ขอได้รับการขอบคุณจาก มาม่า .. ผู้สนับสนุนนิยายภาคนี้อย่างเป็นทางการค่ะ .. ไปซดกันต่อ 
+++++++++++
รถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านเลี้ยวเข้าไปจอดยังที่จอดรถขนาดใหญ่หลังจากที่เพิ่งกลับมาจากการแวะไปเช็คบัญชีในตอนเช้าของร้านกาแฟที่ที่ตัวเขาร่วมหุ้นกับน้องชายสร้างมันขึ้นมา เด็กหนุ่มตัวผอมแห้งคนนั้นท่าทางแปลกไปในตอนเช้าตรู่วันนี้ โจ๊กกับปาท่องโก๋เจ้าอร่อยที่เขาซื้อไปฝาก ไม่ได้ถูกจัดการอย่างรวดเร็วเหมือนทุกที แม้จะสร้างความไม่พอใจให้เขาบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ดวงตาคมเหลือบมองรถสีขาวที่จอดอยู่ช่องข้างๆ แล้วเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
..กลับมาแล้ว?.." มินกลับมาแล้วเหรอครับ นมใหญ่? " ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองสบายๆ หากแต่ราคาแพงตั้งแต่หัวจรดเท้าถามกับแม่นมที่เลี้ยงเขากับน้องชายมาตั้งแต่ยังเล็ก
"อ้อเจ้าค่ะ คุณหนูกลับมาตั้งแต่เมื่อเช้า คุณแมนพามาส่งน่ะค่ะ" นมใหญ่ว่า
"คุณแมกซ์จะรับมื้อกลางวันเลยไหมคะ จะได้ให้เด็กไปเตรียมให้"
" ก็ดีครับ เผื่อมินด้วยก็แล้วกันครับ .. "
ชายหนุ่มสั่งก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่รามินทร์ไม่ลงมาททำอะไรข้างล่าง เพระาปกติแล้ว หากกลับมาบ้านก็มักจะมาขลุกอยู่กับนมใหญ่ที่เรือนเล็กเสมอ มือแกร่งเคาะประตูห้องของน้องชายสองสามครั้ง
“ใครน่ะ" เสี่ยงนุ่มดังขึ้นจากด้านในห้อง
"ถ้าเป็นนมใหญ่ล่ะก็ ผมไม่หิวนะ"
" ไม่หิวก็ต้องกิน พี่ให้นมใหญ่เขาทำเผื่อแล้ว .. เปิดประตูๆ " พศวัตเคาะประตูห้องอีกสองสามครั้ง น้ำเสียงของรามินทร์ดูแปลกไปจนเขาจับความรู้สึกได้
...เกิดอะไรขึ้น...ในที่สุดบานประตูห้องนอนก็ต้องเปิดออก ร่างเล็กของชายหนุ่มยังอยู่ในชุดเสื้อผ้าชุดเดิมกับเมื่อเช้า เสื้อคอโปโลสีเข้ม กับกางเกงยีนส์ แต่สิ่งที่เรียกความสนใจของพี่ชายไม่ใช่เรื่องใด นอกจากใบหน้าและดวงตาแดงก่ำของน้องชาย เพราะพอเดินขึ้นห้องมาได้รามินทร์ก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนผล็อยหลับไปและเพิ่งได้ยินเสียงพี่ชายเคาะประตู
"อ่ะ...อ้าวพี่แมกซ์.... " รามินทร์ปั้นยิ้มยกมือขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตา "เข้ามาซิ่"
" เป็นอะไรน่ะ? "คิ้วเข้มขมวด พลางจ้องใบหน้าขาวที่แดงเพราะการร้องไห้อย่างหนัก
" ใครทำอะไรมิน? .. ไอ้ก้องอีกแล้วเหรอ? มันมีใหม่แล้วไม่ใช่รึไง? "เขาถาม ๆ อารมณ์ที่ดีๆ อยู่เริ่มกราดเกรี้ยว
รามินทร์ส่ายหน้า
"ไม่......ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่เป็นหวัด" ได้ยินพี่ชายถามขึ้นมาแบบนี้ เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ร่างเล็กเดินเข้าไปด้านในห้อง
"พี่เข้ามาก่อนได้ไหม ปิดประตูด้วยถ้าพี่จะเสียงดัง"
มือแกร่งปิดประตูห้องสีขาวเสียงดังปัง ก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปหาความจริงต่อ
" ไอ้แมนมาส่งใช่ไหม? "
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ท่าทางกราดเกรี้ยวก็เริ่มลดลง แต่รามินทร์คงเข้าใจแล้วว่า พี่ชายของเขาเริ่มจับประเด็นได้ถูกต้อง รามินทร์ไม่ได้ตอบ เขาพยักหน้าลงน้อยๆ ดวงตาเหม่อออกไปด้านนอกมีรถสีขาวของเขาจอดอยู่
"ไอ้แมนมันทำอะไร?" เสียงทุ้มห้าวที่มักจะกราดเกรี้ยวราวกับพายุนั้นถามเสียงเรียบเย็น
"พี่แมนเขาก็มาส่ง....อยากให้ผมกลับบ้าน.....บ้าง.....ก็เท่านั้น" บางคำในประโยคของรามินทร์ยังไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นอีกแค่ชั่ววินาทีเท่านั้นที่เขาจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป แต่เขาก็ไม่มีโอกาสนั้น...และไม่ได้รับรู้แม้แต่เหตุผลที่แท้จริง
"พี่แมนเขาก็แค่.....อยากให้มิน...กลับบ้าน....
