เสื้อกาวน์เก่าๆ..... กับเราสองคน ตอนที่ 64 การ์ดใบนั้น (เพราะเราคู่กัน)
16:48 24/6/2010วันนี้เป็นวันอาทิตย์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ผมตื่นมาในตอนสายๆ ของวันในขณะที่ติ๊บกำลังเตรียมอาหารมื้อเช้าให้ผม ผมเดินงัวเงียขึ้นมาจัดการอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเสร็จก็เดินโทงๆออกมาจากห้องน้ำ โดยมีเจ้าตัวเล็กส่ายหัวด้วยความเคยชิน ก็ผมไม่ชอบแต่งตัวในห้องน้ำนี่นามันแฉะ จึงชอบมาแต่งตัวหน้าตู้กระจกมากกว่า ก่อนที่ผมจะแต่ง ตัวเรียบร้อยในชุดสบายๆของวันพักผ่อน แต่ก็สลัดความหล่อไม่หลุด 5555 (Hackz ไมไม่ใช้ผ้าขนหนูหว่า)
ขนมปังปิ้งเหลืองนวลน่ากิน สลัดผลไม้น่า อร่อย และกาแฟหอมกรุ่นสำหรับเช้าวันใหม่ถูกจัดวาง ไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงระเบียงห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าตัวเล็กก็มีโอวัลตินหนึ่งแก้วอุ่นๆในมือเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“วันนี้หยุดเหรอ“ ผม เอ่ยถามติ๊บที่กำลังเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มโปรดและโอวัลตินอุ่นๆ
“คับ วันนี้ว่างพอดีหมอเขาไปต่างประเทศ ส่วน พี่จ๊ะโอ๋ก็ไปกรุงเทพ เลยปิดคลินิกสี่ห้าวัน“
“แล้วไม่ต้องไปรับน้องเลยเหรอวันนี้”
“ไม่ต้องครับเขาแบ่งหน้าที่กันแล้ว ให้เพื่อนที่อยู่ ฝ่ายสันทนาการจัดการกันเอง”
“แล้วติ๊บไม่มีหน้าที่อะไรเหรอ“
“ก็รอคัดเลือกน้องที่จะมาเป็นหลีด แล้วก็รอสอนน้องอีกทีเท่านั้นเอง แต่ติ๊บคงไม่ลงไป สอนอ่ะแค่ช่วยเพื่อนๆดูก็พอแล้ว” ติ๊บบอกผมเพราะที่นี่เขาจะคัดเลือกดูตัวน้องที่จะมาเป็นหลีดเดอร์ ในการนำเชียร์ตั้งแต่น้องเข้ามาใหม่ๆ
เพราะที่นี่ ใช้หลีดเดอร์ปีหนึ่งล้วนๆ ไม่เหมือนที่ธรรมศาสตร์ แฮะ ปีไหนอยากเป็นก็มาสมัคร แต่ที่นี่เอาแต่เฉพาะปีหนึ่งและรุ่นพี่คัดเลือกเองไม่ต้องสมัคร และที่ต้องเลือกกันแต่เนิ่นๆเพราะหลังจากเปิดเทอมใหม่ไม่กี่สัปดาห์ ที่ นี่ก็จะมีการแข่งขันกีฬาประจำมหาวิทยาลัยทุกคณะจะมาแข่งกีฬา และแข่งขันการนำเชียร์ของแต่ละคณะที่ปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ดูเจ้าตัวเล็กไปยืนเชิดอยู่นั่นไง
“แล้วทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้าจัง“ ผมถามก่อนยกกาแฟแสนอร่อยขึ้นจิบ
“ไม่ได้ตื่นเช้าแต่ตัวเองตื่นสายเองต่างหาก“ ติ๊บตอบกลับแบบกัดๆผมซะงั้น
“พี่เลยไม่ได้ช่วยติ๊บซักผ้า กวาดห้องถู ห้องเลยแฮะ“ ผม บอกอายๆ
“ฟังดูดีนะ พูดเหมือนพี่ไม้เคยทำเลย“ ติ๊บกัดผมอีกแล้ว
เออ จริงแฮะ ตั้ง แต่ติ๊บมาอยู่กับผมผมก็ไม่มีโอกาสได้ซักผ้าหรือทำความสะอาดห้องเลยมีอย่าง มากก็แค่เอาผ้าไปส่งร้านซักรีดข้างล่างในวันที่ติ๊บติดงานไม่สามารถปฏิบัติ หน้าที่ได้เท่านั้น
