หมอติ๊บนี่จะเรียกว่าช้างเผือกจากป่า เพชรในตม ก็น่าจะได้
เพราะที่บ้านยากจน พ่อแม่ก็ไม่ดูแล ป้ากับย่าก็ไม่ได้มีความรู้สูงอะไร ที่เรียนก็ไกล
ขนาดเราอยู่ในเมือง มีพร้อมทุกอย่าง ได้เรียนพิเศษ ยังขี้เกียจเรียน คิดแล้วละอาย
ถ้าเราเติบโตในสภาพนั้นคงไม่ขยัน สู้ ขวนขวายจนได้ดีอย่างหมอติ๊บ นับถือจริงๆ
อ่านช่วงแรกๆ หมอติ๊บดูเป็นเด็กเรียน หนอนหนังสือ กับเป็นแม่บ้านแม่เรือน อ่อนหวาน นึกว่าจะหงิม
ที่ไหนได้ พอหมอปุ้มมาร้ายก็ร้ายตอบน่าดูชม เรียกได้ว่ารักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาดจริงๆ
แถมพอหมอปุ้มรถล้มก็มีความเป็นผู้นำ จัดการทุกสิ่งอย่างคล่องแคล่วฉับไว ตบมือให้เลย
และทั้งที่ชีวิตขาดกว่าเด็กอื่น แต่กลับเป็นคนคิดบวก จิตใจก็ดี กตัญญูมากๆด้วย
เป็นคนฮาๆ มุกเยอะได้อีก ชอบกินไอติมจนอยากเรียกว่าหมอไอติม อิอิ
คูปองของสเวนเซ่นนี่ สงสัยหมอติ๊บใช้คุ้มใช่ไหมคะ ^^
กับครอบครัวสามี ก็ทำตัวเป็นยอดลูกสะใภ้ ดูแลสุขภาพคุณพ่อ ช่วยงานคุณแม่ทั้งในครัวและที่คลินิค เป็นพี่ที่ดีให้น้องม่อน
สรุปแล้วเป็นคนที่ถ้าได้อยู่ใกล้ ไม่ว่าใครก็ต้องอดรักไม่ได้แน่ๆ
.
.
.
ส่วนหมอไม้ ตลกดีค่ะ กลัวอาจารย์ใหญ่ กลัวเลือด กลัวเมีย
ต้องยอมเป็นหมูทดลอง โดนหมอติ๊บซ้อมมวยปล้ำ ทำงานหาเงินได้เท่าไหร่ก็โดนยึด หุๆ^^
ตอนแรกขัดใจ ไม่บอกรักซะที
แถมเวลามีคนมาจีบหมอติ๊บก็ได้แต่หึง โมโหใส่หมอติ๊บ
แต่ไม่ยอมพูดให้คนที่มาจีบรู้ซะทีว่าตัวเองนี่แหละแฟนหมอติ๊บ ห้ามจีบ
แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าแรกๆยังทำใจไม่ได้ เพราะช่วงหลังมานี่จูงมือกัน
แสดงความเป็นเจ้าของแบบออกนอกหน้า ไม่มีเหนียมแล้ว
ชอบหมอไม้ตรงที่เป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ ช่วยออกทุนให้หมอติ๊บตั้งแต่ยังไม่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ
แล้วก็ไม่รังเกียจคนบ้านนอกจนๆด้วย
กับย่าและป้าของหมอติ๊บ ก็อ่อนน้อม ทำตัวเป็นลูกหลาน ติดดินไม่หยิ่ง อันนี้น่ารักมาก
แล้วพอเป็นแฟนกัน ก็ดูแลดี ไปรับไปส่งตลอดหลายปี จ่ายให้ในหลายๆสิ่งโดยไม่หวง
ชอบมากๆอีกเรื่อง คือหมอไม้อุ้มๆแบกๆหมอติ๊บบ่อย ให้ความรู้สึกว่ารักมาก ทะนุถนอมอย่างดี
คุณพ่อคุณแม่หมอไม้ น้องม่อน ก็เป็นครอบครัวที่น่ารัก เข้าใจ อบอุ่น ไม่รังเกียจคนจนเหมือนกัน
อ่านแล้วพลอยปลื้มใจสุขใจไปด้วยจริงๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ให้ทั้งความสนุกเพลิดเพลิน ให้ทั้งแง่คิดด้านความรักและการดำเนินชีวิต
ขอให้คุณหมอทั้งสองรักกันมั่นคงอย่างนี้ตลอดไป และมีความสุขมากๆตลอดไปนะคะ
บวกหนึ่ง^^