หลังจากที่พี่กันต์มาส่งผมที่ห้องแล้ว พี่กันต์ก็รีบขอตัวกลับทันทีไม่มีที่ท่าจะลีลาเหมือนเดิม ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กันต์เขาจะรีบไปไหน แต่ดูจากท่าทีแล้วคงต้องรีบไปทำธุระสำคัญอีกแน่เลย
ผมโบกมือลาพี่กันต์ที่หน้าคอนโดของไอ้เฟคแล้ว ผมก็เดินขึ้นห้องมา เฮ้อ...แทนที่ผมจะได้กลับห้องของตัวเองเลย ไอ้เฟคมันกลับให้พี่กันต์มาส่งผมที่ห้องของมันแทน แล้วก็ยัดเยียดกุญแจห้องมาให้ผม ตอนแรกผมก็ไม่ยอมมันหรอก แต่พอผมสบตาของมันเท่านั้นผมก็เลยยอมแต่โดยดี ทาทางมันไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน มันยิ่งดุอยู่
ผมเดินเล่นมาเรื่อยๆ คอนโดของพวกคนมีเงินนี่มันดีอย่าง มันมีทุกอย่างพร้อมสรร ผมเดินดูอย่างเพลินตาเลยที่เดียว
“สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรือเปล่า ผมไม่เคยเห็นหน้าเลย”
ตอนที่ผมเดินผ่านสระว่ายน้ำของคอนโด ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม จนผมไม่ได้ตั้งตัวเลย พอผมมองหน้าและชุดที่เขาใส่อยู่ก็ทำให้ผมเริ่มที่จะร้อนที่หน้า เพราะชุดที่เขาใส่มันคือชุดว่ายน้ำที่มีเพียงกางเกงเพียงชิ้นเดียว และไอ้ชิ้นที่ว่ามันก็เล็กนิดเดียวจนแทบเก็บน้องชายของเขาเอาไว้ไม่มิด
“เออ....ครับผมเพิ่งเข้ามาอยู่”
ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไง จะให้บอกว่าเดินหลงเข้ามา หรือว่ามาบ้านสามีก็บอกไม่ได้ ผมจึงรับสมอ้างไปก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ชื่อ....”
ยังไม่ทันที่พี่เขาจะแนะนำตัวเองเลยว่าชื่ออะไร ผมก็โดนดึงไหล่แล้วถูกโอบกอดด้วยวงแขนของไอ้เฟค มันช่างกลับมาได้จังหวะจริง
“แต่ผมไม่ยินดี....”
พี่คนนั้นเขาหน้าเจื่อนไปเลย ของมันแรงจริงๆ ไอ้เฟค
“กลับห้องได้แล้ว ปล่อยให้ห่างตาไม่ได้เลยนะ”
แล้วมันก็ไม่ฟังคำตอบจากผมเลย มันลากแขนผมเหมือนเคย ผมจำต้องเดินตามไป แต่ก่อนไปขอนิดนึง หันไปโบกมือลาพี่เขาก่อน แต่ต้องแอบทำกลัวไอ้เฟคมันเห็น จะกลายเป็นเรื่องขึ้นมาอีก ผมว่าการคบคนไว้เยอะๆ นะดี มีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยกันได้ ผมต้องหาพันธมิตรเอาไว้ก่อน พี่เขาเองก็โบกมือลาผม
ผมกลับมาถึงห้อง ไอ้เฟคมันก็ไม่พูดอะไร แล้วไอ้อาการที่มันแสดงออกมามันเรียกว่าหึงได้หรือเปล่า แต่ผมกับมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่จะมาหึงทำไม
“บีม พี่ขอได้ไหมว่าต่อไปนี่อย่าไปคุยกับคนแปลกหน้าได้หรือเปล่า โดยเฉพาะผู้ชายนะ”
เมื่อผมไม่ยอมพูดขึ้นมาก่อนไอ้เฟคมันก็เลยเริ่มพูดออกมามันเองคงจะทนอึดอัดใจไม่ไหว
