พิมพ์หน้านี้ - รุ่นน้องวุ่นรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 00:36:06

หัวข้อ: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 00:36:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

...........................................


ผมมาแก้ไขลงใหม่นะคร้าบ ให้รวมอยู่ที่เดียวกันทั้งหมด

เพื่อความสะดวกในการอ่าน เพราะผมกำลังจะลงตอนสุดท้ายแล้วคร้าบบ

ดังนั้นตอนที่ลงกับชื่ออาจไม่ตรงกันนะครับ อย่าเพิ่งงงนะครับ





*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 00:39:43
ตอนที่ 1

ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะ ครับผมชื่อ นัท ครับ หน้าตาผมก็ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ แถมผมยังเป็นคนที่ค่อนข้างอวบนิดหน่อยอีกด้วย ดีที่ผมเป็นคนผิวขาวนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ปี 2 แหละครับ ผ่านเวลาที่โดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งมาซะที คราวนี้ผมจะได้แกล้งน้องๆคืนบ้างละ ผมคิดว่านะ
วันนี้ก็เปิดเรียนมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเรียกรุ่นน้องปี 1 ซ้อมเชียร์สักที ซึ่งเป็นเวลาที่ผมรอยคอยมาตลอดทั้งสัปดาห์ ผมไม่ได้โรคจิตชอบแกล้งคนนะครับแต่ที่อยากให้ซ้อมเชียร์เพราะจะได้เจอหน้า น้องๆด้วยไงครับ อีกอย่างพี่ปีสองก็เป็นได้แค่พี่ที่คอยปลอบน้อง สั่งลงโทษหรือแกล้งน้องไม่ได้หรอกครับ คนที่สั่งได้ก็พวกพี่ปี 3-4 เท่านั้น ดังนั้นหน้าที่ของปี 2 คือคอยตามน้องมาซ้อมเชียร์และคอยให้คำปรึกษากับน้องเรื่องต่างๆเท่านั้นเองค รับ
“น้องปี 1 ทุกคนครับ วันนี้เลิกเรียนเสร็จเจอกันที่ซุ้มทุกคนนะครับ” ผมตะโกนบอกรุ่นน้องหน้าห้องเรียนก่อนพักเที่ยง
“ต้องเข้าให้ครบทุกคนนะครับ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน” ผมขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินกลับออกมา
หลังจากบอกน้องๆ ครบทุกห้องแล้ว พวกพี่ปี 3 ก็เรียกพวกปี 2 เข้าประชุมเพื่อแบ่งหน้าที่กันในการซ้อมเชียร์ เราเข้าไปประชุมกันในห้องคอมของคณะเพื่อไม่ให้รุ่นน้องเห็น พวกพี่ปี 3 บอกให้กลุ่มผมเป็นกลุ่ม entertain เพราะปีที่แล้วกลุ่มผมนั้นบ้ามาก บอกให้ทำอะไรทำได้หมดไม่ว่าจะตลกทะลึ่งขนาดไหนก็เถอะ จะหาว่าหน้าด้านก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่ก็สนุกนะครับทำบ้าๆบอๆ
กลุ่มผมก็มีกันอยู่ 7 คนครับ มีผู้ชาย 4 ผู้หญิง 3 ผู้ชายมี ผม ไอ้ตี๋ ไอ้ต้นขาว แล้วก็ไอ้ต้นดำ แบบว่ามันชื่อต้นเหมือนกันเลยเรียกตามสีผิวซะเลย ส่วนผู้หญิงก็มี ฝน รัก และก็แนท กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่รุ่นพี่รักที่สุดแล้วเพราะใช้อะไรพวกเราทำได้หมด ทุกอย่าง หลังจากที่พี่เขาบอกหน้าที่แล้วพวกผมก็บอกว่าให้ผมเป็นหัวหน้า entertain คงเพราะผมหน้าด้านที่สุดแล้วแน่ๆพวกมันถึงยกตำแหน่งนี้ให้ผม
สี่โมงครึ่งน้องปี 1 ก็มานั่งที่ซุ้มกันหมดแล้ว ผมและเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้าไปนั่งคุยทำความรู้จักน้องไปพลางๆ ก่อนเพื่อรอรุ่นพี่ปี 3 มาสั่งการอีกที ระหว่างที่คุยกับน้องอยู่ ผมก็ไปสะดุดตาน้องคนหนึ่งชื่อต้อม ต้อมเป็นคนหน้าคมจมูกโด่งรับกับตาและปากที่เข้ารูปพอดี ต้อมเป็นคนผิวเข้มแต่ไม่ดำนะครับ เรียกได้ว่าคมเข้มทีเดียว
“ปี 1 เข้าแถวหน้ากระดานเรียง 1 ปฏิบัติ” เสียงพี่แอมป์พี่ปี 3 ตะโกนมาจากข้างหลัง
“ปี 2 ล้อมน้องปี 1 ไว้ เร็ว” พี่แอมป์ยังตะโกนสั่งต่อ พวกเราลุกขึ้นแล้ววิ่งทำตามที่พี่เขาบอกทันที แต่น้องปี 1 คงงงว่าเกิดอะไรขึ้นบางคนจึงยังช้าและเข้าแถวไม่เรียบร้อย
“ช้าแล้ว ช้าแล้ว ปี 1 หมอบลงไปเลย เดี๋ยวนี้” พี่แอมป์ตะโกนสั่งด้วยเสียงที่ดุกว่าเดิม พี่ปี 3 อีก 4 คนก็เข้ามาตะโกนไล่สั่งน้องๆด้วย การเชียร์เริ่มขึ้นแล้ว ผมคิดในใจแล้วแอบยิ้ม
“น้องครับ นี่เราจะมาซ้อมเชียร์กันนะครับ พี่บอกไว้ก่อนเลยว่าน้องๆต้องเหนื่อยกันแน่ๆ ถ้ายังขาดระเบียบวินัยแบบนี้” พี่แอมป์ตะโกนบอกขณะที่น้องยังหมอบอยู่
“การซ้อมเชียร์จะทำให้น้องมี ระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ ถ้าใครติดว่ารับแบบนี้ไม่ได้ก็ลาออกจากคณะนี้ไปได้เลยนะครับ พวกพี่โดนมากันทุกคน พี่ปี 2 ก็โดนมาทุกคน ดังนั้นถ้าใครทนการซ้อมเชียร์แบบนี้ไม่ได้ก็ออกไปเลยนะครับ”
“เอาลุก ขึ้นได้ แถวตอนเรียง 10 ปฏิบัติ” พี่อ้อมตะโกนสั่งแทนพี่แอมป์บ้าง แต่คราวนี้น้องๆรีบลุกแล้ววิ่งจัดแถวกันอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยที่ยังมีพวกผมปี 2 ล้อมกรอบอยู่
“ช้า หมอบ” พี่อ้อมสั่ง “พี่บอกแล้วไงครับให้รวดเร็ว ลุกแถวตอนเรียง 8 ปฏิบัติ” คราวนี้น้องๆรีบจัดแถวกันอย่างรวดเร็วกว่าเดิม คงกลัวแล้วละสิปีผมโดนหนักว่านี้อีกวันแรก
“ตั้งแต่นี้ไปน้องทุกคนคือ รุ่นน้องของพวกพี่ ต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ทุกคน เรามีกฎง่ายๆแค่ 3 ข้อเท่านั้น ข้อแรก รุ่นพี่ถูกเสมอ ข้อสอง รุ่นน้องผิดตลอด ข้อสาม ถ้ารุ่นพี่ทำผิดให้ย้อนกลับไปดูข้อหนึ่ง จำเอาไว้นะครับ” คราวนี้พี่แอมป์สั่ง
หลังจากนั้นก็มีการแนะนำตัวรุ่นพี่ทีละคน เริ่มจากปี 2 แล้วก็ปี 3 แล้วก็พี่ ว๊ากทั้ง 5 คน ดูแล้วน้องจะกลัวพี่ว๊ากเอามากๆ แล้วพี่แอมป์ก็เรียกพวกผมเข้าไปเพื่อแบ่งกลุ่มน้องๆออกไปซ้อมเพลงเชียร์ ก็ไม่รู้บังเอิญอะไรต้อมก็มาอยู่กลุ่มที่ผมต้องดูแลพอดี ผมก็สอนเพลงเชียร์บ้างชวนคุยบ้างเพื่อลดความกดดันจากการที่โดนพี่ว๊ากลงโทษ เอา
“ปี 1 แถวตอนเรียง 8 ปฏิบัติ” พี่อ้อมตะโกนมาจากข้างหลัง หลังจากที่แบ่งกลุ่มออกมาสักครึ่งชั่วโมง น้องๆก็รีบวิ่งไปแต่ก็ไม่วายโดนลงโทษอยู่ดี เพราะต่อให้เร็วหรือเรียบร้อยแค่ไหนพวกพี่เขาก็หาเรื่องลงโทษอยู่ดี พี่ว๊ากก็หาเรื่องแกล้งไปเรื่อยๆบางครั้งก็ลามมาว่าพวกผมที่เป็นคนสอนน้องๆ เรื่องเพลงเชียร์ มันบอกเพื่อกดดันน้องที่ทำไม่ได้แล้วรุ่นพี่โดนด่า แล้วมันเกี่ยวกันไหมนี่ผมคิด
เราซ้อมเชียร์กันจนถึงหกโมงเย็นก่อนกลับพี่เขาก็บอกให้น้องๆเอาเสื้อกับ กางเกงมาเปลี่ยนด้วยพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากให้ชุดนักศึกษาเลอะมาก หลังจากเลิกน้องบางกลุ่มก็มานั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องเชียร์วันนี้ ก็เป็นหน้าที่พวกผมแล้วที่จะเข้าไปตีสนิทน้องๆเพื่อไม่ให้เครียดเกินไป น้องจะได้คิดว่าพี่ที่ใจดีและคอยช่วยเหลือก็ยังมีอีกเยอะ
“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมวันแรก” ผมทักระหว่างที่เดินเข้าไปนั่งในกลุ่มน้องๆ
“โหย โหดมากเลยพี่ เหนื่อยโคตร” ต้อมหันมาบอกผมด้วยสีหน้าที่บอกว่าเหนื่อยจริงๆ
“ทำไมพวกพี่เขาดุอย่างนี้ละพี่” หนุ่ยเพื่อนต้อมถามบ้าง
“โหด อะไร นี่เบาแล้วนะ ตอนรุ่นพี่โดนวันแรกเสื้อนักศึกษาทิ้งเลย ไม่ต้องซัก” ผมหันไปบอกหนุ่ย ผมเพิ่งสังเกตว่าหนุ่ยก็เป็นคนที่หน้าตาดีอีกคนผมขาวรับกับหน้าใสๆของหนุ่ย พอดี เวลายิ้มแล้วยิ่งน่ารักกว่าเดิมซะอีก แล้วผมก็นั่งโม้ให้น้องฟังเรื่องสมัยผมซ้อมเชียร์ให้ฟังว่าโหดกว่านี้ยังไง จนบางคนถามว่าแล้วพี่เขาทำอย่างนี้ทำไม ผมก็ต้องอธิบายเหตุผลอีกยาวเลยกว่าน้องๆจะเข้าใจ
“เฮ้ย นัท ชวนน้องไปกินข้าวกันดีกว่า แล้วจะได้กลับบ้านกันด้วยนี่ก็เย็นมากแล้ว” ไอ้ตี๋จะโกนบอกมาจากโต๊ะอีกฟากหนึ่งที่มันนั่งคุยกับน้องอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ เช่นกัน
“เออ ไปดิ เราก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ไปกินข้าวกันทุกคนเดี๋ยวพี่เลี้ยงเองมื้อนี้” ผมหันไปชวนพวกต้อม แต่ดีนะพี่พวกต้อมมีแค่ 4 คน ไม่งั้นผมคงเงินหมดก่อนสิ้นเดือนแน่ๆ นอกจากต้อมกับหนุ่ยแล้ว ยังมีน้องอีกสองคนชื่อเอ็กซ์กับจ๊อด
ผมกับไอ้ตี๋ก็พาน้องไปกินข้าวกันที่ร้านหน้ามหา’ลัย เพราะกินเสร็จจะได้แยกย้ายกันกลับง่ายๆ ผมเริ่มสนิทกับต้อมและหนุ่ยมากกว่าคนอื่นๆ เพราะคุยเก่งทั้งสองคนและต้อมกับหนุ่ยก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ด้วย กินเสร็จเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับกับไอ้ตี๋เพราะเราไปทางเดียวกัน แต่ผมจะลงก่อนเพราะผมอยู่แค่ปิ่นเกล้าแต่ไอ้ตี๋อยู่ตลิ่งชัน กลับมาถึงบ้านผมก็อาบน้ำแล้วนอนเลยเพราะรู้สึกเหนื่อยเหมือนกันกับการซ้อม เชียร์
ผมมาถึงมหา’ลัยตั้งแต่เช้า ถึงแม้วันนี้ผมจะมีเรียนบ่ายก็ตาม เพราะผมไม่รู้จะอยู่บ้านทำไมมาคุยกับเพื่อนๆดีกว่า เดี๋ยวพวกมันก็มานิสัยเหมือนกันหมดสงสัยเป็นโรคอยู่คนเดียวแล้วเหงากันหมด กลุ่มแน่ๆพวกผม
“หวัดดีครับพี่นัท” ผมหันไปมองตามเสียงที่ทัก
“อ่าว หวัดดีครับ หนุ่ยวันนี้เรียนเช้าหรอมาแต่เช้าเชียว”
“เรียนเก้าโมงครับพี่ เนี่ยเมื่อวานเหมื่อยไปหมดเลยกลับบ้านไปหลับเป็นตายเลยพี่ น้ำไม่ได้อาบเลย” หนุ่ยทำเสียงบ่นๆ
“โห เน่าวะ เอาน่าเดี๋ยวสักอาทิตย์ก็ชินเองแหละ” ผมยิ้มให้กำลังใจ
“จะตายก่อนไม่ว่าสิพี่”
ผมกับหนุ่ยนั่งคุยกันสักพักต้อมก็มาสมทบ เราคุยกันเรื่องส่วนตัวบ้างเรื่องเรียนบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องซ้อมเชียร์มากกว่าเพราะผมอยากให้น้องเข้าใจว่ามันจะ ได้อะไรจากการซ้อมเชียร์บ้าง พอใกล้เก้าโมงหนุ่ยกับต้อมก็ขอตัวไปเรียนก่อน ผมก็นั่งรอเพื่อนๆต่อ
“เฮ้ย เมื่อไหร่แกจะมาถึงวะ รอนานแล้วนะโว้ย” ผมบ่นหลังจากต่อโทรศัพท์ไปหาไอ้ตี๋
“แล้ว แกเคยหันมามองข้างหลังบ้างไหมยืนอยู่ข้างหลังเนี่ยหรือจะให้เอาตีนสะกิด” ไอ้ตี๋บ่น แต่ดูมันกวนตีนยืนอยู่ข้างหลังยังรับโทรศัพท์ให้ผมเสียตังค์อีก
ส่วนมากผมจะสนิทกับไอ้ตี๋มากที่สุดในกลุ่มแล้ว เรียกว่าติดกันเป็นตังเมเลยก็ได้ทำอะไรด้วยกันตลอดตั้งแต่ปี 1 งานกลุ่ม นั่งเรียน กลับบ้าน เราทำทุกอย่างด้วยกันหมด ถ้าใครไม่รู้ก็คงว่าผมกับมันเป็นแฟนกันแหละครับ ระหว่างที่เรานั่งลอกรายงานกันเพลินๆ
“หัวชนกันทำอะไรอยู่พี่” เสียงต้อมตะโกนทักมาจากอีกฝั่งถนน
“ทำรายงาน จะส่งแล้วยังไม่เสร็จเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องซ้อมเชียร์” ผมเงยหน้ามองแล้วยิ้มให้แล้วก้มหน้าทำรายงานต่อ
“ปี 2 มีรายงานตั้งแต่อาทิตย์แรกๆเลยหรอพี่ เรียนหนักเปล่า”
“ก็เรื่อยๆนะ แต่รายงานเยอะเรื่องปกติ เดี๋ยวพวกเราเทอมสองก็รู้เอง” ผมบอกทั้งที่ยังก้มหน้าลอกรายงานต่อ
ต้อมก็เดินเข้ามานั่งโต๊ะแล้วชวนผมกับไอ้ตี๋คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย แต่ส่วนมากเหมือนจะเป็นเรื่องผมกับไอ้ตี้ที่สนิทกันมากแค่ไหน หรือบางครั้งก็ถามแปลกๆเหมือนจะถามว่าผมกับไอ้ตี๋เป็นอะไรกันทำนองนี้ ผมก็ตอบแบบไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า อีกอย่างรีบลอกรายงานให้เสร็จด้วยกลัวโดนหักคะแนน คณะผมยิ่งเรียนยากๆอยู่
พอใกล้เที่ยงพวกเพื่อนกลุ่มผมคนอื่นๆก็มากันครบทีมแล้ว เราก็จะไปกินข้าวหลังมอกันไปร้านที่กินประจำ
“ต้อมกับหนุ่ยไปกินด้วยกันเปล่า” ผมหันไปชวนขณะที่กำลังเก็บของใส่เป้
“เกรงใจพี่ เดี๋ยวไปวุ่นวายพวกพี่เปล่าๆ”
“เฮ้ย อะไรกัน มาเลยๆพี่น้องกันคิดมากน่า” ผมดึงมือต้อมให้ลุกตามมา
เราเดินมาหลังมอมากินข้าวร้านประจำที่ป้าไหวเป็นแม่ครัว มากินจนแกจำได้หมดแหละว่าใครกินอะไรไม่กินอะไร เพราะผมมากินกันตั้งแต่ปี 1 เลย แถมยังกวนป้าแกประจำผมเลยสนิทกับป้าไหว
“ป้าเอาเหมือนเดิมทุกคนเลย ขี้เกลียดคิดวันนี้กินง่ายๆ” ผมตะโกนสั่งป้าแก
“เออ แล้วเราสองคนจะกินอะไร”
“เอาผัดกระเพราเหมือนกันทั้งสองคนก็ได้พี่ง่ายดี” หนุ่ยบอก
หลังจากสั่งเสร็จผมกับไอ้ตี๋ก็ลุกไปตักน้ำมาให้เพื่อนๆโดยมีต้อมลุกตามมา ช่วยด้วย เรานั่งคุยกันสักพักป้าก็เอาข้าวมาส่ง ของพวกผม 7 คน เป็นผัดพริกแกงหมู แต่ผมว่าวันนี้ป้าแกต้องลืมแน่ๆเลย
“เฮ้ย ป้า” ผมร้องเสียงหลง พร้อมกระโดดออกจากโต๊ะ พวกเพื่อนๆผมมันขำกันลั่นร้านเลย มีแต่หนุ่ยกับต้อมที่มองผมแบบงงและตกใจว่าผมเป็นอะไร
“ป้าเอาไปเลยนะป้า ป้าลืมแหละผมว่า” ป้าไหวแกยังยืนนึกอีกแหนะ
“ป้าไอ้นัทมันกลัวข้าวโพดอ่อน ป้าใส่มาให้มันทำไม” ไอ้ตี๋บอกป้าไหวทั้งทีมันยังขำท่าทางตกใจผมอยู่เลย
“ไอ้นี่ก็บ้ากลัวไรไม่กลัว กลัวข้าวโพดอ่อน” มันยังขำผมไม่เลิก ตอนนี้ป้าไหวก็เริ่มจะยิ้มด้วยแหละ ทำผิดแล้วยังมายิ้มอีกแหนะ
“ป้าทำมาใหม่เลย ไม่เจอกันแค่เดือนสองเดือนลืมกันซะแล้ว” ผมหันไปบ่นป้า ป้าแกก็ยังยิ้มอีก
“เดี๋ยวผมกินเองก็ได้พี่ พี่เอาข้าวผมไปแทนจะได้ไม่ต้องรอ” ต้อมหันมาบอกแล้วก็ยิ้มๆ
“ต้อ มกินไปเถอะ พี่รอได้” แต่ต้อมไม่ฟังผมเลยหยิบข้าวผมไปนั่งกินแทนแล้วเอาข้าวตัวเองมาวางที่ผม แต่ไอ้เพื่อนๆผมสิ มันยังขำไม่เลิกบางคนยังจิ้มข้าวโพดอ่อนมาให้ผมดูอีก ไอ้พวกกวนตีน ผมคิดในใจ
“อืม ขอบใจนะ” ผมหันไปยิ้มให้ต้อมแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
“ไม่เป็นไรพี่แค่นี้เอง แต่พี่กลัวข้าวโพดอ่อนจริงๆอะ” มันถามแล้วทำหน้าไม่เชื่อ
“จริงดิน้อง มันบ้าเดี๋ยวพี่ทำไรให้ดู” ไอ้แนทหันไปบอกต้อมพร้อมกับจิ้มข้าวโพดอ่อนโยนมาใส่จานผม
“เฮ้ย แม่งเล่นบ้าๆวะ” ผมเริ่มโมโหแล้วทีนี้ รู้ว่ากลัวแม่งแกล้งกูกันจัง
“ไม่ กินมันแล้ว ป้าเก็บเงินกับพวกมันเลยนะผมไม่กินแล้ว” พูดจบผมก็ลุกหยิบเป้เดินออกไปจากร้าน พวกมันยังพูดกันอีกว่ามันโกรธจริงโว้ยคราวนี้ ไม่โกรธได้ไงละครับ พวกมันเล่นแกล้งผมต่อหน้ารุ่นน้องนี่นะ เสียฟอร์มหมดสิครับคนบ้าไรกลัวข้าวโพดอ่อน แต่มันก็กลัวจริงๆนี่น่าจะให้ทำไงได้ละครับ
ผมเดินกลับมานั่งที่ซุ้มเพื่อรอพวกมันขึ้นเรียน ผมเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วนะครับ โกรธใครแปบเดียวก็หายแล้ว สักพักพวกมันก็เดินกลับมา ผมเลยทำแกล้งโกรธพวกมันอยู่ทั้งๆที่หายตั้งนานแหละ
“โห จะโกรธอะไรนักหนา แกล้งแค่นี้เอง” ไอ้ตี๋เดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วเอามือมาโอบไหล่ผมไว้
“เออ ไม่ใช่มึงแล้วไป แม่งต่อหน้าน้องยังแกล้งกูอยู่ได้” ไอ้ตี๋เอามือข้างที่โอบผมอยู่ตบไหล่ผม เพราะคงคิดว่าผมยังไม่หายโกรธ ปกติผมจะพูดมึงกูกับเพื่อนเฉพาะตอนโกรธเท่านั้นแหละครับ พวกมันรู้ดีเลย
“โอ๋ๆๆๆ ชั้นขอโทษ เอานี่ซื้อขนมมาฝาก” ไอ้แนทยื่นขนมมาให้ ทำหน้าสำนึกผิดที่แกล้งผม
“เออ เอามาโคตรหิวเลย ทีใครทีมันนะพวกแก”
“ต้อ มกับหนุ่ยด้วย ห้ามบอกใครนะเรื่องนี้ความลับ เข้าใจ” ผมหันไปบอกด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่คนในกลุ่มผมเท่านั้นแหละครับ ปกติถ้าไปที่อื่นไอ้ตี๋มันจะคอยสกรีนให้เลยว่ามีข้าวโพดอ่อนปนมาเปล่า ผมก็เลยกินได้อย่างสบายใจ
พวกผมขึ้นไปเรียนช่วงบ่าย พอสี่โมงครึ่งก็ลงมารอซ้อมเชียร์ เช่นเคยน้องปี 1 โดนลงโทษเยอะอีกเช่นเคย เพราะวันนี้เปลี่ยนชุดซ้อมด้วยเลยโดนเยอะได้ ซ้อมเสร็จเกือบทุกเย็นพวกผมจะพาน้องไปนั่งกินข้าวด้วยกันเพื่อที่จะได้สนิท กันมากขึ้น
ซ้อมเชียร์ผ่านไปสามอาทิตย์น้องๆก็เริ่มเป็นระเบียบ เข้าใจการซ้อมเชียร์มากขึ้น ผมก็สนิทกับต้อมกับหนุ่ยมากๆเช่นกัน เพราะตอนเช้าต้อมกับหนุ่ยจะเข้ามานั่งคุยกับผมทุกวัน บางวันไม่มีเรียนมันก็มานั่งคุยกับพวกผม ท่าจะว่างมากไปไม่มีไรทำ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้ไอ้ตี๋มันติดหญิงต่างคณะอยู่ มันเลยไม่ค่อยมาซุ่มต้อนเช้าเหมือนก่อน จะเป็นผมมานั่งทำรายงานคนเดียวมากว่าทำไว้ให้มันลอกก่อนถึงกำหนดส่งงาน ตอนเย็นก็ไม่ค่อยกลับกับมันแหละมันไปส่งหญิงก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ว่าไรมันเรื่องของมันอยู่แล้วผมกลับบ้านเองได้
“พี่นัท กลับกับผมไหมพี่ผมเอารถมา บ้านผมผ่านบ้านพี่ด้วยเดี๋ยวผมแวะส่ง” หนุ่ยถามผมหลังจากซ้อมเชียร์เสร็จ
“บ้านเราอยู่แถวไหนละ ถึงผ่านบ้านพี่ด้วย”
“พุทธมนทลสาย 2 พี่ ผมแวะส่งพี่ที่ปิ่นเกล้าได้” หนุ่ยยิ้ม
“ไม่รบกวนนะ” ผมยังเกรงใจน้องมันอยู่
“มาเถอะพี่ แค่นี้เอง” แล้วมันก็ลุกหยิบเป้ผมเดินไป โดยที่ต้อมนั่งมองอยู่
ผมเลยได้ติดรถหนุ่ยกลับบ้าน ระหว่างอยู่บนรถเราคุยกันเยอะมาก หนุ่ยก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่งทีเดียว พอใกล้ถึงปิ่นเกล้าผมบอกให้หนุ่ยจอดที่สะพานปิ่นฝั่งธนเดี๋ยวผมจะต่อรถเข้า บ้านเอง เพราะไม่งั้นหนุ่ยก็จะต้องย้อนรถออกมาอีก
“ไม่เอาพี่เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้านเลยดีกว่า บ้านพี่อยู่ตรง สน.บางกอกใหญ่ใช่ไหม” หนุ่ยบอกทั้งที่ยังมองข้างหน้าอยู่
“อืม ใช่ แล้วเรารู้ได้ไง พี่ยังไม่เคยบอกเลยนี่” ผมสงสัยเลยหันไปถาม แต่หนุ่ยไม่ตอบได้แต่ยิ้มกวนๆให้ แล้วมันก็ขับรถมาส่งผมถึงบ้านจริงๆ แถมมันยังจอดถูกหลังด้วย ผมละงงจริงๆว่ามันรู้ได้ไง คงจะถามจากเพื่อนๆผมละมั้งผมคิด
“ขอบใจนะ ขับรถกลับบ้านดีๆละ” ผมยิ้มแล้วเปิดประตูลงจากรถ หนุ่ยหันมายิ้มตอบแล้วขับรถออกไป
ผมมานั่งซุ้มแต่เช้าเหมือนเดิม มันติดเป็นนิสัยแล้ว อีกอย่างผมไม่ชอบออกจากบ้านสายเพราะรถมันจะติดเอามากๆ มาแต่เช้าสบายใจดี
“พี่นัท” ต้อมวิ่งมาที่ผมนั่งอยู่ “กลับถึงบ้านกี่ทุ่มพี่ แวะไหนกันเปล่า”
“ก็สองทุ่มนิดๆ จะแวะไหนละก็กลับบ้าน” ผมงงกับที่ต้อมถาม “แต่ว่าถามทำไม”
“เปล่าๆๆ พี่ แค่อยากรู้” ต้อมนั่งหอบจากการที่วิ่งมา
“หึหึ ห่วงเพื่อนอะดิ กลัวพี่พาเพื่อนเราไปทำไรหรือไง”
“ใครจะไปห่วงมันพี่ ผมห่วงพี่มากกว่า” ต้อมมองหน้าผม
“เอา มาห่วงพี่ทำไม ไปห่วงเพื่อนเรานู้น ไปส่งพี่จนถึงบ้านเลย บอกว่าจะต่อรถไปเองก็ไม่ยอม ไม่รู้จะกลับถึงบ้านกี่โมง” ผมบอก เห็นต้อมทำหน้าแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่รู้ว่าเพื่อนมันไปส่งผมถึงที่บ้าน เลย
แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องคุยกับผม ถามเรื่องเรียนบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง จนผมต้องเอาตารางเรียนให้มันดู เมื่อมันถามผมว่ามีเรียนวันไหนบ้างกี่โมง แล้วมันจะอยากรู้ไปทำไมกัน เราคุยกันจนถึงเวลาเรียนก็แยกย้ายกันไป

