ตอนที่ 64
กรเวชเองก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อโผล่เข้าไปในบ้านพักหลังกลางแล้วเจอกับพลุกระดาษสีเข้าเต็มตัว
“สุขสันต์วันเกิดกร!”
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่กร!”
กรเวชถึงกับน้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน ความจริงเขาเองก็เกือบลืมวันเกิดตัวเองเหมือนกันเพราะวันนี้งานยุ่งตั้งแต่เช้า พอนึกได้ก็ได้แต่ปล่อยผ่าน อีกทั้งยังอยู่ต่างแดนก็ไม่สะดวกที่จะไปทำบุญตักบาตรเหมือนทุกปีและไม่คิดว่าจะมีใครจำวันเกิดเขาได้
“ที่คุณเขมพาพวกเรามาเชจูก็เพื่อฉลองวันเกิดให้กรเลยนะเนี่ย” ไมตรีบอกยิ้มๆ ขณะที่เขมชาติก็ได้แต่ยิ้มกว้างให้เมื่อกรเวชเข้าไปกอดขอบคุณ
“ขอบคุณครับคุณเขม”
“ไม่เป็นไรน่า ผมต่างหากต้องขอบคุณกรที่ช่วยงานผมไว้ตั้งมากมาย ถ้าไม่ได้กรนะผมแย่แน่ๆ”
“ในฐานะเจ้าของวันเกิด คืนนี้ ไม่คลานไม่เลิก เอ้าเฮ้!” ผู้ช่วยของทรงเผ่าอีกคนซึ่งถือว่าอาวุโสที่สุดคว้าแก้วเหล้ามาจ่อถึงปากกรเวช
กรเวชถูกลากไปกลางวง แล้ววงร่ำสุราก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เหล้าและอาหารถูกจัดไว้พรั่งพร้อม แสดงว่าเขมชาติได้โทรมาบอกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
“เอ้าโชนนนนน” ไวยากรณ์วิ่งไปชนแก้วกับคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะกรเวชนั้น โดนกรอกบ่อยที่สุด ในฐานะเจ้าของวันเกิด
“เฮ้ย! ริว กินน้ำอัดลมได้ไงวะ วันเกิดพี่กรทั้งที มานี่เลยมาๆ ไม่กินไม่ใช่น้องพี่” ไวยากรณ์โวยวายเมื่อหันมาเห็นริวกินน้ำอัดลมอยู่คนเดียว แล้วพยายามจะเอาแก้วเหล้าของตัวเองมาจ่อปากริว
“หยุดเลยไวย์! เดี๋ยวน้องเมา” ตะวันเอ็ดเสียงเขียว ทำให้ไวยากรณ์ชะงักกึก
“อารายง่าพี่ตะวัน ผมจะให้น้องกินนิดๆหน่อยๆเอง” ไวยากรณ์หันไปทำปากยื่นใส่ตะวัน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาไม่กลัวตะวันเหมือนเคย แต่กล้าเถียงเพราะรู้ดีอยู่ว่าตะวันเองก็ค่อนข้างตามใจเขาไม่น้อย ถึงจะไม่เท่าที่ตามใจริว แต่ไวยากรณ์ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นน้องรักสุดของตะวัน
“ลืมไปหรือเปล่าว่าน้องไม่สบายอยู่ ถ้าน้องเป็นมากขึ้นมากลางดึก รับผิดชอบได้มั๊ย” ตะวันเอ็ดเสียงเขียว แล้วเท้าความไปถึงโรคเกลียดสัมผัสของริว จริงอยู่ว่าริวไม่มีอาการมานาน แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับรองว่าจะไม่เป็นขึ้นมาอีก
“โหย...ไรอ่ะ...งั้นพี่ไผ่ละกัน น้องเลิฟกินไม่ได้พี่ไผ่กินแทน”
“เอ้า! เกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” พสุค้านเสียงอ่อย เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ยอมกิน ยังไงไวยากรณ์คงต้องหาทางบังคับให้ริวกินจนได้
“ไม่รู้แหละ พี่ต้องกินแทนริวนะ ไม่งั้นผมกรอกริวจริงๆ ด้วย” ไวยากรณ์ปรี่เข้าไปล็อคคอริวเอาเหล้าจ่อปากเหมือนจับริวเป็นตัวประกันจนคนอื่นๆ พากันหัวเราะขำ
