อย่าเพิ่งงนะครับมาต่อให้ด่วนเท่าที่จะทำได้แล้ว ตอนนี้ก็เอาไปอย่างเยอะเลยนะครับ แล้วตอนต่อไปก็จะเร่งสปีดให้เร็วขึ้นเนื้อเรื่องก็จะไปเร็วขึ้นด้วย เรื่องมันจะได้จบเร็วขึ้น เพราะว่ามีคนเริ่มเบื่อแล้ว
การที่เรารู้ชะตากรรมชีวิตของตัวเองที่ว่าอาจจะเจอกับอะไรบ้างในไม่กี่วันข้างหน้าทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลตลอดเวลา จนคนรอบๆตัวสังเกตได้ ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะว่าอย่างไงบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเองก็ไม่กล้าโทรไปหาท่านทั้งสอง แค่ได้ยินว่าแม่ล้มทั้งยืน พ่อโกรธมากจนซ้อมพี่ก้องจนน่วมไปทั้งตัวเมื่อรู้ว่าผมกับพี่ก้องเป็นอะไรกัน แค่นี้ก็ทำให้ผมไม่กล้าที่จะยกหูโทรศัพท์โทรไปพูดหรืออธิบายเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น และถ้าท่านทั้งสองรู้ว่าพี่ก้องไม่ใช้ผู้ชายคนแรกที่ผมเข้าไปพัวพันด้วย ไม่รู้ว่าท่านจะโกรธมากไปกว่าเดิมหรือเปล่า
หลังจากที่ผมสำรวจร่องรอยตามตัวของพี่ก้องจนเป็นที่พอใจแล้วพี่ก้องก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปรื้อค้นกระเป๋าเพื่อที่จะได้เอาเสื้อผ้าของพี่ก้องใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้าของผม ผมเพียงได้แต่นั่งดูเฉยๆ เพราะเพียงแค่ผมขยับตัวจะไปช่วย พี่ก้องก็สั่งห้าม
“บีม...นั่งเฉยๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่จัดการเองแค่นี้เองสบายมาก”
พี่ก้องพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ โชว์เขี๊ยวเล็กๆ ที่ริมฝีปากด้วย ตามฉบับคนอารมณ์ดี พี่ก้องทำทุกอย่างได้รวดเร็วและเป็นระเบียบสุด ๆ สมกับที่เป็นทหาร ดีแล้วที่ผมไม่ไปช่วย ถ้าผมไปช่วยมันอาจจะช้ากว่านี้ก็ได้
“พี่ขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับบีม”
พอพี่ก้องพูดจบก็หายเข้าไปในห้องน้ำเลย ปล่อยให้ผมนั่งอยู่บนเตียง แล้วผมก็กลับเข้ามาสู่โลกของความกังวลขึ้นมาอีกครั้ง นิสัยที่ผมแก้ไม่หายสักทีเวลามีปัญหา ผมจะกังวลและคิดมากถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นและส่วนมากผมก็จะคิดมากเกินความจริงไปมากด้วย ขณะที่ผมกำลังคิดเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีแขนอุ่นๆ สีคล้ำๆ เข้ามาโอบกอดผมจากด้านหลัง ผมไม่ต้องหันหน้ากลับไปมองว่าแขนคู่นี้เป็นของใคร ผมก็บอกได้เพราะในห้องนี้มีเพียงผมกับพี่ก้องเท่านั้น ส่วนน้องชายของผมมันยังไม่ยอมกลับมาเลยครับไม่รู้ว่าบีทมันไปหาของกินถึงไหน แถมพี่ก้องแกไม่กอดเปล่าพี่ก้องแกยังเอาหน้าของเขามาเกยอยู่บนไหล่ของผมปล่อยน้ำหนักของตัวพี่เขามาอยู่บนไหล่ของผม พร้อมกับพูดอยู่ข้างๆ หูของผมว่า
“บีม...เป็นอะไรไปครับ...ไม่สบายใจเรื่องอะไรบอกพี่ได้นะครับคนดี บีมลืมไปแล้วหรือครับว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่ว่าบีมจะสุขหรือทุกข์พี่ก็พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบีมนะครับ”
พี่ก้องถามผมหลังจากที่พี่ก้องออกมาจากห้องน้ำ แต่ออกมาตอนไหนผมเองก็ไม่รู้เพราะว่าผมมั่วแต่กังวลกับเรื่องของตัวเองอยู่ แม้แต่ตอนที่พี่ก้องมานั่งด้านหลังผม ผมก็ยังไม่รู้เลย ถ้าพี่ก้องไม่เข้ามากอดผม ผมเองก็คงลืมไปแล้วว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว พี่ก้องคงมองเห็นความกังวลของผมจนพี่เขาก็คงกังวลตามผมไปด้วย
อันที่จริงที่พี่ก้องพูดมามันก็ถูกแต่ผมเป็นคนที่พูดไม่ออกเอง เพราะสถานะที่มันเปลี่ยนไปรวดเร็วจากพี่น้องกันธรรมดากลายมาเป็นพี่น้องท้องชนกันไปแล้ว เพราะอารมณ์ชั่ววูบของผมเองแท้ๆ
“ผม...”