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 00:42:54
ตอนที่ 2

วันนี้วันอาทิตย์ผม นัดกับไอ้ตี๋ไว้ว่าจะไปมาบุญครองกัน เพราะผมจะไปซื้อมือถือใหม่ เพราะอันที่ผมใช้อยู่เป็นของน้าเลยจะเอาไปคืนเขา ผมก็ไปเลือกตั้งหลายร้านจนไอ้ตี๋เริ่มบ่นเมื่อย ผมเลยตกลงซื้อ Samsung เพราะราคาไม่แพงมากแถมมีหลายสีด้วย ผมเลือกสีชมพูมาเพราะผมชอบใช้ของสีนี้ มันถูกโฉลกกับวันเกิดพอดี ถ้าอยากรู้ผมเกิดวันอะไรก็หาตารางวันและสีที่ถูกโฉลกกันมาดูนะครับ
พอได้โทรศัพท์ผมก็ซื้อซิมใหม่ด้วยเพราะเบอร์เก่าก็ของน้า ผมจะให้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนมากเอาไว้โทรตามเพื่อนมากกว่า แล้วผมกับไอ้ตี๋ก็ไปกินข้าวดูหนังอีกหนึ่งรอบ โดยที่ผมเป็นคนเลี้ยงมันเองเป็นการตอบแทนที่มาเดินซื้อของเป็นเพื่อน เพราะถ้าผมมาเป็นเพื่อนมันมันก็จะทำแบบเดียวกันนี่แหละครับ
วันจันทร์ผมมาแต่เช้าเหมือนเดิม แต่วันนี้ผมกำลังเห่อโทรศัพท์ใหม่จึงเอามันมากดเล่นโปรแกรมต่างๆในเครื่อง จนไม่ได้สนใจใครเลย
“พี่นัทคราบบบบ น้องมานั่งตั้งนานแล้วไม่ทักกันเลยนะ เล่นอยู่แต่กับโทรศัพท์” เสียงต้อมทำเอาผมตกใจ ช่วงนี้ตอนเช้าผมจะเจอต้อมก่อนคนอื่นๆเสมอ ไม่รู้มันจะมาทำไมแต่เช้าทุกวัน
“เออ โทษทีไม่ทันมอง กำลังเห่อของใหม่อะ ถ่อยมาเมื่อวาน” ผมยิ้มเขินๆ
“พี่ ใช้โทรศัพท์ด้วยหรอพี่ ผมไม่เคยเห็นพี่พกเลยตั้งแต่เจอพี่”
“อ๋อ ปกติเอาของน้ามาใช้ เลยใส่ไว้ในเป้ตลอด มีแต่พวกไอ้ตี๋แหละที่รู้เบอร์ แต่ตอนนี้ซื้อเองแหละโชว์ได้”
“งั้น ผมขอเบอร์พี่ได้เปล่า เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้โทรหาพี่ได้”
“จะเอาไปทำไมเจอกันทุกวัน มาถามกันที่ซุ้มก็ได้” ผมบอกแต่เห็นต้อมหน้าจ๋อยๆไป
“อะๆๆ เอาไปก็ได้ บอกรอบเดียวนะ 081 XXX XXXX” มันหน้าบานออกแหละทีนี้
“แล้วผมจะโทรหานะ พี่ ผมไปกินข้าวก่อนนะ วันนี้รีบมายังไม่ได้กินข้าวเลย” แล้วมันก็ลุกเดินไปโรงอาหาร
“ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่งในเป้ที่ผมสะพาย
“สวัสดี ครับ ใครครับ” ผมถามปลายสาย
“ผมเองพี่ ต้อมไง” เสียงต้อมตอบกลับมา
“เออ มีอะไรว่ามา”
“พี่กินข้าวยังครับ”
“ยัง กำลังจะไปกินกับพวกไอ้ตี๋เนี่ย” มันจะถามทำไมมันก็รู้ผมเพิ่งเลิกเรียน
“รอ ผมด้วยพี่ ผมไปกินด้วย แค่นี้นะครับ” แล้วมันก็วางสายไปเลย ผมเลยหันไปบอกเพื่อนๆว่าให้รอต้อมมันก่อนมันขอไปกินข้าวด้วย
สักพักต้อมกับหนุ่ยก็มาที่ซุ้ม เราก็ไปกินข้าวร้านป้าไหวเหมือนเดิม โดยที่ต้อมมานั่งข้างผมแล้วหนุ่ยนั่งตรงข้ามต้อม คราวนี้ป้าไหวแกไม่พลาดอีกไม่มีข้าวโพดอ่อนมาในจานข้าวผม
“พี่นัท เดี๋ยววันนี้กลับกับผมอีกนะ” หนุ่ยพูดพร้อมตักข้าวผัดหมูใส่ปาก ผมกำลังเขี้ยวเส้นใหญ่ราดหน้าอยู่เลยพยักหน้าแทนคำตอบ
“เออ หนุ่ยมึงกลับไปก่อนเลย กูกะว่าจะให้พี่นัทเขาสอนเลขกูเย็นนี้กูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” อยู่ๆต้อมมันก็หันไปบอกหนุ่ย แล้วมันบอกผมตอนไหนว่าจะให้สอนเลขให้มัน
“กู รอได้เดี๋ยวกูเรียนเป็นเพื่อนก็ได้ ดีซะอีกกูจะได้เข้าใจมากขึ้น”
“มึง รีบกลับไปเถอะ ซ้อมเชียร์เลิกก็มืดแล้ว ที่บ้านยิ่งเป็นห่วงอยู่ เดี๋ยวกูไปส่งพี่เขาเองวันนี้กูเอารถมาเหมือนกัน” ต้อมบอกหนุ่ย ระหว่างที่พวกมันเถียงกันผมก็นั่งฟัง คิดว่าแล้วพวกมึงถามกูยังว่ากูว่างไหม เล่นนั่งตกลงกันเองสองคนไม่ถามกูสักคำ ผมเลยนั่งฟังมันเถียงกันสักพักก็ได้ข้อสรุปว่า ผมต้องอยู่สอนเลขต้อมแล้วกลับกับมันมันจะไปส่ง เออดีจริงๆมีการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ
ซ้อมเชียร์เสร็จผมก็มานั่งที่ซุ้มเพื่อที่จะสอนเลขให้ต้อม ระหว่างที่กำลังสอนหนุ่ยก็เดินมานั่งข้างหน้าผมกับต้อม
“พี่นัทขอเบอร์ หน่อยสิ มีคนบอกว่าพี่เปลี่ยนเบอร์แล้ว” หนุ่ยทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
“อืม เปลี่ยนเบอร์แล้ว แต่เรารู้เบอร์เก่าพี่หรือไง ถามเหมือนเคยมี” ผมสงสัย
“มี ตั้งนานแล้วพี่แต่ไม่กล้าโทรไปกวน ไม่เหมือนคนบางคนได้เบอร์มาก็โทรกวนเลย” หนุ่ยหันไปมองหน้าต้อม
“งั้นเอามือถือมาเดี๋ยวกดให้ ขี้เกลียดพูดแล้ว พูดมาทั้งวัน” ผมรับมือถือจากหนุ่ยมากดเบอร์ให้ แล้วส่งคืนดูหนุ่ยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
“กลับบ้านดีๆนะครับ ขับรถระวังๆด้วย” ผมเงยหน้าไปยิ้มให้
“ครับพี่ก็กลับบ้านระวังๆตัวบ้าง นะ” หนุ่ยยิ้มให้ผม แล้วหันไปมองหน้าต้อม
ผมสอนเลขมาพักใหญ่ๆก็ชวนต้อมกลับบ้าน แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวกลับรถเมล์เองไม่รบกวนมันหรอก มันก็ไม่ยอมบอกว่าตอบแทนที่สอนเลขให้มัน แล้วก็หยิบของของผมเดินไปเลย พอขึ้นมาบนรถผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันเลยจนรถมาติดไฟแดงแถวแยกคอกวัว
“พี่ นัทรู้เปล่าว่าไอ้หนุ่ยมันชอบพี่” อยู่ๆต้อมก็พูดขึ้นมา
“บ้าแล้ว มันจะมาชอบพี่ทำไม” ผมทั้งงงทั้งตกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“จริงๆพี่ มันชอบพี่ตั้งแต่เริ่มซ้อมเชียร์แหละ แต่มันไม่กล้าจีบเพราะคิดว่าพี่กับพี่ตี๋เป็นแฟนกัน พอมันรู้ว่าพี่ตี๋ไปมีแฟนต่างคณะมันเลยจีบพี่ใหญ่เลย พี่ไม่รู้สึกหรอ” ต้อมพูดเสียงจริงจัง
“เออไปกันใหญ่แหละ พี่กับไอ้พี่ตี๋เป็นเพื่อนกันจริงๆ แล้วเราเอาเรื่องนี้มาบอกพี่ทำไม มันรู้จะไม่โกรธเราหรือไง ” ผมเริ่มจริงจังบ้าง
“ไม่หรอกพี่ อีกอย่างผมก็ไม่มั่นใจว่าพี่คิดยังไง แต่ผมมั่นใจว่ามันจะต้องทำให้พี่ชอบมันจนได้ เพราะผมเองก็ติดแบบนั้น” ต้อมมันยังพูดโดยไม่หันหน้ามามองผม
“หมายความว่าไงเนี่ย ที่ผมเองก็คิดแบบนั้น พี่เริ่มสับสนแล้วนะ” ต้อมก็ขับรถแอบเข้าข้างทางแล้วจอดรถหันหน้ามามองที่ผม ซึ่งผมก็มองต้อมอยู่ด้วยความสงสัย
“ก็หมายความว่าผมเองก็ชอบพี่ด้วยไง” ผมอึ้งกับคำที่ได้ยินแต่เห็นมันมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“เอาเข้าไป อย่ามาอำพี่ดีกว่า พวกเราจะมาชอบพี่ทำไม หน้าตาอย่างพี่เนี่ยนะ” ผมถาม
“หน้า ตาไม่เกี่ยวเลยพี่ ก็พี่นิสัยดี อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พอคุยกับพี่ไปนานๆมันก็ชอบพี่ไปแล้ว” ต้อมยังจ้องหน้าผมอยู่ซึ่งผมก็เริ่มหลบตาบ้างแล้วเพราะเริ่มเขิน
“เออ ช่างมันเถอะ แต่พี่ก็ไม่แน่ใจนะจะชอบพวกเราหรือเปล่า เพราะพี่ไม่ค่อยชอบคนหน้าตาดี ” ผมบอกไปตามที่นิสัยผมเป็น
“แต่คงไม่ใช่ ผมแน่นอน เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้พี่เห็นเอง”
“โอเค พี่เข้าใจเรานะ แต่ขอพี่คิดดูก่อนได้ไหม แต่ทำแบบนี้เรากับหนุ่ยจะไม่ทะเลาะกันหรอ” ผมถามเพราะผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เพื่อนทะเลาะกันเพราะผม
“ไม่หรอกพี่ อยู่ที่พี่ตัดสินใจมากกว่า ถ้าพี่เกิดเลือกมันผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก มันก็เพื่อนรักผม พี่ก็คนที่ผมชอบ อาจมีเสียใจบ้างเท่านั้นเอง ผมคิดว่ามันก็คงคิดแบบเดียวกับผมนี่แหละ”
“เดี๋ยวพี่ลงตรงนี้เลยก็ได้ ต่อรถอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านพี่แล้ว” ผมตัดบทเพื่อจะได้ลงจากรถ เพราะตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว
แต่ต้อมก็ไม่ยอมให้ผมลงกลับขับรถออกไปเลย เวลานั้นผมกับต้อมไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรดี หลังจากที่ได้ยินเรื่องเมื่อกี้นี้ จนรถมาจอดหน้าบ้านผม ทำไมพวกมันรู้จักบ้านผมอีกคนแล้วผมคิดในใจ
“พี่นัทครับ” ผมหันไปมองขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ
อยู่ๆต้อมก็ยื่นหน้ามาหอมที่แก้มผม โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมรู้สึกหน้าชาไปเลย
“เฮ้อ ผมสบายใจแหละที่ได้พูดออกมา เอาเป็นว่าผมจะรอคำตอบจากพี่นะครับ” ต้อมยิ้มหน้าตาเฉย
ผมลงมาจากรถด้วยความรู้สึกที่ยังตกใจกับการที่โดนหอมแก้มไปเมื่อกี้นี้ ผมเดินมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเพื่อเข้านอน กะว่าตื่นขึ้นมาผมจะได้ลืมเรื่องเมื่อกี้ แต่ผมกลับนอนไม่หลับทั้งคำพูดที่ต้อมมันพูดกับผมและที่มันหอมแก้มผมยังวน เวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ผมก็พอรับได้กับเรื่องพวกนี้นะเพราะสมัยนี้เห็นกันจนชินไปหมดแล้ว แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวผมเองนี่สิ ผมคิดจนเกือบตี 3 ผมถึงหลับลงได้เพราะเพลีย
“ครืน ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ที่หัวเตียง ผมจึงหยิบมารับทั้งที่ยังไม่ได้ดูชื่อเลย
“สา หวัดดีครับ” ผมงัวเงียเพราะเมื่อคืนนอนดึก
“พี่นัท ผมหนุ่ยเอง พี่เป็นไรหรือเปล่าครับทำไมยังไม่มาซุ้มอีก ไอ้ต้อมมันทำอะไรพี่เมื่อคืน ผมไม่น่าปล่อยให้พี่กลับกับมันเลยจริงๆ” หนุ่ยทำเสียงเป็นกังวลมาก
“ไม่ มีใครทำไรพี่หรอก พี่นอนดึกไปหน่อยเมื่อคืน แล้วนี่กี่โมงแล้ว” ผมยังไม่หายงัวเงียอยู่ดี
“จะ สิบโมงแล้วพี่ ไม่งั้นผมไม่ห่วงพี่หรอก” หนุ่ยยังกังวลต่อ
“อืม พี่ไม่เป็นไรจริงๆ เอาเป็นว่าใครถามถึงพี่บอกวันนี้พี่หยุดแล้วกันนะ แค่นี้นะ ” ผมกดวางสายแล้วนอนต่อ เพราะผมยังรู้สึกว่าอยากนอนต่ออีกนานๆ แถมไปเรียนก็ไม่ทันแล้ว วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า แล้วผมก็หลับต่อ
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตื่นแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาปรากฏว่า บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว น้าคงจะเข้ามาเอาของในห้องผม
“เข้ามาเลยห้องไม่ได้ ล็อคครับ” ผมตะโกนบอกทั้งที่ตายังหลับอยู่
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อ รู้สึกว่ามีมือมาจับที่หน้าผาก พอผมลืมตาแล้วปรับสายตาจนหายมัวแล้วก็เห็นว่าเป็นต้อมนั่งอยู่บนเตียงผม ผมรีบดึงผ้าห่มมาพันตัวไว้ทันที เพราะผมชอบนอนถอดเสื้อ บางวันก็จะใส่แต่กางเกงในนอน
“เฮ้ย นี่พี่คิดว่าผมจะทำอะไรพี่หรือไง เอาผ้าไปปิดขนาดนั้น ผมแค่จับดูนึกว่าพี่ไม่สบายเลยหยุดเรียน” ต้อมนั่งยิ้ม
“จะ ไปรู้หรอ ก็มันตกใจนี่” ผมเอาผ้าห่มออกจากตัว
“แล้วนี่เข้ามาได้ยังไง น้าพี่ยังอยู่บ้านอีกหรอ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว
“อยู่พี่แกเป็นคนให้ขึ้นมาหา นี่แหละ เห็นแกบอกว่าลืมของแล้วกลับมาเอาพอดี ผมโชคดีไหมละ” ต้อมทำหน้าทะเล้นเหมือนจะชมในความโชคดีของตัวเอง ที่มาแล้วเจอน้าผมเข้า
“ลุก เลยพี่จะบ่ายสามแล้ว เดี๋ยวผมพาไปกินข้าว โรคกระเพาะถามหาพอดี เล่นนอนจนไม่กินอะไรเลย ผมลงไปรอข้างล่างนะครับให้เวลา 10 นาทีนะครับ” เออ เดี๋ยวนี้รุ่นน้องมันสั่งผมซะแล้ว แล้วนี่ผมเป็นอะไรกับมันตั้งแต่เมื่อไรกัน ว่าแล้วมันก็เดินลงไปรอข้างล่างจริงๆ
ผมแต่งตัวลงมาข้างล่างเห็นมันนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก พอมันหันมาเห็นผมก็เดินมาจับที่ข้อมือผม แล้วก็ดึงให้เดินตามมันไปทันที มันพาผมมาที่รถที่มันจอดรออยู่หน้าบ้าน มันขับรถพาผมมาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเพื่อมาหาอะไรกินกัน เราลงไปกิน MK ที่ชั้นใต้ดินกัน มันสั่งของเยอะมากทั้ง เป็ดย่าง หมีหยก ชุดเห็ด แล้วยังพวกลูกชิ้นและของสดต่างๆ
“สั่งมาเยอะขนาดนี้จะกินหมดหรอไง มากันแค่สองคน” ผมถามไปงั้นแหละจริงๆผมก็กินไหว คิดจากหุ่นผมสิครับ
“ผม ยังไม่ได้กินไรตั้งแต่เที่ยงเลย หิวจะแย่แล้ว รอมากินพร้อมพี่นี่ไง” มันตอบแล้วยิ้มมาให้
“บ้าหรือไงแล้วถ้ามาไม่เจอพี่จะทำไง”
“เป็นห่วง ผมด้วยหรอ ดีใจจัง” มันยิ้มหน้าบานเลย
“ตามมารยาทโว้ย แล้วไม่ซ้อมเชียร์หรือไง เดี๋ยวคนขาดเพื่อนโดนลงโทษหรอก” ผมบ่นที่มันไม่อยู่ซ้อมเชียร์
“พี่นี่ไม่มีคนแจ้งข่าวเลยหรือไง วันนี้เขาประกาศให้ซ้อมแค่ จันทร์ พุธ ศุกร์ แล้ว เพราะใกล้สอบมิดเทอม จะได้มีเวลาพักผ่อน วันนี้ก็เลยว่าง” มันหลอกด่าผมป่าวเนี่ยแต่มันยังยิ้มไม่หุบอีก
แล้วอาหารก็มาเสริฟ ต้อมกินได้เยอะมากจริงๆ ท่าทางจะหิวมากอย่างที่บอก ผมก็ใช่ย่อยที่ไหนมื้อแรกของวันนี้เลย เลยยังสั่งเป็ดย่างกับหมีหยกเพิ่มอีกต่างหาก
“พี่ครับเงินตกมาเก็บเงิน ไปด้วยครับ” ต้อมมันกวนพนักงาน สักพักพนักงานก็เดินกลับมาพร้อมบิลค่าอาหาร ผมเตรียมควักกระเป๋าจ่ายแล้ว
“ทำอะไรพี่เก็บไปเลย มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” มันหันมาดุผม
“เฮ้ย พี่เป็นพี่นะต้องเลี้ยงน้องสิ” ผมแย้ง
“พี่เพ้อ อะไร อีกหน่อยก็มาเป็นแฟนผมแหละ เลี้ยงแฟนในอนาคตจะเป็นไรไป” ดูมันพูดมันไม่อายพนักงานเลย แต่ผมโคตรอายเลยตอนพนักงานเขาหันมามองหน้าผมกับมัน แล้วมันก็เป็นคนจ่ายเงิน
แล้วผมกับมันก็เดินเล่นกันสักพักผมก็ให้มันกลับบ้านเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว อีกอย่างบ้านมันอยู่ไกลจากบ้านผมพอสมควรเลย มันบอกว่าจะมาส่งผมก่อนแล้วก็จะกลับเลย
“ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงผม
“สวัสดีครับ” ผมรับสาย
“พี่นัท อยู่บ้านเปล่าครับเดี๋ยวผมแวะไปหา” เสียงหนุ่ยดังมาจากปลายสาย
“พี่ออกมา ข้างนอกแล้ว มากินข้าว แต่ก็กำลังจะกลับแหละ” ผมตอบ
“งั้นพี่อยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปรับกลับบ้านแล้วกัน” หนุ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก พี่อยู่กับต้อมพอดี เดี๋ยวต้อมจะไปส่งพี่เหมือนกัน”
“พี่อยู่กับไอ้ต้อ มหรอ มันไปหาพี่นี่เองถึงว่ามันหายไปไหน เรียนยังไม่ทันหมดคาบเลย” หนุ่ยทำเสียงไม่พอใจ
“แล้วก็ไม่ต้องแวะหาพี่นะ พรุ่งนี้เจอกันที่ซุ้มตอนเช้า”
“ก็ได้ครับ พรุ่งนี้เช้าผมมีอะไรจะบอกพี่ด้วย งั้นแค่นี้นะครับ” หนุ่ยวางสายทันที
“ไอ้ หนุ่ยโทรมาหรอพี่” ต้อมหันมาถาม ผมได้แต่พยักหน้าตอบ
ผมกลับมาถึงบ้านก็นอนคิดว่าสงสัยหนุ่ยจะบอกผมว่าชอบผมอีกคนแน่ๆ เพราะผมรู้จากต้อมแล้วแล้วผมจะทำยังไงดี แต่หนุ่ยก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่งที่เดียวนิสัยก็พอๆกันกับต้อม แล้วนี่ผมเป็นอะไรเนี่ยะมานั่งลังเลว่าจะชอบผู้ชายคนไหน ท่าทางผมจะเริ่มเบี่ยงเบนซะแล้ว ผมนอนคิดสักพักก็หลับไปคงเพราะอิ่มจาก MK ที่ไปกินกับต้อมมา
“ปิ้นๆๆ” เสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง ขณะผมกำลังเดินไปขึ้นรถเมล์ตอนเช้า ผมเลยหันไปดูปรากฏว่าเป็นรถของหนุ่ยขับตามหลังมา
“พี่นัท ผมมารับพี่ไปมหา’ลัยครับ” หนุ่ยเปิดกระจกแล้วชะโงกหัวออกมาเรียก ผมแปลกใจว่าหนุ่ยรู้ได้ไงว่าผมจะออกจากบ้านเวลานี้
“เร็วๆพี่ รถข้างหลังเขาติดนะ” หนุ่ยยังตะโกนบอก ผมเลยต้องเดินขึ้นรถหนุ่ย
“ผมมารอ พี่ตั้งนาน นึกว่าวันนี้จะไม่ไปเรียนอีกแล้ว” หนุ่ยบอกขณะที่ผมหยิบเข็มขัดมาคาด
“แล้วมารอพี่ทำไม บอกว่าจะเจอกันที่ซุ้มไง”
“ก็ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวนี่ นา” หนุ่ยหันมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปมองทางอีกที
แต่หนุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร เพราะคิดว่าพอจะรู้บ้างแล้วว่าเรื่องอะไร ได้แต่นั่งคิดว่าจะคุยกับน้องยังไงดี ไม่อยากจะให้ต้อมกับหนุ่ยมาผิดใจกันเพราะผม หนุ่ยขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของมหา’ลัยชั้น 3 ตอนนี้แทบไม่มีรถจอดอยู่เลยสักคน เพราะมาพวกเรามาถึงกันแต่เช้า ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ หนุ่ยก็กดล็อคประตูรถทันที
“ล็อครถทำไม พี่ยังไม่ได้ลงเลย” ผมหันมาถามหนุ่ยด้วยความสงสัย
“ผมอยากคุยกับพี่ที่ นี่ให้มันรู้เรื่องก่อน พี่ต้องคุยกับผมก่อน” หนุ่ยทำเสียงจริงจัง มือยังจับพวกมาลัยรถไว้แน่น
“เออ พี่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่ต้อมมันบอกพี่หรอกนะ” ผมบอกหนุ่ยหันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก
“นี่ไอ้ต้อมมันเล่า เรื่องให้พี่นัทฟังหมดแล้ว มันบอกอะไรกับพี่บ้างพี่บอกผมหน่อยได้ไหมครับ” มือหนุ่ยยังจับพวกมาลัยรถไว้แน่นมากเหมือนกำลังตื่นเต้นอย่างมาก
“มันก็ บอกพี่เรื่องของเราแค่นั้นเอง” ผมบอกโดยไม่มองหน้าหนุ่ย
“นั่นแหละพี่มัน บอกพี่ว่ายังไงบ้าง ผมจะได้อธิบายให้พี่เข้าใจ” หนุ่ยคงเครียดมากฟังจากน้ำเสียง
“เออ...... ก็บอกพี่ว่า..... เรานะชอบพี่ แต่พี่ว่ามันคงอำพี่เล่นเท่านั้นเอง” ผมพูดแบบไม่ค่อยเต็มเสียง
“มัน เอาเรื่องผมไปบอกพี่ได้ยังไงกัน เดี๋ยวมันต้องเจอกับผมแน่ๆ” หนุ่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เฮ้ย เรื่องล้อเล่นแค่นี้เอง จะมาทะเลาะกันทำไม” ผมรีบพูดทันทีเพราะไม่อยากให้พวกมันทะเลาะกัน
“มัน ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพี่ แล้วผมก็ชอบพี่จริงๆ พี่จะว่ายังไง” หนุ่ยจ้องมาที่ผมซึ่งก็ก้มหน้าหลบสายตาของมันอยู่
“พี่นัทผมจริงจังนะพี่ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พี่เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมรู้สึกชอบจริงๆ” หนุ่ยเอื้อมมาจับมือผม ผมก็พยายามดึงกลับแต่หนุ่ยก็จับไว้แน่นมาก
“พี่ ว่าพวกเราล้อเล่นกับพี่มากไปแล้วมั้ง ทำไมพวกเราต้องมาชอบพี่ด้วย พวกเราสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่” ผมดึงมือกลับ
“พี่หมายความว่ายังไง พวกผมสองคน” หนุ่ยทำหน้าสงสัย
“ก็ใช่นะสิ ก็เราทั้งสองคน อยู่ๆก็มาบอกชอบพี่พร้อมกันอย่างนี้ พี่ว่ามันมากเกินไปแล้วเล่นอะไรกันอยู่” ผมเริ่มเครียดเหมือนกัน
“มันก็ ชอบพี่เหมือนกันจริงๆด้วย” หนุ่ยกลับไปทำหน้าเครียดขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ผม ไม่ได้ล้อเล่นนะพี่ ผมรู้สึกชอบพี่จริงๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมคงเพี้ยนไปแล้วเพราะพี่เป็นผู้ชายเหมือนผม แต่พอผมคุยกับพี่สนิทกับพี่มากขึ้นผมกลับรู้สึกคิดถึงพี่มากขึ้นด้วยเหมือน กัน มันเกิดได้ยังไงผมก็ไม่รู้แต่ผมคิดว่าผมชอบพี่แน่นอน และผมไม่ได้ล้อเล่นด้วยนะครับ” หนุ่ยระบายความในใจออกมามากมายสายตายังจ้องมาที่ผมตลอด ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกสับสนเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ผมไม่อยากโดนอำเป็นตัวตลกนะครับ
“พี่ว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า จะอำกันขนาดนี้เลยหรอ พี่ยังไม่อยากเป็นตัวตลกของใครนะ” ผมพูดในสิ่งที่ผมคิด
“พี่คิดว่าที่ผมชอบพี่มันจะทำให้พี่เป็นตัวตลกหรอ ครับ” หนุ่ยทำเสียงเข้ม
“ก็ใช่ ถ้าเราแกล้งจนพี่เกิดชอบเราตอบ แล้วมันกลายเป็นเกมส์หรือการพนันอะไรของพวกเรา เราคิดว่าพี่จะเป็นยังไง” ผมเริ่มเครียด
“ผมไม่เอาความรู้สึกของคนที่ผมชอบมาทำร้ายแน่นอน ผมไม่รู้นะว่าไอ้ต้อมมันคิดยังไง แต่ผมชอบพี่จริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น พี่จะให้ผมพิสูจน์ยังไงก็ได้ ถ้าพี่ต้องการ” หนุ่ยจับมือผมไว้อีกหน
“แล้ว พี่คิดว่าผมไม่เครียดหรือไง ผมคิดมานานแล้ว คิดแล้วคิดอีกจนผมรู้ว่าผมชอบพี่จริงๆ ทั้งที่พี่เป็นผู้ชายเหมือนผม ผมกลัวนะว่าถ้าบอกพี่ไปแล้วพี่จะไม่ยอมคุยกับผมอีก ผมกลัวจริงๆเมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว” หนุ่ยเสียงเศร้ามากแต่ยังกุมมือผมไว้แน่น
“เออ... ยังไงพี่ก็ขอบใจนะที่เรามาชอบพี่ แต่พี่ยังไม่ทันเตรียมตัวกับเรื่องแบบนี้ ขอเวลาพี่หน่อยได้ไหม” ผมเข้าใจความสับสนของหนุ่ยเพราะตอนนี้ผมก็เริ่มสับสนแล้วเหมือนกัน ที่อยู่ๆน้องที่ผมสนิทด้วยมาชอบผมแบบนี้
“แสดงว่าพี่ก็ไม่ได้รังเกลียดผม ใช่ไหมครับ” หนุ่ยยิ้มออกแล้วดึงมือผมเข้าหาตัวจนผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน ผมตกใจและอึ้งไปชั่วขณะที่อยู่ดีๆก็โดนกอด
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงคนเคาะกระจกด้านหลังผม ผมได้สติจึงผลักตัวออกจากการกอดของหนุ่ย แล้วหันไปดูทันที คนที่เห็นกลับเป็นต้อมยืนหน้าเครียดอยู่ข้างประตูฝั่งที่ผมนั่ง
“ไอ้ หนุ่ยมึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย ลงมาคุยกันหน่อย” ต้อมตะโกนผ่านกระจกเข้ามา
“กู คิดแล้วว่ามึงต้องไปรับพี่เขามาเช้านี้ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะพาพี่เขาแอบมาทำอะไรแถวนี้” ต้อมพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
ตอนนี้ผมเริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกตามความจริงว่าผมกลัวว่าน้องทั้ง 2 คน จะทะเลาะกันแล้วสาเหตุมาจากผม แถมยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกต่างหาก ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น หนุ่ยก็เปิดประตูลงไปโดยที่ต้อมยืนอยู่อีกฝั่งของรถ ผมเลยรีบเปิดประตูลงตามมาด้วยอีกคน
“มึงมาก็ดีจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง กันไปเลย” หนุ่ยพูดเสียงนิ่งๆ
“มึงมีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า แต่อย่ามาทำกับพี่นัทแบบนี้ กูไม่ชอบ” ต้อมดูจะโกรธนิดหน่อยเมื่อฟังจากน้ำเสียง
“มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูชอบพี่ เขา แล้วทำไมมึงยังไปยุ่งกับพี่เขาอีก มึงต้องการอะไรกันแน่” หนุ่ยยังคงพูดแบบนิ่งๆ
“กูรู้ว่ามึงชอบพี่เขา แต่กูขอโทษกูตัดใจไม่ชอบพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน กูพยายามแล้วที่จะหลีกทางให้มึง แต่กูก็ทำไม่ได้จริงๆ กูคิดว่าความรู้สึกนี้มึงก็น่าจะเข้าใจกูเหมือนกัน” ต้อมเสียงเศร้าไปนิดหน่อยเมื่อถึงตอนนี้ ส่วนผมก็ได้แต่ฟังกับเรื่องที่มันสองคนคุยกันได้แต่หันไปมองหน้ามันสองคน สลับกันไปมา
“แต่กูคิดว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่การตัดสินใจของพี่เขา ถ้าพี่เขาไม่ชอบกูแล้วชอบมึงกูก็จะไม่ว่าอะไรเลยที่มึงทำกับพี่เขาแบบนี้ แต่นี่พี่เขายังไม่ได้ตอบตกลงใครทั้งนั้น มึงก็อย่าลุ่มล่ามกับพี่เขาได้ไหมกูขอ” ต้อมพูด
“หยุดเลยทั้งสองคน” ผมแทรกขึ้นมา “แล้วนี่ยังเห็นพี่อยู่ในสายตาอีกไหม แค่รู้ว่าเราสองคนชอบพี่ พี่ก็ดีใจแล้วแต่ถ้าจะมาทะเลาะกันเพราะพี่อีกก็อย่ามาชอบพี่กันเลยนะ เพราะแบบนี้พี่ก็รับไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างพี่ยังรับเรื่องแบบนี้ไม่ทันเหมือนกัน สำหรับเราสองคนอาจคิดกันมานานแล้ว แต่พี่ไม่ใช่พี่ยังไม่ทันคิดไม่ทันเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้นเลย ขอเวลาให้พี่คิดอะไรคนเดียวบ้างได้ไหม แล้วถ้าเรายังทะเลาะกันอยู่แบบนี้ก็อย่ามาคุยกับพี่เลยนะ” ผมเดินออกมาทันทีหลังจากที่พูดความในใจออกไปหมดแล้ว โดยไม่ได้หันกลับไปมองทั้งสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมเดินมานั่งที่ซุ้มคนเดียวเหมือนเดิมเพราะยังเช้าอยู่ ผมนั่งคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่ามันเกิดขึ้นกับผมได้ยังไงผมเกิดมาจนจะอายุ 20 แล้วก็เพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้ ถึงที่ผ่านมาผมก็มีแฟนมาบ้างแต่ก็เป็นผู้หญิงแล้วผมจะทำยังไงกับคราวนี้ ความจริงผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับน้องสองคนนี้นะ กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำเพราะทั้งสองคนก็เป็นคนนิสัยดีน่ารักทั้งคู่ แต่ผมจะคบกับมันกันยังไงละครับเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งปวดหัวและสับสนไปหมด
“ไอ้นัทเหม่อลอยคิดถึงใครวะ” เสียงไอ้ตี๋เรียกทำเอาผมตกใจ
“แหม ขวัญอ่อนจริงๆวันนี้” มันแซว
“เออ โทษทีคิดไรเพลินๆไปหน่อย ปะไปขึ้นเรียนได้แล้วรอตั้งนาน” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที
วันนี้ผมเรียนไม่รู้เรื่องทั้งวันเลย เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวนเวียนเข้ามาตลอดเวลา จนถึงเย็นที่ต้องไปซ้อมเชียร์ พอตอนแบ่งกลุ่มผมก็ขอเปลี่ยนกลุ่มกับไอ้ตี๋เพราะผมยังไม่อยากเจอหน้าสองคน นั้น พอเลิกซ้อมเชียร์ผมก็รีบกลับบ้านทันที
“เฮ้ยนัท ไม่ไปกินข้าวกันก่อนหรอ” ไอ้ตี๋ตะโกนถามเมื่อเห็นผมกำลังเก็บของจะกลับบ้าน ผมหันไปมองเห็นหนุ่ยกับต้อมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
“เออ พอดีวันนี้ไม่ว่าง นัดกับที่บ้านไว้ขอตัวก่อนแล้วกันนะ” ผมหาข้ออ้างให้กับตัวเอง แล้วเดินออกมาทันทีเลย แต่ผมดันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ซุ้มอีก ทีแรกจะไม่กลับไปเอาแต่ผมก็กลัวหายถ้าเผื่อเพื่อนผมไม่ทันเห็น ผมเลยต้องกลับไปเอา พอมาถึงที่ซุ้มผมก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ ผมหาอยู่พักใหญ่ๆจนถอดใจแล้วคิดว่าคงหายไปแล้วแน่นอน ผมเลยคิดว่ากลับบ้านก่อนดีกว่า
“หานี่อยู่หรือเปล่าพี่” ผมหันไปตามเสียงที่ทัก ก็เห็นหนุ่ยกับต้อมยืนอยู่ด้วยกัน แล้วโทรศัพท์ผมก็อยู่ในมือต้อมอีกต่างหาก
“ขอบใจ” ผมเดินจะไปหยิบโทรศัพท์จากมือต้อม แต่มันกลับเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังของมัน
“พี่ ต้องคุยกับพวกผมให้เข้าใจก่อน แล้วผมจะคืนให้” มันต่อรองผมซะงั้น
“มันจะ เกินไปแหละ ให้มันรู้ซะมั่งใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง เอาของพี่คืนมาเลยถ้าไม่อยากมีเรื่องพรุ่งนี้” ผมขู่
“ตามใจพี่แล้วกัน แต่ถึงยังไงพี่ก็ต้องคุยกับผมสองคนให้รู้เรื่อง พวกผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ” คราวนี้ต้อมมันทำหน้าจริงจัง
“เออๆๆ จะคุยอะไรก็ว่ามา” ยังไงพวกมันก็มีโทรศัพท์ผมเป็นตัวประกันอยู่แล้วนี่ ผมก็คงต้องคุยกับพวกมันสองคนอยู่ดี
“คือผมสองคนคุยกันแล้วพี่ เราตกลงกันว่าเราจะแข่งกันจีบพี่กันอย่างแฟร์ๆ ถ้าพี่ชอบใครหรือคบใครอีกฝ่ายต้องถอยออกไป แต่เราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ต้อมเล่าเรื่องที่พวกมันตกลงกันให้ผมฟัง
“เออ ดีเนอะ ตกลงกันง่ายดี แล้วถ้าพี่ไม่ชอบใครเลยล่ะจะทำไง” ผมถาม
“อันนี้ มันก็เรื่องของพวกผมนะพี่ ที่จะเลิกชอบพี่หรือเปล่า แต่ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้คอยดูแล้วกัน” หนุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจจริงๆ
“เออ เรื่องของพวกแกแล้วกัน เอาโทรศัพท์มาพี่จะกลับบ้าน” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับพวกมันอีก เพราะมันก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ” ต้อมเสนอตัวพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนมาให้
“เฮ้ยเดี๋ยวกูไปส่งเอง บ้านมึงคนละทาง” หนุ่ยขวางลำเต็มที่เลยงานนี้
“เออ ยังไม่ทันไรมันจะกัดกันอีกแล้ว แล้วบอกจะไม่ทะเลาะกันพี่กลับเองได้ไม่ต้องไปส่งสักคนเลย แม่งปวดหัวจริงๆ” ผมบ่นแล้วก็เดินออกมาจากพวกมันสองคน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 01-05-2010 00:52:13
ความจริงลงต่อจากตอนเเรกๆก็ได้นี่ครับ

เเต่ก็ไม่เป็นไร(มั้ง)วันนี้มาจิ้มไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้

อ่านเเล้วจะเม้นให้ใหม่
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 01:00:42
ตอนที่ 3

เช้า นี้ผมกำลังเดินมาที่ซุ้มเห็นมันสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว งานเข้าอีกแล้วแน่ๆกู มันจะมากันทำไมแต่เช้าชีวิตส่วนตัวกูจะเหลืออีกไหมนี่ ผมเลยเดินเลยโต๊ะที่พวกมันสองคนนั่งไปนั่งโต๊ะถัดไปอีก 2 ตัว

“โห ทำเป็นมองไม่เห็นน้องนุ่งนะ” ต้อมบ่นแล้วลุกเดินมาที่โต๊ะผมนั่ง หนุ่ยก็ลุกเดินตามมา พวกมันจะรังควาญผมไปถึงไหนนี่ ผมต้องการความสงบ

“อืม ก็เห็นนะแต่อยากนั่งตรงนี้ แล้วมีอะไรกับพี่ไหม” ผมกวนพวกมันกลับไป

“ใครจะกล้ามีอะไรกลับพี่ละ ครับ เดี๋ยวพี่ไม่ชอบผมขึ้นมาก็แย่กันพอดี” หนุ่ยพูดพร้อมนั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าผม

“พอแหละมึงอะเลี่ยนไปแหละ ใครจะชอบมึงพี่เขาชอบกูนี่” ต้อมเริ่มขัดขากันอีกแหละ ผมได้แต่นั่งมองหน้ามันที่เถียงกันว่าผมจะชอบใครมากกว่ากัน

“เมื่อไหร่จะเงียบกันซะที พี่จะทำรายงานไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว” ผมต้องห้ามทัพเพราะนั่งฟังมันเถียงกันมานานแหละจนเริ่มรำคาญ

“ฝากของแปบนะ พี่จะไปหาซื้ออะไรมากินหน่อย” ผมลุกขึ้นจะไปซื้อน้ำกับขนมมากินรองท้องก่อนเข้าเรียนเช้าซะหน่อย

“ไม่ต้องเลยพี่ เดี๋ยวผมจัดการให้” แล้วหนุ่ยก็ลุกขึ้นวิ่งไปโรงอาหารแทนผมซะงั้น ต้อมก็ลุกตามไปทันที ผมก็เลยนั่งลงเพราะจะรอดูว่ามันสองคนจะทำไรกันอีก สงสัยผมคงหาความสงบในชีวิตไม่ได้อีกนานถ้ามันสองคนยังเป็นกันแบบนี้อยู่

สักพักมันสองคนก็เดินถือขนมกับน้ำกลับมา โดยหนุ่ยซื้อพวกขนมปังมาหลายอย่างเลย ต้อมก็ไม่น้อยหน้าซื้อน้ำมาสามสี่อย่างเหมือนกัน พวกมันบอกว่าไม่รู้ว่าผมชอบอะไรเลยซื้อมาไว้ก่อนผมจะได้เลือกได้ ผมก็เลือกน้ำเก็กฮวยกับบราวนี่มาจากมันสองคน แล้วผมก็หยิบเงินให้ไป ตอนแรกพวกมันจะไม่รับเพราะว่าอยากซื้อมาให้ ผมเลยบอกไม่ได้ผมเป็นพี่จะมาให้น้องเลี้ยงได้ยังไง มีแต่พี่ต้องเลี้ยงน้องพวกมันถึงยอมรับเงินกัน

เวลาเข้าเรียนตอนนี้เป็นช่วงที่ผมชอบมากที่สุด เพราะทำให้ผมไม่ต้องเจอกับมันสองคน ผมรู้สึกทั้งผ่อนคลายและสบายอย่างบอกไม่ถูก ผมก็เพิ่งรู้ว่าการเรียนมันก็มีดีคราวนี้นี่เอง เพราะถ้าผมว่างไปนั่งที่ซุ้มเมื่อไหร่ มันสองคนก็จะมานั่งเสนอหน้าและเถียงกันตลอด จนผมเริ่มจะชินซะแล้วที่ต้องเห็นมันสองตัวเอ้ยมันสองคนมานั่งเถียงกัน

ผ่านมาสองเดือนหลังจากวันที่ผมรู้ว่าหนุ่ยกับต้อมมันชอบผม ผมเริ่มคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกถ้าวันไหนไม่เห็นทั้งสองคนมานั่งเถียงกันผมก็ จะรู้สึกเหงาๆเหมือนกัน แล้วผมก็ชินกับการที่ต้องทำอะไรก็ตามพร้อมกับสองคนนี้ซะแล้ว ไม่ว่าจะกินข้าวหรือแม้แต่ไปเที่ยวในวันหยุด ขนาดผมไปเที่ยวในกลุ่มผมมันสองคนยังขอตามไปด้วยตลอด ทำให้ถ้าผมไม่เห็นหน้าทั้งสองคนก็จะเหงาเหมือนกัน หรือว่าผมจะเริ่มชอบพวกมันบ้างแล้ว แต่คงไม่ใช่หรอกคงเป็นแค่ความเคยชินเท่านั้นเองผมบอกกับตัวเอง
ผมคุ้นเคย กับสองคนนี้ทำให้ผมเห็นว่าทั้งสองคนมีนิสัยที่แตกต่างกันเยอะ หนุ่ยออกจะเป็นคนที่จริงจังคิดก่อนทำ แล้วอ่อนโยนมาก สมกับที่เป็นลูกคนมีเงินจริงๆ เพราะบ้านหนุ่ยประกอบกิจการใหญ่โตมาก ส่วนต้อมจะเป็นคนที่ติดทะเล้นนิดหน่อย กล้าคิดกล้าทำออกห้าวนิดๆแต่ตอนอยู่กับผมก็เป็นคนอ่อนโยนนะ เอาใจเก่งแถมยังชอบอ้อนอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ผมเลือกคบใครตอนนี้ก็คงยังตัดสินใจไม่ได้หรอกครับ แหมก็ดีด้วยกันทั้งคู่และผมก็ยังไม่อยากทำให้ใครเสียใจด้วยนี่ครับ

“แจวมาแจวจ้ำจึงน้ำนิ่งไหล ลึกนึกถึงคนแจว” เสียงเพลงแจวเรือดังขึ้นอย่างสนุกสนานบนรถทัวร์ที่เราจ้างมา เพราะวันนี้เราจะไปรับน้องที่ต่างจังหวัดกัน ปีนี้เราตกลงมารับน้องที่เขาตะเกียบที่เพชรบุรีกัน กลุ่มผมได้มานั่งคันเดียวกับรุ่นน้องเพราะเป็นพี่ entertain เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมสนุกสนานระหว่างเดินทางก่อนที่จะโดนแกล้งหลังจากถึง ที่รับน้องแล้ว

“เอ้า แจวมาแจวจ้ำจึงน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือจะไปซื้อผักๆ ใครชอบพี่นัทลุกขึ้นมาแจว” อยู่ๆไอ้ตี๋ก็ร้องท่อนนี้ขึ้นมา พอร้องจบคงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครจะลุกมาแจวแต่ว่ายังมีน้องอีกสองสามคนลุก ขึ้นมาแจวด้วยนี่สิ พร้อมด้วยเสียงโห่จากพวกเพื่อนๆผม แซวพวกที่ลุกขึ้น

“เฮ้ย มีเยอะกว่าที่คิดวะ พี่คิดว่าจะมีแค่เองสองตัวนะนี่ ถ้าทางจะมีคู่แข่งเยอะแล้วนะพวกเอง” ไอ้ตี๋แซวหนุ่ยกับต้อม เพราะไอ้ตี๋รู้เรื่องหนุ่ยกับต้อมจากที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว กลุ่มผมส่วนมากเราจะไม่ค่อยมีความลับกันอยู่แล้ว

“เอาๆหันไปดูหน้า คู่แข่งไว้นะ ระวังแย่งกันเพลินหมาคาบไปแดกแล้วกัน” ไอ้ตี๋ยังไม่เลิกแซว จนผมต้องตบหัวมันไปทีหนึ่ง สงสัยเรื่องผมจะได้รู้กันทั้งคณะก็เพราะมันวันนี้แน่ๆ ปากหมาจริงๆเพื่อนตู

รถวิ่งมาจอดแถวชายหาดใกล้ที่พัก เราก็ให้น้องลงมาเข้าแถวจักกลุ่มเป็น 8 กลุ่ม เพื่อที่จะไปเข้าฐานรับน้องที่พวกรุ่นผมและรุ่นพี่จัดรอไว้ คราวนี้ผมจัดให้หนุ่ยกับต้อมแยกกันอยู่คนละกลุ่ม โดยให้เหตุผลว่าสนิทกันมานานแล้วจะได้สนิทกับเพื่อนคนอื่นบ้าง หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จแล้วผมก็กลับไปประจำฐานที่ผมทำไว้แกล้งน้อง โดยให้เพื่อนคนอื่นคุมน้องแทน

ฐานที่พวกผมเตรียมไว้ง่ายมากเลย พวกผมเอาต้นไม้มาทำเป็นซุ้มยาวประมาณ 5 เมตร ไว้ให้น้องคลานลอดออกมา ระหว่างทางเราก็จะเอาน้ำแช่น้ำแข็งเย็นๆราดลงไป ยังไม่หมดแค่นี้เพราะก่อนเข้าเราจะให้น้องกินขนมก่อน ขนมที่เราเตรียมมาก็คือขนมปังที่ยัดไส้กะปิกับพริกขี้หนูอีกครึ่งเม็ด แต่ผมมีพิเศษสำหรับหนุ่ยกับต้อมไว้แล้ว อย่างพวกมันต้องเจอพริกสองเม็ด

พวกเราสนุกกันพอดูจากการที่เห็นอาการหนาวจากน้ำแช่เย็น และสีหน้าจากน้องที่กินขนมปังสูตรพิเศษของพวกเรา จนกลุ่มที่ต้อมอยู่เข้ามาถึง ผมรอเวลานี้มานานแล้วที่จะได้แกล้งมันซะที พอมันมาถึงตรงที่ต้องหยิบขนมปังไปกิน

“เดี๋ยวรอก่อนเลย ต้อมอะ” ผมเรียกต้อมไว้ก่อน แล้วหยิบขนมอันที่เตรียมไว้ต่างหากเดินมาหามัน

“ของเรามันต้องชินนี้ พี่เตรียมมาให้เราเลยนะนี่” ผมยื่นขนมในมือให้

“ไม่เอาอะพี่ ผมรู้พี่ต้องแกล้งผมแน่ๆ” แนะมันรู้ทันอีก

“โห ยังงี้ไม่ชอบกันจริงนี่หว่า ให้กินแค่นี้ยังไม่กินเลย” ผมเลยแกล้งน้อยใจ

ต้อมนิ่งไปแปบนึง “ผมกินก็ได้แต่พี่ต้องป้อนนะ” มันหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม เอาไงเอากันวะแค่ป้อนมันเอง ยังไงผมก็อยากแกล้งมันมากกว่า ผมจึงป้อนขนมปังให้มัน พอเคี้ยวแค่นั้นแหละครับพริกสองเม็ดใหญ่พิเศษคงออกฤทธิ์ ต้อมมันน้ำตาไหลหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ไม่โวยวายอะไรเก็บอาการเก่งจริงๆ ผมได้แต่ยืนมองหน้าแล้วยิ้มให้ด้วยความสะใจที่ได้แกล้งมันซะที มันยังหันมามองหน้าผมเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อน 555 มันคิดว่าผมกลัวหรือไง

สักพักกลุ่มหนุ่ยก็มาถึงแต่ผมไม่ได้แกล้งหนุ่ยเพราะหนุ่ยบอกว่าแพ้กะปิ ผมเลยได้แกล้งต้อมแค่คนเดียว หลังจากน้องๆผ่านฐานที่ผมจัดให้หมดแล้ว พวกผมก็เลยมาเล่นน้ำทะเลรอ เพราะเป็นจุดนัดสุดท้ายก่อนที่จะให้น้องเข้าที่พัก พอพวกพี่ปี 3 ให้เวลาน้องล้างตัวและเล่นน้ำทะเลโดยให้ปี 2 คอยดูแล ผมก็เลยขึ้นมานั่งมองอยู่ที่ชายหาดจนหมดเวลารุ่นพี่เรียกทั้งหมดรวมตัว ผมจึงรีบลุกไปเข้ารวมกลุ่มและยืนอยู่ด้านหน้าแถวน้องปี 1

“พี่นัท มือพี่ไปโดนอะไรมา” เสียงต้อมตกใจตะโกนมาจากในแถว ผมยังแปลกใจกับที่ต้อมบอกผมจึงยกมือขึ้นมาดู เมื่อผมยกมือขึ้นมาดูปรากฏว่ามือขวาผมเต็มไปด้วยเลือดที่กำลังไหลจากกลางฝ่า มือออกมา กลางฝ่ามือขวาผมโดนอะไรบาดเมื่อไหร่ผมไม่รู้ตัวเลย สงสัยที่ใช้มือยันตัวลุกขึ้นมาก่อนที่จะมารวมตัวแน่ๆ

ต้อมวิ่งเข้ามาถึงตัวผมคนแรก ตอนนั้นผมก็กำลังตกใจเมื่อเห็นแผลกับเลือดที่ออกมาเยอะมาก แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บเลยนะครับ ต้อมถอดเสื้อเอามากดไว้ที่ฝ่ามือผมทันที เพื่อนผมคนอื่นๆก็วิ่งมาหาผมกันบ้างแล้ว

เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายเพราะ เลือดผมออกเยอะมาก พี่แอมป์เลยรีบไปเอารถแกมารับผมเพื่อไปอนามัยแถวนั้น ต้อมจะขอไปด้วยแต่พี่แอมป์ไม่ให้ไป

ปรากฏว่าผมต้องเย็บฝ่ามือไป 3 เข็ม เพราะแผลกว้างมากหมอบอกน่าจะโดนพวกขวดแตกบาด แต่ผมไม่รู้สึกจริงๆนะครับตอนนั้นนะ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บขึ้นมาแล้วหมอจึงให้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบผมมากิน ตอนกลับผมเห็นเสื้อสีฟ้าของต้อมที่ใช้กดแผลผมมาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด ผมกลับมาที่พักพวกไอ้ตี๋เข้ามาดูผมก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะขึ้นจากน้ำทะเลก็ไปหาหมอเลย

ผมออกมาก็ไปที่กินข้าวเลยแต่ตอนนี้ผมเริ่มปวดมือมากๆแล้ว พวกเพื่อนผมก็ไปรอที่นั่นผมแล้วเพราะต้องไปคุมน้องเพื่อกินข้าวเย็นกัน

“ต้อมขอบใจมากนะ เสื้อเดี๋ยวพี่เอาไปซักให้ก่อนนะค่อยเอามาคืนให้” ผมหันไปบอกต้อมตอนที่เดินผ่านโต๊ะที่ต้อมนั่งกินข้าวอยู่ ต้อมกลับลุกขึ้นมาแล้วจับมือผมขึ้นไปดู
“เป็นอะไรมากไหมพี่ เรื่องเสื้อช่างมันเถอะผมห่วงพี่มากกว่า” ต้อมจับมือผมขึ้นไปพลิกดูเบาๆ

“เรื่องเล็กแค่ 3 เข็มเอง” ผมพูดแบบสบายๆเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วง

“3 เข็ม ยังจะมาทำเล่นอีก เดี๋ยวอักเสบขึ้นมาจะแย่เอา” ต้อมทำหน้ากังวล ผมเลยหันไปมองหนุ่ยเห็นนั่งทำหน้าไม่ดีอยู่ที่โต๊ะนั้นเอง

“เดี๋ยวคืนนี้กินเหล้าก็ หายแล้ว” ผมยิ้มดึงมือกลับแล้วไปนั่งกับเพื่อนเพื่อกินข้าวเย็น

ตอนกลางคืนเราก็มีบายศรีสู่ขวัญให้กับน้องๆ การบายศรีเหมือนเป็นการบอกว่าเรายอมรับน้องเป็นรุ่นน้องแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องมีพี่ว๊ากอีก พี่ว๊ากก็คุยเล่นสนุกสนานกับน้องๆแล้ว เพราะจริงๆพี่ว๊ากทุกคนติ้งต๊องมากๆ หลังเสร็จช่วงพิธีการผมก็ขอตัวกลับมาห้องก่อน เพราะปวดมือมากๆแล้วเลยกะจะกลับมากินยาที่หมอให้มา แล้วว่าจะนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวจะได้ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนๆต่อได้ ปกติผมกับเหล้าจะพลาดกันไม่ค่อยได้ถ้ามีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้าพวกเพื่อนๆ ผมกินยาสักพักก็หลับไป

ผมมารู้สึกตัวเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากผมสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่นิ่มๆ ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าของต้อมอยู่ติดกับหน้าของผม แสดงว่าต้อมมันกำลังจูบผมอยู่

“โอ้ย” ผมร้องเสียงหลง เพราะผมใช้มือผลักต้อมออกเต็มแรงโดยที่ลืมว่ามือเจ็บอยู่

“พี่นัท เจ็บไหมพี่” ต้อมดึงมือผมไปดู ซึ่งตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลแล้ว

“ไม่เป็นไร แล้วเมื่อกี้เราทำอะไรพี่” ผมโกรธแล้วดึงมือกลับทั้งๆที่ตอนนี้เจ็บแผลมากๆ

“ขอโทษพี่ ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ” ต้อมทำหน้าเจื่อนๆ

“ผมกะเข้ามาดูว่าพี่เป็นไง บ้าง แต่ผมเห็นพี่หลับอยู่ แล้วมันก็....” ต้อมก้มหน้าสำนึกผิด

“เออๆๆ ช่างมันเถอะถ้างั้น ต่อไปอย่าทำอย่างนี้กับพี่อีก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมจริงจังขึ้นเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และอยากให้ต้อมออกไปจากห้องด้วย แถมตอนนี้แผลเริ่มเจ็บมากขึ้นอีกแล้วจนผมต้องก้มลงไปมองดูที่มือเห็นเลือด ยังซึมผ่านผ้าพันแผลออกมาอยู่

“เราออกไปเถอะ พี่จะนอนต่อ” ผมไล่ต้อมออกไปเพราะผมจะได้ทำแผลใหม่ และไม่อยากให้มันมาวุ่นวายกับผมตอนนี้ด้วย

แต่ต้อมมันกลับหันหลังไปหยิบกล่องยาแล้วขึ้นมาบนที่นอน ผมขยับถอยหลังหนีเพราะไม่รู้มันจะมาไม้ไหนอีก แล้วมันก็เอื้อมมือมาจับที่ข้อมือขวาข้างที่เป็นแผลของผมไป

“ให้ผมทำแผลให้พี่ก่อนนะ แผลพี่เลือดออกอีกก็เพราะผม” ต้อมเสียงเศร้าๆ แล้วแกะผ้าพันแผลผมออก ลงมือทำแผลให้ผมใหม่อย่างเบามือ

“พี่นัทอย่าเกลียดผมนะ” อยู่ๆต้อมก็พูดขึ้นมา ผมได้แต่ทำหน้างงๆ

“ก็เรื่องที่ผมแอบจูบพี่ เมื่อกี้ไง ผมจริงจังนะพี่ผมชอบพี่จริงๆ ชอบมากขึ้นทุกวันที่ผมอยู่ใกล้กับพี่ ผมอยากให้พี่เป็นของผมคนเดียว แต่พี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผมเลย ผมอึดอัดมากนะพี่เมื่อไหร่พี่จะเข้าใจว่าผมชอบพี่จริงๆ” ต้อมระบายความในใจออกมาขณะที่ยังตั้งใจทำแผลให้ผมอยู่

“พี่ก็เข้าใจนะว่าเราไม่ได้ ล้อเล่น แต่เราก็ต้องให้เวลาพี่บ้างเข้าใจพี่บ้างสิ” ผมเอามือซ้ายที่ว่างไปตบไหล่ต้อมเบาๆ

“งั้นพี่อย่าเกลียดผมนะครับ เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษจริงๆ” ต้อมยังก้มหน้าตลอด

“อืม ก็ไม่ได้เกลียดอะไรนี่ แต่อย่าทำแบบนี้กับพี่อีกถ้าพี่ไม่อนุญาต” ผมตบไหล่มันเบาๆอีกทีแล้วยิ้มให้

“ครับ แต่คราวหน้าผมจะทำให้พี่เต็มใจกับผมให้ได้เลย” มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มแบบทะเล้นๆให้

“ยังไม่สำนึกอีกนะ ไปเลยทำเสร็จแล้วก็ออกไปเลยพี่จะนอน” ผมไล่มัน มันลุกเก็บของจากที่นอน ก่อนออกจากห้องมันยังหันมายิ้มหวานให้ผมอีกรอบ โอ๊ยเหนื่อยใจกับมันจริงๆ ตกลงมันจะสำนึกไหมนี่

ผมนอนหลับต่อสักพักก็ตื่นขึ้นมา ยังไม่เห็นพวกไอ้ตี๋เข้ามานอนเลยคิดว่ามันต้องนั่งกินเหล้าที่ชายทะเลแน่ๆ ผมเลยออกจากห้องมาดูพวกมัน ก็เห็นพวกมันนั่งกินเหล้าอยู่ตรงชายทะเลข้างห้องจริงๆ

“อะไรวะ กินไม่ชวนกันเลยนะไอ้ตี๋” ผมตะโกนบอก

“โหแก เจ็บจะตายยังอยากแดกเหล้าอีก” ไอ้ตี้ด่ากลับ

“เออน่า เอามากินด้วยคน” ผมนั่งลงข้างไอ้ตี๋ ผมมองไปรอบวงที่พวกผมนั่งอยู่ มีไอ้ตี๋ ไอ้ต้นขาว แล้วสาวห้าวประจำกลุ่มผมไอ้แนท มีต้อมกับรุ่นน้องอีกสองคนอยู่ด้วย

“อ่าวต้อม เพื่อนเราหายไปไหนละ” ผมถามถึงหนุ่ย

“นั่นไงแก มันเมาหมดสภาพอยู่นั่นไง ไม่รู้มันเป็นไรของมันพูดถึงเรื่องแกกันอยู่ดีๆ มันยกเอาๆแปบเดี๋ยวหมดสภาพอย่างที่เห็นเนี่ย” ไอ้แนทตอบแทน

“ห่วงมันมากหรอพี่” ต้อมทำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“เปล่านี่ แค่แปลกใจปกติเห็นอยู่ด้วยกันอย่างกับปลาท่องโก๋”

“เออนั่นสิ นัทสงสัยเราว่าแกต้องคบมันพร้อมกันแล้วมั้ง” ไอ้ตี๋มันแซวมาได้ ปากปีจอจริงๆ

“พอเถอะ คนเดี๋ยวก็ยุ่งมากแหละ” ผมหันไปตบหัวมัน

“ถูกแล้วพี่ แค่ผมคนเดียวก็พอแหละ” ต้อมพูดแทรกขึ้นมา พวกผมหันไปมองหน้ามันกันทันที ท่าทางมันจะเริ่มเมาแล้วแน่ๆ

“พี่ตี๋ พี่แนท ผมจะบอกนะพี่ ผมอะชอบเพื่อนของพี่จริงๆแต่เพื่อนพี่ไม่เข้าใจผมซะที ทำไมเพื่อนพี่ใจแข็งแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่ผมบอกพวกพี่ไว้ก่อนเลยนะว่าผมยังไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะทำให้พี่นัทมาเป็นแฟนผมให้ได้อย่าหาว่าผมปีนเกลียวเลยนะพี่” ต้อมเสียงอ้อแอ้มากท่าทางจะเมาแล้วจริงๆ

“เออๆพี่ยกมันให้ ดูมันดีๆแล้วกันมันมีคนชอบเยอะน่าแต่มันไม่รู้ตัวหรอก” ไอ้ตี๋ยกผมให้มันง่ายๆซะงั้น

“เออเห็นด้วย แล้วอย่าเอามาคืนแล้วกันพวกพี่ไม่รับคืนนะ
โว้ย” ไอ้แนทเสริมอีก นี่พวกมันรักหรือเกลียดผมกันแน่ยกให้คนอื่นง่ายจริงๆ

“นี่เพื่อนนะโว้ยหวงบ้าง ห่วงบ้างได้ม่ะ แม่งยกให้คนอื่นเป็นขนมเลย” ผมหยิบน้ำแข็งขว้างใส่พวกมันสองคน

“ขอบคุณคราบ” ต้อมมันยกมือไหว้พวกไอ้ตี๋ แล้วหันมาทำหน้าทะเล้นให้ผมอีก

“ไอ้นี่ก็เป็นไปกับเขาด้วย รีบขอบคุณเลยนะ”

พวกผมนั่งคุยกันจนเกือบตี 3 ก็ให้น้องๆแยกย้ายเข้านอนกัน เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่ค่อยได้ดื่มเลยเหล้า ผมกลัวแผลอักเสบส่วนมากนั่งคุยกับเพื่อนๆน้องๆมากกว่า อีกอย่างพอจะกินต้อมมันก็คอยเอามือมาดึงแก้วเหล้าออกทุกที บางครั้งมันก็แย่งแก้วจากมือผมเอาไปกินเองก็ยังมี ขัดความสุขคนจะกินเหล้าจริงๆ

ผมเริ่มรู้สึกปวดที่มืออีกจนตื่น ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แล้วทำไมเพื่อนผมมันไม่ปลุกผมไปเดินชายทะเลตอน เช้า เมื่อคืนก่อนนอนนัดกันไว้แล้วนี่นา พอผมลุกขึ้นมาบนที่นอนก็เห็นต้อมนั่งมองอยู่ตรงปลายเตียง

“มาทำไรแต่เช้าเลย แล้วพวกเพื่อนพี่ไปไหนกันหมดละ” ผมตกใจเล็กน้อย

“สายแล้วคราบ ผมมานั่งเฝ้าตั้งนานแล้วกว่าพี่จะตื่น พวกพี่ตี๋เขาไปซื้อของฝากกันหมดแล้ว”

“อ่าว แล้วทำไมไม่มีใครปลุกพี่สักคน พี่บอกมันแล้วนะว่าจะไปด้วย”

“พี่เขาเห็นพี่ไม่ค่อยสบาย ไง เลยอยากให้นอนเยอะๆ เขาฝากบอกว่าเดี๋ยวจะซื้อของมาฝากเอง” ต้อมลุกเดินเข้ามาหาที่เตียง

“ลุกไปล้างหน้าอาบน้ำได้แล้วพี่ จะได้กินข้าวกินยาสายมากแล้ว” ต้อมมาดึงผมให้ลุกจากที่นอน แล้วดันไปที่ห้องน้ำด้านใน

“ขี้เซาจริงๆเลยนะพี่ ถ้าเป็นคนอื่นเขาทำอะไรพี่ไปแล้วมั้ง ผมมานั่งตั้งนานยังไม่รู้สึกตัวเลย” ต้อมบ่นอยู่หน้าห้องน้ำ

ผมอาบน้ำเสร็จก็ช้าพอสมควร เพราะผมทำอะไรไม่ค่อยถนัดเพราะมือขวาเจ็บ พอต้อมเห็นว่าผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เข้ามาทำแผลให้ผม ที่แรกผมบอกจะทำเองแต่มันทำไม่ได้จริงๆเลยต้องยอมให้ต้อมทำให้ ต้อมก็ทำให้ผมอย่างเบามือเช่นเคยจนผมรู้สึกดีเหมือนกันที่มีคนมาดูแลแบบนี้ หลังจากทำแผลเสร็จต้อมก็ช่วยผมเก็บของลงเป้เพราะเรากลับกรุงเทพกันวันนี้