“แล้ววันนี้พี่ไม้ต้องไปไหนหรือเปล่าคับ”
“ไม่ได้ไปไหนก็อยู่ห้องไง พักผ่อน ติ๊บจะไปไหนเหรอ”
“ก็นี่จะเปิดเทอมใหม่แล้ว ติ๊บอยากได้เสื้อผ้าใหม่ซักชุดสองชุด แล้วก็ติ๊บอยากไปดูอุปกรณ์การเรียนในเมืองด้วยอะ พี่ไม้พาติ๊บไปหน่อยนะ“ เจ้า ตัวออดอ้อนพลางเดินมากอดรอบคอจากทางด้านหลังของผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“คร้าบบบ เดี๋ยวพาไปคร้าบบ ไปอาบน้ำแต่งตัวซะสิ“ ผม สั่งก่อนเจ้าตัวเล็กจะจุ๊บแก้มผมหนึ่งทีก่อนหายแว๊บเข้าไปในห้องน้ำ เขินน่ะเนี่ยยยยยย (Hackz คนอ่านก็เขิน)
ภายในเวลาไม่กี่นาทีติ๊บก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ในชุดเสื้อขาวผ้าบางๆ สบายๆ ผมยังคิดไม่ออกเลยถ้าติ๊บแต่งตัวแบบพวกเกาหลง เกาหลีสมัยนี้ คงน่ารักไปอีกแบบแฮะ แต่ใสๆแบบนี้ก็ดีแล้วละ ตามหึงตามหวงไม่ หวาดไม่ไหวแล้ว
สายๆ ของวันหยุดผมกับติ๊บขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าสู่ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในพิษณุโลก ( ก็แหงละ มันมีที่เดียวนี่หว่า ) และหลังจากที่เราเดินเข้ามาในตัวห้างรับแอร์เย็นฉ่ำเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาติ๊บมุ่งหน้าตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าตามอย่างที่ ติ๊บต้องการ เพราะนี่ก็เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ แล้วซินะที่ผมเห็นติ๊บใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงตัวหลวมๆตามระเบียบของทางมหาวิทยาลัยทุกอย่าง
ลองคิดภาพดูนะคับ กางเกงแบบกางเกงพิธีการที่มีจีบตรงด้านหน้าเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ มันคงจะดูดีนะถ้ามันไม่ได้อยู่บนร่างผอมๆตัวเล็กของติ๊บ จะซื้อไซส์เผื่อโตไปทำไมกันนี่ ผมแอบขำอยู่ในใจ
เสื้อนิสิตสีขาวแบบพอดีตัวที่ผมเลือกให้ติ๊บ หลังจากเจ้าตัวเล็กคัดค้านอย่างหนัก
“พี่ว่าติ๊บใส่เสื้อพอดีตัวนี่แหละน่ารักดี เดี๋ยว นี้ใครๆเขาก็ใส่แบบนี้”
“แต่มันเขินๆนะพี่ไม้”
“เขินอะไรละ เดี๋ยวใส่ๆไปก็ชินเองแหละน่า”
“แต่ติ๊บชอบตัวใหญ่ๆมากกว่า เพราะเวลาติ๊บไป ซื้อเสื้อกับป้าตอนเรียนมัธยม ป้าก็จะบอกว่าเลือก ตัวใหญ่ๆไว้หน่อย เผื่อโตขึ้นจะได้พอดีตัวเพราะติ๊บ ต้องใส่เสื้อตัวนี้ไปอีกหลายปี เพราะเราไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆได้บ่อยๆ จะซื้อทีก็ตอนที่ขายใบยาสูบได้ซึ่งพอดีกับช่วงเปิดเทอมใหม่แบบนี้เท่านั้น“ เจ้าตัวบอกผมพร้อมกับเหม่อลอยคงจะคิดถึง ป้าน่าดู
“เอาน่ะ ติ๊บยังคิดว่าตัวเองจะโตกว่านี้ อีกเหรอ“ ผบพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยให้ติ๊บอารมณ์ดี