“บีมกังวลเรื่องของเราเหรอครับ”
ผมพยักหน้าให้กับพี่ก้อง สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับกับพี่ก้องเพราะสายตาซื่อๆ คำถามที่แสดงความห่วงใยและมันคงไม่มีความสำคัญที่จะปิดพี่ก้องหรอกครับก็อาการของผมมันออกขนาดนี้ และอีกอย่างพี่ก้องอาจจะมาช่วยให้ความกังวลของผมลดลงได้ได้
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ...อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ พี่จะยืนอยู่ข้างๆ บีมตลอดไปครับ”
พี่ก้องพูดพร้อมกับจูบที่แก้มผมเบาๆ แต่หนักแน่นดังคำสัญญาที่จะให้ไว้กับผม ผมก็คงทำได้อย่างที่พี่ก้องบอกเท่านั้นครับ มันเป็นเรื่องในอนาคตใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แม้ปากจะบอกกับพี่ก้องว่าผมไม่คิดอะไรแล้วแต่ในใจของผมก็ยังแอบกังวลอยู่ แต่เพื่อความสบายใจของพี่ก้องผมจึงพยายามยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ก้อง จนบีทมันกลับเข้ามาตอนดึกๆ นั้นแหละครับผมจึงมีเวลาได้คุยกับน้องอีกรอบโดยที่ไม่มีพี่ก้องอยู่ด้วยเพราะพี่ก้องบอกว่าจะออกไปหาซื่ออะไรมาให้ผมกิน แต่พี่ก้องเองเขาก็คงรู้ว่าผมอยากจะคุยกับบีทมันเป็นการส่วนตัวมากกว่า พี่ก้องจึงหาเรื่องออกไปข้างนอก
พอพี่ก้องออกไปจากห้องผมจึงลากให้บีทมันเข้าไปในห้องเพื่อคุยถามข่าวให้ชัดเจนจะได้เตรียมตัวรับสถานการณ์ได้ถูกต้อง
“โอ๊ยยยยย...พี่บีมเบาๆ ผมเจ็บ”
บีทมันร้องออกมาจึงทำให้ผมรู้สึกตัว ด้วยความที่ผมใจร้อนผมจึงลากน้องมาอย่างแรง พอบีทมันร้องออกมาจึงทำให้ผมผ่อนแรงลง
“เออ..พี่ขอโทษแล้วกัน พี่ใจร้อนไปหน่อย”
“งั้นไม่เป็นไร แต่พี่บีมจะรีบร้อนอะไรมากมายขนาดนี้มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“ก็เรื่องของพี่กับพี่ก้องไง บีทแกเล่ามาให้ละเอียดเลยนะหลังจากที่พี่ก้องเข้าไปหาพ่อวันนั้นแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก แล้วพ่อกับแม่ว่าไงบ้าง”
“โอ๊ย...พี่บีมค่อยๆ ถามที่ละเรื่องก็ได้ผมตอบไม่ทัน...แล้วพอผมตอบเสร็จพี่บีมก็ต้องตอบคำถามผมบ้าง”
“เอ่อ...ก็ได้มีต่อรองนะแก งั้นเอาเรื่องที่พี่ก้องเข้าไปหาพ่อวันนั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้นอีก พี่ก้องถึงช้ำไปทั้งตัว”
“ฮัดแน่...รู้ได้ไงว่าพี่ก้องช้ำไปทั้งตัว ทำอะไรกันตอนผมไม่อยู่”
บีทมันยิ้มๆจนทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมา จนรู้สึกว่าหน้ามันร้อนไปหมด
“ไม่ต้องมายิ้มเลยไม่ได้ทำอะไรกันโว๊ย...แค่ดูรอยเฉยๆ”
“จริงอ่ะ...แล้วทำไมหน้าแดง”
ไอ้นี่ลามปามไปเรื่อย ผมจึงทุบมันไปทีเพื่อแก้เขิน
“โอ๊ย...พี่บีมโหดว่ะ คนอะไรเวลาเขินถึงดุขนาดนี้ แล้วกับพี่ก้องทำอย่างนี้หรือเปล่าอ่ะชักรู้สึกสงสารพี่ก้องเสียแล้ว”
“บีทแกอย่ามานอกเรื่องได้ป่ะ รีบเล่ามาเร็วคนอยากจะรู้จะตายอยู่แล้ว”
ผมรีบพูดตัดบทก่อนที่งานมันจะเข้าตัวเองไปมากกว่านี้แต่บีทมันก็ยิ้มกวนตีนผมอีกรอบจนผมเงื้อมมือขึ้นเตรียมทุบมันนั้นแหละมันจึงเริ่มพูดได้ กว่าผมจะรู้เรื่องได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
