ยังไม่ได้มาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านนี้กันเลย
(เลยมาจะเป็นเดือนล่ะ
)
คิดถึงมากมายก็เลยแวะมาย่องเข้าบ้านในปีใหม่
กอดทุกคนแนบแน่น
==================
**รักไม่จืดจาง*** ใครบางคนกำลังนั่งกอดเข่าตัวเองเหม่อมองออกไปยังผืนน้ำทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ข้างกายมีเจ้าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนตัวโตนอนหมอบอยู่ สายลมเย็นที่ลอยมาปะทะใบหน้าปัดเส้นผมที่เริ่มยาวประบ่าเพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจจะตัดให้พลิ้วกระจายเป็นระยะ แล้วซักพัก...จะได้ยินเสียงถอดถอนลมหายใจตามมา...
.
.
.
เมื่อหลายวันก่อน...
"มานั่งทำอะไรตรงนี้..?" เสียงทักคุ้นหูที่ดังมาจากข้างหลัง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกชายคนโตของรีสอร์ทที่เดินออกมาหน้าบ้านแล้วเห็นว่าน้องชายมานั่งเหม่ออยู่ที่ม้านั่งตรงหน้าบ้านพัก ตั้งแต่คุณหมอสมาชิกใหม่ของบ้าน ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ พ่อก็จัดบ้านหลังข้างๆให้สองคนได้อยู่เป็นการส่วนตัว ส่วนห้องเก่าไอ้เสือออกปากว่าจะยกให้หลานที่กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีกไม่ช้านี้
"มานั่งเล่น" เสียงตอบกลับมาเหมือนเจ้าตัวไม่ได้มีกระจิตกระใจจะตอบกลับซักเท่าไรนัก เดาเอาว่าคงกำลังนั่งรอใครบางคนที่ยังไม่กลับมาทั้งที่เลยเวลามามากแล้ว
ระยะหลังเจ้าน้องตัวแสบเข้ามาช่วยงานที่รีสอร์ทแบบเต็มตัว แถมยังมีรับงานนอกของตัวเองอีก ส่วนหมอปุ่นเองก็เริ่มงานยุ่งตั้งแต่ตอนที่เพื่อนหมออีกคนขอย้ายกลับอยู่กรุงเทพ เวลาที่สองคนจะเจอกันก็เลยสวนทางกันตลอด พอคุณหมออยู่บ้าน ไอ้เสือต้องออกไปเกาะกับลูกทัวร์ สลับกันพอหมดงานที่รีสอร์ทคุณหมอก็ไปเข้าเวรพอดี ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกัน
นายเต้วางมือลงไปบนหัวน้องชายก่อนจะจับโยกไปมาเหมือนตอนเด็กๆ ทั้งที่โตจนมีครอบครัวของตัวเองไปแล้ว ไอ้เสือมันก็ยังเงยหน้าขึ้นมาทำเป็นย่นจมูกใส่เหมือนเด็กไม่ผิดเพี้ยน
"วันนี้หมอปุ่นเข้าเวรดึกไม่ใช่เหรอ เข้าไปกินข้าวเย็นกันเถอะ" ชีต้าห์ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะพยักหน้าแล้วลุกเดินตามอย่างว่าง่าย น่าแปลกที่ฉายาไอ้เสือจอมแสบเหมือนจะกลายเป็นแมวเชื่องๆ หรืออาจจะกลายเป็นแมวหงอยไปแล้ว
"อยากเป็นหวัด หรือไม่ก็ปวดท้อง ปวดหัว จะได้หาเรื่องไปโรงพยาบาลได้" พอได้ยินน้องชายพูดเสียงหงอยก็อดสงสารไม่ได้ ถ้าจะว่าไปตามจริงแล้ว...ทางฝ่ายคุณหมอก็อาการไม่ต่างกัน เพียงแต่ฝ่ายนั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามากก็เลยเก็บอาการได้อย่างแนบเนียน
