพาผมเดินออกจากหอสนมเด็ก สู่ระเบียงกว้าง….ออกนอกเขตเฉพาะพวกผม มีทหารยืนเรียงเป็นจุดๆ
“ฉันหวังว่า เจ้าจะไม่ กลายเป็นเด็กร้ายๆ หลังจากใช้ชีวิตที่นี้ได้เกินสามอาทิตย์นะ..”
ผมขมวดคิ้ว “หมายความว่าไงหรอฮะ?”
เลลาห์ก้มมามอง ยิ้มแต่กลับถอนหายใจ
“เชื่อฉันเถอะ…ฉันเห็นเด็กมามาก…แต่ก็ยังตั้งความหวังล่ะน่ะ ว่าเจ้าจะไม่กลายเป็นพวกขี้วีน ขอพระองค์ทรงไม่ตามใจเจ้าเกินควรด้วยเถอะ จะเป็นงานหนักของข้าจริงๆ”
ผมพอเข้าใจว่าเลลาห์สื่ออะไร แต่ผมจะเป็นยังไง…มันก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่หรอ? ถึงกระนั้น ผมก็ชอบเลลาห์มาก เธอจะอยากเป็นพี่สาวผมมั๊ยนะ? พูดแบบนี้ ผมต้องทำตัวเรียบร้อยรึเปล่า? แบบนั้นไม่สนุกแน่ๆ
“ข้าจะพาเจ้าไป ที่โถงจัดเลี้ยง…ตอนบ่ายไป สวนลอย - - เจ้าจะต้องบริการ วนไปวนมาอยู่แค่สองที่นี่แหละ นอกเหนือจากนี้ คือเวลาพิเศษ แล้วแต่ฝ่าบาทจะทรงโปรด ..ห้องบรรทม หรือ ที่ไหนก็ตาม เจ้าต้องตื่นตัว ฟังคำสั่ง และ ปฎิบัติตามใจท่านอย่างรวดเร็ว”
เลลาห์จับมือผม จูงลงบันใดใหญ่ ผมเชื่องช้าเพราะ มัวแต่เงยหน้ามอง ลวดลายเพดาน เช้าวันนี้ ผมเห็นข้าราชบริพานเดินกันควักใขว่ ต่างคนต่างรีบไปที่ไหนซักแห่ง แบกของกันเต็มเลย บางคนเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องด้วยซ้ำ ทุกอย่างเวลานี้ ดูยังไม่พร้อม…แสดงว่า พวกกษัตริย์ยังไม่ตื่นสินะ
“เจ้าจะไม่พูด ถ้าฝ่าบาทไม่โปรดให้พูด…เจ้าจะไม่กินอย่างตะกระมูมมาม …พรุ่งนี้เช้า ข้าจะสอนเรื่องการนอนกินแบบชาวสุเมเรียน เจ้าต้องฝึกการรินเครื่องดื่ม การยิ้มแย้มกับแขก…อีกทั้ง ต้องไม่ปฎิเสธ อาคันตุกะ ที่มาเยี่ยมเยียนฝ่าบาท…”
โห เยอะเอาการเหมือนกันนะ อ้ะ! ดอกไม้ทำจากอัญมนีหรอ!!?
“โดยเฉพาะในงานเลี้ยง เฉพาะ เชื้อพระวงศ์ เจ้าจะต้องรู้ว่า วางถาดไวน์ตรงไหน และถ้าถูกสั่งให้บริการเชื้อพระวงศ์องค์อื่น หลังบริการ เจ้าต้องทำความสะอาดตัวเองวิธีฉุกเฉินอย่างไร เพื่อที่จะบริการฝ่าบาทต่อ….อ่ะ เรามาถึงแล้ว”
ผมถูกดันให้หยุด ละสายตาจากแจกันเงิน ก็เห็นว่าห้องที่ยืนอยู่…โห
นี่มัน…ยาวกว่าสะพานเรือพี่โจมาร์อีกมั๊ง มีโต๊ะไม้ยาวๆ สุดไปถึง หน้าต่างมโหราฬอีกฝากห้อง หน้าต่างถูกเปิดอยู่ ม่านสูงราวสี่เมตร พัดยวบตามแรงลม… โต๊ะไม้ยาวๆ สามตัว บรรจุคนได้ซักร้อยกว่าเลยมั๊ง แต่ทั้งห้อง ก็จะถูกแซมด้วย กระถางต้นไม้สูง…รูปปั้นที่กว้างกว่าผมสิบคนโอบรวมกัน…คบเพลิงแบบถาดห้อยยาวลงมาจากเพดาน มีแผ่นผ้าขึงบนเพดาน เป็นอักษรที่ผมอ่านไม่ออก และ รูปนกเหยี่ยว
“ต่อไปนี้เจ้าจะต้องทำงานที่นี้…เดินเสริฟไวน์ให้ฝ่าบาท และ บรรดาญาติของท่าน…เออ ข้าไม่รู้นะ แต่เจ้าทำอะไรที่บ้าน เจ้านายเก่าก่อนมาคัดเลือก?”