บีทมันบอกว่าหลังจากพี่ก้องเข้าไปหาพ่อ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่าพี่เขารู้สึกอย่างไงกับผมแล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ก้องไปถึงขั้นไหนแล้ว พ่ออึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นมาสวนหมัดเข้าที่หน้าของพี่ก้อง พี่ก้องก็ยอมให้พ่อผมทั้งต่อยทั้งเตะอยู่อย่างนั้น จนพ่อเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง พี่ก้องลุกขึ้นมาแล้วคลานเข้ามาแล้วกราบที่เท้าของพ่อผมแล้วยืนยันว่าพี่ก้องรักผมจริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เกิดจากที่พี่ก้องเป็นคนเริ่มก่อน ผมไม่ผิดอะไรเลย พี่ก้องขอพ่อว่าอย่าโกรธผมเลย พี่เขายอมรับความผิดทั้งหมดในครั้งนี้เพียงคนเดียว ยิ่งได้ยินผมยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าตอนที่ได้ยินเรื่องคราวๆ เสียอีก
“เป็นไง...พี่บีมซึ้งกับความแมนของพี่ก้องจนจะร้องไห้เลยหรือไง”
ไอ้เด็กบ้าทักซะคนกำลังอินถึงกับอินไม่ออกเลย ซึ้งจริง..แต่ที่จะร้องเพราะว่าสงสารพี่ก้องตั้งหากที่ไม่เคยรู้เลยว่าตกเป็นเครื่องมือของคนชั่วๆ อย่างพี่มัน
“ไม่ได้ร้องโว๊ย..เล่าต่อไปเลย อย่านอกเรื่อง
บีทมันเล่าต่อว่า พอพี่ก้องทำอย่างนั้นพ่อผมจึงเงียบแต่ที่เงียบไม่รู้ว่ายอมรับหรือเหนื่อยจนพูดไม่ออกก็ไม่รู้ ผมล่ะอดขำกับความคิดของน้องชายผมไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ พ่อไม่มองแม้แต่หน้าของพี่ก้อง จนแม่ที่เป็นลมลุกขึ้นมาแล้วไล่ให้พี่ก้องกลับไปก่อนแล้วค่อยมาพูดกันวันหลังว่าจะเอาอย่างไงกับเรื่องที่ แต่ บีทเองมันก็ไม่รู้ว่าพ่อคิดอย่างไงกับเรื่องนี้ พ่อไม่พูดอะไรขึ้นมาอีกงานพ่อก็ขอลาหยุด ได้แต่เดินไป เดินมาอยู่ในบ้านไม่พูดจากับใคร บางที่พ่ออาจจะรู้สึกโกรธที่ผมมันเลว ทำให้พ่อขายหน้าก็เป็นไปได้ แล้วพ่อจะมองหน้าใครได้ ลูกชายเป็นเกย์ แถมยังมามีความสัมพันธ์กับลูกน้องในบังคับบัญชาของตัวเองอีก
จนวันรุ่งขึ้นพ่อก็ไปทำงานและกลับมาตอนเย็นพร้อมพี่ก้องที่ขับรถมาให้พ่อ เรื่องของผมกลายเป็นประเด็นร้อนในอาหารค่ำมือนั้น พ่อบอกว่าจะเข้ามาคุยกับผมที่กรุงเทพในวันหยุดที่จะถึงนี้และส่งให้บีทมันเข้ามาพร้อมกับพี่ก้อง โดยที่บอกว่าให้มาเฝ้าผมไม่ให้หนี ไปไหนได้ แต่บีทมันบอกว่าพ่อเขาคงกลัวพี่ก้องจะมามีอะไรผมอีกตะหาก ไม่รู้จะหวงอะไรหนักหนา บีทมันเริ่มกวนตีนผมอีกรอบ แต่ผมไม่สนใจมันแล้ว เพราะมันกวนตีนเกิน ยิ่งมันรู้ว่าผมกังวลมากเท่าไร มันยิ่งลีลาในการเล่า
“แล้วแม่ว่าไงบ้างล่ะบีท”
ผมถามถึงแม่บ้าง ผมแคร์ทั้งสองคนนี้มากและยังพวงไอ้บูมพี่ชายของผมกับบีท ใครจะว่าอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่คน 4 คนนี้ที่สุด
“แม่เหรอพี่บีม...แม่ก็เฉยๆ แม่ไม่พูดอะไรแต่ไม่อาการหนักเท่าพ่อ แต่แม่คงตกใจที่อยู่ดีๆ ก็มีคนมาขอลูกชายของแม่ และถ้าคนที่มาขอจะไม่ใช้ผู้ชาย แม่ก็คงไม่ตกใจ”