“เมาแล้วไวย์” ตะวันส่ายหน้าอย่างระอาแล้วพยายามจะลากไวยากรณ์ออกมาให้พ้นริว แต่ไวยากรณ์ก็หันไปหาพสุแทน
“ไม่เมา พี่กินเลยกินเลย” ไวยากรณ์จ่อแก้วถึงปาก พสุได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ยอมกินเพื่อตัดปัญหา
“อุ๊บ! แค๊ก! ทำไมชงเข้มขนาดนี้ไวย์ เดี๋ยวก็เมาตายพอดี” พสุถึงกับสำลัก ไม่นึกว่าไวยากรณ์จะชงเหล้าเข้มขนาดนี้ มิน่าเด็กหนุ่มถึงเมาเร็วเหลือเกิน
“นิดหน่อยน่าพี่ ทำเป็นคอแป๊บไปได้...ระดับพี่แล้วผมไม่เชื่อหรอกว่าแป๊บเดียวจอดอ่ะ...เน้อพี่ตะวันเน้อ” ไวยากรณ์หันไปอ้อนตะวันเลยโดนดีดหน้าผากร้องอู้กลับมา
“อารายยย ครายคอแป้บบบบบ...ไผ่เหรอคอแป๊บอ่ะ” เสียงอ้อแอ้จนลิ้นพันกันนำมาก่อน แล้วกรเวชก็ลุกมายืนโงนเงนหน้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้าพสุ
“โหพี่กร ยืนแทบไม่อยู่แล้วพี่” พสุอุทานแล้วขยับจะประคองแต่กรเวชถอยหลังหลบแบบเซๆ
“เฮ้ย! พูดเง้ดูถูกกานนี่หว่า มาเลยไผ่ มาเลย ชนกันสักแก้วแบบเพียวๆ ให้รู้กานไปว่าครายมันคออ่อน”
“ผมไม่ไหวแล้วพี่” พสุรีบปฏิเสธ แค่แก้วของไวยากรณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เขาหัวหมุนไปหมดแล้ว แม้จะเคยดื่มอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ดื่มบ่อยและหนักอย่างนี้ จึงเริ่มรู้ตัวว่าเขาเองก็ชักเมาแล้ว
“ไม่ไหวม่ายด้าย วันนี้วานเกิดครายรุป่ะ” กรเวชตบอกตัวเองปุๆ ท่าทางนักเลงจนคนอื่นๆ ฮา
“วันเกิดพี่กรครับ” พสุตอบเสียงอ่อยๆ เริ่มเห็นแววแพ้รำไร
“ช่ายๆ แล้วจากล้าขัดจายเจ้าของวานเกิดม๊าย”
“แต่...”
“จัดมาไวย์ อย่าได้ช้า”
“จัดไปเพ่” ไวยากรณ์รินเหล้ามาเกือบเต็มแก้วโดยไม่ผสมอะไรเลยนอกจากน้ำแข็ง แล้วส่งให้พสุกับกรเวชคนละแก้ว พสุทำท่าจะค้านแต่ติดที่กรเวชทำหน้ามู่ทู่อยู่ตรงหน้า ก็จำต้องชนแก้วกับกรเวช
“รวดเดียวหมดปายเลย...หมดแก้วๆๆ” กรเวชร้องเชียร์ มีไวยากรณ์เป็นลูกคู่ ทำให้พสุจำต้องดื่มลงไปจนหมดแก้ว สร้างความพอใจให้เจ้าของวันเกิดอย่างมาก
“เจ๋งๆ อย่างเน้เจอกานหน่อย” กรเวชปักหลักชนแก้วกับพสุ ขณะที่ไวยากรณ์ก็มีหน้าที่ชงเหล้าส่งซ้ายขวา
ริวจ้องมองพสุเขม็งด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นพสุยังคงมีสีหน้ายิ้มๆ ขณะชนแก้วกับกรเวชและทีมงานคนอื่นๆ ก็เลยไม่กล้าห้ามปราม ได้แต่คอยมอง
“ริว...สักแก้วน้องสักแก้ว” พี่เหิมผู้อาวุโสสูงสุดของทริปนี้ ปราดมายื่นแก้วถึงตรงหน้า ริวได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับแก้ว
“เอ้ยยยย เพ่เหิม น้องริวมานเกนล้าวม่ายด้ายยยย จาห้ายกินต้องห้ายเพ่ผ่ายเกนนน” ไวยากรณ์บอกเสียงอ้อแอ้ลิ้นพันกันจนริวงงเพราะฟังไม่รู้เรื่อง แต่พี่เหิมดันเข้าใจเพราะพี่เหิมหันไปส่งแก้วให้พสุแทน
“กินแทนน้องมันหน่อยดิ๊ไผ่”
พสุไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มตาเยิ้ม หน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มรับแก้วไปจิบแต่กลับโดนพี่เหิมดันก้นแก้วจนต้องดื่มรวดเดียวหมด ไม่อย่างนั้นเหล้าคงหกรดตัว
“เจ๋งคอดว่ะไผ่ เจ๋งสุดๆ...อีกสักแก้ว คราวนี้เพื่อพี่เหิมโดยเฉพาะ” เหล้าสีอำพันเข้มข้นถูกยื่นมาจ่อถึงปากพสุอีกที ริวหน้าเสีย อยากห้ามแต่เกรงใจพี่เหิม หันไปหาตัวช่วยก็เห็นนั่งเอียงกระเท่เร่กันหมด พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าแก้วใบนั้นเหลือแต่น้ำแข็งแล้ว
“แต้งกิ้วน้องรัก ให้มันได้อย่างนี้สิ ไว้วันหลังเราไปกรึ๊บๆ กันนะเว้ยไผ่ คอแข็งแบบนี้พี่ชอบ”
พสุไม่ตอบ แต่ยิ้มให้เหมือนเดิม ขณะที่พี่เหิมเดินถือแก้วเปล่ากลับไปที่โต๊ะตัวเอง
เพราะเล่นชงเหล้าหนักมือกันตั้งแต่หัวค่ำ ยังไม่ทัน 4 ทุ่ม ก็มีคนฟุบไปหลายราย หนึ่งในนั้นก็คือกรเวช ส่วนไวยากรณ์นั้นแม้ไม่ถึงกับฟุบแต่ก็เมาจนพูดไม่เป็นคำแล้ว
“อ้าว! เมากลิ้งกันหมดแล้ว” เขมชาติทักยิ้มๆ โต๊ะของเขมชาติกับทรงเผ่านั้น จัดเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปวุ่นวายด้วย พวกเขาดื่มไปคุยกันไปแบบสบายๆ พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าหลายคนนอนฟุบกับโต๊ะไปแล้ว
“งั้นก็พอแค่นี้ดีกว่ามั๊ย พี่ว่าเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่า” ทรงเผ่าบอกแล้วลุกขึ้นเข้าห้องนอนโดยไม่มีแม้แต่อาการเซ เหมือนๆ กับไมตรีและเขมชาติ ส่วนคนอื่นๆ ทั้งเมามากเมาน้อย ต่างก็หอบหิ้วเพื่อนกลับไปบ้านพักของตัวเอง
ธีรดลช่วยหิ้วปีกกรเวช ส่วนไวยากรณ์นั้นยังพยายามจะกินต่อทั้งที่เดินไม่ตรงทางจนเดือดร้อนตะวันต้องลากไป
“พี่ไผ่...เรากลับกันเถอะครับ” ริวหันไปชวนเพราะเห็นคนอื่นๆเริ่มทยอยกลับแล้วแต่พสุยังนั่งเฉย
“อืม...” พสุรับคำแล้วยันตัวลุกขึ้น แต่กลับเอียงทรุดจนเกือบล้มคว่ำลงไป ดีว่าริวคว้าตัวเขาไว้ทัน
“พี่! เป็นอะไรครับ” ริวอุทานด้วยความตกใจ แล้วกอดพสุไว้แน่น จนชายหนุ่มยันตัวเองให้ยืนตรงได้อีกครั้ง
“สงสัย...จาเมา” พสุตอบเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างไม่มีเหตุผล
ริวมองหน้าแดงซ่าน ตาฉ่ำเยิ้มของพสุแล้วถึงกับอึ้ง พสุดูนิ่งๆ เหมือนไม่มีความผิดปกติใดๆ นอกจากหน้าแดงๆ เท่านั้น ไม่คิดว่าจะเมาขนาดทรงตัวไม่อยู่ เด็กหนุ่มประคองพสุกลับบ้านพัก ทั้งที่ใจจริงอยากอุ้มกลับไปมากกว่า แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เกรงว่าพสุจะโกรธ ยังดีที่บ้านพักอยู่ห่างกันไม่มากนัก เมื่อไปถึงนั้นทั้งห้องของตะวันและธีรดลก็พากันปิดห้องนอนไปหมดแล้ว
ริวค่อยๆผ่อนตัวพสุลงบนเตียงแล้วเข้าไปหาถังน้ำใบเล็กๆ มาใส่น้ำเช็ดหน้าให้พสุ
“อื้อ...ร้อน...จาอาบน้ำ” พสุบ่นแล้วพยายามกระชากเสื้อที่สวมอยู่ออก แต่ริวแย่งปลดกระดุมให้เสียก่อน พสุถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน แล้วพยายามจะลุกไปห้องน้ำแต่ไปไม่ไหว ริวจึงต้องเป็นฝ่ายประคองชายหนุ่มไปส่งถึงอ่างอาบน้ำ
