:teach:ชื่อตอน ดาดฟ้ามหาภัย นี้จะมาในตอนถัดจากไปไหว้พระแล้วนะ รอกันหน่อย
ตอนที่ 19 ฉันยื่นขวดน้ำให้อาร์ท พออาร์ทดื่มน้ำเสร็จแล้วก็หันมาถามฉัน
“จืด เป็นอะไรรึปล่าว หน้าดูซีด ๆ ไปนะ”
“ป่ะ ปล่าวนี่ ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” ฉันหน้าซีดไปจริง ๆ เหรอเนี่ย
“งั้นเหรอ ถ้ามีอะไรก็บอกเราได้นะ เราเป็นห่วง” อาร์ทหันมากระซิบเบา ๆ เป็นห่วงฉันงั้นเหรอ ในฐานะอะไรล่ะ เพื่อนงั้นเหรอ
“ขอบใจนะ” ฉันพึมพำเบา ๆ แต่อาร์ทคงไม่ได้ยินหรอก
รถสองแถวมาแล้ว พวกเราพากันขึ้นรถ อีกไม่นานพวกเราก็มาถึงทางเข้าหน้าวัด เหมือนเดิมบรรยากาศไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย มีแต่ความคึกคักของผู้คนที่พากันเดินขวักไขว่ไปมา ซื้อของฝากกลับบ้าน ส่วนพวกฉันก็พากันเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยังด้านใน
วันนี้ผู้คนมากมายเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันเสาร์ พวกเราก็เลยต้องทำใจหน่อย ยังไงก็มาจนถึงที่นี่แล้ว หลังจากที่เบียดเสียดผู้คนจนสามารถฝ่าเข้าไปจนถึงองค์หลวงพ่อโสธรแล้ว ฉันก็นั่งลงข้างกับอาร์ทนั่นแหละ ดูอาร์ทจะยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ ผิดกับฉันที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ต่อหน้าองค์พระคนเดียว
“จืด ทำไมหน้าตาไม่สดชื่นเลยล่ะ มาไหว้พระ ต้องสบายใจหน่อยสิ ยิ่งมากับเราด้วย”
“อืม” ฉันฝืนยิ้มให้อาร์ท ใช่ บางทีไหว้พระแล้ว อะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้
“ยังงั้นแหละ มาอธิษฐานกัน” แล้วอาร์ทก็หลับตาอธิษฐาน
“อืม อธิษฐาน” ฉันพูดเสียงเบา ๆ พลางหลับตาลง แล้วก็นึกถึงหลวงพ่อ
‘หลวงพ่อเจ้าขา ลูกทุกข์ใจเหลือเกิน ลูกรู้ดีว่า ลูกไม่ใช่ผู้หญิงแท้ ๆ จะให้ใครมารักจริง มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากคู่ของลูกมีอยู่จริง ก็ขอให้ลูกได้พบและรักกับเค้าด้วยเถิด.... สาธุ’ หลังจากอธิษฐานแล้ว ฉันก็ลืมตาขึ้น หันไปมองทางอาร์ท ก็เห็นตานั่นนั่งมองตาแป๋วอยู่ก่อนแล้ว
“หืม มีอะไรเหรอ” ฉันยิ้มน้อย ๆ ไปให้
“จืดอธิษฐานว่าไงบ้างอ้ะ บอกเราได้ป่ะ” อาร์ททำมาเป็นถาม
“ไม่บอกหรอก ความลับจ้ะ” แล้วฉันก็กราบท่านสามครั้ง จากนั้นก็ลุกออกมาด้านนอก อาร์ทก็เดินออกมาพร้อม ๆ กัน
“แหม ไหว้อะไรกันนานจังเลยล่ะสองคนนี้” นังต้อมกัดทันทีที่เจอพวกเรา สงสัยจะยืนรอนานแล้ว
“ก็คนมันเยอะนี่นา ทำไงได้” ฉันตอบมันไป
“อ้อเหรอ นึกว่าแอบไปนั่งอธิษฐานขอเป็นคู่กันไปตลอดชาติ ฮิๆ” น่าน นังนี่ ปากเสียชะมัดเลย
“บ้า พูดมากเด๋วก็เอาขี้ธูปยัดปากเลยนี่แก” ฉันขู่ ได้ผลมันหุบปากสนิทเลย
“หุหุ สองคนนี้ สนิทกันดีจังเลยนะ” ยัยเป้ยหัวเราะ แล้วก็แซวเราสองคน
“ช่ายสิยะ ก็เรามันเพื่อนซี้กันนี่ ใช่มะจืด” มันหันมาเกาะแขนฉัน ทำให้คนข้าง ๆ มองกันเป็นแถว
“อืม แกเลิกเกาะแขนฉันซักทีเหอะ คนมองกันใหญ่แล้ว” มันก็ปล่อยแขนออก
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ” วินถามมาบ้าง สงสัยจะเบื่อนังพวกนี้แล้ว (รวมฉันด้วยอ้ะ)
“ก็ต้องไปช๊อปปิ้งน่ะสิวิน ถามแปลก ๆ” นังต้อมตอบ
