ตอนที่ 48
กลายเป็นว่าวันนี้เรามาบ้านต้อมกันก็เกือบบ่ายแล้ว เพราะผมไม่ไหวจริงๆถ้าเป็นแบบนี้อีกสองวันผมคงโทรมตายแน่ๆ มาถึงบ้านต้อมพ่อกับแม่มันก็ชวนให้ค้างด้วยคืนนี้ ต้อมมันจะไม่ยอมแต่ผมรีบตอบตกลงทันที เพราะว่าอยู่บ้านมันมันคงไม่กล้าทำอะไรผมแน่ๆ
ตอนเย็นผมเข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ต้อมก็นั่งคุยกับพ่อมันไปถึงเรื่องเรียน จนผมกับแม่มันทำกับข้าวเสร็จ ที่โต๊ะกินข้าวเรื่องที่คุยส่วนมากเป็นเรื่องความเป็นอยู่ที่นั่นมากกว่า หลังกินข้าวเสร็จผมกับต้อมก็อาสาเก็บล้างจานเอง พ่อกับแม่ก็ขึ้นไปข้างบน
ต้อมเข้ามากอดผมจากข้างหลังขณะที่ยืนล้างจานอยู่
“ไม่เอาน่า มันไม่ถนัด พี่จะรีบทำให้เสร็จ” ผมหันไปบอก แต่มันก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม ต้อมกับกอดผมแน่นเข้าไปอีก
“มันอึดอัดนะ เดี๋ยวก็ขาดใจตายก่อนหรอก แล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่ลงมาเห็นจะทำไง”
“ก็ไม่ต้องทำไงนี่ครับ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นไรกัน” ต้อมยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ตามใจ แต่พี่จะรีบทำงานให้เสร็จนะ อยากอาบน้ำแล้ว มาช่วยกันเลยจะได้เสร็จไวไว”
“งั้นวันนี้อาบน้ำให้ผมด้วยนะ” ดูมันอ้อนนะครับ ที่บ้านมันยังไม่เว้น
“ถ้าไม่ช่วยก็อาบใครอาบมันแล้วกัน” ที่นี้มันรีบมาช่วยผมล้างจานเลยครับ
พอล้างจานเสร็จมันก็ชวนผมขึ้นห้องมันทันที ผมเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันเหมือนเดิม แต่ผมต้องอาบน้ำให้มันนี่สิครับ ทำตัวอ้อนเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยมันนะ
“อาบน้ำให้อย่างเดียวนะ วันนี้พี่ไม่มีอะไรกับเราทั้งนั้น เข้าใจไหม” ผมกำชับเรื่องนี้เพราะผมอยากพักผ่อนจริงๆ
“คร้าบก็ได้คร้าบ แต่พี่นัทต้องกอดผมนะคืนนี้” ต้อมยิ้ม
หลังจากผมอาบน้ำกับต้อมเสร็จ เราก็นั่งดูหนังกันสักพักโดยที่ต้อมนอนหนุนตักผม พอตอนนอนต้อมก็จูบผมแล้วก็ทวงสัญญาทันที
“วันนี้พี่นัทต้องกอดผมนะ อย่าลืมละ”
“อืม รู้แล้วนอนได้แล้ว” แล้วผมก็ดึงมันมากอดไว้ จนหลับไปทั้งคู่
เราอยู่ที่บ้านต้อมจนบ่ายค่อยลากลับมาที่บ้านผม กลับมาถึงบ้านผมก็เตรียมเอกสารต่างๆเพื่อไปทำงานวันจันทร์ ต้อมเข้ามากอดเอวผมที่นั่งอยู่บนที่นอน
“พี่นัท ลาจนกว่าผมจะกลับไม่ได้หรอครับ” ต้อมอ้อนอีกแล้ว
“จะบ้าหรือไง แล้วใครเขาจะทำงานแทนพี่ละ เราก็ไปหาพี่ที่ทำงานก็ได้นี่”
“แต่ผมอยากอยู่กับพี่นัทสองคนนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนอีก
“ไม่ได้หรอก พี่ต้องรับผิดชอบงานของพี่” ผมบอก
“ไม่ได้จริงหรอคร้าบ”
“อืม ก็ใช่นะสิ” ผมก้มไปมองหน้ามันมันทำหน้าเศร้าๆ ผมเลยดึงหน้ามันขึ้นจูบเพื่อปลอบใจ
“พี่ต้องทำงานจริงๆ ยังไงตอนเย็นเราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่”
ต้อมยิ้มเล็กน้อย แต่สีหน้าก็ยังไม่ค่อยพอใจอยู่ดี ผมหันกลับมาเตรียมเอกสารต่อ ต้อมก็เปลี่ยนมานอนหนุนตักผมแทน