พอลงไปในอ่างอาบน้ำอุ่นๆ ได้ พสุก็ทำท่าเหมือนจะหลับคาอ่าง จนริวต้องเข้ามาปลุก
“พี่ๆ...ไปนอนในที่นอนเถอะครับ” ริวเขย่าไหล่เปลือยเปล่าของชายหนุ่ม พสุปัดมือออกแล้วตอบงึมงำอยู่ในลำคอ
“ฮื้อ...พี่จาอาบน้ำ”
“ก็อาบสิครับ พี่จะหลับแล้วเนี่ย” ริวบอกแล้วดึงตัวพสุให้ลุกขึ้นนั่ง
“อืม...” พสุรับคำแต่นั่งคอพับคออ่อนอย่างไม่มีสติ
“พี่ไผ่...พี่ครับ” ริวตัดสินใจอาบน้ำให้พสุ เด็กหนุ่มลูบสบู่เหลวไปตามเนื้อตัวของพสุแล้วขัดเบาๆ ด้วยฟองน้ำ ก่อนจะปล่อยน้ำออกจากอ่างแล้วประคองพสุลุกขึ้นยืนเพื่อล้างตัวใต้ฝักบัว
“...พี่อาบเองด้ายยยย” พสุลากเสียงยาวแล้วพยายามจะดันตัวริวออก
“พี่ยืนไม่อยู่แล้วนะครับ ให้ริวช่วยเถอะ เดี๋ยวล้ม”
“ม่ายต้อง...ฮื้อออ” พสุพยายามจะปัดมือริวออกไป แต่ตัวเองกลับทรงตัวไม่อยู่ ริวรีบคว้าตัวพสุไว้ แต่น้ำหนักของพสุที่โถมทับลงมาทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่ จนลื่นล้มลงไปในอ่างด้วยกันโดยริวเอาตัวรองรับไว้เพราะกลัวพสุเจ็บ
ปึ้ก!
“โอ๊ย!”ริวอุทานด้วยความเจ็บ พสุล้มกระแทกลงมายังไม่เท่ากับที่ศอกเขากระแทกกับขอบอ่าง พสุชะงักค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น
“ริววว...เปนราย...เจ็บหรอ...หัวโขกหรอ” พสุถามพลางดึงศีรษะริวมาแหวกๆ ผมดูจนเด็กหนุ่มต้องยึดข้อมือชายหนุ่มไว้
“ไม่ใช่หัวครับ ศอกกระแทก”
“หรอ...เจ็บมากมั๊ย...ฮื้อออ แย่จริง เจ็บตัวพ้อพี่แท้ๆ” พสุบ่นเสียงอ้อแอ้แล้วดึงริวเข้ามากอดไว้ จนใบหน้าของเด็กหนุ่มแนบอยู่กับอกเปล่าเปลือย ริวเผลอสูดกลิ่นสบู่หอมๆ เข้าไปเต็มปอด เนื้อตัวเกือบเปลือยที่เขากอดอยู่ลื่นปราดด้วยฟองสบู่ ริวรีบเปิดฝักบัวให้ไล่ฟองออกไปจากพื้นอ่างน้ำ เพื่อให้หายลื่น
“พี่ยืนดีๆนะครับ ล้างสบู่ออกให้หมดก่อน” ริวลุกขึ้นช้าๆ แขนเขาปวดหนึบๆ แต่เท่าที่ลองเคลื่อนไหวดูก็คงไม่ถึงกับกระดูกหักเพราะยังขยับได้ เพียงแต่เจ็บจนร้าวไปทั้งแขนเท่านั้น
พสุยืนนิ่งยอมให้ริวล้างคราบสบู่ออกจากตัวจนหมด แล้วนั่งบนขอบอ่างพิงข้างฝารอให้ริวสวมเสื้อคลุมให้แต่โดยดี ไม่ขัดขืนแม้แต่ตอนที่ริวสอดมือเข้าไปในชุดคลุมเพื่อดึงกางเกงในเปียกๆ ออกจากตัวของเขา
ริวก้มดูเสื้อผ้าเปียกโชกของตัวเองแล้วก็ถอนใจ เขาออกไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะพื้นข้างนอกเป็นพื้นอุ่น เด็กหนุ่มเหลียวไปมองพสุอีกรอบ บริเวณที่พสุนั่งรอเป็นส่วนที่กว้างที่สุดของอ่าง แถมยังนั่งพิงฝาจึงไม่ต้องกังวลว่าพสุจะล้มกลิ้งลงไป อีกอย่างก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะกระเด็นไปโดนด้วย
ริวรีบถอดเสื้อผ้าออกอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แม้จะเขินอายที่ต้องเปลือยกายในขณะที่มีใครอีกคนอยู่ในห้องน้ำด้วย แต่เพราะเป็นห่วงพสุเกินกว่าจะปล่อยให้เดินออกไปเอง เด็กหนุ่มจึงจำต้องข่มความอายไว้
