Hilight & Deep shade by HAKURO
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hilight & Deep shade by HAKURO  (อ่าน 20088 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Hilight & Deep shade by HAKURO
« เมื่อ30-07-2010 13:09:57 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

...

เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็น 1 ในหลายๆ เรื่องที่HAKURO เป็นคนแต่งขึ้น  เนื้อหาและใจความมาจากจินตนาการล้วนๆ
หากเพื่อนๆ ชอบใจในสำนวนที่ HAKURO เขียน ก็ช่วยเม้นท์กันหน่อยนะคะ  จะได้เอาเรื่องสนุกๆ อื่นๆ มาให้อ่านกันอีกคะ

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 08:05:17 โดย THIP »

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 1
«ตอบ #1 เมื่อ30-07-2010 13:24:06 »

ท่ามกลางเสียงดนตรีดังสนั่นและเสียงพูดคุยเอะอะโวยวายของบรรดาหนุ่มสาวในงานปาร์ตี้  โอโนเสะ  จุน  หรือเจของเพื่อน ๆ...เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่และผมสีทองเหมือนเด็กเกเรนั่งจิบเครื่องดื่มในมืออย่างสบายอารมณ์  ทักทายคนนั้นคนนี้บ้างตามแต่ใครจะเดินเข้ามาคุยด้วย  บรรยากาศในงานปาร์ตี้เป็นกันเองด้วยเป็นงานเลี้ยงของคณะซึ่งเช่าเหมาผับกึ่งร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่จัดเลี้ยง  ผ่านมาค่อนคืนแล้ว  ทุกคนในปาร์ตี้ก็เริ่มจะมึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดวดกันเข้าไปหลายขนานและยิ่งส่งเสียงเฮฮาโวยวายมากกว่าตอนเริ่มงานใหม่ ๆ มากนัก

แต่ท่ามกลางความสนุกสนานจนเกือบจะสับสนอลหม่านนั้น  สายตาของชายหนุ่มกลับแวะไปจับที่จุดหนึ่งบ่อย ๆ
ที่มุมหนึ่งของร้าน  ร่างร่างหนึ่งนั่งนิ่งอยู่กับพื้น  ในมือมีแก้วเครื่องดื่มสีสวย  แต่ดูเหมือนคนที่ถือมันไว้จะไม่ใส่ใจที่จะดื่มมันเท่าไรนัก  ร่างเพรียวบางกอดเข่าพลางทอดสายตาเหม่อซึมมองพื้นคอนกรีตตรงหน้าราวกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงนั้น  บรรยากาศรอบตัวชองร่างนั้นนิ่งเฉยซึมเซาราวกับว่า ณ ที่ตรงนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานเลี้ยง


อิโนะอุเอะ  คิโยโนบุ...คือชื่อของผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้น


ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เจจำชื่อนั้นได้  ทั้งที่อิโนะอุเอะเป็นคนเงียบเฉยจนถึงขั้นเย็นชา  ไม่สนใจคนรอบตัวใด ๆ ทั้งนั้น  แม้ใบหน้าได้รูปจนออกหวานนั้นจะเป็นที่ต้องตาหญิงสาวทั้งในคณะและนอกคณะมากมาย  แต่ความเฉยเมยถึงที่สุดนั้นทำให้สาว ๆ ทั้งหลายต่างก็ยอมแพ้  ถึงจะมีคนเคยตามตื๊ออยู่บ้าง  แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกลาไปเอง...ไม่ใช่แค่กับผู้หญิงเท่านั้นหรอก  มีข่าวลือว่าชายหนุ่มหลายคนก็ถูกใจและเคยตามตื๊ออิโนะอุเอะเหมือนกัน

เจส่ายหน้าเมื่อคิดว่าตัวเองจะถูกรวมเอาไว้ในกลุ่มผู้ชายพวกนั้นด้วย  แต่ก็ไม่รู้สินะ...แม้อิโนะอุเอะจะพยายามทำตัวเหมือนอากาศธาตุ  พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากสักเท่าใด...ความไร้ตัวตนนั้นกลับยิ่งดึงดูดให้เจสนใจมากขึ้นเท่านั้น  แต่ก็ไม่เคยเข้าไปคุยด้วย...ด้วยบรรยากาศรอบตัวอิโนะอุเอะนั้นเหมือนกับมีกำแพงกั้นอยู่  กั้นตัวเองออกจากทุกสิ่งรอบด้านทั้งมวล  และเมื่อเจ้าตัวพอใจที่จะเป็นอย่างนั้น  เจก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขาคนนั้นเหมือนที่คนอื่นเคยทำ

มีเพียงความสงสัยที่คาอยู่ในหัวใจ...ทำไมอิโนะอุเอะถึงได้ปิดกั้นตัวเองมากขนาดนั้น


นาฬิกาชี้บอกเวลาเลยตี 3 มานิดหน่อยแล้ว  หนุ่มสาวในงานปาร์ตี้เริ่มบางตาลงด้วยหลายคนได้กลับบ้านไปบ้างแล้ว  ที่ยังเหลืออยู่ส่วนมากก็เป็นพวกคอแข็งหรือพวกที่กลับเองไม่ไหวและรอให้เพื่อนพากลับบ้าน

สุดท้าย  งานเลี้ยงก็เลิกรา  เจซึ่งอยู่ในข่ายพวกคอแข็งยังประคองสติตัวเองได้อยู่และพยายามปลุกเพื่อนหลายคนที่นั่งฟุบนอนฟุบอยู่ให้ลุกและเอาตัวเองกลับบ้าน  พลันสายตาก็เหลือบไปพบร่างเพรียวบางนั่งหลบมุมอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน  ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ  เขาคิดว่าอิโนะอุเอะกลับบ้านไปนานแล้วเสียอีก

อิโนะอุเอะนั่งกอดเข่าฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น  แก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้างตัวไม่ได้พร่องไปจากตอนที่เจสังเกตเห็นครั้งสุดท้ายมากนัก...เมาหลับอย่างนั้นหรือ...

มือใหญ่เอื้อมไปจับไหล่บางเขย่าเบา ๆ

“อิโนะอุเอะ  ตื่นเหอะ  งานเลิกแล้ว”

พูดเพียงแค่นั้น  หากร่างเพรียวกลับผวาเฮือกขึ้นทั้งร่างเหมือนตกใจสุดขีด  เล่นเอาคนปลุกตกใจไปด้วย  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตที่จ้องมองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ...ขอโทษ  ฉันแค่มาปลุกนายเพราะงานเลี้ยงเลิกแล้วน่ะ”  เจบอกเบา ๆ...เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจขนาดนี้เสียหน่อย
อิโนะอุเอะกวาดตาไปรอบ ๆ  มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติ  ก่อนจะถอนใจเบา ๆ แล้วลุกขึ้น  หากก็ซวนเซเหมือนจะล้ม  ทำให้เจต้องรีบคว้าแขนไว้
“เฮ้ย  ไหวมั้ย?”
อิโนะอุเอะสะบัดมือที่ยึดแขนเขาไว้แล้วกระชากตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว  ยกมือขึ้นกอดตัวเองแน่นและดูเหมือนจะสั่นน้อย ๆ ด้วยซ้ำ
“เอ่อ...”  เจอปฏิกิริยาแบบนี้เข้าไป  เจก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใคร ๆ ถึงได้ยอมถอยห่างออกจากหมอนี่
“ฉัน...ไม่เป็นไร  ขอบใจ”  เสียงแผ่วแทบจะไม่เกินกระซิบตอบมาเบา ๆ
“เมาเหรอ?  ให้ไปส่งมั้ย?”
“มะ...ไม่  ฉันกลับละ”  ขาดคำอิโนะอุเอะก็คว้ากระเป๋าที่กองอยู่ข้างตัวขึ้นมากอดแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าเจจะเรียกไว้ทัน
...นี่มันยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้เสียอีก  ไม่ใช่แค่ปิดกั้นตัวเอง  แต่ปฏิเสธทุกคนเลยต่างหาก...อะไร  ที่ทำให้หมอนั่นเป็นได้ถึงขนาดนี้...เจได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

...

อิโนะอุเอะ  คิโยโนบุนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านตอนเกือบตีสี่  แม้จะเรียกว่าบ้าน  แต่ก็หมายถึงห้องเช่าของแมนชั่นระดับกลาง ๆ แห่งนึ่ง  มือเรียวหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าและพยายามไขมันเปิดห้อง...เขาไม่ได้เมา  แต่มือของเขากลับสั่นอย่างช่วยไม่ได้

ที่อีกฟากหนึ่งของประตูนี้...มีใครคนนั้นอยู่...

แม้จะไม่อยากเข้าไป  แต่เขาก็รู้ว่าเขาหนีไปไหนไม่ได้  และใครคนนั้นก็ไม่มีวันยอมให้เขาหนีไปไหนได้

ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องที่มืดมิด  ยังไม่ทันได้เปิดไฟก็มีเสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ไปไหนมา  คิโยะ  ทำไมถึงกลับมาป่านนี้?”
อิโนะอุเอะยืนนิ่งอยู่หน้าประตู  กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น
“ทำไมไม่ตอบ?”
“...ไปงานเลี้ยงของคณะมา”  ชายหนุ่มเอ่ยออกไปในที่สุด
“งานเลี้ยง  อีกแล้วเหรอ?  ไม่ใช่ว่าไปให้ใครกอดมาอีกแล้วเหรอ?”  เสียงนั้นใกล้เข้ามา  อิโนะอุเอะรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลผ่านกลางหลัง
“มะ...ไม่ใช่...แค่งานเลี้ยง”  แม้ในห้องจะมืด  แต่อิโนะอุเอะรู้ดีว่าใครคนนั้นกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที
“จะเชื่อก็ได้...แล้ว  จะไม่เข้าห้องเหรอ?  เข้ามาสิ  คิโยะ”

ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ  ร่างเพรียวก้าวเข้าไปในห้องช้า ๆ อย่างระมัดระวัง  แล้วเทียนไขเล่มใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวก็ถูกจุดขึ้น  แสงสลัวสาดจับร่างร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะ  แสงเทียนสะท้อนดวงตาคมที่จ้องมาที่เขาเป็นประกายน่ากลัว...ร่างนั้น  เหมือนกับเขาทุกกระเบียด  ผิดกันก็แต่ดวงตาคู่นั้น...ดวงตาที่เหมือนจะกลืนกินและทำลายทุกอย่างคู่นั้น...

“มานี่สิ  คิโยะ”
“ไม่...พี่...”
“วางกระเป๋า  แล้วมานี่”
น้ำเสียงเรียบเย็น  ริมฝีปากอิ่มยกนิด ๆ เกือบจะเป็นรอยยิ้มเสียด้วยซ้ำ  แต่กลับทำให้คนที่ได้ยินต้องรีบทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“พี่...อย่า...ฉันไม่ได้...”
มือของอีกฝ่ายกระชากร่างเพรียวเข้าไปหา  จมูกโด่งซุกเข้าที่ซอกคอขาวแล้วสูดกลิ่นเบา ๆ
“เหม็นเหล้า...”
“ก็...แค่ดื่มนิดหน่อยที่งานเลี้ยง”
“กลับมาเกือบเช้าแบบนี้  ยังบอกว่าดื่มนิดหน่อยอีกงั้นเหรอ?”  ฟันเรียบขบลงบนเนื้อนวลแล้วกัดเน้นเบา ๆ  หากผู้ถูกกระทำสะดุ้งวาบ
“ดื่มแค่นิดเดียว...แล้วเผลอหลับไป...”
“หลับ?  เมาหลับ...หรือไปหลับอยู่บนอกใครมา?”
“พี่...ฉันไม่ได้ทำ  เชื่อสิ  ฉันแค่เผลอหลับไปเฉย ๆ”  อิโนะอุเอะพยายามผลักฝ่ายตรงข้ามออกห่างตัว
“อย่ามาแก้ตัว...เด็กไม่ดี  ดูเหมือนนายจะอยากให้ฉันทำโทษจริง ๆ สินะ”  ดวงตาคมปลาบจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างที่สั่นสะท้านราวกับงูสะกดเหยื่อ  สองมือขยุ้มต้นแขนของร่างเพรียวเกร็งบีบแน่น
“พี่...อย่า...ฉันไม่ได้ทำ...ได้โปรด...”

คำอ้อนวอนไม่เป็นผล  ชายหนุ่มถูกลากเข้าไปในห้องนอน  คัตเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือถูกหยิบมายัดใส่มือของร่างเพรียว
“จะทำเอง  หรือให้ฉันทำให้?”  พร้อมกับคำถามนั้นคือรอยยิ้มเย็นน่าสะพรึงกลัว
“พี่...ฉันไม่ได้ไปกับใคร  เชื่อสิ  ไม่ได้ไปกับใครมาจริง ๆ”  อิโนะอุเอะละล่ำละลักบอก
“ฉันเชื่อ  ว่านายไม่ได้ไปกับใคร  แต่ที่นายปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้...ก็ผิดมากพอแล้ว”
“ขอโทษ...”
“ทำซะ  เดี๋ยวนี้”  คำสุดท้ายเน้นเสียงเหมือนจะสั่ง
“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...พี่...”  ชายหนุ่มเอาแต่ส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น  มือที่ถือคัตเตอร์สั่นระริก
“ได้...งั้นฉันจะทำให้”

คมมีดคัตเตอร์กรีดลงบนข้อมือขวาของอิโนะอุเอะอย่างรวดเร็ว  เลือดสีแดงสดไหลปรี่ออกมาจากบาดแผล...เสียงหวีดร้องก้องไปในความมืด...หากไม่มีใครได้ยิน...

...


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 1
«ตอบ #2 เมื่อ30-07-2010 13:59:54 »

 :sad5: แนวไหนเนี่ย สงสาร "คิโยะ" จังเลย รออ่านต่อนะอยากรู้เพิ่ม

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 1
«ตอบ #3 เมื่อ30-07-2010 23:24:02 »

อุ๊ยว้าย~
ซาดิสต์

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 1
«ตอบ #4 เมื่อ31-07-2010 08:14:08 »

มีพี่เป็นโรคจิตเหรอ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Poes : ต้องตามอ่านคะ อย่าทิ้งไปกลางทางนะค่ะ

ohmpresto : ทั้ง 2 เรื่อง จะไม่มีการเผยแพร่ในเวปบอร์ดที่ไหนแล้วนะคะ  ตอนนี้ฮะได้ทยอยเอาออกเกือบหมดแล้ว  เพราะทั้งคู่ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่ม  คือ Kousoku พิมพ์ไปเมื่อเกือบ 3 ปี ส่วน Come Closer ก็กำลังเข้าโรงพิมพ์อยู่  วันนี้ก็รับจองวันสุดท้าย หลังวันที่ 8 ก็จะส่งหนังสือแล้ว  เป็นความตั้งใจของคนเขียนกับผู้จัดทำที่ว่า งานเมื่อเป็นรูปเล่มก็จะมีการตรวจแก้  เพิ่มเติมให้สมบูรณ์  และเป็นการให้เกียรติต่อผู้ซื้อไป  เลยจะไม่ทำการโพสท์ลงที่ไหนอีก HAKURO ฝากบอกมาว่าขอบคุณที่สนใจในงานของเขาคะ

Rinze : SM นิดๆ นะคะ

Roseen : เกือบถูกคะ ^^

x x x

ตอนที่ 2

เจเปิดประตูห้องเรียนเข้าไปแล้วกวาดสายไปมองไปรอบ ๆ  นั่นไง...อยู่ตรงนั้นจริง ๆ ด้วย  ร่างเพรียวบางนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวสุดท้ายของแถวหลังสุดด้านมุมห้อง  นั่งกอดกระเป๋าเอาวอล์คแมนยัดหูทอดสายตามองพื้นเหม่อซึมเหมือนจะวิเคราะห์อะไรสักอย่างบนพื้นนั่น...เหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเห็น

...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะ...ทำไมถึงปฏิเสธโลกขนาดนั้นนะ...