ใจจริงผมก็อยากที่จะอยู่กับต้อมจนต้องกลับไปเหมือนกันแหละครับ แต่ทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเอามือลูบผมต้อมเบาไปด้วยนั่งดูเอกสารไปด้วย ผมคงเตรียมเอกสารนานไปหน่อย ต้อมหลับอยู่บนตักผมต้อนที่ผมเก็บเอกสารเสร็จแล้ว
“ต้อม ต้อม ตื่นไปอาบน้ำนอนได้แล้ว” ผมปลุกต้อมให้ไปอาบน้ำ ต้อมตื่นมาทำหน้างัวเงียเหมือนเด็กๆ ก่อนที่จะกอดผม
“อืม มากอดพี่ทำไม พี่บอกให้ไปอาบน้ำไง” ผมจับหน้าที่ยังไม่ยอมตื่นของต้อมขึ้นมาจากที่ซุกอยู่บนไหล่ผม
“งั้นพี่นัทอาบน้ำให้หน่อยนะครับ ผมง่วงอาบเองไม่ไหวแล้ว” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้วครับ ทั้งๆที่ตายังหลับอยู่
“ไม่เอา ไปอาบเองเลย” ผมผลักต้อมให้ลุกขึ้น แต่ต้อมกลับไม่ยอม เขากลับล้มตัวลงนอนลงบนที่นอน
“ไปอาบน้ำห้ามนอนนะ” ผมพยายามดึงต้อมให้ลุกขึ้น แต่ต้อมกลับไม่ยอมดึงผมจงล้มลงไปบนตัวของเขา แล้วก็กอดผมไว้
“ไม่เอาถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมก็ไม่ยอมอาบเด็ดขาด” ต้อมพูดข้างๆหูผม
“อาบเองก็ได้นี่ พี่ต้องทำอย่างอื่นอีกนะ” ผมบอกเพราะผมจะต้องเตรียมของเพื่อไปทำงานอีก
“ไม่เอา งั้นผมก็ไม่อาบ พี่นัทต้องอาบให้ผมนะครับ นะครับ” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้ว ต้อมไม่ยอมปล่อยตัวผมอีกด้วย
“อืมก็ได้แต่ต้องรอพี่ก่อนนะถ้างั้น ปล่อยพี่ก่อน” ผมบอกให้ต้อมปล่อยตัว ก่อนที่ผมจะไปเตรียมของอย่างอื่นเพื่อทำงานวันพรุ่งนี้
ต้อมนอนมองผมเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันพรุ่งนี้ ผมเก็บของเสร็จผมก็เดินมาหาต้อมที่นอนมองอยู่บนที่นอน
“เอาทีนี้ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมยื่นมือไปให้ต้อม ก่อนที่จะดึงต้อมให้ลุกขึ้นมาแล้วพาไปอาบน้ำ
...............................
วันเวลาที่อยู่ด้วยกันมันช่างผ่านไปรวดเร็ว เหมือนสายลมที่พัดผ่านทำให้คลายความร้อน ทำให้รู้สึกเย็นสบายบายอยู่ได้เพียงพักเดียว แล้วก็กลับมาร้อนอีกเหมือนเดิม
ตอนนี้ความรู้สึกผมก็ไม่ต่างกัน เพราะพรุ่งนี้ต้อมก็ต้องกลับไปเรียนต่ออีกแล้ว ถึงว่านี่จะเป็นการที่ต้องห่างกันครั้งที่สองก็ตาม แต่ยังไงผมก็ไม่ชินกับความรู้สึกนี้สักที
วันเวลาเพียงแค่สองอาทิตย์ที่เราอยู่ด้วยกัน เราต่างพยายามที่จะทำให้ทุกวัยมีความสุขมากที่สุด เราอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้อีกหนึ่งปีที่เหลือที่เราต้องจากกันอีกครั้ง
แต่ถึงยังไงเราก็ไม่อาจที่จะหยุดเวลาลงไปได้ คืนนี้ผมทำกับข้าวให้ต้อมกิน โดยกับข้าวที่ทำก็เป็นที่ต้อมชอบทั้งนั้น หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็มานั่งที่โซฟา
“พี่นัทเป็นไรหรือเปล่าครับ วันนี้ดูท่าทางไม่สดชื่นเลย” ต้อมเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับจับมือผมไว้
“อืม พี่ไม่เป็นไรหรอก คงเหนื่อยกับงานมั้ง” จริงๆผมก็แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ต้อมไปก็แค่นั้นเอง แต่ผมไม่อยากพูดให้ต้อมไม่สบายใจ
“พี่ขอนอนตักหน่อยนะ” ผมบอกพร้อมกับล้มตัวลงไปนอนหนุนตักของต้อม ต้อมก็เอามือมาวางที่หน้าอกผม ผมเอามือกุมมือต้อมไว้
