บทที่ 50 : Rapunzel~*
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสามี ภรรยาชาวไร่คู่หนึ่ง ปลูกผักเลี้ยงชีพอยู่อย่างพอมีพอกิน ทุกๆวัน สามีจะเก็บผักที่ตนปลูกไว้ไปขายในตลาด เพื่อนำเงินมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน
ฝ่ายภรรยา ก้อจะมีหน้าที่ทำกับข้าว เก็บกวาด และดูแลบ้าน เพื่อรอสามีกลับมาจากการไปขายของ...
" กลับมาแล้วเหรอคะที่รัก ? " เสียงวีวี่พูดขึ้น ขณะที่เธอกำลังถือตะกร้าใส่ผลไม้ ยืนรอ อยู่หน้าบ้าน
" ใช่จ้ะ!! วันนี้ผมเอาผักไปขายที่ตลาด ได้เงินกลับมาพอที่จะใช้จ่ายได้ทั้งเดือนเลยนะ " เซฟพูดขึ้นพลางทำท่าปาดเหงื่อไปมา
วี่วี่ยิ้ม แล้วเดินเข้าไปจับแขนเซฟไว้ " ที่รักคะ..วันนี้ฉันไปหาหมอในเมืองมา หมอบอกว่า สาเหตุที่ฉันป่วยน่ะ เพราะว่า..ฉันท้องแล้วค่ะ!! " เค้าพูด
เซฟมองวี่ แล้วทำท่าดีใจ " จริงเหรอจ๊ะ!! นี่ผม..ได้เป็นพ่อคนแล้วใช่มั้ย ?.. ไชโย!! " เซฟร้องขึ้น
สามีดีใจอย่างมาก คอยประคับประคอง และเอาอกเอาใจภรรยาเป็นอย่างดี แต่ที่น่าแปลกก้อคือ..ห้าเดือนต่อมา ภรรยาก้อเริ่มรู้สึกไม่อยากทานอาหาร ไม่ว่าจะอะไรก้อแล้วแต่ ที่สามีพยายามสรรหามาให้ เพื่อหวังว่า จะบำรุงลูกในครรภ์ ภรรยาก้อไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ หรืออยากทานอะไรเลย จนสามีเริ่มท้อ และเป็นห่วงภรรยา รวมถึงลูกในครรภ์ด้วย..
ฝ่ายภรรยาเองนั้น ก้อได้แต่นั่งมองแปลงหัวผักกาดของบ้านข้างๆที่อยู่ใกล้กัน บ้านนั้น..ไม่ใช่บ้านของคนทั่วไป แต่เป็นบ้านของมาดามมิมม์ ผู้เป็นแม่มดเฒ่า ซึ่งไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไป หรือเข้าใกล้ก้อตาม…
" ที่รักจ๊ะ!! ทำไม..คุณถึงไม่ยอมทานอะไรเลยล่ะ ? " เสียงเซฟถามวี่อย่างอ่อนใจ
" ไม่ค่ะ!! ฉันไม่รู้สึกหิว ไม่..ไม่เลย เว้นแต่.. " วีวี่เงียบไป
" เว้นแต่..เว้นแต่อะไรจ๊ะ ? คุณต้องการอะไร เดี๋ยวผมจะหามาให้!! " เซฟถาม
" สิ่งที่ฉันต้องการ..คือหัวผักกาดนั่นค่ะ " วีวี่พูดขึ้นพลางชี้ไปที่แปลงหัวผักกาดของบ้านข้างๆ...
" โธ่!! แค่หัวผักกาด..ที่ไร่เราก้อปลูกไว้เยอะ เดี๋ยวผมไปเก็บมาให้ " เซฟพูด แล้วกำลังเดินออกจากบ้าน
" ไม่ค่ะ!!! ฉันไม่ต้องการหัวผักกาดของไร่เรา แต่ที่ฉันต้องการคือ หัวผักกาดของบ้านนั้นต่างหาก คุณไปเอามาให้ฉันได้มั้ยคะ ? " วี่พูด แล้วจับแขนเซฟไว้ ( อีนี่แลเยอะ!! )
เซฟมองวี่อย่างกังวลใจ แล้วค่อยๆมองออกไปนอกหน้าต่าง " แต่..แต่นั่น..เป็นบ้านของมาดามมิมม์นะจ๊ะ ผม..ผมไม่กล้าเข้าไปหรอก!! " เซฟพูดอย่างกลัวๆ
" หรือคุณอยากให้ลูกของเราเป็นอะไรไปเหรอคะ ?!!.. " วี่ตะโกน " ..นะคะ..เพื่อลูกของเรา " วี่พูดอย่างอ้อนวอนพลางกุมมือเซฟไว้แน่น
เซฟมองวี่อย่างสงสาร " ได้..ได้จ้ะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปขโมยมาให้!! " เซฟบอก แล้วตบไหล่วีวี่เบาๆ
และแล้ว..ในคืนนั้น สามีก้อได้แอบเข้าไปขโมยหัวผักกาดในบ้านของมาดามมิมม์ เค้ารีบเก็บหัวผักกาดนั้นอย่างรวดเร็ว และรีบออกมาจากที่นั่น แล้วนำมาประกอบอาหาร เพื่อให้ภรรยาทาน ซึ่งภรรยาก้อติดใจ และชื่นชอบในรสชาติของหัวผักกาดนั้น
เธอจึงได้ขอร้องให้สามี เข้าไปขโมยหัวผักกาดนั้นมาอีก..
