“คุณว่าเราควรจะเริ่มยังไงดีโอลิเวอร์” ผมถามเขาก่อนจะส่งเบอร์เกอร์คำสุดท้ายและไดเอทโค้กอึกใหญ่เข้าปาก
“คุณหมายถึง?” เขาเลิกคิ้วสูง จนผมอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไร เนท” เขายังคงเลิกคิ้วเหมือนเดิม มันยิ่งทำให้ผมหยุดไว้ไม่ได้...หน้าเขาตลกจริงๆ แต่ก็ต้องรีบหุบปากเมื่อสังเกตว่าโต๊ะข้างๆมองมาที่โต๊ะเราแทบทุกโต๊ะ
“หน้าคุณน่ะสิ มันตลกจริงๆ”
“หน้าผมเนี่ยนะ...เอาล่ะ เมื่อกี้ว่าเราควรจะเริ่ม เริ่มอะไรครับ” เขาเอื้อมมือมาซับซอสมะเขือเทศที่เลอะตรงจมูกของผมด้วยกระดาษเช็ดปากของร้าน
บิ้กบอย...ให้ตายสิ ตอนนี้เราหวานแบบคนธรรมดากันแล้ว...ไม่มีร้านมิลลิงตัน ไม่มีผ้าเช็ดหน้าแอร์เมส เราทำได้
“มันแค่ดูตลกตอนคุณเลิกคิ้วขึ้น แบบว่า..เอิ่ม ช่างมันเถอะ” ผมหยิบเฟรนฟรายส่งเข้าปากอีกชิ้นสองชิ้นและดูดนิ้วที่มีรอยเกลือติดอยู่ โอลิเวอร์เหลือบตามองผมแล้วส่งทิชชูให้ผม ผมรับมันไว้—นั่นสำหรับเช็ดรอยน้ำลายของผมที่เลอะตรงนิ้วไม่ใช่เกลือเม็ดเล็กๆที่ติดตามนิ้วของผม
“ผมแค่คิดว่ามันควรจะเริ่มจากคำขอโทษของคุณหรือคำขอโทษจากแบรต...เพื่อสันติภาพ”โอลิเวอร์หันไปเรียกพนักงานเสิร์ฟสาวพร้อมกับสั่งไลมน์ชีสเค้กสองชิ้นสำหรับผมและเขา
“ผมลองแล้ว ยุติเพื่อการเริ่มต้นใหม่ของผมและคุณ”
“มันได้ผลไหม”
“ตอนนี้คุณคิดว่ามันได้ผลไหมล่ะ” พนักงานเสิร์ฟไลมน์ชีสเค้กให้เขาและผม ก่อนจะเดินออกไปจัดการกองซอสโต๊ะข้างๆต่อ
“ไม่เอาน่า คุณน่าจะลองอีกครั้ง...คุณควรยกหน้าหกให้ใครก็ตามที่อยากลงมันจริงๆบ้าง” เขาหัวเราะกับมุกงี่เง่าของผม
“ช่วยเตือนผมด้วยว่าคุณคือแมคเทอร์เนอร์ทายาทของมาดามพอร์คกี้”
“ไม่ ไม่ นั่นน่ะสำหรับแบรต มาดามพอร์คกี้คนต่อไป” เราหัวเราะกันแทบน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงหน้าแบรตบนใบปลิวของมาดามพอร์คกี้แทนที่จะเป็นหน้าหกบนนิวยอร์คไทม์ โวค ฟอจูน หรือแม้กระทั่งพีเพิลแม็กกาซีน
“เขากำลังจะเปิดมาดามพอร์คกี้อีกหกสาขาในบาเซลโลน่าและในคาปรี แบรตกำลังจัดการเรื่องนี้”
“งั้นถ้าเราโชคดี เราคงได้กินมาดามพอร์คกี้ในบาเซลโลน่า”
“หมายความว่าไงครับ โอลิเวอร์”
“มีมติออกมาเมื่อวานว่าเราจะไปทำงานกันที่บาเซลโลน่า ถ้าคุณยังไม่ลืมคุณคือทันตแพทย์ที่เราเลือกมาเป็นพรีเซนต์เตอร์” ให้ตายสิ เขากำลังล้อเลียนโฆษณายาสีฟันทั้งหลายใช่ไหมเนี่ย ไม่ยักรู้เลยว่าโอลิเวอร์ตลกกับเขาได้ด้วย
“ว้าว บาเซลโลน่า ผมไม่เคยไปยุโรปจริงๆซักครั้ง นั่นไม่รวมทัศยศึกษาที่ฝรั่งเศสตอนมัธยมน่ะนะ”
“ครั้งนี้สำหรับงาน แบบนี้เรียกว่าการไปยุโรปจริงๆหรือเปล่าครับ” โอวพระเจ้า โอลิเวอร์กินไลมน์ชีสเค้กแล้วกลายเป็นตัวตลกไปแล้วงั้นเหรอ
“ไม่เอาน่า งั้นหลังจากงานคุณก็ทำให้ผมไปยุโรปจริงๆสิ”
“นั่นแหละ ที่ผมจะพูดหลังจากนี้ เราจะไปโรมกันต่อหรือท่องบาเซโลน่าแบบจริงๆ คุณคิดว่าไง”
“ผมรักโรม และผมก็อาจจะรักบาเซโลน่า มันเลือกยากนะ” ผมเผลอกัดส้อมจนโอลิเวอร์ดึงมันออกมาจากปากของผม
“ผมพาคุณไปสองที่ได้นะ ผมมีเวลามากพอสำหรับทริปของเรา” เขาจ้องผมด้วยสายตาหวานซึ้งจนผมแทบละลายติดไปกับเก้าอี้