อยากให้มิน เป็นน้องของเขาต่อไป...ก็เท่านั้น" รามินทร์พูดซ้ำออกมาท้ายเสียงสั่นเครือ
ร่างสูงใหญ่ของพศวัตขยับมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะดึงคอเสื้อขึ้น รอยแดงจางๆที่คอนั่นให้คำตอบเขาได้อย่างชัดเจนแล้ว ริมฝีปากหนาเม้มแน่นด้วยความโกรธก่ออนจะปล่อยรามินทร์ออกจนแทบจะเรีกว่าผลัก
" แล้วนี่มันอะไร?! "...มึงสัญญากับกูแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้แมน ....."ไม่ ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ....
มิน...มินผิดเอง ทุกอย่าง ทุกอย่าง มินยั่วพี่เขาเอง มินเสนอตัวเอง มินไปล้มงานแต่งพี่แมนด้วยซ้ำไป" ร่างเล็กตะเบ็งเสียงออกมา มันเป็นการต่อว่าตัวเอง ยิ่งได้ยินคำตอบที่ปกป้องคนที่ผิดคำสัญญาต่อเขา
พศวัตยิ่งทนไม่ได้มือแกร่งชี้ที่หน้าอีกฝ่าย แต่ไร้คำพูดใดจะต่อว่า เขาก้าวเท้ายาวๆ หมายจะออกจากห้องนี้ไปจัดการกับกตัญญูให้ตายไปซะ
"พี่แมกซ์....พี่แมกซ์....ไม่นะ ห้ามไป อย่า" น้องชายที่ไม่เคยคิดจะอ้อนหรือขอร้องอะไรพศวัตเลยปราดเข้าไปดึงแขนของพี่ชายเอาไว้
"พี่เขาไม่ผิด.... ผมขอ....นะ....นะ....พี่แมกซ์ อย่าไป""ปล่อย..ถ้าไม่อยากเจ็บตัว" ชายหนุ่มบอกกับน้องชายเสียงเรียบ ถึงจะมีเรื่องราวสร้างปัญหาไปทั่วต่อยตีกับใครมาก็มากมาย แต่เขาไม่เคยตีรามินทร์เลยซักครั้ง
"พี่แมกซ์........."คำขู่นั้นทำให้รามินทร์มองหน้าของพี่ชายนิ่ง
"พี่จะต่อยผมก็ต่อยซิ่ ผมเริ่มก่อนเองนี่" มือแกร่งดึงมือของรามินทร์ออกอย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงร่างบางนั่นลงกับพื้นพรม
"กูจะจัดการมันก่อน มึงอย่าคิดล่ะว่าจะรอด!"คำพูดที่ไม่เคยพูดกับน้องชายคนนี้ดังขึ้นอย่างเหลืออดก่อนจะก้าวยาวๆออกจากห้องนั้นไปทันที
เสียงก้าวท้าวยาวๆยังคงดังลั่นตัวบ้านก่อนจะตาทรถสปอร์ตสีแดงคันใหมแล้วขับกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว
รามินทร์ยังคงนั่งอยู่กับพื้นอย่างนั้น เขาพยายามยันตัวขึ้น แต่ขาแขนกลับหนักอึ้ พี่ชายของเขาเป็นอะไรไปแล้ว พศวัตไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่ต่อให้โกรธแค่ไหนพศวัตไม่เคยจะใช้ถ้อยคำแบบนั้นกับเขามาก่อน
ชีวิตยี่สิบกว่าปีที่มีมาเหมือนจะวิ่งผ่านใบหน้าของเขาไปในเสี้ยววินาที เสียงหัวเราะ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพี่ชายทั้งสองคน เขาเป็นคนพังมันลงมากับมือเอง
"รามินทร์....แกอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริงๆ...." ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ เขาหันหน้าไปมองที่โต้ะทำงานของตัวเอง สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คงอยู่ในนั้น หากจะใช้การคงต้องตระเตรียมเวลาอีกหน่อย....แต่เขาจะใช้มันแน่ๆ
...พาสปอร์ต.... +++++++++++++++