“ทำความสะอาดฮะ…” ผมโกหก “ซักผ้า พับผ้า ล้างชาม กวาดห้อง ฮะ” ..แต่ผมก็ทำจริงๆนี่หน่า
“พวกนั้น เจ้าลืมไปได้เลย…หน้าที่ใหม่คือ การบริการ…เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กเล็ก ข้าเข้าใจ พวกสนมเด็กคนอื่นๆก็ยังไม่ได้เรื่องกันเลย กับการบริการแขกเนี่ย ยิ่งเจ้าไม่เคยบริการมาเลยเนี่ยล่ะ จะเป็นปัญหา..” สีหน้าเธอดูกังวล เธอก้มลงมา “แต่เธอรู้แล้ว ใช่มั๊ย ว่าเธอต้องทำอะไร?? หน้าที่หลักของเธอน่ะ”
…ผมยิ้มแฉ่ง “รู้ฮะ”
“แน่ใจนะ?” เลลาห์ดูไม่เชื่อ “ฉันไม่ต้องบอกเธออีกนะ?”
“ฮะ…ไม่ต้องห่วงฮะ พวกผู้ชายโตๆน่ะ ผมจะบริการให้ดีที่หนึ่งเลย เชื่อผมเถอะฮะ..”
เลลาห์ก็ยังทำหน้าไม่เชื่ออยู่ดี ว่าสิ่งที่ผมพูดน่ะ เป็นความจริงขนาดไหน จริงซะยิ่งกว่าที่เธอจะนึกออกเยอะเลย
…………………
เลลาห์พาผมไปแนะนำที่ห้องครัวใหญ่ชั้นล่างสุด ลงบันใดไปอีกหลายต่อ เลลาห์บอกว่า หน้าที่ในวังแตกต่างกันไป แต่งตัวแตกต่างกันไป พวกคนครัวจะคาดผ้าที่ศรีษะสีฟ้า พวกทหารก็สวมเกราะ พวกคนงานชาย สวมกางเกงดำตัวเดียว พวกสนมอย่างผมจะเปลือยท่อนบน ท่อนล่างเป็นผ้าขาวรัดเอว สวมกำไล สร้อยคอ พวกแม่บ้านสวมกระโปรงลายดอกไม้
ผมได้ทานอาหารบนถาดที่ สาวใช้เอามาให้ มีนมวัวด้วย…รสเหมือนของสาวใช้ยิวบ้านท่านอ้วนไม่มีผิด
หลังเที่ยง เลลาห์พาผมเดินจนหมดฝั่งซ้ายของวัง บอกตามตรงนะ ผมจำได้ไม่หมดหรอก ใครจะรู้ล่ะ วันแรก เลลาห์ก็เทศน์ซะมากขนาดนี้ สมองเล็กๆของผมรับไว้ไม่หมดหรอก ผมคงหลงอยู่ในวังเป็นเดือนๆกว่าจะจำเส้นทางได้อะ
เราไม่ได้สำรวจด้านขวา…ด้านขวาเป็นของพวกกษัตริย์ จะเข้าไปเมื่อเรามีธุระเท่านั้น
เลลาห์พาผมออกจากวัง เรายืนหน้าแม่น้ำสายเล็ก เบื้องหน้าคือ อาคารรูปร่างประหลาด อาบด้วยแสงอาทิตย์ยามบ่ายสวย
ถ้าผมดูไม่ผิดนะฮะ…นั่นมัน ต้นไม้ลอยฟ้าใช่มั๊ย?
