" ไม่ใช่ตอนนี้! " พศวัตเผลอตวาดใส่อีกฝ่ายก่อนจะนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก แล้วเอ่อยกับอีกฝ่าย น้ำเสียงนั้นร้องขอมากกว่าจะเป็นคำสั่ง
" กลับไปกับพี่ก่อน ได้ไหม? "
สมปองส่ายหน้า ริมฝีปากนั้นเม้มแน่น
"ตอบผม..."
"แล้วทำไมไม่บอกเด็กมันไปล่ะ แมกซ์..." ทินกฤตยิ้ม
"ก็บอกมันไปซิ่ ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง...ทำไมอยู่ๆ คนที่ไม่เคยสนใจใครอย่างมึง ถึงมาสนใจลูกจ้างในร้านตัวเองได้...ทำไมกูต้องซื้อของมากมายให้...เพียงเพื่อจะให้มึงชอบมัน" แม้จะพูดออกไปเองแต่ทินกฤตกลับรู้สึกเจ็บ เขาเองก็เอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อย สมปองเป็นเด็กดี เขารู้สึกผิด ใช่... แต่บทบาทที่เล่นมาตลอดมันทำให้เขาต้องเล่นต่อไป
ได้ยินแบบนั้นสมปองหันไปมองหน้าของพศวัตทันที
"จริงหรือเปล่าฮะ คุณแมกซ์... พวกคุณเล่น
เกมส์อะไรกัน...ทำไมต้องเอาผมเข้าไปเกี่ยวด้วย"
" .......................... น้อย ฟังพี่นะ "พศวัตรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้สถานการณ์แย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มจะต้องโกรธและเสียใจมาก แต่เขาจะไม่ยอมให้ทินกฤตพูดอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ
"เรื่องทั้งหมด มันเกิดจากการพนันบ้าๆของพี่กับไอ้เทียน ก็อย่างที่พี่บอกว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากให้มันแต่งงาน และเพราะพี่ไม่ยอมไปงานแต่งงานของมัน มันถึงได้..... "ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เขาสบตาอีกฝ่ายไปตรงๆ
" ทำให้เรา..ดูน่าสนใจขึ้น สำหรับพี่ "
"พนัน?...ผมเนี่ยนะ?..."เสียงลมหายใจของสมปองดังขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะความเขินอายเหมือนอย่างทุกที
"แล้วที่ คุณ พาผมไปนั่น นี่ บอกว่าผมเหมือนน้องชายของคุณ...เอาผมไปทำโน่นนี่นั่น...เล่าเรื่องคุณแมกซ์ให้ผมฟัง เพียงเพราะเขาจะได้มาสนใจผมใช่ไหม...”สมปองหันกลับมาหาทินกฤต ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ
"แต่บอกไว้ก่อนนะว่า เราไม่ได้เหมือนน้องชายพี่เลย ไอ้หมอนั่นมันอ้วนจะตายห่า" ทินกฤตว่าพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเจ้า “รถถัง” น้องชายของเขา
"พวกคุณเห็นผมเป็นอะไร!"เด็กหนุ่มตวาดลั่น เสียงหัวเราะของทินกฤตยิ่งทำให้เขาปวดหัว
"เห็นผมเป็นอะไรที่จะจับมาปั้นๆแต่งๆ แล้วก็ยกให้กันได้งั้นเหรอ... เห็นผมเป็นสิ่งของเหรอ ... " เสียงของเด็กหนุ่มสั่น
" ผมรู้ว่าผมมันก็แค่เด็ก...ผมรู้ว่าผมไม่ได้มีการศึกษาสูงส่งดีเด่นอะไร หน้าตาก็ดูไม่ได้ เป็นแค่ไอ้เด็กบ้านนอก...
แต่ผมก็ยังเป็นคนนะ! ผมมีความรู้สึกนะ ไม่ใช่จะเอาไปพนันไป เล่น เป็นของเล่นระบายอารมณ์ของ ไอ้คนที่ทะเลาะกันเองแต่หาทางออกไม่ได้อย่างพวกคุณหรอกนะ ผู้ใหญ่เขาทำแบบนี้กันรึไง!!"