ฝ่ายสามีก้อต้องยอมจำใจ ด้วยความเป็นห่วงลูก และภรรยา เค้าจึงได้แอบเข้าไปขโมยหัวผักกาดในนั้นอีก แต่ทว่า ครั้งนี้...
" หยุดนะเจ้าหัวขโมย!!! " ชาช่าทำเสียงแหลมใส่ ทำให้เซฟหยุดชะงัก และคุกเข่าลง
" เจ้าบังอาจเข้ามาขโมยหัวผักกาดของข้างั้นเหรอ ? หน็อยแน่!! ไม่รู้จักฤทธิ์ข้าซะแล้ว..อย่างนี้ต้องเจอดี " ช่าพูด แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา เพื่อจะสาป..
" โอ้!!! ได้โปรดเถิดมาดามมิมม์ ได้โปรดเห็นแก่ภรรยาของข้าสักครั้งเถอะ..ภรรยาของข้าท้องแก่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว นางอยากทานหัวผักกาดของท่านมาก..ได้โปรดเถอะ!!! " เซฟอ้อนวอน
" ท้องงั้นเหรอ ? " ช่าพูดเบาๆ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มไปในทันที
" งั้นก้อได้!!! ข้าจะให้หัวผักกาดแก่เจ้า เจ้าสามารถเก็บหัวผักกาดได้ตามใจต้องการ..แต่!!! หากลูกของเจ้าที่เกิดมาเป็นผู้หญิง เจ้าจะต้องนำมาให้ข้า หากเป็นผู้ชาย ข้าจะปล่อยไป.. " ช่าบอก แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยน์
ด้วยความกลัว เซฟจึงยอมตอบตกลงแก่ชาช่า
เมื่อครบกำหนดคลอด ทันทีที่ภรรยาคลอดลูกออกมา ปรากฎว่า เป็นลูกสาว ทันใดนั้นมาดามมิมม์ก้อปรากฎตัวขึ้นทันที
นางนำเด็กทารกเพศหญิง หน้าตาน่ารักน่าชังนั้นไปเลี้ยง ( ด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ ) ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของสามี และภรรยาผู้นั้น...
วันเวลาผ่านไป..จากเด็กทารกหน้าตาน่ารัก น่าชัง ก้อเติบโตขึ้นกลายเป็นสาวสะพรั่ง อายุได้ราว สิบแปดปี เธอมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือ ผมสีทองของเธอ ที่ยาวมาก ยาวเกินเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั่วไป มาดามมิมม์นำเธอไปขังไว้อยู่บนหอคอยกลางป่า ซึ่งไร้ทางออก มีเพียงแต่หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดของหอคอยเท่านั้น หญิงสาวแรกรุ่นที่อาศัยอยู่ในนั้น มีนามว่า ราพันเซล ( ฉากนี้ ฉายสไลด์ )...
" ฉากต่อไป พร้อมหรือยัง ? " ปอตะโกนถามนักแสดงอยู่หลังเวที
" พร้อมแล้ว!! " พวกเค้าตะโกน
" โอเค!! แอ๊คชั่น!! " ปอร้อง
ห่างออกจากป่าลึกไป มุ่งหน้าเข้าสู่ในเมือง วันนี้พระราชา และพระราชินี ได้มีพระประสงค์ที่จะจัดพิธีเลือกคู่แก่เจ้าชาย ซึ่งมีพระชนมายุครบ สิบแปดชันษา
ภายในงาน มีแขกเหรื่อจากต่างเมืองเข้าร่วมมากมาย เมืองไหนที่มีพระธิดา ก้อได้นำพระธิดามางานนี้ด้วย เพื่อหวังจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของเจ้าชาย และนำไปสู่การอภิเษกสมรส
" เจ้าชายเสด็จแล้ว!!! " เสียงนักแสดงที่แสดงเป็นทหารตะโกนขึ้นมาจากหลังห้องแสดงละคร ทำให้ผู้ชมต่างหันไปมอง ( นักแสดงประกอบ และทีมงานบางคนเป็น สมาชิกชมรมดนตรีคับ )
คิกเดินมาตามทางเดินที่ปูพรมแดง ตามที่ได้ซักซ้อมไว้ ผู้ชมต่างปรบมือกันเกรียวกราว เวลาที่เค้าสวมชุดที่แสดงนั้น เค้าเหมือนเจ้าชายมากๆเลย ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎสีทองอร่าม ตลอดจนชุด และผ้าคลุม เรียกได้ว่า ดูดีไร้ที่ติจริงๆ..
