ผมนั่งมองคนทั้งคู่เดินจูงมือไปด้วยกัน เดินห่างจากผมไปเรื่อย ดูแววตาที่เขาทั้งคู่มองกันแล้ว ช่างมีความสุขเหลือเกิน ผมมองภาพของคนทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ว่า ผมไม่เข้าใจคนทั้งสองเลย โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ที่กำลังยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขนั้น ผมอยากรู้จริงๆ ว่าหัวใจของเขาทำด้วยอะไร ถึงได้ทำแบบนี้ แต่ผมก็คงต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ผมนั่งมองทั้งคูเดินไปด้วยกันเพื่อซื้อน้ำมาให้ผมนั้นเอง อ่ะมีใครทำหน้าสงสัย ไม่ต้องสงสัยหรอกครับก็อย่างที่บอกนั้นแหละ คนที่เดินจับมือกันไปนะเป็นไอ้แบงค์กับน้องไผ่ครับ และที่ผมไม่เข้าใจก็คือน้องไผ่นั้นเอง ผมจะเล่าย้อนให้ฟังนิดนึงนะครับ
ผมเดินออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ที่เหมือนกับว่าพวกผมไปหลอกน้องเขามาให้ไอ้แบงค์อย่างไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือคนที่ไปเรียกน้องเขามาตอนนี้เดินผิวปากอย่างมีความสุขอยู่ข้างหน้าผม ผมจึงเร่งความเร็วในการก้าวเท้าให้ทันไอ้คนข้างหน้า ที่พอมีของมาล่อนิดล่อหน่อยมันก็ทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ
“เดี๋ยวไอ้อ้น”
ผมเร่งความเร็วให้ทันไอ้อ้นแล้วจับไหล่ของมันไว้เพื่อให้มันหยุดเดินแล้วหันหน้ามาคุยกับผมดีๆ และมันก็ได้ผล ไอ้อ้นมันหยุดแล้วหันหน้ามาทางผม
“มีอะไรคร๊าบบบ...คุณบีม ผมจะรีบไปเล่นบอลคร๊าบ”
“มึงว่าดีแล้วหรือว่ะ ที่ปล่อยไผ่มันไว้อย่างนั้นอ่ะ”
“ดีซะยิ่งกว่าดีอีกนะมึง ไอ้แบงค์มันจะได้เคลียร์กันให้จบๆ ไปจะได้ไม่ต้องค้างคาใจทั้งสองฝ่าย ดีไม่ดีมึงอาจได้ไอ้น้องไผ่ของมึงมาเป็นเพื่อนสะใภ้ก็ได้นะมึง”
“แล้วเมื่อกี้ ตอนแรกมึงเหมือนกับไม่อยากให้สองคนนี้..”
“มึงหยุดพูดเลยไอ้บีม นั้นมันตอนนั้นโว๊ย...มึงหัดอยู่กับปัจจุบันหน่อยซิว่ะ”
ผมล่ะเชื่อเลยไอ้คนที่อยู่กับปัจจุบัน ผมว่ามันได้สินบนก้อนงามแน่มันถึงพลิกลิ้นได้ขนาดนี้ พูดจบมันก็ออกเดินไปสนามบอลอย่างที่มันตั้งใจไว้นั้นแหละครับ ส่วนผมนะก็ต้องเดินตามมันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เอาว่ะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาตินั้นแหละอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะว่ะงานนี้ พอไปถึงสนามบอลผมก็เจอกับน้องอีกคนชื่ออ็อดหรือไงนี่แหละ แต่ที่แน่ๆ น้องเขาเป็นเพื่อนกับไผ่มัน พอน้องเขาเห็นผมสองคน น้องเขาก็ยกมือไหว้ผมสองคนทันที
“สวัสดีครับพี่อ้น พี่บีม”
“อืม..สวัสดี แล้วแบ่งฝ่ายกันเล่นหรือยังว่ะอ็อด”
ไอ้อ้นถามน้องมัน ถึงเรื่องแบ่งฝ่ายเล่นบอลซะงั้น
“ยังเลยครับ...แต่พี่อ้นครับไผ่ล่ะครับ”