ต้อมก้มลงมามองหน้าผม ผมหันหน้าไปมองหน้าต้อมที่ก้มหน้ามองผมอยู่ ต้อมยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมเริ่มที่จะเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมพลิกตัวกลับเอาหน้าซุกไว้กับตักอุ่นๆของต้อม ผมคงไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้อีกนานเมื่อถึงวันพรุ่งนี้ ผมกุมมือต้อมแน่นขึ้น มือนุ่นๆอุ่นๆแบบนี้ผมก็จะไม่ได้สัมผัสมันอีกในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างที่เป็นความอบอุ่นของหัวใจผมมันกำลังจะจากไปแล้วอีกแล้วเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง แต่ผมต้องเข้มแข็งไว้ใช่ไหม ถ้าผมไม่อยากทำให้คนที่ผมรักต้องทุกข์ใจ ผมต้องพยายามอีกใช่ไหมครั้งนี้ แต่..
ฮึก ฮึก ฮึก
ผมไม่สามารถที่จะแกล้งเข้มแข็งได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผมจำความรู้สึกในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาได้อย่างดี แล้วมันก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ผมไม่อยากเป็นคนเข็มแข็งอีกแล้ว ผมไม่อยากที่จะทนเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้อีกแล้ว ผมกุมมือต้อมไว้จนแน่นเพราะผมกลัวว่าต้อมจะหายไปตอนนี้ น้ำตามันไหลพรั่งพรูออกมาไม่ยอมหยุด
ต้อมเอามืออีกข้างมาลูบหัวผมเบาๆ
“พี่นัทคนเก่งของผมหายไปไหนน้า เมื่อคราวที่แล้วยังไปส่งผมได้อยู่เลย” ต้อมพูดโดยที่ยังลูบหัวปลอบผมอยู่
ฮึก ฮึก ฮึก
ผมกลับยิ่งร้องไห้ออกมามากยิ่งขึ้น ต้อมจับตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่ง ต้อมนั่งมองหน้าผมที่ยังคงร้องไห้อยู่ น้ำตาผมไหลลงอาบทั้งสองแก้มอย่างไม่ขาดสาย
ต้อมใช้นิ้วมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมทั้งสองข้าง ก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
“ไม่เอานะครับ หยุดร้องนะพี่นัทนะ พี่นัทของผมเก่งจะตายไป ผมไปอีกแค่ปีเดียวเองนะ ถ้าพี่นัทเป็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากกลับไปแล้ว” ต้อมกอดผมแน่นมาก
“ไม่ อะ เอา นะ ฮึก ฮึก เราต้อง กะ กลับ ไป เรียนต่อให้ ฮึก จบนะ” ผมสะอื้นไปพูดไป ผมไม่อยากให้ต้อมมาเสียเรื่องเรียนเพราะผม
ต้อมจับผมให้กลับมานั่งมองหน้ามันอีกครั้ง
“ถ้างั้นก็หยุดร้องไห้ก่อนสิครับ” ต้อมบอกด้วยเสียงที่เจือความห่วงใย ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง
ผมพยายามอยู่นานกว่าที่จะหยุดร้องไห้ลงได้ พอผมหยุดร้องไห้ต้อมก็ยื่นหน้ามาจูบลงที่หน้าผากผม
“เห็นไหมผมบอกแล้วว่าพี่นัทของผมเก่งที่สุด แบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย” ต้อมยิ้มให้ผมแบบสบายใจมากขึ้น
“พรุ่งนี้ผมจะไปแล้ว อย่างน้อยวันนี้เราต้องมีความสุขสิครับ ผมจะได้เก็บไปเป็นพลังในการเรียน ผมจะได้จบเร็วๆไง ยิ้มนะครับ อย่างน้อยก็แค่วันนี้ก็ยังดี” ถึงหน้าต้อมจะดูยิ้มสดชื่น แต่น้ำเสียงเจือไปด้วยความเศร้าเสียใจไม่ต่างจากผม
ต้อมยังทำได้แล้วผมจะทำให้ต้อมไม่สบายใจได้ยังไง ผมยิ้มให้ต้อมบางทีนี้ต้อมก็ยิ้มกลับมา มันก็จริงอย่างน้อยวันนี้เราก็ไม่น่าจะมาเศร้ากันอีกแล้ว เพราะมันทำให้เราทรมานมากขึ้นไปอีก
