ดีจังที่รีดเดอร์เริ่มเห็นใจมินนี่แล้ว (ดีใจใช่ไหม โคไรเตอร์?) .. วันนี้อัพช้า เพราะพรุ่งนี้ต้องไปสอบค่ะ ปั่นๆ ปริ้นๆงาน ยุ่งมากมาย .. แต่ก็ทำหน้าที่ต่อล่ะนะ
ไม่พูดมากละ ..
ไปกินมาม่ากันต่อเถอะค่ะ!!++++++++++++++++++
เครื่องบินเที่ยวบินแรกสุดของวัน ลงจอดที่สนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานี รามินทร์ติดต่อหารถเช่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ชายหนุ่มร่างบางสวมแว่นตาดำปกปิดดวงตาที่ช้ำแดง เสื้อโปโลสีเข้มถูกดึงปกขึ้นเล็กน้อยปกปิดร่องรอยแดงช้ำบนต้นคอ ติดเครื่องยนต์ พร้อมตรวจทานเส้นทางบนแผนที่อีกครั้งจนแน่ใจ จึงขับรถออกไป จุดมุ่งหมายคือหมู่บ้านแห่งหนึ่งเลยชานเมืองอุดรออกไปอีก
รามินทร์ตัดสินใจมาที่นี่ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันจะเจ็บปวด หากผลไม่ได้ออกมาตามที่คาด
.....ผมไม่ยอมหรอกนะ....พี่ต้องรับผิดชอบการกระทำของพี่....ให้มากกว่านี้ถนนหนทางที่ใช้ค่อนข้างสะดวกสบาย สองข้างทางคือที่ดินทำกินของผู้คนในระแวกนั้น รามินทร์ขับออกจากตัวเมืองออกไปได้เกือบชั่วโมงก็ตีไฟเลี้ยวเข้าไปในถนนลาดยางที่แคบลงมาอีกหน่อย เส้นทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านๆหนึ่ง เปิดกระจกรถแวะสอบถามเส้นทางกับคนที่เดินผ่านมา เสียงกระดิ่งผูกคอวัว ดังแว่วให้ได้ยินจากที่ไกลๆ ได้กลิ่น สาบสัตว์เลี้ยงลอยมาตามลง คงมีการเลี้ยงสัตว์ใกล้ๆ ชายหนุ่มยิ้ม มันเป็นสภาพที่เขาไม่คุ้นเคย แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยพบเห็น เส้นทางเริ่มคุ้นตามากขึ้น เมื่อเห็นบึงเล็กๆอยู่ห่างออกไป
มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่ตรงริมบึงนั้น มอเตอร์ไซค์จอดอยู่ใต้ร่มไม้หนึ่งคัน เห็นร่างกำยำของชายวัยกลางคนกำลังเหวี่ยงแหหาปลา ....
เขาจำได้ ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วเขาเคยติดสอยห้อยตามแม่ของเขามาที่นี่ พร้อมด้วยกตัญญู เพราะต้องกลับมาเยี่ยมแม่ศรีที่เกิดล้มป่วยกระทันหัน และตั้งแต่นั้นมาข่าวเรื่องสุขภาพของแม่ศรีก็มีเข้าหูเขามาตลอดว่าเจ็บออดๆแอดๆไม่หายเสียที สุขภาพย่ำแย่ ไร่นาที่เคยได้ทำก็ไม่ได้ทำ บางครั้งต้องกู้เงินของชาวบ้านข้างเคียงมาหมุนเวียนใช้จ่าย แน่นอนว่า กตัญญูเมื่อเรียนจบก็ตั้งใจทำงาน ส่งเงินมาช่วยตลอด แต่ก็ยังมีหนี้ก้อนสุดท้ายที่ยังจ่ายไม่หมด ข้อแลกเปลี่ยน คือที่ดินผืนใหญ่ นึกถึงตรงนี้รามินทร์ยิ้มหยัน ดวงตามองผ่านเลนส์สีชาของแว่นตรงไปเห็นบ้านก่ออิฐถือปูน แต่หลังคาบ้านยังเป็นทรงไทย ผสมผสานปนเปแปลกๆกับ
++++++++++++++++++