เสียงตวาดลั่น และหน้าตาที่เหมือนจะร้องไห้นั่น ทำให้พศวัตรู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ได้ชายหนุ่มขยับเข้าหาอีกฝ่ายแล้วดึงเอาร่างเล็กนั่นมากอดทันที
"ปล่อยผม!!" ไม่พูดเปล่า หมัดลุ่นๆซักเข้าที่กลางท้องของร่างสูงกว่าทันที
"เฮ้ย...น้อยเกินไปแล้ว โอ้ยย" ทินกฤตเข้าไปดึงไหล่ของสมปองแต่กลับเจอเข่าซัดเข้าที่ท้องลงไปกองอีกคน
"คุณ........ก็ไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามผมหรอก" สมปองกัดฟันกรอด ก่อนจะเดินไปอีกทาง เขาไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน แต่เขาไม่อยากเห็นคนสองคนนี้อีกแล้ว
"อึก น้อย! "พศวัตที่นั่งจุกอยู่กับพื้นพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วตามอีกฝ่ายไปทันที เขารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังโกรธ แต่ยังไงก็ต้องกลับไปกับเขาเพราะนอกจากเขาแล้ว เด็กหนุ่มไม่มีใครให้ไว้ใจที่ไหนได้อีกแล้ว
"...เหี้ย....แม่งเข่ามาเต็มแรงเลย...แค่ก...."ทินกฤตพยายามลุกขึ้นมานั่งแต่มันจุกมากเหลือเกิน แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่รีบวิ่งตามเด็กหนุ่มคนนั้นไปก็ทำเจ้าของงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินต่อไปนั้นต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ถึงแผนจะแตกแต่อย่างน้อยก็ได้ผลวะ....ทีนี้มึงก็ไปจัดการเองแล้วกันวะ ไอ้แมกซ์...พอดีกูก็ไม่ได้คาดว่ามันจะเป็นแบบนี้ซะด้วย"
+++++++++++++
เด็กหนุ่มเดินออกไปจากบริเวณที่จอดรถของร้าน แสงไฟส่องสลัวไปตามทาง เด็กหนุ่มหันซ้ายขวาก่อนจะดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดูเงินที่อยู่ข้างในก่อนตัดสินใจโบกแท็กซี่ แต่พอบอกจุดหมายปลายทางก็เจอแท็กซี่ส่ายหน้าหนี เด็กหนุ่มมองรถแทกซี่แล่นออกไป เขาหันซ้ายไปก็เจอเงาร่างสูงกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงมา สมปองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเตะฝุ่นเตะก้อนกรวดแถวนั้น เขาไม่อยากจะมองหน้าคนที่เดินตามมา...แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโกรธอะไรกันแน่ในหัวมันสับสนไปหมด
"น้อย! หันมานี่ อย่าทำแบบนี้ " มือแกร่งคว้าแขนของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แล้วจับให้กันมามองหน้า ในตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าสมปองคงจะโกรธเขามาก แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่จะมีใครมาทำแบบนี้ใส่เหมือนกัน
".....แล้วคุณแมกซ์จะให้ผมทำยังไง...."เสียงที่ถามกลับมานั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ดวงตากลมนั้นจ้องหน้าของอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสมองไปอีกทาง
"กลับเถอะ .. ถ้าไม่อยากเห็นหน้าพี่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็แค่ทนจนกว่าพี่จะไปส่งเราที่ร้านก็ได้ " ชายหนุ่มตอบกลับมา เขาแทบจะทนไม่ได้แล้วกับท่าทางแบบนั้นการที่คนที่ตัวเองชอบไม่อยากเห็นหน้าตัวเองนั้นมันเป็นอะไรที่เจ็บขนาดนี้เชียวหรือ
"ผมขอโทษฮะ...ที่ต่อยไอ้คนนั้น...ที่ทำให้คุณแมกซ์เดือดร้อน แต่ผมขอติดรถคุณแมกซ์กลับไปที่ร้านนะครับ..ผมไม่มีเงินค่าแทกซี่" เด็กหนุ่มยกมือไหว้อีกฝ่ายท่าทีห่างเหิน พูดไปก็ก้มหน้าก้มตาไม่ได้จ้องหน้าเขม็งเหมือนทุกครั้ง
คำพูดนั้นทำให้พศวัตขมวดคิ้ว มือแกร่งดึงแขนนั้นให้เดินตามเขากลับไปที่รถทันที
" ถ้าจะพูดอะไรแบบนี้ ก็เงียบๆไปดีกว่า .. กลับเถอะ พี่ไปส่ง "
"ครับ" เสียงสมปองรับคำเบาๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถในใจเจ็บปลาบ แต่ตรงผิวที่ข้อมือที่อีกฝ่ายสัมผัสนั้นกลับร้อนผ่าว เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไร ระหว่างความเจ็บใจที่ถูกกระทำเหมือนเป็นของเล่นกับความเจ็บร้าวที่รู้ว่าตัวเองนั้นก็เหมือนจะชอบอีกฝ่ายไปเต็มๆเข้าให้แล้ว
....ความจริงเราคงเป็นอย่างที่พี่จิ๊บพูดมาแต่แรก....แค่เรา...หัวแข็งเกินกว่าจะยอมรับ....
...แต่ถ้าชอบไปแล้วเจ็บแบบนี้ สู้กลับไปเป็นไอ้น้อยคนเดิมดีกว่าไหมเรา....เด็กหนุ่มเผลอนั่งกอดเข่าบนเบาะรถหรูของพศวัต สองแขนกอดเข่าเอาไว้สายตามองไกลออกไปก็เห็นเพียงรถราที่ยังคงหนาแน่นบนถนนเท่านั้นเอง ท่านั่งแบบนั้นดูราวกับว่าจะปิดตัวเองไม่ให้พศวัตเข้าไปสัมผัสตัวจริงของเด็กหนุ่มได้อีก พศวัตเอื้อมมือที่แตะกับเกียร์ขึ้นหมายจะลูบผมอีกฝ่ายอย่างที่ทำมาตลอด แต่ก็กลับวางมือลงที่เดิม ตลอดทางกลับมีแต่ความเงียบที่อยู่เป็นเพื่อนของคนทั้งคู่
+++++++++++++
หากจะบอกข้อแตกต่างระหว่างอรรถนันท์กับสมปองไม่แคล้วต้องพูดเรื่องของความแตกต่างในการเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ สมปองต่างจากอรรนันท์ตรงที่เขาไม่มีที่อื่นให้ไป
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พศวัตกลับมาส่งเขาแล้วขับรถออกไปอย่างเงียบๆนั้น เด็กหนุ่มยังคงต้องตื่นมาทำความสะอาดร้านแต่เช้าตรู่เหมือนกับทุกๆวันและพศวัตเองก็ดูเหมือนว่าจะมาที่ร้านเพื่อช่วยขายแซนวิซและทำบัญชีเหมือนทุดครั้งแต่ที่ต่างไปก็คือบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนนั้นแทบจะนับคำได้กันเลยทีเดียว
มันเป็นไปเกือบจะทั้งอาทิตย์จนกระทั่งในช่วบ่ายของวันหนึ่ง หลังจากที่แขกรอบบ่ายกลับออกจากร้านไปทำงานตามปกติ เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือของพศวัตก็ดังขึ้นข้างๆตัวเจ้าของนั่นเอง