“นี่คือ สวยลอยแห่งบาบิโลน…ความมหัศจรรย์ของอาณาจักรเมโสโปเตเมีย เห็นรึยัง? พระเจ้าประทานสิ่งนี้ให้มวลมนุษย์พักผ่อนยังไงล่ะ”
มวลมนุษย์ที่ไหน? ก็แค่ราชวงศ์ต่างหาก ผมแอบคิด เธอจูงผมผ่านสะพาน เรือใบลำเล็กๆแล่นอยู่เบื้อล่าง…คงแล่นสู่แม่น้ำยูเฟรตีส ….งื้อ ผมคิดถึงพี่อีกแล้วนะฮะ
เฮ้ย!!! ผมลืมเสียสนิท!! กังหันสีฟ้าของพี่ล่ะ!!
กังหัน!! ผมตกใจจนปล่อยมือเลลาห์
“เป็นอะไร??”
“ของ…อะ ของที่ติดมากับตัวผมอะฮะ มันหายไป- - อยู่ตรงต้นขา”
“อ๋อ ถ้าสร้อยเพชรเจ้านายเก่าเจ้า ข้าเก็บไว้ในห้องแต่งตัวให้แล้ว มันมีค่ามากน่ะ”
“ไม่ใช่ฮะ…มันมีของเล่น กังหันลมสีฟ้าอะฮะ ติดอยู่ตรงต้นขาผมด้วย …มันสำคัญมากเลยนะฮะ - -”
ฮือ…ไม่เอานะ นากัล อย่าให้น้ำตาใหลออกมาเด็ดขาด เดี๋ยวเลลาห์จะหาว่านายเป็นเด็กงอแง พวกที่งานคัดเลือก ไม่ต้องการเด็กที่ร้องให้ฟูมฟาย ห้ามร้องให้นะ นากัล
“…มันคงหล่นไปแล้วมั๊ง ไม่เป็นไรหรอก” เลลาห์ปลอบ
ผมกลั้นน้ำตาสำเร็จ สูดหายใจ…
“ไปต่อนะ นากัล ต้องพาเจ้าดูสวนลอยก่อนอาทิตย์ตกดิน”
ผมพยักหน้า เลลาห์จับมือผมอีกครั้ง…ผมบีบมือเธอแน่นขึ้น ตอนพวกเราสองคนเดินไป
…
.
ผมกับเลลาห์ปีนบันใดหินอ่อน ด้านข้างของสวนลอย ขึ้นมาถึงประตูทางเข้า ผมลอดผ่านซุ้มไม้เข้าไป
ก็พบว่า ทุกอย่างในวังที่ผมเห็นมาก็ไม่เท่าที่แห่งนี้…
ในนี้เหมือนป่า..ที่อยู่บนภูเขา ไม่สิ…บนอาคาร เป็นป่าชนิดเปิดโล่งให้เห็นวิวเมืองได้ กลิ่นดอกไม้หอมรัญจวน ต้นปาล์มแถวแม่น้ำเจ้าชาทรัช ต้นสนแถวเพิงมาดาม ต้นไทร พุ่มไม้น้อยใหญ่บ้านท่านอ้วน ทุกๆต้น อยู่ที่นี้…มันเป็นไปได้ยังไงนะ ที่ต้นไม้ขึ้นบนอาคาร หรือว่า..จะมีเวทมนต์ตามข่าวลือจริงๆ
ผมอ้าปากหวอ
“จริงๆ มันเป็นเรื่องของระบบ ชลประทาน…อาจารย์เคยอธิบายไว้…มันจะมี ลูกกลมๆ น่ะ…นึกออกใหม? เป็นสายพานที่เชื่อมขึ้นมาถึงต้นไม้ข้างบน…แล้วก็จะเกี่ยวถังน้ำขึ้นมาด้วย…พอมาถึงชั้นบนสุด ซึ่งเป็นดินร่วนสำหรับต้นไม้…น้ำก็จะถูกเทออก…ใหลจากด้านบน ลงสู่ต้นไม้ชั้นล่าง ..ทาสจะชัก ถังน้ำวนลงไปตักใหม่อีกรอบ…ต้นไม้ก็จะได้น้ำตลอด…สาเหตุว่าทำใมมันจะต้องติดแม่น้ำ และ สาเหตุที่เจ้าจะต้อง ตั้งใจเรียนหนังสือด้วย”
“ฮะ” ผมพยักหน้า กระตือรือร้น “ขอเดินดูรอบๆได้มั๊ยนะฮะ”
“ได้เลยไปสิ”
ผมกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ตอนนี้ไม่มีคนเลย เพราะพวกเจ้าชายไม่รับสั่งหรอ?? มีแสงข้างนอกส่องผ่านระเบียงเข้ามา ทำให้ต้นไม้เหมือนอยู่กลางป่า เสียงน้ำตก น้ำพุ กลิ่นชื้นๆ…นี่คือป่าส่วนตัวสินะ รูปปั้นสัตว์ต่างๆ ถูกวางไว้ตามตำแหน่งของมัน นกกับลิงอยู่ชั้นสอง ผมใต่บันใดขึ้นไป หัวเราะลั่นตอนใบไม้เขี่ยแก้ม
“ระวัง สะดุดนะ นากัล…พรุ่งนี้เจ้าต้อง เรียนมารยาท กับ การดูแลผิวตัวเองอีก! ระวังนะ นากัล”
“ฮะ..เลลาห์” ผมขำคิกคัก นี่มันสนุกเป็นบ้าเลย! “ผมปีนต้นปามล์ได้มั๊ยฮะ” ผมตะโกนลงไป ตอนที่ขึ้นมาอยู่ชั้นสาม ยอดต้นปามล์ อยู่ตรงหน้า
เลลาห์กรี้ด “ไม่ได้!!อันตรายนะ!” เธอวิ่งขึ้นมา เร็วจนผมตกใจ
“ผมล้อเล่น” เธอตีแขนผมพลางเอ็ด ผมก็เจ็บเหมือนกันนะ แต่ทำใม…มันแตกต่างจากการตีของมาดามมากโขไม่รู้
เลลาห์ลากผมลงมาถึงชั้นหนึ่ง กลางสวน
“ฟังให้ดีนะ มีอีกเรื่อง…สำคัญมาก ที่ข้าต้องบอกเจ้า”เลลาห์ทำหน้าจริงจัง มองไปรอบๆ
ผมเงี่ยหูฟัง
“ ..เจ้า..ห้ามนอนกับ ทหารเด็ดขาด!!”
“ เจ้าไม่ใช่ สนมที่คัดมาเพื่อ พวกทหาร พวกทหาร มีสนมอีกประเภท เจ้าถูกคัดมาเพื่อ รับใช้พระองค์ท่านเท่านั้น…ต้องไม่แปดเปื้อน...เข้าใจนะ ห้ามนอนกับทหารเด็ดขาด!! เจ้าฟังข้าอยู่รึเปล่า? นากัล??!!”
“ฮะ! โอ๊ย!!” บางอย่างแข็งๆ ตีผัวะเข้าที่บั้นท้ายผม
เลลาห์มองข้ามหลังผม “เซอซัส!”
ผมหมุนตัวกลับ เห็นทหารใส่เกราะ สองสามคน ยืน นั่งกันอยู่หลัง รูปปั้นม้าหินตัวใหญ่ เมื่อกี้ที่เขาใช้ตีก้นผม คือดาบใส่ปลอก อันเท่าแขนผมสองข้าง
“โธ่ เลลาห์เอ๋ย… เจ้าก็จะห้ามเด็กอะไรมันขนาดน้าน เดี๋ยวก็กลัวพวกข้ากันหมดเหรอก” คุณยักษ์เซอซัสยืนเป็นยักษ์ยิ้มแสยะอยู่ เขาจรดดาบลงพื้นหญ้า แล้าท้าวแขน
“ ว่าปะ เบ็ท? พวกเด็กๆกลัวเอ็งปะวะ ห้ะ??”
นายทหารอีกคนนึงผงกหัว “ใช่ เด็กๆกลัวข้ากันชิ-หาย ฮ่าๆๆ”
“เออ! อย่าปลูกฝังแบบนี้เซ่! ใช่มั๊ย นากัล เจ้าชอบพวกทหารใช่มะ?”
เซอซัสโน้มหน้าอันใหญ่โตของเขาลงมาใกล้ผม
“ใช่มั๊ย นากัล” ดวงตาคมดูขี้เล่น
“ก็…จริงๆผมก็ - -” ผมกำลังจะตอบไปว่า ชอบ เพราะเขาตลกดีออก แต่เลลาห์โอบผมออกห่าง
“เจ้าขึ้นมาทำอะไรที่นี้? ไม่มีงานบนสวนซักหน่อย เจ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทนะ!!”