พสุนั่งพิงผนังเย็นเฉียบแล้วหลับตาเพราะรู้สึกว่ารอบตัวไหวโคลงไปหมดจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง จนกระทั่งรู้สึกถึงอ้อมแขนที่ประคองเขาลุกขึ้นอีกครั้ง ริวประคองพสุไปวางบนเตียงแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อย คืนนี้คงต้องปล่อยให้พสุนอนทั้งที่สวมแต่เสื้อคลุมนี่แหละ เพราะคงไม่เหมาะที่จะปลุกพสุให้ตื่นขึ้นมาอีกรอบเพื่อมาใส่เสื้อผ้า เด็กหนุ่มล็อคประตูแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พสุก็พลิกตัวกลับมาหาทันที ริวก้มมองใบหน้าที่ซุกกับอกเขาด้วยความรู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะอาบน้ำแล้ว แต่ใบหน้าของพสุก็ยังแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปากอิ่มแดงจัดดูชุ่มชื้นจนริวเผลอจ้องมองนิ่งงัน นึกถึงสัมผัสร้อนรุ่มที่พสุมอบให้ในคืนที่เขาโดนวางยาแล้วหัวใจก็เต้นรัว แม้คืนนั้นเขาจะควบคุมร่างกายไม่ได้ แต่ก็จำทุกสัมผัสได้ชัดเจน
เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไปช้าๆ แม้จะกลัวว่าพสุจะตื่นขึ้นมา แต่รสหอมหวานที่ยังซ่านในอกก็ทำให้เขาหมดความยับยั้งชั่งใจ ปากของพสุนุ่มและอุ่น ริวแนบปากประกบชิดเบียดคลึงด้วยริมฝีปากแผ่วเบาแล้วผละออก แต่พสุก็ยังคงนอนนิ่งลมหายใจสม่ำเสมอ ริวใจเต้นแรงเมื่อค่อยๆ แนบปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เด็กหนุ่มค่อยๆ ดันริมฝีปากของพสุให้เผยอออก ลมหายใจร้อนๆ ที่พุ่งออกมาทำให้ริวตัวสั่น แต่เด็กหนุ่มกลับสอดลิ้นเข้าไปในปากของพสุ ทันทีที่ปลายลิ้นแตะโดนพสุก็หดลิ้นหนีแล้วเบี่ยงหน้าหลบ แต่ริวประคองหน้าของชายหนุ่มไว้แล้วแนบปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากแต่ส่งลิ้นเข้าไปควานหาลิ้นของพสุ ทันทีที่ปลายลิ้นกอดเกี่ยวกัน ความรู้สึกเสียววาบจากปลายลิ้นจนถึงช่องท้องพาให้เด็กหนุ่มชะงัก สัมผัสแปลกใหม่ไม่เพียงทำให้เนื้อตัวเขาร้อนวูบแต่ยังทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก
ริวกอดเกี่ยวลิ้นของพสุไว้อย่างเงอะงะ แม้จะจำรสสัมผัสได้แต่เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มืออุ่นก็ยกขึ้นกดท้ายทอยเขา แล้วปลายลิ้นของพสุก็กลับเป็นฝ่ายกอดเกี่ยวตอบสนอง
“อืม...” เสียงพสุครางเบาๆ ขณะที่ปากร้อนตามประกบติด ไม่เพียงแค่รุกไล่ลิ้นของเด็กหนุ่ม พสุยังกวาดลิ้นลูบไล้ไปทั่วโพรงปากของริว สำรวจทุกซอกทุกมุมอ้อยอิ่งเนิบช้า จนริวรู้สึกเหมือนจะขาดใจเพราะพสุไม่ยอมถอนปากออกสักทีจนเขาไม่มีอากาศหายใจ
ทันทีที่พสุถอนปากออก ริวก็หอบหายใจตัวโยน ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างหู