.... พรุ่งนี้ งานแต่งงานไอ้เทียน ทุ่มตรง ถึงโรงแรม ...ข้อความที่ปรากฏที่หน้าจอทำให้พศวัตนึกขึ้นได้ จะว่าไปตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้นึกถึงคนที่กำลังแต่งงานแม้แต่น้อยเนื่องจากทำตัวให้ยุ่งได้แทบทุกวัน หลังจากที่มีเรื่องกับเด็กในร้าน ไหนจะแฟ้มงานที่คุณหญิงจิตตราให้เลขาเอามาให้เขาศึกษางานอีก
เสียงจานกระทบกันดังขึ้นที่ด้านหลังสมปองกำลังยกจานขึ้นจากอ่างล้างจานกองสุดท้ายของวัน แต่ในหัวของเด็กหนุ่มก็กำลังคิดหาเรื่องอื่นให้ตัวเองทำต่อไปตลอดทั้งอาทิตย์เขาเช็ดถูแทบทุกอย่างในร้านขนาดที่อาจเรียกได้ว่าไม่เหลือแม้แต่กระเบียดนิ้วใดให้เช็ดถูกันอีกแล้ว
"น้อย" เสียงทุ้มเรียกคนที่ทำความสะอาดอยู่ด้านหลังพลางอ่านข้อความในโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายฟังอีกครั้ง
"ครับ" เด็กหนุ่มรับคำเบาๆก่อนจะหันไปคว้าผ้าขี้ริ้วมาเช็ดน้ำที่หกเปื้อนโต๊ะสแตนเลสจนสะอาดเอี่ยม
"ถ้าคุณแมกซ์ยังจะให้ผมไปก็คงต้องขอรบกวนคุณแมกซ์เอาเสื้อชุดนั้นมา....วันนั้นผมฝากไว้กับคุณแมกซ์บนรถน่ะครับ" เด็กหนุ่มหยุดมือก่อนจะมองหน้าของอีกฝ่าย แต่สายตานั้นเหมือนจะมองผ่านเลยไปเสียมากกว่าบนใบหน้าของสมปองดูเหมือนไม่ได้โกนหนวดมาซักพัก ผมเผ้าเองก็ดูยุ่งเหยิงไม่ได้สนใจจะแต่งตัวให้เรียบร้อยดูดีเหมือนก่อนหน้านี้
"งั้น พรุ่งนี้พี่จะมารับเรานะ ... ปิดร้านเสียก็ได้จะได้
"เตรียมตัว"ตั้งแต่เช้า" พศวัตมองสภาพของอีกฝ่ายตรงๆ เด็กหนุ่มตั้งใจจะไม่สนใจตัวเองเพราะสิ่งที่ได้ยินในวันนั้นเป็นแน่
"ทราบครับ" สมปองรับคำสั้นๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานทำความสะอาดของตัวเองต่อ
+++++++++++++
วันต่อมาพศวัตรีบขับของตนเข้ามาร้านมาตั้งแต่เช้า เขาลงจากรถพร้อมกับชุดสูทที่สมปองทิ้งเอาไว้ส่วนชุดของตนนั้นยังแขวนอยู่ในรถยังไงวันนี้ ถึงเด็กหนุ่มจะไม่พอใจนักเขาก็ต้องทำให้สมปองกลับไปเป็นเด็กหนุ่มน่าเอ็นดูคนนั้นให้ได้ แม้จะแค่คืนเดียวก็ตาม
เหมือนจะรู้ว่าใครมา คนที่ตื่นเช้าอยู่เป็นปรกติเดินมาเปิดประตูให้กับเจ้านายของตัวเองทั้งๆที่ยังสวมชุดนอน กางเกงมวยกับเสื้อกล้าม ไม่ได้ต่างอะไรจากวันแรกๆที่ได้พูดคุยกัน จะแตกต่างไปบ้างก็ผิวที่ดูขาวขึ้นมาบ้างของสมปองเท่านั้น
"สวัสดีครับ" เด็กหนุ่มว่าพลางยกมือไหว้คนอวุโสกว่า ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าจะขอถือเสื้อสูทชุดนั้นเอาไว้
"เอา .. นี่สูทเอาขึ้นไปเก็บ บ่ายๆก็ค่อยอาบน้ำแต่งตัว โกนหนวดด้วยล่ะ "คิ้วหนาขมวดกับท่าทางไม่สนใจตนเองของอีกฝ่าย
"................." สมปองมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่งเสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะรับเสื้อสูทมาพร้อมกับรับคำเบาๆ