“แต่พรุ่งนี้พี่ไม่ไปส่งเรานะ” ผมบอกเพราะผมไม่อยากไปจริงๆ ผมไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็นอีกแล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ห่วงพี่ แต่ตอนนี้ขอผมนอนตักหน่อยนะ ขอนอนตักคนขี้แงหน่อย” ต้อมบอกก่อนที่จะล้มตัวลงมานอนที่ตักผม
หลังจากนั้นเราก็ทำทุกอย่างที่เราสองคนมีความสุขร่วมกัน คืนนี้ผมผมไม่ได้นอนทั้งคืนผมกับต้อมนั่งคุยกันถึงเรื่องต่างกันทั้งคืน เราทั้งสองไม่อยากที่จะหลับเราอยากที่จะอยู่ด้วยกันให้จนถึงที่สุด เรานั่งคุยกันจนเกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน
“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทัน” ผมบอกต้อมเมื่อหันไปดูนาฬิการู้ว่าสายมากแล้ว
“พี่นัทอาบให้หน่อยนะนะนะ” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้วครับ
“ไม่เอาไปอาบเองเลย เร็วๆด้วยเดี๋ยวไม่ทัน” ผมบอกพร้อมกับไปดึงต้อมให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ต้อมกลับดึงผมเข้าไปกอดไว้ “ไม่เอา ถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมไม่ยอมอาบเด็ดขาด” ต้อมเริ่มงอแง
“ไม่เอาเร็วๆเลยไปอาบน้ำ อย่ามางอแงแล้วก็ปล่อยพี่ด้วย” ผมบอกแล้วดันตัวออกจากตัวต้อม แต่มันกลับกอดผมแน่นขึ้นไปอีก
“ไม่เอา ถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าผมตกเครื่องก็เพราะพี่นัทนะแหละถ้างั้น” ดูมันขู่ผมสิครับ ไม่ยอมอาบน้ำเองจนตกเครื่องแล้วจะมาโทษผมซะงั้น
ตกลงผมก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวให้มันจนได้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวให้ต้อมเสร็จผมก็ถึงเวลาที่ต้อมต้องไปสนามบินจริงๆแล้ว ผมเดินลงไปส่งต้อมที่หน้าประตูบ้าน
“พี่ส่งแค่นี้นะ” ผมบอกต้อมหลังจากที่ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“ครับ พี่นัทรอผมอีกปีเดียวนะ” ต้อมบอกก่อนที่จะดึงผมไปจูบที่ปาก ผมพยายามจดจำรสชาติการจูบครั้งนี้ เพราะคงอีกนานที่ผมจะได้สัมผัสมัน ริมฝีปากที่เนียนนุ่มกับความอบอุ่นจากใจของต้อม ผมจะจำมันไว้ให้หมด
ต้อมถอนปากออกแล้วเดินหันหลังไปทันที ผมยืนมองต้อมเดินจากไปช้าๆ ต้อมหันกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้งเมื่อจะเดินผ่านประตูรั้วบ้านออกไป ผมยิ้มตอบกลับไปแต่พอต้อมหันหลังกลับไปแล้ว น้ำตาผมกลับไหลออกมาทั้งๆที่ผมยังยิ้มให้ต้อมอยู่ ใจผมค่อยหายเหมือนกับประตูบ้านที่ค่อยๆปิดเข้ามา เมื่อมันปิดเข้ามาหมดก็แสดงว่าผมกับต้อมต้องจากกันอีกแล้ว
ผมทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูบ้าน ครั้งนี้ผมไม่ต้องอายใครอีกแล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นเข้มแข็งเพื่อใครอีกแล้ว
...............................
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะครับ
ขอบคุณทุกแรงใจที่ตามอ่านผลงานของผมนะครับ
แต่ยังเหลืออีกหลายเรื่องที่ผมเขียนอยู่
ที่จบไม่ใช่เพราะเขียนเรื่องใหม่นะครับ
แต่ผมอยากจบแบบมีความสุขครับ(ถึงชีวิตจริงจะไม่ใช่ก็เถอะ
)