เสียงรถสปอร์ตคันที่เพิ่งเข้ามาตอนเช้ามืดกลับเข้ามาจอดที่เดิมอีกครั้งในตอนเที่ยงทำให้เด็กหนุ่มร่างผอมต้องเดินออกไปชะโงกดูอย่างแปลกใจ
"คุณแมกซ์ มีอะไรหรือเปล่าครับ...."เจ้าน้อยรีบวิ่งมารับหน้าพี่ชายของเจ้าของร้านทันที แอบคิดบ่นในใจว่า ทำไมใครต่อใครถึงหายหน้าไปจากร้านกันหมด กตัญญูเอง ก็ยังไม่กลับเข้ามาจากออกไปซื้อของทั้งที่เป็นช่วงวุ่นของร้าน
" ไอ้แมนล่ะ? "เสียงที่พักหลังจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขันพูดจาสบายๆหยอกล้อ หรือแกล้งกับเจ้าเด็กร่างผอมคนนี้อยู่เสมอ วันนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็น
"เอ่อ......."ทันทีที่ได้ยินโทนเสียงนั้นเจ้าน้อยถือวิสาสะดึงข้อมือของคนร่างใหญ่กว่าเข้าไปในส่วนครัวหลังร้านทันที
"พอดีพี่แมนออกไปซื้อของน่ะครับไข่หมดพอดีต้องไปหามาเพิ่มไว้ก่อน ..เอ่อ...คุณแมกซ์มีอะไรหรือเปล่า "ทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่เต็มอกเห็นอยู่เต็มตาว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้างเจ้าน้อยยังเฉไฉพยายามทำตัวไม่รู้เรื่องต่อไป
"เราน่ะเห็นมินมาทำงานกับไอ้แมนทุกวันรึเปล่า? "ชายหนุ่มนึกโทษตนเองว่าทำไมถึงไม่เคยสังเกต ว่าตั้งแต่ที่กตัญญูยกเลิกงานแต่งงานรามินทร์เองก็ออกจากบ้านเช่นกันและทั้งๆที่ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันแต่เขาก็ไม่เคยสงสัยอะไรเลย
"ก็....เอ่อ...เกือบๆ ทุกวันครับ" เจ้าน้อยตอบกลับ น่าแปลกที่วันนี้ อีกฝ่ายไม่ได้พูดด้วยท่าทีกวนๆ อารมณ์ดีเหมือนเช่นทุกครั้ง
"แล้วสองคนนั่น..ดูเป็นยังไง คือ..หมายถึง ดูสนิทกันมากไหม มีอะไรแปลกๆรึเปล่า? "
น่าแปลกจริงๆทั้งๆที่เขาเองก็ชอบผู้ชายด้วยกันและจะเรียกว่ากำลังสนใจเด็กผอมๆตรงหน้านี้ แต่ก็ไม่อยากจะเด็กคนนี้รู้จักโลกมืดของคนแบบเขาให้มากนัก..ถึงได้ไม่ถามออกไปตรงๆ
"ก็...เอ่อ.....ก็.......เหมือนทุกครั้งนี่ครับ แต่ก็มี...เอ่อ....เอ่อ....ก่อนหน้านี้เหมือนจะทะเลาะกัน" เจ้าน้อยตอบกลับตะกุกตะกัก จะให้เขาพูดได้ยังไงว่าคืนที่ฝนตกวันนั้นเขาเห็นอะไรบ้าง
" แล้วอะไรอีก? .. ท่าทางเราจะรู้อะไรมากกว่านั้นนะ.. "ดวงตาคู่คมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด
เจ้าน้อยมีท่าทีลำบากใจ เด็กหนุ่มร่างผอมยกมือขึ้นก่ายหน้าผากก่อนจะส่ายหน้า
"คุณแมกซ์อย่าบังคับผมซิ่ครับ....แล้ว เอ้อ เอ้อ ตอนนี้ลูกค้าเต็มร้านเลย ผมอยู่คนเดียวด้วย" เขาพยายามหลีกเลี่ยง
ทันใดมือแกร่งจับข้อมือเล็กนั่นแล้วออกแรงลากร่างเล็กให้ตามเขาเข้าไปในออฟฟิตก่อนจะปิดประตู
++++++++++++++
"ไปรู้ ไปเห็นอะไร เล่ามาให้หมด"