"ครับ...ถ้าอย่างนั้นช่วงเช้านี่ผมจะทำความสะอาดร้านก่อนนะครับ" ร่างผอมของเด็กหนุ่มเดินหายขึ้นไปที่ชั้นบนไม่นานก็กลับลงมาแล้วเริ่มทำความสะอาดร้านต่อ
“งั้นพี่จะนอนที่โซฟานี่หน่อยก็แล้วกัน...” เพราะว่าต้องอ่านเอกสารที่คุณหญิงจิตราเอามาให้จนดึกดื่นอยู่หลายคืนติดกัน พศวัตจึงขอพักกายตรงที่โซฟายาว
สมปองปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน พลางเดินเลี่ยงไปเน้นทำความสะอาดภายนอกร้านกับหลังครัวแทน พอตกบ่ายคล้อยก็จึงเดินขึ้นไปที่ชั้นบนท่ามกลางความเงียบของร้านเสียงน้ำไหลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเงียบไปทำให้พศวัตรู้สึกตัวตื่น พศวัตได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำตามด้วยเสียงประตูห้องของสมปองปิดลงอีกรอบ ไม่นานสมปองก็เดินกลับลงมาในชุดสูทที่ช่วยเน้นให้ไหล่ผอมนั่นดูกว้างขึ้นมาอีกหน่อย ในมือของสมปองถือเนคไทสีสวยเข้ากับเสื้อสูทและเชิ๊ตที่ใส่อยู่ด้านในลงมาพร้อมกัน
"เสร็จแล้วครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆ พลางเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังตั้งท่าจะชงกาแฟทานอยู่ที่เคาท์เตอร์
"ถ้าคุณแมกซ์จะเอากาแฟ ผมจะชงให้"
"อืม ได้ซักแก้วก็คงดีเหมือนกัน" เขาว่าพลางจับคอตนเองไปมา เป็นการนวดให้ผ่อนคลายหลังจากอ่านแฟ้มเอกสารที่เพิ่มขึ้นทุกคืน
"รอซักครู่นะครับ" สมปองยังคงเอ่ยเหมือนอีกฝ่ายเป็นลูกค้า เด็กหนุ่มวางเนคไทลงบนเคาท์เตอร์ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมทับอย่างง่ายๆ แล้วจัดการหยิบเมล็ดกาแฟที่อีกฝ่ายชอบขึ้นมา ....จะว่าไปที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบกินกาแฟแบบไหนมันก็เพราะทินกฤตนั่นเอง...เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นแต่ใช้เวลาเพียงไมม่นานก็ได้กาแฟร้อนส่งกลิ่นหอมยวนใจมาวางไว้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
"ได้แล้วครับ"
"ขอบใจ"พศวัตยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย ความขมและกลิ่นช่วยปลุกให้ตนเองตื่นได้เต็มตาเสียที
ดวงตาสีเข้มมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุดตากับเนคไทที่วางเอาไว้บนโต๊ะ
" เนคไทนั่นน่ะ... จะสอนผูกให้ เอาไหม? "
สมปองมองหน้าของอีกฝ่ายสลับกับเนคไทเส้นนั้น ท่าทางเหมือนลังเลก่อนจะก้มลงมองอกเสื้อที่ดูโล่งว่างเปล่าของตัวเอง แล้วเดินไปหยิบเนคไทแล้วเดินกลับมาหาพศวัต
"ครับ..." ว่าพลางก็พาดเนคไทกับคอของตัวเอง
"ต้องทำยังไงครับ...ผมไม่เคยผูกหรอก"