รั้วเหล็กทรงยุโรปสีน้ำเงินที่ล้อมรอบพื้นที่ ดูขัดตากับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดเล็กกว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบ้านนั้นเป็นบ้านของคนที่เขาจะมาพบอย่างแน่นอน ชายหนุ่มเข้าไปจอดรถด้านหน้าบ้านหยิบกระเป๋าเอกสารที่ถือมาลงไปก่อนจะเดินเข้าไปด้านในด้วยประตูใหญ่เปิดกว้างตลอดเวลา
"ขอโทษครับ ....พ่อผู้ใหญ่อยู่ไหมครับ" ชายหนุ่มส่งเสียงออกไป
" อยู่จ๊ะ พ่อหนุ่ม ..เดี๋ยวฉันไปเรียกให้นะ" เสียงของหญิงวัยเกือบห้าสิบตอบกลับมาก่อนจะเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงที่ชานบ้าน หล่อนหันไปเรียกเด็กในบ้านให้เอาน้ำเอาท่ามาให้ชายหนุ่ม แน่นอนว่า อยู่ๆมีชายหนุ่มท่าทางดีแต่งตัวดูแปลกตาจากหนุ่มๆในหมู่บ้านอยู่ๆมาหาพ่อผู้ใหญ่แบบนี้ย่อมมีสายตามองมาอย่างสนอกสนใจเป็นธรรมดา รามินทร์ได้แต่ยิ้มน้อยๆตอบสายตาของเด็กๆที่ดูจะขยับกลุ่มวิ่งเล่นของตัวเองเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
" มาหาฉันเรอะ พ่อหนุ่ม " เสียงห้าว และดุดันของผู้ใหญ่บ้านดังขึ้นที่บันไดบ้าน รามินทร์ลุกขึ้นยืนทันที สองมือยกไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
"สวัสดีครับผู้ใหญ่ ผมชื่อ รามินทร์ ครับ รามินทร์ อินทรวงศ์ ผมมาจากกรุงเทพครับ"
" อ้อๆ สวัสดีๆ " ผู้ใหญ่บ้านรับไหว้แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ฝั่งตรงกันข้าม " มีธุระอะไร หรือมาตามหาใครในหมู่บ้านเรอะ? "
"เอ่อ...ไม่ทราบพ่อผู้ใหญ่พอจะรู้จัก แม่ศรี หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามด฿ลังเล เล็กน้อย
" แม่ศรี?..อ้อ แม่ศรีนวล ใช่ไหม? ... รู้จักซี่ มีธุระกับแม่ศรีรึ เดี๋ยวจะให้เด็กมันไปส่งก็แล้วกันนะ " ผู้ใหญ่บ้านร่างใหญ่ตอบ พลางมองซ้ายมองขวา
"อ้อ ไม่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้มาหาแม่ศรีโดยตรงหรอกครับ ธุระของผมคือ อยากจะมาคุยเรื่องที่ดินของแม่ศรีมากกว่า" รามินทร์รีบยกมือห้าม เขายังไม่อยากให้แม่ศรีรู้ตอนนี้ ถ้าสิ่งที่เขาคิดจะทำ สำเร็จเมื่อไร เขาถึงจะเข้าไปกราบแม่ศรีและบอกให้เธอทราบเอง
" ที่ดิน... ผืนที่อยู่ติดลำห้วยนั่นใช่ไหม พ่อหนุ่ม "รามินทร์พยักหน้า ผู้ใหญ่บ้านเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามต่อ
" แล้วพ่อหนุ่มรู้ได้อย่างไร ว่าต้องมาหาฉัน? "
"พอดีผมก็ได้ยินเขาพูดกันมาน่ะครับ เป็นที่ดินที่สวยมาก มีน้ำ มีต้นไม้ใหญ่เก่าแก่.... เป็นผมคงอยากได้ไว้ให้ลูกให้หลาน" รามินทร์เปรยขึ้นมาแทนความรู้สึกของแม่ศรี เขาคิดว่าแม่ศรีคงจะรักและหวงแหนที่ดินผืนนั้นมากแค่ไหน เธอสู้มาตลอด เพื่ออย่างน้อยจะให้มันเป้นของกตัญญูลูกชายเธอซักวัน
"