“เนนนน….บู…..นิ…..ดัสสส…อานน…ศาก…สิททท” ทหารทั้งสามนายเริ่มร้องเพลง เสียงต่ำสุดกู่ออกมา หลังจากนั่นก็ระเบิดหัวเราะ
“ข้าขึ้นมาเอา ธนูน่ะ” เซอซัส ดึง ธนูเปื้อนโคลนขึ้นมาหนึ่งดอก “เจ้าบัท ยิงพลาด ขึ้นมาถึงสวนลอยนี่แหน่ะ”
“นี่ เจ้าควรจะเลิกทำกิริยาไร้ความเคารพฝ่าบาทได้แล้วนะ…ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือไม่ก็ตาม เห็นแก่เด็กบ้างเถอะ!! ” เลลาห์ร้อง
เขาโบกธนูเล่น
“อ่า นั่นสิ ….นากัลน้อย…อย่าสนใจคำพูดของคนต่ำต้อยอย่างข้าเลย…นี่เจ้าลองยิงธนูมั๊ย…ยิงลงไปที่สนามฝึกน่ะ! ยิงคืนซะ คนจะได้เก็บเข้าคลัง”
เลลาห์กำลังจะอ้าปากท้วงอีก แต่ยักษ์เซอซัส ก็ดึงผมไปที่สีข้างเขา ยัดด้ามธนูอันใหญ่ให้
“นี่ !! หยุดนะ!!” ผมหันไปเห็นเลลาห์ร้องโวย แต่โดนนายทหารอีกสองคนจับใหล่ “ใจเย็นๆ แค่ให้เด็กลองยิงธนูเอง เลลาห์…สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของวังกับกองทัพไง !”
ผมเงอะงะมากเลย ยะ..ยิงธนูน่ะ หรอ จะไปทำได้ยังไง คันธนูอุ่นและหนักในมือผม ท่านเซอซัสดันผมไปอยู่เลื่อมระเบียง ช่วยตั้งด้ามธนูมือนึง อีกมือนึงก็หยิบดอกออกมาใส่ในมือผม
เขาก้มจนแนบคางกับใหล่ผม
“อะ…ท ท่านฮะ ผมยิงไม่ได้หรอกฮะ” ผมตะกุกตะกัก
“ทำใมล่ะ…เห็นคนจุดเล็กๆ ตรงสนามเหลืองๆนั่นมะ? พวกเขาจะดีใจมากเลยน๊า ถ้าข้าลงไปบอกว่า ลูกธนูเมื่อกี้น่ะ เด็กโคตรรรสวย ชื่อนากัล ยิงลงมาให้…เอาน่ะ ลอง!!”
เซอซัส ทาบมือผม บนคันธนูให้ ยกมันขึ้น…มันเบาเยอะเลย พอเขาช่วยถือ อีกข้างนึง เขาก็สอดนิ้วที่มือผม แล้วก็เอาลูกธนูมาขึงกับเส้น
ผมเห็นคนข้างล่างจุดดำๆ กำลังโบกไม้โบกมือขึ้นมาที่สวน
“พ..พวกเขาจะดีใจขนาดนั้นเลยหรอฮะ”
“ใช่นะสิ…จะเก็บลูกธนูไว้บนหิ้งนอน เอาไปเป็นเครื่องลางตอนออกรบเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ” เขากระซิบข้างหูผม จั๊กจี้อะ
ผมกระชับลูกธนูในมือ ยิ้มน้อยๆ
“เอาล่ะนะ”
“ฮะ!”