บีทมันหยุดพูดนิดหนึ่งก่อนที่มันจะพูดว่า
“แม่เป็นครูมั้งพี่บีม แม่เลยรับเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายกว่าพ่อเยอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่มาพี่ก็ถามแม่เองแล้วกัน แม่กับพ่อนะรักพี่บีมมากกว่าใครในบ้าน ถ้าพี่บีมว่าอย่างไง พ่อกับแม่ก็คงยอมรับทั้งนั้นแหละ พี่บีมไม่ต้องกังวลไปหรอก”
ผมตบหลังบีทมันเบาๆเพื่อแสดงความขอบใจที่มันให้กำลังใจผม
“แต่พี่บีมอย่าเพิ่งดีใจไป ปัญหาของพี่ไม่ได้อยู่ที่พ่อกับแม่หรอก แต่อยู่ที่พี่บูมตั้งหาก”
“ห่ะ...ไอ้บูมมันรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ แล้วมันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“ไม่เกี่ยวได้ไงพี่บีม พี่จำตอนที่พวกพี่เรียนกันอยู่ มอปลายได้หรือเปล่า”
แล้วผมก็เริ่มหน้าสลดลงอีกรอบหลังจากเริ่มยิ้มออกมาได้จริงด้วยถ้าไอ้บูมมันรู้เรื่องนี่ พี่ก้องมีหวังแย่แน่ แต่แย่ยังไงเดี๋ยวรู้กัน
“แล้วมันรู้เรื่องได้ไง..ใครบอกมัน”
ผมถามบีทมันอีกรอบ
“ก็พ่อไงโทรไปบอกพี่บูม พี่บูมเลยจะมาด้วยพอดีพี่บูมเขาฝึกเสร็จพอดี โรงเรียนให้หยุดสองอาทิตย์พอดี พี่บูมเลยจะตรงจากนครนายกมาที่กรุงเทพเลย คงจะมาถึงพร้อมๆ กับพ่อนั้นแหละ เสร็จแน่พี่บีม”
ไอ้บูมมันเป็นพี่ชายของผมครับ แต่ด้วยอายุที่ห่างกันเพียงปีเดียว ผมกับมันเลยสนิทกันเหมือนเพื่อนกันมากกว่าพี่น้อง ผมไม่เคยเรียกมันว่าพี่สักครั้ง แต่มันก็ไม่เคยสน มันบอกว่าผมจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ตามใจมึง
ไอ้บูมมันนิสัยเลวครับ เชี๊ยตัวเป็นๆ นี่แหละมันนะนักเลงประจำโรงเรียนมีเรื่องชกต่อยประจำ จนแม่ที่เป็นครูอยู่ที่นั้นยังเอาไม่อยู่ แต่ข้อดีของมันก็มีครับ มันรักน้องมากใครจะมาแตะต้องผมสองคนไม่ได้ โดยเฉพาะผม และไอ้ความที่มันรักน้องมากจนเกินไปจึงทำให้เกิดเรื่อง ตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งมาจีบผมครับพอไอ้บูมมันรู้เรื่องมันเลยยกพวกไปไปกระทืบเขาจนต้องนอนโรงพยาบาล พ่อแม่ฝ่ายนั้นจะเอาผิดครับแต่พ่อเขาไปจัดการให้เสียเงินไปหลายตังค์ พ่อจึงเรียกมันไปคุยกันสองคนนานมาก ผมกับบีทก็นั่งรอว่าพ่อจะว่าอย่างไง สามชั่วโมงผ่านไป พ่อเดินออกมาจากห้องโดยที่มีไอ้บูมเดินตาแดงออกมาแต่ไม่มีใครพูดอะไร ผมพยายามไปถามมันแต่ไอ้บูมมันบอกแต่ว่า
“เรื่องนี้มึงไม่ต้องรู้หรอก มึงแค่จำไว้กูรักมึงมากกว่าใคร แล้วกูจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกมึงง่ายๆ หรอกบีม”
ผมเกือบซึ้งกับมันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูดต่อมา
“เชี๊ยเอ๋ย...บีมมึงไม่น่าเกิดมาน่ารักเลยเลยต้องลำบากกูต้องมาคอยหวงมึงด้วย”
สัด.....ความผิดกูอีกที่เกิดมาหน้าตาดีเลยมีแต่คนสนใจ
แล้วปีต่อมาไอ้บูมก็ย้ายออกจากโรงเรียนเดิมเข้าไปอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร มันไปอยู่ที่นั้นทำให้มันนิสัยดีขึ้นมากกว่าเดิมครับ แต่ไอ้ความหวงน้องยังเหมือนเดิม แต่จะมีมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำเพราะกว่าที่มันจะกลับมาเจอผมแต่ล่ะครั้งมันนานมากครับ ผมภาวนาว่าอย่าให้มันมาบ้าก็พอแล้ว