“งั้นก็ไปสิ เป้ยว่าตรงนี้ชักจะร้อน ๆ แล้วนะ” โอ้โห ทำเป็นกลัวผิวเสียเหรอจ้ะ คนสวย
“อาร์ทจ้ะ อธิษฐานว่ายังไงบ้างหรอ” ยัยเป้ยเข้ามาคุยกับอาร์ทอีกแล้ว ส่วนฉันก็โดนเบียดให้ไปเดินกับนายเบสแทน (มันเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา น่าตบมั้ยเนี่ย ดีนะที่อยู่ในวัด)
“ก็ไม่ได้อธิษฐานอะไรมากหรอก แค่ขอให้ความรักสมหวังเท่านั้นเอง” อาร์ทตอบแบบขอไปที
“งั้นเหรอ ก็เหมือนเป้ยเลยน่ะสิ” แล้วชีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉันเดินมองดูด้วยความหมั่นไส้ อะไรกันนี่ ฉันต้องเล่นบทนางร้ายอีกแล้วเหรอคะ ไม่เอานะ
“เอ้า หน้านายน่ะ มันยังหมีกินผึ้งแล้วนะ” เจือกอะไรด้วยล่ะคะ ตาเบส
“หุบปากไปเลย ฉันไม่อยากได้ยินเสียงของนาย” ฉันสะบัดหน้า เดินเชิดเข้าไปหาอาร์ททันที ขืนให้มันอยู่กะนังเป้ยนานไปกว่านี้ ฉันต้องได้ตบคนแน่
“คุยอะไรกันอยู่เหรอจ้ะ” ฉันเข้าไปเดินกระแซะข้าง ๆ อาร์ท ตาอาร์ทเลยงงใหญ่
“ก็เรื่องทั่วไปน่ะแหละ” มันตอบแบบยียวน อ้อ กวนประสาทฉันเหรอ นังนี่
“อีกแล้วเหรออาร์ท เรื่องทั่วไปเนี่ย มันเรื่องอะไรไม่ทราบเหรอ” ฉันพูดจาหนัก ๆ ท่อนท้าย
“ถามอาร์ทเองสิ เราไปเดินกับเบสดีกว่า เซ็ง” แล้วมันก็สะบัดตูดลงไปเดินกับตาเบส ดีแล้ว เดินคู่กันน่ะเหมาะที่สุดแล้วย่ะ
“จืดเป็นอะไรอีกล่ะ ทำไมต้องถามแบบนั้นด้วยล่ะ” อาร์ทมันทำหน้าระอา อ้อ อยากคุยกับมันมากนักสินะ
“แล้วจืดถามไม่ได้เลยใช่มั้ย จะได้จำไว้” ฉันเดินกระฟัดกระเฟียดไปหานังต้อม
“อ้าวอินี่ เป็นอะไรไปอีกล่ะ งอนกันมาอีกแล้วล่ะสิ”
“ใครงอน ไม่มีทางหรอก คนอย่างฉันเนี่ยนะ ฝันไปเหอะ” โกหกอีกแล้ว
“เชอะ ใครจะเชื่อยะ หน้าของหล่อนมันฟ้องซะขนาดนี้” มันจ้องหน้าฉัน มองหาหวยเหรอไง อินี่
“เออ ฉันหงุดหงิดน่ะ ไม่รู้เป็นรู้เป็นอะไรเหมือนกัน” อิต้อมหรี่ตามองฉัน
“เค้าเรียกว่าหึงจ้ะ แหม หล่อนนี่พัฒนาขึ้นอีกโขเลยนะ” อ่ะ หึงบ้าหึงบออะไรกัน ไม่จริง ๆ
“ทำไมฉันจะต้องหึงด้วย ก็อาร์ทไม่เคยบอกว่าเป็นแฟนกับฉันเลยนี่” พอพูดมาถึงตอนนี้ ฉันก็ก้มหน้ามองพื้น คิดแล้วมันแปล๊บ
“โถ สาวน้อย น่าสงสารอะไรแบบนี้นะ เอาล่ะ ๆ ฉันมีเรื่องอะไรอยากจะบอกหล่อนสียหน่อย”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ แต่ละอย่างที่หล่อนบอก ฉันเจ็บนะยะ” ฉันบ่น ๆ มันก็ไม่พูด แล้วก็ดึงแขนฉันให้ไปดูของตรงอื่นกัน (คือให้พ้นจากพวกนั้นว่างั้นเหอะ)
พอมันลากไปตรงแผงขายของจำพวกกิ๊ฟช็อปแล้ว มันก็เลือกอันนู้นอันนี้ โดยไม่มีทีท่าว่าจะบอกอะไรฉันเลย สงสัยมันจะลืม ฉันเลยต้องกระตุ้นความจำซะหน่อย
“อินังต้อม จะบอกฉันมั้ยยะ เมื่อกี้ว่ามีเรื่องจะบอกฉัน จะบอกไม่ทราบฮะ” มันก็ทำเป็นหยิบกิ๊ฟติดผมรูปคิ้ตตี้ขึ้นมาติดที่ผมอันน้อยนิดของมันน่ะแหละ 11รดจริง ๆ
“เอาน่า ทำเป็นซีเรียสไปได้ เอาอันนี้มั้ย ฉันซื้อให้” ฉันมองหน้ามันแบบ กรูทนไม่ไหวแล้วนะ อินี่
“แหม บอกก็ได้ แต่หล่อนต้องสัญญานะ ว่าจะไม่โกรธฉันน่ะ” ฉันก็พยักหน้า มันก็ทำท่าถอนใจ ก่อนที่จะยอมเปิดเผยเรื่องอันน่าสงสัยให้ฉันฟัง
**********************************************