“ทำไมล่ะพี่เฟคก็พี่เขา เข้ามาทักผมเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย”
“ใครมาทัก ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องทักตอบ”
“ไม่....ผมไม่ได้นิสัยเสียเหมือนพี่นี่น่า”
“แต่พี่บอกให้ทำ ไม่เชื่อจะโดนดี”
ผมกับไอ้เฟคเริ่มเถียงกันเสียงดังขึ้น ผมไม่เข้าใจ แค่ผมพูดคุยกับคนที่เข้ามาทักทายผมแค่เนี๊ยมันจะมีปัญหาอะไรหนักหนา เมื่อก่อนผมก็มีคนเข้ามาทักบ่อยๆ ผมก็คุยกับเขาไปทั่วแหละ ถ้าไม่คุยกับเขาซิ เขาจะได้หาว่าหยิ่ง
“แล้วพี่เป็นอะไรกับผมห่ะ ถึงได้มาสั่งให้ทำอย่างนู๊นอย่างนี้ ผมถามจริงๆ พี่เฟคระหว่างเราเขาเรียกว่าอะไร ผมไม่เข้าใจดูทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด จะเรียกว่าคนรักก็ไม่ได้ คู่นอนก็เรียกไม่ได้เต็มปาก พี่บอกผมหน่อย ผมจะได้ทำตัวถูก ทุกวันนี้พี่รู้หรือเปล่าว่าผมอึดอัดใจแค่ไหน ผมจะไปไหนหรือคุยกับใครก็ไม่ได้ ผมไปทำร้ายพี่ตอนไหน พี่ถึงได้จำกัดสิทธิของผมทุกอย่าง”
ผมทนความอึดอัดอยู่นานแล้ว เมื่อได้พูดผมก็พูดออกไปจนหมด ไอ้เฟคมันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนที่มันจะเดินหนีไป ปล่อยให้ผมยืนหงุดหงิดอยู่คนเดียวอย่างนั้น มันจะเอาอย่างไงกับผม มันก็ไม่ทำอะไรให้ชัดเจนสักอย่าง แล้วถ้าเป็นอยู่อย่างนี้ ผมก็แย่ซิ ผมยิ่งคิดยิ่งโมโห
“บีมไปอาบน้ำซิ พี่จะพาไปทานข้าวข้างนอก”
ไอ้เฟคมันหายเข้าไปในห้องสักพักมันก็โผล่หน้าออกมา มันทำหน้าเหมือนเมื่อสักครู่มันกับผมไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน
“ผมไม่ไปหรอกพี่เฟคผมเหนื่อย ผมอยากกับห้องแล้ว”
ไอ้เฟคมันเริ่มทำหน้างออีกแล้ว แต่ผมไม่อยากสนใจคนเอาแต่ใจหรอกครับ
“อืม...นั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกพี่เฟคผมกลับเองได้”
ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องของมันเลย โดยที่ไม่รอมัน ผมได้ยินเสียงไอ้เฟคมันพูดอะไรก็รู้เสียงดัง แต่อารมณ์ตอนนี้ผมไม่อยากรับฟังใครแล้วครับ ผมออกมาจากห้องของไอ้เฟคได้ผมก็โทรไปหาไอ้อ้นทันที บางครั้งผมอาจจะหลบไปนอนที่ห้องไอ้อ้นก่อนดีกว่าคืนนี้ ถ้าผมกับไปที่ห้องไอ้เฟคมันจะต้องตามไปแน่ แล้วเรื่องที่ผมไม่ยอมทำตามที่มันสั่งก็จะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก
แต่เมื่อผมโทรไปหาไอ้อ้น ผมก็ต้องพบกับความผิดหวัง ไอ้อ้นมันไม่ได้อยู่ที่ห้องครับ มันบอกผมว่ามันไปทำงานที่ต่างจังหวัด วันจันทร์ถึงจะกลับ ผมได้ยินเหมือนเสียงเพลง ผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันไปทำงานจริงๆ หรือมันหนีผมไปเที่ยวกันแน่ เมื่อไอ้อ้นพึ่งพาไม่ได้แล้ว ผมก็คิดว่าผมจะไปหลบอยู่กับใครได้บ้าง ไอ้แบงค์ก็ลืมไปได้เลย ผมได้ยินว่ามันจะไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนไอ้จู มันก็ย้ายห้องไปอยู่กับแฟนมันแล้ว อย่างนี้เท่ากับว่าผมหมดทางไปแล้ว แต่ใช้ซิ ผมไม่ได้กับบ้านนานมากแล้ว ผมว่าผมหลบไปอยู่ที่บ้านตัวเองดีกว่า
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็รีบหารถเพื่อไปที่หมอชิตแล้วนั่งรถทัวร์เพื่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดดีกว่า ด้วยความโชคดีของผมเองก็เป็นไปได้ พอมาถึงผมก็ได้ตั๋วรถเที่ยวที่จะออกอีก 10 นาทีข้างหน้านี้แล้ว ผมนั่งไปอีกสักสองสามชั่วโมงผมก็จะถึงบ้านของผมแล้ว จะว่าไปตั้งแต่มีไอ้เฟคเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของผม ผมก็ไม่ได้กลับบ้านเลย คิดไปแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน ไม่รู้ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นอย่างไงบ้าง
ผมคิดถึงเรืองราวต่างๆ จนเผลอหลับไป ผมกะว่าพอตื่นขึ้นมาตอนเช้าผมคงจะถึงบ้านพอดี
และก็เป็นอย่างที่ผมคำนวณเอาไว้ พอผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ผมก็ถึงบ้านพอดี แค่ต่อรถเข้าไปที่บ้านอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว ดีนะที่บ้านของผมอยู่ในตัวจังหวัดเลยไม่ยุ่งยากในเรื่องการหารถเพื่อที่จะเข้าบ้าน
แต่ก่อนเข้าบ้านผมคงต้องแวะหาอะไรกินรองท้องก่อนดีกว่า เพราะผมมาอย่างกะทันหัน ผมเลยยังไม่ได้โทรบอกที่บ้านเอาไว้ว่าผมจะกลับมา ถ้าขืนเข้าไปอย่างนี้ผมต้องอดแน่นอน
ผมแวะกินโจ๊กที่ร้านประจำของผมโจ๊กหมูหมักเนื้อนุ่ม มากๆ ไปหากินที่ไหนก็ไม่ได้ ต้องที่นี่เท่านั้น คนในร้านก็ยังแน่นเหมือนเดิมไม่มีผิด มีทั้งเด็กที่มากินก่อนที่จะไปเรียน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่แวะมากินก่อนไปทำงานเหมือนกัน
“ป้ามนสวัสดีครับ”
พอเดินเข้าไปในร้านผมก็แวะไปทักทายเจ้าของร้านซึ่งก็คือป้ามนนั้นเอง ป้ามนกำลังยุ่งอยู่กับการตักโจ๊ก ดูแล้วป้าแกก็ยังคล่องเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่ต้องแปลดใจไปหรอกครับที่ผมจะดูสนิทสนมกับเจ้าของร้านถึงกับไปทักทายกัน เพราะผมนะมากินโจ๊กที่ร้านของป้าเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว
“อ้าว....บีมกลับมาตั้งแต่เมื่อไรลูก หายหน้าไปเลยนะตั้งแต่ไปเรียนที่กรุงเทพ”
“ก็ผมยุ่งเกี่ยวกับเรียนนะครับป้าเลยไม่ได้กลับมาบ้านเลย”
