ชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียงขยับเปลือกตาเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงแสงสว่างเล็กๆที่สาดเข้ามาในห้องพักกว้าง เขาหรี่ตาเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง ทำให้เห็นว่าที่ปลายเตียงเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุของการขับรถมากลางดึกถึงขอนแก่น กำลังนั่งฟุบกลับกับเข่าของตนเอง สมปองที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงเดฟกำลังห่อตัวด้วยความหนาว มือแกร่งดึงเอาผ้าห่มไปคลุมร่างเล็กนั่น ใบหน้าคมมองใบหน้าเล็กๆที่หลับสนิทไปทั้งแบบนั้น แล้วถอนหายใจ ก่อนจะลุกไปทำธุระในห้องน้ำ
ความอบอุ่นรอบกายทำให้เด็กหนุ่มตื่น ผ้าห่มผืนหนาคลุมรอบกาย กับเสียงน้ำที่ได้ยินดังมาจากในห้องน้ำ ทำให้เด็กหนุ่มยิ้มออกมาเล้กน้อย ปลายจมูกกดลงบนผืนผ้า ลมหายใจสูดเข้าลึก ก่อนจะลุกขึ้น
ยืน พยายามจะพับผ้าผืนใหญ่อีกรอบ ความกว้างของผ้า กับ ความหนัก ทำให้ท่าทางเปิ่นๆของสมปองยิ่งพาลไปกันใหญ่ จากที่จะพับผ้ายิ่งกลายเป็นว่า ผ้าจะพันตัวเองหายเข้าไปในผ้าเสียอย่างนั้น
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นสบู่ถูกๆของโรงแรมอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แผ่นอกกว้างยังคงเปียกชื้น คิ้วหนาขมวดเล็กๆเมื่อเห็นสภาพของสมปอง
" ตื่นแล้วเหรอ? .. ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะไปส่งที่โรงพยาบาล "ถ้าเป็นปกติเขาคงจะไปดึงเอาตัวเล็กๆนี่ออกมาจากผ้าห่ม
"ผม...ผมอาบแล้วครับ..." เด็ฏหนุ่มตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่พันตัวเองอยู่กับผ้า ในที่สุดก็หาทางพับผ้าลงไปได้ ด้วยการล้มมันลงไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะตะเกียกตะกายออกมาจากผ้า
"เฮ้อ....โอเค...เรียบร้อย....." ก่อนที่เสียงจะเงียบไปเมื่อหันมาเจอชายหนุ่มร่างสูงกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนอยู่ตรงหน้า
"อ่า....ผมลงไปรอข้างล่างดีกว่า?..." ว่าพลางก็ชี้มือไม้ไม่ถูกทิศตรงกันข้ามกับทิศที่ตัวเองจะต้องเดินไป
" เดี๋ยว "ชายหนุ่มที่สวมผ้าขนหนูผืนเดียวเรียกเอาไว้ แล้วเปิดกระเป๋าเงินหาอะไรบางอย่างแล้วยื่นให้
" คูปองอาหารเช้า ไปกินซะ "
"ลงไปกินเหรอฮะ.... เอาให้เขาดูแล้วตักกินได้เลยใช่ไหมฮะ....." เด็กหนุ่มถามด้วยไม่รู้
" อืม ก็ทำตามคนข้างหน้านั่นแหละ ทำไม่เป็น มีปากก็ถามเอาละกัน "ดวงตาสีเข้มมองสภาพของอีกฝ่าย
" ไปสิ "
"......ครับ...." เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ๊ตที่ผึ่งลมไว้เมื่อครู่มาสวมทับลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
....คุณไม่ยิ้มให้ผมจริงๆด้วยซิ่นะ....++++++++++++++++++
ได้รับคำสั่งให้ลงมากินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรม เด็กหนุ่มเดินวนหมุนรอบตัวเองอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจว่าต้องเดินไปหยิบอะไรกินก่อนกินหลัง สมปองนั่งทานข้าวไปอย่างเงียบๆ พยายามกลืนความกังวลเรื่องแม่ และ ความเจ็บปวดในใจให้หายลงไปพร้อมๆกัน มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปเกือบจะเก้าโมงแล้ว ใจนึกอยากจะไปหาแม่ที่โรงพยาบาลเร็วๆ แต่ก็ได้แต่โทรศัพท์บอกน้าว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอที่อาจจะต้องใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะเข้าไปถึง
เด็กหนุ่มร่างผอมลุกจากโต๊ะในห้องอาหารทั้งๆที่ข้าวต้มเพียงถ้วยเดียว กับน้ำเปล่าอีกแก้วยังพร่องไปได้ไม่ถึงครึ่ง ไปถึงที่จอดรถก็วิ่งหาผ้าสำหรับทำความสะอาดกับพนักงานแถวนั้นและถังน้ำ มาเช็ดถูกระจก