ร่างสูงใหญ่ยืนค้ำอยู่เหนือหัวสายตาคาดคั้นทำเอาเด็กหนุ่มกลืนหายใจลงคอไปอึกใหญ่ ความรู้สึกกลัวร่างสูงวิ่งเข้ามาจับใจ มันไม่ใช่เพราะร่างกายของอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะน้ำเสียงท่าทางที่แปลกไปจากเดิมนั่นต่างหาก มีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แน่ๆ และมันต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาได้พบได้เห็นในคืนนั้น เจ้าน้อยหลับหูหลับตาแน่น
"ผมเห็นคุณมินกับพี่แมน....เขา...มีอะไรกัน!" " ..............................อะ..ไรนะ?.. "
เป็นนานกว่าที่ชายหนุ่มจะถามขึ้นมาอีกครั้งพศวัตบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้คืออะไร
สิ่งที่เด็กคนนี้เห็นคืออะไร มากมายขนาดไหน แล้วทำไม...ดวงตาของเด็กหนุ่มมองหน้าของอีกฝ่ายเป็นเชิงต่อว่าใบหน้านั้นแดงก่ำใต้ผิวสีเข้ม
"ผมบอกไปแล้วว่าผมเห็นอะไร ....ผมเห็นพี่แมนกับคุณมิน มีอะไรกัน ในห้องครัวนั่นล่ะ....ถ้าคุณแมกซ์พอใจแล้ว ผมจะออกไปทำงาน ผมไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของครอบครัว" เจ้าน้อยเอ่ยน้ำเสียงปนเปกันระหว่างความไม่พอใจที่ถูกคาดคั้น ความกลัวว่าพศวัตจะระเบิดอารมณ์ออกมา และความอายที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป ร่างเล็กกว่าเตรียมหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง
" เดี๋ยว! " ชายหนุ่มห้ามเสียงดังเมื่อเจ้าน้อยทำท่าจะออกไป
"แล้วที่เห็นน่ะ ... แมนมันทำท่าเหมือนบังคับ หรือ มินมันขัดขืนบ้างไหม? " เขารู้ว่าคำถามนั้นยากที่จะตอบออกมาได้อย่างไม่กระดากปาก แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อเจ้าน้อยเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์นี้เพียงคนเดียว
ยิ่งอีกฝ่ายถามภาพในคืนนั้นก็ยิ่งเด่นชัดในหัวสมองของเด็กหนุ่ม เจ้าน้อยหันมามองหน้าของอีกฝ่าย
"ไอ้เรื่องแบบนั้นผมก็ไม่รู้หรอก กลับมาเห็นก็กอดกันกลม นัวเนียเสียงดังแล้ว.... ส่งเสียงเรียกชื่อกันจะเป็นจะตาย"ใบหน้าแดงจนจะดำของเจ้าน้อยมองหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะหลบสายตา
"โอ้ย ไม่ต้องมาถามผมแล้วนะ ผมอยากจะลืมมันเต็มทีแล้ว" ร่างผอมๆ ของเด็กหนุ่ม เปิดประตูได้ก็รีบกระโจนออกไปพยายามทำงานต่อทันที แต่ก็ชนเข้ากับร่างสูง แผ่นอกกว้างในชุดเชฟสีขาว ไม่ต้องบอกก็รู้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากคนต้นเรื่อง
เจ้าน้อย แหกปากเสียงดังไม่เป็นภาษาใส่เชฟหนุ่มก่อนจะวิ่งฉิวไปที่หน้าร้าน เขาไม่อยากจะเกี่ยวอะไรด้วยแล้ว
++++++++++++
เชฟหนุ่มมองตามร่างของเด็กในร้านที่วิ่งไปอย่างไม่เข้าใจในคราแรกก่อนจะถึงบางอ้อ ในอีกเสี้ยววินาทีต่อมา
"พี่แมกซ์" น้ำเสียงนั้นดูแปลกใจไม่น้อย
" ไอ้เชี่ยแมน!!! "เสียงคำรามดังไปทั่วห้องขนาดเล็กของออฟฟิต ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่และหมัดหนักๆที่ประเคนใส่ใบหน้าคมของคนอายุน้อยกว่า มือแกร่งกระชากคอเสื้อ โดยไม่ใส่ใจสีขาวของชุดนั้นจะเปรอะเปื้อนเพียงใด ดีเสียอีก ถ้าเลือดชั่วๆของคนเนรคุณจะเปรอะชุดสีขาวที่เป็นเพียงเปลือกนอกนี้เสียบ้าง