“จ๊ะ....ยุ่งเกี่ยวกับเรียนหรือว่าสาวๆ กันแน่จ๊ะ”
“5555++ ยุ่งเรื่องเรียนจริงๆ ครับ ป้ามนครับผมขอเหมือนเดิมนะครับ”
“ได้....เดี๋ยวป้าให้เด็กยกไปให้ไปนั่งรอเถอะ”
เมื่อผมสั่งแล้วผมก็มานั่งที่โต๊ะตัวประจำที่มาครั้งไหนผมจะต้องมานั่งเสมอ ผมมองไปรอบๆ ร้านทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด ทำให้ผมคิดถึงอดีตเมื่อสมัยตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ที่ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่เหมือนตอนนี้ ทุกอย่างในชีวิตของผมดูยุ่งวุ่นวายไปหมด
ผมนั่งรอเพียงครู่เดียวโจ๊กร้อนๆ ก็ถูกยกมาให้ ผมจึงจัดการกิน รสชาติก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รสชาติที่ผมไปหากินที่ไหนก็ไม่มีเหมือน ผมค่อยๆ กินไปเรื่อยๆ นั่งมองคนในร้านที่คนนั้นมาคนนี้ไปไม่ได้หยุด มีทั้งมานั่งกินที่ร้าน หรือซื้อกลับไปกินที่บ้าน ถ้าผมอยู่ท่กรุงเทพผมคงไม่มีเวลามานั่งสบายอย่างนี้หรอก ทุกอย่างมันรีบเร่งไปหมดแล้วยังมีไอ้เฟคที่คอยมาเร่งผมอีกคน เฮ้ย...แล้วผมจะคิดถึงมันอีกทำไมกัน ที่กลับมาบ้านก็เพราะต้องการหนีมันนี่หว่า พออย่างนี้กลับมาคิดถึงเรื่องของมันอีก ไม่ไหวแล้ว ผมคงอยู่กับมันมากเกินไป ทำให้มันมามีอิทธิพลกับความคิดของผมอีกแล้ว
“ป้ามนครับเท่าไร”
เมื่อกินเสร็จแล้วผมก็เดินมาจ่ายตังค์กับป้าเขา
“ไม่ต้องหรอกลูก วันนี้ป้าห้กินฟรีนานๆ ป้าจะเห็นหน้าสักที”
“ขอบคุณครับป้า”
ยังนี้แหละครับสังคมต่างจังหวัด ผู้คนดูจะมีน้ำใจกว่าคนในเมืองเยอะ นี่ไม่ได้ว่านะครับแต่มันคือเรื่องจริง ไอ้เรื่องจะมาให้กินฟรีอย่างนี้นะยาก แต่ต่างจังหวัดมันเป็นเรื่องธรรมดา
“งั้นผมไปก่อนนะครับป้ามน นี่ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย แล้ววันหน้าผมจะมาอุดหนุดอีกนะครับ”
“จ๊ะ...แล้วป้าจะรอนะ”
ผมเดินออกมาจากร้านโจ๊กผมก็มองที่นาฬิกานี่มันสายมากแล้ป่านนี้คงไม่มีใครอยู่บ้านแน่นอน ผมคงต้องไปเอากุญแจบ้านที่พ่อหรือไม่ก็แม่ก่อนดีกว่า ว่าแล้วผมก็โบกมือเรียกมอ’ไซค์รับจ้างเพื่อจะได้นั่งกลับบ้าน
“ไปไหนครับ”
“ไปค่ายธนรัตน์ครับ”
ผมบอกจุดมุ่งหมายของผมนั้นก็คือค่ายทหารแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นแหละครับ นั่งรถแค่ 20 กว่านาทีก็ถึงแล้ว
ผมนั่งรถมาจนถึงทางเข้าค่ายผมเลยให้พี่เขาจอดแค่นั้น เพราะถ้าจะเอารถเข้าไปจะต้องยุ่งยากในการแลกบัตรอีกเสียเวลา และอีกอย่างที่ทำงานของพ่อผมก็เดินเข้าไปอีกไม่ไกลเท่าไร และผมก็ไม่กลัวหลงหรอก เพราะผมอยู่ที่นี้มาตั้งแต่เด็กแล้วเรื่องหลงทางลืมไปได้เลย