สงสัย...อย่ากระนั้นเลย  เขาไม่ใช่พวกที่ชอบเก็บความสงสัยอะไรไว้กับตัวนาน ๆ อยู่แล้ว  ลองดูดีกว่า...เผื่อจะได้คำตอบ
ร่างสูงก้าวฉับ ๆ ไปโยนกระเป๋าโครมลงบนโต๊ะข้าง ๆ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนสะดุ้งสุดตัวแล้วหันมามองอย่างรวดเร็ว
“นั่งด้วยนะ”  โดยไม่รอคำตอบ  เจก็ลงนั่งเดี๋ยวนั้น
อิโนะอุเอะขยับตัวอย่างอึดอัด  แล้วก็ลุกขึ้น  หากถูกคว้าแขนไว้
“จะไปไหนล่ะ?  นั่งตรงนี้แหละ  ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“...ไม่...ผม...”  อิโนะอุเอะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม  แต่มือที่แข็งยังกับคีมเหล็กไม่ยอมปล่อย
“แค่ขอนั่งด้วย  อย่าทำท่ารังเกียจกันแบบนั้นน่า  มันเหมือนฉันรังแกนายเลยนะ”  เจพูดพร้อมกับยิ้มให้
“...ปล่อย...”
“ถ้าปล่อยแล้วนายจะนั่งตรงนี้มั้ย?”
ไม่มีคำตอบ  หากคนถูกถามทำหน้าลำบากใจและยังไม่ละความพยายามที่จะดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ
“อาจารย์มาแล้ว  นั่งนี่แหละ  ไม่ต้องย้ายที่แล้ว”  เจออกแรงกระตุกเบา ๆ  คนที่เขายึดแขนไว้ก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมง่าย ๆ...นี่บอบบางและไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้เชียวหรือ...

อิโนะอุเอะทนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างจำยอม  ไม่มีสมาธิพอที่จะฟังอาจารย์บรรยายได้รู้เรื่อง  เขาไม่เคยนั่งใกล้ใครแบบนี้มาก่อน  แถมคนตัวโตที่นั่งข้าง ๆ นี่ก็ยังคอยมองมาอยู่เรื่อย...อย่า...อย่ามองเขาแบบนั้น  อย่าให้ความสนใจเขา...ปล่อยเขาไว้คนเดียวเถอะ...

“นี่...ไม่จดเหรอ  ตรงนี้เรื่องสำคัญนะ”  เจถามขึ้นเบา ๆ
มือเรียวที่ถือปากกาสั่นระริก...ไม่รู้...เรื่องสำคัญเหรอ...เขาไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ...

กระทั่งหมดชั่วโมง  หน้าสมุดโน้ตของอิโนะอุเอะว่างเปล่า  ไม่มีแม้ตัวหนังสือสักตัว  เจได้แต่มองแล้วก็ถอนใจ...เพราะเขามานั่งตรงนี้สินะ...
“บ๊ะ...เดี๋ยวเอาโน้ตของฉันไปก็อปปี้แล้วกัน  ป่ะ  ไปด้วยกัน  นายไม่ได้ลงเรียนคาบต่อไปใช่มั้ย?”
ดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงแล้วรีบหลบตาอย่างรวดเร็ว  “ไม่...ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ไง  เพราะฉันมานั่งตรงนี้ใช่มั้ย  นายถึงได้ไม่มีสมาธิจะเรียนน่ะ  โทษทีนะ  มันเป็นความผิดของฉัน  เพราะงั้น  ไปด้วยกัน  เดี๋ยวจะก็อปปี้โน้ตให้”  เจพูดพร้อมกับคว้าสมุดโน้ตของอิโนะอุเอะยัดลงกระเป๋าตัวเองแล้วลุกขึ้น
“อ๊ะ”
“มีตัวประกันแล้ว  ไปด้วยกันเสียดี ๆ  อิโนะอุเอะ”  ร่างสูงยิ้มกว้างเหมือนจะแยกเขี้ยวอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่โดยที่ชายหนุ่มไม่คาดคิด  อิโนะอุเอะลุกพรวดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว
“อิโนะอุเอะ!  เฮ้ย!  อิโนะ!!”
เจลุกขึ้นตามไป  แต่ไม่ทัน...อิโนะอุเอะแทรกตัวหายไปในกลุ่มนักศึกษาที่เพิ่งทยอยออกจากห้องเรียนคลาดสายตาไปเสียแล้ว


ยังวันอยู่แท้ ๆ  หากหน้าต่างของห้องเช่าในแมนชั่นขนาดกลางแห่งนี้กลับถูกรูดทึบด้วยผ้าม่านสีดำหนาจนแสงตะวันแทบจะแทรกผ่านเข้ามาไม่ได้  ในห้องสลัวรัวรางด้วยแสงจากเทียนไขเล่มใหญ่หลายเล่ม  อุณหภูมิที่ถูกควบคุมด้วยเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำจนเกือบหนาว  ซ้ำยังอวลไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของเมนทอล  ทำให้บรรยากาศในห้องราวกับเป็นอีกมิติหนึ่งซึ่งต่างจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

ในห้องอันมืดสลัวนั้น  ร่างเพรียวบางของผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งขดอยู่กับพื้นข้างโต๊ะเขียนหนังสือ  ในมือกำมีดคัตเตอร์สีเงินวาววับไว้แน่น
“โดดเรียนมาแบบนี้ไม่ดีเลยนะ  คิโยะ”  เสียงแหบทุ้มเอ่ยเรื่อย ๆ เหมือนจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
“ขอโทษ...ฉันขอโทษ...”  อิโนะอุเอะเอ่ยเสียงสั่น
“เด็กไม่ดี  ต้องถูกลงโทษ...ใช่มั้ย?”  ร่างที่เหมือนกับผู้ที่นั่งอยู่ทุกกระเบียดนิ้วก้าวมายืนตรงหน้า
“ขอโทษ...พี่...ไม่เอาแล้ว...”  เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอน  หากสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มเย็นชา
“ทำสิ  คิโยะ”  ร่างนั้นค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน  “ถ้านายไม่อยากทำ  ฉันจะทำให้”
“...ไม่เอา...”
“ใช่มั้ยล่ะ?  เวลาที่ฉันทำให้มันเจ็บกว่าที่ทำเองใช่มั้ย  งั้นก็ทำสิ  ไม่ยากไม่ใช่เหรอ  คิโยะของฉัน”  มือเรียวเอื้อมมาจับมือที่ถือมีดเบา ๆ  เลื่อนเปิดใบมีดแล้วนำไปจรดกับข้อมือขวาของอิโนะอุเอะ  “เอาละ  ลงโทษตัวเองซะ  เด็กไม่ดี”

ไม่มีทางเลือก  อิโนะอุเอะค่อย ๆ กดคมมีดลงไปบนผิวเนื้อ  แผลที่ได้รับเมื่อคืนก่อนยังไม่หาย  เมื่อโดนคมมีดกดกระตุ้นเข้าปากแผลก็เปิดจนเลือดซึมออกมา
“...เจ็บ  ไม่เอาแล้ว...พี่...”
“คิโยะ...ทำ...”
คำสั่งนั้นหนักแน่น  อิโนะอุเอะกลั้นใจปาดคมมีดอย่างรวดเร็ว...ได้ผล  แผลใหม่ลากยาวผ่านข้อมือ  เลือดสีแดงสดไหลปรี่...แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจดังขึ้นข้างหู
“ดีมาก...คิโยะของฉัน...แต่ยังไม่หมดใช่มั้ย  ความผิดวันนี้  สมุดโน้ตของนายไปไหน?”
อิโนะอุเอะเม้มปากแน่น  พี่ชายรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา  และเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่ความจริง
“...ถูกโอโนเสะซังเอาไป”  ชายหนุ่มตอบแผ่ว ๆ
“โอโนเสะเป็นใคร?”
“เพื่อนที่คณะ”
“แล้วทำไมมันถึงเอาสมุดของนายไป?”
“มะ...ไม่รู้”  ใช่...เขาไม่รู้  อยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็มานั่งที่นั่งข้าง ๆ เขา  แล้วก็ยึดเอาสมุดของเขาไปดื้อ ๆ...เขาไม่รู้เหตุผลเลยจริง ๆ
“คิดจะอ่อยผู้ชายอีกแล้วเหรอ  คิโยะ?”
“มะ...ไม่ใช่นะ!”
“จำไม่ได้เหรอว่าผู้ชายคนก่อน ๆ ของนายเป็นยังไง...จำไม่ได้เหรอว่าคนที่แตะต้องนายเป็นยังไง?”  ดวงตาคมเป็นประกายวาบ
“ไม่ใช่!  โอโนเสะซังไม่ได้ทำแบบนั้น...ฉันไม่รู้  เราเพิ่งจะเคยพูดกันหนเดียว  ฉันไม่รู้  ไม่ใช่แบบนั้นนะ  พี่...ไม่ใช่!!”
“แต่เดี๋ยวมันก็เป็น!!”  อีกฝ่ายตวาด  “นาย...ไม่เคยจำเลย...ฉันบอกนายไม่รู้กี่ครั้ง  นายไม่เคยจำเลย  คิโยะ...นายเป็นของฉัน...ร่างกายนี้...ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน  ไม่ว่าใครก็แตะต้องมันไม่ได้!!”

มือเรียวกระชากเสื้อเชิ้ตของอิโนะอุเอะออก  กรีดคมมีดลงบนแผ่นอกขาว  ไม่สนใจเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด...หัวเราะด้วยความพึงพอใจกับโลหิตที่หลั่งริน

...

“อิโนะอุเอะ...นี่สมุดของนาย  ก็อปปี้โน้ตด้วย”  สมุดที่มีกระดาษหลายแผ่นแทรกอยู่ถูกวางลงตรงหน้าร่างเพรียวก่อนที่จะเริ่มคาบเรียนไม่นานนัก  พอเหลือบตาขึ้นมองก็พบร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองยืนอยู่ข้างโต๊ะ  ชายหนุ่มรีบหลบตาทันที
“ขอโทษนะ  ที่ทึกทักเอาไปแบบนั้น”  เจพูดต่อแม้อีกฝ่ายจะทำท่าเหมือนไม่ได้ฟังเขาอยู่ก็ตาม  แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะข้าง ๆ ที่ถัดไปอีกตัวหนึ่ง  เว้นระยะห่างให้อิโนะอุเอะได้มีบรรยากาศส่วนตัวจะได้ไม่อึดอัดเกินไปนัก

ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน  เจอาศัยช่วงเวลานั้นนั่งงีบเล็กน้อย  การตื่นเช้ามาเรียนเป็นเรื่องสาหัสสำหรับเขาพอดู  พลันก็มีใครบางคนสะกิดไหล่เขาเบา ๆ  ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองแล้วก็พบว่าอิโนะอุเอะกำลังมองมาด้วยสายตาออกจะหวาด ๆ เล็กน้อย
“อะไรเหรอ?”
“เอ่อ...ตรงนี้...อ่านว่าอะไร?”  ร่างเพรียวชี้ไปที่โน้ตที่ได้รับมา
“หือ?...อ้อ  บริบท”  เจอ่านให้ฟัง  อีกฝ่ายพยักหน้าน้อย ๆ แล้วรีบกลับไปเขียนลงในสมุดของตัวเอง  “ลายมือฉันอ่านยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้ารับ  เจส่ายหัวดุกดิก  คว้าโน้ตในมืออิโนะอุเอะมาดู  ทำเอาร่างเพรียวถึงกับสะดุ้ง  แต่เจทำเป็นไม่สนใจอาการนั้น
“มา...จะอ่านให้ฟัง”

การบอกให้จดดำเนินไปได้แค่นิดหน่อย  อาจารย์ก็เข้ามาสอน  ตลอดคาบเรียน  เจเหลือบมองอิโนะอุเอะเป็นระยะ  ลอบสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ ของฝ่ายนั้นอยู่เงียบ ๆ...เขารู้แล้วว่าทำไมใคร ๆ ถึงได้สนใจชายหนุ่มที่ปฏิเสธโลกคนนี้นัก...อิโนะอุเอะมีรูปหน้าสวยได้สัดส่วนติดจะหวานคล้ายผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ  ดวงตากลมโตดูเหม่อซึมนิดหน่อยนั่นสำหรับสาว ๆ คงดูชวนฝันไม่น้อย  ริมฝีปากอิ่มเป็นสีระเรื่อ  และทั้งที่ปฏิเสธโลกขนาดนั้น  แต่เจ้าตัวกลับทำผมเผ้าและดูแลเครื่องแต่งกายของตนเป็นอย่างดี  แม้จะเรียบง่ายแต่ก็ไม่เรียกว่าเชยหรือรุ่มร่ามเลย...ลักษณะที่ขัดแย้งกันทั้งสองขั้วนี่เอง  ที่ดึงดูดให้ใครต่อใครสนใจได้เสมอ...และเจเองก็รู้ตัวว่า  เขาสนใจอิโนะอุเอะไม่น้อยเช่นกัน

หมดคาบ  อิโนะอุเอะก็เก็บของลงกระเป๋าและเตรียมตัวออกจากห้องเรียนเหมือนเคย  แต่ถูกรั้งด้วยมือแกร่งที่คว้าแขนเอาไว้
“นี่  ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย?  เผื่อยังไงจะได้อธิบายโน้ตนั่นต่อให้”  เจว่า
ร่างเพรียวรีบส่ายหน้าปฏิเสธพลางดึงแขนออกจากการเกาะกุม  “ไม่เป็นไร”
“ถ้าอ่านไม่ออกตรงไหนอีกจะทำยังไง?”
“...แล้วจะมาถาม”  ชายหนุ่มตอบเบา ๆ พลางกอดกระเป๋าแนบอกแน่นแล้วรีบเดินออกจากห้องไป

เจได้แต่มองตามพลางทอดถอนใจ...การ์ดแข็งยังกับกำแพงเมืองจีน  แต่ไม่เป็นไรหรอก  ยังมีเวลาและโอกาสอีกเยอะ  อย่างไรเสียพวกเขาก็เรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกัน  ได้เจอกันแทบทุกวันอยู่แล้ว  ค่อย ๆ ตะล่อมไปก็ได้

ฐานะทางบ้านของเจทำให้เขามีเงินใช้จ่ายรายเดือนได้อย่างไม่เดือดร้อน  แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังเลือกที่จะทำงานพิเศษเผื่อเงินไว้สำหรับซื้อของที่อยากได้หรือเดินทางท่องเที่ยวตามประสาคนหนุ่มบ้าง  ที่ทำงานของเขาคือร้านเหล้าแห่งหนึ่ง  งานที่ทำส่วนมากก็ช่วยยกของบ้าง  เสิร์ฟบ้าง  หรือบางครั้งก็พอจะชงเหล้าให้ลูกค้าได้  เวลาทำงานก็แค่อาทิตย์ละสามวัน  นอกเสียจากที่ร้านจะขาดคนจริง ๆ ถึงจะมาเข้างานเพิ่มให้  และเพราะกว่าจะเลิกงานปิดร้านเรียบร้อยก็ปาเข้าไปตีสามของวันใหม่  เจจึงเลือกวันที่จะไม่มีเรียนต่อในตอนเช้าเพื่อจะได้ไม่มีปัญหากับการเรียน

วันนี้เจก็มาทำงานตามปกติ  แต่ที่ไม่ปกติคือลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะที่หลบมุมอยู่ด้านในสุดของร้าน  มองแค่แวบเดียวเจก็จำได้...อิโนะอุเอะ

ร่างเพรียวเข้ามาในร้านตั้งแต่หัวค่ำ  สั่งเหล้าคอกเทลอ่อน ๆ แก้วหนึ่งแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นจนกระทั่งค่อนคืนไปแล้ว  แก้วเหล้านั้นว่างเปล่า  แต่ชายหนุ่มยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน  ดวงตากลมหลุบต่ำมองพื้นอย่างไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างเหมือนอย่างเคย  ที่หูยังเสียบวอล์คแมนเสียด้วยซ้ำทั้งที่ในร้านก็เปิดเพลงเบา ๆ คลออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

เจนึกอยากจะเข้าไปทัก  แต่ก็คิดว่าอิโนะอุเอะคงอยากจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่าถึงได้เลือกที่นั่งตรงนั้น  เขาจึงทำงานไปเรื่อย ๆ และคอยสังเกตเพื่อนร่วมคณะผู้มีนิสัยแปลกประหลาดคนนั้นเป็นระยะ

จนใกล้ถึงเวลาปิดร้าน  ลูกค้าในร้านบางตาลงไปมาก  ที่เหลืออยู่ก็เตรียมตัวจะกลับแล้ว  แต่อิโนะอุเอะกลับยังนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว  กระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายออกไป  เจถึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก
“อิโนะอุเอะ”  มือใหญ่เคาะลงบนโต๊ะตรงหน้าเพราะเกรงว่าถ้าถึงเนื้อถึงตัวอีกอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจอีกได้  แต่ถึงอย่างนั้นร่างเพรียวก็ยังสะดุ้งน้อย ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“...โอโนเสะซัง?”
“อื้อ  จะต้องปิดร้านแล้วหละ”  เสียงห้าวบอกแค่นั้น
อิโนะอุเอะเหลียวไปมองรอบกาย  เมื่อพบแต่ความว่างเปล่าก็ยกมือขึ้นลูบหน้า  “เอ่อ...ขอโทษ”
“เมาเหรอ?  กลับไหวมั้ย?”  ถามไปแบบนั้นแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายสั่งเหล้าเพียงแก้วเดียวก็ตาม

อิโนะอุเอะส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมากอดด้วยท่าทางที่เจเห็นจนเริ่มจะชินตา  ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเจที่ยืนขวางอยู่แล้วเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
“คนรู้จักเหรอ  เจ?”  เพื่อนร่วมงานถามขึ้น
“เพื่อนที่คณะน่ะ”
“น่ารักดีนะ”
“ผู้ชาย”  หน้าตาแบบนั้นจะถูกเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่แปลกอะไรนี่นะ
“รู้แล้วน่า  แต่น่ารักก็คือน่ารักนั่นแหละ”  เพื่อนร่วมงานว่าพลางหัวเราะเสียงดัง
เจยิ้มเหมือนจะแยกเขี้ยวใส่  “คนนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“เอ๋?  มีคนจองแล้ว?”
“เออ  อั๊วะเอง”  เจพูดทีเล่นทีจริง
“ฮะ ๆ ๆ  เออ ๆ  ก็ได้ ๆ...เดี๋ยวจะไปบอกให้รู้ทั้งร้านเลยว่าไอ้เด็กพาร์ทไทม์มันมีรสนิยมชอบผู้ชาย  ฮ่า ๆ ๆ”  ฝ่ายนั้นหัวเราะลั่นแล้วเดินจากไป

เจได้แต่ส่งนิ้วกลางไล่หลังไปให้  แต่ก็อดหัวเราะไปด้วยไม่ได้  เขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ปากไม่ดีแต่ไม่มีอะไรในใจ  ที่พูด ๆ กันนี่ก็แค่สนุก ๆ เท่านั้น...เพียงแต่...อิโนะอุเอะที่นั่งอยู่จนถึงเวลาปิดร้านแบบนี้  หรือจะรอใครอยู่...มีคนจองแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?...