เค้าเดินมาถึงหน้าเวที ซึ่งมีเก้าอี้วางเตรียมไว้ เค้านั่งลงไป แล้ววางมาด
" เริส!! ผู้ชมมองคิกเป็นตาเดียวเลย " ปอพูดขึ้น แล้วยื่นหน้ากลับเข้ามายังหลังเวที
" เฟรช!! เธอเตรียมตัวออกได้แล้ว " ปอหันมาพูดกับเฟรชต่อ ซึ่งตอนนี้เค้าอยู่ในชุดกิโมโนสีฟ้าอ่อน และวิกผมสีดำยาวสลวย ภายใต้หน้าที่ขาวราวหิมะ
" ฉันพร้อมเสมอน่ะ!! " เฟรชพูดด้วยท่าทางหยิ่งๆ " แล้วอั๋น กับมิกล่ะ ? " เฟรชถาม แล้วหยิบพัดขึ้นมาไว้กับตัวพลางหันไปมา
" เธอไม่ต้องสนใจใครหรอก ถึงคิวเธอแล้ว...ไปได้แล้ว!! " ปอบอก
เฟรชกระฟัดกระเฟียดนิดๆ แล้วเดินออกมายืนรออยู่ข้างๆเวที
" ตึง!!!...ตึง!!!...ตึง!!!..ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ต... " เสียงกลองค่อยๆเริ่มรัวเป็นจังหวะ ทำให้ผู้ชมหยุดสนใจคิกไปชั่วขณะ แล้วหันมามองบนเวที
เฟรชค่อยๆกรีดกรายเดินออกมา แล้วกางพัดออก สายตาผู้ชมทุกคนต่างจดจ้องมาที่เค้า ทันทีที่เสียงขลุ่ย และพิณบีวะดังขึ้น เค้าก้อเริ่มร่ายรำ เฟรชสะกดผู้ชมไว้อย่างจังงัง เค้าร่ายรำได้อย่างสวยงาม และมีชีวิตชีวา ราวกับเป็นภาพจิตรกรรมที่เคลื่อน ไหวได้อย่างอ่อนช้อย และนุ่มนวล แม้แต่คิกเอง ยังจ้องเค้าอย่างตาไม่กระพริบ..
" ตึง ตึง ตึง ต.. " เสียงกลองค่อยๆรัวดังขึ้นในตอนท้าย เฟรชสะบัดพัด แล้วหมุนรอบตัวเองไปมา แล้วล้มลงตามเสียงจังหวะที่กลองหยุด
เค้าค่อยๆลุก แล้วนั่งคุกเข่า หลังจากนั้นจึงยื่นมืออกไปทางผู้ชม แล้วค่อยๆวาดมือออกไป หลังจากนั้นก้อค่อยๆลุกขึ้น แล้วเดินกลับหลังเข้าฉากไป ตามด้วยเสียงปรบมือของผู้ชมปิดท้าย
เฟรชแสดงได้เยี่ยมมาก เค้าสะกดผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด แม้แต่ผมเองยังต้องทึ่งกับการแสดงของเค้า ผมจะทำได้อย่างเค้ามั้ยนะ
" เจ้าหญิงแขก!! " ปอยื่นหน้าเข้ามาพูดในห้องที่ผม กับอั๋นนั่งอยู่.. ใช่!! ฉากของเจ้าหญิงแขกแล้ว ได้เวลาที่ต้องไปแสดงแล้วล่ะสิ
" ติ๊ง...ติ๊ง..ติ๊ง " เสียงสายจินตวาณีดังขึ้นเกริ่นนำก่อนเข้าสู่เพลง หลังจากนั้นก้อค่อยๆเป็นทำนองอย่างช้าๆ ผมหลับตา แล้วนึกถึงภาพเจ้าหญิงแขกที่มีผ้าปิดอยู่ที่ใบหน้า แล้วเผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่งามทั้งสองข้าง
“ ♪ Re Dola…Re Dola!!!… ♫ ” ผู้ชมต่างมองที่เวที แล้วพบว่า เจ้าหญิงแขกเดินออกมา แล้วโพสท่าหันหลังให้ผู้ชมอยู่ตรงกลางเวที รอเสียงจังหวะฉาบ
" ผ่าง!!! " ทันทีที่เสียงฉาบดังขึ้น การร่ายรำก้อเกิดขึ้นตามทันที เสียงเครื่องดนตรีค่อยๆดังขึ้นทีละชิ้น ทั้งปี่แขก และบัณเฑาะว์ เสียงกลองก้อเริ่มดังขึ้นตามจังหวะ และทำนองเพลง ตลอดจนเสียงร้องของนักร้องเพลงนั้น
เมื่อเพลงเร็วขึ้น การร่ายรำก้อยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ผู้ชมต่างเงียบไปชั่วขณะ และมองดูอย่างเพลิดเพลิน บางคนทำท่าส่ายหัวไปมาตามเสียงเพลง ส่วนบางคน หากเป็นไปได้ เค้าก้อคงจะลุกขึ้นมาเต้นด้วยเป็นแน่..