"ทำไมล่ะ ก็ไปหาซิ เราก็ไปออกจะบ่อย" ไปบ่อยนะเมื่อก่อน ก่อนหน้าที่จะไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องงานขนาดนี้ พี่หมอเองก็ยุ่งวันก่อนปั่นจักรยานหอบเอาข้าวเย็นใส่กล่องไปด้วย ก็โดนไล่ให้กลับก่อนเพราะรถไม่มีไฟ(แถมยังเคยมีเรื่องที่ธีโอเคยโดนดักตีหัวอีก) พี่หมอจะมาส่งเองก็ไม่ได้ติดเคสเด็กที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกต้องเฝ้าดูอาการ เข้าใจว่าเป็นห่วง...ก็เลยไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก
"ผมไม่อยากเอาแต่ใจมากหรอก ไม่ใช่พ่อกับพี่เต้นี่ ที่จะยอมให้ผมทุกอย่างตามใจ..." พูดจบก็เดินนำเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พี่ชายยืนอึ้งก่อนจะส่ายหัวกับตัวเอง
"สงสัยจะอาการหนัก" เสียงบ่นพึมพำของนายเต้ก่อนจะเดินตามเข้าไป เพิ่งเข้าใจอาการป่วยของน้องชายตัวแสบว่าที่แท้...ก็น้อยใจนี่เอง
.
.
"บ๊อบบี้,ไปเดินเล่นกัน" คำว่าไปเดินเล่น ทำเอาเจ้าตูบขนฟูกระดิกหางไปมา ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อคาบเชือกคล้องคอออกมาให้ปะป๊าของมันตามที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
เสียงกุกกักที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน เจ้าของบ้านไม่ได้ใส่ใจจะหันกลับไปมอง เพียงแค่คิดไปเองว่าคงเป็นเจ้าลูกชายที่วิ่งกลับมาพร้อมเชือก แล้วเดี๋ยวอีกซักพักก็จะโถมเข้าใส่เหมือนจะเป็นการบอกว่ามันได้เตรียมตัวพร้อมสำหรับการไปเดินเล่นแล้ว
หมับ... นั่นไง!!...ว่าแล้วเชียว
"หือ!!?"...แต่...นี่มันแขนคน!! ไม่ใช่สองขาหน้าของไอ้ลูกชายนี่หว่า!!
"นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ขอชื่นใจหน่อย" เสียงพูดคุ้นหู แทบจะไม่ต้องหันกลับไปมองยังรู้ว่าเจ้าของอ้อมแขนคือใคร ลมหายใจอุ่นแตะลงบนใบหน้า ริมฝีปากที่ประทับย้ำๆลงมาเหมือนไม่มีวี่แววว่าจะพอใจเพียงแค่นั้น
แค่ได้กลิ่นสัมผัส เพียงแค่นั้นก็พอทำให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นมาได้บ้าง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะอยู่ใกล้กันแค่นี้..ก็ยังเหงาได้ เหงายิ่งกว่าตอนที่อยู่ไกลกันเสียอีก
"วันนี้พี่หมอเลิกเร็วเหรอ..?" ไม่เห็นรู้เรื่องเลย..(อีกประโยคที่ทำได้เพียงพูดต่อในใจ)
"อืม...รีบกลับมาเลย กลัวเราจะไปที่เกาะอีก" พูดไปปากก็ยังไม่ได้ละไปจากแก้มจากซอกคอ แถมยังลงมานั่งซ้อนข้างหลังแล้วลากตัวเข้าไปนั่งตรงกลาง... เพราะวันนี้พี่เต้บอกว่าจะออกไปเองก็เลยมีเวลาว่างมานั่งเล่นกับลูกชายทั้งวัน(เหมือนคนว่างงานมากเหอะ)
หมอปุ่นก้มลงฟัดแก้มนุ่มของคนรักอีกหลายรอบ ถ้าไม่กลัวว่าเนื้อขาวจะช้ำจะกัดไปทั้งตัวไม่ให้เหลือที่ว่าง ทำไมจะไม่สังเกตเห็นว่าช่วงนี้ไอ้เสือตัวแสบมันเงียบๆซึมๆไป ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะช่วงงานหนักก็เลยเหนื่อย แต่พอเห็นไม่โวยวายเหมือนเมื่อก่อนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หมดกันคราบไอ้เสือคนเก่งที่เคยเอาแต่ใจของคุณหมอ