" หันหลังมา" ชายหนุ่มว่าพลางลุกขึ้นยืนซ้อนหลังอีกฝ่ายก่อนจะจับชายเนคไททั้งสองข้างแล้วสอนให้สมปองเข้าใจทีละขั้นๆ แต่ดูเหมือนสมปองจะยืนตัวแข็งทื่อเสียมากกว่า สัมผัสที่รู้สึกได้จากด้านหลัง พอเรื่องกลายเป็นแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบอยู่ข้างในใจ น่าแปลกที่นึกคิดถึงความรู้สึกอบอุ่นจากไหล่และมือใหญ่ของอีกฝ่ายแบบนี้ขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
"แล้ว...เอ่อ...ก็ตลบเข้าไปแบบนี้ใช่ไหมครับ" สมปองพยายามจะตั้งใจอยู่กับปมผ้าที่อยู่ตรงหน้า
"อืม " ชายหนุ่มรับคำในลำคอใบหน้าได้รูปไม่ไกลจากข้างหูเล็กๆของสมปองนัก
ลมหายใจอุ่นที่รดลงที่ข้างหูทำให้เด็กหนุ่มอยากจะรีบผูกให้เสร็จเร็วๆ สมปองหลับตาแน่นกล้ำกลืนเอาความรู้สึกเจ็บปลาบให้หายลงคอไป
"เสร็จแล้วครับ...." ว่าพลางก็ขยับไปด้านหน้าให้อย่างน้อยหลังของเขาพ้นออกมาจากอกของอีกฝ่าย ก้าวไปมาให้พ้นช่วงแขนที่แทบจะโอบรอบตัวของเขาเอาไว้
"แบบนี้ก็โอเคแล้วใช่ไหมครับ..." สมปองหันกลับไปถาม พยายามทำตัวเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในใจของเขาเลยจากลมหายใจอุ่นที่รดข้างหูเมื่อครู่
ใบหน้าเล็กๆที่อยู่ใกล้นั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องเสมองไปอีกทาง
"ลองพันเองตั้งแต่แรกอีกที อาจจะดีกว่าอันนี้ก็ได้"ว่าแล้วก็ขยับออกห่างแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวโปรด
"แบบนี้ก็ดีแล้วมั้งครับ..." เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นท่าทางเหมือนโล่งใจเล็กๆที่อีกฝ่ายเดินห่างออกไป
"แล้ว...นี่จะไปกันเลยหรือเปล่าครับ กว่าจะถึงเวลางาน...ก็อีกพักใหญ่ เพิ่งสี่โมง" สมปองพูดขึ้นลอยๆ รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดระหว่างตัวเองกับอีกฝ่าย
"อืม สี่โมงแล้วเหรอ?..งั้นพี่ขอใช้ห้องน้ำก็แล้วกัน เอ้า นี่ " มือแกร่งยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่าย
" ช่วยไปเอาสูทในรถมาให้หน่อย เดี๋ยวพี่ขอใช้ห้องน้ำบนห้องเรา ... ช่วยเอาขึ้นไปให้ได้ไหม? "
สมปองรับกุญแจรถมาพร้อมกับรับคำในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปยังหน้าร้านที่อีกฝ่ายจดรถอยู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันที่จอดรถได้ไม่เช่นนั้นรถคันงามของพศวัตคงโดนล็อกล้อไปแล้ว ไม่นานสมปองก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเสื้อสูทของพวัต
"ได้แล้วครับ คุณแมกซ์ ให้ผมแขวนไว้ข้างหน้านี่ไหมครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเมื่อวิ่งขึ้นมาถึงที่หน้าห้องน้ำ
"ขอบใจนะ" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เด็กหนุ่มหันกลับมาก่อนจะนิ่งเมื่อหันมาเจอกับร่างสมส่วนของพศวัตกึ่งเปลือยยืนอยู่เบื้องหน้า หยาดน้ำเกาะพราวทั่วแผ่นอกกว้าง ก่อนจะมองเรือยไปถึงไหนต่อไหน สมปองเงยหน้ามองหน้าของอีกฝ่ายแล้วยื่นเสื้อสูทให้
"นี่ครับ..."