เฮ้อ .. ฉันตั้งใจจะยกให้เป็นของขวัญแต่งงานลูกสาวเสียด้วย พอดีอีกสามอาทิตย์ ลูกสาวฉันจะแต่งงานกับลูกชายแม่ศรีนั่นแหละ ก็ตั้งใจจะยกให้เขาน่ะ " ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย เขาเป็นนักลงทุนเรื่องที่ดิน ทำไมจะมองไม่ออกว่าชายหนุ่มจากกรุงเทพคนนี้เงินถึงขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่เขาคงจะขายมันไม่ได้
"ทั้งๆที่ความจริงแล้ว มันก็เป็นของแม่ศรีอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอครับ" รามินทร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็นบนใบหน้า เขารู้ว่ามันอาจจะทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือไม่พอใจ แต่เท่าที่เขารู้มา มันก็เป็นความจริง
" เพราะฉันยังไม่ได้ให้แม่ศรีเขาโอนมาต่างหาก ค่าโอนมันแพงนะ พ่อหนุ่ม อีกอย่าง ลูกชายเขาก็อยากได้มันคืน .. ฉันเองก็ตั้งใจจะให้อยู่แล้ว " ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับไปอย่างใจเย็น " พ่อหนุ่มอยากได้มันมากรึ? "
"ครับ" รามินทร์ตอบไปตามตรง "ถ้าผม...จะขอจ่าย ทั้งหมด จะได้ไหมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถาม ดวงตามสบตาของผู้อวุโสกว่านิ่ง
" แต่ฉันตั้งใจจะให้เป็นของขวัญแต่งงานลูกสาวนะ " ผู้ใหญ่บ้านเองก็ตอบกลับมาเช่นกัน นี่ก็เป็นทริกการโก่งราคาเล็กน้อย
"ผมยินดีจะจ่ายมากกว่านั้น...ให้สมกับที่พ่อผู้ใหญ่จะหาสิ่งอื่น ที่อาจจะเหมาะสมกับลูกสาวของพ่อผู้ใหญ่มากกว่าที่ดินผืนนี้..."ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีจะต่อรองราคาใดๆ เขายินจะจ่าย มากเท่าที่อีกฝ่ายต้องการ เพียงเพื่อให้ได้มันมาเพื่อที่จะล้างหนี้ล้างสินให้แม่ศรีนวล ไม่ต้องมาติดค้างอะไรกับบ้านนี้อีก ให้....คนๆนั้น...ได้ตัดสินใจ ได้มองทุกอย่าง อย่างปลอดโปร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
" งั้นไปดูที่มาแล้วใช่ไหม?.... ขอฉันไปเอาฉโนดกับรายละเอียดมาก่อนก็แล้วกัน แล้วเราค่อยคุยกันอีกที " พูดจบผู้ใหญ่บ้านก็เดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับสั่งการเด็กในบ้านให้หาอาหารว่าง และเครื่องดื่มดีๆมาให้แขกด้านนอก วันนี้ผู้ใหญ่บ้านคงจะยุ่งกับธุรกิจที่ดินทั้งวันเป็นแน่ รามินทร์ยิ้มน้อยๆ อย่างพึงใจ น้ำเย็นๆที่ไม่ได้ใส่น้ำแข็ง วันนี้กลับให้ความรู้สึกชื่นใจมากเป็นพิเศษ
....นี่ซิ่นะ....ค่าของเงิน....สุดท้าย มันก็มีแค่เรื่องนี้ล่ะ...
++++++++++++++++++
ตกเย็นวันนั้น รามินทร์กลับมาถึงกรุงเทพพร้อมด้วย โฉนดที่ดินของแม่ศรีนวลถือติดมือกลับมาด้วย ร่างบางขับรถกลับมาถึงที่บ้านด้วยท่าทีที่ดูสบายใจกว่าเมื่อครั้งเดินออกจากบ้านไป ทั้งๆที่ก็ยังมีบางส่วนในใจ ที่ยังไม่แน่ใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้ แต่ถ้าเขาไม่ทำ....