“เอาล่ะพี่บีท ผมตอบคำถามของพี่ไปแล้ว ตาพี่ต้องตอบผมบ้างแล้วล่ะ”
ผมมองหน้าน้องผมนิดนึง ผมพอจะเดาได้ว่าบีทมันจะถามเรื่องอะไร
“แล้วแกอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องของพี่กับพี่เฟคไง...ทำไมเรื่องราวมันถึงกลายมาเป็นอย่างนี้ ผมเองงงไปหมดตอนที่พี่ก้องเข้าไปหาพ่อ พี่บีมพอจะเล่าเรื่องให้ผมเข้าใจได้ไหมครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่กับไอ้เฟคจบกันแล้วก็เท่านั้นเอง”
บีทมันมองหน้าผมนิดนึง แต่มันไม่พูดอะไรหลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของไอ้เฟคอีก จนมีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องผมจึงหยุดพูดแล้วเดินไปเปิดประตูเพราะผมคิดว่าพี่ก้องกลับมาแล้ว
“รองเท้าใครอ่ะบีม พี่เห็นวางอยู่หน้าห้องเต็มไปหมดเลย”
เป็นไอ้เฟคนั้นเองที่เป็นคนมาเคาะห้องของผม ผมมั่วแต่กังวลเรื่องของพ่อกับแม่จนลืมไปว่า ไอ้เฟคมันจะต้องมาหาผมทุกวันตอนเย็น และเมื่อกี้ผมก็เพิ่งบอกกับน้องไปว่าผมกับมันเลิกกันแล้ว แล้วทำไมมันถึงมาหาผมอยู่อีกล่ะ...แล้วผมจะตอบคำถามของน้องผมว่าอย่างไง
“ใครมาเหรอบีม”
เมื่อผมไม่ยอมตอบเพราะกำลังอึ้งอยู่ ไอ้เฟคมันก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง ผมคิดว่า ถ้าผมไล่ให้มันกลับไปตอนนี้มันจะทันไหม...ผมคิดในใจ แต่ผมช้าไปแล้วเพราะบีทมันเดินออกมาจากห้องพอมันเห็นไอ้เฟคมันก็ยกมือไหว้แต่สายตาของมันมีคำถามอยู่ในนั้น
“อ้าว....บีทมาเหรอบีมแล้วทำเป็นอึ้งไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก......บีทมาเมื่อไรแล้วจะมาอยู่กี่วันพี่พาไปเที่ยวเอาป่ะ”
พอไอ้เฟคเห็นน้องชายผม มันก็เดินเข้าไปในห้อง ไอ้ไร้มารยาทเจ้าของห้องยังไม่ได้บอกให้มันเข้าไปได้เลยมันก็เข้าไปเอง แถมมันยังชวนน้องผมไปเที่ยวอีก แล้วไอ้สถานที่เที่ยวของไอ้เฟคก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นที่แบบไหน มันจะชวนให้น้องผมเสียคนเหมือนมัน บีทเองมันก็ยิ้มๆ
“มาทำธุระให้พ่อกับแม่ครับพี่เฟคอีกสองสามวันก็คงกลับแล้ว”
“อ๋อ..มาธุระให้คุณลุงคุณป้าเหรอ...แล้วเรื่องไปเที่ยวล่ะไปหรือเปล่าพี่พาไป นานๆ จะได้เข้ามากรุงเทพไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับพี่เฟค”
ปากน้องผมมันบอกว่าไม่..แต่สายตามันเนี๊ยอยากไปใจจะขาดแต่มันคงเกรงใจผม บีทมันเลยปฏิเสธไป
แสงไฟสลัวเข้ากับบรรยากาศยสมค่ำคืน เสียงเพลงที่ดังกระทบโสตประสาททำให้รู้สึกตื่นตัวจนอยากทำให้ลุกขึ้นไปขยับร่างกสยตามจังหวะเสียงเพลงนั้น ยิ่งถ้ามีแอลกลอฮอล์เป็นผู้ช่วยแล้ว มันยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ยิ่งสนุกมากขึ้น แต่นั้นมันเป็นบรรยากาศของคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ความรู้สึกของผมมันต่างออกไปจากนั้นเยอะ