ทำความสะอาดรถสปอร์ตคันงาม รอเวลาให้เจ้านายของเขาเดินลงมา
"ทำอะไร?" เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นจากด้านหลัง เมือ่เห็นเด็กหนุ่มในชุดสูทแบบนักร้องเกาหลีกำลังเช็ดรถให้เขาอยู่
"เช็ดรถให้คุณแมกซ์ครับ..." เด็กหนุ่มตอบพลางล้างผ้าที่ใช้ถูกกับน้ำในถังที่เริ่มเปลี่ยนสี
"คราวหลังที่ไม่ได้บอก ก็ไม่ต้องทำ .. ขึ้นรถได้แล้ว "พศวัตดุพลางกดเซนทรัลลอค
".................." สมปองสูดลมหายใจเข้าลึก
"ขอโทษครับ...เดี๋ยวผมจะรีบเอาถังไปเก็บแล้วจะรีบกลับมาครับ" คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มเจ็บร้าวเข้าไปข้างใน ก่อนจะรีบถือถังน้ำเดินไปอีกทาง ไม่นานนักก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายติดเครื่องรถรอแล้ว
++++++++++++++++++
รถสปอร์ตคันงาม แล่นไปตามถนนในตัวเมืองเรียกความสนใจจากคนแถวนั้นได้มากเลยทีเดียว แต่เพราะว่าในตัวเมืองจึงทำให้เจ้าของรถไม่ได้ขับเร็วปานจรวดเหมือนตอนที่มาจากกรุงเทพ ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนอย่างที่เคยเมื่อวันก่อนเลยจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล
โรงพยาบาลประจำอำเภอที่อยู่ห่างจากตัวเมืองในเช้าวันธรรมดาเช่นนี้ คราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งตัวผู้ป่วยเองก็ดี ตัวญาติมิครที่พามาก็ดี หรือคนจะมาเยี่ยมมาเฝ้าไข้ก็ดี บ้างก็นั่งกันตามเก้าอี้ตรงบริเวณที่ทางโรงพยาบาลจัดเอาไว้ให้รอรับบริการ บ้างก็ยึกสวนหย่อมเล็กๆของทางโรงพยาบาลเป็นที่มั่นนั่งปูเสื่อรอกันแต่หัววัน แม้จะไม่ได้เรียกว่าลำบากลำบน แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าสะดวกสบาย อย่างไรเสียโรงพยาบาลรัฐก็ไม่ได้ บริการ ดีเลิศเหมือนอย่างโรงพยาบาลเอกชน เรื่องนี้นั้นคงเป็นที่รู้กันทั่วไป
เด็กหนุ่มรีบรุดไปถามชื่อของแม่กับพยาบาลท่ามกลางอากาศที่ร้อนอ้าวก่อนจะเดินนำผู้เป็นนายไปตามทางที่พยาบาลบอกไปยังตัวตึก ห้องผู้ป่วยรวมเขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน เตียงผู้ป่วยหญิงตั้งเรียงเป็นทางยาวเข้าไป เห็นแผ่นหลังกว้างของลุงดำ ชายแก่ที่อยู่ข้างบ้านขยับไหวโพล่พ้นชายผ้าม่านที่กั้นเอาไว้ออกมา
"ลุงดำ...น้าเพ็ญ...." สมปองปราดเข้าไปหาคนทั้งสองที่มีสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะหันไปมองร่างของผู้เป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง เสียงเครื่องวัดชีพจรทำงานเป็นจังหวะใบหน้าของแม่ที่พริ้มหลับอยู่นั้นดูอิดโรยและผอมสูบกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้มากอด มาเจอ มากราบเท้า
"แม่......" สมปองเอ่ยเสียงสั่น มือผอมยื่นไปจับมือที่มีสายน้ำเกลือ สายอะไรต่อมิอะไรเจาะระโยง ภาพที่ได้เห็นนั้นยิ่งชวนให้ปวดใจ
"แม่แกอยู่ๆก็บ่นว่าปวดท้อง ข้าก็เลยรีบพามา หมอเขาตรวจดูก็ว่า....โรคมันกินเข้าไปเยอะ....กระจายไปมากแล้ว" เสียงลุงดำเอ่ย
"แล้วแม่ไม่ได้กินยาเหรอ น้าเพ็ญ ผมส่งเงินให้แม่มาซื้อยานี่...ทำไมล่ะ...." เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าน้าสาว
"ฉันก็จัดการให้เขาซื้อยานะ...แต่น้อย...เราก็มีเงินเท่านี้...แกกับฉันช่วยกันหาเท่าไรๆกับโรคที่แม่แกเป็น มันก็........." เสียงน้าสาวสะอื้นออกมาเหมือนกัน ร่างสูงใหญ่ของคนที่เดินตามหลังมาทำให้ญาติของสมปองต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"สวัสดีครับ" พศวัตยกมือไหว้คนทั้งคู่ ก่อนจะมองไปที่ร่างผอมที่นอนสวมเครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียง ที่ยังคงไม่รู้สึกตัว
"อ่ะ...สวัสดีครับ..."