........พี่แมน...ก็อาจจะไม่อยู่ข้างๆมินอีกก็ได้...........ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ รามินทร์เองก็ทักทายกตัญญูเท่าที่จำเป็น ทั้งสองดูห่างๆกันไป จนกระทั่ง งานแต่งงานของชายหนุ่มที่ในตอนแรก แมกซ์ได้รับมอบหมายกับมินให้ไปร่วมงานแต่งงานนี้แทนคุณกฤษณ์และคุณหญิงจิตตรา ผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเจ้าบ่าว แต่พอถึงวันแต่งงาน พศวัตกลับหายตัวไป หลังจากที่เมื่อคืนออกไปเที่ยว และค้างโรงแรมกับชายหนุ่มที่เขาพอใจ รามินทร์จึงต้องไปจังหวัดอุดรธานีเพียงลำพัง
++++++++++++++++++
รามินทร์นั่งเครื่องบินตามไปค้างคืนหนึ่งที่โรงแรมในตัวเมือง คืนหนึ่งก่อนวันแต่งงาน ชายหนุ่มเฝ้ามอง กระเป๋าที่ด้านในมีเอกสารสำคัญอยู่อย่างชั่งใจ เขาควรจะพูดอย่างไร เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ เขาควรจะหยุดทุกอย่างเอาไว้เพียงแค่คืนนี้ แล้วในตอนเช้า ก็แค่ตีหน้าซื่อไป ที่งาน โดยส่งเอกสารนี่ใส่ซองไปรษณีย์ตามหลังไป หรือไปที่งาน เพียงเพื่อ จะทำในสิ่งที่เขาคิดมาตลอดดี ชายหนุ่มปิดไฟเข้านอน เมื่อเวลาล่วงเลยไปมากโข โดยไม่ลืมที่จะทานยาเสียหนึ่งเม็ดเพื่อให้หลับสบายยิ่งขึ้น เมื่อพรุ่งนี้มาถึง คงจะเป็นวันที่หนักหนาสาหัส ไม่น้อย
บ้านของผู้ใหญ่ถูกใช้เป็นบ้านที่ทำพิธีการ มีการตั้งเต้นท์ ตั้งเก้าอี้ สำหรับแขกเหรื่อที่จะมาในพิธี
บ้านฝ่ายหญิง ด้านหลังมีการตั้งครัวย่อยๆ เสียงแม่ครัวคุยกันจ้อ เตรียมกับข้าวกับปลากันมาตั้งแต่เช้า โดยมีพนักงานจาก อบต. มาช่วย แขกเหรื่อมากันมากมายเกือยทั้งตำบล ในตอนแรกผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นคุณกฤษณ์และคุรหญิงจิตตรา แต่ในเมื่อทางนั้นแจ้งว่ามาไม่ได้ นายกอบต.จึงได้รับเกียรตินี้แทน
ทางฝ่ายชายเองก็กำลังเตรียมตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ขบวนขันหมาก เตรียมตั้งขบวน แม่ศรีนวลหยิบผ้าไหมผืนที่ตั้งใจทอด้วยน้ำพักน้ำแรงที่มีพาดบ่าให้ลูกชายด้วยความภูมิใจ ดวงตาของแม่ศรีมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา เมื่อแต่งตัวให้กตัญญูเป็นที่เรียบร้อย
" แม่ อย่าร้องไห้สิ .. วันนี้วันดีนะ " เจ้าบ่าวหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แม่ศรีของเขา
"ลูกเป็นคนดี......ขอบคุณคุณหญิงที่ดูแลลูกจนได้ดิบได้ดีแบบนี้....... แม่ก็อยากให้ลูกมีชีวิตทีดี...และคงจะดี มากกว่านี้....." ท้ายประโยคแม่ศรีนวลยังตัดพ้อ ตัวเอง
" อีกหน่อยมันจะดีขึ้นนะแม่.. แมนสัญญาครับ " ชายหนุ่มให้สัญญาต่อผู้เป็นหม่ แม่ศรีไม่ได้พูดอะไรต่อ สองมือเล็กบางตบ ไหล่ของลูกชายเบาๆ
