ผมผ่านเช้าวันพฤหัสที่แสนสาหัสมาได้อย่างเฉียดฉิวเมื่อพบภาพตัวเองจูบกับฟิลลิปบนคอลัมน์ของแม่สาวเคที่จากกรอบเล็บๆในหน้าหกของนิวยอร์คไทม์ และมีกรอบยาวข้างๆ ที่บอกถึงประวัติของผมตั้งแต่การศึกษา อายุ และอาชีพของผม แค่เธอเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของผมเพิ่มเติมนั่นก็แย่อยู่แล้วแต่เธอยังบรรจงหารูป—ผมคิดว่าเธอตั้งใจหามันพอควรนะ เพราะรูปที่ผมหันมายิ้มแหยะๆเข้าหากล้องนั่นทุเรศพอควรเลยล่ะ แถมจะพบรูปนั่นได้จากสมาชิก(บางคน)ในชมรมดนตรีตอนมัธยมเท่านั้น เพราะรูปนั่นถ่ายตอนสมาชิกในชมรมของเราไปดูคอนเสริตงานที อิน พาร์ค ที่สกอตแลนด์

อ้อ!แล้วเธอยังแอบแขวะเล็กๆปิดท้ายอีกว่าผมมันหมอฟันตัวแสบที่ล่าจูบเฉพาะหนุ่มหล่อเท่านั้น ผมได้แต่คิดในใจว่าคงถึงเวลาที่ผมต้องกระชากหน้ากากแม่เคที่ นี่ซักที แต่ก็ยืนหงุดหงิดได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาขัดทันที และนั่นอาจจะทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ไง โอลิเวอร์ คุณคงโทรมาเรื่องข่าวนั่นใช่ไหม นั่นน่ะมันเฮงซวยสิ้นดี” ผมพบว่าผมแทบลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
“เฮ้ๆ ใจเย็นๆ ผมว่าเราออกมาหากาแฟดื่มกันซักแก้วดีไหม” เขายังพูดช้าๆเรียบๆตามสไตล์ของเขา นั่นช่วยดึงให้อารมณ์ผมดีขึ้นนิดนึง นิดเดียวจริงๆ
“ผมอยู่ที่ทำงาน และใช่นี่มันเวลางานของผมนะ” ผมกัดฟันกรอดทั้งๆที่อยากตกลงไปกับเขาซะเดี๋ยวนั้น
“โอเค งั้นมื้อเที่ยงเป็นไง คุณอาจจะอารมณ์ดีขึ้นนะเมื่อได้ระบายมันออกมา” เขายังอารมณ์ดี และผมว่าเขากล้าใช้ได้เลยล่ะ ทั้งๆที่ผมโมโหใส่เขาและยังปฎิเสธเขา แต่เขาก็ยังกล้ารบเร้าชวนผมต่อ
“เสียใจด้วยนะ ผมมีนัดสำหรับมื้อเที่ยงแล้วล่ะ แต่คุณจะว่ายังไงถ้าเราจะดินเนอร์กันแทน” ผมคิดว่าเขาคงไม่ปฏิเสธผมหรอก แต่เขากลับเงียบไปพักนึงเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรอยู่
“ผมต้องออกไปดินเนอร์กับลูกค้า คุณจะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะปฏิเสธคุณ” ผมกลอกตาไปมาเพราะรู้สึกไม่พอใจในคำตอบของเขาซักเท่าไหร่นัก
“โอเค งั้นผมคงต้องไปทำงานก่อน ผมต้องวางแล้ว บาย”
“บาย” เขากดตัดสายของผมอย่างไม่ใยดี ผมปิดฝาพับโทรศัพท์เสียงดัง และยัดมันลงกระเป๋าเสื้ออย่างลวกๆ ก่อนจะรีบเข้าไปทำงานให้เร็วที่สุด พยายามไม่มองหน้าและสบตาเพื่อนร่วมงานให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
ผมทำงานและพยายามไม่คิดถึงข่าวบ้าๆนั่น รวมถึงหน้าเห่ยๆที่ยิ้มให้กล้องของผมด้วย ผมมารู้สึกตัวว่าถึงเวลาพักตอนที่ซาเฟลผู้ช่วยสาวของผมชวนผมออกไปทานมื้อเที่ยงกับเธอ—มื้อเที่ยงของเธอหมายถึงน้ำ 1 ลิตร ขนมธัญพืชให้พลังงานเล็กน้อยกับบุหรี่อีกสามมวน ผมเกือบจะตอบตกลงกับเธอถ้าฟิลลิปไม่โทรมาเตือนเรื่องมื้อเที่ยงของผมและเขา ผมบอกปฏิเสธซาเฟลอย่างนุ่มนวลแต่แอบเห็นว่าเธอทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