"สวัสดีค่ะ" ทั้งน้าเพ็ญและลุงดำต่างยกมือขึ้นไหว้นอบน้อม ท่าทางของพศวัตดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนแถวนี้เป็นแน่
" ผม พศวัต ....... เป็นเจ้านายของ เจ้าน้อยมันน่ะครับ " เขารีบแนะนำตัว ใบหน้าคมแสดงความเป็นห่วงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"น้อย นี่ลำบากไปถึงคุณเขาเลยเหรอ..." เสียงน้าเพ็ญดังขึ้นพร้อมกับดึงตัวหลานชายเข้าไปหา
"ขอโทษคุณด้วยนะคะที่ทำให้ลำบาก ความจริงไม่จำเป็นเลย ..."
" ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ ที่จริง ให้เด็กมันกลับมากลางดึกคนเดียว ผมเองก็เป็นห่วง มาส่งเองจะดีกว่าครับ
" ชายหนุ่มรีบบอก " ว่าแต่ .. คุณน้าอาการเป็นยังไงบ้างครับ "
"ก็ตอนพามาก็บ่นว่าปวดมาก...นี่ที่หลับไปก็เพราะยาที่หมอให้นั่นล่ะครับ...จากที่หมอว่านี่ก็คงจะมีอาการแบบนี้มาพักใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ทนไว้ตลอด นี่ทั้งๆที่ป่วยแต่ก็ยังทำงานตลอด เล็กๆน้อยๆ ตามแรงที่เขามี ก็มาช่วยที่บ้านผมเลี้ยงไหมบ้าง ย้อมสีไหมบ้าง...ก็ตามแรงน่ะครับ ก็มีอะไรจะช่วยกันได้ก็ช่วยๆกัน...นี่อยู่ๆก็ล้ม ผมเองก็ตกใจ ที่บ้านนี้เขาก็มีกันแค่สองคน ผมก็เลยรีบโทรไปบอกไอ้น้อยมัน..."ลุงดำที่บ้านทอผ้าไหมขายเป็นอาชีพหลักของทางบ้าน รายได้ที่ค่อนข้างจะจัดได้ว่าพอมีพอกิน ทำให้เขาพอช่วยเหลือบ้านของสมปองได้บ้าง พอลุงดำพูดจบก็ถอนหายใจออกมา มือใหญ่สากยื่นไปตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ
" งั้นเหรอครับ" ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆ ห้องพักรวมแบบนี้มันไม่สะดวกเท่าไหร่เลย
"แล้ววันนี้ คุณหมอเข้ามาดูบ้างรึยังครับ? "
"อ้อ...เอ่อ...ก็เห็นว่าจะเข้ามาตอนสิบโมงน่ะครับ... " ลุงดำตอบได้ยินพศวัตถามถึงหมอแบบนั้น
สมปองจึงหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่อุตส่าห์พาเขามาถึงที่นี่ ดวงตากลมโตมองเหมือนมีคำถาม
พศวัตสบตากับเด็กหนุ่มก่อนจะมองเลยไปยังลุงกับป้าอีกครั้ง
"งั้นเดี๋ยวก็คงมาล่ะครับ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน จะได้คุยกันได้ตามสบายนะครับ" ว่าแล้วก็ยิ้มให้คนทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากห้องพักรวมไป
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆแม่ มือเล็กกุมมือของแม่เอาไว้แบบนั้น
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ไไม่นานก็มีบุรุษพยาบาลและพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหมอที่ดูแลแม่ของสมปองก็เดินเข้ามา แจ้งให้ทุกคนทราบว่าจะย้ายคนไข้ไปยังห้องพิเศษที่อยูชั้นบน สมปองตกใจแต่ไม่ทันได้ทัดทาน ก็ต้องหลีกทางออกมาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน เด็กหนุ่มเดินออกมารอที่หน้าห้อง และที่หน้าห้องผู้ป่วยรวมนั้นเอง ร่างสูงของพศวัตยืนอยู่กำลังคุยกับหมอที่ดูแลไข้ ดูท่าเหมือนจะกำลังกล่าวขอบคุณกันอยู่ มือของเด็กหนุ่มกำแน่นเข้าที่ข้างตัวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนรอให้หมอ ลุงดำ และ น้าเพ็ญเดินนำไปก่อน