วันนี้ทั้งวันต้อมคอยช่วยเหลือผมตลอด ไม่ว่าจะถือเป้ถือของฝาก หรือบางทีก็จะมาเปิดน้ำให้ถ้าเห็นผมเปิดไม่ถนัด จนพวกพี่ปี 3 แซวว่าผมหลอกเด็กหรือไง มาแค่คืนเดียวติดกันเป็นตังเมเลย ผมว่านะคงไม่มีคณะไหนจะปากหมาเท่าคณะผมอีกแหละ เห็นอะไรมันแซวมันสร้างข่าวกันเองได้หมด แต่ที่น่าแปลกคือหนุ่ยที่อยู่ดีๆก็ดูห่างๆออกไป เพราะถ้าเป็นปกติคงไม่ปล่อยให้ต้อมมายุ่งกับผมคนเดียวแน่ๆเลย แต่ผมก็ยังไม่มีเวลาได้คุยกับหนุ่ยเพราะมัวแต่วุ่นกับการดูแลความเรียบร้อย ตอนเดินทางกลับกัน

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 01:29:57
ตอนที่4
“ครืน ครืนนนนนน” เสียงโทรศัพท์สั่นบนหัวเตียง
“สาหวัดดดดีคราบบ” ผมรับทั้งที่ยังซุกหัวอยู่ในหมอน
“พี่นัทคราบบบ ยังไม่ตื่นอีกหรอคราบบ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
“อืมยังเลย แต่ว่านี่ใครนะ” ผมยังหลับตาอยู่เพราะยังไม่อยากตื่น
“ผมต้อมไงพี่ แค่นี้จำเสียงไม่ได้หรอ” มันมีน้อยใจ
“อืมๆๆ แล้วว่าไง โทรมาทำไมแต่เช้า”
“โหขี้เซาอีกแล้ว นี่มันจะบ่ายแล้วนะ พี่เปิดประตูให้ผมหน่อยสิผมอยู่หน้าบ้านพี่แล้ว” ต้อมบอกผ่านโทรศัพท์
ผมวางโทรศัพท์แล้วชะโงกหน้ามองผ่านหน้าต่าง เห็นต้อมยืนอยู่หน้าบ้านจริงๆกำลังโบกมือให้ผมใหญ่เลย แล้วมันจะมาบ้านผมทำไมเนี่ย ผมหยิบเสื้อที่หัวเตียงมาใส่แล้วเดินออกไปเปิดประตูให้ต้อม ต้อมมาพร้อมกับของกินเต็มไม้เต็มมือไปหมด
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะไปหมด ซื้อมาทำไม” ผมถามแล้วมองถุงที่มันหิ้วอยู่ขณะที่มันเดินเข้ามาในบ้าน
“ก็ซื้อของมากินกับพี่ไง กะแล้วว่าต้องยังไม่ตื่นนอน ผมแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวที่เยาวราชมาด้วย แล้วนี้ขนมปังบางลำพู มีบราวนี่ที่พี่ชอบด้วยนะ” มันหันมายิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านผม
“ไปล้างหน้าแปลงฟันก่อนเลย จะได้กินข้าวกันเร็วๆนะพี่ผมหิวแล้ว” มันดันผมให้ไปเข้าห้องน้ำ
“แล้วไม่มีเรียนหรือไงถึงมาหาพี่” ผมถามหลังออกมาจากห้องน้ำ
“มีพี่แต่เป็นห่วงพี่มากกว่า รู้ว่าพี่ต้องไม่ยอมกินข้าวกินยา เลยมาหานี่ไง” มันยิ้มอย่างภูมิใจที่เหมือนรู้ทันผม
“เอาพี่มาอ้างซะงั้นนะ ขี้เกียจเองมากกว่ามั้ง” มันกำลังเทของที่ซื้อมาเรียงไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“แล้วแต่พี่จะคิดแล้วกัน มากินข้าวได้แล้วจะได้กินยาแล้วทำแผล” มันเดินมาดึงมือผมไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว แล้วมันก็นั่งฝั่งตรงข้าม
ต้อมทำให้ผมเหมือนผมเป็นเด็กอีกครั้งเลย คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ช้อนให้ หยิบนั่นหยิบนี่ให้คงเพราะเห็นผมยังใช้มือข้างขวาไม่ถนัด กินข้าวกินขนมเสร็จผมจะไปล้างจานต้อมก็ไม่ยอมแล้วไปล้างแทนมันบอกว่าเดี๋ยวแผลโดนน้ำมากๆจะอักเสบเพิ่มขึ้นอีก ล้างจานเสร็จต้อมก็มาทำแผลให้ผมผมก็นั่งดูหนังอยู่ที่ข้างล่างกับมัน จนมันหลับอยู่ที่โซฟาข้างๆผม คงเพราะเพิ่งกลับจากรับน้องเมื่อวาน วันนี้ยังไปหาซื้อของกินแล้วมาหาผมที่บ้านอีก เพราะบ้านผมก็ไกลมหา’ลัยพอสมควร
ผมก็เลยเอาหมอนมาแล้วจับให้ต้อมนอนบนโซฟาแล้วผมย้ายไปนั่งโซฟาตัวเล็กแทน ดูๆไปมันก็น่ารักดีเหมือนกัน ตั้งแต่ผมโตมานอกจากที่บ้านก็เพิ่งมีมันคนแรกนี่แหละที่เอาใจผมมากขนาดนี้ แต่ผมจะคบกับมันยังไงละครับ ผมไม่เคยคบกับผู้ชายนี่นา แล้วตั้งแต่ผมโตมาผมก็เคยมีแฟนแค่คนเดียวที่เป็นผู้หญิง แต่มันก็ตั้งแต่สมัยประถมแล้วดังนั้นเรื่องประสบการณ์ความรักนี่ผมแทบไม่มีเลย และผมก็ไม่แน่ใจด้วยว่าอย่างไหนที่เรียกว่าเราชอบคนอีกคนแล้ว
“หนุ่ยเราเป็นไรหรือเปล่า ไม่เจอกันตั้งหลายวัน” ผมทักและเรียกให้หนุ่ยมาหา เห็นหนุ่ยลังเลนิดหน่อยแล้วเดินเข้ามา
“เปล่าพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่...” หนุ่ยทำหน้าเศร้า
“แค่อะไร หรือว่าพี่ทำไรให้เราไม่พอใจ” ผมเริ่มจริงจัง เพราะอยากรู้สาเหตุ
“คือ...” หนุ่ยลังเลที่จะพูด ผมเลยมองด้วยสายตาที่จริงจัง “คือผมต่างหากที่ไม่กล้าเจอหน้าพี่”
“ทำไมถึงไม่กล้าเจอหน้าพี่ พี่ทำไรให้หรือไง” ผมเครียดแล้วตอนนี้
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากตั้งแต่ผมเห็นพี่เกิดอุบัติเหตุตอนรับน้อง ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยพี่ทั้งที่ผมบอกชอบพี่ขนาดนั้น ผมเลยรู้สึกว่าผมยังไม่เหมาะสมกับที่จะบอกชอบพี่เลย” หนุ่ยเสียงเศร้ามาก
“คิดมากน่า ยังไงเราก็พี่น้องกันนะหนุ่ย พี่ไม่ใช่คนคิดมากเรื่องพวกนั้นสะหน่อย ถึงหนุ่ยจะช่วยหรือไม่ช่วยพี่พี่ก็คิดว่าเรานะเป็นน้องพี่นะ” ผมพูดพร้อมตบไหล่หนุ่ยเบาๆแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณครับที่พี่ไม่เกลียดผม ตอนนี้ผมยอมให้ไอ้ต้อมมันก่อน แต่ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอมแน่ๆ” หนุ่ยยิ้มและมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
“ยอมมันเรื่องอะไรพี่กับมันไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” ผมตบหัวหนุ่ยเบาที่พูดไม่รู้เรื่อง ต้อมก็เดินเข้ามาพอดี
“ต้อมดูแลพี่นัทดีๆนะมึง ถ้ามึงทำพี่เขาเสียใจกูไม่ยอมมึงเหมือนคราวนี้แล้วนะ” หนุ่ยหันไปบอกต้อม ต้อมยิ้มแล้วกอดคอหนุ่ยไว้
“เออ ถ้างั้นมึงคงรอยันตายไปเลย” มันหันไปยิ้มกับหนุ่ย
   ผมเห็นมันสองคนเข้ากันได้ดีผมก็สบายใจแล้ว เพราะผมไม่อยากให้พวกมันทะเลาะกันเพราะผม ยังไงมันก็น้องผมทั้งสองคนในตอนนี้ ส่วนเรื่องอื่นมันเป็นเรื่องอนาคต
“วันนี้เราต้องเลือกดาวเดือนกันแล้วนะน้อง อีกสองวันถึงวันงานเฟรชชี่เดย์แล้ว” พี่แอมป์บอกขณะซ้อมเชียร์ตอนเย็น
“เอาใครจะเสนอชื่อใครบ้าง” พี่แอมป์ถามความเห็น
   ทุกคนก็เริ่มเสนอชื่อกันมาหลายคน เพราะการเสนอชื่อดาวเดือนนั้นคณะผมจะรุ่นไหนก็เสนอได้หมด แต่คนที่เสนอต้องเป็นเด็กปี 1 ก็เท่านั้นเอง หนึ่งในนั้นก็มีชื่อต้อม รวมอยู่ด้วย นี่มันหน้าตาดีจนคนอื่นเข้าอยากให้เป็นเดือนคณะเลยหรือนี่
   แล้วพี่แอมป์ก็ให้โหวตกันทีละคน โดยให้คนที่โดนเสนอชื่อยืนหันหลังให้พวกเราทั้งหมด แล้วเรียกชื่อทีละคนแล้วพวกเราก็ยกมืออยู่ข้างหลัง พวกกลุ่มผมยกมือให้ต้อมกันทุกคนคงเพราะเราสนิทกันนะแหละ แล้วจริงๆผมก็ไม่เห็นว่ามันจะหล่อตรงไหนเลย หรือผมชินกับหน้ามันแล้วก็ไม่รู้นะครับ
“เอาน้องๆหันหน้ามาครับ พี่รวมคะแนนเสร็จแล้วจะประกาศแล้วใครเป็นดาวเป็นเดือน” พี่แอมป์บอกให้น้องที่ยืนหันหลังหันกลับมาเพื่อฟังผล
“ประกาศดาวก่อนเลยนะ คนที่ได้คะแนนมากที่สุดคือ... น้องแอนครับ” พี่แอมป์ทำอย่างกับประกวดนางงามเลยมีเว้นก่อนประกาศชื่อด้วย
“คราวนี้มาถึงเดือนคณะเรานะ พี่บอกไว้ก่อนเลยเดือนคณะเรามีคนจับตาดูเยอะมาก เพราะเราได้ตำแหน่งขวัญใจเกือบทุกปีเลยนะครับ” พี่แอมป์กดดันน้องซะแล้ว
“เดือนปีนี้ได้แก่.....ไม่น่าเชื่อเลย ไอ้ต้อมมึงได้เป็นเดือน” พี่แอมป์บอก “มึงได้ยังไงวะเนี่ยะ เส้นไอ้นัทป่าววะ” พี่แอมป์ทำหน้าล้อเลียนเรื่องมันกับผม
“ไม่มีอะพี่ มันกับผมเกี่ยวไรกัน” ผมรีบปฏิเสธ ตอนนี้ต้อมยิ้มใหญ่เลยท่าทางจะอาย
“เออ งั้นนัทรับผิดชอบดาวเดือนปีนี้ด้วยนะ เรื่องการแสดงกับการแต่งตัว พี่ยกให้เรารับผิดชอบแล้วกัน” พี่แอมป์ทำไมหางานให้ผมได้ตลอดเลยสิเอา
“อะไรพี่ทำไมต้องผมด้วย” ผมปฏิเสธอีกรอบ ต้อมยืนมองหน้าผมอยู่
“ไม่ได้โว้ย นี่พี่สั่งนะห้ามขัด วันนี้แค่นี้แล้วกันดาวเดือนไปคุยกับพี่เขาด้วยนะว่าจะเอาไงกัน เหลือแค่สองวันแล้วนะอย่าทำเป็นเล่นละ” พี่แอมป์หันมากำชับผม แต่ตอนนี้ต้อมมันยิ้มแล้วทำหน้าทะเล้นให้ผมอีกแล้วประมาณว่าผมหนีมันไม่พ้นแน่ๆ
   หลังเลิกประชุมแอนกับต้อมก็มาหาผมที่ซุ้มเพื่อคุยเรื่องงานกัน แอนเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักตาโตผิวขาวไว้ผมยาวแต่ว่าไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ทำไงได้คณะผมผู้หญิงมันมีน้อยนี่ครับ ส่วนต้อมเมื่อผมมาพิจารณาซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยทำ มันก็สูงกว่าผมนิดหน่อยหุ่นดีส่วนหน้าตาผมว่าก็ดีนะถ้าคนอื่นมอง แต่ผมก็งั้นๆแหละ เราคุยกันเรื่องการแสดงวันงานแล้วก็เรื่องการแต่งตัว แล้วเราก็นัดกันที่มาบุญครองพรุ่งนี้เพื่อจะไปดูอุปกรณ์การแสดงและเสื้อผ้ากัน
“พี่นัท พี่นัทโหวตให้ผมป่าวครับ” ต้อมมันทำเสียงอยากรู้มากหลังจากที่เราแยกกันกับแอนแล้ว
“ใครจะโหวตให้เรา พี่โหวตให้คนอื่น คนอื่นดูดีว่าเยอะ” ผมแกล้งบอก
“ใช่สิ ผมมันไม่สำคัญกับพี่นี่ ก็แค่น้องทั่วๆไป” ต้อมงอน
“โหแค่นี้ก็งอนด้วย หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย” ผมเอามือจับผมตรงหน้าผากมัน
“ไม่ต้องมายุ่งเลย ผมมันไม่สำคัญนี่” มันยังงอนไม่เลิกอีก
“โอ๋ๆๆๆ ก็เป็นน้องรักนี่ไงละ” ผมกอดคอมันไว้
“เป็นน้องรักเองหรอ รอไปก่อนก็ได้อีกหน่อยต้องเป็นคนรักนะครับ” มันหันมายิ้มกวนๆ
“มากไปแหละๆ คงรออีกนานถ้างั้น” ผมตบหัวมันไปเบาๆ มันยังยิ้มไม่หุบอีก
“อยู่ที่ไหนแล้ว พี่มาถึงแล้วนะ” ผมโทรหาต้อม เมื่อผมมาถึงที่นัดกันไว้
“ผมกำลังจอดรถอยู่ครับ เดี๋ยวจะรีบไปหา” เสียงต้อมผ่านมาทางโทรศัพท์
“แล้วแอนละมาถึงหรือยัง เขาโทรหาเราบ้างเปล่า” ผมถาม
“อ๋อพี่ วันนี้แอนเค้าไม่มานะครับ ผมโทรไปเห็นบอกว่าติดธุระที่บ้าน ฝากขอโทษพี่ด้วย” ต้อมบอก
“อ่าวทำไมเป็นแบบนี้ละ แล้วทำไมไม่โทรมาบอกพี่เอง งั้นแค่นี้นะรีบมาแล้วกัน เดี๋ยวโทรไปหาแอนแปบนึง” ผมตัดสายแล้วต่อโทรศัพท์ไปหาแอน แอนก็ขอโทษยกใหญ่บอกว่าที่บ้านไม่ได้บอกล่วงหน้า เป็นอันว่าวันนี้ผมต้องมาเดินกับต้อมสองคนจนได้
   พวกเราเดินเลือกเสื้อผ้ากับอุปกรณ์การแสดงกันเกือบครบแล้วขาดไม่กี่อย่าง ผมเห็นว่าจะเที่ยงแล้วจึงชวนต้อมกินข้าวที่ ฮาจิบังที่มาบุญครองเลย กินเสร็จแล้วผมชวนต้อมไปกินไอศครีมเซเวนเซนต์ต่ออีก ผมสั่งเอริธเควสมากินเพราะปกติก็มากินแบบนี้กับเพื่อนประจำ ต้อมมันก็ยังกินกับผมต่อได้อีก หลังกินเสร็จมันก็บ่นว่าท้องจะแตกไหมนี่ แล้วใครบอกให้มันกินเยอะละ
“เนี่ยะถ้าผมอ้วนก่อนวันงาน ต้องโทษพี่นัทนะ” ต้อมหันมาบ่นขณะที่เดินเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย
“กินไม่ไหวแล้วกินทำไมละ ไม่ได้บังคับซะหน่อย” ผมหันไปมองหน้ามัน
“ก็กินกับพี่นัทแล้วมันอร่อยนี่นา กินกับใครก็ไม่อร่อยเท่านี้อีกแหละ” มันจะปากหวานไปไหมหา
“พอแหละไม่รู้จะเลี่ยนไปถึงไหน เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รถเราก่อนนะ แล้วค่อยมาซื้อของที่เหลือ” ผมบอก
“เดี๋ยวพี่ยืนรอแถวนี้นะ ผมเอาของไปเก็บแปบเดียวเดี๋ยวมาครับ” มันพูดจบก็วิ่งถือของออกไปเลย ไม่รอคำตอบอะไรจากผมเลย สักพักมันก็วิ่งกลับมาท่าทางเหนื่อยมากๆ เหงื่อออกเต็มหน้าเชียว
“อะ เช็ดหน้าซะเหงื่อโทรมเลย” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าของผมให้ มันหันมามองหน้าผมแบบงง
“จะเอาไหม ยังไม่ได้ใช้หรอกน่า” ผมดึงมือที่ถือผ้าเช็ดหน้ากลับ แต่มันก็ดึงกลับเอาไปเช็ดหน้ามัน มันท่าจะบ้าเช็ดไปยิ้มไปมองหน้าผมไป
“เออ เสื้อเราตอนรับน้องอะ พี่ซักแล้วนะแต่เลือดมันออกไม่หมด เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ดีกว่า” ผมนึกขึ้นมาได้พอดี
“ไม่ต้องซื้อเลยนะ ผมจะเอาตัวเดิมนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้ผมแวะไปเอาเลยนะ” มันหันมายิ้มแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้ผม
“เอาไปไม มันใส่ไม่ได้แล้วนะเลอะขนาดนั้น” ผมบอก มันไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มกลับมา
   ผมเดินซื้อของที่เหลือจนครบ ก่อนกลับบ้านเลยขอแวะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวนิดหน่อย พอเดินออกมาก็ไม่เห็นต้อมรออยู่แถวนั้นเลย
“ได้ยินไหม ได้ยินไหม อยากบอกว่ารักเธอ” เสียงเพลงรอสายของดาเอ็นโดฟินดังเข้ามาขณะที่ผมต่อสายหาต้อม
“อยู่ไหนเนี่ยะ พี่จะกลับบ้านแล้ว” ผมบอกเมื่อต้อมรับสาย
“พี่นัทขึ้นมาชั้นโรงหนังหน่อยสิครับ ผมจะซื้อหนังสือแต่เลือกไม่ถูก มาช่วยดูหน่อยนะครับ” เสียงมันอ้อนมาตามสาย
“งั้นเดี๋ยวขึ้นไปหา ที่ซีเอ็ดใช่ไหม” ผมถาม
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับ” ต้อมก็ตัดสายไป
   ผมขึ้นมาถึงชั้น 6 ก็ตรงไปที่ซีเอ็ดก็เห็นมันกำลังเลือกหนังสืออยู่ เป็นหนังสือเสริมจากบทเรียนที่เรียนกันในห้อง ผมจึงเข้าไปช่วยเลือก บางเล่มผมก็มีแล้วเลยไม่ให้ซื้อเพราะไปเอาของผมมาอ่านต่อได้ ดีนะที่ผมเป็นคนรักหนังสือทำให้มีสภาพใหม่อยู่เสมอ พอซื้อเสร็จผมก็ชวนกลับบ้านเพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว
“พี่นัทคราบ ดูหนังกันก่อนนะคราบ ผมซื้อตั๋วมาแล้วเรื่องนี้ผมอยากดูมากๆเลยนะคราบ ดูเป็นเพื่อนผมหน่อยนะคราบ” มันอ้อนผมเต็มที่เลย เดินดักหน้าดักหลังผมอยู่อีกต่างหาก จนผมเห็นคนอื่นมองผมเลยต้องตกลงดูเป็นเพื่อนมัน
   หนังที่ดูเรื่อง sad movie เป็นหนังเกาหลีที่เกี่ยวกับความรักหลายๆแบบ ก็สนุกดีผมต้องน้ำตาซึมเมื่อถึงฉากที่เกี่ยวกับแม่ลูก ตอนที่แม่เด็กจะตาย แล้วเด็กออกมาร้องไห้ข้างนอกเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเขา ตอนนั้นผมอินสุดๆเลยน้ำตาซึมออกมาไม่รู้ตัวเลย ต้อมคงเห็นมันเอามือมากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ เหมือนจะปลอบใจจนหนังจบเรื่อง
“เพิ่งรู้พี่ผมขี้แงนะนี่ ดูหนังแล้วร้องไห้ด้วย” ต้อมมันแซวผมตอนเดินออกจากโรงหนัง
“ก็มันสงสารเด็กนี่ทำไงได้ละ แล้วชวนดูทำไมคราวหน้าดูคนเดียวไปเลย” ผมอายที่ร้องไห้เพราะดูหนัง แต่หนังมันเศร้าจริงๆนี่นาฉากนั้น ไม่เชื่อลองไปหาดูกันได้นะครับ
“ผมไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่แบบนี้ผมชอบ น่ารักดี” มันยังจะมาปากหวานอีก แต่ก็ทำผมเขินขึ้นมาเหมือนกัน
ต้อมขับรถมาส่งผมที่บ้านแล้วขอเข้ามาเอาเสื้อตัวที่ผมซักไว้ให้ ผมจะเอาลงมาให้เพราะเสื้ออยู่บนห้องมันก็ไม่ยอมขอตามขึ้นมาบนห้องด้วย ผมหาเสื้อมันในตู้นานมากเพราะจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน จะเอาไปให้ที่หลังมันก็ไม่ยอมบอกจะเอาไปวันนี้เลย ผมหาจนเจอมันอยู่ด้านล่างสุดของกองเสื้อที่ผมพับไว้ พอผมหันหลังกลับมาต้อมก็ยืนอยู่ข้างหลังผม มันดันผมจนหลังไปติดตู้เสื้อผ้า ตอนนั้นผมตกใจเพราะไม่คิดว่ามันจะทำอะไรผม ปรากฏว่ามันก้มหน้าลงมาเอาริมฝีปากที่นิ่มของมันมาชนกับของผม ทำให้ผมอึงและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกเหมือนกระแสเลือดวิ่งขึ้นมาสูบฉีดอยู่บริเวณใบหน้าผมทั้งหมด จนหน้าร้อนผ่าวไปหมดทั้งหน้าเหมือนมันจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว แล้วต้อมก็ดึงเสื้อไปจากมือผม
“ขอบคุณครับ ผมชอบพี่จริงๆนะ” ต้อมกระซิบที่ข้างหู แล้วก็เดินออกจากห้องผมไป
ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน หน้ายังคงรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเหมือนคนไข้ขึ้นสัก 40 องศา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้จูบกับต้อมโดยที่ผมรู้ตัว ไม่ได้หลับเหมือนที่ผ่านๆมาทำให้ผมไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองจริงๆ แล้วทำไมตอนนั้นผมไม่ผลักมันออกเหมือนทุกที หรือว่าผมจะชอบมันเข้าแล้ว แต่คงไม่ใช่หรอกผมคงจะตกใจไม่ทันตั้งตัวมากกว่า ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
เช้านี้ผมตื่นมาด้วยอาการที่ไม่สดชื่นเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเลย พอจะหลับภาพมันก็ลอยมาตรงหน้าทุกที จนผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งคืน ถ้าเป็นวันปกติผมคงหาเรื่องหยุดเรียนไปแล้ว แต่วันนี้มีงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ที่ต้องไปทำ แต่ผมก็ยังไม่อยากเจอหน้ามันอยู่ดี
ตลอดเวลางานผมพยายามคุยกับมันให้น้อยที่สุด เพราะยังรู้สึกอายจากเรื่องเมื่อคืน พอถึงเวลาประกวดผมก็หมดหน้าที่ออกมาอยู่ด้านหน้าเวทีได้แล้ว ทางมหา’ลัยจัดกิจกรรมเยอะมากทั้งเดินแบบ แสดงว่าสามารถส่วนตัวพอผมเห็นต้อมแต่งตัวออกมาเดินแบบ ผมถึงเห็นว่าจริงๆมันก็หน้าตาดีจริงๆนะแหละ สงสัยทีแรกผมคงอคติไปเอง
ต้อมได้รางวัลขวัญใจเหมือนรุ่นพี่ทุกๆปี จะให้ไม่ได้ได้ยังไงละครับเขานับจากดอกไม้ที่ได้ แค่ที่คณะผมก็เก็บเงินไปซื้อกันทั้งคณะแหละ ผมยังโดนเป็นพันเลยวันนี้ได้กินแกลบก่อนสิ้นเดือนแน่ๆ แถมมันยังได้ดอกไม้จากคณะอื่นเยอะเหมือนกัน คงเพราะมันคนเดียวที่ออกเข้มที่สุดในเดือนแต่ละคณะแล้วมั้งครับ ส่วนมากเดือนที่ประกวดจะขาวๆตี๋ๆ
“นัทเดี๋ยววันนี้พาน้องไปเที่ยวกันดีกว่าวะ ฉลองให้มันหน่อย” ไอ้ตี๋ชวนจะฉลองให้มันทำไมกันอีก มันชนะก็เงินกูอยู่ดีนะแหละ
“เออใช่แก ฉลองให้มันหน่อยชั้นก็อยากไปแดนซ์ด้วยวะ ไม่ได้ไปนานแหละ” ไอ้แนทรีบเป็นลูกคู่เลย
เพื่อนๆเรียกร้องขนาดนี้ผมไม่ไปได้ไง ไอ้ต้นขาวดำยังเอากะเขาด้วยรีบคิดหาสถานที่ไปกันใหญ่เลย เราก็ตกลงไปร้านแถว อตก. เพราะมันใกล้มหา’ลัยที่สุดแล้ว ไม่เสียเวลาเดินทางมาก หลังจากต้อมออกมาจากหลังเวทีพวกผมก็บอกแผนที่จะไปเที่ยวไปกับมัน มันก็ไม่ปฏิเสธเลยรีบตกลงทันที แต่หนุ่ยไม่ไปเพราะไม่ได้บอกที่บ้านไว้เลยขอตัวกลับก่อน
พวกผมมาถึงประมาณ 4 ทุ่มแล้ว ทำให้ร้านแน่นหลายร้านกว่าที่เราจะหาร้านเข้าได้ เราเข้าไปนั่งกันข้างไหนยืนเบียดๆกัน เพราะพวกผมมากัน 8 คน พวกผมมาหัน 5 คน รักไม่ได้มาด้วย ส่วนน้องก็มีต้อม เอ็กซ์กับจ๊อด ต้อมมายืนอยู่ข้างผมตอนเข้าไปนั่งข้างในแล้ว เราก็สั่งแบล็คมากิน เรากินและเต้นกันอย่างสนุกสนานต้อมก็อยู่ข้างๆผมตลอด
สงสัยผมกินน้ำมาเยอะไปผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ต้อมจะไปเป็นเพื่อนแต่ผมไม่ให้ไปให้อยู่สนุกกับเพื่อนๆที่โต๊ะ ห้องน้ำก็คนเยอะมากผมรอคิวนานพอสมควร พอผมเดินกลับมาที่โต๊ะตรงที่ผมยืนกลับมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งหน้าตาดีพอสมควรยืนอยู่แทนและกำลังคุยอะไรกับต้อมอยู่ก็ไม่รู้ดูต้อมยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมตอนนี้มันรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกสิครับ มันรู้สึกไม่พอใจที่เห็นต้อมคุยกับคนอื่นและดูเหมือนจะชอบคนนั้นด้วยมันทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมามากๆ
“ขอโทษนะครับที่ผม” ผมเดินไปบอกน้องคนนั้น แล้วแทรกเข้าไปยืนตรงที่เดิมแต่น้องคนนั้นแค่ขยับไปนิดเดียวแล้วก็คุยกับต้อมต่อ ผมพอจะได้ยินที่มันคุยกันประมาณน้องคนนั้นมาจีบมันและกำลังพยายามขอเบอร์มันอยู่ ตอนนี้ผมเริ่มหมดอารมณ์สนุกแล้ว ผมเปลี่ยนมากินแบบออนเดอะร็อคแล้วตอนนี้ ยกเอายกเอาเผื่อมันจะหายหงุดหงิดบ้าง
“อ่าวเป็นไรวะแก กินไม่ยั้งเลยเข้าห้องน้ำแปบเดี๋ยวออกมาหงุดหงิดอะไรวะ” ไอ้แนทถามตอนที่มันเห็นผมยกเหล้าเป็นแก้วที่ 5 แล้ว
“เปล่าไม่มีอะไรนี่” ผมตอบแต่ยังคงรินเหล้าอยู่ จนไอ้ตี๋สะกิดต้อมให้มาดู
“พี่นัทเป็นอะไรพี่ กินแบบนี้เดี๋ยวก็เมาแย่” ต้อมมันเข้ามาคุยกับผม
“ไม่เป็นอะไรนี่ แค่อยากกินสนใจด้วยหรอ โน่นไปคุยกับน้องเขาต่อเถอะไป เดี๋ยวเขาคอยนาน” ผมประชด ตอนนี้ผมไม่รู้ยกไปกี่แก้วแล้ว รู้แต่ว่าหัวมันเริ่มมึนแหละหนักมากขึ้นแล้ว
ต้อมหันไปมองน้องคนนั้น “อะไรพี่ไม่มีอะไรเขามาทักเฉยๆ ผมไม่ได้คิดอะไรนะ” มันยังมาแก้ตัวอีก เห็นยิ้มกันจนจะเห็นฟันครบ 32 ซี่แล้ว
“มันเรื่องของเราไม่เกี่ยวกับพี่อยู่แล้ว” ผมเหวี่ยงมันไป เพราะผมเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“พี่นัทเป็นอะไรของพี่เนี่ย หรือว่าพี่จะหึงผม” มันยังมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอีก “ไม่มีอะไรจริงๆ ผมไม่สนใจเขาอยู่แล้ว”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่อีกนั่นแหละ เราจะชอบใครก็เรื่องของเราสิ ไอ้ตี๋เราไปห้องน้ำก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้ตี๋ที่มันยืนมองผมสองคนอยู่ แล้วผมก็ลุกออกมา
กว่าผมจะเดินถึงห้องน้ำรู้สึกมันไกลมาก คงเพราะผมเมาแน่ๆผมรู้สึกว่ามันหมุนไปหมดเลยรอบๆตัว แต่ผมก็ยังประคองตัวไปจนถึงหน้าห้องน้ำ ซึ่งคนก็ยังเยอะเหมือนเดิมผมจึงรออยู่ข้างหน้า ผมยืนพิงประตูทางเข้าห้องน้ำอยู่เพราะผมเริ่มประคองตัวเองไม่ไหวแล้ว จนผมรู้สึกเหมือนจะล้มก็มีมือมาดึงแขนผมไว้ เป็นต้อมนะเองที่ตามผม
“ตามมาทำไมพี่ไม่เป็นไรซะหน่อย กลับไปโต๊ะโน่นเดี๋ยวน้องเขารอ” ผมยังเหวี่ยงไม่เลิก
“พี่นัทผมไม่มีอะไรกับเขาจริงๆ ก็ผมบอกแล้วไงผมชอบพี่คนเดียว”
“หรอชอบพี่อยู่ด้วยหรอ  เห็นยิ้มหน้าบานกันขนาดนั้นให้เบอร์กันด้วยละสิ” ต้อมยังคงประคองผมไว้เพราะผมเริ่มยืนไม่ค่อยตรงแล้ว
“นี่แสดงว่าพี่หึงผมจริงๆละสิ” มันหันมายิ้มอีก
“ใครๆ ใครหึงเรา” โอ้ยหัวผมมันหมุนไปหมดแล้ว ผมพยายามที่จะแกะมือต้อมออกจากแขนของผม แต่มันกลับดึงแขนผมจนตัวผมไปชิดกับตัวมันแล้วมันก็กอดผม
“ยังงี้แหละพี่ที่เขาเรียกว่าหึง ผมดีใจจริงๆนะที่พี่เป็นแบบนี้” มันกอดผมแน่นมาก ผมพยายามผลักมันออกเพราะผมอายมากหน้าชาไปหมดแล้วเวลามีคนเดินผ่านมาแล้วมองเราสองคน แต่มันก็ไม่มีแรงขัดขืนในหัวกลับยิ่งสู้สึกมึนและหนักมากขึ้นกว่าเดิม
ผมออกแรงผลักมันอีกครั้งจนมันปล่อยมือ ผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะมันเดินตามหลังมาใกล้ๆ พอถึงโต๊ะผมก็หยิบเหล้ามากินอีกเผื่อมันจะหายใจเต้นลงบ้าง แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมเมามากกว่าจนผมคิดว่าไม่ไหวแล้ว เลยขอตัวกลับบ้านก่อนพวกไอ้ตี๋จะกลับด้วยผมเลยบอกว่าไม่ต้องให้อยู่ต่อผมกลับคนเดียวได้ ผมไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุกด้วยนานๆมาเที่ยวทั้งที
ผมเดินออกมาหน้าร้านเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน อยู่ๆผมก็โดนใครไม่รู้ดึงเข้าไปซอยมืดๆแถวนั้น ตอนนี้ผมเมามากจนไม่มีแรงจะต้านทานใครทั้งนั้นแหละครับ ผมรู้สึกแต่มันคนที่ดึงผมมาพยายามจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงผม ถึงผมจะขัดขืนมันก็ไม่มีแรงแล้วตอนนี้มันเมามากจริงๆ
“เฮ้ย ปล่อยพี่นัทนะมึง” ผมได้ยินเสียงต้อมแว่วมา แล้วผมจำอะไรไม่ได้อีกเลย
ตื่นเช้าขึ้นมาผมยังมึนหัวไม่หายมันหนักหัวไปหมดเลย แล้วนี่ผมมาอยู่ในห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำอะไรไม่ได้หลังจากที่เดินออกมาจากร้านเมื่อคืนนี้ ผมรู้สึกหิวน้ำมากเลยลุกขึ้นแต่มันมีอะไรวางอยู่ที่หน้าอกผมไม่รู้ ผมค่อยๆลืมตาแล้วจับของที่หน้าอกมาดู มันเป็นแขนคนนี่นาผมเลยมองไปที่เจ้าของแขนนั้น เป็นต้อมที่นอนกอดผมอยู่บนที่นอนแล้วมันมาอยู่บนที่นอนผมได้ยังไงเนี่ย ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลยผมเลยเอามือต้อมออก
“ตื่นแล้วหรอพี่ เมื่อคืนทำผมแทบแย่เลยนะครับ” ต้อมตื่นขึ้นมาพอดี
ผมทำหน้ามึนๆงงๆเพราะตอนนี้ปวดหัวนึกอะไรไม่ออกเลย
“นี่พี่จำอะไรไม่ได้เลยหรอไง” ต้อมลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผมที่นอนอยู่ ผมสังเกตเห็นที่มุมปากของมันมีรอยเขียวช้ำอยู่ด้วย
“อืม พี่จำได้แค่ตอนจะกลับบ้านเท่านั้นแหละ แล้วพี่กลับมาบ้านได้ยังไง เรามาทำไรที่นี่” ผมยิงคำถามที่อยากรู้ทั้งหมดทันที
“พี่โดนลากไปขโมยของนะสิ ดีนะที่ผมตามพี่ออกมาพอดี ไม่งั้นพี่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทำไมพี่ถึงกินเยอะจนเมามากขนาดนั้น”
“หงุดหงิดเรานะแหละ” ผมเผลอพูดออกไป ต้อมหันมาจ้องหน้าแบบจริงจังเลยตอนนี้
“เออ เปล่าๆๆ แล้วปากไปโดนอะไรมา” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ก็ผมไปช่วยพี่นะแหละ ไม่ทันระวังโดนเข้าเต็มๆหน้าเลย” ผมทำหน้าจ๋อยที่ทำให้มันเจ็บตัว
ต้อมเอามือมาวางคร่อมระหว่างตัวผมไว้แล้วก้มหน้ามาใกล้ๆหน้าผมที่นอนอยู่
“ผมชอบพี่จริงๆนะให้พูดอีกร้อยครั้งก็ได้ แล้วพี่ชอบผมบ้างไหม” มันจ้องหน้าผมเขม่ง
ตอนนี้ผมใจเต้นแรงอีกแล้วหน้ามันร้อนผ่าวไปหมด ผมคิดว่านี่ก็คือเราชอบมันแน่ๆแต่จะให้ผมบอกมันก็อายนะครับ ผมเลยได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ ต้อมยิ้มออกมาแล้วก้มหน้าเอาปากมาประกบปากผม แต่รอบนี้ผมไม่ได้ขัดขืนหรือไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่นิ่มของมันและการจูบที่นุ่มนวลมาก มันส่งลิ้นเข้ามาในปากผมทีแรกผมก็ตกใจเมื่อลิ้นเราสัมผัสกัน แต่เมื่อมันขยับลิ้นก็ทำให้อารมณ์ผมกระเจิงไปหมด ผมปล่อยตัวไปกับรสสัมผัสของการจูบนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่มันมีความสุขมากอย่างหนึ่ง
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 01:37:04
ตอนที่5
ผมเข้ามหา’ลัยช่วงบ่ายกับต้อมตอนนี้ดูมันร่าเริงมากเป็นพิเศษ มันยิ้มมีความสุขตลอดเวลาที่ขับรถมา ผมให้มันเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังอีกรอบจากเมื่อเช้า มันคงเจ็บปากแน่ๆเพราะพูดไม่ค่อยชัด เมื่อคืนโดนต่อยมาแล้วยังมาจูบกับผมอีกตั้งนานเมื่อเช้า แต่ผมก็แอบยิ้มนะที่รู้ว่ามันห่วงผมมากขนาดนี้
“เอาตายยากเว้ย กำลังพูดถึงเรื่องแกพอดีเลย” ไอ้ตี๋หันมาบอกเมื่อเห็นผมเดินมาถึงที่ซุ้มกับต้อม
“เออ โทษทีวะเมื่อคืน ไม่เคยเมาแบบนี้มาก่อนเลย” ผมทำหน้าสำนึกผิดที่ทำให้เพื่อนไม่สนุก
“เออ ชั้นอะไม่เป็นไหร่หรอกโน่นไอ้ข้างๆแกเลย แม่งโดนต่อยยังห่วงแกมากกว่าห่วงตัวเองอีก” ไอ้แนทพยักหน้าไปทางต้อม
ผมหันไปมองหน้ามันแล้วยิ้มให้ มันยังยิ้มตอมแบบกวนๆกลับมาอีก วันนี้คงต้องทำดีกับมันซะหน่อยแล้วมั้งผมว่า ผมมาถึงเกือบเที่ยงพอดีก็เลยไปกินข้าวกัน ผมสั่งข้าวต้มให้ต้อมกินเพราะเห็นว่ามันเจ็บปากอยู่
“พี่นัทคราบบบ ป้อนหน่อยสิ” อยู่ๆมันหันมายืนชามข้าวต้มมาให้ ดูมันมาอ้อนอะไรตอนนี้ เพื่อนผมหันมามองพร้อมกันเลย แต่ละคนยิ้มกันใหญ่โดยเฉพาะไอ้แนทกับไอ้ตี๋
“โหยแก ป้อนน้องมันหน่อยดิวะ มันช่วยแกนะนี่” ไอ้แนทเปิดเกมส์อีกแล้ว มันนี่ตัวชงตลอดเลยเรื่องแบบนี้
“มือมันไม่ได้เจ็บซะหน่อย กินเองก็ได้” ผมหาข้ออ้างแก้เขิน
“นะๆๆๆ พี่นัท ป้อนหน่อยนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนอีก มันไม่เคยจะอายใครเลยเรื่องแบบนี้ เพื่อนผมก็ลุ้นไปกับมันด้วยดูสิ ไม่เข้าข้างเพื่อนสักคน
“คำเดียวนะ” ผมต่อรอง มันยิ้มแล้วก็พยักหน้า พอผมป้อนเพื่อนผมก็เฮกันใหญ่ ตกลงนี่มันเพื่อนผมหรือเพื่อนไอ้ต้อมกันแน่วะเนี่ย
   ผมคบกับต้อมมานี่ก็จะ 3 เดือนแล้ว ต้อมมันก็คอยดูแลเอาใจใส่ดีเหมือนเดิม ส่วนมากมันจะมานอนที่บ้านผมจนสนิทกับน้าผมไปแล้ว เราไปกลับพร้อมกันตลอดถ้าผมเรียนเลิกเร็วกว่าก็จะนั่งที่ซุ้มรอมัน ส่วนมากผมจะเรียนเลิกก่อนเพราะผมไม่ชอบลงวิชาเรียนช่วงบ่าย เพื่อนๆผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมคบกับมันแถมยังเหมือนเห็นดีเห็นงามด้วยซะอีก มันบอกดีซะอีกจะได้มีคนดูแลผมเพราะจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ซุ่มซ่ามที่สุดในกลุ่มเหมือนกัน ตอนปี 1 ที่ผ่านมาก็เจ็บตัวอยู่หลายๆครั้งเพราะความซุ่มซ่ามนี่แหละ
“พี่นัทคราบบ ตื่นได้แล้วพี่เดี๋ยวไปเรียนสายนะครับ” เดี๋ยวนี้ต้อมจะเป็นคนปลุกผมตอนเช้าเกือบทุกวัน