ไม่ต้องสงสัยไปหรอกครับว่าผมมาอยู่ที่ไหนถ้าไม่ใช่ร้านที่เขาขายเหล้าพร้อมเต้นไว้อาลัยกับชีวิตฟรีๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคนข้างๆ ที่ทำหน้าตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนเมื่อผมสงสายตาไปให้ล่ะก็ผมไม่มีวันมาที่นี่พร้อมกับคนพวกนี้ได้หรอก
และเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่เพราะว่าน้องชายสุดที่รักของผมนั้นแหละมันอยากมา หลังจากที่มันปฎิเสธไอ้เฟคไป ผมก็โล่งใจว่าผมจะไม่ต้องออกมาข้างนอกทั้งๆ ที่มีความกังวลอยู่ในใจ แต่พ่อพระเอกขี่ม้าขาวก็เข้ามาพอดี พี่ก้องแกได้ยินเรื่องไปเที่ยวกัน แกก็รีบเสนอตัวอยากไปด้วยทันที โดยที่พี่ท่านไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาอีกสองคู่ที่มองมาทางพี่ เขาอย่างไม่ค่อยชอบใจ จะมีเพียงบีทเท่านั้นแหละครับที่ตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
ส่วนไอ้เฟคมันตาเขียวขึ้นมาทันที เอ่อ..อันที่จริงมันก็เริ่มเขียวตั้งแต่ที่พี่ก้องเปิดประตูห้องเข้ามาแต่ผมไม่ต้องแนะนำกันมากครับเพราะสองคนนี้เขารู้จักกันอยู่แล้วก็เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เพิ่งเจอกัน
ส่วนผมนะไม่อยากออกไปไหนโดยเฉพาะมีไอ้เฟคไปด้วย ผมจึงลากพี่ก้องเข้าไปคุยกันสองคนในห้อง โดยที่มีสายตาอีกสองคู่เช่นกันมองตาม ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ผมไม่ไปด้วยนะพี่ก้อง”
“อ้าว..ทำไมล่ะครับบีม...ไปเถอะน่าสนุกออก”
“ผมไม่มีอารมณ์อยากไปนะซิครับอีกสองวันพ่อกับแม่จะมาแล้ว”
“โถ..อย่ากังวลไปซิครับ พี่บอกแล้วไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะยืนอยู่เคียงข้างบีมเอง วันนี้ก็ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้างซิครับ อีกอย่างถือว่าพาบีทมันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาด้วย นานๆ บีทมันจะได้มากรุงเทพสักครั้ง นะถือว่าไปเพื่อน้องไปเพื่อพี่นะครับ”
และด้วยจนปัญญากับเหตุผลของพี่ก้องผมจึงมานั่งท่ามกลางบรรยากาศมาคุอย่างนี้ไงครับ
ข้างซ้ายเป็นไอ้เฟค ที่แม้ว่าจะเปลี่ยนสถานที่แล้วตาหน้าของมันก็ยังบูดอยู่เหมือนเดิม ข้างขวาก็พี่ก้องที่ทำหน้าไม่รู้สึกต่อบรรยากาศที่แปลกๆ พี่ก้องแกก็กระดกเหล้าเข้าปากได้อย่างต่อเนื่อง ทางด้านหน้าผมก็คือน้องชายผมเองที่กำลังสนุกอยู่กับเสียงเพลงและสายตาจากสาวๆ ที่ขยันขยิบตาส่งมาให้เรื่อยๆ และก็ยังมีเผื่อแผ่มาหาคนข้างๆ ผมด้วย ก็ไอ้เฟคนั้นแหละครับ แต่มันไม่สนใจ ส่วนผมนะหมดโอกาศครับไม่มีใครกล้าส่งสายตามาให้หรอกครับ เพราะมีคนมาคุมครับไม่คุมเปล่ายังเอามือมาโอบเอวผมไว้อีกแค่นี้โอกาสเกิดของผมก็หมดแล้ว แต่สิ่งที่ผมสังเกตได้ว่าทั้งไอ้เฟคและพี่ก้องสองคนนี้ไม่เคยคุยกันตรงๆ ถ้าจะคุยก็จะผ่านทางผมหรือไม่ก็น้องชายผม
สุดกท้ายพอดึกหน่อยบีทมันก็ขอผมลุกขึ้นไปเต้นอยู่หน้าเวทีกับสาวที่ขยันส่งสายตามาให้น้องผมนั้นแหละ แต่ก่อนน้องผมจะลุกออกไป ผมก็เรียกน้องผมมาหา
“เอานี่ไปด้วยนะบีท...”