...


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2010 14:40:28 โดย wan_sugi »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 3(4-08-10)
«ตอบ #7 เมื่อ04-08-2010 23:37:27 »

ดีใจจังที่ยังมีคนเปิดอ่านกันเรื่อยๆ ขอบคุณแทนฮะคุโร่ด้วยคะ  :L2:

Ps>>>คนเขียนฝากบอกมาคะว่า...อยากอ่านคอมเม้นท์ จะได้รู้ว่าเรื่องที่เขียนเป็นไงบ้าง^^

ตอนที่ 3

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากวันนั้น  อิโนะอุเอะต้องกลับมาถามเจเรื่องโน้ตเจ้าปัญหาที่อ่านไม่ออกนั่นอีกจนได้  แต่ถึงแม้จะได้พูดคุยกันหลายครั้ง  หากท่าทีที่เหมือนกั้นกำแพงเอาไว้อย่างแน่นหนาของอิโนะอุเอะก็ไม่ได้ผ่อนปรนลงเลย  เพียงแต่ดูไม่เกร็งกับเจมากเท่าตอนแรก ๆ เท่านั้น

เจเองก็ไม่ได้รีบร้อน  ถึงเขาจะเป็นคนใจร้อนอยู่บ้าง  แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรถึงจะได้ผลสำเร็จสูงสุด  การเข้าใกล้สัตว์เล็ก ๆ ที่ตื่นกลัวมันต้องใจเย็น  ต้องทำให้ฝ่ายนั้นวางใจให้ได้  และวิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผล  เมื่อตอนนี้ที่เขาเขยิบไปนั่งโต๊ะตัวติดกันแล้วอิโนะอุเอะก็ไม่ได้มีอาการผวาเขาอีกต่อไป

แต่อิโนะอุเอะปฏิเสธเขาในทุกเรื่อง  แม้แค่เรื่องไปกินข้าวด้วยกัน
“นี่  ถามจริง ๆ เถอะ  แค่กินข้าวด้วยกันเนี่ย  มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”  เจถามทั้งที่ยังจับแขนอิโนะอุเอะไว้เบา ๆ  ถ้าไม่ทำอย่างนี้  หมอนี่จะต้องเลี่ยงหนีเขาไปอีกแน่
ร่างเพรียวกรอกตาอย่างลังเล  แล้วในที่สุดก็พูดออกมาเบา ๆ
“...พี่ชายไม่ชอบ”
“อะไรนะ  พี่ชาย?”
อิโนะอุเอะพยักหน้ารับ  “พี่ชายไม่ชอบให้ไปกับคนอื่น”
ร่างสูงขมวดคิ้วนิด ๆ...มีพี่ชายขี้หวงอย่างนั้นหรือ  โตจนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยนะ...แต่เอาเถอะ  โลกนี้มีคนแปลก ๆ เยอะแยะไป  คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ก็แปลกน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่  เจตัดสินใจปล่อยมือ
“โอเค  ไม่ชอบก็ไม่ชอบ  แล้วเจอกันนะ”
ขาดคำของเจ  ร่างเพรียวเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป


แต่...มันน่าสงสัย...เจเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจเมื่อเขาพบอิโนะอุเอะที่ร้านทุกวันที่มาทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว  ไหนบอกว่าพี่ชายไม่ชอบให้ไปไหนกับใคร  แล้วมานั่งอยู่ที่นี่จนดึกดื่นแบบนี้จะไม่โดนว่าหรือไง

“แก้วนี้จากลูกค้าโต๊ะโน้นแน่ะ”  เจบอกพลางวางแก้วเครื่องดื่มสีสวยลงบนโต๊ะที่ดูเหมือนอิโนอุเอะเลือกที่จะยึดเป็นที่ประจำไปเสียแล้ว  ถึงจะห้ามเพื่อนร่วมงานไม่ให้มายุ่มย่ามได้  แต่ห้ามลูกค้าไม่ได้นี่นะ
ร่างเพรียวส่ายหน้า  “ไม่เอาหรอก”
“ฉันปฏิเสธไม่ได้หรอก  ฉันแค่รับฝากมา”
อิโนะอุเอะแค่ส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก  เจเพียงแค่ถอนใจ  เขาคงต้องทิ้งแก้วเหล้าไว้อย่างนั้นแล้วไปบอกคนที่ฝากมาละมั้งว่า  ฝ่ายนั้นปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง...แต่ถึงไม่บอก  ดูอาการก็น่าจะรู้ได้เองละนะ

ครู่ใหญ่  เจก็เห็นลูกค้าคนนั้นไปยืนอยู่ข้างโต๊ะของอิโนะอุเอะ  ท่าทางเหมือนพยายามชวนคุยอะไรด้วย  แต่อิโนอุเอะเอาแต่ก้มหน้านิ่งและขยับตัวอย่างอึดอัดเหมือนพยายามหาทางหนี  แต่คนที่เข้ามาตีสนิทด้วยก็ไม่ยอมลดละ  กระทั่งแวบหนึ่งที่เจเห็นอิโนะอุเอะเหลือบตาขึ้นมาสบตาเขา  แววตานั้นเต็มไปด้วยแววอ้อนวอน  เจจึงเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะครับ  คุณลูกค้า  หมอนี่แค่มารอผมเลิกงานเท่านั้นน่ะครับ  อย่าไปยุ่งกับมันเลย”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ  แต่แววตาไม่ใช่...หน้าตาท่าทางของเขาดูเป็นเด็กเกเรและน่ากลัวอยู่แล้ว  จึงไม่ยากเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายยอมกลับไปที่โต๊ะแต่โดยดี

ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ  “กลับบ้านดีกว่ามั้ย  อิโนะอุเอะ  ไม่งั้นหมอนั่นคงมาตื๊ออีก”
ร่างเพรียวพยักหน้าแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมากอด  “...ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้เอง  แล้วเจอกันนะ”
ร่างสูงเพียงแต่มองตามเพื่อนร่วมคณะที่เดินออกจากร้านไป...โดยไม่รู้เลยว่า  คืนนั้น  อิโนะอุเอะกลับไม่ถึงบ้าน

...

ในห้องที่มืดทึบด้วยผ้าม่านสีดำสลัวรัวรางด้วยแสงเทียนวอมแวม  บรรยากาศที่หอมเย็นไปด้วยกลิ่นเมนทอลนิ่งสงัด  มีเพียงเสียงสะอื้นฮักจากร่างที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น  ในมือซ้ายคือมีดคัตเตอร์ที่ใบมีดเต็มไปด้วยเลือด  ข้อมือขวามีบาดแผลถูกกรีดหลายรอยพร้อมทั้งเลือดที่ไหลริน...แผลนั่นไม่ลึก  หากความเจ็บปวดกลับดูเหมือนไม่สิ้นสุด
“พอแล้ว...พี่...ฉันขอโทษ...”  ร่างเพรียวพร่ำบอกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผู้รับฟังเพียงแต่ยกยิ้มที่มุมปาก  “ถ้าฉันไปไม่ทัน  จะเป็นยังไง  คิดบ้างมั้ย?”
“แต่พี่ก็ไม่น่าฆ่าเขา”
“อ้อ...งั้นเรอะ”  มือเรียวผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มไปนอนอยู่กับพื้น  “ไม่น่าฆ่ามันงั้นเรอะ?  เพราะมันยังไม่ได้ใส่เข้าไปในตัวนายสินะ  ฉันถึงไม่ควรจะฆ่ามัน”
“มะ...ไม่ใช่...”  อิโนะอุเอะพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่ยอมฟังอะไรอีก
“คิโยะ...ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว  นายเป็นของฉัน  ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้”  ดวงตาคมกริบเป็นประกายดุดัน  “แต่นายกลับเอาตัวไปให้คนนั้นคนนี้ได้สัมผัส...คงเสี้ยนอยากเต็มทีสินะ”
“ไม่ใช่  ฉันไม่เคย...”
“เพราะไม่เคย  ก็เลยอยากลองสักครั้ง”  ว่าพลางก็หยิบคัตเตอร์จากมือของอิโนะอุเอะขึ้นมาถือไว้  ก่อนจะบรรจงกรีดลงบนแผ่นอกขาวเป็นแนวยาว  “เป็นเด็กไม่ดีจริง ๆ นะ  กระสันอยากถึงขนาดนี้...”
“อย่า!!  พี่!!  ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว!!”

คำอ้อนวอนไม่เป็นผล  คมมีดยังคงลากผ่านผิวเนื้อสร้างรอยแผลรอยแล้วรอยเล่า  เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจดังแทรกมากับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

“คิโยะของฉัน...ฉันไม่ยอมให้นายเอาตัวไปให้ใครทั้งนั้น  นายเป็นของฉัน...และเด็กไม่ดี  ก็ควรแล้วที่จะถูกลงโทษ...มันที่พยายามแตะต้องนาย  ก็สมควรแล้วที่จะต้องตาย...คิโยะของฉัน...นายเป็นของฉันคนเดียว...จำไว้...”

...

อิโนะอุเอะหยุดเรียนมาหลายวันแล้ว  เจได้แต่นึกแปลกใจอยู่ว่าทำไม  หรือหมอนั่นจะเป็นหวัด...แล้วจะมีใครดูแลไหมนะ  แต่บอกว่ามีพี่ชายนี่นา  คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

ชายหนุ่มเดินเข้าห้องเรียนแล้วกวาดตาไปยังแถวหลังสุดของห้องด้วยความเคยชิน  แล้วก็พบกับร่างเพรียวที่นั่งอยู่ตรงมุมประจำ...ในที่สุดก็มาเรียนได้แล้วสินะ  ไม่ต้องเป็นห่วงจริง ๆ ด้วย
“ไม่สบายเหรอ  อิโนะอุเอะ?”  ชายหนุ่มเข้าไปเคาะเบา ๆ ที่โต๊ะพลางเอ่ยทักเหมือนที่มักจะทำเป็นประจำ  และดูเหมือนว่าอิโนะอุเอะจะคุ้นเคยกับการทักทายแบบนี้แล้ว

แต่วันนี้อิโนะอุเอะกลับสะดุ้งเฮือก  สายตาที่เหลือบมองเจเพียงชั่วแวบเต็มไปด้วยแววหวาดหวั่น  ก่อนจะก้มหน้านิ่งโดยไม่มีคำตอบใด ๆ
เจนึกประหลาดใจ  ก็อิโนะอุเอะเริ่มคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้วนี่นา  แล้วมันเกิดอะไรขึ้น  ถึงได้กลับไปเป็นเหมือนตอนที่คุยกันครั้งแรกอีก  ไม่สิ...ดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเก่าเสียด้วย  เพราะในตอนนี้ร่างนั้นดูจะสั่นน้อย ๆ เสียด้วยซ้ำ
“นายหยุดเรียนไปหลายวัน  ไม่สบายเหรอ?”  เจทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะตัวข้าง ๆ
ไม่มีคำตอบจากผู้ถูกถามนอกจากการส่ายหน้าน้อย ๆ...แบบนี้มันแปลกไปจริง ๆ ด้วย  แต่เจก็ไม่ได้ว่าอะไร

ทว่าตลอดชั่วโมงแรก  เจสังเกตเห็นว่าอิโนะอุเอะไม่ได้จดอะไรลงในสมุดโน้ตเลย  ซ้ำยังทำท่าเหมือนจะกระเถิบหนีเมื่อเขาขยับตัวทุกครั้ง  จนอดรนทนไม่ได้...ในช่วงระหว่างพักสิบนาที  เจก็ถามขึ้น
“อิโนะอุเอะ  เป็นอะไรไป  วันนี้ท่าทางนายแปลก ๆ”
อิโนะอุเอะส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธ  แต่แล้วก็เอ่ยออกมาเบา ๆ  “ช่วย...เขยิบไปนั่งโต๊ะตัวถัดไปได้ไหม?”
“เอ๋?”
“ขอร้อง”
เป็นคำขอร้องที่ดูประหลาด  แต่เจคิดว่าเขาเข้าใจ...ไม่รู้ว่าระหว่างที่อิโนะอุเอะหยุดเรียนไปนั่นเกิดอะไรขึ้น  แต่กิริยาท่าทางของหมอนั่นในตอนนี้เหมือนย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาพูดคุยกันครั้งแรกจริง ๆ...เอาเถอะ  ไว้เลิกเรียนแล้วค่อยถามก็ได้...เจยอมเปลี่ยนที่นั่งให้โดยดี


ทันทีที่อาจารย์กล่าวจบคาบ  อิโนะอุเอะก็รีบรวบสมุดบนโต๊ะใส่กระเป๋าแล้วลุกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว  แต่ไม่เร็วเกินไปกว่าคนที่เล็งเอาไว้อยู่แล้ว  เจคว้าข้อมือร่างเพรียวไว้ได้ทันท่วงที  แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย!!”
“อ๊ะ  ขอโทษ”  เจรีบปล่อยมือ
อิโนะอุเอะปล่อยกระเป๋าแล้วกุมข้อมือขวาของตัวเองไว้แน่น  พร้อมกับมีสีหน้าเหมือนจะพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
“อิโนะอุเอะ  เป็นอะไรไป?”  แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้ว...หรือว่าบาดเจ็บ

ร่างเพรียวไม่ตอบหากก้มลงหยิบกระเป๋าตัวเอง  เจรีบกวาดข้าวของบนโต๊ะเรียนลงกระเป๋าโดยไม่สนใจจะเก็บให้เรียบร้อย  เขารู้ว่าถ้าปล่อยไปอิโนะอุเอะจะหนีเขาไปอีก...เขาต้องรู้ให้ได้ว่าท่าทางแปลก ๆ ของหมอนี่กับที่ข้อมือนั่นมันเป็นอะไรกันแน่

เจคว้าแขนอิโนะอุเอะไว้อย่างรวดเร็วพลางจ้องหน้า  อีกฝ่ายมองตอบเขาด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะรีบหลบตา...หมอนี่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา  แต่ไม่กล้าที่จะบอก...ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเขาถามเองก็ได้

ร่างสูงออกแรงดึงให้คนตัวเล็กกว่าต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก  เขาพาอิโนะอุเอะไปที่บันไดหนีไฟเพราะรู้ว่าแถวนั้นจะไม่มีใครมากวนได้  ชายหนุ่มเท้าแขนคร่อมร่างเพรียวเอาไว้อย่างไม่เปิดทางให้หนี  ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงต่ำ ๆ
“เกิดอะไรขึ้น  อิโนะอุเอะ  มือนายเป็นอะไรไป?”
อิโนะอุเอะเอาแต่กอดกระเป๋าแน่นพลางส่ายหน้า  หากไม่ยอมตอบอะไร
“เป็นแผลเหรอ?  ที่หยุดเรียนไปเพราะบาดเจ็บ?”  เจพยายามถามซ้ำ

เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ  ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ จับมือขวาที่สวมผ้ารัดข้อมือของอิโนะอุเอะขึ้นมาดู  ก่อนจะบรรจงถอดผ้ารัดข้อมือนั่นออก  ร่างเพรียวพยายามขืนดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุม  แต่ก็ไม่เป็นผล  เจถอดผ้ารัดข้อมือของเขาออกจนได้

ร่างสูงตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏแก่สายตา...บนข้อมือขวาของอิโนะอุเอะปรากฏรอยแผลอันเกิดจากการถูกของมีคมกรีดนับสิบแผล!!  ดูก็รู้ว่าไม่ใช่การพยายามฆ่าตัวตาย  แต่เป็นการลงมีดซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง  บาดแผลทั้งหมดแดงช้ำและดูเหมือนจะอักเสบพอสมควร  อาจเพราะที่เขาคว้าเอาไว้เมื่อกี้  และตอนนี้ก็มีเลือดซึมออกมาจากปากแผลเหล่านั้นนิดหน่อย  แผลพวกนี้ยังใหม่อยู่เลย...หรือว่าช่วงที่หยุดเรียนไปนั่น...