อ็อดมันถามหาเพื่อนของมันทันที ไอ้อ้นมันก็ทำหน้ามึนครับไม่ยอมตอบน้องเขาไป แถมวิ่งไปเล่นบอลซะเฉยเลย เลยกลายเป็นว่าผมต้องตอบน้องมันไปแทน
“ไผ่มันกำลังคุยธุระกับเพื่อนพี่อยู่ครับ”
เมื่อมันได้คำตอบจากผมมันก็วิ่งไปเล่นบอลครับ ส่วนผมก็นั่งมองอยู่ข้างสนาม ไม่มีใจจะเล่นครับบอลนะ เล่นกันไปเล่นกันมาก็เริ่มมืดครับ แต่ว่าไผ่มันก็ยังไม่กลับมาไม่รู้ว่ามันฆ่ากันตายไปแล้วมั้ง
พอพูดปุ๊บก็พากันเดินมาเชียว มองจากหน้าทั้งสองคนแล้วเรื่องคงจบด้วยดี แต่ผมมองเห็นหน้าไอ้แบงค์มีรอยแดงๆ อยู่ถ้ามองไม่ผิดคงเป็นรอยมือนั้นแหละครับ และคนที่ทำให้มันเกิดก็คงเป็นคนตัวเล็กที่เดินมาด้วยกันนั้นแหละ ไม่รู้นะเนี๊ยว่าดุเหมือนกัน
พออ็อดมันเห็นเพื่อนมันเดินมา มันก็เลิกเล่นบอลแล้ววิ่งไปหาเพื่อนมันครับ ส่วนไอ้แบงค์ก็เดินมาหาผมครับ ไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันแต่หน้าตามันไม่ค่อยดีเท่าไร ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินหายไปด้วยกัน
“เป็นไงว่ะมึงเรียบร้อยหรือเปล่า”
ผมแกล้งถามมันไปอย่างนั้นแหละดูจากหน้ามันแล้วก็คงรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ระดับนี้แล้วโว๊ย...”
“ไอ้ขี้คุย แล้วแบงค์หน้ามึงไปโดนอะไรมาว่ะเป็นรอยเชียว”
ผมแกล้งทักมันผมอยากรู้ว่ามันจะตอบผมว่าอย่างไง
“ก็น้องไผ่เม่ง..ตบหน้ากูว่ะ ดีนะถ้าเป็นคนอื่นกูต่อยตายแล้ว”
“อ้าวทำไมไผ่มันมึงถึงไม่ต่อยล่ะ”
“ก็..กูทำไม่ลงว่ะ แค่เห็นหน้าใสๆ นั้นมีน้ำตากูก็อ่อนไปหมดแล้วล่ะ น้องมันอยากทำอะไรกูยอมมันหมดแหละ และอีกอย่างกูก็ผิดจริงๆ ที่ไปทำอย่างนั้นกับน้องมันอ่ะ”
“อนาคตกลัวเมียนี่หว่า”
“ใครบอกกูกลัวเมีย..กูแค่ไม่อยากทำให้เขาเสียใจเฉยๆ ว่ะ”
“5555ยอมรับแล้วไงว่าไผ่มันเป็นเมียมึงอ่ะ”
“อืม...”
“แล้วน้องมันยอมรับหรือเปล่าล่ะว่ามันเป็นอะไรกับมึง”
“ไผ่มันก็ไม่ยอมรับหรอก แต่กูจะลองว่ะคนเนี๊ยถูกใจกู”
“เออ”
ผมหันไปมองเห็นไอ้คนต้นเรื่องอีกคนครับ ตอนนี้มันเล่นบอลเสร็จแล้วกำลังจะไปล้างหน้า ผมมีเรื่องต้องถามมันครับ
“แบงค์กูไปก่อนนะโว๊ย เดี๋ยวโทรหา กูมีเรื่องต้องคุยกับไอ้อ้นหน่อย”
“ให้กูไปด้วยป่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน”
ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งออกไปก่อนที่เป้าหมายจะหายตัวไป ไอ้อ้นมันยิ่งหายตัวไวอยู่ด้วย ผมวิ่งตามมันไปที่ห้องน้ำ ผมยืนรอมันอยู่ที่หน้าห้องน้ำ จนมันออกมา
“อ้าว..ไอ้บีมมึงยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ยังกูรอมึง มีเรื่องอยากถามหน่อย”
“เรื่องอะไรว่ะ”
“ก็เรื่องไผ่มันไง มึงพูดมาว่ามึงรู้เรื่องอะไร เมื่อกี้ตอนอยู่ต่อหน้าไอ้แบงค์หมือนมึงจะพูดอะไร แต่ไม่ยอมพูดนะ”
“กูไม่มี คนอย่างกูจะไปรู้อะไรล่ะ มึงอย่ามาใส่ความกูไอ้บีม”
ผมเดินไปหามัน
“อ้น...”