ผมส่งสิ่งของบางอย่างที่จำเป็นสำหรับผู้ชายให้น้องของผมเพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเมื่อน้องผมลุกออกไปจากโต๊ะ ป้องกันไว้ดีกว่า สมัยนี้แค่มองตาแล้วถูกใจกันก็สามารถพากันไปไหนต่อไหนได้ และอีกอย่างมันก็ไม่จำเป็นจะต้องหาสถานที่ให้ยุ่งยาก แค่ซอกมุมมืดตรงไหนก็ได้
พอบีมมันเห็นของที่ผมยืนให้กับมัน บีมมันก็ยิ้มครับ
“ไม่ต้องหรอกพี่บีม ผมแค่ไปออกกำลังนิดหน่อยไม่ได้คิดไปทำอะไรอย่างนั้นหรอกครับ”
“แกก็เอาไปเถอะไอ้หมาบีท”
บีทมันหัวเราะครับ ผมต้องถลึงตาใส่มันก็คนเป็นห่วงนี้ครับ
“โอ้..งไม่ต้องทำหน้าดุก็ได้พี่บีม ผมมีไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว”
แล้วบีทมันก็ตบที่กระเป๋ากางเกงของมันก่อนที่จะเดินหายไป รู้จักป้องกันตัวเหมือนกันนี่หว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงบีทมันหรอกบีม น้องมันรู้จักป้องกันตัวดี”
พี่ก้องนั้นเองครับที่มาพูดอยู่ข้างๆ หูของผม ผมก็เลยได้แต่เฉิดใส่พี่ก้องไปในถานะที่เข้าอกเข้าใจน้องชายผมมากเกินไป
นั่งกันไปได้สักพักพี่ก้องก็หายไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้เฟคตามลำพัง ยิ่งทำให้บรรยากาศมันแย่ลง ไอ้เฟคมันกินเหล้าไปเงียบๆ แต่พอพี่ก้องลุกออกไปจากโต๊ะมันก้หันมาหาผม
“บีมรักมันมากเลยใช่ไหม”
“พี่เฟคอย่าพูดมากว่ะ”
“พี่พูดมากอะไร..หรือมันไม่จริงครับเล่นนั่งกอดกันกลมกลางร้านอย่างนี้จะบอกพี่ว่าอย่างไงครับสะใจบีมแล้วใช่ไหมครับถึงได้ทำอย่างนี้กับพี่ แกล้งพี่จนสมใจแล้วใช่ไหมครับ”
ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้แกล้งมัน แล้วใครบอกมันล่ะครับว่ากอดกันกลมทมันก็ใส่ความผมมากเกินไป แค่พี่ก้องแกโอบเอวผมไว้เฉยๆ สมัยก่อนไอ้เฟคมันก็ทำอย่างนี้บ่อยๆ มันยังบอกเลยว่ามันแค่แสดงความเป็นเจ้าของเฉยๆ เดี่ยวคนอื่นไม่รู้แล้วจะเข้ามาจีบผม พี่ก้องแกก็คงคิดเหมือนกันมั้งครับ แต่ผมไม่อยากต่อว่ามันตอนนี้หรอกครับ ผมเองก็สงสารมันเหมือนกัน กินเหล้าจนตาแดงไปหมดแล้ว
“ผมไม่ได้แกล้งพี่นะพี่เฟค แล้วเลิกกินเถอะเหล้านะพี่เมามากแล้วนะครับ”
“พี่ไม่เมาบีมอย่าใส่ร้ายพี่ซิครับ”
ครับไม่เมาแต่นั่งตรงๆ ไม่ได้จะต้องเอนไปเอนมา พวกที่เมาแล้วไม่เคยมีใครรับความจริงกันสักคน
“ครับๆๆ ไม่เมาครับ แต่พั่หยุดกินเถอะครับผมขอร้อง”
“ได้ครับพี่จะหยุดทุกอย่างครับ พี่จะตามใจบีมทุกอย่าง พี่จะไม่ทำตัวเลวๆ อีกแล้วครับ”
ไปกันใหญ่แล้วครับไอ้เฟคเริ่มพูดมากขึ้นมาอีกแล้ว
“บีม......”