“นี่มันอะไรกัน  อิโนะ?”  น้ำเสียงที่เอ่ยถามแหบเหือดแทบจะไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ
อิโนะอุเอะยังคงเอาแต่ส่ายหน้า  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น  มือที่อยู่ในอุ้งมือของเจสั่นน้อย ๆ
“นายจะฆ่าตัวตายเหรอ?”
“มะ...ไม่ใช่”
“แล้วทำทำไม?”  แม้คำถามจะดูสั้นห้วน  แต่น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย

อิโนะอุเอะเงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ  แล้วก็พบกับสายตาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว...ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย...สงสัย  ไม่เข้าใจ  และเป็นกังวล...ความอ่อนโยนที่ถ่ายทอดมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้จิตใจของอิโนะอุเอะหวั่นไหวอย่างประหลาด

ถ้าเป็นคนคนนี้...กับคนคนนี้...เขาจะพูดออกไปได้ใช่ไหม...

“ฉัน...โดนพี่ชายทำโทษ”  คำตอบแผ่วหวิวราวกับจะลอยหายไปกับสายลม  หากบาดลึกลงไปในใจของผู้ฟัง
“หมายความว่าไง?  โดนพี่ชายทำโทษ?  นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฉันทำตัวไม่ดี  พี่ชายเลยทำโทษ”
คำตอบนั้นไม่ใช่คำตอบที่จะรับได้สำหรับเจ  ชายหนุ่มจับไหล่บางไว้แน่น
“มันเรื่องอะไร  เล่ามาซิ”
น้ำเสียงคาดคั้นทำให้อิโนะอุเอะตกใจอยู่บ้าง  แต่สีหน้าและแววตาที่ร้อนรนเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ของเจทำให้เขาใจสั่น

แต่ไม่ได้หรอก...พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...
“ไม่มีอะไร...”
“จะไม่มีอะไรได้ยังไง  แผลขนาดนี้...ทำโทษบ้าอะไร?  หมอนั่น...พี่ชายนายเป็นคนกรีดข้อมือนายงั้นเหรอ?  มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
“ไม่ใช่...ฉัน...ทำเอง”
“บ้าไปใหญ่แล้ว  นายทำเอง?  หมายความว่ายังไง?  นายบอกว่าโดนพี่ชายทำโทษ  แล้วบอกว่านายกรีดข้อมือเอง  แปลว่าอะไร?  หมอนั่นบอกให้นายทำงั้นเหรอ?”  เจขึ้นเสียงจนเกือบจะตะโกนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนสะกดไว้ไม่อยู่

อิโนะอุเอะก้มหน้านิ่ง  เรียวปากอิ่มเม้มแน่น...เขาพูดมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...แค่นี้ก็มากเกินไปแล้ว...

“พูดสิ  อิโนะ!!  หมอนั่นบอกให้นายทำงั้นเหรอ?  แล้วนายก็ทำ!?  ทำไม...มันเรื่องอะไรกัน  นี่มันไม่ปกติแล้วนะ!!”
“...ขอโทษ...โอโนเสะซัง...”
“ขอโทษทำไม?  อิโนะ  ตอบฉันมาสิ  พูดออกมา  ไอ้หมอนั่นมันทำอะไรกับนาย?  บอกฉันซิ  อิโนะ!!”
แม้จะถูกตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน  ร่างเพรียวก็แค่ดึงมือออกจากการจับยึดของเจเท่านั้น
“...ขอโทษ...”
น้ำเสียงแผ่วหวิวนั้นบีบคั้นหัวใจของเจเหลือเกิน  แบบนี้...แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก  เขาทำได้แค่ดูอย่างนั้นเหรอ...ชายหนุ่มปล่อยมือที่ยึดไหล่ของอิโนะอุเอะไว้  ทันทีที่เขาปล่อยมือ  ร่างเพรียวก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง

“...ขอโทษ  โอโนเสะซัง”

ดูเถอะ...จะขอโทษเขาเรื่องอะไร  อิโนะอุเอะไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย  ตัวเองเป็นฝ่ายเสียหายแท้ ๆ  และเขาต่างหากที่ผิด  เพราะอยู่ ๆ ก็ตะคอกเอา ๆ ด้วยสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่...เจรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนใจเย็นมากนัก  แต่กับเรื่องของอิโนะอุเอะเท่านั้นที่ดูเหมือนเขาจะใจเย็นได้อย่างเหลือเชื่อ  ชายหนุ่มค่อย ๆ นั่งลงด้วย

“อิโนะ  ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ...ขอโทษนะ”

มือใหญ่ค่อย ๆ วางลงบนเรือนผมสีน้ำตาลของคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วลูบช้า ๆ  เจรู้สึกได้ถึงแรงสะท้านเฮือกจากร่างนั้นก่อนที่มันจะแปรเป็นเสียงสะอื้นเบา ๆ
“อย่าร้องไห้สิ...แบบนี้  มันเหมือนฉันรังแกนายเลยนะ”

...ไม่ได้หรอก...เจบอกกับตัวเอง  เขาจะทนดูอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก  เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้การทำโทษบ้า ๆ นั่นมันเกิดจากอะไร  แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาพอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่อิโนะอุเอะเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แล้ว...ทั้งหมดนั้นต้องเป็นเพราะพี่ชายคนที่ว่านั่นแน่ ๆ

...โรคจิต...สรุปได้แค่นี้จริง ๆ  ไอ้พี่ชายที่ว่านั่นมันต้องเป็นโรคจิตแน่  มันถึงได้ทำโทษน้องชายด้วยวิธีวิปริตแบบนี้...แม้จะยังไม่รู้ว่าทำไมอิโนะอุเอะถึงได้ยอมทำตามที่มันสั่ง  แต่เขาจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้

“ฉันจะไปคุยกับพี่ชายนาย”  เจโผล่งออกมาในที่สุด

อิโนะอุเอะรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที  ดวงตาที่ยังชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นระคนตกใจเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ฉันจะไปคุยกับพี่ชายนายให้รู้เรื่อง  ว่าทำไมถึงทำกับนายแบบนี้”  เจพูดพลางลุกขึ้น
“อย่า!!”  ร่างเพรียวคว้าเสื้อเจเอาไว้
“จะห้ามฉันทำไม  แบบนี้มันไม่ได้แล้วนะ  อิโนะ  ถ้าถึงขนาดนี้  พี่ชายนายมันไม่ปกติแล้ว  ฉันต้องคุยกับหมอนั่นให้รู้เรื่อง”
“อย่านะ!  อย่าไปยุ่งกับพี่  ไม่ได้นะ!  จะไปยุ่งกับพี่ไม่ได้นะ!!”  อิโนะอุเอะร้อง  นี่เป็นครั้งแรกที่เจได้ยินอิโนะอุเอะขึ้นเสียง
“แต่แบบนี้มัน...”
“ไม่ได้นะ!  ไม่ได้!!  อย่าไปยุ่งกับพี่  ไม่ได้นะ!  ขอร้องหละ!!  อย่า  อย่าไปยุ่งกับพี่!  จะแตะต้องพี่ไม่ได้นะ!  อย่า  ขอร้องหละ!”  อิโนะอุเอะยึดเสื้อเจไว้แน่นพลางพร่ำซ้ำ ๆ เหมือนกับคนบ้า

ร่างสูงค่อนข้างตกใจกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้ามากทีเดียว  แต่ก่อนที่จะนึกออกว่าควรจะต้องทำอย่างไร  ร่างกายก็ขยับไปก่อนความคิด...เจกอดร่างเพรียวเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร...อิโนะ  ไม่เป็นไรแล้ว  ฉันไม่ไปแล้ว  จะไม่ไปยุ่งกับพี่ชายนายแล้ว”
เจไม่รู้ว่าตัวเองเอ่ยคำปลอบโยนอะไรไปบ้าง  แต่สิ่งที่ติดแน่นอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำ  คือเสียงสะอื้นไห้และร่างอันสั่นเทาในอ้อมแขน

...


การจะหาที่อยู่ของนักศึกษาสักคนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก  ในที่สุดเจก็รู้ว่าอิโนะอุเอะอาศัยอยู่ที่ไหน  เขาพาตัวเองมาจนถึงแมนชั่นระดับกลางแห่งหนึ่งในย่านชานเมือง  หลังจากสอบถามจากผู้ดูแลแล้ว  เจก็ขึ้นไปที่ชั้น 6
ห้องริมที่อยู่ห่างจากลิฟท์ที่สุดคือเป้าหมายของเขา  ป้ายชื่อหน้าห้องบอกเอาไว้ชัดเจนว่าที่นี่คือห้องพักของอิโนะอุเอะ
...พี่ชายของหมอนั่นจะเป็นคนยังไงนะ...หน้าตาแบบไหน...แล้ว...

ความคิดหลากหลายประดังเข้ามาในหัว  จนชายหนุ่มต้องสะบัดหัวไล่มันออกไป...คิดไปก็ไม่ได้เรื่องอะไรหรอก  เจอหน้าก็รู้เองว่าจะต้องจัดการยังไง...

ร่างสูงกดกริ่งหน้าประตูห้องอย่างไม่ลังเล  ทว่า...เงียบ...ไม่มีสัญญาณใด ๆ ตอบกลับมา

มันควรจะมีคนอยู่ห้องสิ  เช้าวันหยุดแบบนี้...หรือสองพี่น้องนั่นจะพากันออกไปข้างนอกแต่วัน...ลองดูอีกทีดีกว่า
เจกดกริ่งซ้ำอีกครั้ง  คราวนี้มีเสียงอันคุ้นเคยตอบมาจากอินเตอร์โฟน
“ใคร?”
“อิโนะอุเอะ  นี่ฉันเอง  โอโนเสะ”  เจตอบกลับไป
“โอโนเสะ?”
“ใช่  ขอโทษที่มากวนแต่เช้านะ  ให้เข้าไปได้มั้ย?”
อีกฝ่ายเงียบไปนาน  จนเจต้องถามซ้ำ
“อิโนะอุเอะ?  ได้มั้ย?”
“...เข้ามาสิ”
หลังคำตอบนั้น  ประตูห้องก็ค่อย ๆ เปิดออกรับผู้มาเยือน
“รบกวนหน่อยนะ”

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง  ร่างสูงก็ถึงกับชะงัก...ทั้งที่ยังวันอยู่แท้ ๆ แต่ในห้องพักค่อนข้างกว้างขวางนั้นมืดมิดจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรด้วยผ้าม่านสีดำหนาทึบที่แขวนกั้นทุกบานหน้าต่างเอาไว้  อากาศในห้องเย็นเยียบ  อาจจะด้วยเครื่องปรับอากาศ  แต่มันก็ต่ำกว่าอุณหภูมิข้างนอกมากเสียจนเจรู้สึกสะท้านเยือก  ในความเย็นเยียบนั้นอวลไปด้วยกลิ่นอายหอมเย็นของสารระเหยจำพวกเมนทอล  แทบจะกดอุณหภูมิเลือดในร่างกายให้ลดต่ำกว่าความเป็นจริง...อิโนะอุเอะอาศัยอยู่ในห้องแบบนี้อย่างนั้นหรือ

พลันก็มีแสงสว่างดวงหนึ่งถูกจุดวาบขึ้น  มันคือแสงของเทียนไขเล่มใหญ่ที่ตั้งไว้บนโต๊ะกลางห้อง  แสงสลัวของมันส่องให้เห็นสภาพในห้องและคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ

“เข้ามาสิ”  ผู้เป็นเจ้าของห้องพูดพลางก็เดินไปจุดเทียนไขเล่มอื่น ๆ ที่วางอยู่ตรงนั้นตรงนี้ของห้อง

เจถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในบรรยากาศอันแปลกประหลาด  หัวใจเต้นระทึกน้อย ๆ อยู่ในอก...เขารู้ว่าอิโนะอุเอะเป็นคนแปลก ๆ  แต่ไม่คิดว่าจะแปลกมากถึงขนาดนี้...บรรยากาศในห้องนี้ไม่ธรรมดาเลย

“เพิ่งตื่นเหรอ  อิโนะอุเอะ?”  เจชวนคุยเพื่อลดความกดดันที่เกิดขึ้นจากสภาพรอบด้าน
“เปล่า  ตื่นนานแล้ว”  ร่างนั้นตอบโดยไม่หันมามอง  ในมือประคองถ้วยใส่เทียนไขใบหนึ่งขึ้นจากพื้น
“แล้ว...กินข้าวหรือยัง?”
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“เอ๊ะ?”  เจแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง...เมื่อกี้อิโนะอุเอะพูดว่าอะไรนะ
“ฉันจะตื่นจะกินตอนไหน  ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”

ร่างเพรียวหันมาเผชิญหน้ากับเจ  แสงเทียนในมือส่องให้เห็นดวงหน้าหวานอันแสนคุ้นเคย  หากอะไรบางอย่างแปลกไป  เจรู้สึกได้...แม้ร่างนั้นและใบหน้านั้นจะเหมือนอิโนะอุเอะที่เขาเคยเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  แต่ดวงตาที่จ้องมาคู่นั้นและรอยยิ้มที่มุมปากนั่น  บอกชัด...คนตรงหน้าเขาไม่ใช่อิโนะอุเอะ

“โอโนเสะ...ใช่มั้ย?”  กระแสกร้าวบางอย่างแทรกมาในน้ำเสียง  แม้คนพูดจะยิ้มอยู่ก็ตามที
“...นายคือ...”
“นายนี่เอง  ที่มายุ่งกับคิโยะของฉัน”
“พี่ชายของอิโนะอุเอะงั้นเรอะ?”  ถึงจะได้ยินมาว่าเป็นพี่ชาย  แต่รูปร่างและใบหน้าที่เหมือนกันทุกกระเบียดแบบนี้...ฝาแฝดงั้นหรือ
ร่างนั้นไม่ตอบหากย้อนถาม  “มาทำไม?”
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงกระแสกดดันบางอย่างจากร่างเพรียวเล็กนั้น  ทั้งที่คนตรงหน้าเหมือนกับอิโนะอุเอะทุกประการ  แต่บรรยากาศที่น่ากลัวนั่นคืออะไร...แววตาคู่นั้นสะท้อนแสงเทียนเป็นประกายประหลาด  และแสงเทียนที่ถูกจุดไว้รอบตัวก็เคลื่อนไหวก่อให้เกิดเป็นเงาวูบวาบยิ่งทำให้ร่างนั้นราวกับภาพฝันหรือภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง

เพราะแบบนี้หรือ...อิโนะอุเอะถึงได้กลัวพี่ชายนัก

ใช่...เพราะผู้ชายคนนี้ทำให้อิโนะอุเอะกลัวถึงขนาดนั้น  เพราะผู้ชายคนนี้ทำร้ายอิโนะอุเอะถึงขนาดนั้น  เขาถึงได้มาที่นี่...มาเพื่อที่จะคุยกับคนตรงหน้านี่ให้รู้เรื่อง
“เจอตัวก็ดีแล้ว  ฉันมีธุระจะคุยกับนาย”  เจเอ่ยขึ้นในที่สุด
“กับฉัน?”  คิ้วเรียวเลิกขึ้นนิดหนึ่ง  ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ  “กับคนแปลกหน้าอย่างฉันนี่นะ?”
“ใช่  กับนายนั่นแหละ”
“หึ ๆ ๆ...ให้เดา...เรื่องคิโยะของฉันสินะ”  ร่างเพรียวยังคงหัวเราะเรื่อย ๆ...เป็นเสียงหัวเราะที่เจรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันได้ยินจากอิโนะอุเอะเป็นอันขาด
“นายทำร้ายอิโนะอุเอะทำไม?”  เจถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ทำร้าย?  เปล่านี่”
“แล้วแผลที่ข้อมือของหมอนั่นคืออะไร!?”  ร่างสูงปราดเข้าไปหา
“อย่าเข้ามานะ!!”  ผู้เป็นเจ้าของห้องตวาดลั่นจนเจต้องชะงัก
“หมอนั่นบอกว่านายทำ  แล้วยังจะบอกว่าเปล่าอีกงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ทำร้ายคิโยะ  เด็กไม่ดีก็สมควรโดนลงโทษแล้ว”  ดวงตาที่ปรายมองมาเป็นประกายดุดัน  รอยยิ้มหายไปจากสีหน้า
“หมอนั่นทำผิดอะไร?  แล้วลงโทษบ้าอะไรของนาย  นั่นมันโรคจิตแล้ว”
“ไม่เกี่ยวกับแก”  สรรพนามที่ใช้เรียกฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนไปทันที  “ไสหัวกลับไปได้แล้ว”
“ฉันไม่กลับ  จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”
“อย่ามายุ่งกับคิโยะของฉัน”  น้ำเสียงแหบต่ำกดลงจนแทบจะเหลือเพียงเสียงกระซิบ  หากเป็นเสียงกระซิบที่ทำให้คนฟังรู้สึกเย็นวาบไปถึงปลายนิ้ว  “แกไม่เกี่ยวอะไรด้วย  กลับไปได้แล้ว”
เจกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น  รู้สึกถึงแรงกดดันจนหายใจลำบาก  แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ  “อิโนะอุเอะอยู่ไหน?”
“หมอนั่นจะไม่ออกมาพบแกหรอก  ไสหัวไป”  มือเรียวชี้ไปที่ประตูเป็นการไล่ส่ง
“บอกฉันก่อน...หมอนั่นทำผิดอะไร  แกถึงได้ทำร้ายเขาแบบนั้น”
ร่างนั้นนิ่งไปชั่วครู่  ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้...ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาจนแทบจะประชิดใบหน้าของชายหนุ่ม
“เพราะคิโยะชอบไปยั่วผู้ชายอย่างแกไงล่ะ”

ขาดคำ  เจก็ต้องสะดุ้งสุดตัว  เมื่อน้ำตาเทียนจากถ้วยเทียนในมือร่างเพรียวถูกราดรดลงมาบนแขนของเขา

“รู้แล้วก็ไสหัวไปให้พ้น  แล้วไม่ต้องเสนอหน้ามาที่นี่อีก!!”

ประตูห้องถูกปิดใส่หน้าตามมาด้วยเสียงลั่นกุญแจ  เจถูกผลักไสออกมาโดยไม่มีโอกาสได้เจอหน้าอิโนะอุเอะเสียด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มก้มลงมองแขนของตัวเอง  น้ำตาเทียนจับเป็นคราบเกรอะกรังอยู่  เขาไม่คิดว่าหมอนั่นจะกล้าทำอย่างนี้กับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก  แล้วยังสีหน้าและคำพูดนั่นอีกเล่า...เป็นโรคจิตสมบูรณ์แบบ

...อิโนะอุเอะอยู่ในห้องแบบนั้น...กับคนแบบนั้น...

นี่เขาจะทำอะไรเพื่ออิโนะอุเอะได้บ้างนี่!?

...

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # 4 (10-08-10)
«ตอบ #8 เมื่อ10-08-2010 16:56:17 »

ช่วงเวลาดีๆ ของอิโนะอุเอะ ก่อนจะถึงบทสรุป

ตอนที่ 4

อิโนะอุเอะหยุดเรียนไปร่วมอาทิตย์จนเจรู้สึกเป็นกังวล  เพราะเขาไปที่บ้าน  อิโนะอุเอะก็เลยโดนพี่ชายโรคจิตนั่นเล่นงานเอาอีก...แบบนั้นหรือเปล่า  ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นความผิดของเขาเต็ม ๆ  ที่เข้าไปยุ่งเสียจนเป็นเรื่องขึ้นมาอีก...ถ้าอิโนะอุเอะมาเรียน  ต้องขอโทษเสียแล้ว...เจเหลือบมองที่นั่งข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า  วันนี้อิโนะอุเอะคงหยุดเรียนอีกตามเคย

แต่แล้วประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออก  อิโนะอุเอะปรากฏตัวขึ้นที่นั่นด้วยสภาพร่างกายที่มีบาดแผลเต็มไปหมด  เจถลันลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว

ทันทีที่เห็นเจ  คนที่หน้าประตูก็ผงะถอยแล้ววิ่งหนีไปทันที  ร่างสูงไม่รอช้า  เขารีบวิ่งตามออกไป  อาจเพราะอาการบาดเจ็บทำให้อิโนะอุเอะวิ่งได้ไม่เร็วนัก  และเพราะตอนนี้กำลังจะเริ่มคาบเรียนแล้วคนบนทางเดินจึงบางตากว่าตอนเลิกเรียน  ทำให้อิโนะอุเอะไม่สามารถหนีพ้นสายตาของเจไปได้

ในที่สุดเจก็จับตัวอิโนะอุเอะไว้ได้  ตอนแรกร่างเพรียวพยายามดิ้นรนให้หลุด  แต่เมื่อถูกเจรวบไปกอดไว้แนบอก  ชายหนุ่มจึงหยุดขัดขืน
“ใจเย็น ๆ...อิโนะ  ใจเย็น ๆ นะ”  มือใหญ่ลูบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือเบา ๆ อย่างอ่อนโยน  ร่างในอ้อมกอดสะท้านสั่นราวกับลูกนก
เจได้แต่กอดและปลอบโยนอยู่อย่างนั้นจนอิโนะอุเอะสงบลง
“อิโนะ...ไหวมั้ย?”
ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้ารับน้อย ๆ
“ไปพักสักหน่อยมั้ย?  วันอากาศดี ๆ แบบนี้...ไปนั่งเล่นที่สวนกลางกันเถอะ”

สวนกลางคือสวนสาธารณะของมหาวิทยาลัย  ที่ซึ่งเหล่านักศึกษาหรือคนนอกก็สามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้  เจพาอิโนะอุเอะมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ตอนที่รู้สึกแย่  ก็ต้องที่ที่เห็นท้องฟ้ากว้าง ๆ นี่ละนะ”  พูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นหญ้า  “นอนลงมาสิ  อิโนะ  ฟ้าวันนี้สวยมากนะ”
“อืม...”  อิโนะอุเอะค่อย ๆ ลงนอนตามคำชวน

เหนือเงาแมกไม้สูงขึ้นไปเบื้องบนคือท้องฟ้าสีครามเข้มแผ่กว้างไปไกลสุดตา  สีฟ้ากระจ่างใสมีเพียงปุยเมฆบาง ๆ ล่องลอยติดลมบนอยู่ไม่กี่ปุย  แสงแดดเป็นประกายระยับ  โลกทั้งโลกสว่างเจิดจ้าเสียจนแทบทนมองไม่ได้
มือเรียวยกขึ้นปิดหน้า  น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมาอย่างควบคุมไม่ได้...โลกนี้ช่างสว่างไสวเหลือเกิน  ต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง...ราวกับว่าเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกใบนี้อย่างนั้นแหละ
พลันอุ้งมืออุ่นก็ค่อย ๆ กุมมือของอิโนะอุเอะเอาไว้แล้วค่อย ๆ ดึงออก  ริมฝีปากอุ่นร้อนแนบลงมาจูบซับหยาดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้  อิโนะ  ฉันอยู่ที่นี่แล้ว”  เสียงห้าวทุ้มกระซิบที่ข้างหู
อิโนะอุเอะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง  คนตรงหน้ากำลังจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและแสนอ่อนโยน...ทำไมถึงได้มองเขาด้วยสายตาอย่างนั้นนะ...คนที่อยู่ในเงามืดอย่างเขานี่...
“หยุดเรียนไปหลายวัน  โดนพี่ชายเล่นงานเอาเหรอ?”
“อืม”
ที่จริง  แม้จะไม่ต้องถาม  สภาพร่างกายของอิโนะอุเอะก็บอกชัดอยู่แล้ว  แขนทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลพันไว้จนถึงฝ่ามือ  ที่ใบหน้าก็มีแผลที่ถูกปิดทับไว้ด้วยผ้าก็อซแผ่นใหญ่  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ข้อมือก็คงเต็มไปด้วยรอยกรีดแน่นอนอยู่แล้ว
“เพราะฉันไปที่บ้านนาย...ใช่มั้ย?”
ร่างเพรียวหลบตา  เจถือเอาอาการนั้นเป็นการตอบรับ
“ขอโทษนะ”
“ไม่ใช่”  อิโนะอุเอะรีบบอก  “ไม่ใช่เพราะโอโนเสะซังหรอก  เพราะฉันเถียงพี่...ฉันเถียงพี่เรื่องโนโนเสะซัง  พี่ก็เลยโกรธ”
“ฟังยังไงมันก็เพราะฉันทั้งนั้นนี่”
“ไม่ใช่  ไม่ใช่แบบนั้น...”  ร่างเพรียวปฏิเสธ  “พี่ไม่ได้โกรธที่โอโนเสะซังไปที่บ้าน  พี่แค่โกรธที่ฉันเถียง...ก็เลย...”
“รุนแรงกับนายมากเหรอ  ถึงได้หยุดเรียนไปนานแบบนั้น”
“...พี่โกรธมาก  ก็เลย...ลงมีดหนักกว่าปกติ...เลือดไหลไม่หยุด  พอรู้สึกตัวอีกที  ก็อยู่ที่โรงพยาบาล”  หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากดวงตาคู่นั้นอีก  “จำอะไรไม่ได้เลย...พี่คงโกรธฉันมากจริง ๆ...พี่คงอยากฆ่าฉันให้ตาย...”
เจรวบร่างตรงหน้ามากอดไว้แน่น  “พอแล้ว  อิโนะ  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ร่างเล็ก ๆ ที่สั่นเทานี้...ไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตาอีกแล้ว...จะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้ว...

...

“เอ้า  กาแฟร้อน ๆ  ดื่มซะ  จะได้รู้สึกดีขึ้น”  เจวางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่ส่งควันฉุยลงตรงหน้าอิโนะอุเอะ
“...ขอบคุณ”  เอ่ยรับเบา ๆ แล้วกุมถ้วยกาแฟไว้ก่อนจะยกขึ้นจิบแล้วถอนใจเฮือกใหญ่  ดวงตาทั้งสองแดงก่ำและยังชื้นไปด้วยน้ำตา

เมื่อสักพักใหญ่ที่ผ่านมานี่อิโนะอุเอะร้องไห้เสียเต็มที่ราวกับจะปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกลั้นเอาไว้มาทั้งชีวิตออกมา  เจได้แต่กอดเอาไว้อย่างนั้น  จนคนในอ้อมกอดค่อยยังชั่วลงแล้วถึงได้พามาที่ห้องพักของตัวเอง

“ดื่มแล้วพักเสียหน่อยก็ได้นะ  ที่นี่ปลอดภัย  ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”

พอได้ยินเจบอกเช่นนั้น  อิโนะอุเอะถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายของเจ  เมื่อครู่เขาเอาแต่ร้องไห้เสียจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร...ทั้งความกลัวที่มีต่อพี่ชายและความอ่อนโยนที่เจมีให้เขา  กระทบความรู้สึกของเขาอย่างรุนแรงเสียจนห้ามตัวเองไม่ได้...ที่บอกว่า  “ปลอดภัย”  เจคงหมายถึงปลอดภัยจากพี่ชายของเขาที่คงจะไม่มาที่นี่แน่นอน
“ขอบคุณ...แต่ฉันไม่เป็นไร”  อิโนะอุเอะบอกเบา ๆ...เจไม่เข้าใจหรอกว่าเขาไม่มีวันหนีไปจากพี่ชายได้พ้น  แม้จะอยู่ที่นี่พี่ชายก็ต้องตามหาเขาจนเจออยู่ดี
“ไม่เป็นไรได้ไง...”  เจแย้ง  “เอาเถอะ  ยังไงก็พักเสียหน่อย  วันนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วก็ได้”
อิโนะอุเอะส่ายหน้า  “ไม่ได้หรอก  ถ้าไม่ไปเรียนพี่ก็จะโกรธ”
ร่างสูงได้แต่ถอนใจ  หมอนี่กลัวพี่ชายเข้ากระดูกจริง ๆ...แต่ก็นั่นแหละ  ถ้าโดนแบบนั้นแทบทุกวันเป็นใครก็คงกลัวจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้น  แต่ที่เขาสงสัยก็คือ...ทำไมคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฝาแฝดกันถึงได้ทำร้ายกันถึงขนาดนั้นได้...มือใหญ่เอื้อมไปจับไหล่ของอิโนะอุเอะบีบเบา ๆ
“นี่  อิโนะ  วันนี้ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ  นายเพิ่งออกจากโรงบาลมาใช่มั้ย  พักสักนิดก็ได้  ไม่ต้องกลัวหรอก  ฉันไม่ให้พี่นายมาทำอะไรนายที่นี่หรอก...เข้าใจนะ”
น่าแปลกที่อิโนะอุเอะยอมเชื่อ  อาจเพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่ถ่ายทอดมากับมือนั้นก็เป็นได้  ตลอดวันนั้นทั้งวัน  อิโนะอุเอะนอนหลับสนิทอยู่บนฟูกที่เจปูให้  เมื่อสังเกตใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าดวงหน้าหวานดูอ่อนล้าและมีริ้วรอยซีดเซียวอย่างคนปราศจากความสุข

...น่าสงสาร...เจบอกกับตัวเอง  ถ้าทำได้เขาไม่อยากปล่อยให้อิโนะอุเอะไปไหนอีกแล้วจริง ๆ

ฉับพลัน  ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว

“...แล้วทำไม  จะทำไม่ได้วะ”

แค่ขอให้อิโนะอุเอะอยู่ที่นี่มันยากตรงไหน  การทำให้อิโนะอุเอะมีความสุขมันยากตรงไหน...ทำไมถึงจะทำไม่ได้



“เอ๋?”
“ไม่ต้องเอ๋  นายฟังไม่ผิดหรอก  ฉันกำลังบอกให้นายอยู่ที่นี่กับฉัน”
เมื่อกี้เจได้บอกกับอิโนะอุเอะที่เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นานแบบนั้น  แต่เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเองเขาจึงย้ำอีกครั้ง
“มะ...ไม่ได้หรอก”  อิโนะอุเอะรีบปฏิเสธทันที
“ได้สิน่า  เสื้อผ้าก็มีให้ยืม  เครื่องนอนก็มีให้พร้อม  หรือถ้าอยากได้อาหารด้วยฉันก็ทำเป็นนะ”
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น”  คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าแรง ๆ  “โอโนะเสะซังก็รู้...”
“กลัวพี่ชายจะตามมาราวีฉันหรือไง?”
อิโนะอุเอะพยักหน้ารับ  ตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าพี่ชาย
“หมอนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก  เชื่อสิ  ขนาดตัวก็ผิดกันเยอะแล้ว  ถ้ามาจะตบให้คว่ำเลย”  ที่พูดนั้นหมายความอย่างนั้นจริง  ลึก ๆ แล้วเจยังแค้นที่โดนเอาน้ำตาเทียนราดแขนไม่หาย
“ไม่...อย่าพูดอย่างนั้น...พี่น่ะ...พี่น่ะ...”  อิโนะอุเอะดึงแขนเสื้อของเจพลางละล่ำละลักบอก  สีหน้าตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด

...ยังไงก็กลัวสินะ...เจคิด  เขาดึงร่างที่สั่นระริกนั้นมากอดไว้กับอก

“ไม่ต้องกลัวนะ  ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง  ใช่มั้ย?  เพราะงั้น  ไม่เป็นไรหรอกนะ”