" มึงสัญญากับกูแล้วไม่ใช่เรอะ!!! "ใบหน้าคมที่หันร่างที่จะเซก็เซไม่ได้เพราะมือของพศวัตที่ยังยึดแน่นที่คอเสื้อหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย พร้อมเลือดกลบริมฝีปาก
"ผมผิดสัญญา"
เสียงฮือฮาดังขึ้นที่หน้าร้าน เพราะเสียงตวาดดังลั่นของพศวัต ทำเอาเด็กหนุ่มในร้านหน้าซีด ช่วงเที่ยงเป็นช่วงที่มีคนมาทานเยอะที่สุด เขาคนเดียวก็จะดูไม่ไหวอยู่แล้วยังจะมีการทะเลาะวิวาทของเจ้าของร้านกับเชฟอีก
"แต่ผมก็พยายามจะจบมันแล้ว" กตัญญูเอ่ยต่อเขาจ้องหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธของคนที่เป็นเหมือนพี่ชายนิ่ง
พศวัตกัดฟันกรอดมือแกร่งกำแน่นชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกของออฟฟิต
" น้อย! ปิดร้าน เดี๋ยวนี้!! "" มึงไปเคลียร์กับกู หลังร้าน " เจ้าของร้านปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเชฟหนุ่มก่อนจะเดินแรงๆ ไปยังหลังร้านทันที
เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชิญให้แขกออกไปจากร้าน โดยไม่คิดสตางค์ แต่อย่างใด เด็กหนุ่มเห็นทั้งสองคนเดินไปข้างหลังร้าน เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงรีบวิ่งตามไปหลังร้าน เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่ เจ้าน้อยถึงกับหน้าซีดเขาไม่เคยเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้มาก่อน กตัญญูนั้นไม่พูดเอาอะไรเขาถ่มน้ำลายเจือเลือดออกไปอีกทาง
++++++++++++
" ทำไม? "คำถามง่ายๆและสั้นๆ แต่ดูเหมือนจะตอบได้ยากเหลือเกิน กตัญญูกลืนน้ำลายเจือคาวเลือดลงคอ
"หรือที่มินมันเอาเงินออกไปล้านสองเพราะมึง?"เมื่อกตัญญูไม่ได้ตอบอะไร สิ่งที่เขารับรู้มาจึงถูกถามออกไปเพราะดูจากเวลาในการที่ถอนเงินออกไปมากขนาดนั้นมันแค่ไม่กี่วันก่อนที่กตัญญุจะแต่งงาน
"นั่นเพราะ มินไม่อยากให้ผมแต่งงาน" กตัญญูตอบไปตามตรง
"ก็เลยซื้อมึงเป็นผัวรึไง?" คำตอบของกตัญญุไม่ทำให้พศวัตพอใจอะไรได้เลย มือแกร่งกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายมาอีกครั้ง มืออีกข้างยกขึ้นหมายจะต่อยอีกซักหมัด
" มันเป็นข้อตกลงของผมกับมิน " กตัญญูมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
" เขาต้องการให้ผมทำแบบนี้เพื่อใช้หนี้ ..พี่คิดว่าลูกหนี้อย่างผมจะขัดใจอะไรเขาได้รึไง "" มึงไม่ต้องมาอ้าง!! อยากได้เงิน มึงก็มาเอาที่นี่!! " ชายหนุ่มตะคอกอย่างเหลืออด
"แค่ที่ดินแม่ศรี มึงขายตัวมึงได้เลยเรอะ มึงขายศักดิ์ศรีได้เรอะ?! " มือแกร่งเขย่าคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง
"พี่คิดว่าผมอยากได้เงินนักรึไง เท่าที่อยู่กันมาผมเคยขออะไรไหม ถ้าผมคิดจะขอผมคงขอไปนานแล้ว....แต่นี่ไม่ใช่