“ขออีก 5 นาทีนะ ยังง่วงอยู่เลย” ผมเอาหมอนมาปิดหน้าไว้
“ไม่ได้พี่เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะครับ” มันมาดึงหมอนออกไปจากหน้าผม ผมก็พลิกตัวหันหน้าไปอีกทางไม่ให้แสงที่หน้าต่างเข้าตา
“ถ้าพี่ไม่ตื่นผมหอมพี่นะคราบบบ” นั่นมันหาวิธีปลุกที่มันได้เปรียบมากๆ แต่ผมยังไม่ทันที่จะลุกเลยมันก็ก้มมาหอมแก้มผมแล้ว
“หอมอยู่ได้หน้ายังไม่ได้ล้างเลย ไม่เหม็นหรือไง” ผมหันไปกอดต้อมไว้เหมือนมันเป็นหมอนข้างส่วนตัวของผมคนเดียว
“ถ้าเหม็นแล้วผมจะหอมทำไม ไปอาบน้ำได้แล้วครับพี่เดี๋ยวสายรถติด” แล้วมันก็หันมาหอมแก้มผมอีกที
   ผมเข้าไปอาบน้ำต้อมจะเตรียมผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันไว้ให้แล้วทุกครั้ง ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวข้างนอกเสื้อผ้ามันก็เตรียมไว้ให้ผมอีกเช่นกัน ต้อมนั่งรออยู่ที่บนที่นอนพอผมแต่งตัวเสร็จก็จะเดินลงมาข้างล่าง
“พี่นัท เดี๋ยวก่อนพี่ลืมอะไรหรือเปล่า” ต้อมเดินเข้ามาหา จับแขนผมไว้แล้วก้มลงมาจูบที่ปากผมมันส่งลิ้นเข้ามาสำรวจในปากผมเหมือนจะดูว่าผมแปลงฟันเกลี้ยงหรือเปล่าเลย
“Good morning kiss ครับ ผมรักพี่นะครับ” มันกระซิบที่ข้างหูผม
“แต่วันนี้รสส้มหรือเนี่ย ผมนึกว่าจะให้สตอเบอรี่ซะอีก” เวลาผมแปลงฟันเสร็จแล้วจะบ้วนปากแต่ผมจะไม่ใช้ยาบวนปากผู้ใหญ่นะครับ ผมรู้สึกว่ามันแรงไปใช้แล้วแสบปาก ก็เลยจะใช้ของเด็กที่มีรสและกลิ่นผลไม้เสียส่วนมาก
“oh yeah oh oh oh yeah I’m feeling good” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากในเป้
“ว่าไง” ผมถามเมื่อเห็นว่าเป็นต้อมโทรมาหา
“พี่นัทครับ วันนี้ตอนเย็นผมไม่ว่างนะครับ พี่กลับบ้านเองได้เปล่าหรือจะให้ผมไปส่งก่อน” มันถามมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวพี่กลับเองก็ได้ แล้วเราจะไปไหน” ผมถาม
“ผมมีธุระกับที่บ้านนะครับ เดี๋ยวคืนนี้โทรหานะครับ แล้วผมไปหาพรุ่งนี้ตอนเช้าเลยนะครับ” แล้วมันก็ตัดสายไป
“ไอ้นัทแกอยู่กับไอ้ต้อมป่าววะ” ไอ้แนทโทรมาหาผมตอนสองทุ่มกว่าๆแล้ว
“ป่าวนี่ทำไม มันบอกว่าจะไปธุระกับที่บ้านมัน” ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันมีเรื่องอะไร ปกติไอ้แนทไม่ค่อยถามถึงต้อมนี่นา
“ก็ชั้นเห็นมันที่เซ็นทรัลเวิลด์นะสิแก เลือกซื้อของกับใครอยู่ก็ไม่รู้” แนทเล่าให้ฟัง
“ที่บ้านมันมั้ง เห็นมันว่าจะไปกับที่บ้านนี่” แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะที่บ้านมันผมก็รู้จักทุกคนนะ
“เออ ชั้นคงคิดมากไปเองแหละแก เห็นมันดูสนิทสนมกันจัง” ไอ้แนททำเสียงเป็นห่วง
“งั้นแค่นี้นะแก ชั้นจะกลับบ้านพอดีเลยโทรมาบอก” แนทก็ตัดสายไป ผมรีบต่อโทรศัพท์หาต้อมทันที
“อยู่ไหนแล้ว” ผมพยายามถามให้เสียงปกติ ทั้งที่อยากรู้คำตอบมากๆ
“อยู่บ้านแล้วครับพี่ คิดถึงผมหรอครับ” มันยังมาอ้อนอีก ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองอีก
“ก็คิดถึงแหละนะ ก็ไม่เห็นโทรมาสักที” ผมพยายามหาเรื่องคุย แต่ระหว่างคุยผมก็ได้ยินเสียงประกาศของห้างเข้าพอดี
“อยู่ไหนกันแน่ ทำไมเสียงดังจัง” ผมถามอีกที
“อ๋อ ที่บ้านเขาเปิดโทรทัศน์เสียงดังนะพี่ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ” แล้วมันก็รีบวางสายไป
   ผมว่ามันต้องโกหกผมแน่ๆเลยมันต้องอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างที่ไอ้แนทบอกจริงๆ แล้วมันไปกับใครเพราะมันไม่มีน้องชายนี่นาที่บ้าน ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามันโกหก แล้วมันจะโกหกผมทำไมผมคิดไปต่างๆนานา จนทนไม่ไหวต่อสายไปหามันอีกรอบแต่คราวนี้มันปิดเครื่องไปแล้ว ผมเปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นโกรธมันไปแล้ว ทำไมมันทำแบบนี้กับผมทำไมมันต้องมาโกหกผมด้วย แล้วมันไปกับใครถึงต้องปิดบังผม ทำเอาคืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน
   เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าออกมามหา’ลัยโดยไม่รอให้ต้อมมารับ เพราะผมโกรธมันที่โกหกผมอยู่ผมเลยมานั่งที่ซุ้มเช้ากว่าทุกๆวัน นั่งคิดเรื่องที่แนทบอกตลอดเวลาเลย ใจผมมันไม่ยอมสงบเลย
“ครืน ๆ ๆ” โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะสั่น
“ว่า” ผมถามสั้นๆเมื่อเห็นว่าต้อมโทรมา
“พี่นัททำไมไม่รอผมไปรับละครับ คิดถึงทั้งคืนจนรีบมารับแต่เช้าแล้วนะ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว” เสียงมันมาตามสาย
“ยังคิดถึงพี่อยู่อีกหรอ พี่ก็นึกว่าจะไม่ว่างมารับแล้ว เลยมาเอง” ผมเหวี่ยงใส่
“พี่นัทเป็นอะไรไปอะ ใครทำให้พี่โกรธอะไรป่าวเนี่ย” ต้อมสงสัย
“ไม่ได้เป็นไรนี่ แค่นี้นะ” ผมตัดสายทิ้งทันที เพราะไม่อยากคุยกับมันแล้ว มันก็โทรกลับมาทันทีแต่ผมไม่รับสาย ผมรู้เดี๋ยวมันก็มาหาที่ซุ้มผมยังไม่อยากทะเลาะกับมันตอนนี้ ผมเลยขึ้นไปหลบที่ห้องโปรเจ็คของคณะซึ่งเขาจะยังไม่ให้พวกปี 1 เข้าไป
ผมโทรไปบอกไอ้ตี๋กับไอ้แนทแล้วว่าให้มาหาผมที่ห้องโปรเจ็ควันนี้ไม่อยากนั่งซุ้ม ระหว่างนั้นต้อมก็โทรมาตลอดผมเลยปิดเครื่อง เพราะไม่อยากได้ยินเสียงมันตอนนี้
“นัทแกทะเลาะกับต้อมมาหรือไงวะ เห็นมันตามหาแกไปทั่วเลย” ไอ้ตี๋ถามแต่มันไม่ได้บอกว่าผมอยู่ที่ไหนเพราะผมบอกมันไว้แล้วว่าไม่ให้บอก
“เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะชั้นป่าววะแก ชั้นไม่นาโทรไปบอกแกเลย” ไอ้แนททำหน้ากังวล
“ถ้าแกไม่โทรมาดิ เราจะโกรธแกแทนอยากเห็นเพื่อนโดนหลอกหรือไง” ผมทำหน้าเครียด
“แล้วมันเรื่องอะไรกันวะแกเล่ามาให้ชั้นฟังหน่อยสิ” ไอ้แนทดึงเก้าอี้มานั่งข้างหน้าผมไอ้ตี๋ยืนฟังอยู่ข้างๆ
“ก็ตอนที่แกโทรมาบอกเราไง เราก็ไทรไปหามันทันทีมันบอกว่ามันอยู่ที่บ้าน แต่คุยไปเรายังได้ยินเสียงห้างประกาศอะไรอยู่เลย แล้วมันก็ตัดสายไปเลยโทรไปอีกก็ไม่รับปิดเครื่องซะงั้น แล้วแกยังบอกมันไปกับคนอื่นอีกแกจะให้ชั้นคิดยังไง” ผมเริ่มระบายออกมา
“มันอาจจะไปกับเพื่อนที่รร.เก่าก็ได้ แล้วแบตมันคงหมดพอดี อย่าคิดมากดีกว่าไหม” ไอ้ตี๋หาข้อแก้ตัวให้มัน
“แล้วทำไมมันต้องโกหกว่าอยู่บ้านด้วยวะ แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว ไอ้ตี๋ก็เอามือมาโอบไหล่ผมไว้เหมือนบอกให้ใจเย็นๆ ไอ้แนทก็นั่งหน้าเครียดไปอีกคน
“เครียดกันทำไมมีปัญหานักก็เลิกกันแค่นั้นเอง นี่ขนาดเพิ่งคบกันไม่นานนะนี่” ผมพูดเพื่อให้พวกมันไม่เครียดไปกับผม
วันนี้ผมไม่เจอหน้าต้อมทั้งวันเพราะกลัวอดทะเลาะกับมันไม่ได้ ผมไม่อยากทะเลาะกับมันที่มหา’ลัย
“เฮ้ยไอ้นัท วันนี้พวกเราไปค้างที่บ้านด้วยนะ” เออวันนี้เพื่อนผมมาแปลกรวมกลุ่มกันพร้อมหน้าเลย แล้วยังจะไปค้างบ้านผมอีกสงสัยมันกลัวผมเครียดมั้ง เมื่อก่อนพวกมันก็ไปนอนบ้านผมประจำอยู่แล้วเพราะน้าผมใจดี ใครมาบ้านก็ดูแลทุกคนจนพวกมันชอบมาบ้านผมกันทุกคน แต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวผมคิด
   ผมเปิดโทรศัพท์ตอนกลับบ้านเห็นสาย miss call ของต้อมเข้ามา 50 กว่าสาย ข้อความอีก3 ข้อความผมเปิดอ่านข้อความ
“พี่นัทโกรธผมเรื่องอะไรคราบบ”
“โทรหาผมหน่อยนะคราบบบบบ”
“เดี๋ยวคืนนี้ผมไปหาที่บ้านนะครับ”
   ก่อนกลับเข้าบ้านพวกเพื่อนผมก็แวะซื้อของกินกันเยอะมาก มันจะฉลองที่ผมอกหักกันหรือไงวะ พอเดินจะเข้าประตูบ้านพวกมันก็บอกให้ผมรอก่อน เออเข้าบ้านตัวเองมีต้องรอด้วยผมรอได้แปบเดี๋ยวก็เดินเข้ามา เห็นในบ้านปิดไฟมืดจนผมมองอะไรไม่เห็นเลย แล้วพวกมันหายไปไหนกันหมดวะ
“Happy birthday to you” อยู่ๆพวกมันก็โผล่มาร้องเพลงวันเกิด แล้วผมเห็นต้อมถือเค้กจุดเทียนเข้ามาหาผม มันถือเค้กอยู่ข้างหน้าผมผมก้มลงไปมองเค้กในมือมัน เป็นเค้กสีขาวที่แต่งข้างๆด้วยลายดอกไม้แต่ตรงกลาง มีสร้อยพร้อมจี้สีเงินวางอยู่บนแผ่นพลาสติกใสเล็กๆ จี้เป็นรูปตัวทีกับตัวเอ็นมีหัวใจสีแดงขั้นกลาง ผมก็จำได้ทันทีว่าวันนี้วันเกิดผมนี่ ทั้งวันมัวแต่คิดเรื่องต้อมเลยลืมวันเกิดตัวเองไปเลย
ผมงงเล็กน้อยแต่ก็เป่าเทียนแล้วพวกไอ้ตี๋ก็เปิดไฟ หนุ่ยก็มาด้วยวันนี้ ต้อมเอาเค้กไปวางแล้วหยิบสร้อยเดินเข้ามาหาผม
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ที่รักของผม” มันกระซิบที่ข้างหูตอนที่ใส่สร้อยให้ผม แต่ผมยังเคืองๆนิดหน่อยเรื่องที่มันโกหกไงครับ แต่ดีใจมากกว่ากับเรื่องที่มันทำให้ผม
พวกไอ้ตี๋ก็ไปเตรียมของที่ซื้อมาเพื่อกินกัน หนุ่ยซื้อดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ผมจนต้อมมองหน้ามัน แล้วพวกเราก็นั่งกินกันคุยกันไปอย่างสนุก โดยต้อมมันนั่งกอดผมอยู่ข้างหลังเอาคางเกยไหล่ฟังเรื่องที่เพื่อนๆมันเผาผมให้ฟัง
“วันนี้ชั้นเครียดแทบตายแนะแก ชั้นนึกว่าจะทำให้แกสองคนทะเลาะซะแล้ว” ไอ้แนททำท่าโล่งอก
“เออไหนๆพูดมาก็ดีแล้ว แล้วเมื่อวานไปกับใคร ทำไมต้องโกหก” ผมหันหน้าไปทางต้อมจนจมูกเราแทบชิดกันแล้ว
“มันไปกับน้องผมเองแหละพี่ มันให้ไปช่วยเลือกสร้อยให้พี่ไงพอดีผมไม่ว่างเลยให้น้องไปแทน” หนุ่ยพูดขึ้นมาแทน
“พี่หึงผมอีกแล้วละสิ น่ารักจริงๆเลยแฟนผมคนนี้” แล้วมันก็กอดผมแน่นขึ้น แล้วยิ้มซะเห็นฟันหมดปากได้แล้ว
“ใครจะไปหึงเรา แค่แปลกใจดำยั่งงี้ยังจะมีคนชอบอีกหรอ” ผมหัวเราะ
“ใครดำพี่ ไม่เห็นดำสักหน่อย” ผมก็เลยจับแขนมันมาเทียบกับแขนผม ซึ่งมันก็ดำจนสีผิวจะตัดกันได้จริงๆ เพื่อนๆผมหัวเราะกันใหญ่เลย
“โอ๋ๆๆ ถึงดำพี่ก็รักของพี่นะ” ผมจับหน้ามันมามองเพราะเห็นว่ามันงอนที่ไปแซวว่ามันดำ จนมันยิ้มออกมา
   คืนนี้พวกผมกินเหล้ากันจนเมามากเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกลับบ้าน พวกมันนอนบ้านผมทุกคนรวมทั้งหนุ่ยด้วย ทำให้ห้องผมเล็กลงไปเลยที่เดินยังไม่มีเลย ผมนอนบนที่นอนกับไอ้แนทเพราะเราสนิทกันจนไม่คิดอะไรกันแหละแถมมันเป็นผู้หญิงคนเดียวอีกด้วย ผมนอนตรงกลางเพราะต้อมมามานอนเบียดอีกข้าง ให้มันนอนพื้นกับหนุ่ยมันก็ไม่ยอม มันนอนกอดผมใต้ผ้าห่มทั้งคืนเลย
“พี่นัท ผมรักพี่นัทคนเดียวนะครับ ไม่มีวันทิ้งพี่แน่นอนเชื่อใจผมนะครับ” มันหอมแก้มผมแล้วก็หลับไป ผมยังนอนยิ้มอยู่คนเดียวจนไอ้แนทหันมาทำหน้าแซวผม ผมเลยเอาหมอนมาบังหน้าแล้วหลับไป
   เช้าผมตื่นขึ้นมาตักบาตรกับต้อมชดเชยที่เมื่อวานลืมทำ ปล่อยให้เพื่อนๆนอนหลับกันอยู่ไม่อยากกวนพวกมันตอนนอน หลังตักบาตรเสร็จผมเพิ่งนึกได้ว่าน้าผมไม่อยู่บ้าน ต้อมบอกว่ามาขอน้าไว้แล้วน้าเลยให้บอกว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน แต่เมื่อคืนมัวแต่ง้อกันเลยลืมบอกผม
“ไปตักบาตรมากันหรอคู่แต่งงานใหม่” ไอ้ตี๋เพื่อนผม ตื่นมาก็ปากหมาได้อีกมัน
“เออ ก็เมื่อวานลืมตักนี่หว่าวันนี้ต้องชดเชย” ต้อมยิ้มกับคำว่าคู่แต่งงานใหม่อยู่เลย
“ตื่นกันหมดหรือยังเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” ผมหันไปถามเพราะยังไม่เห็นคนอื่นลงมาเลย
“ตื่นหมดแล้วเดี๋ยวคงลงมากัน โน่นไอ้แนทหลับรออีกรอบแล้ว” ไอ้ตี๋ชี้ให้ดูไอ้แนทที่ลงมานอนที่โซฟา
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 01:42:55
ตอนที่6
“ไอ้นัทถึงไหนแล้ววะแก ไปเที่ยวกันสองคนระวังตัวดีๆนะโว้ย” เสียงไอ้ตี๋เป็นห่วงผ่านมาทางโทรศัพท์ ผมกับต้อมจะไปเที่ยวที่เกาะกระดานกันช่วงวันหยุดก่อนเรียนซัมเมอร์
“ถึงตรังแล้วกำลังรอรถตู้มารับไปท่าเรือ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดี๋ยวซื้อของไปฝาก” ต้อมหันมามองหน้าถามว่าใครโทรมา ผมเลยบอกว่าไอ้ตี๋โดยไม่ออกเสียง
“คราวหน้ามาด้วยกันสิ คนเยอะจะได้สนุกๆ” ผมชวนมันล่วงหน้าเลย
“รถมาแล้วแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
   ผมกับต้อมจัดกระเป๋ามาใบเดียวกันเพราะเอาเสื้อผ้ามาไม่กี่ชุด แล้วต้อมก็บอกว่าจะได้ไม่ต้องถือของเยอะด้วย รถตู้มาจอดที่ท่าเรือสักพักไกด์ทัวร์ที่ต้อมติดต่อไว้ก็มาบอกให้ลงเรือ ก่อนที่จะไปถึงเกาะกระดานจะแวะดูปะการังที่เกาะเชือกและเข้าถ้ามรกตกันก่อน ผมตื่นเต้นมากเพราะผมไม่เคยลงมาเที่ยวแบบนี้มาก่อน มากสุดก็ทะเลหัวหินชะอำแค่นั้นเอง
   อีกอย่างผมเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นด้วย จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษตอนเรือไปจอดเพื่อจะเข้าถ้ามรกต เขาจะโยงเชือกกับทางเข้าปากถ้ำไว้ก่อนแล้วให้พวกเราต่อแถวเกาะกันไปต้อมเกาะอยู่ข้างหลังผมพอผ่านทางเข้าไปข้างในเป็นโพรงใหญ่มีคลื่นซัดตลอดเวลา แล้ววันนั้นคลื่นแรงมากจนผมเริ่มกลัวแล้วสิ ต้อมขยับเข้ามาใกล้ๆผมถามว่าถ้ากลัวก็ออกไปข้างนอกด้วยกันก็ได้นะไม่ต้องเข้าไปก็ได้แต่ผมก็จะเข้าไปเพราะมาถึงแล้วทั้งที ผมอยากเห็นข้างในถ้ำด้วยว่าสวยแบบที่เคยเห็นในภาพหรือเปล่า
   หลังจากผ่านอุโมงค์ที่ต้องลอยคอเข้ามาได้สักพักก็เห็นแสงสว่างข้างหน้า พอพ้นออกมาก็เจอชายหาดสีขาวล้อมไปด้วยหน้าผาทั้งหมด พอแสงแดดส่องลงมาก็สะท้อนสีเขียวของน้ำทะเลขึ้นมาเป็นสีมรกตสวยมากจริงๆ แต่ผมว่าหน้าเสียดายที่คนเยอะไปหน่อย มันเลยดูวุ่นวายกับการถ่ายรูปกันไปหมด เราถ่ายรูปกันสัก 10 นาทีก็ออกมาที่เรือเพื่อไปดูปะการังที่เกาะเชือกกันต่อ ปะการังรอบๆเกาะเชือกก็สวยนะครับแต่ยังไม่ค่อยเยอะ ไกด์บอกว่ามันยังไม่ค่อยฟื้นตัวหลังจากที่เกิดสึนามิคราวที่แล้ว แต่ก็เริ่มดีขึ้นเยอะแล้ว
   เรามาถึงที่พักบนเกาะกระดานเกือบ 5 โมงเย็น ก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก ห้องพักที่ผมได้หันหน้าออกทะเลพอดี เวลาเปิดหน้าต่างแล้วจะเห็นวิวสวยมากๆ เราเดินมาร้านอาหารของรีสอร์ทกันต้อมได้ให้เขาจัดโต๊ะไว้ริมชายทะเล ผมคิดว่าตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยมานั่งกินข้าวชายทะเลกันสองคนกับคนที่ผมรัก ใต้แสงเทียนและลมทะเลพัดแบบเย็นสบาย ต้อมยังสั่งไวท์ไว้อีกด้วยเรานั่งกินข้าวจิบไวท์กันจนผมเริ่มตึงๆแล้ว ผมเลยชวนต้อมกลับห้องเพราะจะได้พักผ่อนด้วยเหนื่อยจากการดำน้ำมาทั้งวัน
“พี่นัทครับ วันนี้ผมขอนะครับ” ต้อมดึงผมมากอดหลังจากที่ปิดประตูล็อคห้องแล้ว แต่ผมยังไม่ทันถามว่าขออะไร ต้อมก็ก้มมาจูบปากผมซะแล้ว
   ผมจูบตอบสนองต้อมแต่วันนี้ต้อมดูร้อนแรงมากคงเพราะไวท์ที่กินมาด้วยแน่ๆ ต้อมดันผมจนล้มลงบนที่นอนแล้วมันก็ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผม แล้วก้มลงมาจูบอีกครั้งคราวนี้มือต้อมไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนทุกทีแล้ว มือมันลูบมาที่หน้าอกของผมอย่างแผ่วเบาจนผมรู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่าน ผมพยายามเอามือจับมือต้อมไว้ให้หยุดแต่ต้อมกับเอามืออีกข้างมากดมือผมไว้ ต้อมเลื่อนจากการจูบปากไล่ลงมาที่ติ่งหูและซอกคอของผม ตอนนี้ผมไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้วมันรู้สึกเสียวมากกว่าพอต้อมเห็นผมไม่ได้ขัดขืน แล้วเริ่มมีอารมณ์ร่วมด้วยแล้วต้อมก็ถอดเสื้อของผมออก แล้วจูบไล่มาจนถึงหัวนมของผมแล้วใช้ลิ้นวนอยู่ที่ปลายจนผมต้องแอ่นหน้าอกไม่ติดที่นอน มือของต้อมก็ไม่อยู่เฉยลูบไล่ลงไปจนถึงเบจิต้าของผมผ่านกางเกงขาสั้น ซึ่งตอนนี้มันกำลังจะแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าแล้วจากการโดนสัมผัสจากมือของต้อม ผมเริ่มครางออกมาเบาๆเมื่อต้อมเน้นที่หัวนมผมทั้งสองข้างจนผมตัวลอยไม่ติดพื้นแล้ว ต้อมค่อยๆไล่ลิ้นลงมาที่หน้าท้องของผมและลงต่ำลงมาจนหน้าอยู่ที่เดียวกับเบจิต้าของผมเลย
   ต้อมใช้ปากกับเบจิต้าของผมทั้งที่ยังไม่ถอดกางเกงออก แค่นี้มันก็ทำให้ผมเสียวจนเบจิต้าแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าขั้นสูงสุดแล้ว มันแน่นกางเกงที่ใส่ไปหมด ต้อมเห็นว่าผมมีอารมณ์เต็มทีก็ค่อยๆถอดกางเกงผมออก โดยผมแอ่นสะโพกให้ลอยนิดหน่อยจะได้ถอดได้สะดวก พอเบจิต้าผมมันเป็นอิสระมันก็แปลงร่างโชว์เต็มที่อยู่แล้ว ต้อมมองหน้าผมแล้วยิ้มจากนั้นก็ครอบปากลงไปที่หัวของเบจิต้าตอนนี้ผมเสียวที่หัวเบจิต้ามากจนผมต้องเอามือจิกที่นอนไว้แล้ว ต้อมค่อยๆอมเบจิต้าผมเข้าไปเหมือนกลัวว่าจะกินไม่หมดทำนองนั้น แน่นอนสิครับเบจิต้าผมใช่ย่อยที่ไหน แค่อมไม่พอต้อมยังใช้ลิ้นต่อสู้กับเบจิต้าอยู่ในปากด้วย ต้อมเริ่มโยกหัวขึ้นลงช้าๆผมเสียวมากจนต้องแอ่นสะโพกขึ้นเพราะกลัวเบจิต้าจะหลุดจากปากต้อม ต้อมได้ใจที่ผมเป็นแบบนี้ขยับหัวขึ้นลงเร็วขึ้นไปอีก จนผมต้องเอามือไปจับหัวต้อมไว้แล้วเผลอครางออกมา
“อืมมมมมม ต้อมพี่เสียวครับ อ่า.....” ผมครางเรียกชื่อต้อม ต้อมชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าผมแต่ยังไม่หยุดที่จะต่อสู้กับเบจิต้าของผมต่อไป
   ผมจับหัวต้อมให้หยุดเมื่อผมรู้สึกว่ามันเสียวจนจะทนไม่ไหวแล้ว แล้วผมก็ดึงหน้าต้อมขึ้นมาจูบต้อมจูบกลับมาผมก็ผลักให้ต้อมนอนลงไปบนที่นอนบ้างผมทำแบบที่ต้อมทำให้ผมจูบไล่ลงมาที่นมของต้อมตอนนี้มันแข็งเป็นไตรออยู่แล้ว ผมใช้ลิ้นเลียลงไปต้อมแอ่นอกขึ้นมาตามลิ้นแต่ดูต้อมจะปล่อยอารมณ์เต็มที่เพราะ ครางเรียกชื่อผมตลอดเลย
“พี่นัท อ่า..พี่นัทครับ” มือต้อมลูบอยู่ที่หลังของผม   
   ผมไล่ลิ้นลงมาที่หน้าท้องของต้อมที่เป็นซิกแพ็คต่างจากของผมที่เป็นแบบวันแพ็คเลย ผมค่อยๆเลียไปที่รอบสะดือดูท่าทางต้องคงจะอ่อนไหวกับตรงนี้มาก เอามือมาบีบแขนผมแน่นเลย ระหว่างที่ผมลงลิ้งที่หน้าท้องอยู่มือผมก็จัดการถอดกางเกงต้อมออก เพื่อปลดปล่อยโงกุนของต้อมออกมา มันก็แปลงร่างขั้นสุดยอดแล้วเหมือนกัน ถึงได้เด้งสู้มาจนโดนหน้าอกผม ผมค่อยๆเลื่อนหน้าลงมาเพื่อท้าสู้กับโงกุนของต้อม ผมค่อยเอาปากลงไปครอบที่หัวของโงกุนต้อมตัวเกรงเอามือมาบีบไหล่ผมไว้ จนผมกินเจ้าโงกุนเข้าไปหมดแรกๆผมอาจจะทำไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ก็นี่ครั้งแรกของผมนี่ครับที่มีอะไรกับผู้ชาย แต่สักพักก็เริ่มคล่องแหละสังเกตจากที่ต้อมครางออกมา แล้วเอามือมาจิกไหล่ผมตลอด
“พี่นัทครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว เสียวมาก อ่าสสสสสสสสสสส์” ต้อมครางออกมามือจิกอยู่ที่บ่าของผม โดยที่ผมยังสู้กับโงกุนอยู่เลย
“ผมใกล้แล้วพี่ พี่นัทครับ” เสียงต้อมขาดเป็นห้วงๆ ผมเลยเอาปากออกแล้วใช้มือสู้กับเจ้าโงกุนสักพัก ต้อมก็เกร็งหน้าท้องมือจิกที่ไหล่ผมแน่น
“โอะ พี่นัทครับผมรักพี่นัทที่สุดเลย” ต้อมพูดขณะที่เจ้าโงกุนกำลังปล่อยพลังคลื่นเต่าออกมาเต็มหน้าท้องของตัวเอง
   ผมล้มตัวลงไปนอนข้างๆต้อม ต้อมก็หันมาจูบผมต่อระหว่างที่จูบผมต้อมก็หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดพลังงานที่ตัวเองปลดปล่อยออกมา แล้วต้อมก็กลับมาทำให้ผมอีกครั้ง ลีลาที่ต้อมมอบให้ผมนั้นทั้งนุ่นนวลและสร้างความเสียวให้ผมได้มากสุดๆ เรียกได้ว่าสะโพกแทบไม่แตะพื้นเลย จนผมรู้สึกจะไม่ไหวแล้ว
“อ่า ต้อม พี่จะไม่ไหวแล้ว อ่าสส” ผมครางบอก ต้อมยังก้มหน้าสู้กับเบจิต้าไม่สนใจที่ผมบอกเลย
“โอ๊ะ ต้อมพี่ไม่ไหวจริงๆแล้วนะ” ต้อมยังไม่ยอมหยุดที่จะใช้ปากกับเบจิต้ากลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นไปอีก จนผมทนไม่ไหวระเบิดพลังออกมาในปากของต้อม ต้อมกลืนพลังงานของผมลงไปจนหมดแล้วล้มตัวลงมานอนข้างผมที่หายใจหอบอยู่
“พี่กับผมเป็นคนเดียวกันแล้วนะครับ ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมจูบปากผมแต่คราวนี้มันคาวๆสงสัยเพราะพลังงานของผมแน่ๆ
“พี่ก็รักต้อมนะ” ผมจูบไปที่หน้าผากของต้อมแล้วก็กอดมันไว้
   พอนอนพักจนหายเหนื่อยผมก็ลุกเพื่อจะไปอาบน้ำ ต้อมก็ลุกขึ้นตามาด้วยบอกว่าขออาบน้ำพร้อมกับผม ตอนแรกผมก็อายนะก็ไม่เคยอาบน้ำพร้อมใครนี่นาตั้งแต่โตขึ้นมา ตอนอาบน้ำต้อมก็สระผมแล้วฟอกสบู่ให้ผมผมก็ทำให้ต้อมเหมือนกัน เราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวต้อมยังมานั่งเป่าผมให้ผมอีก บอกว่าถ้านอนผมไม่แห้งเดี๋ยวไม่สบาย ผมก็เลยเป่าให้มันเหมือนกัน หลังจากผมแห้งเราก็มานอนบนที่นอนปกติผมจะนอนทางขวาต้อมจะนอนทางซ้ายมือผม แล้วเราก็หันหน้าเข้าหากันจนจมูกเราชนกัน
“ผมมีความสุขที่สุดเลยตั้งแต่เกิดมาวันนี้” ต้อมพูดทั้งที่ปากเราใกล้กันมากๆ ผมได้กลิ่นหอมรสส้มอ่อนจากปากของต้อม เพราะต้อมหันมาใช้น้ำยาบ้วนปากแบบเดียวกับผม
“พี่ก็เหมือนกัน” ผมก็จุ๊บปากต้อมไปทีนึง แล้วเราก็หลับในอ้อมกอดของกันและกัน
   เช้าวันนี้จริงๆเรามีโปรแกรมต้องไปดูปะการังที่เกาะอีกเกาะหนึ่ง แต่เราสองคนตกลงกันว่าจะไม่ไปอยู่ที่รีสอร์ทดีกว่า ตอนบ่ายน้ำทะเลลงเยอะมากผมกับต้อมเลยจะไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำแทน เราเตรียมกางเกงว่ายน้ำมากันเรียบร้อยสระว่ายน้ำเขาก็วิวสวยมากมองออกมาเห็นทะเลด้วย ผมว่ายน้ำไม่ค่อยเก่งจึงว่ายได้ไม่นานก็มาพักแถวขอบของสระว่ายน้ำ
“ปึก” เสียงอะไรไม่รู้ชนผมจากด้านข้าง จนผมต้องถอยหลังจากในน้ำ
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” เด็กหนุ่มหน้าตี๋หุ่นดีคนหนึ่งว่ายมาชนผมจากด้านข้าง
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยกมือบอกด้วย น้องที่ชนขอโทษผมอีกหลายหน แล้วก็แนะนำตัวผมเลยรู้ว่าน้องเขาชื่อแจ็ค มาเที่ยวจากกรุงเทพเหมือนกัน ต้อมคงเห็นผมยืนคุยกับแจ็ค อยู่ก็เลยว่ายกลับมาหาผมที่ขอบสระ
“มีอะไรกันหรอพี่” ต้อมถามเมื่อว่ายมาถึงที่ผมอยู่
“ป่าวไม่มีอะไรหรอก น้องเขาแค่ว่ายมาชนพี่แล้วเลยคุยกันนิดหน่อย” ผมหันมายิ้มให้ แต่ต้อมเหมือนจะจ้องหน้าแจ็คมากกว่า แล้วก็ดึงแขนผมออกไปจากตรงนั้น บอกว่าจะพาไปหัดว่ายน้ำจะได้ว่ายเก่งๆ
“มันมาจีบพี่หรอ” ต้อมถามตอนที่พาผมมาถึงอีกฝั่งของสระน้ำ
“บ้าแล้ว มันว่ายมาชนเฉยๆ มันชวนคุยพี่ก็คุยตามมารยาท” ต้อมทำหน้างอนๆ
“ใครจะไปชอบคนอื่นได้ไง เนี่ยมีน้องดำอยู่ทั้งคน รักจะตายอยู่แล้ว” ผมเอามือหยิกแก้มมันเบาๆ จนมันยิ้มออกมาจนได้
   วันกลับเราแวะซื้อของฝากกันเยอะมาก ก็เพื่อนผมเยอะนี่ครับต้อมก็ซื้อหมูย่างเมืองตรังไปฝากน้าผมกับหนุ่ย แหมมันมีเอาใจน้าผมด้วยนะหาพวกเต็มทีเลยมัน เรานั่งรถจากตรังมาถึงกรุงเทพก็เช้าอีกวันพอดี ต้อมกลับไปบ้านผมก่อนเพราะรถจอดอยู่ทีนั่นมันเอาของฝากให้น้าผมน้าผมก็ใจดีจริงๆชวนมันให้ค้างต่อเพราะว่าจะได้พักผ่อนเยอะๆ มีหรือมันจะปฏิเสธแต่มันจะพักผ่อนจริงหรือ ของฝากอื่นๆเราตกลงว่าจะเอาไปให้พวกเพื่อนผมพรุ่งนี้โดยต้อมจะขับรถไปให้
“ก๊อก ๆ ๆ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำตอนที่ผมกำลังแปลงฟันเตรียมตัวอาบน้ำ
“พี่นัทครับ ผมอาบน้ำด้วยนะคราบบ” ดูมันมาอ้อนหน้าห้องน้ำ
“บ้าแล้ว พี่อายไม่เอาหรอก” ผมพูดทั้งยาสีฟันเต็มปาก
“นะนะนะคราบบบ พี่นัทนะผมอาบน้ำด้วยคน ตอนไปเที่ยวเรายังอาบด้วยกันได้เลย” มันอ้อนไม่พอยังยกตัวอย่างขึ้นมาอีก ผมเลยไปเปิดประตูให้มัน พอมันเข้ามาผมก็ส่งแปลงที่บีบยาสีฟันแล้วให้มันแปลงฟัน มันก็มายืนแปลงข้างๆผม แต่วันนี้ผมเพิ่งสังเกตว่ามันแปลงฟันได้แรงมาก
“โห แปลงฟันแรงขนาดนี้ เหงือกพังกันพอดี แปลงเบาๆหน่อยสิ” ผมบอกตอนที่บ้วนปากเสร็จแล้ว
“อะ งั้นแปลงให้หน่อย” มันยิ้มแล้วยืนแปลงมันมาให้ผม
“จะบ้าหรอแปลงเองสิ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” มันทำหน้ายุ่งอีกแหละ
“ก็แปลงให้ดูก่อนไงว่าแปลงเบาๆยังไง นะนะนะ” มันจะอ้อนไปถึงไหนกัน วันๆอ้อนจนผมจะตามใจมันตลอดแหละตอนนี้ก็เช่นกัน ผมหยิบแปลงมันมา มันก็ยิ้มยิงฟันยื่นหน้ามาหาผม ผมก็แปลงฟันให้มันบอกอะไรมันก็ทำตามหมดเลย
“แบบนี้อะจำไว้นะ ออกแรงให้พอดีก็พอแล้ว” ผมยังบ่นเรื่องแปลงฟันหลังแปลงให้มันเสร็จแล้ว
“แล้วแบบนี้ใช้แรงแค่ไหนพอครับ” มันทำหน้าทะเล้นแล้วก็ดึงหน้าผมเข้าไปจูบ ตอนที่ลิ้นมันเข้ามาในปากผมผมได้กลิ่นส้มจากปากมัน เอาวะคราวนี้ส้มกับสตอเบอรี่จะผสมกันแล้วเพราะเมื่อกี้ผมใช้กลิ่นสตอเบอรี่บ้วนปากไม่รู้ว่าผมจะโรคจิตป่าวผมชอบซื้อน้ำยาบ้วนปากมาทีละหลายๆกลิ่นแล้วเปิดใช้พร้อมกัน เปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อยๆอีกอย่างน้ำยาบ้วนปากเด็กมีกลิ่นให้เลือกเยอะอยู่นะครับ
   หลังจากจูบผมแล้วต้อมก็ดันผมไปจนติดผนังห้องน้ำ ตอนนี้เบจิต้าของผมกับโงกุนของมันเริ่มที่จะแปลงร่างแข่งกันแล้ว ผมเลยหันไปเปิดน้ำเพื่อกันเสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ ก็น้าผมยังอยู่ข้างล่างนี่ครับ ต้อมค่อยๆย่อตัวลงไปใช้ลิ้นไล่ไปทุกส่วนของร่างกายผม ผมเสียวจนจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้วตอนนี้ ต้อมนั่งลงไปจนหน้าอยู่ระดับเดียวกับเบจิต้าของผมแล้ว สงสัยเบจิต้าของผมคงโกรธมากเห็นมันชี้หน้าต้อมอยู่ แต่ต้อมก็ไม่ได้กลัวมันนะครับกลับสยบมันด้วยการใช้ลิ้นเลียมาที่หัวของเบจิต้า ผมเสียวมากจนต้องเกร็งหน้าท้องช่วย ต้อมใช้ลิ้นสำรวจเบจิต้าจนทั่วตัว ก็จัดการเอามันเข้าไปในปากทันทีต้อมสู้กับเบจิต้าของผมจากช้าไปเร็วขึ้นๆ จนผมยืนนิ่งๆไม่ไหวแล้ว ผมบีบมือกับมือต้อมที่เอามาประสานมือกับผมไว้เพื่อคลายอาการเสียวลง
“ต้อมพี่รักต้อมนะครับ อ่า... พี่ไม่ไหวแล้ว” ผมบอกพร้อมหายใจติดขัดเพราะต้อมมอบความเสียวมามากเหลือเกิน ต้อมคงรู้ว่าผมคงใกล้จะระเบิดพลังแล้ว จึงเร่งสู้กับเบจิต้าของผมใหญ่เลย
“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้ว พี่เสร็จแล้ว อ่าสสสสสสสสสส์” ผมเกร็งตัวบีบมือต้อมไว้แน่น ต้อมก็กดหน้าเข้าไปจนชิดกับพงหญ้าที่เบจิต้ายืนอยู่เลย ต้อมยังคงกินพลังงานของผมลงไปเหมือนเดิม
“ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมบอกแล้วจูบปากผมอีกครั้ง พอผมจะทำให้ต้อมบ้างต้อมกลับบอกว่าไม่ต้องมันอยากทำให้ผมมีความสุขก็พอแล้ว อยากให้ผมพักผ่อนมากกว่า
   ก่อนออกจากห้องน้ำเราต้องแปลงฟันกันอีกรอบเพราะอะไรไม่ต้องบอกนะครับ ต้อมมันก็ยังอ้อนให้ผมแปลงฟันให้มันเหมือนเดิม ตกลงนี่ผมมีแฟนหรือมีลูกกันแน่หา เราออกมาแต่งตัวแล้วก็เข้านอนต้อมก็นอนกอดผมแล้วหลับไปเหมือนเดิม
   ตอนเช้าผมโทรนัดพวกไอ้ตี๋กับไอ้แนทที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า เพราะมันใกล้บ้านทุกคนดีแล้วต้อมจะได้ไม่ต้องขับรถวนไปไกลๆ ผมให้ต้อมโทรชวนหนุ่ยมาด้วยกันจะได้ให้ของฝากกันไปเลยทีเดียว อีกอย่างผมไม่ได้เที่ยวกับเพื่อนๆนานมากแหละเลยกะชวนพวกมันดูหนังกันซะหน่อย
“เฮ้ยนัท คอแกไปโดนอะไรมาวะ” ไอ้แนททักเมื่อผมเดินมาหาพวกมันที่ KFC ตรงเมเจอร์
“โดนอะไรไม่มีนี่” ผมปฏิเสธไอ้แนทยื่นกระจกให้ผมส่องดู แล้วผมก็เห็นรอยที่ต้นคอเป็นรอยแดง นี่ต้อมมันเล่นบ้าอะไรกับผมนี่ มันมาทำรอยฝากไว้บนตัวผมตอนไหนกัน ผมหน้าแดงแล้วดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดทันที แล้วหันไปมองหน้าต้อม มันยังยิ้มทำหน้าทะเล้นให้ผมอีก พวกเพื่อนผมนี่สิปากมันไม่ต้องพูดถึง หมายังเรียกพี่มันแซวผมทั้งวันเลย มีแต่หนุ่ยที่มองหน้าผมกับต้อมแล้วทำหน้าเศร้าๆ
   ตกลงวันนี้พวกผมดูหนังเสร็จแล้วออกมากินข้าวกันอีกรอบ คราวนี้เรากิน hotpot บุฟเฟต์กัน พวกผมกินกันเยอะมากเพราะกินเก่งกันทุกคนอยู่แล้ว แต่คนอื่นกินแล้วไม่ยักอ้วนกันสักคนมีแต่ผมที่ดูอวบอิ่มอยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 01:44:30
ตอนที่7