อยู่ดีๆ ไอ้เฟคก็เรียกชื่อผม พร้อมกับโน้มตัวมาใกล้ๆ ผม
“บีม...พี่ถามจริงๆ เถอะว่าพี่กับมันใครใหญ่กว่ากัน”
แค่ได้ฟังตำถามผมก็อยากจะบ้าตายๆ อยู่ดีๆ ไอ้เฟคมันก็ถามว่าของมันกับของพี่ก้องใครใหญ่กว่ากัน ถ้าไม่ใช่ไอ้เฟคตอนเมามันคงไม่กล้าถามหรอกครับ แล้วมันจะอยากรู้ไปทำไมก็ไม่รู้ เรื่องอย่างนี้ผมไม่เคยคิดเสียด้วย
“จะไปรู้หรือไงเล่า”
ผมก้มหน้าตอบมันไป อยู่ดีๆ ก็มาถามอย่างนี้ผมเลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไงดี ก็คนมันยังมียาง....อายอยู่บ้าง
“บีมไม่รู้จริงๆ หรือครับ”
“ไอ้พี่เฟค ไอ้บ้าเมาแล้วเงียบไปเลย ใครจะไปรู้เล่าไม่เคยจับวัดนี่หว่า”
“อ้าว...งั้นพี่กับมันใครลีลาดีกว่ากันบอกได้ป่ะ....แล้วคืนหนึ่งมันได้กี่รอบ”
“ไปกันใหญ่แล้วพี่เฟคถ้าไม่หยุดถามมาก ไม่ต้องมาคุยกับผมอีกเลยนะ”
แล้วผมก็หันหลังให้มัน ผมยังได้ยินมันหัวเราะอยู่เลย ไม่รู้ว่ามันเมาจริงๆ หรือว่ามันแกล้งเมากันแน่ แล้วพี่ก้องก็หายไปเป็นชาติเลยไม่รู้ว่าไปช่วยเขาสร้างห้องน้ำอยู่หรือไง ปล่อยผมไว้กับคนบ้า
พวกผมนั่งกันอยู่อีกสักพักพี่ก้องก็ชวนพวกเรากลับ ผมจึงแยกย้ายกับไอ้เฟคแล้วกลับห้องพร้อมพี่ก้องกับน้องชายผม ดูเหมือนว่างานนี้บีทมันจะมีความสุขและสนุกมากกว่าใคร
หลังจากมาถึงห้องผมก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะเข้านอน โดยที่ผมกับพี่ก้องนอนกันบนเตียงส่วนบีทมันนอนด้านล่าง พอหัวถึงหมอนผมก็หลับทันที มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่คนข้างๆ มาลูบๆ คลำๆ น้องชายผม ผมมองหน้าพี่ก้องเพื่อบอกว่าให้พี่เขาหยุด
“หยุดนะพี่ก้องเดี๋ยวบีทมันลุกขึ้นมาเห็น”
“ไม่เห็นหรอกครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอกแค่ขอจับนิดหน่อยเอง พี่ไม่ทำอะไรจริงๆ สาบานได้ ไม่สงสารพี่เหรอครับไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันอ่ะ”
“งั้นก็ได้ครับ”
นี่แหละผมสุดท้ายก็ต้องตามใจพี่ก้องอีกครั้ง จนเสียไปคนล่ะน้ำ แต่เสร็จกันแค่ภายนอกนะครับเพราะกลัวบีทมันจะลุกขึ้นมาเห็น แต่ผมก็ต้องกลั้นเสียงไว้เต็มที่ หลังจากที่พี่ก้องแกได้ตามความต้องการแล้ว พี่ก้องก็นอนกอดผมจนหลับไปด้วยกันนั้นแหละครับ