สิ้นเสียงปุ๊ป ลูกธนูก็พุ่งยาวออกไป….มันโค้งยาวๆบนฟ้า เกิดเสียงฉิ้วเร็วๆ มารู้อีกทีผมก็มองไม่เห็นมันแล้ว แต่กลุ่มคน บนสนามเหลืองๆ กระโดดโลดเต้น แล้วก็ยกนิ้วโป้งให้
นายทหารสองคนข้างหลังส่งเสียงเชียร์ดัง ท่านเซอซัสค่อยๆปล่อยมือผมออก
“เป็นไง…ครั้งแรกก็ตรงเป้าเลย ฮ่า! ไม่เบานะ นากัล เราอะ! “
“- -ขอบคุณฮะ!” ผมยิ้มแฉ่งให้เขา ยักษ์เซอซัสช่วงใจดี ชมผมด้วย!…และ ผมได้ยิงธนูแล้ว! เท่เป็นบ้าเลย เขายิงฟันเขี้ยว เอื้อมมือกว้างๆมาลูบศรีษะผม
“พอๆๆ ได้แล้ว ปล่อยฉัน!” เลลาห์สบัดตัวออก ตึงตังมาหา เธอกระชากตัวผมออก ถลึงตาใส่ท่านเซอซัส ก่อนจะลากผมมาที่ซุ้มประตู
“ไว้ เจอกัน ข้าจะสอนอาวุธอื่นอีกนะ นากัล!”เซอซัสตะโกน
เลลาห์โน้มกระซิบข้างหู “นั่นแหละ ที่ฉันพูดถึง…!! อย่ามายิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะ นากัล!!
ห้ามนอน กับพวกหมาหิวโซพวกนี้เด็ดขาด ไม่ว่าพวกมันจะหลอกล่อเจ้าด้วยวิธีใดก็ตาม
ทางที่ดี ไม่ยุ่งเกี่ยวเลย เยี่ยมที่สุด!!! หุบยิ้มบ้าๆของเจ้าได้แล้ว นากัล!!!”
เธอดันผมออกจากสวนอย่างเร็วสุดเท่าที่จะทำได้
เสียงหัวเราะแหบๆของท่านเซอซัสดังออกมา
แต่ ผมก็หุบยิ้มไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
---------------------------------------
เกร็ดประวัติศาสตร์: สวนลอยแห่งบาบิโลน สวนลอยแห่งนี้สร้างเมื่อประมาณ 600 ปี ก่อนคริสตกาล โดยก่อเป็นเนินสูงซ้อนกันเป็นชั้นสูง ๆ 100 เมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงแข็งแกร่งหนาถึง 7 เมตร
แต่ละชั้น สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และ ปลูกดอกไม้ พืชพันธุ์ต่าง ๆ ไว้จำนวนมาก พันธ์พฤกษ์สารพัดชนิดจากทุกมุมโลก รวมทั้งไม้ดอกและไม้เลื้อย บันไดกว้างขวางทำด้วยหินอ่อน ข้างบนเฉลียงของสวนลอยมีถังน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงน้ำพุ น้ำตก และสายน้ำต่าง ๆ บนสวนลอย
น้ำจำนวนมากมายนี้ สูบมาจากแม่น้ำยูเฟรติสโดยทาส โดยชักน้ำจากเบื้องล่างขึ้นไปสู้ชั้นสูงสุดแล้วปล่อยให้ ไหลลงมาสู่ชั้นต่าง ๆ เบื้องล่าง
พ่อค้าวาณิชที่เดินทางในทะเลทรายมาสู่เมืองนี้ จะได้เห็นสวนลอยแห่งนี้อยู่สูงเด่นเห็นแต่ไกล จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทิศรูป จาก set babylon ในหนังเรื่อง Alexander
=====================================
ขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกคนเลยค่ะ อ่านคอมเม้นแล้ว ไรท์เตอร์จะตั้งใจแต่งต่อไปนะคะ คอมเม้นช่วยให้กำลังใจมากๆเลยล่ะค่ะ
ปล. ตอบคำถามเล็กน้อยค่ะ...ในสมัย ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในเรื่อง journey of nergal เซทไว้ประมาณ 543 BC ค่ะ ยุคนั้น pederasty (การรักชอบหรือแม้แต่ร่วมรัก) กับเด็กวัย 12- 17 ปีเป็นเรื่องปกติในสังคมค่ะ แต่ถ้า อายุเกิน 17 แล้ว จะถูกสังคมครหา
พูดง่ายๆคือ มีการวางระเบียบ การรักชอบ หรือ เพศสัมพันธ์ เป็นรูปแบบที่ ผู้ใหญ่(18 up) กับ เด็กชาย (12-17) อย่างปกติค่ะ ที่ตลกมากคือ มีการ บังคับระบุ ผู้ใหญ่รุก เด็กรับชัดเจนด้วย ถ้าผิดตำแหน่งไป จะถูกสังคมครหาค่ะ ไรท์เตอร์ยังแปลบทความนี่ไม่เสร็จเลย...มันยากอะค่ะ ต้องขอเวลาหน่อยนะคะ