"คุณแมกซ์เป็นคนจัดการใช่ไหมฮะ" กว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ก็ใช้เวลาไปนานพอดู
"ใช่ ... ถ้าอยากให้ท่านได้รับการดูแลมากกว่านี้ อ้อ .. แล้ว หมอที่มาดูแลคุณน้า จะเปลี่ยนเป็นหมอเฉพาะทางให้ด้วย" ชายหนุ่มก้มลงมองท่าทางไม่พอใจของอีกฝ่าย
"จะหาว่าพี่วุ่นวายกับเรื่องครอบครัวเราก็ตามใจ พี่ก็แค่อยากจะช่วย " พศวัตได้ยินเสียงลมหายใจพ่นออกที่บ่งบอกได้ว่าไม่พอใจของเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"ครับ..." เด็กหนุ่มเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่าย
"ขอบพระคุณมากครับ ที่ช่วยเหลือครอบครัวของผม"
....เพราะผมมันไม่มีทางช่วยแม่ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว.....
....เพราะผมเป็นแบบนี้..... "ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณแมกซ์ได้ยังไง....กับทั้งหมดนี่"
"เดี๋ยวจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วก็อยู่กับคุณน้าไปนะ ให้ลุงเรากลับไปพักบ้าง บ่ายๆจะแวะเข้ามา"พศวัตเปลี่ยนเรื่องเมื่อสมปองวกกลับมาเรื่องของบุญคุณอะไรนี่
"......ครับ...." ดวงตากลมหลุบลงต่ำ
"ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปดูแม่ก่อน" ว่าพลางก็เดินเลี่ยงอีกฝ่ายไปอีกทาง สมปองใช้เวลาอยู่กับแม่ตลอดทั้งวัน คอยเฝ้า เช็ดตัวดูแลแม่ที่ยังคงไม่ได้สติโดยที่เปิดโอกาสให้ลุงดำและน้าเพ็ญที่ยังไม่ได้พักเลยมาสองวันได้กลับไปพักผ่อนบ้าง ส่วนน้าเพ็ญนั้นบอกว่าจะเป็นฝ่ายมาดูแลแม่ของน้อยให้เองในช่วงกลางคืน
จนกระทั่งช่วงเย็น พศวัตจึงกลับมาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นแบบลำลอง แสดงให้เห็นว่าเขาคงจะหายไปซื้อเสื้อผ้าและทำอะไรอีกหลายอย่าง สมปองรอให้น้าเพ็ญของเขาไปกินข้าวให้เรียบร้อยแล้วกลับมาเสียก่อนจึงบอกลาน้าแล้วเดินออกมาพร้อมกับพศวัต
"ความจริง ผมนั่งรถกลับจากที่นี่ไปที่บ้านก็ได้ คุณแมกซ์จะได้ไม่ต้องลำบาก"
"รู้จักยูบาร์ไหม?" อีกครั้งที่ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดแบบนี้ของสมปอง เขาตั้งคำถามขึ้นมาใหม่ขณะที่เดินออกจาห้องผู้ป่วย
"ยูบาร์? ....คุณแมกซ์ไปรู้มาจากไหน" เด็กหนุ่มถามเสียงสูง จริงอยู่ที่เขาไม่เคยได้ไปเที่ยวเท่าไรนัก แต่เพื่อนที่รู้จักกันร่ำร้องเหลือเกินว่าจะไปให้ได้ๆ ก็เรียกได้ว่าดังไม่น้อยในขอนแก่นนี่เพราะเป็นที่ที่เด็กมหาวิทยาลัยชอบไปกัน
"งั้นก็รู้จัก .. เออ ดี คืนนี้พาไปหน่อยละกัน พอดีนัดเพื่อนไว้ "
"อ่ะ...."ปากตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายก็ทำอะไรมาให้จนขนาดนี้แล้วเรื่องแค่นี้คงไม่ได้เสียหายอะไร