"แม่ศรีๆ.... แขกของอ้ายแมนมาแล้ว" ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนเข้ามาด้านใน พร้อมกับร่างเพรียวของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กางเกงสแลคสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าคู่สวยขัดมันปลาบ เดินเข้ามาด้านใน พร้อม
กับซองใส่เอกสารอีกหนึ่งซอง
"สวัสดีครับแม่ศรี...."ชายหนุ่มร่างบางยกมือขึ้นกราบแทบอกของแม่ของเจ้าบ่าวซึ่งดูประหลาดใจในคราแรก จนได้พิศมองใบหน้านั้นใกล้ๆ
"คุณมิน....คุณหนูมินใช่ไหมคะ ..ตายแล้วพ่อคุณ อุตส่าห์มาเสียไกล คงลำบากไม่น้อยเหนื่อยไหมจ้ะ....มาซิ่นั่งก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปหาน้ำเย็นๆมาให้คุณหนูมินทานก่อนดีกว่า" เธอหันซ้ายมองขวาเตรียมจะเรียกใครซักคนที่มาช่วยงานให้ช่วยฉวยแก้วน้ำเย็นๆมาให้ ชายหนุ่มท่าทางดคนนี้ซักแก้วแต่รามินทร์ยกมือห้ามเอาไว้
"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ศรี คุณแม่ฝากนี่มาช่วยงานครับ แล้วก็ฝากความคิดถึงมาให้แม่ด้วย ท่านบอกว่าต้องขอโทษแม่ศรีจริงๆที่มางานมงคลของพี่แมนด้วยตัวเองไม่ได้ " ชายหนุ่มเอ่ย ไม่ได้มองไปยังเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ไม่ห่างเลยแม้แต่น้อย
" เอ่อ..แล้วพี่แมกซ์ไม่มาด้วยเหรอ? " ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวสีครีมถามพลางมองหาคนที่น่าจะมาด้วยกัน
".........."รามินทร์หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย เป็น ครั้งแรกในรอบเกือบสองอาทิตย์ ดวงตาคมของกตัญญู ดูเป็นประกาย ผิวแบบผู้ชายไทยทั่วไปรับกับเสื้อผ้าไหมสีครีม ไหล่กว้างมีผ้าไหมผืนสวยของแม่พาดบ่า ผ้าขาวม้าสีสดใสที่แม่ศรีคงจะตั้งใจย้อมด้วยสีธรรมชาติที่หามาได้
"พี่แมกซ์มาไม่ได้....ติดธุระกระทันหันน่ะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา
" ต้องมาคนเดียว ลำบากแย่เลยนะ .. เอ่อ เดี๋ยวคงได้ฤกษ์ต้องไปบ้านเนียนแล้ว .. มินไปพร้อมกันเลยสิ "
เจ้าบ่าวเอ่ยชวน บรรยากาศของพวกเขาชวนให้รู้สึกอึดอัด รามินทร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเขายิ้มเหมือนชั่งใจ
ชายหนุ่มหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาร่างบางเล็ก ลงไปนั่งกับพื้น
"ตายแล้ว คุณหนูมินลงไปนั่งทำไมตรงนั้นลูก พ่อคุณลุกขึ้นมาก่อน" แม่ศรีตกอกตกใจ
แต่รามินทร์กลับ ส่ายหน้าปฏิเสธ
"แม่ศรีครับ.... มินรู้ว่า ตลอดหลายปีมานี่ แม่ศรีลำบากมามาก...ลูกชายคนเดียวของแม่ศรี
มินก็ทำให้พี่แมนเขาไม่ได้อยู่ดูแลแม่ศรี...มินเลยอยากจะตอบแทนแม่ศรีบ้าง กับสิ่งที่แม่ศรี...."