“พี่ว่าติ๊บคงไม่โตกว่านี้แล้วละ“ ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวติ๊บเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันมาค้อนเคืองๆ
“ถ้าติ๊บใส่ไปแล้วมันคับพี่ไม้ต้องมาซื้อตัวใหม่ให้ติ๊บด้วยนะ”
“ค้าบ แบบนี้แหละน่ารักพี่รับรอง”
ผมตกลงเลือกชุดเสื้อกางเกงนิสิต ไซส์พอดีตัวให้เจ้าตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อย รองเท้าคู่ใหม่ที่ดูทันสมัยกะเขาหน่อยเพราะผมจำได้ว่ารองเท้าที่ติ๊บใส่หรือ แม้กระทั่งเสื้อผ้า ดูมันถูกระเบียบของมหาวิทยาลัย แบบงานพิธีการไปเลยทีเดียว ขึ้นปีสองแล้วแฟชั่นนิดนึงก็ได้มั้งไม่ได้ผิดระเบียบอะไรนี่นา ป๋าจ่ายเอง ( ทุกทีงะ )
และหลังจากที่เราได้เสื้อผ้ารองเท้าสำหรับการเปิดเทอมใหม่ของเจ้า ตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินดูของจนทั่วและได้เสื้อผ้ากลับไปคนละชุดสองชุด จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังร้านขายอุปกรณ์สำนักงานและอุปกรณ์ การเรียน
“ติ๊บจะซื้ออุปกรณ์การเรียนอะไรเยอะแยะที่ห้องเราก็มีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ“ ผมถามเมื่อเห็นติ๊บซื้อพวกสมุด ปากกา ดินสอ กล่องใส่เอกสาร และอุปกรณ์การ เรียนหลายอย่าง
“อ้อ ก็ของพวกนี้ติ๊บก็จะเอาไปรับขวัญน้องไง พี่ไม้ไม่รู้อ่ะดิว่าที่นี่เค้าจะมีการจับสายรหัสไง พอเปิดเทอมพี่รหัสก็จะต้องดูแลน้องรหัสไปตลอด เป็นพี่เป็นน้องกันไปตลอดนั่นไง เหมือนปีที่แล้ว ที่พี่ เขาเอาของมาให้ติ๊บไง มาส่งข้าวส่งน้ำแล้วก็ซื้อของ มารับขวัญตอนวันประกาศสายรหัสไงคับ“
“โอเค เข้าใจแล้ว“ ผมตอบติ๊บก่อนหิ้วของพะรุงพะรังตามหลัง เจ้าตัวเล็กออกไป
“ที่ติ๊บเลือกซื้อของพวกนี้ให้น้องเพราะติ๊บคิดว่ามันเป็นการรับขวัญน้องที่ ดีนะ น้องได้ใช้ประโยชน์ ลดค่าใช้จ่ายให้น้องได้ด้วย ดีกว่าติ๊บไปซื้อพวกตุ๊กตาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ตั้งเยอะ เอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไปให้น้องก็ไม่เห็นน้องจะได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย แค่ดีใจวันแรกแล้วก็ใช้งานอะไรไม่ได้” (Hackz โอ้ววว!!! สุดยอดครับพี่ตรู)
“คร้าบบบ เข้าใจแล้วคับ“ ผมรับคำก่อนก้มหน้าก้มตาหิวของตามหลังติ๊บไปต้อยๆ
ติ๊บเดินมาหยุดที่ร้านขายนาฬิกา เครื่องคิดเลข ก่อนเลือกซื้อเครื้องคิดเลขตัวใหม่ที่สามารถใช้คำนวณอะไรที่ซับซ้อนกว่าเครื่อง คิดเลขธรรมดาทั่วไป เพราะติ๊บจะเรียนพวกแคลคูลัส แสตทส์ ก็เลยจำเป็นต้องซื้อเครื่องคิดเลขฟูลออพชั่น ก่อนบอก ให้ผมเอาของไปเก็บที่รถก่อนก็ได้เพราะของเยอะมาก ผมจึงปล่อยติ๊บเลือกเครื่องคิดเลขตามลำพัง
หลังจากที่ผมเดินกลับมาเพื่อจ่ายค่าเครื่องคิดเลขให้เจ้าตัวเล็ก ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวเล็กไม่ได้อยู่ที่ร้านแล้ว หายไป ไหนละนี่ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาติ๊บในทันที