วันนี้วันสงกรานต์ผมกลับมาบ้านต่างจังหวัด เพราะปีนี้ผมยังไม่ได้กลับเลยก่อนซัมเมอร์ก็ไปเที่ยวใต้กับต้อม แล้วทุกปีผมก็ต้องกลับมารดน้ำให้พ่อกับแม่และก็ปู่ผมทุกปีอยู่แล้ว
“พี่นัทครับคิดถึงผมไหมคราบบ” มันอ้อนผ่านสายมาอีกแล้ว
“คิดถึงสิครับ คิดถึงน้องดำที่สุดเลย” ผมบอกกลับไป
“งั้นก็บอกมาสิครับว่าบ้านพี่อยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมไปหา” ถ้าจะบ้าแล้ว แต่ผมก็บอกทางมันไปเพราะคิดว่ามันคงล้อเล่น ผมยังพูดไม่ทันจบรถมันก็มาจอดหน้าบ้านผมแล้ว ผมยืนงงไปเลยว่ามันมาได้ยังไง แถมมันยังพาไอ้ตี๋กับไอ้แนทมาด้วยไอ้สองคนนี้ไม่เท่าไหร่หรอกครับเพราะมันมาหาพ่อกับแม่ผมประจำ ไม่งั้นถ้าพ่อกับแม่ผมขึ้นไปกรุงเทพมันก็จะมาหาที่บ้านเสมอ
“เฮ้ยแก จะไม่เปิดประตูให้เพื่อนเข้าไปในบ้านหรอวะ ร้อนนะโว้ย” ไอ้แนทโวยวายหน้าประตูบ้าน ผมรีบวิ่งไปเปิดให้มันเข้ามา
“มากันยังไงเนี่ย ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน” ผมหันไปถามพวกมัน
“ก็ไอ้ต้อมของแกนะสิ มันไปลากพวกชั้นมาจากบ้านว่าจะมาหาแกให้ได้”ไอ้แนท บอก ผมหันไปทำหน้าดุใส่มันที่มันพูดว่าต้อมของผม เพราะผมยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าผมกับมันเป็นแฟนกัน
“เออๆ โทษทีลืมไป” มันทำหน้าจ๋อยๆ ผมเลยบอกว่าอย่าลืมบ่อยแล้วกัน ผมก็พามันสามคนเข้ามาบ้าน สวัสดีปู่แล้วพ่อกับแม่ผมเสร็จก็พามันไปเก็บของที่ห้องนอนผม แล้วก็ลงมานั่งคุยกับพ่อกับแม่ผม ผมบอกไปว่าต้อมเป็นรุ่นน้องที่คณะพอดีสนิทกันมากแล้วมันอยากมาเที่ยวก็เลยแวะมาพ่อแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนลูกแกก็บอกว่าเหมือนลูกแก
   ตอนเย็นแม่ผมทำกับข้าวเลี้ยงพวกมันซะเยอะเลย มีทั้งปลาสามรส แกงเขียวหวานไก่ ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดเต้าหู้ แถมยังทำไข่หวานไว้รอเป็นของว่างอีกด้วย ทีลูกตัวเองอยู่ให้ทำกินเองนะแม่ผม ต้อมกินไปก็ชมไปว่ากับข้าวอร่อยไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้มานานแหละ แม่ผมก็ยิ้มหน้าบานนะสิคนชมอย่างงี้ ทีนี้อะไรก็ลูกต้อมๆตลอดเลยอยากกินอะไรลูกต้อมบอกแม่ผมทำให้กินทุกอย่าง ตกลงมันจะมาเป็นลูกแม่ผมอีกคนเลยไหม
   วันนี้ผมไปทำบุญกับที่บ้านแต่เช้าต้อมก็ตามไปด้วย แต่ไอ้แนทกับไอ้ตี๋ยังนอนไม่ตื่นเลยต้อมก็คอยดูแลแม่ผมดีจริงๆช่วยถือของชวนคุยนั่นนี่ตลอด แล้วยังอาสาขับรถไปให้อีกต่างหากสายๆกลับมาถึงบ้านพวกผมก็รดน้ำขอพรจากปู่และพ่อแม่ของผม พวกมันก็มารดขอพรด้วยเหมือนกันหมดเพราะบ้านผมก็คิดว่าพวกมันทุกคนเป็นลูกเป็นหลานเหมือนกันหมดทุกคน
   ตอนบ่ายเราก็ไปหาซื้อของฝากกันและดูบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ด้วย ต้อมบอกเพิ่งเคยมางานสงกรานต์ต่างจังหวัดครั้งแรก ระหว่างที่เราเดินผ่านสายที่เขาสาดน้ำกันอยู่นั้น กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ริมถนนกับกลุ่มที่อยู่บนรถเกิดทะเลาะกัน พวกผมก็พยายามเดินเลี่ยงหลบแล้วแต่ตอนนั้นผมเห็นขวดเบียร์ลอยมาตรงต้อมพอดี ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรแค่กลัวต้อมจะโดนขวดผมจึงเอาตัวเข้าไปบังต้อมไว้ โดยหันหลังให้ขวดที่กำลังลอยมา
“ปึก” ผมได้ยินเสียงแค่นี้ก้องเข้าไปในหัวตอนที่ผมอยู่ตรงหน้าต้อม ตอนนี้ผมมึนหัวหูอื้อไปหมดไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย แค่รู้สึกว่าต้อมกับพวกไอ้ตี๋พยุงตัวผมไว้ ตาผมก็เริ่มพล่าลงไปผมพยายามเอามือไปจับหัวด้านหลังที่รู้สึกปวดหน่วงๆจากขวดเบียร์เมื่อกี้ก็รู้สึกถึงของเหลวที่เหนียวนิดๆ พวกมันรีบพาผมกลับมาที่รถแล้วพาไปโรงพยาบาลทันที
“คนไข้ชื่ออะไรครับ” เสียงบุรุษพยาบาลถามหลังจากที่ผมลืมตาตื่น
“ผมชื่อณัฐ........ ................ครับ” ผมบอกชื่อนามสกุลผมไป แล้วเขาก็ทดสอบอีกสองสามอย่างก็บอกว่าสมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือนสบายใจได้ แต่ขอให้นอนดูอาการอีกคืน พรุ่งนี้พบหมออีกครั้งก่อน
   ทางบ้านผมรู้ข่าวแล้วจากพวกไอ้ตี๋เขาก็มาหาที่รพ. ตอนนี้ผมย้ายไปห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วซึ่งต้อมเฝ้าผมอยู่ไม่ห่างจากเตียงคนไข้เลย จนที่บ้านผมเข้ามาเยี่ยม
“ขอโทษครับแม่ พี่เขามาเจ็บตัวเพราะผม” ต้อมหน้าเศร้าเดินไปขอโทษแม่ผมที่เดินเข้ามา
“มันไม่ใช่ความผิดของหนูหรอกลูก มันเป็นอุบัติเหตุแล้วก็ดีกว่าที่หนูบาดเจ็บนะ หนูมาบ้านแม่แล้วเจ็บตัวกลับไปจะให้แม่บอกกับที่บ้านหนูยังไง ไม่ต้องคิดมากหรอกลูก” แม่ผมลูบหัวมันแล้วเดินมาดูผม พ่อผมที่เดินมาข้างเตียงก็บอกมันว่า ไกลหัวใจจะตายเรื่องแค่นี้เอง ดูต้อมมันคลายความกลุ้มใจไปบ้าง สักพักแม่กับพ่อผมก็กลับบ้านบอกเดี๋ยวตอนเย็นจะมานอนเฝ้าผมแต่ต้อมบอกขอเฝ้าเอง แม่ผมก็เลยตามใจแต่เดี๋ยวตอนเย็นจะทำกับข้าวมาให้ เพราะแม่รู้อยู่แล้วว่าผมไม่กินอาหารของรพ.
   ช่วงเย็นก็มีคนมาเยี่ยมผมกันเยอะมากทำไงได้ละครับ ผมมันเป็นที่รักของคนแถวบ้านอยู่แล้ว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ผมรู้จักเกือบทุกคน จนต้อมมันยังแซวว่าผมเป็นคนของประชาชนหรือเปล่านี่ แต่เห็นมันก็ยิ้มนะ
   ตกลงผมเย็บหัวไป 5 เข็ม แผลใหญ่เหมือนกันนะนี่ เขาโกนผมตรงรอบๆแผลผมออกด้วย ดีนะที่ตอนนั้นผมไว้ผมค่อนข้างยาวเลยกลบรอยโหว่ที่หัวได้บ้าง ต้อมนอนเฝ้าผมทั้งคืนเลยแต่ตอนนี้สีหน้าไม่กังวลเหมือนตอนแรกๆแล้ว คงเห็นว่าผมดีขึ้นด้วยตอนเช้าหมอเข้ามาพอดูผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็บอกว่าไม่เป็นอะไรให้กลับบ้านได้ แต่ถ้ารู้สึกตามัวหรือหูอื้อนานๆก็ให้มาพบใหม่ ผมก็รับปาก
   ผมกลับมาบ้านก็เก็บของกลับกรุงเทพกันเพราะต้องไปเรียนซัมเมอร์ต่อ บ่ายๆหลังจากกินข้าวเที่ยวกันแล้วพวกผมก็ลาที่บ้านกลับไอ้ตี๋อาสาขับรถให้ต้อมแทน เพราะเห็นเมื่อคืนมันนอนเฝ้าผมทั้งคืนกลัวมันเพลียแล้วเกิดอุบัติเหตุอีก ไอ้ตี๋เป็นคนขับ ไอ้แนทนั่งข้างหน้ากับมัน ผมกับต้อมนั่งข้างหลัง ผมนั่งไม่ถนัดเลยเพราะแผลมีอยู่ที่หลังหัวผมพิงเบาะไม่ได้เลยมันเจ็บแผล ต้อมเลยจับผมไปให้นอนตักมันทีแรกผมจะลุกเพราะอายพวกไอ้ตี๋แต่มันก็เอามือมากดบ่าผมไว้ไม่ให้ลุกขึ้น แล้วผมเห็นพวกเพื่อนผมก็ไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มๆผมก็เลยนอนต่อ มันเอามือมาวางไว้ที่หน้าอกผมผมก็เอามือผมไปจับมือมันไว้ มันก้มลงมามองแล้วยิ้มสักพักมันก็นั่งหลับไปสงสัยเมื่อคืนคงนอนไม่พอจริงๆ แล้วผมก็หลับตามเพราะยาที่กินไปตอนเที่ยง โดยที่ผมยังจับมือมันไว้
“พี่นัทหัวไปโดนอะไรมา” เสียงหนุ่ยถามมาจากข้างหลัง เมื่อเจอผมวันแรกหลังจากช่วงหยุดสงกรานต์หลายวัน
“อุบัติเหตุนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว” ผมหันไปยิ้มให้มัน แล้วก็หันมามองต้อมแล้วหนุ่ยก็เรียกต้อมออกไปคุยด้วย ต้อมมันทำทางเหมือนขอโทษอะไรกันก็ไม่รู้แต่ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ผมเจ็บตัวนี่แหละ
“ผมไม่หน้ายอมมันเลย มีแต่ทำให้พี่เจ็บตัวตลอด” หนุ่ยเดินเข้ามาบ่นแล้วมองหน้าผมแบบกังวลนิดๆ
“มันไม่ได้ทำอะไรนี่ พี่ทำตัวเองต่างหาก” ผมบอกแล้วหันไปยิ้มให้ต้อมเพื่อปลอบใจเห็นมันเดินหน้าหงอยที่โดนหนุ่ยว่ามา
   หลังจากตัดไหมจากแผลที่หัวได้สองอาทิตย์ผมต้องยุ่งทั้งสอบซัมเมอร์กับเตรียมงานปฐมนิเทศน้องใหม่อีก ก็ผมขึ้นปี 3 แล้วนี่ครับงานที่ทำก็เลยเยอะขึ้น
“ต้อมวันนี้ไปตัดผมเป็นเพื่อนหน่อยนะ” ผมหันไปบอกต้อมที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนผม
“ตัดทำไมพี่ ผมยาวก็ดีอยู่แล้ว” มันลุกมามอง
“ไม่เอาอะ ข้างในตรงที่เป็นแผลมันสั้นพอจับแล้วมันยังไงก็ไม่รู้ ไปตัดดีกว่า”
   ผมมาตัดร้านประจำแถวเซ็นทรัลปิ่นเกล้าอีกอย่างมันใกล้บ้านด้วย ผมมาตัดจนสนิทกับพี่ช่างตัดผมแล้ว ช่างประจำผมชื่อพี่แมวผมมาตัดกับแกตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1 แล้ว วันนี้ผมให้พี่แมวดูผมข้างในที่สั้นว่าจะแก้เป็นแบบไหนได้ แกบอกให้ตัดสั้นไปเลยผมก็ตกลงเพราะผมเชื่อมือแกอยู่แล้ว ตอนสระผมแกก็ถามเรื่องแผลว่าไปโดนอะไรมาถามถึงต้อมเพราะปกติผมจะมาคนเดียวตลอด ผมก็บอกเป็นรุ่นน้องที่มอชวนมาเป็นเพื่อนเฉยๆ เหมือนต้อมจะได้ยินนั่งทำหน้างออีกแล้ว ปกติเนี่ยคนตัวดำเขาจะขี้งอนแบบนี้เปล่านะ
   ระหว่างตัดผมพี่แมวก็ชวนผมกับต้อมคุยไปทั่ว พี่แมวเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้วจนตัดผมเสร็จคราวนี้มันสั้นค่อนข้างมากจริงๆ
“อืม พี่ว่านัทตัดผมสั้นดีกว่านะต่อไป หล่อขึ้นเป็นกองเลย” คนอะไรชมฝีมือตัวเองตัดผมก็ได้
“จริงไหมต้อม พี่ว่าแบบนี้หล่อกว่าผมยาวตั้งเยอะเนอะ” พี่แมวหันไปถามต้อม ต้อมยิ้มแล้วก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“พอแล้วพี่ เดี๋ยวผมก็ลอยกันพอดี” ผมเบรกพี่แกไว้ก่อน แล้วผมก็ไปจ่ายเงินแล้วชวนต้อมไปกินข้าวที่เซ็นทรัลต่อ เพราะเริ่มหิวแล้ว
   ตอนขับรถมาเซ็นทรัลต้อมมันมองหน้าผมแล้วยิ้มตลอดเลย หรือว่าผมตัดผมแล้วออกมาหน้าตลกหรือไง ผมเริ่มกังวลแล้วต้อมไปจอดรถชั้นบนๆ
“ผมเพิ่งรู้นะนี่ว่าพี่นัทตัดผมสั้นแล้วน่ารักอะ รู้งี้ขอให้ตัดนานแหละ” อยู่ดีๆมันก็มาปากหวาน
“บ้าแล้วเหมือนเดิมแหละ” ผมบอกอายๆ แล้วมันก็ยื่นหน้ามาจูบปากผมทันที เราจูบกันแปบเดียวแล้วมันก็เอาปากออกแล้วยิ้มให้ผม
   เราลงไปกินโออิชิราเมงกัน เพราะผมอยากกินเกี๊ยวซ่าด้วย กินของคาวเสร็จก็เป็นของหวานก็ไม่พ้นเซเวนเซ่นอีกเหมือนเดิม อิ่มแล้วเราก็เดินเล่นกันต่อเพื่อย่อยอาหารไงครับ
ผมหันหลังกลับเพราะรู้สึกว่ามีคนมาสะกิดที่แขนผม ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งหน้าตี๋ที่คุ้นหน้ายืนอยู่ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ต้อมก็หันมามองตาม
“พี่นัทเปล่าครับ ผมแจ็คไงพี่ที่เจอกันที่เกาะไงครับ” แจ็คเตือนความจำผม
“อ๋อ ครับจำได้แหละ ว่าไงมาทำอะไรแถวนี้” ผมจำได้แหละคนที่ว่ายน้ำมาชนผมนั่นเอง
“มาเที่ยวกับเพื่อนครับ พอดีเห็นพี่เลยเข้ามาทักตัดผมซะผมเกือบจำไม่ได้เลย” แจ็คมองไปทางเพื่อน แล้วหันมายิ้มให้ผม
“ครับ งั้นพี่ไปก่อนนะพี่กำลังจะกลับพอดี” ผมบอกเพราะเห็นต้อมยืนรออยู่
“เออ ถ้าเจอกันอีกคราวหน้าผมทักพี่อีกได้เปล่าครับ” มันถามแปลกๆ
“อ่าวได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ พี่ไม่กัดนะครับ ไปแหละเพื่อนพี่รอ” ผมยิ้มแล้วเดินออกมา
“ไปซื้อขนมปังก่อนนะ เอาไปฝากน้าด้วย” ผมบอก แต่มันไม่ตอบผมเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย ผมหันไปเห็นหน้ามันงออีกแล้ว เฮ้อ งอนอะไรกูอีกแล้วเนี่ย
“เงียบ เป็นอะไรอีกแล้วงอนอะไรอีกแล้ว” ผมสงสัย
“ใคร ไปรู้จักกันตอนไหน” มันเสียงแข็ง เอออยู่ๆก็องค์ลงซะงั้น
“ก็แจ็คไงที่เจอที่เกาะ เขาเข้ามาทักเฉยๆ”
“เห็นยิ้มกันหน้าบานเชียว” มันยังงอนอีก
“คิดมากน่า พี่รักน้องดำคนเดียวนะนะ” ผมเอามือไปโอบเอวมันแล้วเดินไปด้วยกัน มันเริ่มยิ้มออกแล้ว
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 12:15:09
ตอนที่8
วันงานปฐมนิเทศผมยุ่งมากเพราะอาจารย์ให้ผมเป็นหัวหน้าในการจัดงานนี้ ผมยุ่งตั้งแต่เช้ารวมทั้งพวกไอ้ตี๋ด้วยทั้งจัดสถานที่รวมน้องปี 1 โหเยอะมากมาย
“ต้อมกับหนุ่ย ไปดูน้องปี 1 นะว่ารวมกันพร้อมยัง แล้วพามาทีห้องนี้เลย” ผมหันไปบอกต้อมกับหนุ่ยทั้งที่ตัวเองยังวุ่นกับเอกสารที่จะแจกน้องๆ
“นัทให้เราไปเชิญอาจารย์มาเลยเปล่า” ไอ้ตี๋ตะโกนมาจากหน้าห้อง
“เดี๋ยวๆให้น้องเข้ามาให้พร้อมก่อนค่อยไป แกมาช่วยเราจัดนี่ก่อนดีกว่า” ผมเรียกมันมาช่วย สักพักต้อมกับหนุ่ยก็พาน้องใหม่เข้ามาในห้อง พวกผมก็จัดระเบียบจนเรียบร้อยแล้วก็เชิญอาจารย์มาให้โอวาสกับแนะนำแนวทางในการเรียน ปีนี้คณะผมรับรุ่นน้องเยอะกว่าเดิมมาก ปกติจะรับปีละ 200-300 คน แต่ปีนี้เกือบ 500 คนได้ แต่คณะผมเรียนยากผมบอกแล้วพอปีสองเหลือไม่ถึงครึ่งซักปี ลาออกไปหมด
   เปิดเทอมมาก็เหมือนเดิมเราเตรียมซ้อมเชียร์น้องปีนี้เราปี 3 แล้วแกล้งได้เต็มที่เลย พวกไอ้ตี๋ไอ้แนทเป็นพี่ว๊ากกันพวกผมมันเด็กกิจกรรมอยู่แล้ว แต่ผมไม่เป็นนะพี่ว๊ากอะไม่อยากนั่งเก๊กเข้มกับน้องๆ พวกมันเลยจัดให้ผมเป็นประธานฝ่าย entertain ปีแรกเลยซะงั้น บอกว่าน้องจะได้รู้ว่าพี่ปี 3 ใจดีก็มี เออก็เข้าท่าดีเพราะแต่ก่อนพวกนึกว่าปี 3 โหดกันหมด
   หลังเลิกเชียร์เราก็มาเจอกันที่ซุ้มเหมือนเดิม ผมแยกมานั่งกับพวกไอ้ตี๋เพราะต้องแบ่งให้ปี 2 ตีสนิทกับพวกปี 1 ไปก่อน หลังจากคุยเสร็จต้อมก็จะเดินมาหาผมที่โต๊ะเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน ตอนนี้ต้อมมันก็เหมือนย้ายไปอยู่บ้านผมแหละมันไม่กลับบ้านจนแม่มันมาหาผมที่บ้านเลย แล้วบอกว่าฝากดูแลน้องด้วยบอกว่าต้อมมันดื้อช่วยปรามๆมันด้วยผมก็รับปากครับ
“พี่นัทอาบน้ำให้หน่อยนะวันนี้เมื่อยมากเลย” มันอ้อนให้อาบน้ำให้ตอนขับรถกลับบ้าน
“อาบเองดิยังไงก็อาบพร้อมกันอยู่แล้วนี่” เพราะช่วงหลังๆมันกับผมจะอาบน้ำด้วยกันตลอดเพื่อประหยัดเวลาด้วย แล้วมีอีกอย่างทุกวันนี้มันยังอ้อนให้ผมแปลงฟันให้มันบ่อยๆเหมือนเดิม
“ไม่อ่าวอะมันเมื่อยนี่ นะนะนะพี่นัทนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนจนถึงบ้าน
    พอถึงบ้านอาบน้ำมันยังอ้อนเรื่องให้อาบน้ำให้ไม่เลิกจนผมต้องใจอ่อนอีกแล้ว ผมเอาเก้าอี้พลาสติกเข้ามาให้มันนั่งแล้วก็สระผมให้มัน พอเสร็จแล้วก็ฟอกสบู่ให้มัน ผมค่อยๆไล่ฟองสบู่มาที่หน้าอกด้วยมือทั้งสองข้าง ตอนนี้นมมันแข็งสู้มือผมแล้วผมเลยแกล้งลูบเบาๆอยู่ตรงนั้นเห็นต้อมเงยหน้ามองเพดาน แล้วค่อยๆไล่มือลงไปที่หน้าท้องจนถึงโงกุนของมันที่เริ่มขยายตัวแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าแล้ว ผมลูบสบู่ล้างที่ตัวโงกุนแต่มันคงโกรธเพราะผมเห็นมันพองตัวใหญ่เลย
   ผมเปิดน้ำล้างสบู่ออกผมก็ก้มลงไปจูบปากต้อมต้อมก็จูบแลกลิ้นตอบสนองกลับมา มือผมก็ลูบไปทั่วตัวของต้อมเพื่อล้างสบู่ไปด้วย ผมเน้นไปที่ตัวโงกุนจนต้อมครางออกมาทั้งที่ปากเรายังจูบกันอยู่ ผมถอนปากออกมาแล้วนั่งลงไปที่หว่างขาของต้อมเพื่อทักทายกับโงกุนของมันผมจูบไปที่หัวโงกุน ต้อมเอามือผมบีบไหล่ผมไว้ผมเลยจัดการครอบเจ้าโงกุนจนมิดตัวแล้วเริ่มต่อสู้กับมัน จากช้าไปเร็วขึ้นต้อมก็เอามือมาประคองหัวผมเพื่อขยับบอกจังหวะในการโยกสู้กัน มือผมก็ช่วยตัวเองโดยการสู้กับเบจิต้าของตัวเองไปด้วย จนต้อมไม่ไหวเกร็งหน้าท้องแน่น ผมจะเอาปากออกแต่ต้อมก็จับหัวผมไว้แล้วก็ระเบิดพลังออกมในปากผม แต่ผมไม่ได้กลืนนะครับผมยังไม่เคยผมก็อมไว้พอต้อมคลายมือ ผมก็เอาปากออกแล้วมาบ้วนพลังต้อมทิ้ง มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วตอนนั้นผมก็เสร็จไปแล้วเหมือนกันเพราะเสียวจากอาการเกร็งของต้อม
“เมื่อไหร่เราจะมีอะไรกันมากกว่านี้นะพี่” ต้อมบอกผมบนที่นอน
“เออ พี่ยังไม่เคยนี่แล้วก็ไม่รู้ด้วย ว่ามันทำยังไง” ผมบอกอายๆ
“เดี๋ยวผมว่าเราไปหาหนังมาดูก่อนนะ พี่จะได้รู้ไง” มันยิ้มยื่นหน้ามาจูบปากผม แล้วก็กอดผมแล้วหลับไป
   อีกสองวันไม่รู้มันไปหาวีดีโอมาจากไหนเอามาชวนผมดู เป็นวีดีโอของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเด็กหนุ่มญี่ปุ่นหน้าตาดีสองคน เด็กหนุ่มจัดการใช้ปากกันสักพักคนที่หน้าตาคมกว่าก็เคลื่อนตัวเข้าหว่างกลางของอีกคน แล้วเทเจลใสใส่มือแล้วกดนิ้วลงไปที่ถ้ำของคนหน้าใสทันที ดูเหมือนว่าจะเจ็บเหมือนกันทีแรกสังเกตจากสีหน้าแล้ว แต่พอหนุ่มเข้มขยับนิ้วเข้าออกสักพักกลับเปลี่ยนเป็นร้องครางด้วยความเสียวออกมาแทน จนหนุ่มเข้มเอาโกฮังของมันดันเข้าไปในถ้าแทนแบบว่าของญี่ปุ่นมันเล็กเลยเป็นได้แค่โกฮังกับทรังค์แทน หนุ่มหน้าใสทำสีหน้าเหมือนทรมานมากเลยตอนแรกที่โกฮังเข้าไปในถ้ำของเขา แต่สักพักก็เอามือโน้มคอหนุ่มเข้าแล้วร้องครางออกมาใหญ่เลย หนุ่มเข้มลีลาการโยกก็ไม่ใช่ย่อย ทำจนหนุ่มหน้าใส่ระเบิดพลังออกมาเต็มหน้าท้องเลยแล้วหนุ่มเข้มก็ดึงของตัวเองออกมาพร้อมถอดปลอกออกแล้วจัดการกับโกฮังของตัวเองพักเดียวก็ปล่อยพลังออกมารวมกันที่หน้าท้องหนุ่มหน้าใสซะแล้ว อารมณ์ผมตอนนี้มันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“นะพี่นัทนะ” ต้อมมากระซิบที่ข้างหูผม มือก็กอดเอวผมอยู่
“อย่าดีกกว่าเรายังไม่มีอุปกรณ์เลย” มันยิ้มแล้วหันไปหยิบถุงที่ข้างเตียง มีขวดเจลกับถุงยางมาเรียบร้อยแสดงว่ามันเตรียมการมาพร้อมเต็มที่วันนี้แล้วผมจะปฏิเสธยังไงกัน
“งั้นผลัดกันนะ” ผมกระซิบกลับต้อมยิ้มแล้วก็จูบมาที่ปากผมทันที
   คราวนี้ไม่ต้องอุ่นเครื่องแล้วเครื่องพวกเราร้อนตั้งแต่ตอนที่ดูหนังแล้ว แปบเดียวต้อมก็ถอดเสื้อผ้าผมกับของตัวเองออกจนหมด ต้อมดูร้อนแรงมากวันนี้ใช้ลิ้นไล่ลงไปทุกสัดส่วนของร่างกายผม เม้มกัดที่หัวนมจนผมต้องเด้งหน้าอกขึ้นตามการกัดเม้มนั้น ต้อมไล่ลงไปทักทายกับเบจิต้าผมอย่างไม่รอช้า ครอบปากลงไปอย่างรวดเร็วและเริ่มต่อสู้กับเบจิต้าผมทันที จนผมรู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้วผมก็ดึงหน้าต้อมขึ้นมาจูบบ้างแล้วผลักให้ต้อมนอนลงไปบนที่นอนแทน หน้าตาและอารมณ์ต้อมตอนนี้เซ็กซี่มากๆปลุกอารมณ์ผมได้มากจริงๆ ผมเลื่อนหน้าลงไปทักทายกับโงกุนของต้อมบ้างคราวนี้ผมใช้ลิ้นและลีลาเต็มที่ จนต้อมครางออกมาเป็นระยะสักพักต้อมก็จับหน้าผมไปจูบอีก
“เป็นของผมนะครับพี่นัท” ต้อมกระซิบหายใจหอบอยู่ข้างหูผม แล้วก็จับผมให้นอนลงบนที่นอน
ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากเพราะผมไม่เคยแบบนี้มาก่อน ต้อมเคลื่อนตัวเข้ามาที่หว่างขาของผม เทเจลใส่มือไว้แล้วก้มมาจูบปากผม ต้อมค่อยดันนิ้วเข้าไปผมเกร็งตัวเพราะมันรู้สึกแปลกๆ จนต้อมบอกว่าอย่าเกร็งสิครับแล้วก็จูบผมเผื่อคลายอารมณ์ไม่ให้ผมตื่นเต้น จนผมรู้สึกว่านิ้วต้อมเข้าไปในตัวผมหมดแล้วต้อมเริ่มขยับนิ้วเข้าออกทั้งที่ยังจูบปากผมอยู่ จนผมเริ่มรู้สึกเสียวจนเผลอครางออกมา ต้อมเห็นผมหายเกร็งแล้วก็เพิ่มนิ้วเป็นสองนิ้ว มันรู้สึกแน่นมากๆแต่ก็ยังปนความรู้สึกดีอยู่ จนสักพักผมไม่เกร็งแล้วต้อมคงสังเกตได้จากการกอดของผม ต้อมก็ใส่ถุงให้โงกุนของมันแล้วเอามาจ่อแทน ต้อมค่อยๆกดหัวโงกุนเข้าไปตอนนี้ผมแน่นมากๆก็นี่โงกุนนะครับไม่ใช่นิ้ว ผมบีบแขนต้อมแรงมาก
“อย่าเกร็งนะพี่ ผมไม่ทำให้คนรักผมเจ็บหรอก” ต้มกระซิบแล้วจูบปากผม เพื่อคลายความตื่นเต้น
ต้อมค่อยส่งโงกุนเข้ามาในตัวผมอย่างช้าๆจนหมดทั้งตัว แล้วต้อมก็แช่เอาไว้แล้วก้มมาเลียที่หัวนมผมแทน ตอนนี้ผมแน่นที่หว่างขาไปหมดแล้ว แต่ก็เริ่มรู้สึกมีอารมณ์มากขึ้นจากการปลุกเร้าของต้อม จนผมเริ่มมีเสียงออกมาต้อมก็ค่อยๆขยับสะโพกเข้าออกเบา ทีแรกผมก็ยังแน่นปนเจ็บนิดๆอยู่แต่สักพักความเสียวมันเข้ามาแทนแล้ว เมื่อต้อมขยับเอวเร็วขึ้นจนผมต้องร้องออกมาเผื่อระบายความเสียวที่ต้อมมอบให้
“อ่าสสส์ ต้อมพี่รักต้อมนะ” ผมพร่ำบอกมือผมจับอยู่ที่เอวของต้อมที่กำลังขยับอยู่
“ผมก็รักพี่นัทนะครับ อ่าสสสสสสสส์” ต้อมก้มมาจูบผมอีก แต่ยังคงขยับสะโพกเข้าออกอย่างรุนแรง แล้วเอามือมาต่อสู้กับเบจิต้าผมอีก
ผมเสียวทั้งข้างหน้าจากมือต้อมและทั้งข้างหลังที่ต้อมกำลังเร่งอยู่จนผมจะทนไม่ไหวแล้ว ผมเกร็งตัวไปหมดโดยเฉพาะภายในถ้ำในตัวผมผมเห็นต้อมทำหน้าเสียวมากๆจนผมทนไม่ไหว
“โอ๊ะ ต้อมพี่ออกแล้ว อ่าสสสสสสสสสสสส์” ผมเกร็งตัวระเบิดพลังออกมา เต็มหน้าท้องของผมเอง
“พี่นัทครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย โอ๊ะๆๆ” ต้อมกดสะโพกเข้ามาจนติดกับตัวผมมากที่สุด แล้วก็ล้มนานอนทับบนตัวผมหายใจหอบอยู่ที่ข้างหูโดยที่ยังไม่เอาโงกุนของมันออกมาจากตัวผม
“ผมมีความสุขที่สุดเลยที่พี่นัทยอมเป็นของผม ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมบอกทั้งที่ยังทับอยู่บนตัวผม ต้อมก็ลุกเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดตัวของเราสองคนจากพลังงานของผมที่มันล้มมาทับ แล้วมันก็เริ่มปลุกอารมณ์ผมอีกครั้งโดยการไซ้ที่ติ่งหูแล้วเลื่อนลงมาซอกคอคราวนี้เบจิต้าผมพร้อมรบเร็วมากก็รอบสองแล้วนี่ครับ ต้อมเลียผมไปทั่วตัวเหมือนจะทำความสะอาดให้ผมจนไปถึงเบจิต้าที่พร้อมจะสู้กับปากต้อมอยู่แล้ว ต้อมสู้กับเบจิต้าผมไม่นานผมก็ดึงต้อมขึ้นมาจูบแล้วให้มันนอนกลับไป ผมขึ้นไปบนตัวต้อมแล้วก้มไปบอกคราวนี้ทีพี่บ้างนะ มันยิ้มอายๆแต่พยักหน้า
   ผมปลุกอารมณ์ต้อมด้วยการจูบและเน้นที่สะดือจุดที่ต้อมจะเสียวมากที่สุด แล้วไปใช้ปากต่อสู้กับโงกุนของมันจนผมเห็นต้อมเริ่มมีอารมณ์เต็มที่ ผมเอื้อมไปหยิบเจลมาใส่มือบ้างผมค่อยๆดันนิ้วเข้าไปในตัวต้อมโดยที่ปากผมยังสู้กับโงกุนอยู่ อีกมือผมก็ยื่นไปให้ต้อมจับมือผมไว้ต้อมคงจะเสียวมากบีบมือผมแรงมากเลย พอผมเห็นต้อมหายเกร็งเปลี่ยนเป็นครางออกมาแล้ว ผมก็หยิบถุงยางมาใส่ แล้วก็เอาหัวเบจิต้าจ่อเข้าไปแทน ต้อมดูกังวลเล็กน้อยก็เบจิต้าผมมันไม่ใช่เล็กนี่ครับ พอผมกดหัวเบจิต้าเข้าไปต้อมใช้มือจิกแขนผมแรงมากผมเลยก้มลงไปเลียที่หัวนมต้อมเพื่อให้หายเกร็ง แล้วค่อยๆดันเข้าไปทีละนิดๆจนเบจิต้าผมเข้าไปอยู่ในตัวต้อมจนหมด ผมรู้สึกเสียวมากเพราะในตัวต้อมนั้นทั้งบีบรัดและตอดเบจิต้าผมจนเสียวไปหมดทั้งตัวเลย
   ผมเอามืออีกข้างไปสู้กับโงกุนของต้อมแล้วก้มลงไปจูบปากส่งลิ้นเข้าไปในปากต้อมเพื่อช่วยสร้างอารมณ์มากขึ้น พอต้อมเริ่มคลายมือที่จิกแขนผมจนแน่นแล้วผมก็เริ่มขยับสะโพกแบบช้าๆเนิบๆก่อน จนต้อมครางออกมาทั้งที่ปากเรายังคงแลกลิ้นกันอยู่ ผมเลยได้โอกาสที่ขยับเอวให้เร็วมากขึ้น มือก็ยังสู้กับโงกุนต้อมอยู่ด้วย ต้อมเอามือมาโน้มคอผมไว้แน่น
“พี่นัทครับ อ่า.... ผมเสียวจัง ผมมีความสุขมากเลย” ต้อมพูดโดยที่ยังโน้มคอผมไว้จนจมูกเราชิดกัน ผมเห็นหน้าต้อมตอนที่มีความสุขจากที่ผมมอบให้มันได้อารมณ์มากๆ จนผมต้องเร่งจังหวะทั้งเอวและมือที่ช่วยต้อมอยู่ จนต้อมเริ่มเกร็งตัว
“พี่นัทผมจะไม่ไหวแล้วครับ” ต้อมเสียงขาดเป็นห้วงๆ ผมก็เลยเร่งมือและเอวมากขึ้นจนต้อมดึงตัวผมลงไปจนชิดกันแล้วก็กัดเข้ามาที่หัวไหล่ผม ผมเร่งมือจนต้อมเกร็งตัวไปหมดข้างในต้อมก็ตอดรัดผมอย่างหนักหน่วงมากขึ้นจนผมก็จะไม่ไหวเหมือนกัน ผมรู้สึกเจ็บที่ต้อมกัดผมที่ไหล่ตอนที่ต้อมเกร็งตัวระเบิดพลังออกมา ผมเลยเร่งเอวแล้วกดแรงๆอีกสองสามครั้งผมก็ระเบิดพลังใส่ในตัวต้อมเหมือนกัน
“พี่รักต้อมที่สุดเลย” ผมหายใจหอบบนตัวต้อมโดยที่ยังไม่ได้เอาเบจิต้าออกมาจากตัวต้อม
   ผมนอนจนหายเหนื่อยก็พากันไปอาบน้ำแล้วก็มานอนกอดกันบนที่นอน เรารู้สึกเพลียเหมือนว่าไปวิ่งรอบสนามบอลมาคนละ 10 ได้เลย
“ผมรักพี่ที่สุดเลย ที่รักของผม” มันก็มาจุ๊บปากผม
“พี่ก็รักเรานะ” ผมยิ้ม แล้วเราก็หลับในอ้อมกอดของกันเหมือนเดิม
“พี่นัทตื่นได้แล้วคราบ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันคราบ” ต้อมเขย่าตัวผม
“อีกห้านาทีไม่ได้หรอ” ผมเริ่มต่อรอง
“ไม่ได้คราบมาเลยสายแล้ววันนี้” แล้วมันก็ดันตัวผมลุกเดินไปห้องน้ำ พอผมโดนน้ำมันรู้สึกแสบที่หัวไหล่เลยก้มไปดู เห็นเป็นรอยฟันที่ต้อมมันกัดผมไว้เมื่อคืน
“โห กัดสะเข้าเลย ต้องไปฉีดยาไหมนี่” ผมหันไปบอกมันตอนที่ทันกำลังแปลงฟันอยู่
“ผมไม่ใช่หมาบ้านะพี่ ไหนดูหน่อย” มันบ้วนปากเสร็จแล้วเดินเข้ามาดูแผลที่มันฝากรอยไว้เมื่อคืน
มันจุ๊บลงมาที่รอยแผล “ อะหายแหละ แค่นี้เอง” แล้วก็มาจุ๊บปากผมอีกที เออดูมันทำยังกะผมเป็นเด็กป.1 ทำแค่นี้ก็หายและแต่ผมก็ชอบนะครับแบบนี้น่ารักจริงๆน้องดำของผม
ตั้งแต่นั้นมาผมรู้สึกว่าต้อมจะหวงผมมากขึ้นไปอีก และต้อมจะมาคอยเอาใจผมมากขึ้นกว่าเดิมดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ผมเองก็รู้สึกหวงต้อมมากขึ้นเหมือนกันนะครับก็ผมรักของผมนี่ถึงได้ยอมขนาดนี้
   ช่วงเย็นหลังซ้อมเชียร์เสร็จต้อมกับหนุ่ยก็จะนั่งคุยกับน้องก่อนกลับบ้านก็เหมือนกับตอนที่ผมทำแหละครับ แต่ผมสังเกตเห็นว่าจะต้องมีรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อไม้อยู่ในกลุ่มด้วยตลอดเวลาเลย ไม้เป็นรุ่นน้องที่หน้าตาค่อนข้างดีผิวขาว ตาตี่แบบตี๋อินเตอร์เชียว แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับแรกๆแต่หลังๆเริ่มยังไงๆแหละ ไม้มันจะตามต้อมตลอดเลยเวลาว่างขนาดต้อมมาอยู่กับผมที่ซุ้มมันก็ยังเข้ามานั่งด้วย จนผมเริ่มอึกอัดกับท่าทีของน้องคนนี้ซะแล้วเพราะผมสังเกตได้ว่ามันชอบแฟนผมแน่ๆ แต่ผมจะพูดอะไรได้ละครับยังไม่มีหลักฐานนี่แล้วอีกอย่างมันยังเป็นรุ่นน้องอีกด้วย
“พี่นัทครับ พี่นัทเป็นอะไรกับพี่ต้อมหรอครับ” ไม้มันถามผมตอนที่ต้อมไม่อยู่
“อืม ถามทำไมหรอ” จะให้ผมบอกยังไงละครับว่ามันเป็นแฟนผม แล้วผมก็ไม่รู้ว่าไม้มันคิดอะไรอยู่กันแน่
“เปล่า ก็ผมเห็นพี่กับพี่ต้อมอยู่ด้วยกันตลอดเลย ผมนึกว่าพี่เป็นแฟนกัน งั้นผมก็ยังมีหวังนะสิ” อ่าวนี่กูยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน ทำไมมึงสรุปเองแล้ววะ
“อะไรแสดงว่าเราชอบพี่ต้อมมันใช่ไหม” ผมแข็งใจถาม
“ครับ” มันยิ้มแล้วเดินออกไป แต่ผมนี่สิใจหวิวๆยังไงไม่รู้กับเรื่องที่ได้ยิน แต่ผมก็ไม่ได้บอกต้อมนะเรื่องนี้เพราะไม่รู้จะพูดยังไง
   ไม้ยิ่งตีสนิทกับต้อมมากขึ้นเรื่อยๆโดยการที่จะตามต้อมตลอด มันตามแม้แต่ตอนที่ต้อมมากินข้าวกับพวกผม ผมก็พูดอะไรมากไม่ได้มันเป็นรุ่นน้องนี่ครับได้แต่เก็บเอาไว้ แต่ที่ผมรู้สึกไม่ดีก็ตรงต้อมนี่แหละครับมันเหมือนจะสนิทกับไม้มากไปไหม ผมสังเกตเห็นต้อมคุยโทรศัพท์กับไม้บ่อยขึ้นและไปไหนกับไม้เยอะขึ้น ถึงแม้ต้อมจะยังดีกับผมเหมือนเดิมก็ตามทีแต่มันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี
   ผมอาบน้ำเสร็จจะเข้านอนแล้วแต่ต้อมยังนอนคุยโทรศัพท์บนที่นอน ผมเลยถามว่าคุยกับใครไม่เสร็จซะทีจะได้อาบน้ำนอนได้แล้ว พอต้อมบอกว่าเป็นไม้แค่นั้นแหละ มันจี๊ดหัวใจขึ้นมาทันทีมันจะมากไปแล้วนะนี่
“ตี๊ด” ผมหยิบโทรศัพท์ต้อมที่คุยกับไม้มาวางวาย
“เฮ้ยพี่นัททำอะไรพี่ ผมคุยกับน้องอยู่นะครับ” ต้อมทำหน้างงที่เห็นผมทำแบบนี้
“เป็นห่วงความรู้สึกกันมากเลยนะ หรือว่าเรารู้แล้วว่าไม้คิดยังไงกับเรา” ผมเริ่มเครียด
“ห่วงอะไรพี่ ใครคิดอะไรกับผม” มันยังทำหน้าไม่เข้าใจอีก
“ก็น้องไม้ของเราไง เราไม่รู้จริงๆหรอว่ามันคิดยังไงกับเรา”
“ไม่หรอกน่าพี่ พี่คิดไปเองหรือเปล่า” ต้อมทำหน้าไม่เข้าใจอยู่อีก
“คิดไปเองหรอมันมาบอกพี่ด้วยตัวเองเลยนะว่ามันชอบเรา แล้วนี่ดูเรากับมันสิจะให้พี่คิดยังไง” ผมเริ่มเสียงดัง
“ผมไม่รู้จริงๆนะพี่ ผมก็แค่เห็นมันเป็นรุ่นน้องมาคุยด้วยแต่นั้นเอง” โหนี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่วะนี่ตอบมาได้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มันก็ดังอีกผมเห็นเป็นชื่อไม้
“ไม่รับหรอน้องรักโทรมาอีกรอบแล้วนี่” ผมประชดมันไป ต้อมกดตัดสายทิ้ง
“ไม่ใช่นะพี่นัทผมรักพี่คนเดียวจริงๆนะ ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยจริงๆ เชื่อผมนะๆๆๆ” มันเอามือผมไปจับไว้ผมก็ดึงกลับมา
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง พรุ่งนี้พี่คอยดูนะ” มันบอกแต่ผมนอนหันหลังให้มันแล้ว มันก็ปิดไฟแล้วก็กอดผมจากข้างหลังแล้วก็บอกให้ใจเชื่อมันจนผมหลับไป