“เยี่ยม โอลิเวอร์ นั่นน่ะเยี่ยมสุดๆ”
“เนท ผมมีอะไรจะบอกคุณครับ” ประโยคนี้มักจะเริ่มต้นก่อนที่เขาจะขอบอกเลิกหรืออะไรก็ตามที่ให้เราห่างกันซักพัก แต่เรากำลังจะไปฮันนีมูน หรือจะเรียกให้ถูกมันก็คือทริปเล็กๆของเราที่สเปนและอิตาลีนี่นา...โอวพระเจ้าหรือเขาจะขอผมแต่งงานใช่ไหมเนี่ย แม้ว่าเราทั้งคู่จะเป็นผู้ชายทั้งคู่เนี่ยนะ...เม็กซิโก! ใช่เราแต่งงานกันที่เม็กซิโกได้...โอยผมเพ้ออะไรกันเนี่ย
“ผมซื้อบ้านหลังนึงที่ลอสแองเจลิส มันสวยมากเลยครับ มันถูกแต่งสไตล์มินิมัลลิสต์ชิค(*) อ้อคุณสามารถเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้(**)ได้ด้วยเพราะบ้านที่ผมซื้อไว้มันมีบริเวณราวๆสามหรือสี่เอเคอร์” เขาดูเลิ่กลั่ก และพูดจนลิ้นพันกันผิดกับโอลิเวอร์ที่ผมรู้จัก โอลิเวอร์ที่ดูนิ่งๆจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ตอนนี้เขากลายเป็นโอลิเวอร์ที่ดูร้อนรนเหมือนเด็กผู้ชายตัวน้อยๆกำลังพรรณนาถึงของเล่นชิ้นใหม่ให้ใครก็ตามฟัง
“ผมแค่บังเอิญ...จะเรียกให้ถูกคือผมตั้งใจ ใช่! ผมตั้งใจ...เอิ่มสืบประวัติของคุณตั้งแต่มัธยม นั่นทำให้ผมรู้ว่าคุณชอบบ้านที่แต่งสไตล์มินิมัลลิสต์ชิค คุณชอบไซบีเรียนฮัสกี้ ชอบช็อคโกแลตเอ็มแอนด์เอ็มโดยเฉพาะเม็ดที่ถูกเคลือบด้วยสีเหลือง แม้ว่ามันจะมีรสชาติเหมือนกัน คุณชอบดูหนังที่ชอบซ้ำๆกัน คุณยังชอบว่ายน้ำและซักผ้าทุกวันเสาร์ตอนสองทุ่มแล้ว..”
“พอแล้วโอลิเวอร์!! มันทำให้ผมรู้สึกแย่นิดๆที่คุณแอบตามผม” ผมกอดอกจ้องหน้าเขานิ่ง
“ผมขอโทษ แต่ผมทำไปโดยไม่รู้ตัว เอ่อ ผมแค่...”
“ผมรอฟังคุณอยู่”
“คุณจะย้ายไปอยู่กับผมไหมครับ...ผมซื้อบ้านหลังนั้นในชื่อของเรา”
“เรา?”
“ใช่เนท ผมและคุณ ผมอยากให้คุณรู้ ผมจริงจังกับคุณจริงๆครับ” เขาจ้องหน้าผมนิ่ง มันทำให้ผมลำบากใจนิดๆ
“ผมขอโทษโอลิเวอร์ มันเอ่อ เร็วไปนิด แต่วันนึงที่ผมพร้อม ผมจะย้ายไปอยู่กับคุณนะครับ” ผมเอื้อมไปบีบมือเขาทั้งสองข้างและยิ้มให้กับเขา เขาดูช้อคนิดๆที่ผมปฏิเสธเขาไปแต่เมื่อเขาปรับอารมณ์ได้เขาก็หันมาบีบมือผมตอบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอคุณ”
“มันไม่นานเกินรอแน่ ผมต้องหางานใหม่ จัดการพี่ชายตัวดี แล้วยังต้องหาไซบีเรียนฮัสกี้สีเทาตาสีฟ้าอีก คงไม่เกินสองเดือนหลังจากทริปยุโรปของเรา ผมคงจัดการมันได้” เขายิ้มกว้างให้ผม วางเงินบนโต๊ะหนึ่งร้อยแล้วลากผมกลับทันที...อันที่จริงผมก็ไม่ได้กลับห้องทันทีหรอก xoxo Nathan McTurner
------------------------------------------------
Minimalist chic-การตกแต่งแบบเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นคะ
Sibirskiy Haski - สายพัมธุ์สุนัขชนิดหนึ่ง
ไม่รู้ลืมกันรึยัง ไม่ได้กล่าวถึงหลายตอนว่าหมอเนทเป็นนักดนตรีด้วย
ปล.อิมเมทนี้อาจจะไม่ถูกใจหลายๆท่าน เอาตามที่จิ้นละกันคะ
แต่เนทเป็นพวกธรรมดามากๆคะ

ผิดกับพี่แบรต(หลายท่านเคยดู prison break ซีรี่ย์เรื่องโปรดเราเลยคะ)

เหมือนลำเอียงไงไม่รู้

แวะมาแก้คำผิด ขอบคุณมากคะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ด้วยคะ
