พ่อและแม่ของโอลิเวอร์มาถึงที่บ้านของผมตั้งแต่สิบเอ็ดโมง น่าแปลกที่พ่อแม่ของผมและพ่อแม่ของเขาเข้ากันได้ดี แม้ในช่วงแรกๆพวกเขาดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่ต้องมารับรู้ว่าลูกของพวกเขาทั้งคู่เป็นเกย์และกำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกันที่แอลเอ ราวๆเที่ยงโอลิเวอร์ก็มาถึง เขามาในชุดสูทปราด้าที่เรียกได้ว่าเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นทำเอาผมอดอมยิ้มเล็กๆไม่ได้ เพราะสภาพผมตอนนี้มีแค่เสื้อโปโลสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเท่านั้น
เราเริ่มลงมือทานอาหารกันและเริ่มพูดคุยกันในหัวข้อนักโทษทางความคิด(*) ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้แม่ของผมและโอลิเวอร์มีความคิดเห็นที่ตรงกัน และนอกจากนั้นพวกท่านทั้งสองยังมีชื่อที่เหมือนกันแน่นอนพวกท่านเอาแต่พูดว่า
“คุณเยี่ยมจริงๆมาริลิน” ไม่ก็ “วันนี้คุณดูดีมากมาริลิน” แล้วพวกท่านก็เอาแต่หัวเราะ ผมว่าแม่ของโอลิเวอร์ตลกดีเหมือนกันนะ แล้วท่านก็ดูเป็นคนถ่อมตัวมากๆ นั่นแหละที่ทำให้แม่ของผมชอบท่านมากๆ ส่วนพ่อของผมและโอลิเวอร์ก็เข้ากันดีทีเดียว ผมสังเกตได้จากพวกท่านนัดกันอีกครั้งเพื่อจะไปดูการแข่งขันของทีมนิค
“ไง” แบรตเดินเข้ามาทักทายทุกคน ฉิบหายแล้วไงล่ะ! หมอนี่จะทำมันพังแน่ๆ ผมกำลังจะลุกจากเก้าอี้เพื่อลากแบรตออกไปคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว แต่ถูกโอลิเวอร์ดึงมือไว้ เขากระซิบบอกผมว่า ‘แบรตไม่ได้ทำอะไรเราหรอก’ อันที่จริงผมก็อยากเชื่อโอลิเวอร์อยู่หรอกนะ แต่วีรกรรมที่ผ่านมาของแบรตมันไม่น่าไว้วางใจเอาซะเลยนี่สิ
“สวัสดีครับคุณสเนซและคุณนายสเนซ” เขาจับมือกับพ่อแม่ของโอลิเวอร์และนั่งข้างๆพวกเขา
“เรียนฉันว่ามาริลินก็ได้จ้ะ แบรต” แม่ของโอลิเวอร์ยิ้มให้หมอนี่อย่างอบอุ่น
“อ้อแล้วสก๊อต สามีของฉันเองจ้ะ” พ่อของโอลิเวอร์หันไปยิ้มให้แบรต เขายิ้มตอบอย่างนอบน้อม ผมให้คะแนนเขาเต็มหากตอนนี้เขากำลังแคสติ้งบทหนังเกรดบีสักเรื่อง แน่ล่ะแบรตได้แค่พวกหนังเกรดบีเพราะยังไงซะรอยยิ้มเขาน่ะดูไม่จริงใจเอาซะเลย
“เยี่ยมครับ ไหนดูสิว่าพวกคุณคิดยังไงที่พวกเขา...ใช่ผมหมายถึงลูกของพวกคุณกับน้องชายของผมกำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน” แบรตทำตัวน่ารังเกียจโดยเริ่มบทสนทนาที่เราทั้งโต๊ะเงียบกริบ
“มันน่ารักมากจ้ะแบรต พวกเขารักกัน...ใช่ฉันคิดว่างั้นนะ มันคงจะดีใช่ไหมละที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักน่ะ” มาริลิน(แม่ของโอลิเวอร์) หันมาทางผมและโอลิเวอร์ เราทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกัน....ผมรักคุณจัง มาริลิน
“ทานกันต่อดีกว่านะ เอาล่ะแบรตลูกควรจะทานอาหารได้แล้วนะ” แม่พูด ที่จริงแล้วเรียกว่าเป็นคำสั่งเสียมากกว่า เพราะหลังจากที่แม่ของผมพูดทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารตรงหน้า
“พวกนายจะไปแอลเอกันเมื่อไหร่” แบรตหันมาถามผมและโอลิเวอร์ เราหันหน้าเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ
“เช้าตรู่” โอลิเวอร์เลือกที่จะเป็นคนตอบ
“เยี่ยม เนทจะตามไปทีหลัง” แบรตยังกวนไม่เลิก
“แบรต ฉันจะไปกับโอลิเวอร์ อีกอย่างไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องตามไปทีหลัง”
“มีสิ นายมีแน่ๆ” เขายักไหล่แล้วลงมือกรอกไวน์เข้าปาก
“นายต้องการให้เขารู้จักกับหลานของเขางั้นเหรอแบรต” โอลิเวอร์ตอกกลับ แต่เขาว่าไงนะ หลานงั้นเหรอ