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 12:27:03
ตอนที่9
ผมตื่นแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับจากเมื่อคืนต้อมยังนอนกอดผมอยู่ยังไม่ตื่น ผมเอาแขนมันออกแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียนเองตั้งแต่เช้า
“ครืน ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงผม ผมหยิบมาดูเป็นเบอร์ต้อม
“ว่าไง” ผมรับสายด้วยเสียงเฉยๆ
“พี่นัททำไมไม่ปลุกผม หนีมาก่อนทำไมคนเดียวยังไม่หายโกรธผมอีกหรอครับ”
“ป่าวนี่ เห็นกำลังหลับสบายไม่อยากรบกวน แค่นี้นะ” ผมตัดสายทิ้งเพราะยังไม่อยากคุยกับมัน
   สักพักมันก็มาถึงที่ซุ้มมานั่งข้างผมอธิบายว่ามันไม่รู้จริงๆ มันไม่ได้ทำไรผิดซะหน่อยเดี๋ยววันนี้มันจะเคลียกับไม้ให้จบเอง หนุ่ยก็มาถึงพอดีเห็นหน้าผมกับต้อมเครียดกันทั้งคู่หนุ่ยก็รู้ว่าผมกับต้อมทะเลาะกัน ส่วนมากผมเลยคุยกับหนุ่ยมากกว่าจนขึ้นไปเรียน เลิกเรียนผมบอกไอ้ตี๋ให้ไปรอที่ซุ้มก่อนผมจะเข้าห้องน้ำหน่อย ปกติผมจะชอบเข้าห้องน้ำที่ชั้น 4 ของตึกคณะเพราะมันเงียบดี ไม่ค่อยมีคนใช้กัน
“พี่เข้าใจผมบ้างสิ พี่ไม่เห็นใจผมบ้างเลยหรอ” ผมได้ยินเสียงคนคุยกันเมื่อผมเปิดห้องน้ำเข้ามา ผมเลยแอบมองก็เห็นต้อมกับไม้ยืนอยู่
“พี่เข้าใจความรู้สึกเรานะ แต่พี่คงคบกับเราไม่ได้หรอก” ต้อมบอกกับไม้
“แต่ผมชอบพี่จริงๆนะ ถึงยังไงผมก็ชอบพี่” แล้วไม้ก็เข้าไปกอดต้อม ต้อมกลับยืนเฉยให้มันกอดซะด้วย “ผมขอแค่พี่ยอมรับผมอีกคนก็พอ จะให้ผมทำยังไงผมก็ยอม” ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันหวิวขึ้นมาทันที มันแปล๊บๆในใจยังไงบอกไม่ถูก ที่เห็นภาพแบบนี้มือผมก็เหมือนจะหมดแรงจนกล่องดินสอที่ผมถืออยู่หล่นจากมือ
“เคร้งๆๆ” ต้อมกับไม้ตกกะใจหันมามอง พอผมเห็นว่าทั้งสองคนเห็นผมแล้วผมก็ออกมาจากห้องน้ำทันที โชคดีที่ลิฟเปิดที่ชั้นนี้พอดีผมเลยเข้าไปข้างในแล้วกดปิดให้ลงไปข้างล่างให้เร็วที่สุด ผมอึดอัดจนจะระเบิดออกมาแล้วตอนนี้ระหว่างลิฟปิดผมเห็นต้อมวิ่งตามออกมา
ผมลงมาถึงข้างล่างผมก็เดินออกหลังมอ แล้วเรียกรถแท็กซี่ไปทันที
“ไปเรื่อยๆก่อนเลยพี่” ผมบอกพี่คนขับ เพราะตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกกับเรื่องอะไรทั้งนั้น พี่คนขับก็ขับออกไป สักพักผมก็บอกว่าให้เขาพาไปวัดอรุณ เพราะผมชอบไปนั่งชายน้ำวัดอรุณเวลาที่มีเรื่องต้องคิดเสมอ ที่นั่นสงบและเย็นสบายมากผมเลยชอบไป คราวนี้ก็เช่นกันเพราะผมต้องการความสงบเพื่อตัดเรื่องที่เห็นที่ได้ยินออกไป
   ระหว่างอยู่บนแท็กซี่ต้อมมันก็โทรหาผมตลอดแต่ผมไม่ได้รับ หลังๆเป็นพวกไอ้ตี๋ไอ้แนทและหนุ่ยโทรมามันคงไปบอกเพื่อนๆผมแล้วแน่ๆแต่ผมก็ยังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้
   มาถึงวัดอรุณผมก็มานั่งริมน้ำที่ผมชอบมาประจำ นั่งมองคนมาออกกำลังกาย พ่อแม่พาลูกๆมานั่งเล่นกินข้าวเย็นกัน แต่ในหัวผมมันก็คิดแต่ภาพที่เห็นอยู่ดี จากที่ผมได้ยินผมก็รู้ว่าต้อมมันปฏิเสธน้องเขาไปแล้วแต่ว่าผมยังทำใจไม่ได้กับที่มันยอมให้ไม้กอดง่ายๆ ผมว่าเป็นใครก็คงรับไม่ค่อยได้ที่เห็นแฟนเราไปกอดกับคนอื่นที่เขาก็รู้ว่าคนนั้นคิดยังไงด้วย แบบนี้ถ้าไม่มีใจบ้างแล้วจะให้คิดว่ายังไง ผมคิดไปผมก็รู้สึกแปลกที่หน้าอกมันบอกอาการไม่ถูก รู้แต่ว่ามันแย่มากๆผมนั่งจนมืด คิดว่าจะกลับบ้านระหว่างทางผมเลยแวะร้านอาหารกึ่งผับแถวบ้านที่มีเยอะมาก ผมสั่งเหล้ามากินอย่างเดียว
   ผมกินเหล้าเพียวหมดไปขวดครึ่งแล้ว ตอนนี้ผมทั้งมึนทั้งประคองตัวเองยังไม่ไหวเลย แต่ผมก็ยังอยากเมามากกว่านี้อีกจะได้ลืมภาพต่างๆที่เห็น ผมไม่แน่ใจว่าผมสั่งเหล้ามากินอีกหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าผมยกหัวไม่ขึ้นมาจากโต๊ะแล้ว ผมเลยคิดจะกลับบ้านพอลุกขึ้นมาผมก็จะล้มก็มีแต่คนมารับผมไว้
“พี่นัททำไมเมามากอย่างนี้ละ” เสียงหนุ่ยนี่นา มันเจอผมได้ยังไง
“กลับบ้านเถอะนะพี่มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน” หนุ่ยบอก แล้วผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้หลังจากนั้นก็รู้ว่าน่าจะมาถึงบ้านแล้ว แต่คงยังไม่มีใครกลับมาเพราะผมเห็นมันไม่ได้เปิดไฟ
หนุ่ยประคองผมที่เดินไม่เป็นแล้วเข้ามาในบ้าน แล้วพาผมนอนที่โซฟา
“หนุ่ยคิดดูนะเพื่อนเราทำพี่เสียใจขนาดไหน รู้ทั้งรู้ยังไปกอดกับมันอีก พี่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทำกับพี่แบบนี้” ผมเริ่มระบายเพราะเมามาก หนุ่ยยังนั่งฟังเงียบๆ
“พี่เสียใจมากเลยนะกับเพื่อนเรานะ” แล้วผมก็ลุกผมคิดจะเดินขึ้นไปห้องเพราะผมไม่ไหวแล้ว แต่มันลุกไม่ไหวผมเลยล้มลงไปที่โซฟาอีกครั้ง ผมเห็นหนุ่ยลุกขึ้นมาลางๆก้มหน้ามาหาผม พร้อมกับที่ผมได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วผมก็หลับไป
ผมรู้สึกตัวว่ามีอะไรเย็นๆมาเช็ดหน้าผมอยู่ ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้แนทกำลังเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้
“ตื่นแล้วหรอแก เพราะแกคนเดียวเกือบทำให้น้องมันตีกันตายแล้วรู้ไหม” ไอ้แนททำเสียงดุ
   ผมเลยลุกขึ้นมาเห็นหนุ่ยกับต้อมนั่งกันอยู่คนละมุมโดยมีไอ้ตี๋นั่งอยู่ตรงกลาง ผมเห็นไอ้ตี๋ทำหน้าเครียดออกมามองไปที่ต้อมหน้ามันมีรอยเขียวช้ำทีปากจนเห็นได้ชัด หน้าหนุ่ยก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แล้วนี่มันสองคนไปกัดกับอะไรมาทำไมมันเละกันแบบนี้
“ตื่นแล้วหรอไอ้ตัวต้นเหตุ” ไอ้ตี๋ทำเสียงเข้ม
“มึงโตแล้วนะโว้ยไอ้นัท ทำอะไรก็รอฟังเหตุผลซะบ้าง แม่งทำตัวเป็นเด็กๆจะทำให้คนอื่นเขาทะเลาะกันไปหมด” มันหันไปมองหน้าหนุ่ยกับต้อม ไอ้ตี๋ท่าทางจะโกรธจริงเพราะถ้ามันไม่โกรธมันก็จะไม่มึงกูกับผมแน่นอน แต่ผมยังมองหน้ามันแบบงงๆเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่มันบอกผมเลย
“ก็ไอ้สองตัวนี่สิมันต่อยกันเพราะมึงนะแหละ” ไอ้ตี๋หันมาบอก ผมงงมากมันพูดอะไรของมัน
“ไอ้นี่ก็พอกันรู้อยู่ว่าเป็นแฟนเพื่อนยังไปทำยังงั้นอีก” ไอ้ตี๋หันไปว่าหนุ่ย
“ไอ้นี่ก็มีควบคุมอารมณ์ เข้ามาได้ก็ต่อยเลยพวกมึงยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหมนี่” มันหันไปว่าต้อมด้วย
ผมยังงงอยู่เลยหันไปมองหน้าไอ้แนทให้มันช่วยอธิบายหน่อย
“ก็ยังงี้นะแก ตั้งแต่แกหายออกมาต้อมมันก็มาบอกพวกชั้นใช่มะ พวกชั้นก็ตามหาแกไงหนุ่ยก็มาด้วยมันคงเจอแกก่อน แล้วตอนที่พวกชั้นเดินเข้ามาในบ้านชั้นก็เห็นหนุ่ยมันกำลังจูบแกอยู่ตรงนี้นะสิ” แนทกระซิบเล่าให้ผมฟัง
“พอไอ้ต้อมมันเห็นเท่านั้นแหละแก มันเดินเข้ามาต่อยไอ้หนุ่ยเลย” แนทเล่าต่อ ผมเลยหันไปมองหน้าหนุ่ยหนุ่ยก็หลบสายตา แล้วก็หันไปมองหน้าต้อมแต่ต้อมยังมองมาที่ผมตลอด
“เอามีอะไรก็คุยกันให้จบตอนนี้เลย เพื่อนกันพี่น้องกันทั้งนั้น” ไอ้ตี๋บอกพวกเรา
“ผมขอโทษจริงๆพี่ ผมผิดเองที่ไม่ยอมห้ามใจ” หนุ่ยหันไปบอกไอ้ตี๋
“มาขอโทษกูทำไม โน้นเพื่อนมึงโน้นที่ต้องขอโทษ ไอ้นัทแฟนมันไม่ใช่กู” ไอ้ตี๋หันหน้าไปมองต้อม
หนุ่ยเงียบไปสักครู่ต้อมก็นั่งมองอยู่ “เออ กูขอโทษจริงๆวะต้อม กูเห็นพี่เข้าเป็นแบบนี้กูก็เลย...” หนุ่ยก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าต้อม
“กูก็รู้ว่ามึงคิดยังไงกับพี่เขา แต่กูคิดว่ามึงเข้าใจแล้วซะอีก ไม่คิดว่ามึงจะมาทำแบบนี้ บอกตรงๆกูก็รับไม่ได้เหมือนกัน กูว่าถ้าเป็นมึงมึงก็ทำแบบกูนี่แหละ” ต้อมจริงจังมาก
“เออ กูขอโทษจริงๆกูยอมรับกูยังตัดใจไม่ได้ แต่ตอนนี้กูก็รู้สึกไม่ดีมากๆแล้ว กูจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก กูเสียใจวะ” หนุ่ยทำเสียงเศร้ามากๆ
“ถ้ามึงรับปากกูก็จะเชื่อมึง มึงนะเพื่อนรักกูนะโว้ยแต่ถ้ามึงทำอีกกูก็ไม่ยอมอีกแล้ว” ต้อมบอก หนุ่ยดูสีหน้าผ่อนคลายบ้างแล้ว
“เอา ทีนี้เรื่องมึงแหละไอ้ตัวต้นเหตุ” ไอ้ตี๋หันมามองหน้าผม
“อะไรใครตัวต้นเหตุ แกต้องไปถามมันโน่น” ผมมองหน้าไปทางต้อม ไอ้ตี๋มองตาม
“ผมไม่มีอะไรจริงๆ อย่างที่ผมบอกพวกพี่ไปนะแหละ ผมบอกปฏิเสธน้องมันไปแล้ว ทีนี้น้องมันเข้ามากอดผมแล้วพี่นัทเข้ามาเห็นพอดี ก็ไม่ฟังอะไรเลยเดินหายออกมาเนี่ย” อ่าวกลายเป็นผมผิดไปซะงั้นที่เดินหนีออกมา
“ถ้าเป็นเราจะคิดยังไงถ้าเห็นพี่ไปกอดกับคนอื่นในที่ลับตาคนแบบนี้ ทำไมต้องแอบแบบนี้ด้วย” ผมบอกอย่างที่ผมคิด
“เออ พี่ก็ว่างั้นถ้าเราไม่คิดอะไรทำไมไม่คุยกันที่อื่น ไปแอบคุยกันทำไม” ไอ้แนทมันช่วยผม
“ก็ผมกลัวน้องมันจะอายไงพี่ ผมก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน” มันขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ผมพูดจริงๆผมรักพี่นัทคนเดียว และผมคิดว่าผมจะไม่รักใครอีกแล้วด้วย พี่นัทเชื่อใจผมบ้างสิครับ” มันหันมาจ้องตาผม
“เออมันก็บอกขนาดนี้แล้ว เลิกโกรธมันได้แล้ว แล้วที่มันพูดก็เรื่องจริงชั้นคุยกับไม้มันแล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้” ไอ้แนทหันมาว่าผม อ่าวเพื่อนกูมันจะเข้าข้างใครกันแน่วะเนี่ย
“เออเคลียกันเข้าใจกันหมดแล้วนะพวกมึงอะ ทำกูเครียดด้วยเลย ไอ้ต้อมมึงก็เอาใจมันเยอะๆหน่อยแล้วกันเดี๋ยวก็หายงอนเอง” ไอ้ตี๋บอกมัน
   ต้อมก็ลุกเดินมานั่งข้างๆผม ผมสังเกตเห็นที่ปากมันเขียวช้ำมากเลย มันต่อยกันแรงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ตอนนี้ผมเริ่มจะกลัวต้อมมันเจ็บมากกว่าแล้ว มันเอามือผมไปจับไว้แล้วหอมมือผม
“เออ ชั้นว่าพวกชั้นกลับดีกว่า เห็นภาพแบบนี้มันบาดตาวะ เผื่อจะง้อกันเหนื่อย” ไอ้แนทมันหัวเราะ ไอ้ตี๋ยังยิ้มออกมาเลย มันคิดอะไรกันวะ
แล้วพวกมันก็ขอตัวกลับบ้านกันโดยหนุ่ยอาสาพาไปส่งบ้าน ก่อนกลับหนุ่ยยังหันมาขอโทษต้อมอีกที ต้อมก็ยิ้มตอบให้มันไปผมว่ามันสองคนคงจะดีกันแล้วน่า
“ไหนเอาปากมาดูสิ” ผมจับหน้ามันมาดูหลังจากส่งพวกนั้นเสร็จแล้ว
“โอ๊ย เจ็บนะครับเบาๆหน่อยครับ” มันร้องออกมา สงสัยผมจะจับแรงไปจริงๆ
มุมปากมันเขียวช้ำมากจริงๆผมเลยให้มันนั่งที่โซฟาแล้วไปเอากล่องยามา
“ทำไมต้องรุนแรงกันขนาดนี้ด้วยนะ เจ็บหรอ” ผมเห็นต้อมทำหน้าเจ็บตอนผมทายาให้
“ใครจะทนได้ละพี่ ผมเห็นมันกำลังจูบแฟนผมอยู่นี่นะ” มันหันมามอง
“เก่งจริงๆ พ่อนักเลงใหญ่” ผมแกล้งทายาแรงขึ้น ต้อมร้องเสียงหลงเลย ทีนี้อะเจ็บนะตอนทำไม่คิด
   เราขึ้นมาบนห้องกันเพราะว่าเหนื่อยกันมากับเรื่องต่างๆทั้งวันแหละอีกอย่างผมยังมึนๆอยู่นิดหน่อยด้วย พอถึงห้องต้อมมันก็เข้ามาจูบปากผมทั้งที่ปากยังเจ็บนะนี่ ต้อมจูบผมแล้วพาเดินมาที่เตียงมันก็ผลักผมนอนลงบนเตียง ต้อมก็ไล่จูบผมลงมาเรื่อยๆแต่คงเพราะเจ็บปากต้อมคงไม่ถนัด ผมเลยดึงต้อมขึ้นมาให้นอนลงแทนผม แล้วผมก้มลงไปจูบปากมันแทน ผมคงจูบแรงไปหน่อยเห็นมันสะดุ้งเหมือนเจ็บนิดๆ ผมก็ลงลิ้นไปทั่วตัวต้อมจนต้อมต้องบิดตัวไปด้วย จนถึงโงกุนที่ตั้งท่าท้ารบกับปากผมอีกแล้ว ผมเลยต้องกำหราบมันซะหน่อยด้วยการใช้ปากครอบมันให้ ผมโยกหัวสู้กับโงกุนจนเห็นเหมือนต้อมจะไม่ไหวแล้วผมก็หยุด จนต้อมเงยหน้ามามองผมก็หยิบเสื้อกันฝนมาคลุมเจ้าโงกุน ต้อมยิ้มแล้วนอนลงไปต่อผมเอาเจลทาที่โงกุนเยอะมากเพราะกลัวเจ็บอยู่เหมือนกัน ผมค่อยขึ้นไปคร่อมบนตัวต้อมโดยที่โงกุนอยู่ตรงกับทางเข้าในตัวผมพอดี ผมค่อยๆกดหัวโงกุนเข้าในตัวผมมันยังคงแน่นและคับหว่างขาผมเหมือนเดิม ต้อมก็คงจะเสียวเหมือนกันเห็นเอามือกุมที่นอนแน่น ผมค่อยนั่งทับโงกุนลงไปจนหายไปทั้งตัวแต่ผมยังไม่กล้าขยับ ต้อมเลยดึงตัวผมลงไปจูบจนผมเริ่มรู้สึกดีแล้ว ก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงสู้กับเจ้าโงกุนที่อยู่ข้างใน ต้อมเอามือมาจับเอวผมไว้เพื่อบังคับให้เป็นจังหวะและเด้งเอวสวนขึ้นมาตอนที่ผมกดลงไปทุกทีจนผมเสียวมากๆ ต้อมขยับลุกขึ้นมานั่งโดยที่ผมยังโยกเอวอยู่แล้วมาจูบผมตอนนี้เบจิต้าผมสัมผัสกับกล้ามท้องของต้อมเต็มๆ มันถูตัวอยู่ที่หน้าท้องที่แข็งเกร็งของต้อม จนผมเสียวมากจนใกล้จะเสร็จแล้ว
“พี่รักต้อมนะ อ่า.. “ ผมกอดคอต้อมไว้ ต้อมยังคงโยกสะโพกขึ้นรับกับผมตลอด
“ผมก็รักพี่นัทครับ” ต้อมบอกกลับ
ตอนนี้เบจิต้าของผมมันเสียวมากจนไม่ไหวแล้ว ผมเกร็งหน้าท้องเกร็งตัวระเบิดพลังออกมาเพียงเพราะการโดนสัมผัสของหน้าท้องต้อม ต้อมก็เร่งแล้วกดสะโพกผมให้ลงไปติดกับตัวมันให้มากที่สุด แล้วก็กอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก เรากอดกันอย่างนั้นสักพักต้อมก็ทิ้งตัวลงนอน โดยกอดผมลงไปนอนด้วย
“วันนี้ผมกลัวว่าพี่จะทิ้งผมไปจริงๆซะแล้ว ผมกลัวมากเลยรู้ไหมพี่” ต้อมหันมาพูดทั้งที่ยังหอบอยู่
“พี่จะทิ้งเราได้ยังไงกัน พี่รักเรามากนะ” ผมบอก ต้อมยิ้มแล้วจูบที่ปากผมอีกเนิ่นนานเหมือนว่าจะกลืนกินคำรักต่างๆที่ผมบอกเข้าไปได้เลยทีเดียว
   เราไปอาบน้ำแล้วมานอนก่อนนอนผมบอกว่าอย่าให้มันไปทะเลาะกับใครอีก ผมไม่ชอบเห็นมันเจ็บตัวแบบนี้ มันก็รับปากผม แล้วมันก็ขอนอนบนหน้าอกผม จนหลับไปเหมือนมันจะฟังเสียงจากหัวใจผมได้ยินเลยว่ารักมันขนาดไหน เพราะมันนอนยิ้มตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 12:29:11
ตอนที่10
“ตื่นได้แล้ววันนี้สายแล้ว” ผมดึงต้อมลุกจากที่นอน มันยังงัวเงียอยู่แต่ผมก็ดันมันจนไปถึงห้องน้ำจนได้
“โอ๊ย” มันเอามือจับที่ปาก สงสัยมันจะลืมว่าปากมันเจ็บแน่ๆ
“มานี่สิ” ผมเรียกให้มันมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าแล้ว เอาแปลงสีฟันมันมาถือไว้
“อ้าปากสิ จะแปลงให้” มันยิ้มทันทีแล้วรีบอ้าปากให้ผม ผมก็แปลงฟันให้มันมันมองหน้าผมตลอด ไม่รู้จะมองทำไมนักมองมากๆมันก็เขินเหมือนกันนะ
   พอมาถึงที่ซุ้มคนอื่นที่เห็นต้อมกับหนุ่ยก็เข้ามาถามกันใหญ่เลย พวกมันก็บอกว่าอุบัติเหตุนิดหน่อยเท่านั้นเอง จนสายหน่อยไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็พาไม้มาหาผม บอกว่ามันอยากคุยให้เข้าใจจริงๆไม้ไม่มาผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว และรู้ว่าต้อมมันรักผมมากแค่ไหน
   หลังจากเรื่องไม้ก็ทำให้ผมกับต้อมเข้าใจกันมากขึ้นรักกันมากขึ้นทุกวัน ช่วงปิดเทอมกลางเราตกลงกันว่าจะกลับบ้านด้วยกันทั้งสองบ้าน คือไปบ้านผมหนึ่งอาทิตย์บ้านต้อมหนึ่งอาทิตย์ เพราะที่บ้านจะได้ไม่บ่นว่าไม่มีใครกลับบ้านเลย
   เปิดเทอมสองเป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้ว ไม่ค่อยมีกิจกรรมมากวนใจเหมือนเทอมแรก ผมนั่งรอต้อมไปซื้อน้ำอยู่ที่ซุ้มและรอเพื่อนคนอื่นๆด้วย ก็บอกแล้วว่าผมชอบมาแต่เช้า
“สวัสดีครับพี่นัท” ผมหันไปหาต้นเสียงที่ทักก็เห็นน้องหน้าตี๋คุ้นๆหน้ายืนอยู่ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ผมเลยทำหน้างงประมาณว่าทักคนผิดหรือเปล่า
“โหพี่ จำผมไม่ได้อีกแล้ว ผมแจ็คไงครับเราเจอกันสองครั้งแล้วนะ” ผมนึกออกแล้วน้องที่เจอตอนไปเที่ยวเกาะกับต้อมนั่นเอง
“อ๋อ พี่จำได้แล้ว ว่ายังไงเรียนอยู่ที่นี่หรือเรา” ผมถามเพราะผ่านมาเทอมแล้วทำไมเพิ่งมาเจอกัน
“เปล่าครับ ผมกำลังจะจบม.6 เลยเข้ามาดูว่าจะเรียนที่ไหนดีครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่นะนี่”      แจ็คยิ้มหน้าบาน ต้อมเดินกลับมาพอดี ก็เข้ามานั่งข้างๆผมแล้วมองหน้าแจ็ค แล้วหันมามองผม
“อ๋อ ก็น้องแจ็คไงที่เจอที่เกาะ กับที่ห้างตอนนั้นไง” ผมบอกต้อมก็หันไปยิ้มให้แล้วแจ็คมันก็สวัสดีต้อม
“แล้วมาคนเดียวหรอ” ผมหันกลับไปถามแจ็ค
“ผมนัดพี่ผมไว้นะครับ แต่เขายังมาไม่ถึงผมเลยเดินเล่นก่อน ก็บังเอิญเจอพี่นี่แหละครับ” แจ็คยังยิ้มตลอดเวลา แจ็คชวนผมคุยเรื่องมหา’ลัย และเรื่องอื่นๆ ต้อมมองหน้ามันแล้วก็หยิบน้ำที่ซื้อมาป้อนให้ผม ผมเห็นแจ็คแอบมองต้อมนิดหน่อยแล้วแจ็คก็ขอตัวไปพบพี่ของเขา
“ต้อมวันนี้เราไปเที่ยวเดอะมอลล์บางกะปิกันนะ มันมีงานอาหารไทยและผักปลอดสารพิษอะ” ผมชวนมันคุยเห็นมันทำหน้าหงิกตั้งแต่ตอนผมนั่งคุยกับแจ็คตั้งนานแหละ มันแค่หันมามองหน้าผมเฉยๆไม่ตอบอะไร
“นะๆๆ พี่อยากไปซื้อขนมกินด้วยนะ ซื้อผักไปฝากน้าด้วยไง” ผมเริ่มอ้อนมันแหละเพราะรู้มันไม่ชอบที่ผมคุยกับแจ็คแน่ๆ มันยังมองหน้าผมเฉยๆอีก เออสงสัยมันจะงอนจริงๆ
“ไปนะๆ เดี๋ยวคืนนี้จะยอมทุกอย่างเลย” มันยิ้มออกมาแหละ ไอ้บ้าที่บอกว่าจะให้ตึ่งโป๊ะนี่หน้าบานเลยนะมึง
“สัญญาแล้วนะ” นั่นมันพูดกับผมแล้วแถมยังยิ้มยักคิ้วให้ผมอีก มันจะกวนไปถึงไหนกันเนี่ย
   ตอนเย็นเราก็ไปเดินเล่นที่เดอะมอลล์กัน ไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาด้วยเราเดินดูงานตรงลานน้ำพุชั้นล่างกัน ในงานมีขนมไทยแปลกๆมาขายเยอะมากผมก็ซื้อมาพอสมควรทั้งกินเองและเอาไปฝากน้าด้วย มันก็เกิดเรื่องอีกจนได้ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากบริเวณงาน ตอนแรกมันไม่มีซุ้มประตูที่ทำจากผักและผลไม้นี่นา แต่ตอนนี้มันกลับมีซุ้มประตูผักแต่ผักอะไรผมก็ไม่ว่าหรอกครับนี่มันเล่นเอาข้าวโพดอ่อนมาตกแต่งจนเหลืองไปหมด พอผมเห็นผมก็คิดแล้วมันถึงจุดจบแล้วแน่ๆชีวิตกู ผักมีเยอะแยะไม่เอามาแต่งทำไมต้องข้างโพดอ่อนด้วยวะ
   ผมยืนนิ่งอยู่ตรงก่อนถึงประตูนั้นเพราะผมจะทำอะไรไม่ค่อยถูกเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้กะทันหัน จนพวกต้อมกับไอ้ตี๋ไอ้แนทมันเดินเลยผมไป สักพักมันถึงหันกลับมากันคงเพราะไม่เห็นว่าผมเดินตามไปแน่ๆ ใครจะกล้าละครับมันมาเป็นแผงเลย แค่เห็นผมก็ขนลุกคลื่นไส้จะแย่แล้วตอนนี้ ถ้าให้ผมเดินเข้าไปอีกผมคิดว่าผมตายแน่ๆผมเลยไม่กล้าขยับไปไหน
“ตายแล้วไอ้นัทแก” เสียงไอ้แนทอุทานออกมาเมื่อมันมองเห็นเหมือนที่ผมเห็นแล้ว
ผมเห็นต้อมรีบฝากของในมือให้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทถือ แล้วมันก็วิ่งมาที่ผมยืนอยู่มันก็เอามือมาโอบหัวผมไปซบกับหน้าอกของมัน แล้วพาผมเดินออกมาตอนนั้นโคตรจะอายเลยที่มันทำแบบนี้หน้าคนเยอะๆ แต่ว่าความกลัวมันมาก่อนนะครับเลยยอมเดินมากับมัน พอถึงตรงไอ้ตี๋กับไอ้แนทผมก็รีบเอาหน้าออกมาทันทีก็มันอายนี่ครับ มันก็หันไปรับของจากไอ้แนทกับไอ้ตี๋กลับมาถือ ตอนเดินผมเห็นคนมองผมกับมันตลอดเลยผมอายมาก ก็ลองคิดสิครับอยู่ๆผู้ชายก็วิ่งไปจับอีกคนซบอกแล้วเดินออกมาคู่กัน แล้วใครมันจะรู้มั้ยว่าไอ้หุ่นเหมือนหมีแบบผมเนี่ยมันจะกลัวข้าวโพดอ่อน แต่ก็เอาเถอะยังไงผมก็ดีใจนะ แฟนผมเนี่ยน่ารักที่หนึ่งเลยใช่ไหมละครับ
   เรามานั่งกินข้าวกันที่เซี่ยวหลงเปากัน ต้อมมันก็ถามผมว่าทำไมผมถึงได้กลัวข้าวโพดอ่อนมากขนาดนี้ ผมก็เลยเล่าให้มันฟังซึ่งเรื่องนี้ผมเล่าให้พวกไอ้ตี๋ฟังตั้งนานแหละ คือตอนสมัยม.ปลาย ผมกับเพื่อนไปกินข้าวที่ร้านประจำกัน ผมสั่งผัดผักรวมมิตรวันนั้นที่ร้านก็ใส่ข้าวโพดอ่อนมาเยอะมา ผมก็กินไปตามปกติแหละตอนนั้น แต่พอกินใกล้จะหมดแล้วมันมีชิ้นนึงไม่รู้ว่ามันจะเน่าหรือมันไม่สุกผมก็ไม่รู้แต่พอเข้าปากแล้วมันเหม็นเขียวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ จนผมคลื่นไส้จนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ แล้วของที่กินไปมันก็ออกมาด้วยใช่ม่ะภาพที่เห็นมันมีแต่ข้าวโพดอ่อนทั้งนั้นเลย แล้วกลิ่นเหม็นเขียวเน่าๆนั้นก็ไม่ได้หายจากปากไปด้วยนะผมต้องป้วนปากตั้งนานกว่าจะดีขึ้น ตั้งแต่นั้นมาพอผมเห็นข้าวโพดอ่อน ร่างกายมันก็ต่อต้านขึ้นมาเองทันที มันรู้สึกถึงกลิ่นนั้นขึ้นมาทุกครั้งทำให้รู้สึกแย่มากๆ ผมกับข้าวโพดอ่อนเลยตัดขาดจากกันตั้งแต่วันนั้นเลย ต้อมมันก็นั่งทำหน้าตาแบบว่าเข้าใจแล้วอะไรประมาณนี้
“อ่าวนัท อยู่นี่เองตามหาตั้งนานแหนะ” ไอ้วินเพื่อนต่างคณะผมทักผมที่ซุ้ม
“อ่าววิน มีอะไรหรอตามหาเรา” ผมหันไปถามขณะที่มือผมดึงหูต้อมอยู่เพราะมันมาหาว่าผมโรคจิตกลัวข้าวโพดอ่อน ทีงูละไม่กลัว
“เรามีไรจะรบกวนหน่อยนะ ว่างเปล่าคุยด้วยหน่อยสิ” ไอ้วินทำหน้าแปลกๆ
“ว่างๆนั่งคุยกันนี่แหละ” ผมเห็นมันหันไปมองต้อม ต้อมยิ้มให้มันมันก็ยิ้มตอบแล้วนั่งลง
“คือว่าญาติเรานะสิเขาอยากได้ครูสอนพิเศษลูกเขา เขาให้เรามาติดต่อให้นะ” วินบอกแต่ผมยังงงแล้วมาบอกผมทำไม
“แต่ลูกเขานะบอกว่าอยากให้นัทไปสอนให้นะสิ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเจาะจงมาแบบนี้แล้วมันรู้ว่าเรากับนัทเป็นเพื่อนกัน มันเลยให้แม่มันมาขอร้องเราให้มาขอร้องนัทอีกทีไง” ไอ้วินทำหน้าลำบากใจ
“อ่าว แล้วเขารู้จักเราได้ยังไงกัน คนอื่นสอนเก่งกว่าเรามีเยอะแยะ” ผมหันไปมองหน้ากับต้อมแบบงงๆ
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่เขามาขอร้องเรามาเราก็ลำบากใจเหมือนกัน แต่ก็ช่วยเราหน่อยนะเราก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว” มันท่าจะลำบากใจจริงๆมันถึงกล้ามาขอร้องผม
ผมเลยหันมาคุยกับต้อมเพราะเห็นไอ้วินมันทำหน้าลำบากใจมากๆเรื่องนี้ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผมอยู่ดี ผมเลยบอกต้อมว่าก็ช่วยมันหน่อยมันก็อุตส่ามาขอร้องทั้งทีแสดงความมีน้ำใจด้วย ต้อมก็เห็นด้วย
“เอาเป็นว่าเราลองไปดูก็ได้ แต่ว่าต้อมไปกับเราด้วยนะไปเป็นเพื่อนเรา แล้วถ้าเกิดว่าเราสอนไม่ได้เราก็จะเลิกสอนเลยนะ บอกเขาแบบนี้แหละ ถ้าตกลงก็โอเค” ผมบอก ไอ้วินยิ้มออกมาได้แล้ว
   วันอาทิตย์ผมกับต้อมก็มาบ้านของน้องไอ้วินเพื่อที่จะมาสอนพิเศษ เราตกลงกันว่าจะสอนเฉพาะวันอาทิตย์บ่ายโมงถึงบ่ายสาม บ้านที่ผมมาสอนนี่หลังใหญ่มีสวนหน้าบ้านด้วยเป็นบ้านสองชั้น มีโรงจอดรถหลายคันพวกผมมาถึงหน้าบ้านก็มีคนมารอเปิดประตูให้อยู่แล้ว แล้วก็ยังเชิญพวกผมเข้าไปในบ้านอีก นี่มันบ้านคุณหนูที่ไหนกันแน่นะ พอผมเข้ามาถึงห้องรับแขกก็เห็นเด็กคุ้นหน้ายืนยิ้มรอยู่แล้ว พอผมเห็นใกล้ก็จำได้ว่าเป็นแจ็คนั่นเอง ผมหันมามองหน้าต้อมทันทีตอนนี้หน้ามันเริ่มจะไม่ค่อยดีแหละ
“หวัดดีครับพี่นัท เออหวัดดีครับพี่ต้อม” แจ็คทักพวกผมผมก็รับไหว้แต่ต้อมยิ้มตอบเฉยๆ ผมคิดในใจไอ้วินเอาโบนัสมาแจกกูแล้วไหมละ
“เราเองหรอที่อยากให้พี่มาสอนพิเศษให้” ผมถามด้วยความแปลกใจ
“ครับ เดี๋ยวไปห้องอ่านหนังสือของผมดีกว่า เราไปอ่านหนังสือกันที่นั่น พี่นีเดี๋ยวเอาน้ำกับขนมไปให้ด้วยนะ” แจ็คบอกแล้วหันไปสั่งผู้หญิงที่พาผมเข้ามาในบ้านก่อนเดินนำไปอีกห้อง
ระหว่างเดินไปต้อมมันดึงผมมากระซิบบอกว่ามันยังไงๆอยู่นะ ผมก็เห็นด้วยแต่ทำไงได้รับปากเขามาแล้วยังไงก็ลองดูสักหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่เวิร์คก็เลิกเท่านั้นเอง พอถึงห้องอ่านหนังสือต้อมก็นั่งรอที่โต๊ะอีกตัว ส่วนผมกับแจ็คก็นั่งโต๊ะกลางห้องกัน แจ็คนั่งติดผมตลอดเวลาตอนที่ผมสอนโดยไม่สนใจเลยว่าต้อมจะมองอยู่ ส่วนต้อมตอนนี้ไม่ต้องบอกหน้างอเป็นม้าหมากรุกไปแล้ว
“อะพี่นัทกินนี่หน่อยนะครับ” แจ็คหยิบขนมขึ้นมาป้อนให้ผม
“พี่กินเองก็ได้” ผมจะเอามือหยิบขนมมากิน แต่มันเอามือหลบแล้วเอาขนมมายัดเข้าปากผม
“ก็แค่เนี่ย ผมจะได้ทำโจทย์เลขต่อ” ผมหันไปมองหน้าต้อมตอนนี้คิ้วมันผูกกันเพิ่มจากหน้างออีกอย่างแล้ว
   ตลอดสามชั่วโมงแจ็คมันเกาะแกะผมตลอดเวลาเลย มันไม่ได้สนใจต้อมที่มองมันอยู่สัดนิดเลย ถึงแม้ต้อมจะแกล้งทำเสียงดังบางครั้งก็ตาม ตอนนี้ผมคิดแล้วว่าไอ้วินมันเอาโบนัสก้อนโตมาแจกผมจริงๆซะแล้ว พอถึงเวลาสามโมงเย็นผมรีบขอตัวกลับทันทีเพราะไม่อยากอยู่ต่อนานนัก กลัวต้อมมันจะองค์ลงซะก่อน
“พี่นัทผมว่าไปบอกเลิกเถอะงานนี้” ต้อมทำเสียงจริงจัง
“อืม เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปคุยกับไอ้วินมัน พี่ก็รู้ว่าเราไม่ชอบพี่ก็อึดอัดเหมือนกัน” ผมหันไปมองต้อม ต้อมก็เริ่มจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงบ้าน
“ยังไม่เลิกเครียดอีกหรอ” ผมหันไปหาต้อมที่กำลังยืนแปลงฟันอยู่ข้างๆ มันก็ไม่ตอบเอามันจะมางอนผมทำไมนี่ผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันนะ
ผมเลยหอมแก้มมันทั้งที่ยังมียาสีฟันอยู่ที่ปาก
“เฮ้ย พี่ทำไรเนี่ย มันเลอะนะเห็นไหม” มันเอามือเช็ดยาสีฟันที่เลอะแก้มออก แล้วหันมามองหน้าผมผมก็เลยยักคิ้วใส่มันซะเลย
“อยากแกล้งนักใช่ไหม ได้เลย” คราวนี้มันจะเข้ามาหอมผมบ้าง ผมก็เลยถอยหนีแล้วเอาฝักบัวฉีดใส่มัน มันก็ยังไม่หยุดมาจับแขนผมไว้แล้วกับกำแพง
“มันต้องโดนลงโทษที่ทำให้ผมเครียดตั้งหลายชั่วโมง” มันบอกแล้วก็จูบปากผมทันที เราแลกลิ้นกันยังได้รสของยาสีฟันกันอยู่เลยเพราะเรายังล้างปากกันไม่เกลี้ยงทั้งคู่
   ต้อมยังจับมือผมทั้งสองข้างติดกำแพงไว้แล้วค่อยๆไล่ลิ้นลงมาจนทั่วตัวผมซึ่งตอนนี้เบจิต้าผมก็แปลงร่างไปเรียบร้อยแล้ว ต้อมมันไล่ลิ้นต่ำลงมาจนถึงเบจิต้าของผม แต่มันกลับลงลิ้นที่ข้างๆแทน ลงมาตามง้ามขาเลยมาจนถึงหินน้อยสองก้อนที่เบจิต้ายืนอยู่ ต้อมมันใช้ลิ้นเลียที่หินสองก้อนนั้น ทำเอาผมเสียวท้องมากๆจนต้องเกร็งตัว มันเงยหน้าหันมายิ้มให้ผมอีกแล้วมันก็อมหินน้อยผมเข้าไปในปากเลยทีนี้ ผมเสียวมากจนบีบมือต้อมจนแน่น มันทำอยู่นานมากไม่ยอมสู้กับเบจิต้าผมสักที
“ต้อมอย่าแกล้งพี่อีกเลยนะ พี่ยอมทุกอย่างแล้ว” ผมบอกเพราะทนความเสียวไม่ไหวแล้ว ต้อมยังเงยหน้ามายิ้มเหมือนว่าตัวเองได้ชัยชนะจากผมแล้ว ต้อมจึงเอาปากมาทักทายเบจิต้าผมทันที ต้อมสู้กับเบจิต้าผมสักพักก็ลุกขึ้นมา
“พี่บอกเองนะว่าจะยอมผมวันนี้” ต้อมกระซิบที่ข้างหูผมแล้วก็พาผมไปที่อ่างล้างหน้า มันยกผมขึ้นไปตรงที่ว่างของข้างอ่างล้างหน้าแล้วแทรกตัวเข้ามาระหว่างตัวผมทันที
“เดี๋ยวก่อนเราไม่มีอุปกรณ์นะ” ผมเตือน แต่ต้อมก็ยิ้มแล้วหยิบเสื้อกันฝนมาจากหลังกระจก โหนี่มันแอบซ่อนไว้ทั่งบ้านเลยป่าวเนี่ย
หลังจากต้อมใส่เสื้อกันฝนให้โงกุนของมันแล้ว มันก็ส่งหัวโงกุนเข้ามาในตัวผมทันที ผมดึงคอมันเข้ามาจูบเพื่อจะได้ไม่เกร็งมากจนมันส่งโงกุนเข้ามาในตัวผมจนหมด วันนี้ต้อมดูจะใช้แรงมากเป็นพิเศษคงระบายจากเรื่องวันนี้แต่ก็ทำเอาผมเสียวมากเหมือนกัน ผมเอามือกดที่เอวต้อมไว้ต้อมก็เอามือมาสู้กับเบจิต้าของผม จนผมเริ่มเกร็งหน้าท้องเพราะจะทนไม่ไหวแล้ว ต้อมก็คงรู้เหมือนกันเร่งจังหวะเร็วมากกว่าเดิมจนผมต้องจิกมือที่เอวของต้อม
“โอ๊ยยยย พี่ไม่ไหวแล้วต้อม พี่รักต้อมที่สุดเลยนะครับ” ผมบอกก่อนที่ผมจะเกร็งตัวระเบิดพลังออกมาเต็มตัวผมเอง
“ผมก็รักพี่นัทที่สุดเหมือนกันครับ อ่าสสส์” แล้วต้อมก็กดเอวเข้ามาแรงๆสองสามครั้งแล้วก็กดแช่ไว้ แล้วก้มหน้าลงมาจูบปากผมต่อโดยที่ยังไม่ยอมเอาโงกุนออกจากตัวผม
   ต้อมยืนกอดผมท่านั้นสักพักจนหายเหนื่อยแล้วเราก็ไปอาบน้ำกัน ก่อนนอนผมยังบอกต้อมว่าผมไม่คิดอะไรกับแจ็คหรอกผมรักมันคนเดียว มันยิ้มแล้วทำปากยื่นมาผมก็เลยจุ๊บปากมันไป แล้วเราก็นอนหลับในอ้อมกอดกันเหมือนทุกวัน ตกลงถ้าผมง้อมันผมต้องเป็นฝ่ายโดนทุกครั้งเลยใช่ไหมนี่ คราวหน้าผมต้องเอาคืนให้ได้สิ
“วินเราคงไม่สอนต่อแล้วนะ” ผมบอกไอ้วินที่นั่งอยู่ที่ซุ้มของมัน
“ทำไมละไปแค่วันเดียวเองนะ ช่วยเราหน่อยนะๆๆ เดือนเดียวก็ยังดี” ไอ้วินอ้อนวอนเพื่อให้ผมสอนต่ออีกหน่อย
“แต่ว่าต้อมมันคงไม่ยอม แค่นี้เราก็จะแย่แล้ว” ผมบอกเหตุผลมันไป ไอ้วินมัน บอกว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับต้อมเอง แล้วมันก็เดินมาหาต้อมพร้อมกับผม
“ต้อมพี่ขอเถอะนะช่วยพี่หน่อย เดือนเดียวก็ได้” ไอ้วินขอให้ต้อมยอมตกลง
“ไม่ได้หรอกพี่ น้องพี่มันใช่อยากเรียนที่ไหน มันจะมาจีบพี่นัทต่างหาก” ต้อมบอกแบบไม่ค่อยสนใจ
“เดี๋ยวพี่ห้ามมันเอง แต่นะต้อมนะให้นัทไปสอนแค่เดือนเดียวก็พอนะ พี่รับปากแม่เขาไว้แล้ว” ไอ้วินยังไม่ยอมลดความพยายาม แล้วไอ้วินก็ตามตื้อต้อมจนต้อมอ่อนใจจนได้ แต่ว่าต้องให้มาเรียนที่มหา’ลัยแทน แล้วก็แค่เดือนเดียวเท่านั้น

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 12:30:58
ตอนที่11
ตกลงวันอาทิตย์ผมก็ต้องมาที่มหา’ลัยอีกเพื่อมาสอนหนังสือแจ็ค แต่แจ็คก็เหมือนเดิมเลยเกาแกะผมตลอดเวลา เดี๋ยวโอบเอวเดี๋ยวกอดแขนจนต้อมเริ่มไม่พอใจอีกแล้ว
“น้องครับนี่แฟนพี่นะครับ เกรงใจกันบ้าง” ต้อมเดินเข้ามาประกาศตัวเลยคราวนี้
“ครับผมรู้ตั้งนานแล้วครับ” แจ็คยังยิ้มตอบให้ต้อมอีก
“งั้นก็คุยกันตรงๆเลยนะ พี่ไม่ชอบที่เรามาเกาะแกะกับแฟนพี่แบบนี้” ต้อมทำเสียงเข้มใส่แจ็ค
“นั่นเรื่องของพี่สิครับ ก็ผมชอบพี่นัทนี่ ผมไม่ได้ชอบพี่นะครับ” แนะมันยังไม่รู้สำนึกอีกหรอ แฟนเขามาว่าขนาดนี้แล้ว เด็กสมัยนี้มันใจกล้ากันจริงๆ จนผมเห็นต้อมเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว คงต้องหาทางออกแล้วผมว่า
“เออ แจ็ค วันนี้แค่นี้นะเดี๋ยวคราวหน้าสอนเพิ่มให้” แล้วผมก็รีบลุกเก็บของดึงต้อมออกมาจากตรงนั้น
“พี่นัทดึงผมมาทำไม ผมจะอัดหน้ามันซะหน่อย” ต้อมทำท่าทางโกรธจัด กัดฟันแน่นเชียว
“ไม่เอาน่า พี่บอกแล้วไงไม่อยากให้เราชกต่อยกับคนอื่น” ผมจับมือต้อมไว้เพื่อให้ต้อมใจเย็นๆลง
   คราวนี้ต้อมไม่ได้โกรธผมกลับโกรธแจ็คมากกว่า แต่ผมก็เข้าใจต้อมนะถ้าเป็นผมก็คงโกรธเหมือนกัน นี่ขนาดเข้าไปบอกว่าเป็นแฟนแล้วนะมันยังไม่สนใจอีก แต่ผมก็ไม่อยากให้ต้อมไปมีเรื่องกับใคร เพราะไม่อยากให้มันเจ็บตัวด้วย
ผมกำลังเล่าเรื่องแจ็คให้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทฟังตอนที่รอต้อมเรียนอยู่
“ทายสิใคร” มีมือมาปิดตาผมจากข้างหลัง แต่ทำไมผมจะจำเสียงมันไม่ได้เสียงแจ็ค มันทำบ้าอะไรของมันนี่ ผมเลยจับมือมันออก เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนททำหน้างงๆ
“นี่ไงที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ไง ตายยากไหมอะ” ผมหันไปบ่นกับพวกเพื่อนผม แจ็คมันก็นั่งลงมาข้างๆผม มันก็ชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยแต่มือมันนี่สิครับ เดี๋ยวเกาะแขน เดี๋ยวโอบเอว เดี๋ยวซบไหล่ ชาติที่แล้วมันเป็นปลาหมึกหรือไงชาตินี้มือกันเกาะแกะเก่งจริงๆ ไอ้ตี๋กับไอ้แนททำหน้าแบบเห็นใจผมขึ้นมาทันที ผมนะทั้งหลบทั้งแกะมือมันออกตลอดเวลา
   สักพักไอ้ตี๋ก็พยักหน้าให้ผมมองไปข้างหลัง ผมก็เห็นต้อมเดินตรงเข้ามาที่ผมนั่งกับแจ็คทันที ท่าทางต้อมจะโกรธเอามากๆสังเกตจากหน้าตาที่ขึงขังของมัน
“น้องจะเอายังไงกับพี่กันแน่ ว่ามาเลยดีกว่า” ต้อมเสียงค่อนข้างดังเหมือนกันจนแถวนั้นเริ่มหันมามองทางกลุ่มผม
“อะไรพี่ผมมาหาพี่นัทนะครับ ไม่เกี่ยวกับพี่” แจ็คยังกวนกลับมาได้อีก มึงจะโดนตีนอยู่แล้วยังไม่รู้อีกหรอ
“ไม่เกี่ยวได้ไงนี่มันแฟนกู” ต้อมท่าทางจะฟิวส์ขาดไปแล้ว ผมเห็นมันกำหมัดแน่นมาก ผมคิดว่าท่าจะไม่ดีแล้วไม่อยากให้ต้อมมีเรื่องในมหา’ลัย ผมจึงลุกขึ้นดึงต้อมออกมา ทีแรกต้อมขัดขืนไม่ยอมไปผมเลยต้องออกแรงดึงแล้วพาเดินไปที่หลังตึกคณะ
“ใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวจะมีเรื่องกันอีก” ผมดึงต้อมเข้ามากอดไว้
“พี่ใจให้ผมใจเย็นได้ยังไง ดูมันกวนผมซะขนาดนั้น” ต้อมยังไม่หายใจร้อน
“เชื่อพี่นะ พี่คิดว่ามันต้องการมาป่วนเราเท่านั้นเอง ถ้าเรามีเรื่องกับมันก็เข้าทางมันพอดีสิ” ผมให้เหตุผล
“เราคิดดูนะ ถ้าเราไปต่อยมันเรื่องจะบานปลายไปถึงไหน เรื่องนี้อาจทำให้เราต้องแยกกันเลยก็ได้นะ” ผมหันมาจ้องตามัน
“เราไม่เชื่อใจพี่หรือไง หรือเรายังไม่รู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหนอีก”
“ผมเชื่อพี่นะ แต่ผมก็ทำใจไม่ได้ที่มันมายุ่งกับพี่แบบนี้” ดูต้อมเริ่มใจเย็นลงแล้วตอนนี้
“แค่เราเชื่อพี่ก็พอแล้ว พี่รักต้อมมากนะครับ” ผมก็ดึงหน้าต้อมเข้ามาจูบต้อมก็จูบตอบกลับมา
สักพักผมก็กลับออกมาพวกไอ้ตี๋มายืนรอที่หน้าตึกคณะกันหมด
“เฮ้ยเป็นไง ใจเย็นลงบ้างยังเรา” ไอ้ตี๋ทักต้อมที่เดินตามผมมา
“ครับพี่ ขอโทษครับที่เกือบก่อเรื่องอีกแล้ว” ต้อมทำหน้าสำนึกผิด
“เออดีแล้วที่เข้าใจ เราก็อย่าใจร้อนให้มันมากนัก เพื่อนพี่นะมันไม่ได้รักใครง่ายๆนะโว้ย” ไอ้ตี๋เตือนต้อมอีกก่อนหันหน้าไปมองที่ซุ้ม
“แต่นั่น ไอ้ตัวปัญหายังไม่กลับเลย แกจะเอายังไงวะนัท แม่งสุดยอดเลยวะขนาดรู้ว่าแฟนเขาหวงขนาดนี้มันยังไม่สนใจอีก” ไอ้ตี๋เริ่มทำหน้ากังวลกับเรื่องของแจ็ค
“ยังคิดไม่ออกเลยวะ แต่เดี๋ยวคงต้องไปคุยกับไอ้วินเรื่องนี้ ไม่งั้นมันไม่จบแน่ๆเลย”
“แล้วตอนนี้เอาไง กลับไปก่อนไหมเดี๋ยวเราเก็บของไว้ให้เอง” ไอ้ตี๋หาทางออกให้ ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ผมกับต้อมก็เห็นด้วยเพราะกลัวว่ามันจะมีเรื่องกันจนได้ เราเลยหลบออกทางหลังมหา’ลัย แล้วให้ไอ้ตี๋ไปบอกแจ็คว่าผมกลับไปแล้วให้ด้วย
   กลับมาถึงบ้านดูต้อมยังอารมณ์ไม่ค่อยดีกับเรื่องวันนี้ ผมเลยชวนต้อมไปซื้อหนังมาดูเพื่อแก้เครียด ผมซื้อเรื่องหอแต๋วแตก 2 มาดู ฮาได้ใจจริงๆ โดยเฉพาะตุ๊กกี้แสดงได้ดีมากๆ จากต้อมอารมณ์ไม่ดียังนั่งหัวเราะเสียงดังเลย
“ต่อไปเราต้องอย่าใจร้อนนะ พี่ไม่อยากให้เรามีปัญหาหรือเจ็บตัวอีก” ผมกอดต้อมอยู่บนที่นอน
“ถ้าเรารักพี่เราต้องเชื่อพี่นะ” ผมขยับหน้าเข้าไปจนจมูกเราชนกัน
“ครับ ผมเชื่อพี่เพราะผมรักพี่นะครับ ผมรักพี่มากด้วย พี่รู้ไว้ด้วยนะครับ ถ้าไม่มีพี่แล้วผมจะอยู่ยังไงผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ” ต้อมมองตาผมแล้วก็จูบผมอย่างนุ่มนวล
   สองสามวันนี้ผมสบายใจมากเพราะแจ็คไม่ได้มาที่มหา’ลัยอีกเลย คงเพราะเรื่องวันนั้นแน่ๆแต่ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผมคงต้องไปคุยกับไอ้วินเรื่องนี้อีกรอบ
“วินเราว่าเราไม่ไหวแล้ววะเรื่องน้องนาย ต้อมมันทนไม่ไหวแล้วนะ เราไม่อยากให้มีปัญหากัน นายคงเข้าใจเรานะ” ผมบอกไอ้วินที่ซุ้มของมัน
“เราได้ยินข่าวมาบ้างแล้วแหละ เราก็ไปคุยกับมันแล้วแต่ถ้าทางมันไม่สนใจเลย เอาเป็นว่าแล้วแต่ที่นัทสบายใจแล้วกัน” คราวนี้มันยอมรับง่ายเลยแหะ สงสัยข่าวคงจะมาแรงแน่ๆ
   ผมเล่าให้ต้อมฟังเรื่องที่ไปคุยกับไอ้วินมา ดูต้อมสบายใจมากขึ้นไปอีกเพราะว่าพวกเราคงจะไม่ต้องเจอแจ็คอีกแล้ว แต่ถ้ามันจะมาที่มหา’ลัยเพื่อนผมก็เตรียมตัวช่วยกันให้อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าพวกเพื่อนๆผมมันจะยกให้ผมกับต้อมเป็นคู่รักแห่งปีอยู่แล้ว ผมรู้สึกดีนะที่เพื่อนๆผมไม่ได้เปลี่ยนไปที่รู้ว่าผมกับต้อมคบกันแบบไหน แต่กับคอยช่วยและดูแลเราทั้งคู่อีกต่างหาก ผมนี่โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนแบบพวกมัน   
“พี่นัททำไมเลิกไปสอนผมละครับ” เสียงแจ็คดังมาข้างหลัง นี่มันอะไรกับผมนักหนาขนาดแสดงออกว่าไม่อยากเจอมันมากแค่ไหนแล้วนะ เด็กสมัยนี้มันช่างกร้านโลกกันซะจริงๆ
   ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไอ้แนทก็ลุกขึ้นมายืนเกาะหลังผมทันที มาแล้วปฏิบัติการป้องกันผมจากไอ้เด็กนรกคนนี้ ส่วนต้อมนั่งอยู่ข้างๆผมอยู่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ไอ้ตี๋นั่งบนโต๊ะอีกข้างหนึ่งหนุ่ยนั่งอยู่ตรงข้ามผมพอดี ดูพวกมันทำอย่างกับว่าผมเป็นเจ้าพ่อแล้วพวกมันเป็นบอดี้การ์ดเลย ทำให้แจ็คเดินอ้อมมานั่งข้างๆหนุ่ย
“ทำไมเมื่อวานพี่ไม่มาสอนพิเศษผมละครับ” แจ็คถามพร้อมกับมองเพื่อนผมที่ยืนรอบตัวผมอยู่
“พี่ฝากพี่วินไปบอกแล้วไงว่าจะเลิกแล้ว พี่คิดว่าพี่คงสอนได้ไม่ดีแล้วถ้าเราสอบไม่ได้ทางบ้านเราเขาจะมาว่าพี่ได้” ผมบอกโดยที่ไม่ได้มองหน้าแจ็คเลย
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไม่มีใครว่าหรอกกลับมาสอนผมเถอะนะนะนะ” มันจับมือผมไปกุมไว้ แต่ต้อมก็ดึงมือผมกลับมาทันที มันยังหันมามองหน้าต้อมนิดหน่อยด้วย
“ไม่ดีกว่า เพราะพี่รู้เหตุผลจริงๆที่เราอยากเรียนกับพี่ พี่มีแฟนแล้วแจ็คไม่เข้าใจหรอครับ พี่ไม่อยากทะเลาะกับแฟนพี่เข้าใจด้วยนะครับ”
“ทะเลาะกันก็ดีสิครับ พี่จะได้สนใจผมบ้าง” มันหันไปมองหน้าต้อม จนผมต้องบีบมือต้อมเอาไว้ให้ใจเย็นๆ
“งั้นผมก็บอกพี่ตรงๆเลยว่าผมชอบพี่นะ แล้วผมก็จะไม่ยอมแพ้คนอื่นด้วย ผมจะทำให้พี่มาเป็นของผมให้ได้” มันยังหันไปมองต้อมอีก เด็กนรกของแท้เลยมันผมพูดขนาดนี้ยังไม่ยอมแพ้ แล้วผมไปโดนใจอะไรมันขนาดนั้นถึงได้ต้องเจาะจงจะมาคบกับผมให้ได้
“เฮ้ยแจ็ค มาทำอะไรที่นี่ มานี่เลยคณะพี่อยู่ทางนี้” เสียงไอ้วินตะโกนเรียกแจ็คที่มุมถนน มันทำหน้างงแต่ก็ลุกขึ้นไปเพราะไอ้วินเรียกมันไม่หยุด พวกผมก็งงที่ไอ้วินมันรู้ได้ยังไงว่าแจ็คมา ไอ้แนทยิ้มแล้วชี้ที่โทรศัพท์มัน มันคงโทรตามไอ้วินแน่ๆ แหมฉลาดจริงๆเพื่อนผม
   ถ้าไอ้วินมาช้ากว่านี้อีกหน่อยผมว่าได้มีเกิดเหตุขึ้นอีกแน่ๆ แต่คราวนี้ต้อมใจเย็นมากๆถ้าเป็นเมื่อก่อนผมว่าแจ็คคงปากแตกไปแล้วที่พูดแบบนั้น เราเลยตกลงว่าจะไปนั่งที่ห้องโปรเจ็คกันจนกว่าจะใกล้สอบเสร็จ เดี๋ยวมันก็คงหายไปเองถ้าไม่เจอผมนาน เพราะเด็กวัยรุ่นก็คงรักง่ายลืมง่ายนะแหละผมว่า แต่ต้อมหันมาบอกว่ายกเว้นมันนะ ดูมันยังอยากเป็นวัยรุ่นอยู่อีกนะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 12:35:10
ตอนที่12
ช่วงนี้ผมใช้เวลาในมหา’ลัยที่ห้องโปรเจคเสียส่วนมาก เพราะจะได้หลบหน้าแจ็คที่มันมักจะวนเวียนมาที่ซุ้มบ่อยๆ แต่ก็ทำให้ผมมีเวลากับเรื่องเรียนมากขึ้นด้วยยิ่งใกล้สอบอีกแล้ว แถมผมยังต้องคอยติวให้ต้อมด้วยเพราะถ้าผลการเรียนต้อมไม่ดีเดี๋ยวทางบ้านเขาจะมาว่าผมเอาได้ และก็ยังทำให้เราสองคนมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันมากขึ้น เพราะห้องโปรเจคไม่ค่อยมีคนเข้าอยู่แล้ว พี่ปี 4 เขาก็นานๆเข้ามาที
   “ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะ ที่เกิดเรื่องขึ้นผมเลยได้อยู่กับพี่นัทตลอดเวลาเลย แถมยังแอบทำอะไรก็ได้อีก” พูดแล้วมันก็ดึงแก้มผมไปหอมทันที
   “พอแหละๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เล่นอะไรไม่เข้าท่า” ผมหันไปดุเพราะกลัวคนอื่นเข้ามาเห็น
   “เล่นที่ไหนละครับ ผมทำจริงๆใครเห็นก็ช่างเขาสิครับ แฟนกันหอมกันไม่ได้หรือไง” มันยิ้มกวนๆมาให้ผมอีก ดูมันทำมันไม่อายผมก็อายนะครับ
   ผ่านเรื่องแจ็คมาได้เดือนกว่าๆแล้ว พวกผมก็เริ่มเข้าสู่การสอบอีกครั้ง ผมก็กลับมานั่งที่ซุ้มแล้วเพราะช่วงสอบพวกเราจะรวมตัวกันแถวนั้นเพื่อหาแนวข้อสอบบ้าง ช่วยกันติวบ้าง แล้วแต่ว่ากลุ่มไหนจะหาอะไรมาได้แล้วเอามาแลกเปลี่ยนกันครับ
   กว่าจะผ่านพ้นการสอบมาได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน ทำไมข้อสอบมันยากแบบนี้ก็ไม่รู้ผมคิดว่าอาจารย์เขาคงอยากจะสอนพวกผมใหม่แน่ๆถึงได้ออกยากมากขนาดนี้ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะสอบผ่านแหละครับ สอบเสร็จมันก็ต้องฉลองกันหน่อยใช่ไหมครับ พวกไอ้ตี๋ก็บอกว่าจะฉลองที่บ้านผมเพราะจะได้เมาได้เต็มที่ ผมก็เห็นดีด้วยจะได้ไม่ต้องไปไหนไกลอีกต่างหากบ้านตัวเอง
   อ้อ ผมลืมเล่าไปครับว่าตอนนี้ไอ้แนทมันเป็นแฟนกับไอ้วินไปแล้ว ก็ตั้งแต่เรื่องไอ้น้องแจ็คของไอ้วินมันนั่นแหละครับ แต่ก็ไม่รู้มันไปจีบกันตอนไหนใครจีบใครก่อน แต่ที่ผมพอจะรู้ก็คือไอ้แนทอะมันแอบชอบไอ้วินมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 1 ผมก็ดีใจกับมันนะครับเพื่อนผมมีความสุข อิอิ
   “ไอ้นัท วันนี้วินไปด้วยได้ป่าววะแก” ไอ้แนทระหว่างนั่งรถไปบ้านผม
   “ก็มาสิจะเป็นไรวะ แฟนเพื่อนจะมาใครจะว่าทำยังกับเราไม่รู้จักมัน” ผมหันไปมองหน้ามันเพราะสงสัยว่ามันทำไมถามแบบนี้
   “ก็มันกลัวแกยังเคื่องเรื่องไอ้น้องแจ็คอะไรนั่นไง” แนทอธิบาย
   “โหย แม่งคิดมากวะไม่เกี่ยวกับมันเลย บอกมันมาเลยไม่มาเราจะขัดขวางไม่ให้แกคบกันนะโว้ย” ผมแกล้งขู่มัน   ผมมาส่งแนทที่บ้านเพื่อให้มันเตรียมสถานที่ส่วนผมกับต้อมก็ออกไปซื้อของที่จะฉลองกันคืนนี้ น้าผมไม่กลับบ้านเช่นเคยถ้าพวกผมมากันครบทีมแกบอกขี้เกลียดดูพวกผมเมา ผมกับต้อมไปเดินซื้อของที่คาร์ฟูร์กันมันใกล้บ้านที่สุด เราซื้อเหล้ามา 4 ขวด กะเมาเต็มที่ถ้าไม่พอค่อยซื้อร้านของชำแถวบ้านเพิ่มเอา แล้วซื้อขนมกับลูกชิ้นไปเยอะมากพวกผมเวลาฉลองกันจะเต็มที่อย่างนี้เสมอละครับ แต่ไม่มีการเลี้ยงนะครับแชร์กันตลอดจะได้กินกันอย่างสบายใจ ก่อนกลับผมยังแวะไปหยิบพวกเครื่องดืมแก้แฮงค์เหล้าติดมาด้วย เผื่อตอนเช้าตื่นมาจะได้มีกินเลยไม่ต้องหาซื้ออีกเตรียมพร้อมไหมละครับ   พอกลับมาถึงบ้านพวกเพื่อนผมก็มากันพร้อมหน้าหมดแล้ว ไอ้แนทบอกว่าไอ้วินกำลังมาเดี๋ยวคงถึง พวกผมก็นั่งกินกันก่อนเลยต้อมนั่งกอดผมอยู่ข้างหลังผมเป็นลูกลิงเลย แต่พวกเพื่อนผมชินแหละมันนั่งแบบนี้ทุกครั้งเวลากินเหล้าด้วยกัน บางครั้งมันเมาหลับเอาคางเกยไหล่ผมไว้อย่างนั้นมันยังทำได้เลยแล้วผมก็ไม่ได้รำคาญด้วย สักพักวินก็มาถึงก็มานั่งข้างแนทเลย ทีนี้ถึงคราวผมบ้างแล้วที่จะมีเรื่องแซวมันปล่อยให้มันแซวผมมานานแหละ แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าผมกับต้อมโดนวินลุมยิงคำถามมากมาย มันบอกทีแรกมันไม่เชื่อเลยนะที่มีข่าวว่าผมกับต้อมเป็นแฟนกัน แถมยังบอกว่าผมกับต้อมใจกล้ามากไม่ปิดบังแถมยังรักกันมากอีกต่างหาก เราสองคนก็ได้แต่ยิ้มๆแหละครับก็ทำไงได้คนมันรักไปแล้วจะให้ทำยังไงละครับ
   “ก๊อก ๆ  ๆ “ เสียงเคาะประตูหน้าบ้าน แต่ใครมานะป่านนี้ หรือว่าคนมาหาน้าผม ผมเลยลุกขึ้นไปเปิดประตู
   พอเปิดประตูผมก็ตกใจมากเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นแจ็ค มันรู้จักบ้านผมได้ยังไงกันเนี่ยแล้วมันมาหาผมทำไม ผมคิดว่ามันจะตัดใจแล้วนะจากการที่ผมไม่ได้เจอมันเป็นเดือนๆ แล้วก็ไม่เห็นมันจะมาที่ซุ้มด้วยเหมือนกัน พอผมเห็นว่าเป็นแจ็คผมก็จะหันกลับมาเรียกวินเพราะตอนนั้นไม่อยากให้มันเจอกับต้อม แต่มันกลับดึงผมออกไปนอกบ้านซะก่อน
   “พี่นัทพี่หลบหน้าผมทำไมกัน ผมคิดถึงพี่มากๆเลยนะครับ” แจ็คเข้ามากอดผมทันที พอผมตั้งสติได้ก็พยายามแกะมือมันออกเพราะตอนนี้อยู่หน้าบ้านคนเดินผ่านเยอะ และกลัวต้อมจะมาเห็นด้วย แต่แจ็คกลับยิ่งกอดผมแน่นมากขึ้น
   “พี่นัทอย่าหลบหน้าผมอีกนะครับ พี่จะให้ผมทำยังไงผมก็ยอมแค่ผมเจอหน้าพี่ก็พอแล้ว” มันยังพูดต่อทั้งที่กอดผมไว้แต่คราวนี้เสียงแจ็คเริ่มสั่นๆเหมือนคนร้องไห้
   “แจ็คปล่อยพี่ก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยกัน” ผมยังพยายามแกะมือแจ็คออก แต่มันกอดแน่นมากจริงๆ แล้วผมก็รู้สึกว่ามีอีกมือมาช่วยผมแกะมือแจ็คออกจากข้างหลัง ผมหันไปมองเป็นต้อมนี่เองคงออกมาเพราะเห็นผมออกมานานแน่ๆ แจ็คมันก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยตอนนี้ตามันแดงเพราะร้องไห้แน่ๆ
   “ปล่อยมือเถอะน้อง อย่ามายุ่งกับแฟนพี่” ต้อมทำเสียงเข้มใส่แจ็ค คราวนี้น่าแปลกแหะมาแบบใจเย็นถ้าเป็นเมื่อก่อนนะผมว่าต้อมมันคงชกแจ็คไปแล้ว
   ต้อมแกะมือแจ็คออกจนได้แล้วดึงผมเข้าไปกอดแทน นี่หน้าบ้านนะครับผมโดนผู้ชายแย่งกันกอดไปกอดมาคนแถวนั้นก็เริ่มมองเข้ามาแล้ว แต่บรรยากาศตรงหน้าผมน่ากังวลมากกว่าเรียกว่าเกิดหลุมดำก็ว่าได้เลยตอนนั้น ต้อมยืนจ้องหน้ากับแจ็คจ้องตากันเขม็งเชียวผมก็ได้แต่เอามือบีบมือต้อมไว้ให้ใจเย็นๆ
   “พี่ว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนี่นะ พี่นึกว่าน้องจะเข้าใจแล้วซะอีก” ต้อมเปิดฉากพูกขึ้นมาก่อน
   “ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกพี่หรอก แต่ผมเข้าใจอย่างผมชอบพี่นัทก็เท่านั้นเอง” เออมันพูดง่ายดีนะไม่เข้าใจคนอื่นเอาแต่เรื่องตัวเอง สมเป็นลูกคุณหนูจริงๆ แล้วตอนนี้ต้อมก็เริ่มจะทำหน้ายุ่งแล้ว
   “แจ็คพี่ว่าเรากลับไปดีกว่านะ เพราะยังไงพี่ก็คงคิดกับเราแบบนั้นไม่ได้ พี่รักแฟนของพี่พี่ไม่ได้รักเรา” ผมบอกให้แจ็คตัดใจเรื่องของผม
   แจ็คกลับยืนเฉยๆอยู่ตรงนั้นแต่ตอนนี้ผมต้องเป็นฝ่ายกอดต้อมไว้บ้างแล้ว เพราะผมรู้ว่ามันเริ่มจะหมดความอดทนแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ จนพวกไอ้ตี๋ออกมาดูเพราะคงเห็นพวกผมหายออกมากันนานมากแล้ว ไอ้วินหน้าเสียทันทีที่เห็นแจ็คอยู่ตรงนั้นมันก็วิ่งไปที่แจ็คทันที
   “แจ็คมึงมาที่นี่ได้ไงวะ อย่าบอกนะว่าแอบตามพี่มา” วินดึงแขนมันให้หันมามองมัน แจ็คก็พยักหน้าแทนคำตอบ ผมเห็นวินทำหน้าไม่ดีเอาเลยตอนนี้ มันคงคิดว่ามันเอาปัญหามาให้ผมอีกแล้วแน่ๆ
   “นัทเราขอโทษนะ งั้นเรากลับเลยแล้วกัน” วินดึงแขนแจ็คให้ตามไป แต่แจ็คมันไม่ยอมเดินตามไป
   “วินเดี๋ยวก็ได้ เราอยากเครียให้มันรู้เรื่องกันไปเลยวันนี้ ไหนๆแกก็อยู่ด้วยแล้ว” ผมหันไปมองหน้าต้อมซึ่งตอนนี้คงอดทนเต็มที่ผมเห็นเหมือนมันยืนกัดฟันไว้เลย
   “แจ็คจะให้พี่พูดอีกกี่ครั้งก็เหมือนเดิมนะ พี่รักแฟนของพี่ก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เราและพี่ก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย ที่เรามาชอบพี่พี่ก็ไม่ว่านะแต่มันเป็นไปไม่ได้เราต้องเข้าใจในจุดนี้ด้วย ถึงเราจะดื้อไปยังไงมันก็เหมือนเดิมมีแต่จะทำให้เกิดปัญหาเปล่าๆ” ผมตั้งใจมองหน้าแจ็คอยากให้มันเข้าใจจริงๆ
   “พี่คิดว่าถ้าเราชอบพี่จริงก็คงไม่อยากให้พี่กลุ้มใจไม่ใช่หรอ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นก็แสดงว่าเราไม่ได้ชอบพี่จริง แล้วอีกอย่างถ้าเราเลิกทำแบบนี้พี่คิดว่าเราก็อาจยังเป็นพี่น้องกันได้นะ พี่ต้อมเขาก็ไม่ใช่คนใจแคบถ้าเป็นพี่น้องกันไม่มีอะไรมากมายมันก็ไม่มีปัญหา” ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะสงสารแจ็คมันเหมือนกันครับ แต่ก็ให้เป็นได้แค่น้องนะครับ
   “แต่ว่าผม...” แจ็คไม่ยอมพูดต่อ
   “พี่ว่าคราวนี้มันอยู่ที่แล้วจะตัดสินใจเองนะ ถ้าเป็นพี่น้องกันเราก็คงเจอกันบ้าง แต่ถ้าไม่พี่ก็คงจะไม่เจอเราอีกแล้ว พี่ก็บอกเราได้แค่นี้แหละ” ตอนนี้ทุกคนเงียบไปหมดเหมือนลุ้นว่ามันจะตอบว่ายังไง
   “งั้นถ้าผมขอเป็นน้องพี่ แล้วพี่ต้อมเขาจะยอมหรอครับ” ตอนนี้ทุกคนหันไปมองหน้าต้อมพร้อมกันเลย
   ต้อมนิ่งสักพัก “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ห้ามมาเกาะแกะพี่นัทอีกนะโว้ย” แฟนผมมันก็ใจกว้างเหมือนกันนะนี่ ต้องให้ได้อย่างนี้สิแมนโคตรๆ
   “ขอบคุณครับ งั้นผมขอกอดหน่อยนะ” แจ็คมันยิ้มแล้วจะเดินเข้ามากอดผม ต้อมดึงผมไปหลบข้างหลังทันที
   “กอดพี่แทนแล้วกันนะน้อง พูดไม่ทันขาดคำมันจะกอดอีกแล้ว” ต้อมทำเสียงเข้ม ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มยิ้มได้แล้ว
   พอตกลงกันได้พวกเราก็เลยเข้าไปนั่งกินกันต่อโดยมีแจ็คร่วมวงด้วยทีนี้ ผมเลยไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่เพราะมันกินไม่ถนัดจริงๆต้องคอยระแวงไอ้น้องแจ็ค ต้อมก็เลยไม่ค่อยได้กินด้วยเหมือนกันเพราะคอยนั่งกันผมเหมือนกัน เรากินกันจนดึกจนพวกมันเมาหลับกันหมดแล้ว ตกลงคืนนี้พวกมันนอนข้างล่างกันหมดทุกคนเลย ผมเห็นทุกคนหลับแล้วเลยขึ้นไปอาบน้ำเพราะคิดจะเข้านอนบ้างเหมือนกัน
   “ทำไมแฟนผมถึงเนื้อหอมแบบนี้นะ” ต้อมเข้ามากอดผมข้างหลังแล้วหอมแก้มผม
   “หอมอะไรเหม็นจะตาย น้ำยังไม่ได้อาบเลย”
   “ไม่หอมได้ไง มีแต่คนมาชอบเมื่อก่อนไอ้หนุ่ยตอนนี้ยังมีไอ้แจ็คอีกคน แล้วจะมีอีกไหมเนี่ย” มันก็หอมแก้มผมอีกข้าง
   “บ้าแหละ ถึงยังไงพี่ก็ชอบน้องดำคนเดียวนะ พี่รักต้อมนะ” ผมเงยหน้าแล้วเอามือโน้มหัวต้อมมาจูบผม
   ต้อมตอบสนองต่อการจูบของผมด้วยการส่งผ่านสัมผัสกันทางลิ้น
   “ผมก็รักพี่นัทนะครับ รักมากด้วย รักจนผมคิดว่าถ้าผมไม่มีพี่ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ” ต้อมพูดเบาๆที่ข้างหูผมก่อนที่จะจับผมหันหน้าเข้าหามันแล้วจูบผมอีกครั้ง
   ต้อมดันผมไปที่เตียงจนผมล้มลงบนที่นอนแล้วก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวผม แล้วค่อยๆถอดเสื้อผ้าผมและของตัวเองออกจนหมด แล้วเริ่มปฏิบัติการเพื่อเพิ่มความรักของเราสองคนแต่คืนนี้เราทำกันอย่างเงียบและเบาที่สุดเพราะกลัวเพื่อนๆข้างล่างจะได้ยิน โงกุนกับเบจิต้าต่อสู้เสมอกันครับคือทำได้คนละหนึ่งประตูเท่ากัน ผมบอกแล้วผมไม่ยอมเสียเปรียบนานหรอกเรื่องอย่างนี้
   “เฮ้ย ตื่นเลย ปล่อยให้เพื่อนนอนข้างล่างแล้วขึ้นมาทำอะไรกันสองคน สายแล้วนะโว้ย” ไอ้ตี๋ตะโกนอยู่หน้าประตู้ห้องผม ดีนะมันไม่ได้เข้ามาผมนอนกอดกับต้อมอยู่ด้วย
   ผมรีบอาบน้ำแล้วลงมาข้างล่างพวกมันตื่นกันหมดแล้ว เก็บของเรียบร้อยหมดแล้วอีกต่างหากรู้งานกันจริงๆเลยเพื่อนผม แต่ปกติก็ทำกันแบบนี้อยู่แล้วเพราะไม่งั้นคนอยู่ต้องเก็บคนเดียวเดี๋ยวต่อไปเขาก็คงไม่ให้มาอีกพวกเราคิดกันแบบนี้ วินกับแจ็คก็ยังไม่กลับสงสัยพวกมันมีโปรแกรมอะไรต่อแน่ๆ
   “เมื่อคืนทำไรกันก็ไม่ต้องทิ้งหลักฐานไว้ก็ได้” อยู่ๆไอ้ตี๋ก็ทันมาบอกผม ผมหันหน้าไปมองต้อมแต่เห็นมันยิ้มหน้าบานให้ผมเลย ผมเลยรีบเข้าห้องน้ำไปสำรวจตัวเองทันที มันเอาอีกแล้วมันทำรอยฝากไว้ที่คอผมอีกแล้วครับ ผมเลยเดินออกมาเขกหัวมันไปทีนึงครับ มันยังหัวเราะชอบใจอีกแหนะ
   “เออ พวกชั้นว่าจะไปเที่ยวเขาดินกันหน่อยวะ อยู่ๆมันก็อยากไปขึ้นมา” ไอ้แนทบอกแผนการในวันนี้
   “จะไปสวีทกับวินนะสิแก อย่ามาอ้างว่าอยากไปเลย” ผมหันไปยิ้มล้อเลียนแนทกับวิน มันอายหน้าแดงเลย
   ตกลงเราก็เที่ยวกันยกเว้นไอ้ตี๋มันบอกว่าจะแวะไปหาแฟนหน่อย วันนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อยสุดเพราะติดกระดุมยันคอเสื้อเลยครับ ปิดร่องรอยของต้อมไว้หน่อย ตอนไปแจ็คมันวิ่งมาขึ้นรถผมกับต้อมผมไล่มันมันก็บอกว่าน้องจะนั่งไปกับพี่ไม่ได้หรออีก ต้องยอมมันสิครับแบบนี้ โชคดีหน่อยที่หนุ่ยเข้ามาช่วยหนุ่ยเลยขับรถให้แล้วให้แจ็คนั่งหน้าคู่กับมัน ผมนั่งหลังกับต้อมปรากฏว่ารถนี้ทั้งคันคู่กรณีผมหมดเลยว่างั้น
   พอมาถึงเขาดินแนทกับวินดูจะสนุกมากกว่าใครเลย ผมนะหรอจะว่ายังไงดีละครับสงสารต้อมมากกว่าดูจะเหนื่อยกว่าปกติต้องกันแจ็คตลอดเวลา บางทีมันก็กันหนุ่ยด้วยเหมือนกันผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันก็ยังไม่ค่อยไว้ใจหนุ่ยเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่ 16]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 15:00:59
ตอนที่13
ปิดเทอมคราวนี้ผมไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์เพราะอยากพักผ่อนบ้าง อีกอย่างผมก็ลงจนเหลือแค่ไม่กี่วิชาแล้วด้วยแล้วผมอยากกลับไปอยู่บ้านนานๆด้วยเพราะไม่ได้กลับบ้านเลย ช่วงก่อนเรียนซัมเมอร์ต้อมมาอยู่กับผมที่บ้านต่างจังหวัดแต่พอซัมเมอร์แล้วต้อมกลับไปเรียนคนเดียว ทีแรกต้อมจะไม่ลงเรียนแล้วแต่ผมไม่ยอมเพราะอยากให้ต้อมเรียนไม่เครียดช่วงการเรียนปกติ วิชาเรียนจะได้น้อยลงต้องบังคับกันตั้งนานกว่าจะยอมเรียน
   “พี่นัทคราบบบ ผมถึงบ้านแล้วนะครับ” ต้อมโทรมาบอกเมื่อถึงบ้านที่กรุงเทพ
   “ผมคิดถึงพี่นัทจังเลยตอนขับรถมา ไม่พี่นัทนั่งมาด้วยเหงามากเลย” มาถึงก็อ้อนเลยนะแฟนผม
   “เวอร์แหละเรานะ เพิ่งห่างกันแค่ 2 ชั่วโมงเอง ทำอย่างกับเป็นปี”
   “โหย ก็ผมคิดถึงพี่นัทจริงๆนี่ครับ พี่นัทคิดถึงผมไหมคราบบบ” มันยังอ้อนไม่เลิกอีก
   “คิดถึงสิ คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย” ผมหยอดคำหวานกลับไปบ้าง
   “ชื่นใจแหละทีนี้ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเข้าบ้านก่อน” แล้วต้อมก็วางสายไป
   ผมคุยกับต้อมเกือบตลอดเวลาที่ต้อมว่างจากเรียนและก่อนเข้านอน ผมคิดว่าแม่ผมคงจะผิดสังเกตที่ว่าพี่น้องกันทำไมคุยกันตลอดเวลา และบางครั้งผมก็เผลอพูดหวานๆกับต้อมต่อหน้าแม่หลายครั้งจนแม่เข้ามาหาผมในห้องตอนที่ผมกำลังคุยกับต้อมอยู่ แม่เข้ามาถามว่าตกลงผมกับต้อมคบกันแบบไหนกันแน่ผมก็บอกไปว่าแบบพี่น้อง แต่เหมือนแม่ไม่เชื่อแม่บอกว่าอยากให้พูดความจริงกับแม่ แม่รับได้ทุกอย่างยังไงผมก็เป็นลูกแม่เพียงแต่ไม่อยากให้ผมปิดบังอะไรกับที่บ้านเท่านั้นเอง ผมเลยต้องบอกว่าเราคบกันอยู่จะสองปีแล้ว แม่ยังบอกว่าคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้เพราะเห็นต้อมมากับผมตลอดเวลา
   แม่บอกว่าไม่คิดจะว่าอะไรแต่แรกอยู่แล้วเพราะมันเรื่องส่วนตัวของผม แค่ผมเรียนจบมีงานทำทำให้พ่อแม่สบายใจแค่นั้นก็พอแล้วแม่ยังบอกอีกว่าจริงๆคนที่ให้มาถามคือพ่อต่างหาก แม่บอกพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่บ่นว่าคงไม่มีหลานให้อุ้มแล้วมั้ง ปกติที่บ้านผมจะเลี้ยงมาแบบให้เป็นตัวของตัวเองแต่ไม่กร้าวร้าวผู้ใหญ่ ถ้าสิ่งที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใครก็ไม่เคยจะว่ากันเลยเพียงแต่ขอให้คุยกันเท่านั้นเอง แล้วแม่ยังขอคุยกับต้อมอีกด้วย
   ผมถามแม่ว่าคุยอะไรกับต้อมบ้าง แม่ก็บอกว่าถามมันว่าคิดกับผมยังไงแม่ต้องการรู้ความจริง มันบอกแม่ว่ามันรักผมมากแล้วมันยังบอกอีกว่าถ้าแม่ผมห้ามผมคบกับมันมันจะแอบพาผมหนีพ่อกับแม่ผมไปอีกต่างหาก มันคิดได้ยังไงเนี่ยแม่ผมยังขำเลยตอนที่เล่าให้ฟัง แต่พอได้บอกที่บ้านไปแล้วผมก็สบายใจขึ้นเพราะไม่ได้ปกปิดใครอีกแล้ว พ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไรทำตัวเหมือนเดิม แถมยังบอกว่าคงต้องไปขอลูกพี่ชายผมมาให้เป็นลูกผมแทนแล้วมั้งเพราะผมคงไม่มีลูก คิดไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้ที่บ้านผม
   “ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่เช้า
   “สาหวัดดดีคราบ” ผมงัวเงียพูดสาย
   “พี่นัทเกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่” เสียงหนุ่ยตื่นเต้นมาก จนผมต้องรีบตั้งสติทันที
   “ว่าไง เกิดอะไรขึ้นหรือไง เสียงตื่นเต้นเชียว” ผมรีบถามกับ
   “ไอ้ต้อมพี่ ไอ้ต้อมมัน...” แล้วหนุ่ยก็เงียบไปแต่ใจผมเต้นไปหมดแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับต้อมกันแน่
   “ต้อมมันขับรถชนพี่ ตอนนี้ยังอยู่ ICU อยู่เลย” หนุ่ยพูดต่อ แต่ใจผมตอนนี้มันเหมือนหายไปเลยครับ มันร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเป็นห่วงต้อมมาก
   “มันเกิดขึ้นได้ไง แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่จะรีบไป”
   ผมถามรายละเอียดเรื่องโรงพยาบาลเสร็จก็เก็บของอย่างรวดเร็ว แล้วบอกที่บ้านว่าต้อมเกิดอุบัติเหตุจะรีบกลับไปดู ทีแรกที่บ้านผมจะขับรถมาส่งแต่ผมขอมารถทัวร์เองดีกว่าไม่อยากให้ที่บ้านลำบาก แล้วทำไมต้อมถึงขับรถชนได้นะเพราะปกติต้อมจะเป็นคนที่ขับรถไม่เร็วมาก พอผมถามถึงเรื่องนี้หนุ่ยก็บอกว่าถึงแล้วค่อยเล่าให้ฟังยิ่งทำให้ผมคิดมากไปอีก ห่วงต้อมมากว่ามันจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าตอนนี้ใจผมมันไปถึงโรงพยาบาลแล้ว
   “หนุ่ยต้อมเป็นยังไงบ้าง” ผมถามหนุ่ยที่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้วตอนนี้ แล้วหันไปไหว้พ่อกับแม่ต้อมที่นั่งอยู่แถวนั้นด้วย เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาทุกคนมีสีหน้าที่เครียดกันทุกคนเลย
   ก่อนที่ผมจะถามว่าหนุ่ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่กับพ่อหนุ่ยก็เรียกผมให้ไปคุยด้วย หนุ่ยกับไอ้ตี๋ไอ้แนททำหน้ากังวลมากขึ้นไปอีก มันมีเรื่องอะไรกันแน่นะ
   “นัทแม่กับพ่อรู้แล้วนะว่าเรากับต้อมคบกันแบบไหนอยู่” แม่ต้อมหันมาคุยกับผมเมื่อเราเดินหลบมุมออกมาแล้ว
   “แม่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่ไม่อยากให้เราคบกันแบบนี้เลยนะ” พอผมได้ยินใจผมมันเต้นแรงมากแสดงว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นต้องเป็นเพราะผมแน่ๆ
   “แต่แม่ครับเราจริงใจต่อกันนะครับ” ผมยืนยันความจริงใจของผม
   “ต้อมก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่แม่ว่าเราอย่ามายุ่งกับลูกแม่อีกได้ไหม” ตอนนี้ผมเหมือนโดนคนเอามีดมาแทงที่หัวใจผมทันทีเลยครับ มันรู้สึกว่ามันแปล๊บจากหัวใจวิ่งไปทั่วตัวผมเลย มันชาไปหมดทั้งตัว
   “แต่แม่ครับ ผมรักต้อมจริงๆนะครับ เรารักกันด้วยความบริสุทธิใจไม่ใช่แฟชั่นหรือเรื่องอื่นเลยนะครับ” ผมพยายามอธิบาย
   “แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ต้อมเป็นลูกชายแม่แม่ต้องการให้เขาไปในทางที่ถูกที่ควร ถ้านัทรักลูกของแม่จริงนัทก็เชื่อแม่เถอะนะ นัทอย่ามายุ่งกับต้อมอีกเลยถือว่าแม่ขอแล้วกันนะ”
“พอต้อมหายดีแล้วแม่จะส่งเขาไปอยู่เมืองนอกกับป้าเขาทันที” แล้วแม่กับพ่อต้อมก็เดินออกมาปล่อยผมไว้คนเดียว
   ตอนนี้ผมรู้สึกไม่มีเรียวแรงอีกต่อไปแล้วครับ ที่อยู่ๆผมต้องมาเสียคนที่ผมรักที่สุดไปทั้งๆที่เขายังนอนเจ็บไม่ได้สติอยู่แบบนี้ ผมทรุดนั่งลงตรงนั้นแบบนั้นเลย เพราะผมไม่ต้องสนใจใครอีกต่อไปแล้วผมโดนกีดกันจากความรักที่ผมมีให้อย่างมากเหลือล้น ใจมันจะระเบิดออกมาให้ได้แต่ว่าทำไมน้ำตามันไม่ไหลออกมา ทุกอย่างมันอัดอั้นไปหมดสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำยังไงดี
   พวกไอ้ตี๋วิ่งเข้ามาหาตอนไหนผมไม่รู้เลย แต่พอมันเห็นสภาพผมมันก็วิ่งเข้ามากอดผมไว้ตอนนั้นแหละครับไม่รู้น้ำตามันไหลมาจากไหน มันไหลออกมาจนผมไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองได้อีกต่อไป มันเป็นความอัดอั้นทั้งหมดที่ผมมีกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมร้องไห้จนตัวผมสั่นเทาไปหมดเหมือนว่าน้ำตามันพาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัวผมรวมทั้งความสุขที่ผมมีอยู่ด้วย
   “ฮือ... เขาไม่ ไม่ ไม่ให้ เราเจอต้อมอีกแล้ว” ผมพูดทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของไอ้ตี๋ ไอ้แนทก็ยืนร้องไปกับผมด้วย ผมเห็นหนุ่ยวิ่งกลับไปคุยกับพ่อแม่ต้อม
   “ไม่เป็นไรเพื่อน เดี๋ยวมันต้องมีทางออก” ไอ้ตี๋เอามือมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
   แต่ผมก็ยังทนไม่ได้อยู่ดีใจผมมันไม่ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย มันร่ำร้องบอกว่านี่มันใช่ความผิดของพวกเราด้วยหรอที่เราจะรักกัน ความรักไหนใครบอกว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงานไม่ใช่หรอแล้วทีนี้ทำไมถึงไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นมาละ หรือแค่เพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เราก็รักกันไปแล้วแล้วทีนี้จะให้เราทำอย่างไรอีก
   ผมนั่งร้องไห้โดยไม่แคร์สายตาใครอีกแล้วตอนนี้ เพราะมันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อต่อไปนี้ผมก็จะไม่มีต้อมมาอยู่ข้างๆผมอีกแล้ว ใจผมตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นรูโหว่ที่ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมคิดว่าผมไม่มีหัวใจซะยังจะดีกว่า ผมร้องไห้จนไม่มีน้ำตาออกมาแล้วตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทช่วยกันพยุงผมไว้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้วผมบอกแล้วมันชาไปทั้งตัวแหละหัวใจ
   พวกตี๋พาผมกลับมาที่บ้านผมนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะผมยังไม่อยากที่จะพูดกับใครทั้งนั้น ผมอยากอยู่คนเดียวอยากอยู่ให้ไกลผู้คนให้มากที่สุด ไม่อยากเห็นหรือไม่อยากได้ยินเรื่องอะไรอีกต่อไปอีกแล้วก็ใจผมมันมลายไปหมดแล้ว
   “พี่นัท พี่นัท พูดอะไรบ้างสิครับพี่” หนุ่ยเขย่าแขนผมเมื่อพาผมมานั่งโซฟาในบ้าน
   พอผมมองไปรอบๆบ้านน้ำตาผมมันก็ไหลออกมาอีก ผมคิดถึงต้อมมากเลยตอนนี้ผมเห็นภาพต้อมที่นั่งเล่นกับผมในห้องนี้โซฟาตัวนี้ นั่งกินข้าวกันที่โต๊ะกินข้าวกัน เรานอนตักดูหนังด้วยกันหัวเราะด้วยกัน ทะเลาะกันงอนกันในบ้านหลังนี้ แต่ว่าต่อไปจะไม่มีอีกแล้วจะเหลือผมแค่คนเดียว
   หนุ่ยกอดผมไว้แต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตอนนี้ถ้าใครจะเอาผมไปต้มยำทำแกงยังไงผมก็คงไม่ขัดขืนเขาแน่นอน
   “พี่นัท พี่นัทอย่าเป็นแบบนี้สิพี่ ผมทนไม่ได้ที่เห็นพี่เป็นแบบนี้” หนุ่ยเสียงสั่นเครือบ้างแล้ว
   “พี่นัทครับ พี่อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้สิครับพี่ พูดอะไรกับพวกผมบ้าง” หนุ่ยมองหน้าผมแล้วน้ำตาไหลออกมา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดที่จะอยากพูดกับใครหรอกครับ แล้วผมเห็นมันลุกขึ้นไปเอามือชกกำแพงบ้านจนไอ้ตี๋ต้องวิ่งไปห้ามมันไว้
   ผมนั่งอยู่ที่โซฟาแบบนั้นไม่ขยับไปไหนไม่พูดไม่คุยกับใครเหมือนกัน แม้แต่ข้าวน้ำผมก็ยังไม่ได้แตะต้องเลยแม้พวกมันจะพยายามให้ผมพูดหรือกินขนาดไหนก็ตาม ความรู้สึกที่ชาจากหัวใจมันมีแต่เพิ่มมากขึ้นๆไปเรื่อยๆ จนผมไม่รู้สึกตัวไป
   ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนสายๆของอีกวันแล้ว หนุ่ยนั่งหลับโดยที่ยังกุมมือผมไว้ผมสังเกตเห็นแผลที่มือหนุ่ยคงเกิดจากที่มันต่อยกำแพงเมื่อวาน ไอ้ตี๋กับไอ้แนทนอนอยู่ที่กลางบ้าน ผมค่อยๆเอามือออกเพราะกลัวหนุ่ยจะตื่น
   “พี่นัทตื่นแล้วหรอครับ” หนุ่ยตื่นมาจนได้ ผมคิดว่าผมคงต้องตอบอะไรมันบ้างแล้ว เพราะไม่อยากให้ใครมากลุ้มใจกับผมอีกแค่นี้ก็ทำทุกคนแย่พอแล้ว
   “อืม” แต่ผมก็คิดได้แค่นี้จริงๆ ผมคิดว่ามันก็ดีกว่าที่เงียบอย่างเดียว
   “เดี๋ยวพี่นัทกินโจ๊กหน่อยนะครับ ผมซื้อมาเมื่อเช้าเห็นพี่นัทไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” แล้วมันก็ลุกเดินเข้าไปในครัวตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็ตื่นแล้ว
   “กินหน่อยก็ยังดีนะครับ” หนุ่ยส่งชามโจ๊กที่ไปอุ่นมาให้ผม ผมคงต้องกินสักคำสองคำก็ยังดีพวกมันจะได้ไม่ต้องห่วงผมมาก แต่พอผมตักเข้าปากเท่านั้นแหละครับร่างกายมันก็ต่อต้านขึ้นมาทันที จนผมต้องวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำโดยมีพวกเพื่อนๆผมวิ่งตามมาด้วย
   ผมกินได้แต่น้ำแล้วก็ขอพวกมันพักผ่อนขออยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก บ่ายๆหนุ่ยกลับไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต้อม ส่วนไอ้ตี๋กลับบ้านไปเอาของบอกว่าจะมานอนเป็นเพื่อนผมก่อนเพราะน้าผมไม่อยู่ไปเมืองนอกพอดีช่วงนี้ ไอ้แนทยัง อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนเดี๋ยวกลับตอนที่ไอ้ตี๋มา
   วันนี้ทั้งวันผมนอนอยู่บนที่นอนในห้องคนเดียวนอนกอดหมอนที่ต้อมใช้นอน เพื่อให้ได้กลิ่นที่อบอุ่นและคุ้นเคยของต้อมเพียงเท่านี้ก็พอทำให้ผมมีพลังขึ้นมาบ้าง แม้มันจะดูเป็นการหลอกตัวเองก็ตาม จนตอนเย็นหนุ่ยเข้ามาหาที่ห้องเล่าเรื่องต้อมให้ฟังว่าผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ฟื้นเลย เพ้อเรียกชื่อผมตลอดเวลาเลยผมได้ตรงนี้น้ำตามันก็ไม่รู้มาจากไหนอีกแล้วไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ผมไม่อยากให้ต้อมต้องมาเจ็บปวดแบบผมเลยสำหรับผมเจ็บกายมันยังจะดีซะกว่าที่เจ็บภายในใจแบบนี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 15:05:51
ตอนที่14
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ต้อมยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยหลังจากผ่าตัดเสร็จ ผมก็ยังเหมือนเดิมยังซึมเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พยายามช่วยตัวเองให้ได้เยอะขึ้นเพราะผมไม่อยากให้เพื่อนผมต้องมาทุกข์เพราะผมอีกแล้ว เรื่องของต้อมตอนนี้ก็ได้หนุ่ยคอยมาเล่าให้ผมฟังทุกวันคงมีเรื่องนี้อีกเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมอยากรู้ตอนนี้
   “พี่นัทไอ้ต้อมมันฟื้นแล้วนะ” หนุ่ยโทรมาบอก
   “แล้วต้อมเป็นยังไงบ้าง” ผมรีบถามทันที
   “มันแย่มากเลยพี่ มันเรียกหาพี่คนเดียวเลยตอนนี้ มันไม่ยอมให้ใครทำอะไรให้มันทั้งนั่นเลยพี่” เสียงหนุ่ยเป็นกังวลมาก
   “แล้วจะให้พี่ทำยังไงละหนุ่ยในเมื่อพ่อแม่เขาก็ไม่ให้พี่เข้าไปอยู่แล้ว พี่อยากเห็นหน้าต้อมมากแค่ไหนหนุ่ยเข้าใจพี่ใช่ไหม” ผมน้ำตาไหลออกมามันกลั้นไว้ไม่ได้จริงๆ
   “พี่ฝากเราดูต้อมแทนพี่ด้วยนะ” แล้วผมก็วางสายไป ผมยังนั่งร้องไห้ต่อเพราะคิดถึงต้อมที่เรียกหาผมอยู่ที่โรงพยาบาล
   นี่ก็สามวันแล้วที่ต้อมฟื้นขึ้นมาแต่หนุ่ยบอกว่าต้อมยังไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะเจอผม และไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ด้วยแม้แต่หนุ่ยเองก็ตาม ทำให้กลัวว่าต้อมจะอาการทรุดลงไปอีกแต่ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ที่บ้านเท่านั้นเอง ทำไมมันทรมานมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ ผมเลยคิดที่จะกลับบ้านอย่างน้อยพ่อกับแม่ก็มีความอบอุ่นที่บริสุทธิ์ให้กับผมเช่นกัน
   “พี่นัท พี่รีบมากับผมเร็วเราต้องรีบไปโรงพยาบาล” หนุ่ยวิ่งมาดึงแขนผมขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน แล้ววิ่งดึงผมไปที่รถที่จอดอยู่
   “เกิดอะไรขึ้น แล้วให้พี่ไปโรงพยาบาลทำไม มีเรื่องอะไรกันแน่” ผมถามเห็นหนุ่ยยังทำหน้าเครียดขับรถเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
   “หนุ่ย บอกพี่มาเกิดอะไรขึ้น” ผมถามอีกครั้ง
   “ไอ้ต้อมพี่ ไอ้ต้อมมันอาการทรุดลงกะทันหัน” หนุ่ยเสียงเป็นกังวลมาก
   “แล้วเรามาตามพี่ทำไม ในเมื่อพ่อกับแม่เขา” ผมไม่อยากพูดประโยคต่อไปออกมา
   “พ่อกับแม่มันนั่นแหละให้ผมมาตามพี่” หนุ่ยบอกแค่นี้แล้วเร่งรถขึ้นเร็วมาก
   เรามาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาด้วยเหมือนกัน
   “นัทช่วยบอกต้อมให้ยอมรับการรักษาหน่อยนะลูก” แม่ต้อมวิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่เห็น
   “แม่ยอมเข้าใจแล้วขอแค่นัทช่วยพูดให้ต้อมรับการรักษาเท่านั้น ขอแค่ต้อมไม่เป็นไรก็พอแล้วทีนี้แม่จะไม่ว่าอะไรเขาอีกแล้ว” แม่ต้อมร้องไห้ออกมาคราวนี้ ท่าทางต้อมคงแย่มากแล้วแน่ๆผมละร้อนใจจริงๆตอนนี้
   “ครับแม่ ผมไม่ยอมให้ต้อมเป็นอะไรเหมือนกันครับ” ผมหันมาบอกแล้วรีบเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดเพราะผมต้องเข้าไปในห้องผ่าตัด
   พอผมเดินเข้ามาข้างในเห็นต้อมนอนหลับตาอยู่ที่เตียงผ่าตัด ต้อมมีผ้าพันแผลไว้รอบหัว หน้าดูซูบลงไปมากตามตัวก็มีบาดแผลแขนซ้ายเข้าเฝือกเอาไว้ แล้วเพ้อเรียกชื่อผมอยู่ตลอดทำไงดีน้ำตาผมจะไหลออกมาอีกแล้วแต่ไม่ได้สิผมต้องกลั้นเอาไว้ไม่งั้นต้อมจะกังวลเมื่อเห็นผมร้องไห้ ผมต้องยิ้มเมื่อเข้าไปหาต้อมเมื่อผมตัดสินใจได้แล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาต้อม
   เมื่อผมมาถึงเตียงผมจับมือต้อมไว้อย่างแผ่วเบา
   “ต้อมพี่มาแล้วนะ พี่มาหาเราแล้ว” ผมพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้
   “พี่นัทมาแล้วหรอครับ พี่นัทกลับมาหาผมแล้ว” ต้อมลืมตาขึ้นมาพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบามาก
   “พี่นัทอย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ ผมจะไม่ยอมเลิกกับพี่นัทแน่นอน” ต้อมน้ำตาไหลออกมา
   “พี่จะไม่ยอมทิ้งเราไปไหนอีกแล้วคราวนี้ พี่สัญญา” ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วตอนนี้
   “พี่นัทอย่าร้องไห้สิครับ” ต้อมเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม ผมต้องกลั้นเอาไว้
   “พี่ไม่ร้องแล้ว แต่เราต้องยอมรับการรักษานะ เราต้องเชื่อพี่นะ” ผมเช็ดน้ำตาให้ต้อม
   “พี่จะอยู่รอเราที่นี่จนกว่าเราจะฟื้นอีกครั้ง ครั้งนี้พี่ไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันอีกแล้ว” ผมบอกกับต้อมแล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของต้อม
   “พี่สัญญาแล้วนะ” ต้อมยิ้มที่มุมปาก แล้วผมก็ออกมาพยาบาลก็เอาเอกสารมาให้ผมเอาไปให้ต้อมเซ็นต์ เพื่อจะได้เริ่มการผ่าตัดทันที
   ระหว่างนั่งรอการผ่าตัดผมถามหนุ่ยว่าทำไมอยู่ต้อมถึงทรุดลงมากขนาดนี้ หนุ่ยบอกว่าเพราะมันเครียดมากเรื่องผมแล้วสมองมันกระทบกระเทือนตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ แล้วตั้งแต่ต้อมฟื้นมาก็ไม่ยอมรับการรักษาอะไรเลยทำให้อาการทางสมองมันทรุดลงอย่างรวดเร็ว