"ครับ...จะพาไปครับ" ขับรถกลับเข้ามาในเมือง ตลอดทางสมปองก็ยังดูเหมือนเป็นกังวลเรื่องแม่อยู่คลอด แต่ก็พยายามจะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ทางที่ไปยังร้านที่พูดถึงนั้นความจริงแล้วก็ไม่ได้ห่างอะไรจากโรงแรมที่พักเลย แทบจะเดินไปหากันได้เสียด้วยซ้ำ
++++++++++++++++++
เสียงเพลงยังคงอึกทึกเหมือนเช่นเคย เพราะไปเร็วหน่อยวงดนตรียังไม่ขึ้นมาเล่น เด็กหนุ่มหันซ้ายขวา รู้ว่าสถานที่อยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่เคยได้เข้ามาเหมือนกัน และในขณะที่แม่ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ เขาก็คงไม่มี อารมณ์จะมาอยากรู้อยากเห็นอะไรตอนนี้ที่หันมองก็เพราะจะมองหาที่ให้เจ้านายนั่งรอเพื่อนเท่านั้น
"ถ้าคุณแมกซ์ได้ที่นั่งแล้วยังไงเดี๋ยวผม....กลับ...."
"ใครให้กลับ?" พศวัตย้อน ทั้งที่เขาเด่นที่สุดในร้าน มีคนอยากเข้ามาพูดคุยด้วยมากมายแต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับเขาซักเท่าไรนัก มือแกร่งนั้นดึงมือสากด้านนั้นให้นั่งลงข้างตัว
"...ก็คุณแมกซ์จะคุยกับเพื่อนนี่ครับ..." เด็กหนุ่มจะดึงมือของตัวเองออก
"เดี่ยวเพื่อนคุณแมกซ์มา เห็นผมหัวหูดูไม่ได้แบบนี้นั่งเสนอหน้าอยู่ จะ...ว่าเอาได้" หลังจากเรื่องของทินกฤตแล้วการต้องพบ "เพื่อน"ของพศวัตอีกทำให้รู้สึกหนาวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
"แล้วเพื่อนพี่ มันเคยมีใครว่าอะไรเรารึไง นั่งลง คนมองกันใหญ่แล้ว"
"ครับ......" เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ ก่อนจะนั่งลง ไม่นานนักก็เห็นร่างสันทัดของชายหนุ่มผิวสองสีเดินมาตบไหล่ของพศวัตอย่างแรง
"มาเที่ยวไกลนะมึง..."
"เออ " พศวัตตบไหล่คืน
"ไม่ได้เจอกันนาน ตั้งแต่กลับจากเมกา เป็นไงวะ? "
"ก็ดีว่ะ... ทำงานที่นี่ก็ขำๆดี เอามันส์มากกว่ากำไร เออ เดือนหน้าว่าจะไปเปิดบริษัททัวร์ที่เวียงจันทร์ มึงไปเที่ยวไหมล่ะ"เพื่อนของพศวัตนั้นทำบริษัททัวร์อยู่ที่ขอนแก่น
"ฮะ ฮะ แล้วหนุ่มลาวน่ารักไหมวะ? "พศวัตถาม ไม่ได้สนใจเลยว่าสมปองจะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
"ผู้บ่าวลาวน่ะเหรอ...ฮ่ะๆ ก็นะใช้ได้ ใช้ได้" ตอบพลางหันไปสนใจคนที่นั่ง พยายามจะชงเหล้าอยู่ข้างๆพศวัต
"แล้วนี่พาใครมาเนี่ย เด็กมึง?" พศวัตไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยักไหล่เล็กน้อย แล้วหัวเราะเบาๆเท่านั้น
ดวงตากลมของสมปองเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
"คุณแมกซ์ เป็นเจ้านายฮะ
ผมแค่เด็กเสิรฟที่ร้าน"
"อ้อ ! งั้นก็ทำงานไปซิ ชงเหล้าซะ " พศวัตตอบกลับเสียงดัง ท่าทางเหมือนไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของเด็กหนุ่ม
".........." เจออีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ เด็กหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะคีบน้ำแข็งใส่แก้ว
"เหล้าเพียวๆเลยใช่ไหมล่ะครับ...." สมปองถามทั้งๆที่ไม่แม้แต่จะหลบตา