“รออยู่ที่สเวนเซ่นส์เรียบร้อยแล้วคร้าบบบ“ เสียงเจ้าตัวลากยาวมาตามสายและทำเอาผม หัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินสถานที่นัดหมาย ถ้าเกิดติ๊บหายตัวไปที่แรกที่ผมจะตามหา คือที่นี่แหละ เจอทุกทีแหละ
ผมเดินลงมายังชั้นล่างทางด้านหน้าของศูนย์การค้า ร้านไอศกรีมที่เจ้าตัวเล็กชื่นชอบเหลือเกิน
“พี่ไม้ทางนี้“ เจ้าตัวเล็กยกมือและเรียกผมมาจากมุมเกือบในสุดของร้าน
“พอดีติ๊บไม่มีที่รอพี่ไม้เลยมานั่งรอในสเวนเซ่น“ เจ้าตัวบอกถึงเหตุผลในการมานั่งรอที่นี่
“ฟังดูขึ้นมากเลยติ๊บไม่มีที่รอ หรืออด ใจไม่ไหวกันแน่“ ผมแซวๆก่อนรับเมนูมาพลิกดูโปรโมชั่นของเดือนและยังไม่ทันที่ผมจะได้สั่งอะไรไป เจ้าตัวเล็กก็ยื่นกล่องผ้าไหมสีน้ำเงินมาให้
“อะไรเหรอ“ ผมถามติ๊บด้วยสีหน้างุนงง
“เปิดดูดิ” ติ๊บบอกก่อนหันหน้ามาจ้องมองผมแบบจริงจัง
พอผมเปิดดูก็พบนาฬิกาข้อมือแบบเรียบๆ ดูโก้หรูไม่หยอกแบบที่ผมชอบ รู้ใจผมจริงๆ
“ขอบคุณคับ พี่ชอบมากเลย“ ผมใส่นาฬิกานั้นก่อนเก๊กท่าให้ติ๊บดู
“อ่ะหล่อแล้วๆ“ ติ๊บบอกผมก่อนยิ้มไม่หุบเมื่อรู้ว่าผมชื่นชอบของที่ติ๊บซื้อให้เอาเสียมากๆ
“ว่าแต่เนื่องในโอกาสอะไรอะ ถูกหวยมาเหรอ” ผมถามติ๊บในขณะที่จ้องมองหน้าใสที่กำลังยิ้มไม่หุบอยู่ในตอนนี้…
และได้รับคำตอบมาเป็นการ์ดน่ารักๆ รูปหมีตัวใหญ่ จากติ๊บยื่นส่งมาให้ซึ่งผมยังเก็บมันไว้จนถึงทุกวันนี้ ขออนุญาติคัดลอกข้อความจากการ์ดใบนั้นเลยนะ
‘พี่ไม้
ขอบคุณ สำหรับการดูแลติ๊บมาตลอดหนึ่งปีเต็มๆ อย่างดีที่สุด
ขอบคุณ สำหรับการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ ดีในทุกๆเรื่อง
ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่เป็นพลขับส่งติ๊บไปยังทุกเป้า หมาย
ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่นำเที่ยว ที่ทำให้ติ๊บพบโลกในมุมมองใหม่ๆที่สวยงามเสมอ
ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่เป็นผู้ ชิม และผู้ช่วยในการทำอาหารของติ๊บมาตลอดหนึ่งปี
ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่เป็น บุรุษพยาบาล และทันตแพทย์ที่ดีมาตลอด
ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่พี่ชาย ที่แสนดีที่คอยปกป้องดูแลติ๊บมาเสมอ
ขอบคุณ สำหรับการเป็นแรงใจที่ยิ่ง ใหญ่ให้ติ๊บเข้มอแข็งมาได้ตลอด
ขอบคุณและขอบคุณที่ทำให้ติ๊บพบว่าบนความโชคร้ายของชีวิต ยังมีบางมุมทีงดงามรออยู่เสมอ เพราะพี่ไม้ทำให้ติ๊บเห็นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตติ๊บ พี่ไม้จะอยู่ข้างๆติ๊บเสมอ
กะติ๊บ’