น่าแปลกที่คำปลอบโยนนั้นและอ้อมกอดของเจทำให้อิโนะอุเอะสงบใจลงได้  ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดของใคร  แต่ทุกคนที่ผ่านมากอดเขาเพียงเพราะต้องการร่างกายของเขาเท่านั้น  ไม่เคยมีใครเหมือนเจ  แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจถึงได้ห่วงใยและอ่อนโยนกับเขาถึงเพียงนี้  แต่เขาก็ชอบเจที่เป็นแบบนั้น
ใช่...ชอบ...แม้จะรู้ว่ามันจะนำพาอันตรายมาสู่เจได้ก็ตาม


ในที่สุด  คืนนั้นอิโนะอุเอะก็ไม่ได้กลับบ้าน  เขาซุกหลับอยู่กับอกของเจใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  เมื่อลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า  ก็พบคนที่นอนกกกอดเขาไว้ทั้งคืนตื่นก่อนแล้วและยิ้มให้เขา  ทั้งที่ยังประหม่าและเขินอาย  แต่อิโนะอุเอะก็ยิ้มตอบ  เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขามานานมากแล้ว

หลังจากนั้น  เจและอิโนะอุเอะก็อยู่ในห้องด้วยกันตลอดหลายวันโดยที่ไม่ได้ไปเรียน  แต่ละวันหมดไปโดยที่ต่างก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายนัก  อิโนะอุเอะมักจะนอนหนุนตักหรือเกยอยู่บนตัวของเจและหลับสนิทราวกับไม่ได้นอนมาเลยทั้งชีวิต  ระหว่างนั้นเจก็จะอ่านหนังสือบ้างหรือทำรายงานบ้างตามเรื่อง  ชายหนุ่มลางานพิเศษและคอยดูแลคนที่เขาขอร้องแกมบังคับให้อยู่ร่วมห้องกับเขาเป็นอย่างดี  บาดแผลของอิโนะอุเอะค่อย ๆ ดีขึ้นทีละน้อย  และดูเหมือนว่าบาดแผลในหัวใจก็จะจางลงไปพร้อมกับรอยแผลที่ข้อมือด้วย
“อีกไม่นานก็คงหายแล้วละ  ถึงจะทิ้งรอยไว้บ้างก็เถอะ”  เจพูดพลางติดพลาสเตอร์ยาให้หลังจากทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว
“อืม”  อิโนะอุเอะรับคำสั้น ๆ
“ถ้าหายแล้ว...ก็ต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก”  ร่างสูงพึมพำเหมือนจะพูดกับตัวเอง
คนตัวเล็กกว่าสลดวูบลง  ถึงแผลจะหายสนิทดีก็เถอะ  แต่ทันทีที่กลับบ้าน  มันจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่...เขาไม่ได้กลับบ้านร่วมอาทิตย์แล้ว  พี่ชายจะต้องโกรธจนไม่ฟังเสียงแน่...ที่จริงเขายังนึกแปลกใจด้วยซ้ำที่พี่ชายยังหาเขาไม่พบ...แต่ถ้าเมื่อไรที่คนคนนั้นหาที่นี่พบละก็...

เพียงแค่คิดถึงผู้เป็นพี่ชาย  อิโนะอุเอะก็ตัวสั่น  เจจับอาการนั้นได้จึงดึงร่างนั้นไปกอดไว้แน่น

“ไม่เป็นไรหรอก  ฉันจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรแบบนั้นกับนายอีกแล้ว  ต่อให้เป็นหมอนั่นก็เถอะ  ถ้าโผล่มาละก็จะอัดให้คว่ำแล้วไล่ตะเพิดไปซะเลย  ดีมั้ย?”
อิโนะอุเอะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วซุกลงกับอกกว้าง  กลิ่นอายของเจที่เริ่มจะคุ้นเคยทำให้เขาสงบลงได้อย่างประหลาดเสมอ  ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ละก็  จะต้องปกป้องเขาได้แน่...ถ้าเป็นอ้อมแขนนี้ละก็  เขาคงจะสามารถหลับสนิทได้ตลอดไปแน่ ๆ...อิโนะอุเอะเชื่ออย่างนั้น

พลันปลายคางก็ถูกช้อนให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของอ้อมกอดที่มองมาด้วยสายตาแปลกไปกว่าเคย  ดวงตาคมมีแววอ่อนซึ้งอยู่ในนั้น  แม้จะประหม่าเขินอายแต่อิโนะอุเอะก็ไม่อาจหลบตาได้  จึงได้แต่หลับตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่นโน้มเข้ามาใกล้และแนบสนิทลงกับเรียวปากอิ่มที่สะดุ้งไหวเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนั้น

โดยไม่ต้องมีคำพูดใด  อิโนะอุเอะก็รู้ได้ถึงความปรารถนาอันแสนหวานที่เจมีต่อเขา...และแน่นอน...เขาก็รู้สึกเช่นนั้นกับเจเช่นกัน

อิโนะอุเอะไม่ปฏิเสธอ้อมกอดของเจ  ตอบรับความรู้สึกอันหอมหวานลึกล้ำด้วยร่างกายที่เปิดรับ  และมอบความรู้สึกของตนผ่านการจุมพิตและสัมผัสให้  และเปลี่ยนความต้องการอันแสนเร่าร้อนและหวานล้ำดุจคอกเทลฤทธิ์แรงให้แก่กันและกันตลอดทั้งคืน  กระทั่งผล็อยหลับไปอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดที่เขาไว้วางใจ

...

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #9 เมื่อ12-08-2010 12:01:43 »

บทสรุป ของแสงและเงาสำหรับฝาแฝดคู่นี้ 
ขอให้สนุกรับวันหยุดนี้นะค่ะ
...
END


แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดม่านหน้าต่างเข้ามากระทบใบหน้าของร่างเพรียวบางที่ยังขดหลับอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเป็นสุข  อิโนะอุเอะปรือตาขึ้นแล้วก็เห็นเจกำลังแต่งตัวเหมือนเตรียมตัวออกไปข้างนอกอยู่
“...เจ...”  ชายหนุ่มพึมพำเรียกเบา ๆ  เจ้าของชื่อจึงหันกลับมามอง
“ตื่นแล้วเหรอ  เห็นกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกน่ะ”  รอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้เสมอมาดูอ่อนโยนยิ่งกว่าเก่า
“จะไปไหนเหรอ?”
“วันนี้ต้องส่งรายงานน่ะ  ของนายเองก็เรียบร้อยแล้ว  ฉันจัดการให้หมดแล้ว”  เจชู USB drive อันเล็ก ๆ ให้ดู  พอเห็นอิโนะอุเอะทำหน้างุนงงก็ปธิบายต่อ  “ตอนที่นายไม่มาเรียน  มีรายงานน่ะ  ฉันก็เลยจัดการให้เรียบร้อยแล้ว  ก็ลอกของฉันไปนั่นแหละนะ  ภาวนาเอาแล้วกันว่าอย่าให้อาจารย์จับได้”
ที่เห็นเจนั่งทำมาตลอดหลายวันนั่นคือรายงานสองเล่มงั้นหรือ...อิโนะอุเอะทำหน้าอย่างไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดี  แม้จะรู้ความรู้สึกของเจ  แต่เจก็ทำเพื่อเขามากเหลือเกิน
“เดี๋ยวไปเข้าเล่มส่งรายงานเสร็จแล้วจะรีบกลับนะ  นายนอนต่อก่อนก็ได้”  เจบอกพลางคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบ่า  “เดี๋ยวมานะ”
พูดแล้วร่างสูงก็ออกจากห้องไป

อิโนะอุเอะนอนจ้องมองประตูที่ปิดสนิทเมื่อผู้เป็นเจ้าของห้องออกไปเรียบร้อยแล้วอย่างว่างเปล่านิด ๆ  หลายวันมานี้เขาอยู่กับเจมาตลอด  ไม่เคยต้องอยู่คนเดียวเลย  แม้เขาจะทำตัวตัดขาดจากคนอื่นอยู่เสมอ  แต่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวเลย...ไม่เคยเลย  นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวตามลำพังจริง ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหมือนความฝัน  แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่  ทุกสัมผัสของเจยังติดตรึงอยู่บนเรือนร่างและในความรู้สึก...เสียงกระซิบที่ข้างหู  กลิ่นอายที่เริ่มจะคุ้นเคย  และความหยาบกร้านของมือที่ลูบไล้ไปตามผิวกาย...ทั้งหมดของเจตราตรึงอยู่ในตัวเขา  เช่นเดียวกับที่เขาก็มอบทั้งหมดของเขาให้กับเจ
ถ้าได้อยู่กับเจตลอดไปก็ดีสิ...อิโนะอุเอะคิดพลางปิดเปลือกตาลงอย่างมีความสุข  ถ้าได้อยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไปก็คงดี  ได้อยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นที่จะคอยปกป้องเขาตลอดไป  ไม่ต้องคอยหวาดผวากับความเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร  ไม่ต้องคอยหวาดกลัว...พี่ชาย...


“คิโยโนบุ!!”
เสียงตวาดดังก้อง  อิโนะอุเอะสะดุ้งสุดตัวและรีบลืมตาขึ้น...เป็นไปไม่ได้!...
ร่างที่คุ้นตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวกับภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงายืนอยู่ที่หน้าประตู
“...พี่...!?”
“ตกใจทำไม?  นายก็รู้ดีนี่ว่านายไม่มีวันหนีจากฉันไปไหนได้”  ร่างนั้นก้าวเข้ามาในห้อง  ดวงตาเย็นชาเป็นประกายวาววับมีเพลิงโทสะเต้นระริกอยู่ในนั้น

ร่างนั้นนั่งลงตรงหน้า  อิโนะอุเอะพยายามจะขยับตัวหนี  แต่ก็ทำไม่ได้  สายตาที่จ้องมาราวกับตางูที่จ้องสะกดเหยื่อ  พี่ชายที่มักจะยิ้มเรื่อย ๆ อยู่เสมอบัดนี้สีหน้านั้นนิ่งเย็นราวกับฉาบด้วยน้ำแข็ง  มือเรียวเอื้อมมาหาแล้วกระชากผ้าห่มที่คลุมร่างของอิโนะอุเอะออกอย่างรวดเร็ว

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองสำรวจทั่วร่างของผู้เป็นน้องชาย  ก่อนจะหรี่ลงด้วยความไม่พอใจ

“จนได้...ในที่สุดแกก็อ้าขาให้มัน”  น้ำเสียงเยียบเย็นจนน่าขนลุก
“ปละ...เปล่า..ไม่ใช่...”  อิโนะอุเอะพยายามปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าปกปิดไม่ได้
“อย่าแก้ตัว!  เห็นอยู่ตำตาขนาดนี้ยังจะพูดแบบนั้นอีกเหรอ!?  แกดูตัวเองซะก่อน  นี่มันรอยอะไร!?  มันทิ้งเอาไว้ใช่มั้ย?  ใช่มั้ย!?”  ตวาดลั่นพลางจิ้มลงไปตามรอยจูบสีเข้มที่เกลื่อนอยู่บนอกของผู้เป็นน้อง
“มะ...ไม่ใช่...นี่มัน...”  ชายหนุ่มพยายามจะแก้ตัวหากจนด้วยคำพูด
“อ้าขาออก  คิโยโนบุ”
“เอ๊ะ?”
“ให้ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ทำกับแกมากไปกว่านี้...อ้าขาออก!”  ไม่เพียงแต่ออกคำสั่งหากยังกดร่างของอิโนะอุเอะลงกับฟูกแล้วใช้สองมือแยกเข่าที่พยายามหุบแน่นออกจากกัน

แน่นอนว่าที่ซอกขาของอิโนะอุเอะยังคงมีคราบไคลจากการกระทำเมื่อคืนอยู่  แต่แค่นั้นยังไม่พอ  นิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางเร้นลับอย่างไม่มีอารัมภบท  อิโนะอุเอะสะดุ้งสุดตัว  กรีดร้องลั่น  หากอีกฝ่ายไม่ใส่ใจ  เรียวนิ้วกวาดควานไปทั่วจนสาแก่ใจจึงได้ถอนออก

สิ่งที่เคยเป็นของเหลวที่ตอนนี้จับตัวเป็นก้อนสีขาวขุ่นคล้ายเจลลี่ติดออกมากับนิ้วนั้นไม่น้อย

ผู้ป็นพี่จ้องสิ่งที่อยู่ในมือนิ่ง  เรียวปากอิ่มเม้มแน่นราวกับพยายามสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้  ดวงตาสีเข้มสั่นพร่าอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นคุโชนด้วยไฟโทสะ  ทั้งร่างสั่นเทิ้ม

อิโนะอุเอะหน้าซีดเผือด  ริมฝีปากสั่นระริก  หมดถ้อยคำจะปฏิเสธหรือโต้แย้งได้

“ฉันจะไม่ให้แกได้เจอมันอีก...ไม่มีวัน...ฉันจะไม่ให้แกออกไปไหนได้อีก...ไม่ให้ออกไปยั่วผู้ชายที่ไหนได้อีก...จะไม่ให้ออกไปไหนอีก...ได้ยินมั้ย!!  ฉันจะไม่มีวันให้แกออกไปไหน!  ไม่มีวันให้แกได้เจอมันอีก!!!!”

...

ตอนที่เจกลับมาถึงห้องก็เหลือเพียงสภาพห้องที่ข้างของกระจัดกระจายราวกับมีไต้ฝุ่นพัดผ่านเข้ามา  แต่ไม่มีร่างของอิโนะอุเอะที่ควรจะนอนพักอยู่...สภาพร่างกายแบบนั้นไม่ควรจะไปไหนได้นี่นา  เมื่อเช้าอิโนะอุเอะเหมือนจะเป็นไข้เสียด้วยซ้ำ...แถมสภาพห้องนี่มันอะไรกัน...

“...หรือว่า...หมอนั่น!?”

คิดได้อย่างนั้นแล้วเจก็รีบผลุนผลันออกจากบ้าน  ไม่ผิดแน่...พี่ชายของอิโนะอุเอะจะต้องตามมาเจอ  และพาตัวกลับไปแล้ว...คงจะต้องทะเลาะกันใหญ่โตแน่ ๆ ห้องถึงได้เละเทะขนาดนั้น  โดนพาตัวไปแบบนี้...ไม่รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นจะลงไม้ลงมือรุนแรงแค่ไหน  ครั้งก่อนแค่เขาโผล่หน้าไปก็ยังเล่นงานเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาล  แล้วนี่...ถ้ามันรู้เรื่องระหว่างเขากับอิโนะอุเอะละก็...

เจภาวนาไปตลอดทางให้อิโนะอุเอะปลอดภัย


พอถึงหน้าห้องพักอันเป็นที่หมาย  เจก็กดกริ่งหน้าห้องรัวไม่ยั้ง  ทว่าก็ยังไม่มีเสียงตอบ  ชายหนุ่มจึงทุบประตูและตะโกนเรียก
“อิโนะอุเอะ!  อิโนะ!!  ได้ยินมั้ย?  นี่ฉันเอง  เจไง  เปิดประตูหน่อย!  อิโนะอุเอะ!!”

ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตูลั่นกริ๊ก  แม้ประตูจะไม่เปิดออกแต่เจก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นเปิดล็อกให้เขาเข้าไป

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไปเต็มแรง  อากาศในห้องเย็นเยียบและอวลด้วยกลิ่นหอมเย็นชวนสะอิดสะเอียนอย่างที่เจเคยได้สัมผัสเมื่อครั้งก่อน  เทียนไขหลายเล่มที่วางไว้ตรงนั้นตรงนี้ส่องแสงวอมแวมจนทำให้เจรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง

ร่างของผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องและจ้องเขม็งมาที่ผู้มาเยือน  แม้จะไม่เห็นหน้าชัดนัก  แต่เจก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่อิโนะอุเอะที่เขาต้องการพบ
“มีธุระอะไร?”  ดวงตาที่เหลือบมองมาแฝงแววอาฆาตมาดร้ายอย่างผิดปกติ
“อิโนะอุเอะอยู่ไหน?”  ความเป็นห่วงคนรักอยู่เหนือความกลัว  ทำให้เสียงที่ถามออกไปค่อนข้างจะแข็งกร้าว
“ฉันนี่ไง  อิโนะอุเอะ”  อีกฝ่ายตอบอย่างเย็นชา
“ฉันไม่ได้หมายถึงนาย  ฉันหมายถึงอิโนะอุเอะของฉัน”
“ของแก!?”  น้ำเสียงสงบนิ่งเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที  ประโยคต่อมาตวาดลั่น  “คิโยะของฉัน!  ไม่ใช่ของแก!!”
“แกที่ทำร้ายเขาถึงขนาดนั้น  ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาเป็นของแกอีกงั้นเหรอ!?”  เจตะคอกตอบอย่างไม่กลัวเกรง
“คิโยะเป็นของฉัน!  เป็นมาตั้งแต่แรก...และตลอดไป!  คิโยะไม่มีวันเป็นของแก!!”
“...จากวันนี้ไป  อิโนะอุเอะเป็นของฉัน  และฉันจะไม่มีวันคืนให้แก”  ร่างสูงตอบพลางเดินเข้าไปใกล้
ร่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ  ก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้มที่มุมปาก  ดวงตาเป็นประกายวาบ  แสงเทียนทำให้รอยยิ้มและตาคู่นั้นดูราวกับปีศาจร้ายที่จ้องจะขย้ำเหยื่อ
“ของแกงั้นเหรอ...?  แกบอกว่าคิโยะเป็นของแกงั้นเหรอ?  ฮะ...ฮะ ๆ ๆ ๆ  จะขำตาย!  แกคิดว่านอนกับคิโยะแค่ครั้งเดียวก็ทำให้คิโยะเป็นของแกได้งั้นเหรอ!?  ไอ้หน้าโง่เอ๊ย!!”  ร่างเพรียวระเบิดหัวเราะก้อง  “คิโยะเป็นของฉัน!  ของฉันคนเดียวเท่านั้น  ไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นได้หรอก!!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งช่างรบกวนจิตใจ  เจตรงเข้าไปกระชากแขนของอีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้นยืน  เค้นถามเสียงกร้าว
“อิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน?”
ร่างเพรียวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเปลี่ยนเป็นเครียดขมึงด้วยความโกรธแค้น
“ฉันไม่ให้คิโยะได้เจอแกหรอก”
“ฉันถามว่าอิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน!?”  เจตะคอกถาม
แม้จะพยายามดึงแขนออกแต่ก็ไม่หลุด  เจมีแรงมากกว่าเขาชนิดเทียบกันไม่ติด  ชายหนุ่มจึงแสยะยิ้มให้
“หาเอาเองสิ”
เจจ้องตาอิโนะอุเอะผู้พี่  หากแววตาที่จ้องตอบมาเต็มไปด้วยความชิงชังและแววของการโกหก  ชายหนุ่มสะบัดปล่อยแขนนั้นแล้วเดินไปเปิดประตูด้านในที่น่าจะเป็นห้องนอน...ถูกละ  มันคือห้องนอน  แต่ในห้องเล็ก ๆ นั่นไม่มีอิโนะอุเอะ

เจผละจากห้องนอนไปเปิดห้องน้ำและห้องอาบน้ำ  แต่ที่ไหน ๆ ก็ไม่มีร่างของอิโนะอุเอะ

พลันก็แว่วเสียงหัวเราะดังมา  ชายหนุ่มหันขวับไปดู  แล้วก็เห็นผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังยืนหัวร่องอหายราวกับกำลังดูรายการตลกอยู่ก็ไม่ปาน
เจตรงเข้าไปคว้าไหล่บางไว้แน่น  หมอนี่ต้องเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่แน่
“อิโนะอุเอะอยู่ไหน!?”  ร่างสูงตวาด  เขาไม่อยากทนกับคนตรงหน้านี่อีกแล้ว
ร่างเพรียวแย้มเยื้อนอย่างยั่วยุ  “นั่นสิ...อยู่ที่ไหนน้า...”
เจนึกอยากตบเจ้าหมอนี่ให้สักเปรี้ยง  แต่สู้อดกลั้นเอาไว้  เขายังหาอิโนะอุเอะไม่พบ  ชายหนุ่มตะคอกถามพลางเขย่าร่างนั้นอย่างแรง
“ตอบมา!!  แกเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน!  อิโนะอุเอะไปไหน!?”
“อึ่ก...เจ็บ...เจ็บ!!  ปล่อยนะ!!”  ร่างเพรียวรวบรวมแรงสะบัดตบเจเต็มแรงแล้วกระชากตัวถอยออกมา  ลมหายใจหอบถี่  แววตาแค้นเคืองเป็นประกายราวกับหมาบ้า
“อิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน...?”
“หึ...อยู่ที่ไหนงั้นเหรอ...ไอ้หน้าโง่!!  ก็อยู่ตรงหน้าแกมาตลอดนี่ไง!  ไม่รู้งั้นเหรอ?  ทั้งที่ขโมยคิโยะไปจากฉันตั้งหลายวัน  แต่ไม่รู้เหรอว่าคิโยะก็อยู่ตรงหน้านายมาตลอดนี่แหละ!!”
“อะ...ไรนะ?”  เจไม่เข้าใจคำพูดนั้นแม้แต่น้อย
ร่างเพรียวยกมือขึ้นทาบอกพลางสยายยิ้มกว้าง  “คิโยโนบุอยู่ที่นี่...อยู่ข้างในนี้!  อยู่ข้างในตัวฉันนี่!!”
“พูดบ้าอะไรของแก?”  ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือไง
“หึ...ไม่เชื่อเหรอ?...ที่จริงฉันคิดว่าจะไม่ได้คิโยะได้เจอแกอีกเป็นครั้งที่สอง...”  ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินเกร่ไปที่โต๊ะกลางห้อง  “แต่ในเมื่อแกไม่เชื่อ...ฉันจะให้เจอหน้ากันอีกสักครั้งก็ได้...”
เจมองตามร่างนั้นไปอย่างไม่เข้าใจ  ร่างเล็กก้มหน้านิ่งนิดหนึ่งก่อนจะหันหน้ามาทางเขา
“เจ!  หนีไป!!  หนีไปเร็วเข้า!  หนีไป!!”
สีหน้าและแววตาคู่นั้น  ท่าทางนั้น...น้ำเสียงนั้น...เป็นไปไม่ได้!?

“อิโนะ...!?”

แล้วร่างนั้นก็ชะงักนิ่งไปกะทันหัน  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะแผดก้อง
“ฮะ ๆ ๆ ๆ  ดูทำหน้าเข้าเซ่!  ตกใจมากหรือไง?  ฮะ ๆ ๆ ๆ  คิดไม่ถึงใช่มั้ย  ว่าจะเป็นแบบนี้  ไม่คิดว่าคิโยะคือส่วนหนึ่งของฉันใช่มั้ย?  ฮะ ๆ ๆ”  ร่างเพรียวหัวเราะพลางเช็ดน้ำตาเหมือนกับกำลังดูรายการที่ตลกที่สุดในรอบปี

เจยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก...อิโนะอุเอะของเขาคือคนคนเดียวกับผู้ชายบ้าคลั่งตรงหน้านี้...นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

“ฮะ ๆ ๆ ๆ  ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องใช่มั้ย?  คิโยะคงไม่เคยบอกแกสินะ...ไม่แปลกหรอก  เพราะคิโยะก็ไม่รู้เหมือนกัน”  คนที่อิโนะอุเอะเรียกกว่าเป็นพี่มาตลอดเดินไปเปิดลิ้นชักเคาน์เตอร์ครัว  “คิโยะน่ะเข้าใจว่าฉันเป็นพี่ชายฝาแฝดมาตลอด  เพราะคิโยะจะเห็นฉันก็ตอนที่อยู่ในห้องนี้ตามลำพัง  คิดว่าฉันเป็นพี่ชายที่ร่างกายอ่อนแอจนออกไปไหนไม่ได้มาตลอด...แต่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละที่อยู่ในร่างของฉัน!”

“อยู่ในร่างของนาย?...หมายความว่าไง?”  เจยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก

มือเรียวหยิบมีดทำครัวเล่มใหญ่ออกมากุมกระชับไว้ในมือแน่น  เจมีท่าทีระวังตัวทันที

“ก็ไม่หมายความว่ายังไง  ก็แค่ฉันใจดี  ยกร่างนี้ให้คิโยะออกไปข้างนอก  ไปเรียนหนังสือ  ไปล่อผู้ชายโง่ ๆ มาให้ฉันเชือดเล่น...ก็แค่นั้น  ตอนที่ยังหาเหยื่อไม่ได้ก็เชือดคิโยะเล่นไปพลาง ๆ ก่อน  เสียงร้องของคิโยะน่ะเพราะออก  จริงมั้ย...หึ...หึ ๆ ๆ...หึ...”  เสียงหัวเราะขาดห้วงไป  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเบิกกว้าง  ก่อนจะหันขวับมามองเจและยกมีดขึ้นชี้หน้าอย่างมาดร้าย  “แต่ฉันไม่คิด...ไม่คิดว่าคิโยะจะบ้าไปอ้าขาให้แก!!  แกเป็นใคร!  กล้าดียังไงถึงมากอดคิโยะของฉัน!!...ไม่...ไม่สิ...คิโยะ...เพราะแก...เพราะแกคิโยะถึงได้เอาร่างของฉันไปยกให้แก!!  ร่างนี้...ร่างของฉัน!  คิโยะไม่มีสิทธิ์อะไรแท้ ๆ  แต่กลับไปอ้าขาให้แก!  ร่างของฉัน!!”

อิโนะอุเอะพุ่งเข้าหาเจพร้อมมีดในมือ  แต่ชายหนุ่มที่ระวังตัวเตรียมไว้อยู่แล้วหมุนตัวหลบแล้วยึดข้อมือข้างที่ถือมีดไว้แน่น
“ปล่อย!!  ไอ้สวะ!  ฉันจะฆ่าแก!  แกกล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!!  ฉันจะฆ่าแก!  ฉันจะให้คิโยะเห็นแกตาย!!  คิโยะจะต้องทรมานไปตลอดชาติ  ให้สาสมกับความผิดที่ทำเอาไว้!!”
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง!  อธิบายมาซะ  นี่มันเรื่องอะไร?  ที่ว่าอิโนะอุเอะอยู่ในตัวแกมันหมายความว่ายังไง?”  เจถามทั้งยังจับยึดร่างนั้นไว้แน่น
“นี่มันร่างของฉัน  คิโยโนบุเป็นแค่ผู้อาศัย!!  คิโยะเป็นแค่น้องชายที่ไม่ได้เกิดมาของฉัน...น้องชายฝาแฝด...ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคิโยะมีตัวตนอยู่ในตัวฉัน  จนกระทั่งวันนึงที่คิโยะปรากฏตัวขึ้นมา...วันที่ฉันฆ่าคนเป็นครั้งแรก...หึ  คิโยะร้องไห้ประสาทเสียจนคนรอบข้างคิดว่าฉันช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น  ไม่มีใครคิดว่าเป็นความผิดของฉัน...ฉันก็เลยคิดอะไรสนุก ๆ ได้  ต่อให้ฆ่าคน...แต่ใครจะคิดว่าอย่างคิโยะจะฆ่าคนได้  เอาคิโยะไปเป็นเหยื่อล่อ...เอาคิโยะไว้เป็นของเล่น...แต่งตัวให้น่ารัก  แล้วออกไปล่อเหยื่อมาให้ฉัน...ตลอดสิบกว่าปีมานี่สนุกจะตายไป!  นึกภาพสิ...คิโยะที่พยายามทุกวิถีทางที่จะหนีให้พ้นจากฉันน่ะ  เอาตัวเองไปไว้ในกลุ่มคน  อยู่ข้างนอกจนดึกจนดื่น  ไปกับคนนั้นคนนี้...แต่พอรู้สึกตัวอีกที  ก็หนีฉันไม่พ้น!  ต้องร้องไห้...ต้องถูกลงโทษ...ต้องเสียคู่ขา...เป็นของเล่น...เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ที่น่ารักจริง ๆ!!”

เจฟังถ้อยคำที่เหมือนจะพร่ำเพ้อแล้วก็สะท้านเยือกอยู่ในใจ  จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างของอิโนะอุเอะในตอนนี้เป็นโรคจิตสมบูรณ์แบบ...และฆาตกรโดยกำเนิด!!  แต่ยังมีสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ...

“แก...ให้อิโนะกรีดข้อมือตัวเอง  แล้วก็ทำร้ายเขา...แต่แกบอกว่าเป็นร่างของแก  แล้วแกไม่เจ็บปวดหรือไง?”
“ไม่!  ในเมื่อฉันไม่ได้ครองร่างนี้ทำไมฉันจะต้องเจ็บ?  ตอนที่คิโยะกรีดมีดลงไปบนผิวน่ะ...มันให้ความรู้สึกดีจะตาย  ความเจ็บปวดทางวิญญาณที่สะท้อนมาบาง ๆ น่ะ  ทำให้เสียวซ่านไปหมดทั้งร่างเลยละ  จะมีก็แค่วันนี้เท่านั้นละนะที่เจ็บ...แต่ไม่เป็นไร  แผลพวกนี้กำลังจะหายอยู่แล้ว  ฉันไม่เจ็บนานหรอก...ต้องขอบใจแกด้วยนะ  ไอ้หน้าโง่  อุตส่าห์รักษาให้อย่างดีขนาดนี้  ฮะ ๆ ๆ”

นี่มันเรื่องอะไร...คนตรงหน้านี้คือคนคนเดียวกับคนรักของเขาจริง ๆ งั้นหรือ

“แต่จากนี้ไป...ไม่ต้องใช้คิโยะเป็นเหยื่อล่อก็ได้  จากนี้ไปฉันจะออกล่าเอง  ให้คิโยะต้องทรมานกับการเห็นความตายครั้งแล้วครั้งเล่า  โทษฐานที่ทำให้ร่างของฉันแปดเปื้อน!”  ดวงตาเป็นประกายวาววับหันมาจ้องหน้าเจ  “เริ่มที่แกคนแรก...ดูซิว่าคิโยะจะร้องยังไงตอนที่ฉันเชือดแก!!
ร่างเพรียวสะบัดมือที่ล็อกตัวเอาไว้ออกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ  จ้วงมีดเข้าใส่เจอย่างรวดเร็ว  แต่เจก็ไวทายาด  เขาปัดมือนั้นไปให้พ้นทางก่อนจะยึดไว้อีกครั้งและเงื้อมือขึ้นหมายจะต่อยสักเปรี้ยง
แต่แล้วก็ต้องชะงัก...คนตัวเล็กกว่าหลับตาแน่น  เกร็งไปหมดทั้งตัวราวกับหวาดกลัวกำปั้นที่จะสวนเข้าหา  เมื่อไม่โดนแรงปะทะใด ๆ ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วจ้องหน้าเจด้วยแววตากลัวเกรงระคนหวั่นไหว
“...เจ...”  เสียงสั่นพร่ากระซิบเรียกชื่อคนตรงหน้า
“...อิโนะ...งั้นเหรอ?”
ไม่กี่อึดใจที่ชายหนุ่มชะงัก  พลันก็ร้อนวาบที่ท้อง  ครั้งแรกมันชา...แต่แล้วก็ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าใส่  เจรู้สึกว่าสองขาหมดเรี่ยวแรงจนทรุดฮวบลงกับพื้น  สองมือปล่อยร่างที่ยึดไว้มากุมที่ท้อง  เลือดสีแดงอุ่นร้อนไหลทะลัก...เขาถูกแทง!

วูบหนึ่งในอนุสติ  เจได้ยินเสียงอิโนะอุเอะหวีดร้อง

“ฮะ ๆ ๆ ๆ  หน้าโง่!!  แกมันโง่จริง ๆ!  ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะไม่ปล่อยให้คิโยะได้ออกมาเจอแกอีก!  นี่ไง...แค่มารยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หลอกควายอย่างแกได้แล้ว”  ร่างเพรียวก้าวมายืนค้ำร่างที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น  “คิโยะมันบ้า...บ้าที่เลือกคนอย่างแก!  และจากนี้ก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดกาล...ถ้าไม่เลือกแก  ถ้าไม่ปล่อยใจให้แก...ยอมเป็นของเล่นของฉันไปเรื่อย ๆ อย่างที่เป็นมา  แกก็จะไม่ต้องตาย...แต่สายไปแล้ว  คิโยะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว  ฉันจะเชือดแกต่อหน้าคิโยะ...จะตัดหัวของแกเก็บไว้ด้วยดีมั้ย  ให้คิโยะได้เห็นหน้าแกทุกวัน  จะได้เจ็บปวดทรมานไปจนตาย  ฮะ ๆ ๆ!!”

มีดคมกริบถูกเงื้อขึ้นสุดแขนและจ้วงลงมาเต็มแรง  เจหลับตาแน่น...เขาจะต้องตายอย่างนี้งั้นเหรอ  ทั้งที่ช่วยอิโนะอุเอะไม่ได้เลยนี่นะ...