"เฮ้ย..ลืมไอ้นี่ด้วย ช่วยไปเอากระเป๋าเล็กๆที่วางตรงเบาะหลังให้อีกทีได้ไหม? "ชายหนุ่มต้องวานสมปองอีกรอบแล้วรับเอาสูทนั้นมา
"หา..." สมปองทำหน้าประท้วง ตัวเองเพิ่งจะวิ่งขึ้นมาแท้ๆ ต้องลงไปเอาอีก
"ครับๆ " เด็กหนุ่มรับคำด้วยหน่ายๆ แต่คิดอีกทีก็คงจะดีที่หนีภาพอกล่ำๆนั่นของพศวัตไปให้พ้นได้ แต่พอลงไปควานหากระเป๋าที่เบาะหลังก็ต้องเอะใจว่าจะหนีเสือปะจระเข้เสียเข้าให้ เพราะได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากในกระเป๋านั่นโชยออกมาแตะจมูก
"....แย่ แย่ เจ้าน้อยเอ้ย.....แย่แน่ๆ" เด็กหนุ่มบ่นพึมพำ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของร้านอีกรอบ
"ได้แล้วครับ..." เด็กหนุ่มยื่นให้พลางหอบเล็กๆ เพราะวิ่งขึ้นวิ่งลงตึกอยู่สองรอบ โชคดีของสมปอง เพราะเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องพบว่าพศวัตสวมเชิ๊ตสีฟ้ากับกางเกงสีน้ำเงินเข้ม เน้นลายผ้าที่ดูเหมาะกับรูปร่างนั้นไว้รอเรียบร้อยแล้ว มือแกร่งกำลังติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย
" ขอบใจ .. อ้อ อย่าเพิ่งไป "เขาห้ามสมปองเอาไว้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลงไปพลางรับเอากระเป๋าใบนั้นมาเปิด แล้วหยิบน้ำหอมขวดเล็กขวดหนึ่งขึ้นมา มือแกร่งจับข้อมือเล็กนั่นให้หงายขึ้นแล้วฉีดมันลงไป
"ลองใช้ดู กลิ่นไม่แรงหรอก "
"เอ้ย..." เด็กหนุ่มร้องเพราะอยู่ๆก็เจอฉีดน้ำหอมใส่
"ผม...ไม่ชอบ...." แล้วปากก็พูดไปไม่ได้ตรงกับใจ เด็กหนุ่มแทบจะถูเอาน้ำหอมออกไปจากข้อมือ
....ก็ถ้ากลิ่นนี้มันติดตัว....มันก็ทำผมมึน...คิดอะไรไม่ออกกันพอดี....."เอาน่า เพื่อไอ้เทียนมัน ทนใส่ไปซักวันก็แล้วกัน"พศวัตว่า ก่อนจะฉีดน้ำหอมขวดเดียวกันให้ตนเอง
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเดินลงไปรอด้านล่าง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายฉีดน้ำหอมใส่ตัว ดังขึ้นที่ด้านหลัง ยิ่งรู้สึกเจ็บปลาบในใจ รู้สึกสับสนเหมือนชีวิตนี้ถูกฟ้าดินแกล้งด้วยการประดังประเดสิ่งที่เขาชอบในตัวอีกฝ่ายยัดเยียดเข้ามาให้ชิ่นให้ชมในวันเดียว
++++++++++++
สมปองลงมานั่งรอข้างล่างแน่นอนว่าเขารีบวิ่งไปเปิดน้ำล้างข้อมือที่อีกฝ่ายฉีดน้ำหอมใส่จนเรียบร้อย แต่ไม่วายยังเหลือกลิ่นจางๆติดอยู่กับตัว ไม่นานนักพวัตในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ก็ลงมาจากชั้นบนของร้าน กลิ่นของแวกซ์ใส่ผมและน้ำหอมที่พร่างพรมบนกายลอยไปทั่ว
"ไปกันเถอะ "
"ครับ ครับ" สมปองรับคำเนือยๆ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกไปโดยไม่ลืมที่จัดการปิดล็อกร้านให้เรียบร้อย