“หึหึ...หายใจด้วยจมูกสิเด็กน้อย” พสุกระซิบบอกตาปรือ แล้วดึงริวลงมาจูบใหม่ บทเรียนสดๆ ร้อนๆ ที่ได้รับทำให้ริวรู้จักที่จะตอบสนอง เมื่อพสุกอดเกี่ยวลิ้นริวก็กอดเกี่ยวตอบ ไม่ว่าพสุจะขยับลิ้นไปทางไหนริวก็ตามติด เสนอและสนองจนพสุเป็นฝ่ายครางเบาๆ
“เก่งใหญ่แล้วนะเรา...” เสียงพสุบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพลิกตัวขึ้นทาบทับอยู่บนตัวริว เด็กหนุ่มนอนตัวแข็งเมื่อปากอุ่นๆ พรมจูบไปตามสันกราม ใบหู แล้วลากลงมาตามลำคอช้าๆ ริวตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกนอกจากกอดพสุไว้ ขณะที่ชายหนุ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว ผิวเนียนละเอียดแม้จะไม่นุ่มนวลเหมือนสตรี แต่ความเนียนของผิวทำให้พสุแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ชายหนุ่มลากจุมพิตจากซอกคอขาวลงไปหาแผ่นอกแน่นตึง แม้เนินเนื้อนูนแบนแข็งไม่อวบหยุ่นเหมือนสตรีแต่พสุก็ยังลูบไล้นวดเฟ้นแผ่วเบา ก่อนจะไล้เลียยอดสีสดเบาๆ เหมือนจะชิมรสชาติ
ริวสะดุ้งเฮือก แผ่นหลังเดาะลอยขึ้นตามปากของพสุ เด็กหนุ่มรู้สึกหัวหมุนใจโลดแรงเหมือนตอนที่เขาเมาเหล้า เพียงแต่ร่างกายเขากำลังเมารสสัมผัสของพสุ เสียงครางเบาๆ และร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนกของริวเหมือนจะไปกระตุ้นให้พสุยิ่งฮึกเหิม ชายหนุ่มลูบมือลงไปตามหน้าท้องเนียนแน่น แล้วลูบผ่านหน้าท้องลงไปยังหน้าขา ขณะที่มือลูบไล้ สะโพกของพสุก็บดเบียดกับริวจนเด็กหนุ่มต้องครางเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน เสื้อคลุมที่พันทบไว้หลวมๆ เปิดแยกออกไปนานแล้ว ทุกสัดส่วนที่สัมผัสกันจึงมีแต่เนื้อแท้ๆ
ความเมาทำให้พสุสานต่อไม่ไหว ชายหนุ่มฟุบหน้าลงบนอกกว้างนิ่งขณะที่ฝ่ามือยังลูบวนอยู่บนหน้าขาของริว ริวหอบหายใจแรง เขาหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้อีกแล้ว
เด็กหนุ่มดันร่างของพสุให้พลิกนอนหงายแล้วเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับ ปากบางแนบจูบไปบนผิวขาวแบบเดียวกับที่พสุทำ ตั้งแต่ซอกคอ ใบหู จนถึงเนินอกนูนเด่น พสุเป็นคนที่มีกล้ามอกสวย ยอดอกเม็ดเล็กสีสดชูชันเหมือนรอคอยให้สัมผัส ริวแนบจูบเบาๆ ก่อนจะลองอมไว้ในปากแล้วขบเม้มดูดกลืน ยิ่งได้ยินเสียงพสุครางเด็กหนุ่มก็ยิ่งเตลิด ริวบดปากและลิ้นฟอนเฟ้นยอดอกจนพสุต้องแอ่นตัวขึ้นหา ขณะที่มือก็ดึงศีรษะของริวให้แนบชิดยิ่งขึ้น ริวลูบไล้กล้ามเนื้อตึงแน่นของพสุจากหน้าอกลงไปหาหน้าท้อง แล้วลูบไล้ไปบนเนื้อร้อนจัดที่บดเบียดอยู่กับหน้าท้องของเขา
สะโพกของพสุกระตุกเมื่อริวลูบมือผ่านส่วนร้อนจัดของเขา เด็กหนุ่มใจเต้นแรงขณะนึกทบทวนถึงสิ่งที่พสุทำกับเขาในคืนนั้น
พสุขยับตัวกระสับกระส่าย ฝ่ามือนุ่มๆ ของริวลูบไล้แผ่วเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนกลายเป็นความทรมาน ชายหนุ่มป่ายมือลงกุมมือริวแล้วขยับแบบที่ใจต้องการทั้งที่เปลือกตายังปิดพริ้ม...