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าของกตัญญู
"ให้กับมิน " ชายหนุ่มดึงเอาเอกสารในซองสีน้ำตาลออกมาให้กับอีกฝ่าย
"นี่เป็นโฉนดที่ดินของแม่ศรีนะครับ...มิน.....ไปเอามาให้" ชายหนุ่มเอ่ยพลางส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับอีกฝ่ายได้ดู มือเล้กเรียวของผู้ที่รับเอาไว้นั้นสั่นระริกด้วยไม่อยากจะเชื่อหู ไม่อยากจะเชื่อสายตาในสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ความลำบากที่ตัวเองเพียรทำงานหนักมาโดยตลอด และยังไม่แน่ใจว่าอีกกี่ปีจะใช้หมดนั้น เหมือนจะถูกยกออกไป แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสงสัยแคลงใจประเดประดังเข้าหา ชายหนุ่มกราบลงแทบตัก เขารู้ว่า แม่ศรีคงจะพูดอะไรไม่ออก ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ
"ผมแค่อยากให้แม่ศรี ไม่ต้องลำบากอีก... ผมทำเพื่อแม่ศรีนะครับ"
"โธ่ พ่อคุณ.....พ่อคุณ...."แม่ศรีพร่ำร้องไห้ออกมา จูบพรมสองแก้มชายหนุ่ม ด้วยนึกขอบใจไม่น้อย แต่เธอก็รู้ดีว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร ข้อตกลงทั้งหมดที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ จะเป็นอย่างไร พ่อผู้ใหญ่ ที่เป็นนักเลงที่ดินระแวกนี้จะได้คิดถึงข้อนี้หรือเปล่า หญิงสูงวัยหันไปมองหน้าของกตัญญูลูกชายของเธอ
"แมน...ดูซิ่ ว่าคุณหนูมินกรุณากับบ้านเราแค่ไหน ดูซิ่...."
หากแต่เจ้าบ่าวหนุ่มกลับเดินเข้ามาดึงร่างบางของคนที่นั่งพื้นอยู่ให้ลุกขึ้นทันที
" แม่ครับ .. แมนขอคุยกับมินนะครับ "มือแกร่งบีบข้อมือบางอย่างไม่รู้ตัวความโกรธ ความรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ทำให้เขาโกรธแต่แสดงมันออกมาต่อหน้าแม่ศรีของเขาไม่ได้ รามินทร์พยายามขืนมือแกร่งนั้น แต่เขาฝืนไม่ได้ แรงบีบที่ข้อมือนั้นมากเสียจนต้องนิ่วหน้า ชายหนุ่มหันไปก้มให้แม่ศรีอีกครั้ง ก่อนจะเดินตาม ชายร่างสูงออกไป
++++++++++++++++++
"พี่แมน....ปล่อย มินเจ็บแขน พี่แมน...." ชายหนุ่มเดินตามอีกฝ่ายออกไปไกลทางหลังบ้าน ที่ไม่มีใครอยู่ มองเลยออกไปก็คือที่ดินที่เขาเพิ่งจะไถ่ถอนกลับมาให้กับมารดาของชายหนุ่มร่างสูง กตัญญูปล่อยแขนอีกฝ่ายออกทันที ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจลึก มือแกร่งทั้งสองข้างกำแน่นจนสั่น
" มินต้องการอะไร? "
"....................." รามินทร์สบตาของอีกฝ่ายนิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ใช่ มันเป็นคำถามเดียวกับที่เฝ้าถามตัวเองมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ "มินอยากให้แม่ศรีสบาย แม่ลำบากมามากแล้ว..."