"พี่หมอไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ หิวไหม? เดี๋ยวผมไปหาอะไรในครัวบ้านใหญ่มาให้" พอได้ยินแบบนั้นอ้อมแขนที่โอบอยู่รอบเอวก็ขยับแน่น แถมด้วยการยกขาขึ้นมาอีก แทบจะมองดูเหมือนชีต้าห์โดนคุณหมอขังไว้ในอ้อมแขนทั้งตัว
"ไม่อยากทำอะไรเลยตอนนี้ นอกจาก...." ประโยคสุดท้ายที่คุณหมอจงใจกระซิบที่ข้างหูทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง ตามมาด้วยอาการใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาด
"ไอ้พี่หมอ!! ทะลึ่ง!!" พอได้สติกลับมา คนในอ้อมแขนก็เริ่มดิ้น แถมด้วยการแจกศอกมาให้อีกที ดีนะว่าไม่ถนัดเพราะโดนรวบตัวเอยู่ก็เลยไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่
"ตัวเองก็พอกันแหละ ดูซิหน้าแดงขนาดนี้ คิดไปถึงไหนแล้วนะ" หมอปุ่นแกล้งหยอก จนโดนไอ้เสือหันขวับกลับมามองด้วยสายตาขุ่นเคือง ..ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้ว...ไอ้เสือแสบคนเดิม
"ปล่อยเลย!! วันนี้ผมมีนัดแล้ว!!" ทั้งที่อยากหันไปกอด แต่ด้วยความที่ความหยิ่งในตัวมีสูงไอ้เสือจึงเริ่มอาละวาดรั้งแขนที่โอบอยู่รอบเอวตัวเองออกพร้อมกับตวาดด้วยเสียงหงุดหงิด
"กับใคร!!? ถ้าไม่สำคัญก็ยกเลิกไปก่อน" ชีต้าห์หันมามองคุณหมอตาโต ...เพราะไอ้พี่หมอเวอร์ชั่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างมากก็อ้อนด้วยคำหวานแกล้งให้อายเล่น...ไม่ใช่พี่หมอเวอร์ชั่นเอาแต่ใจแบบนี้..หรือว่า...มีใครปลอมตัวมา หรือเราจะฝันไป!!!
"อย่ามาเอาแต่ใจนะ!! พี่หมอมาทีหลังผมนัดเค้าก่อน" พอได้ยินคำว่าแทนที่จะรู้สึกโกรธ หมอปุ่นกลับคลี่ยิ้มออกมาแล้วแกล้งงับปลายจมูกรั้นของไอ้เสือไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว กำปั้นเล็กฟาดลงมากลางอกหลายตุ้บตอนที่เลื่อนใบหน้าไปหาริมฝีปากช่างว่า ...ก่อนจะตักตวงเอาความหอมหวานที่โหยหามาหลายวันจนพอใจ
"ก็ใครบางคนแถวนี้กำลังน้อยใจ พี่หมอก็จะ'เอา'แต่ใจให้อยู่นี่ไง" เสียงกระซิบแผ่วที่ได้ยินเพราะคนพูดยังคงอ้อยอิ่งอยู่แถวริมฝีปาก จากตอนแรกที่ปล่อยให้กอดไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้ชีต้าห์ต้องเอนตัวพิงขาข้างหนึ่งของหมอปุ่นเอาไว้ ปล่อยให้ตัวเองโดนเอาใจอยู่แบบนั้นพักใหญ่....แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้นั่งอยู่นอกข้างนอกที่ระเบียงหลังบ้าน จำต้องผลักไสแผ่นอกของอีกฝ่ายออกให้รู้ตัว
"พะ..พอก่อน อื้ออออ..." ปากก็บอก มือก็ผลักไส อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยเสียที
"ยังโกรธพี่อยู่อีกรึไง งั้นขอโทษที่ปล่อยให้เหงาอยู่คนเดียว ยกโทษให้พี่นะครับ" หมอปุ่นยังเข้าใจว่าไอ้เสือยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้ ถึงได้คว้ามือที่ปัดป่ายมาจูบเอาใจอีก
"ไม่ใช่!!" ชีต้าห์เผลอตวาดทั้งที่หน้ายังแดงจัด ลมหายใจยังหอบกระเส่า
"แล้ว.....?"
"ก็นี่มันข้างนอก ไม่รู้รึไงเล่า!! ไอ้พี่หมอบ้า!!" พอพูดจบก็อาศัยจังหวะที่ไอ้พี่หมอกำลังมึน ลุกพรวดแล้ววิ่งเข้าไปหาที่แอบในห้อง อ่อนใจกับตัวเองแค่นี้ก็เข่าอ่อน..ทั้งที่...เจอมาหลายครั้งแล้วแท้ๆ แต่ด้วยความที่ไม่ได้แตะต้องนานเกิน แค่เพียงเท่านี้ไอ้เสือร้ายก็เหมือนจะหนีไปไหนไม่ได้ไกล ก่อนจะถูกคุณหมอตามมารวบตัวเอาไว้ได้
หมับ!!!
"จับได้แล้ว ยอมให้พี่ไถ่โทษซะดี ๆ " คนที่โดนจับแอบอมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนผิดด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง
"อย่าให้มีคราวหน้าอีกนะ ถ้าผิดซ้ำสองไม่ยอมจริงๆด้วย" หมอปุ่นก้มลงไปฟัดแก้มทั้งสองข้างของไอ้เสือแสบอย่างเหลืออด เมื่อความเอาแต่ใจกับสีหน้ากวนๆที่กลับมาแทนที่ความหงอยเหงาของไอ้เสือจนหมดสิ้น แบบนี้ค่อยรู้สึกเหมือนได้คนรักคนเดิมกลับมาหน่อย
"ผิดซ้ำสองคงไม่มี แต่ถ้าเป็นเพิ่มรอบสอง สาม สี่ อันนี้จำเลยขอรีเควสนะครับ!!" พอพูดจบหมอปุ่นก็ไม่รอฟังคำตัดสิน ย่อตัวลงไปแบกไอ้เสือที่กลับคืนร่างเดิมขึ้นมาบนไหล่ ไม่สนใจเสียงโวยวายกับกำปั้นที่รัวทุบหลังแบบไม่ยั้ง
ก่อนทีเสียงจะเงียบหายไปเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง.....
ที่น่าสงสารที่สุดก็เห็นจะเป็นเจ้าตูบลูกชายที่อุตส่าห์วิ่งไปคาบเชือกผูกคอตัวเองมา แล้วถูกพ่อปุ่นสั่งให้นั่งรออยู่นอกห้อง....อย่างมีความหวัง...ว่าคงจะได้ไปเดินเล่นพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว....แล้ว...ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ..? ไอ้หมางง!!?
===============
แอบสงสารบ๊อบบี้.... 
มานี่มามีคนว่างงานแถวนี้ว่าง จะพาไปเดินเล่นให้เอง
ปล่อยให้พ่อกับปะป๊าของหนูได้ปรับความเข้าใจกันนานๆ
หลายรอบซะด้วยนะนั่น 
ปล. แอบเอาลูกชายคนโตมาลง ตอนที่คุณนายไม่อยู่
ถ้ากลับมาแล้วค่อยแก้ที่หลังนะ 
ป้าข้างบ้านก็คิดถึงบ้างอะไรบ้าง (อุปกรณ์ครบมือ หึหึ)
ไปแล้วดีกว่า แอบมานิ่งๆ เนียนๆ แ้ล้ววิ่งจากไป 