“อืม...อา...” พสุหลุดเสียงครางกระเส่า ก่อนจะเกร็งกระตุกขึ้นทั้งตัวเมื่อได้ปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วดิ่งลงสู่ห้วงนิทราด้วยฤทธิ์กดประสาทของแอลกอฮอล์
ริวเบิกตากว้าง สายตาจับจ้องทุกอิริยาบถของพสุแทบไม่กระพริบตา ทั้งใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาหลับพริ้ม เสียงครางกระเส่า และกล้ามเนื้อที่เกร็งจนเป็นระรอกไปทั้งตัวก่อนที่พสุจะปลดปล่อยออกมาเปียกชุ่มเต็มฝ่ามือเขา
ภาพและเสียง รวมถึงสัมผัสร้อนซ่าน พาเด็กหนุ่มยิ่งเตลิด ริวแนบตัวลงบนตัวเปียกเหงื่อชุ่มของพสุ ไม่สนใจคราบเปรอะเปื้อนบนมือและหน้าท้องของพสุ ไม่สนใจแม้แต่ความปวดร้าวกึ่งกลางกายของตนเอง
เด็กหนุ่มจ้องมองวงหน้าแดงระเรื่อของพสุนิ่ง แล้วค่อยๆ แนบจุมพิตแผ่วเบา ตั้งแต่หน้าผาก คิ้วเข้ม ลงมาบนเปลือกตาแล้วแตะจูบเบาๆ บนขนตายาวเป็นแผง จมูกโด่งเป็นสัน และบนสองแก้มอุ่น ก่อนจะแนบประกบปากลงบนปากนุ่มบดเคล้าเบียดชิมรสหวานซ่านในอกอีกครั้ง แม้ครั้งนี้พสุจะไม่ได้สนองตอบเหมือนครั้งแรก แต่ริวก็บดเคล้าจูบคลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหลงใหล
“พี่จ๋า...ริวรักพี่ ริวรักพี่นะ” ริวกระซิบชิดปากแดงจัด แล้วบดจูบซ้ำ
“อืม...” พสุครางเบาๆ ราวกับรับรู้สิ่งที่ริวพูด ท่อนแขนแข็งแรงตวัดตัวริวเข้าไปกอดแล้วซบหน้ากับผมนุ่มของเด็กหนุ่มหลับไปอีก ริวกอดรอบเอวเปล่าเปลือย เบียดตัวเองเข้ากับผิวอุ่นซ่านของพสุ ขณะจูบเบาๆ บนแผ่นอกที่เขาซุกซบอยู่ ทุกครั้งที่เขาขยับตัว สัมผัสเสียดสีจะสร้างความเสียวซ่านจนอยากจะปลดปล่อยตัวเองให้ถึงที่หมาย แต่อีกใจกลับเพลิดเพลินในรสสัมผัสวาบหวามที่แสนทรมานนี้ ริวจึงเลือกที่จะกอดจูบและบดเบียดเนื้อตัวกับพสุไปเรื่อยๆ แทนที่จะพาตัวเองไปให้ถึงความต้องการให้เร็วที่สุด......
......................................