พอเข้าถึงช่วงกลางเพลง ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหญิงต้องชวนเจ้าชายขึ้นมาเต้นด้วย ต่างก้อรู้หน้าที่ของตนเอง คิกรีบลุกขึ้นทันทีที่ได้ยื่นมือมาจับ
เมื่อลุกขึ้นมา คิกเค้าก้อทำท่างงๆเพื่อให้สมบทบาท ซึ่งบทบาทของเจ้าหญิงเอง ก้อมีหน้าที่ยั่ว และยั่วเจ้าชาย เพื่อให้เจ้าชายหลงใหล เจ้าชายทำทีเอื้อมมือมาเพื่อจะสัมผัส และจะเปิดผ้าคลุมหน้าออก ( อย่านะเว้ย..เดี๋ยวเค้าก้อรู้กันหมดหรอกว่า ใครเล่น!! )
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิด เพลงก้อค่อยๆ เริ่มเบาลง..เบาลง ตัวเจ้าหญิงเองก้อค่อยๆเต้นหลบมาข้างหลัง ทำให้เจ้าชายไม่สามารถเปิดผ้านั้นออกได้ จนกระทั่งจบเพลงไป เจ้าชายก้อยังไม่ได้เปิดผ้าคลุมหน้า ( เฮ่อ..!! )..
ในงานเลือกคู่นี้ ไม่มีหญิงงามคนใดที่จะเป็นที่พึงพอพระทัยเจ้าชายได้ รวมทั้งตัวพระองค์เองนั้น ก้อยังไม่พร้อมที่จะอภิเษกสมรส พระองค์จึงตัดสินใจเสด็จประพาสป่าเพื่อเที่ยวเล่น ตามพระทัยพระองค์
เจ้าชายเสด็จเข้าไปในป่าลึก พร้อมม้าคู่ใจ ตามความเกษมสำราญ จนกระทั่งพระองค์ได้ยินเสียงคนร้องเพลงดังมาจากทางป่าอีกด้านหนึ่ง ( นักร้องจากชมรมดนตรีช่วยกันร้องประสานเสียงเพลง ก้อนหินละเมอ )
“♪ มองไปไกล..ที่ดวงดาวสุดขอบฟ้าไกล
อยากจะไป..ไปให้ถึงครึ่งทางแสงเธอ
ดวงดาราเหมือนไม่มีวันจะพบเจอ
อยากให้เธอ..ส่องแสงลงมาผืนดิน... ♫ ”
พระองค์ดั้นด้นตามหาเสียงนั้นโดยเสด็จเข้าไปในป่าเพียงลำพัง โดยพระองค์ผูกม้าไว้กับต้นไม้ยังป่าด้านนอก
พระองค์เสด็จพระราชดำเนินตามหาที่มาของเสียงนั้น จนลึก...ลึกเข้าไป จนกระทั่งพบกับ หอคอยสูงตระหง่านไร้ซึ่งทางเข้าออก ตั้งอยู่ลำพังกลางป่าลึก..
“ ♪…อยากให้ความทรงจำที่เธอให้ไว้
ช่วยทอแสงประกายทุกวัน
เพราะเพียงความอบอุ่นจากเธอไม่นาน
จะต่อเติมความสำคัญ...ฉันได้ ♫ ”
" เสียงใครนะ ? ช่างไพเราะจับใจข้านัก!! " คิกพึมพำ...