ผมพูดเน้นๆ ใส่มัน ไอ้อ้นหลบตาวูบ คงมีเรื่องอะไรแน่ๆ งั้นมันไม่หลบตาผมหรอก
“เออ...กูบอกก็ได้”
“ก็แค่นั้นว่ามา...”
“คือไอ้ไผ่นะมันมีแฟนแล้ว”
“ห่ะ....น้องมันมีแฟนแล้ว แล้วทำไมมึงไม่บอกไอ้แบงค์ไปล่ะ”
“ก็กูไม่กล้าพูดนี่หว่า”
ไอ้เวรเอ๋ย...ที่เรื่องอื่นล่ะพูดเป็นต่อยหอยเชียวที่เรื่องสำคัญอย่างนี้กลับเงียบ
“แล้วแฟนน้องมันเป็นใครว่ะกูอยากรู้”
“กูบอกไปแล้วมึงก็เงียบไว้เลยนะ ก็เพื่อนมันนั้นแหละ”
“ห่ะ...น้องอ็อดนะเหรอ”
“อืม...”
ผมว่าแล้วเชียวปัญหาใหญ่แล้ว แต่บางทีไอ้อ้นมันอาจมั่วข่าวมาก็ได้
“แล้วมึงรู้ได้ไง”
ไอ้อ้นเลยเล่าไปถึงเรื่องที่มันไปเจอสองคนนั้นจูบกันอยู่หลังร้านอาหารตอนที่ไปเลี้ยงอะไรกันสักอย่างนี้แหละ
“พี่บีมครับ...น้ำมาแล้วครับ”
เสียงใสๆ เรียกผม ผมยิ้มรับน้องเขา แม้ว่าในใจจะไม่เข้าใจว่าทำไมน้องเขาถึงยอมมาคบเป็นแฟนกับไอ้แบงค์ทั้งๆ ที่ตัวเองก็คบกับเพื่อนอยู่แล้ว แล้วน้องอ็อดยอมได้ไงที่ที่ปล่อยให้น้องไผ่มาทำอย่างนี้ เพราะผมก็เห็นว่าทั้งสองคนก็ยังพูดคุยกันดี แต่ก็ปลอยไปเถอะเรื่องของพวกมัน เรื่องของตัวเองก็ยังไม่รอดเลย นี่ไอ้เฟคมันก็ไปเชียงใหม่เป็นอาทิตย์แล้วโทรไปก็ไม่ค่อยรับไม่รู้เป็นอะไร
“ขอบคุณครับไผ่ แล้วเพื่อนๆ ไปไหนกันหมดล่ะครับ”
ผมชวนน้องมันคุย
“คนอื่นไปอ่านหนังสือกันหมดครับ”
“แล้วไผ่ไม่อ่านหนังสือกับเขาเหรอครับถึงได้มีเวลามากับไอ้แบงค์ได้”
“ผมอ่านจบแล้วครับพี่บีม”
“เป็นไงแฟนกูเก่งป่ะล่ะ”
เสียงแหลมขึ้นมาเชียวนะมึงไอ้แบงค์ไอ้ควายแก่กินหญ้าอ่อน
“จ๊า....เก่ง แต่มึงก็อย่าพาน้องเขาเสียล่ะ”
“โด่...ดับไหนแล้ว รับรองกูไม่พาน้องเขาเสียแน่นอนรับรองได้ แต่ว่าเพื่อนเลิฟมึงไปไหนล่ะ”
“ใครไอ้อ้นหรือไอ้จูล่ะ”
“ก็ไอ้อ้นตัวแสบไง”
“มันไม่มาวันนี้มันติดกองละครเข้าไปถ่ายหนังที่ต่างจังหวัด อีกสองวันกวามันจะกลับ”
“อืม...”
แล้วผมก็นั่งคุยเล่นกับสองคนนั้นอีกสักพักก่อนที่ไผ่มันจะขอตัวไปเรียนบ้าง จนผมรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำก็เลยเดินแยกออกมาจากไอ้แบงค์แล้วผมก็เจอกับขิง
หลังจากที่ผมไม่เจอกับขิงนานมาก เหมือนว่าเขาจะหลบหน้าผมอยู่ แต่ครั้งนี้เหมือนว่าเขาจะเดินมาดักผม แต่ไม่เจอกันไม่เท่าไร ดูหน้าของเขาดูสดใสขึ้น
“บีม....ผมขอพูดอะไรได้หน่อยได้หรือเปล่าไม่นานหรอก”
ผมยืนคิดลังเลอยู่นาน...พวกคุณช่วยตอบผมทีว่าผมจะคุยกับขิงดีหรือไม่ดี.....