ผมเองก็มีศักดิ์ศรีแต่น้องพี่ก็เอามันไปจากผมหมดแล้ว...จะให้ผมเหลืออะไรอีก " กตัญญูเองก็ดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายเหมือนกัน
"สิ่งสุดท้ายที่ผมมี คือ ไม่อยากจะให้ใครเจ็บไปมากกว่านี้
ด้วยชื่อนี้ ผมถึงได้พามินไปส่งที่บ้าน"
ชายหนุ่มรู้ดีกว่ากำลังโกหกคำโต .. เหมือนทุกครั้ง
เขาเคยโกหกเพื่อให้รามินทร์มีความสุข ปิดบังเรื่องก้องภพคบกับรามินทร์จนเกิดเรื่องนั้นขึ้น สร้างบาดแผลลึกในใจของอีกฝ่าย
.. บาดแผลที่เขาน่าจะรักษาให้มันหาย แต่เขากลับ เป็นคนทำร้ายรามินทร์อีกครั้งด้วยการโกหก ว่าไม่ได้ต้องการ ...
" มึงจะพูดให้ได้อะไรอีก ! "เจ้าของร้านหนุ่มตะคอกใส่เชฟหนุ่ม เขายังจำได้ดีว่ารามินทร์เป็นอย่างไรตอนที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้ แล้วคนตรงหน้า ... คนที่เขานับเป็นน้องอีกคน ยังพูดราวกับว่ารามินทร์ผิดคนเดียว ... แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น..
" ได้..ถ้ามึงคิดว่ามินมันผิด มึงก็จำคำพุดของมึงเอาไว้ ไอ้เชี่ย " พศวัตปล่อยคอเสื้ออกฝ่ายก่อนจะปัดมือนั้นออกจากคอเสื้อของตนเอง
"มึงจะไม่ได้เห็นมินอีก ตลอดชีวิตมึง!!"เขาพูดใส่หน้ากตัญญุแล้วเดินออกไปจากหลังร้านทันที
สิบกว่าปีก่อน มึงสัญญาอะไรไว้กับกู..กูไม่เคยลืมมึง ผิดสัญญา!ตลอดชีวิต......คำพูดนั้นทำให้กตัญญูพูดอะไรไม่ออก มันเหมือนกับวันนั้นสายตาและคำพูดนั้นของ
รามินทร์ได้ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง
"มินผิดที่ทำอะไรไม่คิด ...
แต่ผมเองก็ผิดที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ซักครั้ง .. "
กตัญญูยกมือขึ้นหมายจะเรียกพี่ชายเอาไว้ เขาเจ็บ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่เขาอยากจะเอ่ยไม่ใช่ชื่อของพี่ชายแต่เป็นประโยคสั้นๆที่ อยากจะบอกให้ใครต่อใครรู้
"ผมรักมิน..."เสียงทุ้มที่เคยพูดกับใครต่อใครอย่างร่าเริง ท่าทีห้าวหาญหายไปจากร่างสูง ไหล่สองข้างตกเหมือนไร้แรง เสียงที่เปล่งออกไปนั้นเบาราวกับพูดกับตัวเอง....
"กูให้โอกาสมึงพูดแล้ว ไอ้แมน ... แต่
ตอนนี้เวลามึงหมดแล้ว "พศวัตบอกเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินลับสายตาของคนที่อยู่หลังร้านไป
มันก็จริง .. เขาไม่มี
โอกาสอีกแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะมองหน้าคนที่เขารักมากกว่าใครคนนั้นได้อีกต่อไป
...จะไปบอกเด็กคนนั้นได้ยังไง ในเมื่อ เขา เป็นคนพารามินทร์กลับไปส่งที่บ้านเอง
ทุกอย่างมันคือ ความกลัว ของเขาเอง กลัวการที่จะพูดออกไป
กลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากสายตาของคนที่เฝ้าดูเขามาโดยตลอด
และกลัว สายตาที่จะมองมายังตัวเอง เมื่อเขาส่องกระจก
......ไอ้อกตัญญู.....