ผมยิ้มกว้างก่อนปิดการ์ดใบนั้นและสอดใส่เก็บในซองเหมือนเดิม หนึ่งปีแล้วซิน่ะที่ผมได้เจอกับติ๊บ แต่ผมลืมไปซะสนิทเลย ว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าเป็นช่วงของการรับน้องใหม่แบบนี้แหละที่คราวก่อนเจ้าวิทย์เพื่อนตัวดีมาปลุกกลางดึกให้ไปรับ เจ้าตัวเล็กนี่ที่ขนส่งในตัวจังหวัด
จากวันนั้นถึงวันนี้หนึ่งปีเต็มๆ ที่หนึ่งคนก้าวเข้ามาในชีวิตและเติมเต็มอีกหนึ่งชีวิตของผมให้เต็ม
คู่กัน
เดิน ผ่าน มองคนไม่รู้จัก วนเวียนและเป็นอยู่
ดูไปก็ รู้สึก อย่างเคย เหมือนเคย
ลองมองผ่าน ความทรงจำที่มีอยู่ คงมีเพียงฉันคนหนึ่ง
คน เดียวที่รู้จัก อย่างเดิม เหมือนเดิม
วัน เดือนปีเคยเป็นแค่เพียงสายลมผ่าน
(แต่)ใครคนนึง ทำเวลาฉันให้รู้สึกมีความหมาย
คนๆหนึ่งได้ เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างไป
คนที่ทำให้ยิ้มได้ ไม่ว่าเราจะเศร้าเพียงไหน
เธอคนหนึ่ง ทำให้รักฉันเปลี่ยนไป
ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะคู่กัน
ในวันหนึ่งแค่มองเธอ นั้นเดินผ่าน เพียงคนไม่รู้จัก
ทำวันที่เป็น อยู่เปลี่ยนไป จากเดิม
วันเดือนปีเคยเป็น แค่เพียงสายลมผ่าน
(แต่)ใครคนนึงทำเวลาฉันให้ รู้สึกมีความหมาย
คนๆหนึ่งได้เปลี่ยนแปลง ทุกๆอย่างไป
คนที่ทำให้ยิ้มได้ ไม่ว่าเราจะเศร้าเพียงไหน
เธอคนหนึ่ง ทำให้รักฉันเปลี่ยนไป
ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะคู่กัน
ขอบคุณเหมือนกันนะติ๊บที่เข้ามาเติมชีวิตพี่ให้เต็ม ขอบคุณจริงๆ ผมบอกเจ้าตัวเล็ก ที่นั่งยิ้มเขินๆ อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้พร้อมเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสนั้นเบาๆ ก่อนขยี้หัวติ๊บเบาๆหนึ่งที
หลังจากไอศกรีมแสนอร่อยผ่านไป เราสองคนก็ เดินออกจากศูนย์การค้ากันในช่วงบ่ายพร้อมของพะรุงพะรังอีกหลายรายการ
ว่าแต่เอ……ครบรอบ หนึ่งปีที่รู้จักกันแล้วผมจะเอาไรให้ติ๊บดีหว่า
ไอ้ความรักก็มีให้ทุกวันอยู่แล้ว ( ถึงจะยังไม่เคยบอกเลยก็เหอะน่า ) ขอที่เป็นชิ้นเป็น อันหน่อยแล้วกัน ขนาดเจ้าตัวเล็กยังทำงานเก็บเงิน ซื้อนาฬิการาคาหลายตังค์ให้ผมเลย แสดงว่าเจ้าตัวเล็กคงให้ความสำคัญกับวันนี้อยู่พอสมควร
ระหว่างขับรถกลับห้องผมก็พยายามคิดอยู่ในใจว่าเจ้าตัวเล็กยังขาดเหลือหรืออยากได้อะไร อีกหรือเปล่า เพราะผมก็จัดหาให้หมดเรียบร้อยแล้วนี่นา เอาไรดี นึกไม่ ออก
ตุ๊กตา โอยตัวเบ้อเร่อจากหมอจ๊ะโอ๋ยังถูกเหวี่ยงไปไว้บนหลังตู้ เลย
ชอคโกแลต เจ้าตัวชอบก็จริงแต่กินหมดแล้ว ก็เก็บไว้ให้คิดถึงไม่ได้
ดอกไม้ หวานไปมั้ยอ่า เชย ตายยย
สร้อยคอ ก็มีแขวนคอ เอ้ย ก็มีใส่แสดงความเป็นเจ้าของไปแล้วนี่หว่า
เงินสด อยากได้อะไรก็ไป หาซื้อเองเลยละกัน แต่มันจะไม่ประทับใจอ่าดิ…
…> TBC
Writer: dr.mike
Verified: Hackz
ปล. เพราะเรา “คู่กัน” และมีกันตลอดไป