ผมเดินออกมาหน้าคลินิกและก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าฟิลลิปมาพร้อมกับแอชตัน มาร์ตินโอ้ แม่เจ้า มันเป็นรถสีแดงแอปเปิ้ล โครเมี่ยมวาววับ และเบาะหนังสีครีม รถที่มีราคาราวๆเศษหนึ่งส่วนสี่ล้านดอลลาร์
“เฮ้ เนทนายจะทำตาโตอีกนานไหม ขึ้นรถแล้วไปทานมื้อเที่ยงกัน” ผมรีบเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว มือผมรู้สึกคันยิกๆอยากหาแผ่นซีดีมายัดใส่เครื่องเสียงยี่ห้อลินน์แต่ก็ต้องหดมือกลับเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูของฟิลลิป
เขาใจตรงกับผมเป๊ะเมื่อเขาจัดการค้นแผ่นซีดีที่มีอยู่และยัดมันเข้าไป เขากดเลื่อนเพลงจนพบเพลงเซกส์ ออน ไฟร์ ของวงคิง ออฟ ไลออน ผมนั่งโยกหัวและฮัมเพลงไปด้วยจบเพลงนี้ก็ได้ยินเสียงร้องของเดมอน อัลบาร์นจากวงเบลอ ผมหันไปมองหน้าด้านข้างของเขา และพบว่าเขากำลังฮัมเพลงนี้อยู่เหมือนกัน เรานั่งร้องเพลงกันไปและคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเพลงที่เราฟังกัน ผมพบว่าเขาเป็นแฟนขาร้อคอัลเทอร์เนทีฟจากเกาะอังกฤษเหมือนผมและยังมีอีกหลายวงที่เราชอบเหมือนๆกัน
ผมตกใจจนตาค้างเมื่อพบว่าเขาพาผมมาทานมื้อเที่ยงที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากที่ทำงานของผม เขายังทำผมตกใจอีกครั้งเมื่อเขาหยิบตะกร้าปิคนิกหลังรถออกมา เขาบอกว่าเขาทำมันทั้งหมดก่อนจะออกมา...โอย ผมหลงเขาเต็มเปา เมื่อพบว่าแซนวิชของธรรมดาๆแต่อร่อยล้ำและยังมีเบเกิลไส้ลูกเกดของโปรดของผมที่ทานคู่กับกาแฟเอ็กเพรสโซ่ที่เขาชงมาให้นั่นทำเอาผมลืมถึงเรื่องหงุดหงิดทั้งหลายไปหมด หลังจากที่อิ่มสุดๆผมก็เอมตัวเองราบลงทันที ผ้าปูสีน้ำเงินกำมะหยี่ที่วางทับบนหญ้าและแสงแดดอบอุ่นทำให้ผมอยากนอนขี้เกียจอยู่ที่นี่ไม่อยากกลับไปคลินิก
“เฮ้ ด็อกเตอร์ หมดเวลาพักเที่ยงของคุณแล้ว” เขาปลุกผมจากภวังค์
“คุณรู้ไหม มันเหนื่อยมากที่ต้องทำหน้าที่ของคุณให้เสร็จสมบูรณ์” ผมบ่นเบาๆแม้ว่าเปลือกตายังปิดสนิทอยู่
“แล้วยังต้องมาเหนื่อยกับข่าวบ้าๆนั่นอีก” ผมเปิดตาเพื่อรอคำตอบหรือรอคำปลอบโยนจากเขา แต่เขากลับดึงมือผมให้ลุกขึ้น เก็บข้างของทั้งหมดยัดลงกระเป๋าปิคนิก
“คุณควรจะยอมรับกับสิ่งที่คุณจะเจอนะคุณหมอ เอาละตอนนี้เรามาร้องเพลงกันก่อนที่จะไปเจอภาระของเราต่อกันเถอะ” เขายังคงร่าเริงและหันมายักคิ้วให้ผม มันทำให้ผมรู้สึกดียิ่งขึ้น
“ขอบคุณ สำหรับแซนวิชและเบเกิลไส้โปรดของผม ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะชอบลูกเกดนะ” ผมยิ้มอวดฟันขาวที่เรียงกันอย่างสวยงาม
“ฮ่าๆ คุณน่ะฉลาดเกินไปแล้วนะ โอเค ผมยอมแล้ว...ผมรู้ว่าคุณชอบเบิเกิลไส้ลูกเกดเพราะตอนมัธยมคุณมักจะแวะซื้อเบเกิลก่อนมาที่โรงเรียน เอาล่ะคุณลงจากรถไปแล้ว” ผมว่าเขากำลังหน้าแดงนะ
“โอเค พ่อสโตกเกอร์หนุ่ม บาย” ผมเปิดประตูมองแอสตัน มาร์ตินที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมคงตาละห้อยเพราะอยากสัมผัสแอสตัน มาร์ตินอีกซักครั้ง
“คุณมองรถจนตาละห้อยหรือคนขับครับ” เสียงนุ่มนวลที่แอบประชดประชันเล็กน้อยนั่นทำเอาผมแทบผงะ
“โอลิเวอร์” ผมครางเบาๆ
-------------------------------------------
แก้คำผิดแล้วคะ ขอบคุณมากๆคะนุ่น