แต่วาระสุดท้ายกลับมาไม่ถึง  มีดนั้นไม่ได้ทิ้งลงมา  เจรีบลืมตาขึ้นมอง...เขาเห็นร่างของอิโนะอุเอะค้างมือไว้เหนือร่างของเขาเพียงฉิวเฉียด
“อึ่ก...ปล่อยฉัน...คิโยะ!”  เสียงกระซิบดุดัน  มือเกร็งสั่นราวกับกำลังต่อสู่กับแรงอะไรบางอย่างที่รั้งมันเอาไว้
“ไม่”  เสียงตอบออกมาจากริมฝีปากเดียวกัน  หากฟังราวกับเป็นคนละคนกันโดยสิ้นเชิง  “ฉันจะไม่ให้พี่ทำร้ายเจมากกว่านี้อีก”
“ฉันบอกให้ปล่อย!  นี่มันร่างของฉัน  แกไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น!!”
“ร่างของพี่ก็จริง  แต่พี่ประมาทเองที่ให้ฉันครองร่างนี้มาเป็นสิบปี  สายใยของฉันกับร่างนี้แข็งแกร่งกว่าพี่นะ”
“ไม่!!  หายไปซะ!  คิโยะ!  กลับเข้าห้องไปซะ!!”

เจตะลึงมองการโต้เถียงกันของวิญญาณทั้งสองดวงอยู่เช่นนั้น...ในร่างนั้นมีวิญญาณสองดวงอยู่จริง  และตอนนี้กำลังต่อสู้กันเพื่อชีวิตของเขา

“พี่...ฉันยอมพี่มาตลอด  เพราะฉันกลัวพี่  ฉันถูกพี่กดเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้...เพื่อเจ”
“เพื่อมัน!?  บ้าอะไรของแก  แค่เอาร่างของฉันไปยกให้มันยังไม่พออีกงั้นเหรอ!  เป็นบ้าอะไรของแก  คิโยโนบุ!!”
“พี่ไม่เข้าใจหรอก...เพราะพี่ไม่เคยรักใคร  พี่รักแค่ตัวเอง...พี่ฆ่าทุกคนที่เข้าใกล้ฉันเพื่อปกป้องตัวเอง  ปกป้องร่างกายของตัวเอง  แต่กลับไม่เคยคิดจะครองร่างนี้เพราะพี่เกลียดความเจ็บปวด...ใช่  ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันรู้สึกตัวขึ้นมา...พี่ก็หยุดความนึกคิดของพี่ไว้แค่ตอนนั้น  ความคิดของเด็กที่โลกทั้งโลกหมุนรอบตัวเอง...”
“หุบปาก!  แกไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้!!”
“และเพราะพี่เป็นเด็กแบบนั้น...ฉันถึงปล่อยพี่ไว้คนเดียวไม่ได้  แต่...ถ้าปล่อยไว้แบบนี้  พี่ก็จะฆ่าเจ  ซึ่งฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน  เพราะงั้น...ฉันจะทำให้มันจบเอง”

อิโนะอุเอะค่อย ๆ ลุกขึ้น  สายตาที่ทอดมองเจเต็มไปด้วยความอาลัยรัก

“นายจะไม่เป็นไร...ฉันจะปกป้องนายเอง...”
พูดจบอิโนะอุเอะก็เดินออกจากห้องไป
เจคิดว่าเขารู้ว่าอิโนะอุเอะคิดจะทำอะไร  ชายหนุ่มพยายามยันกายขึ้น  แผลที่ท้องไม่เล็กเลย  แต่เขายังพอทนไหว  ถ้าไม่รีบไปละก็...


สายลมแรงพัดวูบผ่านดาดฟ้า  ร่างเพรียวบางปีนออกไปยืนอยู่นอกลูกกรง  ในหัวเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องไม่ยินยอมกับการตัดสินใจของเขา
“พี่...พอเถอะ...เราไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันดีกว่า”
“ไม่!!  ไม่เอา!  ฉันไม่อยากตาย!!”
เสียงประตูดาดฟ้าเปิดออก  ร่างอันชุ่มด้วยเลือดของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองโผเผออกมายืนพิงกำแพงไว้อย่างอ่อนแรง
“อิโนะ...อย่านะ...”
ร่างเพรียวหันไปมองแล้วยิ้มให้
“นี่เป็นทางเดียวที่พี่จะฆ่านายไม่ได้...”  น้ำตาไหลหยดจากดวงตากลมโตแล้วโดนลมพัดหายไป  “ขอบคุณที่รักฉันนะ  เจ...ฉัน...ก็รักนายเหมือนกันนะ”
ขาดคำ  อิโนะอุเอะก็ทิ้งร่างลงไปในความว่างเปล่าเบื้องล่าง  ในหูได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังก้อง
...ดีเหลือเกิน  ที่เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงของคนที่เขารัก...

“พี่รู้มั้ย  ฉันจะทิ้งทุกอย่างแล้วหลับลึกไปในความมืดเลยก็ได้  แต่ฉันไม่ทำ...เพราะฉันทิ้งพี่ไว้ไม่ได้...ฉันรักพี่นะ...”

...

ชายหนุ่มร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินหยาบ  สองข้างทางเรียงรายด้วยป้ายหินหลุมศพ  ผ่านไปหลายเดือนแล้ว  นับตั้งแต่คืนที่คนรักของเขาฆ่าตัวตาย  บาดแผลของเขาก็หายสนิทแล้ว
มือใหญ่กำช่อดอกไม้ไว้แน่น...ความจริง  มันไม่ควรจบแบบนี้เลย  เขาควรจะห้ามอิโนะอุเอะไว้ให้ได้  แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม...

แต่มันก็จบลงแล้ว...อิโนะอุเอะไม่อยู่แล้ว...

...และอิโนะอุเอะผู้พี่ก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน...

เจชะงักเท้า  ที่หน้าหลุมศพมีใครบางคนยืนอยู่ก่อนแล้ว  พอตั้งใจดูให้ดีก็พบว่าเป็นแม่ของอิโนะอุเอะที่ได้พบกันในงานศพ  พอฝ่ายนั้นหันมาเห็นเขาก็เอ่ยทัก
“ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ”
“ครับ  นานทีเดียว”
“แผลเป็นยังไงบ้าง?”
“หายเรียบร้อยดีแล้วครับ  ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอโทษนะจ๊ะ  ที่คิโยโนบุเขา...”  เธอยังดูเป็นกังวลมากเหลือเกิน
“ไม่หรอกครับ  เรื่องมันผ่านมาแล้ว  คุณแม่อย่าพูดแบบนั้นอีกเลย”
หลังจากเยี่ยมหลุมศพแล้ว  เจก็เดินเคียงข้างแม่ของอิโนะอุเอะลงมาจากสุสาน  แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวของลูกชายให้ฟัง
“คิโยโนบุน่ะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฉันหรอกจ้ะ  แต่เป็นลูกของน้องสาว”
“อ้าว  แล้วทำไม?”
“โชคไม่ดีน่ะจ้ะ  ตอนที่คิโยโนบุยังแบเบาะ  เธอโดนสามีฆ่าตาย  แล้วผู้ชายคนนั้นก็ถูกตำรวจยิงตาย  ฉันก็เลยรับเอาเด็กคนนั้นมาเป็นลูก”  สายตาที่หรุบต่ำดูแสนเศร้า  “คิโยโนบุน่ะเป็นเด็กที่น่ากลัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้วจ้ะ  แต่กว่าฉันจะรู้ตัว  พฤติกรรมโหดของเขาก็ชักจะเลยเถิดไปทุกที  เขามักจะจับสัตว์เล็ก ๆ มาฆ่า  แล้วก็เล่นสนุกอยู่คนเดียวในสวน...ยอมรับเลยว่าตอนนั้นฉันเองก็กลัวเขามากเหมือนกัน...เขาเหมือนกับพ่อของเขาไม่มีผิด”
นิสัยโหดร้ายนั่นมาจากสายเลือดฆาตกรงั้นรึ...
“แต่วันนึง...เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ตอนนั้นมีเด็กข้างบ้านคนนึงพยายามจะล่วงเกินเขา  ไม่มีใครรู้หรอกจ้ะ  จนค่ำแล้วคิโยโนบุกับเด็กคนนั้นยังไม่กลับบ้าน  พวกผู้ใหญ่ก็ช่วยกันออกตามหา  แล้วก็ไปเจอคิโยโนบุกับเขาอยู่ที่ศาลเจ้าเก่าบนเขา  แต่เด็กคนนั้นนอนจมกองเลือดอยู่  กว่าพวกเราจะไปถึงเขาก็ตายเสียแล้ว  ดูจากสภาพโดยรอบแล้ว  ตำรวจก็คาดว่าคิโยโนบุเป็นคนเอาท่อนไม้ฟาดเขาจนตาย  แต่เด็กคนนั้นกลับเอาแต่บอกว่า...พี่ชายเป็นคนทำ...”

เจสะดุ้งวาบอยู่ในใจ...นั่นคือวันนั้นที่อิโนะอุเอะคนพี่พูดถึงงั้นหรือ...

“แล้วหลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเลย...กลายเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว  ไม่สุงสิงกับใคร  แล้วก็มักจะทำร้ายตัวเอง...แต่ก็จะเอาแต่บอกว่าพี่ชายเป็นคนทำ  ทั้งที่เป็นลูกคนเดียวแท้ ๆ...หมอบอกว่าอาจเป็นอาการช็อกจากเรื่องเมื่อตอนนั้นก็ได้  เราพยายามรักษาแต่ก็ไม่หาย  คิโยโนบุยังคงเห็นภาพหลอนของพี่ชายมาตลอด”

...ไม่ใช่ภาพหลอนหรอก...เจอยากจะบอกอย่างนั้น  แต่เรื่องแบบนั้นใครจะไปเชื่อได้

เจร่ำลาแม่ของอิโนะอุเอะที่หน้าวัด  แม้จะสูญเสียลูกชายไป  แต่อย่างไรซะเธอก็คงโล่งใจได้ว่าไม่ต้องคอยเป็นห่วงว่าลูกชายจะทำร้ายตัวเองอีกแล้ว  จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิโนะอุเอะ  ทำให้ตำรวจสรุปว่าเป็นการคุ้มคลั่งจนทำร้ายเจและฆ่าตัวตาย  ผลการสืบค้นเพิ่มเติมพบกว่าอิโนะอุเอะเคยฆ่าคนมาหลายครั้งแต่ไม่มีหลักฐานสาวถึงตัวได้
เจยกมือขึ้นกุมบริเวณแผลที่โดนแทง  บาดแผลหายแล้วก็จริง  และสักวันรอยแผลเป็นอาจจะจางลงได้...แต่เขาไม่แน่ใจว่าความทรงจำเกี่ยวกับชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งอยู่ที่แถวหลังสุดของห้องและไม่ยอมเข้าใกล้ใครคนนั้น...และใครบางคนในห้องที่เต็มไปด้วยแสงเทียนนั้น...จะจางหายไปหรือไม่  บางที...ความลับของอิโนะอุเอะอาจจะคงอยู่และตายไปกับตัวเขา...
...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น...ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ...
...อย่างน้อย...นั่นก็คืออิโนะอุเอะที่เขารัก...

“...ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ  เจ...”

30 กรกฎาคม 2553
HAKURO

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-08-2010 12:01:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #10 เมื่อ12-08-2010 14:52:15 »

จบเศร้าอะ รออ่านเรื่องต่อไปนะ  :L2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #11 เมื่อ12-08-2010 16:39:25 »

 :เฮ้อ:จบซะแล้ว

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #12 เมื่อ12-08-2010 18:23:49 »

ชอบอ่ะ!!
ดาร์กสะใจค่ะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #13 เมื่อ12-08-2010 18:46:25 »

ไม่น่าหลงเข้ามาอ่านเลยอ่ะ
แซดจิตมากๆ
ฮ่าๆ
ล้อเล่นๆๆๆ
จบแบบนี้ จิงอ่ะ

ปล ดีนะที่ไม่อ่านตอนหลางคืน
ไม่งั้นคงเสียววาบ
เหอๆ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #14 เมื่อ13-08-2010 13:37:36 »

HAKURO ฝากขอบคุณมาครับที่เข้ามาอ่าน และฝากเม้นท์ไว้

โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นล่าสุดของฮะ  แต่ความที่มันทั้งดาร์ก+ SM เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่าจะมีคนอ่าน
แต่เมื่อมีเห็นคนเปิดเข้ามาดูก็มีกำลังใจขึ้นมาเลย  แล้วจะทยอยเอาเรื่องต่อๆ ไปมาลงนะค่ะ
 :m26:กระซิบนิดหนึ่ง  เรื่องหน้าคงไม่ดาร์กเท่านี้ (มั้ง) ^-^

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #15 เมื่อ18-08-2010 20:43:47 »

ฮืออออออออ  :m15:

ไม่น่าเลยยยยยยยยย

Sherbet_Jeed

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #16 เมื่อ19-08-2010 09:12:08 »

โรแมนติก ทริลเลอร์มาก ๆ ค่ะ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #17 เมื่อ19-08-2010 20:07:02 »

จบเศร้า  :impress3:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #18 เมื่อ20-08-2010 02:36:38 »

เห็นชื่อคุณฮะ ตอนแรก ตกใจ.....เหวออออออออ มาที่เล้าด้วยยยยย อะไรแบบนั้น
ดาร์คสมเป็นคุณฮะ แต่ในความดาร์ค อิโนะงามเสมอ...(เกี่ยวไหม)
เหมือนจะเดาได้ในตอนแรก แต่พออ่านไปก็เริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูกกับความคิดที่โดนหลอกล่อไปมา
แต่ชอบค่ะ อยากได้คัมโคลสเซอร์เหมือนกันนะคะ แต่ไม่ได้ลงชื่อสั่งเอาไว้ (ช่วงนั้นไม่มีเงินนี่นา)


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #19 เมื่อ20-08-2010 04:36:54 »

เศร้าจัง แอบหวังว่าจะไม่เศร้านะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
« ตอบ #19 เมื่อ: 20-08-2010 04:36:54 »





ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #20 เมื่อ20-08-2010 07:24:02 »

จบเศร้า T^T

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #21 เมื่อ20-08-2010 09:50:01 »

จบเศร้าจัง แต่แนวนี้ไม่เคยอ่าน หนุกดีๆๆ

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #22 เมื่อ20-08-2010 21:53:26 »

วิ่งมาดู เพราะ โอโนะเสะ จุน กับ อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ

นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พิมพ์ชื่อนี้~~

คิดถึงจัง ขอบคุณ คุณฮะฯ นะคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #23 เมื่อ21-08-2010 17:18:11 »

เศร้าอ่ะ TT^TT

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #24 เมื่อ21-08-2010 20:58:02 »

 :sad11:

ทำไม มมมมม เห่อ อ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องสั้น Hilight & Deep shade by HAKURO # END (12-08-10)
«ตอบ #25 เมื่อ06-09-2010 00:19:35 »

อ่านตอนสองเดาได้ว่าคิโยะกับพี่ใช้ร่างเดียวกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีวิญญาณสองดวงจริงๆ
สารภาพว่าครั้งแรกที่อ่านอ่านได้แค่ตอนแรกค่ะ แบบว่ากลัวเจจะตายเลยไม่กล้าอ่านต่อ

คราวนี้รวบรวมลมปราณเริ่มอ่านใหม่รวดเดียวเลย ขอบคุณมากนะคะ ^o^

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
Re: Hilight & Deep shade by HAKURO
«ตอบ #26 เมื่อ24-11-2010 18:08:41 »

ชอบบบ !! จบเศร้าไปหน่อยแต่ก้
SM & Dark
 :impress2:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: Hilight & Deep shade by HAKURO
«ตอบ #27 เมื่อ25-11-2010 22:07:41 »

จบแบบเศร้าปนเหงาๆ
ตายไปสองวิญญาณหนึ่งร่าง อ่านมาตอนท้ายคิดว่าเจจะตายซะแล้ว
มีแอบเลื่อนแว๊ปมาอ่านข้างล่างก่อนนิดนึงด้วย ^^

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: Hilight & Deep shade by HAKURO
«ตอบ #28 เมื่อ26-11-2010 02:21:30 »

เยี่ยม

ออฟไลน์ Meen_Emp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
Re: Hilight & Deep shade by HAKURO
«ตอบ #29 เมื่อ28-11-2010 13:46:21 »

--**--

เศร้าอ่ะ...แต่สนุกมากค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด