คุณตำรวจยอดรัก
==============
5
กานต์ลุกขึ้นจากเตียงเป็นเวลาเที่ยงเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย เขาจองบ้านพักแห่งนี้เป็นเวลาสามวันสองคืน ดังนั้นวันนี้เขาจึงไม่ต้องรีบร้อนรีบเร่งอะไรนัก ทางด้านเควินนั้นตื่นก่อนกานต์เล็กน้อย เขาออกไปหาโทนี่ ที่ฝากข้อความส่งเข้ามือถือเขาไว้ว่าให้ออกมาพบกับตนด้านนอก
“มีอะไรถึงต้องเรียกฉันมา”
เควินเอ่ยถามคนที่อยู่ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีฟ้าสดใส กางเกงสามส่วน หน้าตายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีอยู่เสมอ
“ก็คนมันอิจฉาคนมีคู่ เลยเรียกนายออกมาแก้เหงาก็เท่านั้น”
โทนี่แกล้งตอบ ซึ่งเควินก็แค่นยิ้ม แล้วเอ่ยถามเสียงห้วน
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเล่น งานเสร็จแล้วก็กลับไปพักที่โรงแรมของนายได้แล้ว”
คนฟังซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า แสร้งทำเป็นยักไหล่ แล้วทำเป็นเปรยยั่วโทสะ
“หึ! ใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่งนี่นะ เสียใจ ฉันจะอยู่ที่นี่ด้วย อุตสาห์ได้สนิทกับคุณกานต์ทั้งที เรื่องอะไรจะปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ”
“โทนี่! กานต์เป็นของฉัน!”
เควินตวาดลั่น ทำเอาคนฟังต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะบอกกลับไปอย่างระอา
“โรคขี้หึง ขี้หวงของที่ถูกใจนี่เมื่อไหร่จะหายสักทีนะเควิน ฉันรู้ดีน่า อย่างไหนควรแตะ อย่างไหนไม่ควรแตะ”
โทนี่บอกก่อนจะหยุดเว้นวรรคยิ้มนิด ๆ ด้วยสีหน้ากึ่งเจ้าเล่ห์ กึ่งเย้าแหย่
“และแบบคุณกานต์นี่ก็ไม่ใช่สเป็คฉัน ถึงจะน่ารักถูกใจก็เถอะ นายเองก็น่าจะรู้รสนิยมฉันดีไม่ใช่หรือไง”
เควินชะงัก มองหน้าเพื่อนแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพึมพำขอโทษเบา ๆ
“ขอโทษที ฉันหงุดหงิดจนลืมตัวไปหน่อย ตั้งแต่รู้ตัวว่ารัก อะไรที่เกี่ยวกับเขา ก็ทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้สักที”
“อันตรายนะเควิน นายก็รู้ว่าอาชีพอย่างพวกเรา ไม่ควรจะสร้าง ‘จุดอ่อน’ ขึ้นมา”
คนฟังเอ่ยเตือน แต่ก็ได้รับเสียงหายใจเฮือกใหญ่ตอบกลับ พร้อมกับคำพูดที่ตามมา
“ฉันรู้ แต่ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ ฉันรักเขา และฉันไม่มีวันแยกจากเขาเด็ดขาด”
คนพูดสารภาพออกไปตามตรง จนคนมองต้องถอนหายใจอย่างนึกสงสาร
“เฮ้อ! ก็ยังดีที่คุณกานต์เป็นตำรวจ แถมยังเป็นตำรวจสายบู๊อีกต่างหาก ถ้าไม่ประมาทเหมือนเมื่อวาน ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
โทนี่บอกพลางยักไหล่น้อย ๆ แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับยกมือโบกทักทายคนที่กำลังเดินออกมานอกบ้าน
“สวัสดีครับ คุณกานต์ เป็นยังไงบ้างครับ ยังมีแรงเดินไหวอีกหรือครับ”
คำถามตรง ๆ ที่ทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วหน้าแดงก่ำ ก่อนจะก้มหน้าหลบตา อุบอิบตอบ
“กะ… ก็ ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ ถึงจะได้เดินไม่ไหว”
โทนี่หัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของคนข้าง ๆ ที่ส่งสายตาดุ ๆ มาให้เขา จากนั้นร่างสูงจึงปรายสายตาไปยังคนรัก แล้วเอ่ยถาม
“ออกมาทำไม ไม่นอนพักต่อล่ะ ทำกันทั้งคืนแบบนั้น ยังเดินไหวอยู่หรือ”
คำถามที่ดูเหมือนจะเป็นห่วง แต่เนื้อหามันช่างแสนจะทำให้คนฟังอับอาย กานต์หน้าแดง แล้วรีบเดินหนีคนทั้งคู่ไปอีกทาง จนเควินต้องเดินตามไปง้อ ส่วนโทนี่นั้นถอนหายใจ พลางสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วจึงเดินไปนั่งที่ร้านอาหาร สั่งกาแฟและของว่างมากินรอทั้งคู่แทน
คนบ้า โรคจิต หื่นกาม หน้าด้าน หน้าไม่อาย พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ต่อหน้าชาวบ้าน หน้าตาเฉยนี่นะ!
กานต์คิดในใจอย่างหงุดหงิด เขาเดินดุ่ม ๆ มาเรื่อย ๆ ตามชายหาด โดยไม่มองทาง จนกระทั่งชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“อุ๊บ! ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง ขอโทษด้วย!”
ผู้หมวดหนุ่มรีบกล่าวขอโทษขอโพยอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนถูกชนถนัดตา
“พี่ภาม!”
คนถูกเรียกชื่อเลิกคิ้วน้อย ๆ แล้วพิจารณาอีกฝ่ายสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้
“กานต์ … นายเองหรือนี่ ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยนะ”
“ก็ตั้งแต่พี่จบนั่นล่ะครับ คิดถึงพี่จัง เจ้าวินเองก็เหมือนกัน แล้วเจ้าก้องล่ะครับ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม?”
คำถามรัวตามมา ทำให้ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะชะงัก เมื่อรับรู้ถึงรังสีอำมหิตของใครบางคนจากด้านหลังรุ่นน้อง
“กานต์ นั่นใคร!”
คำถามห้วน ๆ แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง แล้วเหลือบมองรุ่นน้องที่มีสีหน้าลำบากใจในยามนี้
“รุ่นพี่ที่โรงเรียนตำรวจ พี่ภาม … พี่ภามครับ นี่ …เอ่อ เควิน เขาเป็น… เพื่อน”
กานต์บอกไปแบบนั้นแล้วมีสีหน้าลำบากใจหนัก จนคนมองสังเกตได้ จึงไม่คิดจะซักไซ้แต่อย่างใด
“ยินดีที่รู้จักครับ คุณเควิน”
ภามยื่นมือออกไปให้อีกฝ่าย ซึ่งเควินก็เม้มปากเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยื่นมือออกมาสัมผัสมือนั้น ก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“เช่นกันครับคุณภาม”
กานต์มองดูทั้งคู่จับมือ จ้องตากันด้วยใจเต้นระทึก และเมื่อทั้งสองคนปล่อยมือออก และไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นกานต์ก็คะยั้นคะยอให้ภามไปนั่งทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร บริเวณที่พักของเขา ซึ่งภามทีแรกก็คิดจะปฏิเสธ แต่ก็ทนการขอร้องของรุ่นน้องไม่ไหว จึงยอมไปด้วย โดยมีสายตาดุ ๆ ของเควินจ้องมองทั้งคู่ตลอดเวลา
“วันธรรมดาแต่ได้เจอกันแบบนี้ แสดงว่านายก็มาพักร้อนเหมือนกันสินะ”
ภามชวนคุย ซึ่งผู้หมวดหนุ่มก็ยิ้มตอบ
“ครับพี่ พี่เองก็เหมือนกันสินะครับ มาคนเดียวหรือครับ”
“อือ คนเดียว ตอนแรกว่าจะลาพร้อมก้องมัน แต่ก็ไม่อยากทิ้งแผนกไว้ให้ลูกน้องที่เหลือ ก็เลยสลับกันลา”
“ฮ่า ๆ เหมือนกันเลยพี่ ผมกับวิน ก็ต้องเลือกวันให้คนละวันเหมือนกัน”
กานต์หัวเราะพลางตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม จนคนที่เดินข้าง ๆ ชักสีหน้าบึ้งหนักไปขึ้นไปอีก
“อ๊ะ! นั่นไงพี่ ร้านที่ผมบอก อ้าว คุณโทนี่ก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว ไปเหอะพี่ นั่นก็เพื่อนผมเหมือนกัน…”
กานต์ค้างไว้แค่นั้น เพราะเห็นสีหน้าตกใจและไม่ค่อยพอใจของรุ่นพี่ ที่น้อยครั้งจะได้เห็นเช่นนี้ เพราะถึงแม้ภามจะเป็นคนเคร่งขรึม พูดน้อย แต่ก็สุภาพตลอด และไม่ค่อยแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่ใครเท่าใดนัก ทางด้านโทนี่ก็เช่นกัน เขาชะงักเล็กน้อย แล้วจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินมาหากลุ่มคนตรงหน้า
“ผู้กอง… บังเอิญจังเลยนะครับ ที่ได้มาเจอกันที่นี่”
“กานต์ขอโทษนะ พี่รู้สึกปวดหัว อยากกลับบ้านพัก”
“เอ๋? ปวดหัวหรือครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ไปโรงพยาบาลไหม”
กานต์ถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะตกใจเรื่องที่เห็นรุ่นพี่ของตนกับโทนี่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม
“ไม่ต้องหรอกครับคุณกานต์ ผู้กองเขาปวดหัวเพราะเห็นหน้าผมน่ะ เป็นแบบนี้มานานแล้ว”
โทนี่บอกยิ้ม ๆ แต่นัยน์ตาสีดำคมกริบนั้นแฝงความเศร้า ยามเมื่อจ้องมองนายตำรวจหนุ่มผู้มาใหม่
“พี่ขอตัวกลับก่อนนะกานต์ ไว้คราวหน้าจะโทรไปหา ก้องมันมีเบอร์ของวินใช่ไหม”
“ครับพี่”
กานต์ตอบรับคำ ยังคงสงสัยในพฤติกรรมของทั้งคู่ แต่ก็ไม่กล้าถามในสิ่งที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“ผมไปส่งไหม ผู้กอง”
“ไม่จำเป็น ผมกลับเองได้”
ภามบอกกับโทนี่ที่อาสาไปส่งตน แล้วสะบัดหน้าเดินจากไป และเมื่อภามจากไปแล้วสายตาสงสัยทั้งสองคู่ ก็จ้องกลับมาที่หนุ่มลูกครึ่งทันที
“โอเค ๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง สั่งอะไรทานก่อนแล้วกัน เที่ยงแล้วไม่ใช่หรือ คุณกานต์คงหิวแย่”
“เอ่อ… ผมไม่”
กานต์เตรียมจะปฏิเสธ แต่ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องประท้วง เควินที่มีใบหน้าเคร่งเครียดมาตลอด จึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วโอบบ่าคนรักที่หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้วยกัน
----- (จบครึ่งแรก) -------ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (โยนโบว์มา คนเพิ่งหัดเล่นก็เงี้ย --) แถมยังมาล้มในห้องน้ำอีก (เซ่อ) เลยระบมไปยกใหญ่ มือพิมพ์ได้ แต่นั่งแล้วเมื่อย เลยมาช้าไปนิดนะคะ ขออภัย