"น้องชื่ออะไรครับ? " ชายหนุ่มผิวสองสีถามพลางยิ้ม ดูท่าทางจะถูกใจเด็กหนุ่มไม่น้อย
"น้อยครับ" เด็กหนุ่มตอบ เขาหันไปตอบก่อนจะเทเหล้าปริมาณหนึ่งลงไปในแก้วตามด้วยโซดา ส่งให้กับเจ้านายของตัวเอง
"เหล้าเท่านี้พอไหมฮะ คุณแมกซ์" พศวัตพยักหน้าแล้วรับเอาเหล้าแก้วนั้นมาดื่ม สมปองรับหน้าที่ชงเหล้าให้ทั้งสองคนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดหรือตอบอะไรใคร ปล่อยให้งสองคนนั่งคุยกันไปตามประสาเช่นนั้น อันที่จริงจิตใจของเขานั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นซักเท่าไร ส่วนหนึ่งก็กังวลเรื่องแม่ ส่วนหนึ่งก็กำลังสับสน กับท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูเย็นชา แต่กระนั้นก็ยัง ....เข้ามาช่วยเหลือดูแลแม่ของเขา
++++++++++++++++++
จนกระทั่งได้เวลาที่ร้านเลิก บนโต๊ะมีแต่ขวดเหล้ากับโซดาที่ถูกเปิดไปหลายขวด เพื่อนของพศวัตเดินไปจ่ายเงินให้ในฐานะเจ้าถิ่น ทำเอาพศวัตต้องรีบนัดครั้งหน้าเพื่อเลี้ยงคืนแทบไม่ทัน
"เกรงใจไม ยังไงครั้งหน้ากูไปกรุงเทพ มึงก็ต้องเลี้ยงกูอยู่แล้ว เอาน้องเขาไปด้วยล่ะชงเหล้าอร่อยดี" ว่าพลางก็หัวเราะเดินนำทั้งสองคนออกไปด้านนอก พศวัตดูท่าจะมึนไม่น้อย
"ไว้คราวหน้ามึงก็พากูเที่ยวก็แล้วกัน .. กูว่า กูคงอยู่ขอนแก่นอีกซักพัก"ดวงตาคู่คมเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยืนค้างๆไม่พูดไม่จานั่น
"เออๆ....ไปล่ะ...ไม่ไหวว่ะ....แม่งกินเยอะเกินขนาด....." เสียงเพื่อนว่าพลางโบกมือแล้วเดินเซๆไปอีกทางปะปนไปกลับกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวกันตามประสา
++++++++++++++++++
"คุณแมกซ์เองก็น่าจะไปพักผ่อนได้แล้วนะครับ....ไม่ได้ผักมาตั้งแต่เมื่อคืน" คนที่นิ่งเงียบมาตลอดคืนเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
"หึ พูดเป็นแล้วรึไง "ชายหนุ่มร่างสูงย้อนถาม แล้วเดินโซเซเพื่อกลับโรงแรม
"แม่ง ไหนว่าใกล้ " เขาบ่นไปเรื่อย
สมปองเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ยกขึ้นพาดไหล่ตัวเองพาอีกฝ่ายเดินกลับไปยังโรงแรม ไม่พูดไม่จา
...ก็บอกให้ชงเหล้าก็ชงไง...
...จะให้พูดอะไร...พูดมากก็หาว่าพูดมากอีก...ร่างเล็กกว่าพยายามพยุงอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเลมาจนถึงหน้าห้อง
"คุณแมกซ์ฮะ ไขกุญแจเข้าไปเองนะครับ....ผมทำไมเป็น" มือแกร่งข้างหนึ่งโอบเอวเล็กไว้แน่นก่อนจะล้วงเอาคีย์การ์ดเพื่อใช้เปิดห้อง เขาไม่ได้เมามากจนเปิดห้องเองไม่ได้
"ไหวไหมเนี่ย..." เสียงเด็กหนุ่มพึมพำ พยุงอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง
"ไม่ไหวว่ะ .. เหนื่อยจะตายห่า "
"งั้นก็นอนนะครับ..." เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางปล่อยมือออกจากร่างสูง
แต่พศวัตกลับไม่ยอมปล่อยมือจากร่างเล็กนั่น จู่ๆดวงตาคมก็จ้องหน้าเล็กๆภายใต้ไฟสีชาที่หัวเตียงนิ่ง