" แม่ศรีเป็นแม่พี่ เรื่องนั้นเป็นเรื่องของพี่ "ชายหนุ่มพูดแค่นั้น ประโยคมันไม่สมบูณณ์ ที่จริง เขาควรจะพูดต่อว่า มินไม่เกี่ยว แต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้
"พี่แมนเป็นพี่ชายมิน แม่มินก็รักพี่เหมือนลูก.... มินจะรักแม่พี่ ทำให้แม่พี่ไม่ได้หรือยังไง" ชายหนุ่มถามกลับ ในอกใจเต้นระรัว มันมีบางอย่างกำลังลอยเด่นชัดขึ้นมาในจิตใจ
"และมินก็รู้ ไม่ใช่ว่ามินไม่รู้ ว่าเรื่องที่พี่จะต้องรีบมาแต่งงานกับคุณเนียน ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านน่ะ มันเพราะอะไร...... ความจริงแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องที่ดินนี่ซะ พี่ก็จะไม่ทำแบบนี้หรอก ใช่ไหมล่ะ.... "
กตัญญูหันมามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตากร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น
" มิน!! "และที่เขาตวาดใส่ร่างบาง เขาก็ไม่เคยทำเช่นกันร่างบางสะดุ้งเฮือก เขาไม่เคยเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่เป็นแบบนี้ ท่าทาง ใบหน้าแดงก่ำ น้ำเสียงกร้าว ไม่เคยเห็นเลยแม้ซักครั้ง ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
"
แล้วมินคิดว่า แค่โฉนดใบเดียว ก็จะล้มงานวันนี้ได้เรอะ!! "ชายหนุ่มยังคงตวาดใส่อีกฝ่ายเสียงดัง
" คนมาตั้งเท่าไหร่ แล้วเนียนเขาผิดอะไรด้วย? พี่ถึงจะแต่งงานไม่ได้ ""คุณเนียนเขาไม่ได้ผิด....แต่พี่แมนนั่นล่ะ...ผิด" ชายหนุ่มตอบกลับ แม้จะหวั่นใจในน้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่าย แต่เมื่อมาถึงตอนนี้แล้วเขาจะถอยไม่ได้ ความต้องการของเขา....ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว
"พี่ผิด..ที่ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ พี่น่ะ ไม่เคยตัดสินใจอะไรอย่างนี้หรอก แค่เห็นหน้าคุณเนียนวันนั้นมินก็แทบจะรู้หมดแล้ว.....คิดว่าตัวเองเป็นคนดีหรือไงที่จะไปแต่งงานกับเขาเพราะเรื่องที่ดินแค่นี้....
ถ้าอยากได้ก็บอกมินซิ่ ทำไมต้องเอาตัวเข้าแลกล่ะ... "
" มินมองพี่แบบนั้นเหรอ? " ชายหนุ่มที่วันนี้เป็นคนที่ดูดีที่สุดหมู่บ้าน เค้นเสียงถามออกมา เขาทั้งโกรธ และเจ็บปวด ดวงตาเรียวเล็กสบตาของอีกฝ่าย
.......ทำไม ถึงทำหน้าเจ็บปวดแบบนั้น....
.....ข้างในใจผมก็เจ็บเหมือนกัน....
....ทำไมพี่ต้องไปจากผมแต่แรกล่ะ...."แล้วมันมีเหตุผลอะไรอื่นที่พี่จะต้องแต่งกับเขารึไง.... หรือเป็นเพราะผม....
รังเกียจผมนักใช่ไหม....ถึงอยากจะไปให้พ้นๆน่ะ..."ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
" พี่ถามว่า มินคิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นใช่ไหม?! " กตัญญูถามอีกฝ่ายเสียงดัง ดวงตาสีดำสนิทที่เคยมองน้องชายคนนี้อย่างอ่อนโยนฉายแววกร้าว
"แล้วสิ่งที่พี่ทำอยู่นี่มันทำให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นได้หรือยังไง.... !" ร่างบางถามกลับเสียงดัง ไหล่ทั้งสองข้างสั่น เขาพยายามที่จะไม่กลัว หรือร้องไห้อะไรออกมาอีก บางส่วนในใจรู้อยู่แล้วว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้
"แต่งงานกับลูกสาวคนอื่นเขา ใช้หนี้แทนแม่
กตัญญูสมชื่อ.... แต่ไม่รักษาสัญญา พี่แมนบอกว่าจะอยู่กับผม....อยู่ข้างๆผม.... แล้วนี่พี่แมนจะไปไหน.... "ชายหนุ่มเอ่ยถาม
" ทีนี้จะบอกให้ว่า
เจ้าหนี้พี่น่ะไม่ใช่พ่อผู้ใหญ่แล้ว พี่ยังจะแต่งกับเขาไหม... "ร่างเล็กขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย มือยกขึ้นทุบอกตัวเองเบาๆ
"ผมนี่ไง เจ้าหนี้ของพี่.... "