“คุณว่าไงนะโอลิเวอร์ หลานงั้นเหรอ” ดูเหมือนผมจะช้าไปนิดหน่อยเพราะแม่ของผมตัดหน้าผมถามไปก่อนเสียแล้ว
“อ้อ ใช่ครับ เขากำลังจะมาครับ คนขับรถของผมกำลังไปรับเขาที่โรงเรียนครับ” โอลิเวอร์ทำหน้าแบบ’คุณไม่รู้เหรอมาริลิน คุณมีหลานนะ’
“แกคิดจะเดินหมากกับฉันใช่ไหมโอลิเวอร์” แบรตกัดฟันพูด แต่โอลิเวอร์ยิ้ม...ยิ้มแบบหมาป่าที่เขามักจะทำเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่า
“ไม่ ไม่ใช่เลยแบรต นายกำลังเล่นหมากฮอส ส่วนฉันน่ะเล่นหมากรุก”
“หึหึ ระวังตัวไว้เถอะโอลิเวอร์ สเนซ” คราวนี้ทั้งโต๊ะหันมามองแบรตด้วยสายตาต่างๆกัน พ่อแม่ของโอลิเวอร์มองเขาอย่างแปลกใจ ส่วนพ่อแม่ของเรามองเขาอย่างโกรธเคือง ผมว่าแม่คงอยากดึงเขาออกจากโต๊ะแล้วคุยเรื่อง’หลาน’แต่แม่เป็นคนฉลาดในการรักษามารยาททางสังคม แม่ถูกสอนมาจากยายว่าให้วางตัวเป็นราชินี เพราะฉะนั้นเธอจึงแสร้งตีหน้าว่าเรื่อง’หลาน’เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก
เราเริ่มทานกันอย่างเงียบๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บรรยากาศดูอึมครึมยิ่งกว่า แล้วซักพักบรรยากาศอึมครึมก็เปลี่ยนเป็นสิ่งที่บรรยายไม่ถูกเมื่อเด็กชายอายุราวๆห้าขวบ ผมสีบลอนด์อ่อน ตาสีน้ำตาลกำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารอย่างเขิลอาย เขาเดินไปข้างๆแบรต แบรตยิ้มแล้วลูบหัวเด็กชายคนนั้น อย่างอบอุ่น เขาถอดเป้แล้วโค้ตสีน้ำตาลออกแล้วส่งให้แม่บ้านรับไปเก็บ คุณจะเห็นท่าทีอ่อนโยนแบบนี้ของแบรตไม่ได้ง่ายๆหรอก เพราะงั้นผมเลยกดไม่ได้จริงๆที่จะยกมือถือขึ้นมาเก็บรูปของเขาเอาไว้อย่างเงียบๆ แต่นั่นอาจจะไม่เงียบพอเพราะโอลิเวอร์ส่งสายตาดุๆมาให้ สายตาเขาตอนนี้บอกเพียงแค่ว่า ‘เก็บมือถือนั่นซะเนท ถ้าไม่อยากให้เรื่องวุ่นมากกว่านี้’
“นี่ลูกชายผมเอง บีเจ นี่คุณปู่คุณย่าของลูก นี่อาของลูก ส่วนนี่เมริลินและสก็อตเป็นพ่อแม่ของโอลิเวอร์” บีเจยิ้มให้ทุกคนในโต๊ะ ดวงตาเขาดูสดใสและเขิลอายในเวลาเดียวกัน ใบหน้าและรอยยิ้มเขายิ่งดูสดใส นั่นทำเราราชินีประจำบ้านอดไม่ได้ที่จะต้องลุกจากที่นั่งแล้วเดินมาหาเขา
“ไงจ้ะ” แม่ยิ้มให้บีเจแล้วก้มลงฝังจมูกตรงแก้มของเขา
“สวัสดีครับมาริลิน” บีเจพูดด้วยเสียงที่ยังติดสำเนียงอังกฤษ
“หลังจากเราทานมื้อนี้ ดูเหมือนลูกจะต้องเล่าเรื่องบีเจ และแน่นอนแม่ของบีเจให้แม่ฟังด้วยละ” แม่หันไปบอกแบรตตามสไตล์ราชินีอีกครั้ง
“เอาล่ะ จัดจานให้ฉันสิ ฉันจะนั่งใกล้ๆหลานของฉัน” ผมยกมือไฟว์กับโอลิเวอร์ให้กับผลงานสุดเยี่ยมที่เขาเซอร์ไพรส์แบรตจนทำให้เรื่องของเราถูกพูดถึงน้อยลง เพราะตอนนี้เราทุกคนต่างก็สนใจในตัวหลานตัวน้อยๆ เว้นก็แต่แบรตที่ทำหน้าเจื่อนๆเมื่อถูกสายตาราชินีมาริลินสะกดเข้าให้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
Prisoners of Conscience – บุคคลที่ถูกควบคุมตัวโดนสาเหตุทางการเมือง ศาสนา ความเชื่อ หรือเพราะเชื้อชาติ เผ่าพนธุ์ เพศ สีผิว ภาษา สังคมหรือสัญชาติ หรือสถานะอื่นๆ เป็นบุคคลที่ไม่เคยใช้หรือสนับสนุนวิธีการรุนแรงแต่อย่างใด
บีเจหรือ แบรต จูเนียร์ แมคเทอเนอร์ อิมเมจจากอดีตหนูน้อยโทมัส แซงค์เตอร์ ที่ตอนนี้หล่อเหลาไปแล้ว

ปล. เราว่าหน้าน้องตอนโตแอบคล้ายเวนท์เวิดอยู่นะ

ปล.เขียนเรื่องใหม่ไว้คะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.0ปฐมบทแบดบอย สำนวนแบบเดิมๆถ้าใครชอบสำนวนแบบนี้ลองติดตามเรื่องใหม่ดูนะคะ^^