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 21:19:51
โหว
ค่อยๆลงก็ได้ครับ
วันละตอนสองตอน

แต่ยังไงก็
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-05-2010 21:34:52
ตอนที่15
ต้อมได้รับการผ่าตัดทันพอดีหมอบอกว่าถ้าฟื้นคราวนี้อย่าให้เครียดอีกเพราะอาจกลับมาทรุดอีกครั้ง คราวนี้ผมเฝ้าต้อมตลอดพ่อแม่ต้อมก็ไม่ว่าอีกแล้ว นี่ก็วันที่สามแล้วต้อมยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยหนุ่ยไอ้ตี๋ไอ้แนทก็เวียนกันมาช่วยผมเฝ้าทุกวัน
   “หิวน้ำ ขอน้ำกินหน่อยครับ” เสียงต้อมดังขึ้นมา ผมรีบเอาน้ำให้ต้อมกินแล้วกดสัญญาณเรียกพยาบาลเข้ามาดู
   ระหว่างที่พยาบาลกำลังตรวจอาการหลังฟื้นของต้อมนั้นพวกเพื่อนผมก็มาถึงรวมทั้งหนุ่ยด้วย
   “หลับไปหลายวันเลยนะเพื่อน ฝันถึงกูบ้างไหมวะ” หนุ่ยทักต้อมหลังพยาบาลออกไปแล้ว
   “ไม่ได้ฝันถึงมึงเลยวะ กูฝันถึงใครก็ไม่รู้” แล้วต้อมก็หันมามองพวกผม มันทักไอ้ตี๋ไอ้แนท แล้วก็เงียบไป ผมว่ามันต้องคิดจะแกล้งจำผมไม่ได้แน่ๆเลย
   “อ่าวแล้วอีกคนจะเก็บไว้ทักคนเดียวหรือไง” หนุ่ยแซว ต้อมทำหน้างงแล้วหันมามองหน้าผม
   “กูรู้จักพี่เขาด้วยหรอ ทำไมกูจำไม่ได้วะ” ต้อมหันไปคุยกับหนุ่ย หนุ่ยเริ่มทำหน้าเครียดแล้ว
   “พี่นัทไง อย่าบอกนะว่ามึงจะพี่เขาไม่ได้” ต้อมมันก็พยักหน้า
   ตอนนี้ผมเหมือนโดนแทงรอบสองเลยครับคนที่บอกว่าตื่นมาจะไม่ยอมจากเราไปไหนกลับลืมเราแล้วซะงั้น ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของจันดีในหนังเรื่อง F4 เกาหลีก็ตอนนี้แหละครับว่ามันรู้สึกยังไง ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงข้างเตียงต้อมถึงผมจะเสียใจที่ต้อมลืมผมแต่ไม่เป็นไรต้อมยังอยู่ดีกว่าที่ต้อมตายจากผมไป พอผมคิดแบบนี้น้ำตามันก็ไหลออกมาอีกแล้วช่วงนี้ทำไมผมมันขี้แงจริงๆ
   “พี่อย่าร้องไห้สิครับ ผมเห็นพี่ร้องไห้แล้วใจผมไม่ดีเอาเสียเลย” ต้อมหันเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผม แต่นั้นกลับทำให้ผมร้องไห้มากขึ้นไปอีก
   “พี่อย่าร้องไห้นะครับ ผมทำให้พี่เสียใจหรอครับ ผมขอโทษนะ” ต้อมยังมาปลอบผมอีก ผมเลยลุกเข้าไปห้องน้ำเพราะผมไม่อยากให้ต้อมมาเครียดอีก
   ผมกลับมาหลังจากที่ทำใจสักพักหนุ่ยไปตามหมอมาดูอาการต้อมแล้ว หมอบอกว่าจะจำได้ไม่ได้อีกครั้งอยู่ที่ตัวต้อมเองต้องใช้เวลา อะไรกันเนี่ยชีวิตกูไม่ใช่นางเอกF4นะโว้ย ทำไมมันเหมือนกันจังแต่ไม่เป็นไรทีตอนดูหนังเรายังเชียร์ให้นางเองสู้ๆอยู่เลย เราก็ต้องไม่ยอมแพ้บ้างสิผมคิดนะ
   “พี่กลับมาแล้วหรอครับ พี่อย่าร้องไห้อีกนะครับ” ต้อมหันมายิ้มให้ผม
   “อืม พี่สัญญา” ต้อมยังยิ้มให้ผมอยู่เลย นี่แหละที่ผมอยากเห็นรอยยิ้มของต้อมถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่แบบเดิมก็ตามแต่
   ผมคอยดูแลต้อมจนเย็นแม่ต้อมก็มาเฝ้าแทน ผมก็เลยกลับมานอนบ้านเพราะแม่เขาก็คงอยากดูแลและคุยกับลูกเขาส่วนตัวบ้าง
   “ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์ของผม เป็นเบอร์ของแม่ต้อม
   “สวัสดีครับ” ผมรีบรับทันทีกลัวว่าต้อมจะเป็นอำรอีก
   “นัทคุยกับต้อมหน่อยสิลูก เขาบอกว่าจะไม่นอนจนกว่าจะได้คุยกับพี่ที่มาดูแลเขาเมื่อกลางวัน แม่เลยคิดว่าต้องเป็นนัทแม่เลยโทรมา” แล้วแม่ก็ส่งโทรศัพท์ให้ต้อม
   “ว่าไงครับ ได้ข่าวว่าไม่ยอมนอนหรอไง”
   “มันนอนไม่หลับนี่ครับ มันอยากคุยกับพี่ก่อนนี่นา พรุ่งนี้พี่จะมาหาผมไหมครับ” ต้อมอ้อนเหมือนเด็กๆอีกแล้ว
   “ไปสิครับแต่ว่า เราต้องนอนเร็วๆนะเพราะพี่จะไปหาแต่เช้า จะได้เจอกันแต่เช้าเลยไง” ผมบอกไป
   “ครับ วันนี้ผมขอโทษนะครับที่ทำพี่ร้องไห้ ต่อไปผมจะไม่ลืมพี่อีกแล้วนะครับ” ต้อมทำเสียงเศร้า
   “งั้นนอนได้แล้วนะ ฝันดีนะครับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเมื่อได้ยินแบบนี้ ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเพราะอย่างน้อยต้อมก็ไม่ได้ลืมความรู้สึกที่ผมเคยมีให้แก่ต้อม
   เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าไปซื้อขนมที่ต้อมชอบมาเยอะแยะไปหมด พอผมมาถึงห้องต้อมก็นั่งรออยู่บนเตียงอยู่แล้วพอหันมาเห็นผมก็ยิ้มหน้าบานเชียว พอแม่ต้อมเห็นผมเข้ามาก็ลุกแล้วทำท่าทางบอกให้ดูแลต้อมด้วยแกจะกลับก่อน ผมก็ยกมือไหว้แกแล้วก็ออกไป
   “พี่นัทผมจำพี่ไม่ได้แต่ทำไมเวลาที่พี่ไม่อยู่แล้วผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย” ต้อมหันมามองหน้าผมที่เดินไปหาที่เตียงพอดี
   “พี่เป็นคนสำคัญของผมใช่ไหมครับ” ต้อมทำหน้าสงสัย
   “พี่สำคัญกับเราหรือเปล่าไม่รู้นะตอนนี้ แต่ว่าเรานะสำคัญกับพี่มากๆเลยเรารู้ตัวไหม” ผมเอามือไปจับหน้าต้อม ต้อมหน้าแดงขึ้นมาทันทีตอนนี้
   ผมดูแลต้อมทุกอย่างแม้กระทั่งเช็ดตัว ต้อมดูดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับตอนที่ก่อนผ่าตัด ต้อมดูจะนิสัยขี้อ้อนมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่กับผมแต่ก็ยังจำเรื่องเก่าๆของเราสองคนไม่ค่อยได้ แต่ความรู้สึกในใจของเราเท่านั้นที่ยังคงจะจำกันได้และคงจะไม่มีวันลืม
   ผ่านมาสองเดือนแล้วตั้งแต่ต้อมฟื้นมาแล้วลืมเรื่องของผม แต่ต้อมก็ไม่เคยห่างตัวผมเหมือนเดิมแต่คราวนี้ผมคิดว่ามันเหมือนกับเด็กที่หวงของมากกว่า เพราะผมกับต้อมตอนนี้ก็แค่ไปไหนด้วยกันโทรหากันนั่งซุ้มด้วยกันเท่านั้นเอง แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้วผมได้ดูแลคนที่ผมรักทำทุกอย่างให้เขาก็พอแล้ว ต้อมก็จะคอยตามผมตลอดเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหนอีกทั้งที่มันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากทำแบบนี้ เวลาที่แจ็คเข้ามาหาหรือเกาะแกะกับผมต้อมก็จะทำหน้าไม่พอใจและงอนผมเสมอเลย นี่ก็คงเป็นจิตใต้สำนึกสินะครับ
ตอนนี้หนุ่ยจะเป็นคนที่คอยดูแลผมมากขึ้นเหมือนกัน หนุ่ยเป็นคนคอยรับส่งผมตอนนี้และคอยดูแลผมในเรื่องอื่นแทน เพราะผมมัวแต่ยุ่งกับต้อมมากกว่าผมอยากดูแลต้อมให้ดีกว่านี้ เพราะตอนต้อมเจ็บครั้งแรกผมไม่ได้ดูเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้ผมก็เห็นใจหนุ่ยเหมือนกันนะครับเพราะหนุ่ยต้องมาเหนื่อยเพราะผม
“หนุ่ยไม่ต้องมารับพี่ก็ได้นะตอนเช้านะ เดี๋ยวพี่ไปเองได้” ผมบอกหนุ่ยตอนกำลังนั่งรถมามหา’ลัย
“ทำไมพี่พูดแบบนั้นละครับ ผมเต็มใจทำให้เอง”
“พี่เกรงใจเราไง อีกอย่างพี่เห็นเราเหนื่อยเรื่องพี่มาเยอะแล้ว” ผมบอกตามที่ผมคิด
“ผมบอกแล้วไงผมเต็มใจ ถ้าเป็นเรื่องของพี่ผมเต็มใจครับ ผมไม่เหนื่อยด้วย” หนุ่ยหันมายิ้มให้ผม
ผมละเห็นใจหนุ่ยจริงๆเพราะผมรู้ว่าที่หนุ่ยดีกับผมเพราะเขายังรู้สึกยังไง ผมอยากให้มันตัดใจจากผมเสียทีเพราะผมคงจะทิ้งต้อมไม่ได้ ถึงแม้ต้อมจะเป็นยังไงก็ตามผมก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงความรักของผมหรอกครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของการที่เรารอให้คนที่เรารักรักเราตอบกลับมา มันค่อนข้างที่จะทรมานเหมือนกันผมไม่อยากให้หนุ่ยตกอยู่ในสภาพแบบนี้
แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะหาทางออกเรื่องนี้เพราะผมยังต้องดูแลต้อมอีก ถึงต้อมจะเหมือนเดิมทุกอย่างแค่จำเรื่องของผมไม่ได้แต่ถ้ามันไม่เจอผมมันหงุดหงิดและปวดหัวขึ้นมาทันที หรือผมจะลองบอกรักต้อมแล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า ผมคิดในใจแต่ผมคงต้องหาคนปรึกษาบ้างแล้ว
ผมคุยกับไอ้ตี๋กับไอ้แนทเรื่องนี้มันก็บอกว่าน่าจะลองดู เพื่อจะทำให้ต้อมจำไรขึ้นมาได้ถ้าไม่ได้ก็คบกันใหม่เพราะท่าทางต้อมมันก็ยังเหมือนจะรักผมอยู่ พวกมันบอกแต่ผมคิดว่าคนที่ผมจะต้องบอกเรื่องนี้อีกคนคือหนุ่ย มันควรที่จะรู้ว่าผมจะเริ่มต้นใหม่กับต้อมเหมือนกัน ผมตัดสินใจแล้วว่าเย็นนี้จะบอกหนุ่ยเรื่องนี้
หนุ่ยมาส่งผมที่บ้านตอนเย็นผมเลยบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมบอกหนุ่ยให้เข้ามาคุยกันในบ้านก่อน
“หนุ่ยพี่คิดว่าพี่จะลองเริ่มกับต้อมใหม่ หนุ่ยคิดว่ายังไงพี่คิดว่ามันคงจะดีขึ้นนะ” ผมบอก
หนุ่ยก้มหน้านิ่งไปสักพักก่อนเงยหน้ามามองหน้าผม “พี่นัทพี่เริ่มใหม่กับผมไม่ได้หรอครับ แล้วเราก็ช่วยกันดูต้อมด้วยกันไม่ได้หรอครับ” หนุ่ยจริงจังมาก
“หนุ่ยพี่เข้าใจเรานะว่าเราคิดกับพี่ยังไง พี่ก็ไม่เคยไม่ชอบหนุ่ยเลยนะ แต่พี่คงเริ่มใหม่กับใครไม่ได้ตอนนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ตอนที่ต้อมยังเป็นแบบนี้” ผมจับมือหนุ่ยไว้เพื่อปลอบใจ
“แต่เราไม่รู้เลยว่าต้อมจะจำพี่ได้หรือเปล่า ถ้าพี่จะเริ่มใหม่กับมันแล้วมันไม่สนใจพี่อย่างที่เป็น พี่จะเป็นคนที่เจ็บปวดนะครับ” หนุ่ยมองหน้าผมสายตาของหนุ่ยตอนนี้ดูเป็นห่วงและอ่อนโยนต่อผมมาก
“แต่พี่คิดว่าพี่ทำได้นะ พี่จะทำให้ต้อมกลับมาจำพี่ให้ได้” ผมยืนยันความคิดผม
“มันจะเปลี่ยนเป็นผมไม่ได้จริงๆหรอพี่” หนุ่ยถาม
“จะให้พี่บอกกี่ครั้งก็ตามยังไงพี่ก็ยังรั....” หนุ่ยเข้ามาจูบผมก่อนที่จะพูดจบ ผมจะหันหน้าหลบแต่หนุ่ยเอามือมาจับหน้าผมไว้ไม่ให้หันหนี
ถึงจะเป็นการบังคับแต่หนุ่ยก็จูบผมอย่างนิ่มนวลและอ่อนโยนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มๆของหนุ่ยแบบที่ยังมีสติอยู่ ไม่ได้เมาเหมือนคราวที่แล้วผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆที่หนุ่ยมีให้ผมผ่านจากการจูบครั้งนี้ น่าแปลกที่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรกับการจูบครั้งนี้
“แต่พี่สัญญากับผมได้ไหม ถ้าต้อมมันไม่สนใจพี่เหมือนเดิม พี่จะยอมรับผมบ้างได้ไหมครับ” หนุ่ยพูดทั้งที่หน้าเรายังอยู่ใกล้กัน
ผมยังไม่ทันตอบอะไรหนุ่ยก็ลุกออกไปแล้ว ทำไมเมื่อกี้ผมไม่ขัดขืนหนุ่ยไปนะนี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หรือผมคิดว่าหนุ่ยจะแทนต้อมได้ ผมทำแบบนี้ยิ่งทำให้หนุ่ยตัดใจจากผมไม่ได้สักทีทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้ แค่ตอนนี้ต้อมไม่สบายจำผมไม่ได้ผมกลับจะไปมีใจให้คนอื่นอีกหรอนี่ ผมรู้สึกโกรธตัวเองมากๆเวลานี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 01-05-2010 23:47:03
  เอ่อทำไมไม่ต่อที่หัวข้อเดิมครับงง  ยังไม่ได้อ่านมาเม้นก่อน เด๋วค่อยอ่าน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-05-2010 00:04:09
ตอนที่16
ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะยังโกรธตัวเองเรื่องหนุ่ยอยู่ จนเช้าผมมาที่ซุ้มผมเห็นต้อมมานั่งรออยู่แล้ว ปกติช่วงนี้ต้อมจะมารอผมแทบทุกวัน ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมเขาต้องมารอผมทุกเช้าทั้งๆที่เขาบอกว่าจำผมไม่ได้ ผมคิดแต่ว่าคงเป็นส่วนลึกในใจของเขาที่ยังจำผมได้
“พี่นัทเป็นอะไรครับหน้าตาดูไม่ค่อยสบายเลย” ต้อมถามแล้วเดินเอามือมาจับหน้าผากผม
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา พี่เป็นอะไรหรือเปล่านี่” ต้อมยังถามต่อ
“พี่ไม่เป็นไรหรอกแค่นอนไม่ค่อยหลับเมื่อคืน”
แล้วผมก็เหมือนไม่ค่อยสบายจริงๆในตอนบ่าย คงเพราะผมคิดมากกับนอนไม่พอแน่ๆจนตอนเย็นมันเหมือนเป็นหนักมากขึ้น ผมรู้สึกปวดหัวมากจนไม่ค่อยมีแรงพวกไอ้ตี๋กับๆไอ้แนทเลยพาผมมาส่งที่บ้าน ทีแรกมันจะอยู่เป็นเพื่อนผมแต่ผมให้มันกลับบ้านกันไปเพราะยังไงก็ถึงบ้านแล้ว กินยาเดี๋ยวก็คงหายเองตอนเช้าพวกมันหาข้าวกับยาให้ผมกิน ผมกินยาสักพักก็หลับไป
ผมรู้สึกว่ามีอะไรเย็นมาสัมผัสที่หน้าผมก็ลืมตาขึ้นมาดู เห็นต้อมกำลังเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าผมอยู่ ผมรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลยตอนนี้กลับรู้สึกว่าจะมีไข้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“พี่นัทพวกพี่ตี๋ไปไหนละครับ ทำไมปล่อยให้อยู่คนเดียวไข้พี่ขึ้นสูงมากเลยนะ” ต้อมชุบผ้ามาเช็ดหน้าให้ผมอีก
“แล้วเรารู้ได้ไงว่าพี่ไม่สบาย แล้วเข้ามาในบ้านได้ยังไง” ผมสงสัยเหมือนกัน เพราะในเมื่อต้อมจำเรื่องผมไม่ได้ก็ไม่น่าจะจำได้นะว่าผมซ่อนกุญแจบ้านไว้ตรงไหนของหน้าบ้าน
“ก็ผมไม่เจอพี่ตอนเย็นผมโทรหาพี่ก็ไม่รับสาย ผมเลยโทรหาพี่ตี๋เขาบอกว่าพี่ไม่สบาย พากลับมานอนที่บ้านแล้ว”
“แล้วเราเข้ามาหาพี่ได้ยังไงยังไม่บอกเลย” ผมมองหน้าต้อมเพราะผมอยากรู้คำตอบจริงๆ
“ก็กุญแจหน้าบ้านไง” ต้อมตอบแบบไม่สนใจอะไร
“เราจำได้แล้วหรอ เราจำเรื่องพี่ได้แล้วใช่ไหม” ผมแอบดีใจ
“เปล่านี่ครับ แค่พอมาถึงบ้านผมก็คิดว่าต้องหาแถวกระถางต้นไม้ แล้วผมก็เจอกุญแจบ้านก็แค่นั้นเอง” มันยังพูดได้หน้าตาเฉย ตกลงต้อมมันก็ยังจำผมไม่ได้ใช่ไหมนี่
“เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะ ผมว่าไปหาหมอก่อนดีกว่าผมเช็ดตัวตั้งนานไข้ยังไม่ลดลงเลย” ต้อมเอามือมาจับหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ไม่เป็นไรหรอกกินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น เรากลับบ้านไปเถอะเดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง”
“ไม่ได้นะพี่ข้าสูงขนาดนี้ แล้วพี่อยู่คนเดียวด้วยไปหาหมอก่อนเถอะ” ต้อมยังยืนยันจะให้ผมไปหาหมอให้ได้ แต่ผมก็ไม่อยากไปนี่ครับ แล้วอีกอย่างถ้าต้อมยังจำผมไม่ได้ก็น่าจะกลับบ้านไปก่อนทางบ้านจะได้ไม่เป็นห่วงมัน
“พี่ไม่ไปหรอกเดี๋ยวก็หายแล้ว” ผมก็ยืนยันว่าไม่ไปเช่นกัน
แต่คราวนี้ต้อมมันไม่ฟังเสียงผมแล้วมันจับผมลุกขึ้น ผมคิดที่จะขัดขืนเพื่อไม่ไปแต่มันกลับไม่มีแรงเอาซะเลยตอนนี้ ผมคงเป็นไข้สูงจริงๆ พอมันจะให้ผมลุกเดินลงไปข้างล่างขาผมมันก็หมดแรงเอาซะงั้น ต้อมเลยจับผมขี่คอลงมาจากห้องนอนไปที่รถของมันที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนี้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนว่าผมได้อยู่กับต้อมคนเดิม คนที่รักผมแต่ต้อมก็ยังบอกว่าจำเรื่องของผมไม่ได้มันทำให้ผมสับสนมากเข้าไปอีก
ต้อมพาผมมาโรงพยาบาลแถวบ้านที่ผมเข้าประจำ พยาบาลพาผมเข้าห้องฉุกเฉินผมเห็นหน้าต้อมดูเป็นห่วงผมมากเลยตอนนี้ พยาบาลมาวัดไข้เสร็จก็ฉีดยาลดไข้กับให้น้ำเกลือผมทันที จนหมอเวรเข้ามาตรวจเขาบอกว่าผมเป็นไข้หวัดใหญ่แต่ไม่ใช่2009นะครับ เลยให้นอนโรงพยาบาลดูอาการก่อนคืนนี้ผมก็ตกลง ทีแรกผมจะนอนห้องรวมเพราะจะได้ประหยัดเงินด้วย ผมไม่อยากโทรไปขอที่บ้านอีกอย่างไม่อย่างให้เขาเป็นห่วงด้วย แต่พอต้อมเข้ามาคุยกับหมอเขาก็ย้ายผมไปนอนห้องพิเศษ
“ต้อมทำไรนะ พี่นอนห้องรวมก็ได้จะได้ประหยัดเงินด้วย” ผมหันไปถามต้อมที่เดินมาข้างๆเตียงผมที่มีบุรุษพยาบาลเข็นอยู่
“ไม่ได้หรอกพี่ ผมจะให้พี่ลำบากได้ไง” ต้อมพูดโดยไม่มองหน้าผม
“แต่พี่ไม่อยากขอเงินที่บ้านนะ พี่ไม่อยากบอกพ่อกับแม่” ผมกังวลแล้วตอนนี้
“แล้วใครบอกให้พี่ขอละครับ เดี๋ยวแม่ผมมาจัดการให้เอง ผมโทรบอกที่บ้านแล้ว” ตอนนี้ผมมาถึงห้องพิเศษแล้วอล้วตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคน
“ไม่เอาหรอกพี่เกรงใจที่บ้านเรา แค่เราพาพี่มาส่งก็พอแล้ว เดี๋ยวพี่โทรขอเงินจากที่บ้านเองพรุ่งนี้” ผมเกรงใจที่บ้านต้อมจริงๆ เพราะตอนนี้ผมกับต้อมก็เหมือนแค่พี่น้องที่สนิทกันมากแค่นั้นเอง
“ไม่ได้นะพี่ ถือว่าให้ผมตอบแทนตอนที่พี่ไปเฝ้าผมบ้างแล้วกัน” ผมหันหลังให้ต้อมทันทีทีได้ยินแบบนี้
โหยย ผมได้ยินคำนี้นะมันเหมือนมีอะไรมาอุดอยู่ที่หลอดลมทันที มันเหมือนหายใจไม่ออกแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเองอีกแล้ว(ช่วงนี้ผมจะอ่อนไหวง่ายมาก) แสดงว่าที่ต้อมมันทำดีกับผมก็แค่เพื่อตอบแทนที่ผมเคยไปดูแลมันแค่นั้นเองหรอ หรือว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดเวลา ว่าในใจลึกๆมันต้องยังรักผมอยู่ที่แท้มันก็ทำแค่เพื่อตอบแทนผมแค่นั้นเอง
แสดงว่าต้อมลืมเรื่องของผมหมดแล้วจริงๆหรือนี่ แล้วที่ผมเฝ้ารอมาหลายเดือนนี่เพื่ออะไรกันกลายเป็นว่าผมยังรักต้อมอยู่ฝ่ายเดียวแล้วใช่ไหม แต่จะให้ผมทำยังไงก็ในเมื่อผมสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ห่างต้อมไปไหนอีก ผมจะยังรักษาสัญญานี้ไว้อีกดีไหม ผมยิ่งคิดยิ่งปวดหัวและปวดหัวใจมากๆ
“พี่นัทเป็นอะไร พี่ร้องไห้ทำไมครับ พี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าเดี๋ยวผมเรียกพยาบาลให้ ต้อมคงสังเกตเห็นตัวผมสั่นตอนแอบร้องไห้แน่ถึงเดินเข้ามาดู
“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับบ้านไปเถอะดึกมากแล้ว พี่ก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว ที่บ้านจะเป็นห่วงเอา” ผมไม่อยากอยู่กับต้อมเลยตอนนี้ มันรู้สึกปวดในใจยังไงก็ไม่รู้
ต้อมไม่ยอมกลับบอกว่าจะอยู่เฝ้าผมคืนนี้ ผมเลยบอกว่าถ้าต้อมอยู่ผมก็จะขอกลับไปนอนห้องรวมดีกว่า แล้วผมจะโกรธต้อมที่ไม่ยอมเชื่อผม จนต้อมยอมกลับบ้านก่อนกลับผมเห็นต้อมแอบมองผมด้วยสีหน้ากังวลมาก แต่ก็จำใจต้องกลับเพราะคงกลัวผมโกรธ ผมเองตอนนี้ก็เริ่มท้อกับเรื่องต้อมแล้วตอนนี้ ทำไมเรื่องบ้าบอพวกนี้มันต้องมาเกิดขึ้นกับผมด้วยนะ แต่ผมตัดสินใจแล้วนี่ว่าผมจะทำให้ต้อมกลับมาเหมือนเดิมให้ได้ ผมคิดไปคิดมาจนหลับไป
ตื่นเช้าขึ้นมาผมเห็นต้อมนั่งมองหน้าผมอยู่ที่ข้างเตียงแล้ว ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วตอนนี้ต้อมคอยมาดูแลผม ทั้งๆที่ผมบอกว่าทำเองได้มันก็ไม่ยอม จนหมอเข้ามาดูอาการแล้วก็ให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ แล้วบอกว่าให้หยุดเรียนสักสองสามวันจะได้ไม่เอาไปติดคนอื่นและจะได้พักผ่อนเยอะๆด้วย
ต้อมพาผมกลับบ้านผมให้กลับไปเรียนแต่ต้อมไม่ไปบอกจะอยู่เป็นเพื่อนผม ต้อมนั่งดูผมสักพักก็หลับไปที่ข้างเตียงผม ผมนอนมองหน้าต้อมผมปวดใจมากขึ้นมันเป็นคนที่ผมรักแต่ผมกลับสื่อไปถึงเขาไม่ได้ ทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ผมนอนมองหน้าต้อมจนหลับไปเหมือนกัน
ผมมารู้สึกตัวว่ามีคนมาจับมือผมไว้แล้วมีคนผมสัมผัสหน้าผากผม ผมลืมตาดูแต่คราวนี้เป็นหนุ่ยที่ขึ้นมานั่งบนที่นอนข้างๆผม ผมเลยหันไปมองต้อมผมยังเห็นต้อมหลับอยู่เลย ผมจะหันไปถามว่ามาได้ยังไงไม่ทันที่ผมจะพูดหนุ่ยก็ก้มมาจูบผม ผมตกใจมากเพราะต้อมนอนอยู่ตรงข้างที่นอนไม่ทันที่ผมจะผลักหนุ่ยออกหนุ่ยก็เลิกจูบผม
“ผมเป็นห่วงพี่มากเลยนะรู้ไหมครับ” หนุ่ยมากระซิบข้างหูเหมือนกลับต้อมจะได้ยิน แล้วผมก็สังเกตเห็นต้อมขยับตัวผมเลยดันให้หนุ่ยออกไป แล้วต้อมก็ตื่นจริงๆนี่ผมทำอะไรลงไปอีกแล้วทำไมถึงยอมให้หนุ่ยจูบผมได้ง่ายๆแบบนี้ ผมยังมีต้อมอยู่ในใจแต่ทำไมผมถึงได้ยอมหนุ่ยกันนะ
“ตื่นแล้วหรอวะ ตกลงใครเฝ้าไข้ใครกันแน่วะหลับสบายเชียวนะมึง” หนุ่ยปล่อยมือผมแล้วหันไปถามต้อมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อคืนตื่นเช้าไปหน่อยวะ เลยเผลอหลับไปเลย พี่นัทดีขึ้นหรือยังครับ” ต้อมขึ้นมาบนที่นอนเอามือมาจับหน้าผากผม
“ไข้ลดเยอะแล้วนี่นา อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ก่อนนะจะได้กินยา” ต้อมบอกแล้วจะลุกลงไปข้างล่าง
“กูซื้อมาแล้วอยู่ข้างล่าง ซื้อมาเผื่อมึงด้วยเดี๋ยวกูลงไปเอาให้” หนุ่ยบอกแล้วลุกออกไปบ้าง
“พี่ว่าลงไปกินพร้อมกันที่แหละ พี่ไม่เป็นไรมากแล้วไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้ว” ผมบอกแล้วลุกขึ้นบ้างต้อมเดินมาจับแขนผมไว้ ผมรู้สึกว่าต้อมจะจับแขนผมแน่นมากไม่รู้ทำไม
ตอนกินข้าวหนุ่ยกับต้อมแย่งกันที่จะตักกับข้าวให้ผมจนกับข้างเต็มจานไปหมดแล้ว ผมจะทำยังไงกับเรื่องของหนุ่ยดีถ้าผมปล่อยไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้หนุ่ยเสียใจมากยิ่งขึ้นผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ผมคงต้องคุยกับหนุ่ยให้เข้าใจเพราะถึงยังไงผมก็ตัดใจจากต้อมไม่ได้ ถึงมันจะไม่รักผมตอนนี้แต่ผมจะทำให้มันกลับมารักผมให้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 02-05-2010 00:24:35
ตามมาแล้วครับกับครั้งแรกในบอร์ดนี้ พี่นัทไปไหนก็ตามไปครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 02-05-2010 01:20:47
ตามมาอ่านที่นี้ด้วยคนค่า

ไปบ้านนู้นมาไม่เจอเลยมาที่นี้แทน

รอให้ถึงตอนปัจจุบันอยู่นะค่ะ
อยากให้ถึงไว ๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 02-05-2010 01:24:56
  เอ่อทำไมไม่ต่อที่หัวข้อเดิมครับงง  ยังไม่ได้อ่านมาเม้นก่อน เด๋วค่อยอ่าน


ครับ เห็นด้วย มาเม้นท์ให้ก่อน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-05-2010 01:51:40
ตอนที่17
วันนี้ผมจะต้องคุยกับหนุ่ยให้รู้เรื่องให้ได้ถึงเรื่องระหว่างผมกับหนุ่ย ตอนสายผมโทรบอกให้หนุ่ยไปหาที่หลังตึกคณะผมบอกไปว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมนั่งรอหนุ่ยอยู่ที่หลังคณะผมก็คิดว่าจะคุยกับหนุ่ยยังไง ถ้าผมบอกไปตรงๆว่าให้หนุ่ยตัดใจจากผมไปเลยหนุ่ยมันจะฟังผมหรือเปล่านะ
“พี่นัทมีอะไรจะพูดกับผมหรอครับ แล้วทำไมต้องเรียกผมมาที่นี่ด้วย” หนุ่ยทำหน้าสงสัยก่อนเดินมาหยุดตรงที่ผมนั่งรออยู่
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราส่วนตัวนะสิ เรื่องที่เราทำกับพี่ตอนนี้ไง.. คือ .. พี่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเลย” ผมหันไปมองหน้าหนุ่ย
“พี่ไม่อยากให้เราทำแบบนี้อีกเพราะยังไงพี่ก็ยังรักต้อมอยู่ ถึงแม้ว่าต้อมจะจำพี่ไม่ได้หรือว่าต่อไปจะเป็นยังไงก็ตาม พี่ก็จะยังคงรักต้อมอยู่แบบนี้ตลอดไป หนุ่ยเข้าใจพี่ใช่ไหมถึงยังไงพี่ก็คงไปชอบหนุ่ยไม่ได้แต่พี่ไม่ได้รังเกรียดหนุ่ยนะ” ผมพูดความในใจผมออกไป หนุ่ยทำหน้าขึงขังขึ้นมาเมื่อได้ยินที่ผมพูด
“พี่จะเปลี่ยนมาเป็นผมไม่ได้จริงๆหรอ ไหนๆต้อมมันก็ลืมเรื่องพี่หมดแล้ว แต่ผมไม่เคยลืมพี่ได้เลยนะตลอดสามปีที่ผ่านมาพี่ไม่รู้หรือไงว่าผมต้องทรมานมากขนาดไหน ในเมื่อต้อมเป็นแบบนี้แล้วถึงพี่จะมาเริ่มใหม่กับผมก็คงไม่มีคนว่าพี่หรอกครับ” หนุ่ยจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง
“ถึงยังไงพี่ก็เลิกกับต้อมไม่ได้หรอกต่อให้ต้อมเป็นยังไงพี่ก็ยังจะรักมันคนเดียว ถึงพี่จะทำให้มันกลับมารักพี่ไม่ได้ก็ตาม แล้วพี่ไม่อยากให้หนุ่ยทำอย่างนี้ด้วยต้อมมันก็เพื่อเรานะ” ผมเริ่มเครียดกับท่าทางของหนุ่ยที่ไม่ยอมเข้าใจ
“หนุ่ยตัดใจจากพี่เถอะนะรั้งไว้แบบนี้ก็มีแต่จะทุกข์ใจมากขึ้น ยังไงเราก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่นะอย่าทำให้พี่ต้องตัดสินใจทำตัวให้ห่างจากเราเลยนะ” ผมพยายามอธิบายให้หนุ่ยเข้าใจ
“ผมรู้ว่าพี่ต้องมีใจให้ผมบ้างแล้ว พี่ถึงต้องรีบมาพูดกับผมเรื่องนี้ พี่คงไม่อยากผิดกับต้อมมันใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยนะพี่เพราะมันเป็นคนที่ลืมพี่ก่อน แล้วพี่ก็ทำให้มันมามากพอแล้ว” หนุ่ยยังไม่ยอมที่จะเข้าใจผม หนุ่ยแสดงสายตาที่ขอความเห็นใจผมมาก แต่ผมคงให้ไม่ได้ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกผิดกับต้อมหรอกนะ แต่ผมยังรักต้อมจนหมดหัวใจถึงแม้มันจะเป็นยังไงก็ตาม
“มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ ทุกครั้งที่เราจูบพี่พี่จะรู้สึกโกรธและเกลียดตัวเองทุกครั้งที่พี่ไม่ยอมปฏิเสธเรา พี่อาจเพียงแค่ต้องการความอบอุ่นจากใครบ้างเท่านั้นเอง พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราคิดแบบนั้น พี่ขอโทษจริงๆ” ผมเริ่มที่จะตาแดงๆแล้วแน่ๆ เพราะผมโกรธและเกลียดตัวเองมากที่สุดตอนนี้ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้  ถ้าผมปฏิเสธหนุ่ยตั้งแต่ตอนแรกมันก็คงไม่คิดถึงขั้นนี้แน่ๆ ผมคิดแบบนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาทันทีมันเป็นน้ำตาที่ออกมาจากความเสียใจของผมจริงๆผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้
“ถ้าพี่นัทจะคิดว่าผมแทนต้อมผมก็ยอม เพียงแต่ผมขอให้พี่นัทรักผมบ้างก็พอแล้ว ผมยอมแม้แค่เป็นตัวแทนใครก็ได้แค่ให้พี่นัทรักผมบ้างสักนิดก็ยังดี” นี่เป็นว่าผมทำให้น้องที่แสนดีกับผมอีกคนต้องมาทรมานก็เพราะตัวผมอีกแล้วหรือนี่ ถ้าผมใจแข็งตั้งแต่ตอนแรกที่หนุ่ยกลับมาทำดีกับผมเรื่องคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ทุกอย่างเป็นเพราะความอ่อนแอของตัวผมเอง ผมเป็นคนทำเรื่องให้มันยุ่งยากเอง ทำไมผมเป็นคนโลเลขนาดนี้นะผมเกรียดตัวเองมากเข้าไปอีก
“พี่ว่าหนุ่ยคงไม่ยอมเข้าใจพี่แน่ๆ พี่คิดว่าเราคงห่างกันไว้คงจะดีกว่านะ แล้วเมื่อไหร่ที่เราตัดใจเรื่องพี่ได้เราค่อยกลับมาคุยกันใหม่” ผมเช็ดน้ำตาแล้วลุกที่จะเดินออกไป
หนุ่ยกลับไม่ยอมให้ผมได้เดินออกไปไหน หนุ่ยดึงผมเข้าไปกอดไว้จนแน่นผมพยายามที่จะเอาตัวออกจากอ้อมกอดของหนุ่ย
“พี่นัทอย่าทิ้งผมไปนะครับ ถ้าพี่ไม่ยอมเจอผมแล้วผมจะทำยังไง ผมคงทนไม่ได้แน่ๆ” หนุ่ยร้องไห้ออกมาหน้าซบอยู่ที่หัวไหล่ผม ผมได้ยินแบบนี้ผมก็ไม่ได้พยายามหนีจากอ้อมกอดของหนุ่ยแล้วตอนนี้
“ถ้าเรายังอยากเจอกับพี่เราก็ต้องกลับมาเป็นน้องที่น่ารักของพี่เหมือนเดิม แต่ถ้าเราทำไม่ได้พี่ก็คงจะมีทางเดียวเท่านั้น พี่ไม่อยากผิดกับใครอีกแล้วทั้งต้อมทั้งเรา” ผมบอก
“พี่ไม่ผิดกับใครทั้งนั้นครับ ผมเองต่างหากที่ผิดที่ไม่ยอมตัดใจ แล้วผมก็จะไม่ยอมให้พี่จากผมไปแบบนี้ด้วย” อยู่ๆหนุ่ยก็เปลี่ยนมาจับแขนผมแล้วดันผมไปจนติดกำแพง ผมพอจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นผมพยายามที่จะต่อต้านแต่ผมกลับสู้แรงหนุ่ยไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าหนุ่ยไปเอาแรงมาจากไหนผมก็ไม่ใช่คนตัวเล็กนะแต่ผมกลับสู้แรงของหนุ่ยไม่ได้เลยตอนนี้
หลังผมไปชนกับกำแพงข้อนข้างแรงจนผมรู้สึกเจ็บเล็กน้อย  หนุ่ยจะมาจูบผมผมหันหน้าหลบไปทางข้างๆคราวนี้ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ผมพยายามออกแรงเต็มที่แต่กลับทำให้หนุ่ยถอยออกไปไม่ได้เลย หนุ่ยพยายามสำเร็จจนได้ขนาดผมหันหน้าหลบไปหลบมามันยังตามมาจนได้ ผมกัดฟันตัวเองจนแน่นแล้วผมก็ร้องไห้ออกมาร้องไห้ให้กับความผิดของตัวเองที่ทำให้น้องต้องมาเป็นแบบนี้ ตอนนี้ผมเกรียดตัวเองจนไม่รู้จะเรียกตัวเองว่ายังไงดีแล้ว
ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหนุ่ยก็คงได้ยิน ผมเห็นหนุ่ยหยุดชะงักผมเลยถือโอกาสออกแรงผลักหนุ่ยให้ออกไปจากตัวผมซึ่งคราวนี้มันได้ผม หนุ่ยเซออกไปจากตัวผมผมเลยวิ่งออกไปแต่ผมต้องหยุดชะงักทันที ก็คนที่เดินเข้ามากลับเป็นต้อมคนที่ผมไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มากที่สุด
“เกิดอะไรกันขึ้นหรือพี่ แล้วพี่ร้องไห้ทำไมไอ้หนุ่ยมันทำอะไรพี่หรอ” ต้อมเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมมองหน้าผมแล้วหันไปมองหน้าหนุ่ย
“หนุ่ยคนที่พี่รักมีแค่คนเดียว และพี่จะรักเขาคนเดียวตลอดไปแม้ไม่ว่าทันจะเกิดอะไรขึ้น” ผมหันหลังกลับไปมองหนุ่ย
“คนที่พี่จะยอมมอบทุกอย่างให้เขา รวมทั้งการจูบที่เต็มไปด้วยความรักก็มีเพียงต้อมคนเดียว และจะเป็นแบบนั้นตลอดไปด้วย” ผมพูดจบผมก็หันกลับไปดึงหน้าต้อมที่ยืนงงอยู่ตรงข้างๆผมเข้ามาจูบ
ทีแรกต้อมเหมือนตกใจจากการกระทำของผม แต่สักพักต้อมกลับเป็นฝ่ายจับหน้าผมไว้ไม่ยอมให้ผมถอนปากจากการจูบครั้งนี้ได้ หรือว่าต้อมจะจำเรื่องของเราได้แล้วนะคราวนี้ผมแอบคิดในใจ เราจูบกันอยู่สักพักต้อมก็เป็นฝ่ายเลิกจูบผมเองต้อมมองหน้าผมหลังจากที่เราเลิกจูบกัน แล้วก็วิ่งกลับออกไปทันทีมันคงไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดแล้วแน่ๆ ต้อมคงจะไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะยังไงตอนนี้ในสายตาต้อมผมก็เป็นแค่รุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น แล้วผมมาทำกับเขาแบบนี้คงทำให้เขาตกใจมากน่าดู ผมหันไปมองหนุ่ยเห็นมันยืนมองมาทางผมน้ำตามันไหลออกมาจนสังเกตเห็นได้จากที่ผมยืนอยู่ แต่ผมจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ผมต้องไปคุยกับต้อมให้รู้เรื่อง
ผมมาหาต้อมที่ซุ้มเพราะคิดว่ามันคงมาที่นี่แต่ไม่เจอ ผมเลยถามเพื่อนมันแถวนั้นเพื่อนมันก็บอกว่าต้อมมันกลับบ้านไปแล้ว เป็นอะไรไม่รู้อยู่ก็วิ่งกลับมาเก็บของแล้วกลับไปเลยถามอะไรก็ไม่บอกด้วย ต้อมคงตกใจกับเรื่องเมื่อกี้แน่ๆผมไม่น่าทำแบบนั้นออกไปเลย แล้วถ้าต้อมเกลียดผมขึ้นมาผมจะทำยังไงดีทีนี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 02-05-2010 01:52:42
มาให้กำลังใจพี่นัทกันเยอะๆ ครับ จะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ ว่าแต่ว่า อัพเดทช้าไปนิดนึงอ่ะไม่ทันบอร์ดนู้น
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่17]2/05/10 1:50AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-05-2010 14:08:42
ตอนที่18
เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมโทรไปหาต้อมมันก็ไม่ยอมรับสายทั้งๆที่ปกติมันจะรีบรับสายตลอดถ้าผมโทรไป หรือว่าต้อมมันรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงโดนมันเกลียดแล้วแน่ๆ แล้วยังเรื่องของหนุ่ยอีกมันทำให้ผมเครียดมากเลยตอนนี้ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องพวกนี้แล้วคราวนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดแล้วกัน ผมจะพยายามทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้แต่ถ้าต้อมเกรียดผมขึ้นมาจริงๆผมจะทำได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
ผมมาถึงซุ้มแต่เช้าเหมือนเดิมแต่วันนี้ผมนั่งไม่เป็นสุขเลยเพราะคอยมองหาต้อมตลอด แต่ผมก็ไม่เห็นต้อมเลยส่วนหนุ่ยก็มานั่งที่ซุ้มแต่นั่งถัดผมไปอีกโต๊ะหนึ่งไม่ได้เข้ามาคุยกับผมเลยได้แต่นั่งมองผมเท่านั้น ผมก็ไม่ได้คุยกับหนุ่ยเพราะผมอยากเจอต้อมมากกว่า ผมไม่เจอต้อมเลยจนถึงเวลาขึ้นไปเรียนผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยในหัวมีแต่เรื่องต้อมวนอยู่เต็มไปหมด
ตอนเย็นผมรีบลงมาที่ซุ้มเพื่อจะเจอต้อมแต่เพื่อนมันบอกว่าต้อมกลับบ้านไปแล้ว นี่มันคงมาอยากเจอหน้าผมแล้วแน่ๆแล้วผมจะทำยังไงต่อไปดีทีนี้ พรุ่งนี้ผมต้องหาทางคุยกับต้อมรู้เรื่องให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
“อาจารย์ครับผมมีเรื่องขอคุยกับต้อมหน่อยครับ ขอตัวต้อมได้ไหมครับ” ผมยืนขออนุญาตเพื่อขอตัวต้อมออกมาคุยด้วย ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ครับ ก็ต้อมเล่นหลบหน้าผมตลอดเลยตั้งแต่เมื่อวานผมถึงต้องใช้วิธีนี้
ต้อมเลยจำใจต้องมากับผมทีแรกต้อมบอกจะคุยแค่แถวหน้าห้อง แต่ผมดึงมือต้อมให้ตามมาจนถึงหลังตึกคณะ
“ต้อมพี่อยากคุยกับเราเรื่องวันก่อนให้เข้าใจ แต่พี่อยากถามเราให้แน่ใจสักเรื่องก่อนได้ไหม” ผมจ้องมองเข้าไปในตาของต้อมเพราะผมอยากรู้ความจริงมากๆตอนนี้
“พี่อยากรู้ว่าเราลืมเรื่องของพี่กับเราหมดแล้วจริงๆหรือ เราจำพี่ไม่ได้จริงๆหรอว่าพี่กับเราเป็นอะไรกัน”
“ผมจำไม่ได้จริงๆครับ ผมจำเรื่องพี่ไม่ได้จริงๆ” ต้อมยังยืนยันที่จะบอกว่าจำผมไม่ได้
“แล้วถ้าพี่บอกว่าเรากับพี่เป็นแฟนกันละ เราจะว่ายังไง” ต้อนนี้ผมเริ่มลุ้นกับคำตอบของต้อมที่จะตอบผมแล้ว
“ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ผมกับพี่จะเป็นแฟนกันได้ยังไง ถึงผมจะรู้สึกดีๆกับพี่ก็ตามแต่ผมคิดว่าเรื่องที่เราเป็นแฟนกันคงจะล้อผมเล่นใช่ไหม” ต้อมหลบหน้าไม่ยอมมองตาผมแล้วตอนนี้
“ถ้าพี่จะพูดแบบนี้เพราะกลัวผมโกรธเรื่องวันก่อนไม่ต้องก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเพียงแต่ผมยังไม่พร้อมที่จะอยู่ใกล้กับพี่ตอนนี้เท่านั้นเอง” ต้อมหันหลังพูดกับผม
“พี่ไม่ได้ล้อเราเล่นนะ แล้วไม่ใช่เพราะกลัวเราโกรธพี่แต่พี่อยากให้เราจำเรื่องนี้ให้ได้แค่นั้นเอง มันสำคัญกับพี่มากเลยนะ”
“ยังไงผมก็จำไม่ได้อยู่ดี ผมว่าพี่อย่าทำให้ผมสับสนไปมากกว่านี้เลยครับ ถ้าจะให้ดีช่วงนี้พี่กับผมเราอยู่ไกลๆกันดีกว่านะครับ” ต้อมยังหันหลังไม่ยอมมองมาที่ผม ผมได้ยินแบบนี้ใจหายทันทีเลยครับเพราะผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของต้อม คนที่บอกว่ารักผมมากที่สุด
ผมเข้าไปกอดต้อมจากข้างหลังแล้วผมก็ร้องไห้ออกมาหน้าผมซุกอยู่ที่แผ่นหลังของต้อม “แล้วเราจะมาเริ่มกันใหม่ไม่ได้เลยหรือไง เรามาเริ่มต้นกันใหม่จนกว่าต้อมจะจำได้หรือแม้จะจำไม่ได้ก็ตาม” เสียงผมขาดเป็นห้วงๆเพราะผมร้องไห้เยอะมาก ผมทำใจไม่ได้ที่จะต้องอยู่ห่างจากต้อมต่อให้ต้อมจะเป็นยังไงผมก็ยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเขา
“ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้” ต้อมแกะมือผมออกจากเอวที่ผมกอดไว้ มันเหมือนต้อมได้แกะหัวใจที่ผมมีให้มันตลอดมาออกไปด้วย ทำตอนนี้ผมรู้สึกทรมานมากทีเดียวที่หัวใจผมนี่เพราะตอนนี้คนที่ผมรักได้กระชากหัวใจผมออกไปแล้ว
ตอนนี้ผมไม่อยากที่จะอยู่ที่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ผมอยากไปให้ไกลจากภาพที่มันทรมานผม ผมเลยหันหลังวิ่งออกไปทั้งๆที่ผมยังร้องให้อยู่แบบนั้น ผมออกมาที่หน้าตึกคณะเห็นหนุ่ยยืนอยู่แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเจอใครทั้งนั้นผมเลยวิ่งผ่านหนุ่ยไป แต่หนุ่ยกลับดึงแขนผมไว้
“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น มันทำอะไรพี่หรือไง” นี่เป็นครั้งแรกที่หนุ่ยพูดกับผมหลังจากเรื่องวันนั้น
ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ยังคงร้องไห้อยู่แล้วผมหันไปเห็นต้อมวิ่งตามออกมาพอดี ผมเลยสะบัดมือหนุ่ยออกแล้ววิ่งออกไป ตอนนี้ผมขอแค่อย่าได้เห็นต้อมตอนนี้ก็พอผม ขอให้ผมไปที่ไหนก็ได้ตอนนี้
“ปรี๊นนนนนนนนนนนนน” เสียงแตรรถดังใกล้มาก ผมหันไปตามเสียงเห็นรถตู้สีขาวของมหา’ลัยกำลังตรงมาที่ผม แล้วผมก็รู้สึกว่ามีคนวิ่งเข้ามากอดผมไว้แล้วผมก็หมดสติลง
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมากเพราะว่าแสงจากหลอดไฟบนฝ้าเพดานสีขาวมันจ้ามาก ผมปรับสายตาสักพักก็เห็นว่าผมอยู่ในห้องใหญ่สีขาว อยู่ในชุดโรงพยาบาลสีฟ้าอ่อนมีสายน้ำเกลืออยู่ที่แขน พร้อมด้วยผ้าก็อตปิดแผลหลายแห่งตามแขนและที่หน้าผากของผม นี่ผมมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไงแล้วผมหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว ผมหันไปสำรวจรอบๆผมเห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทนั่งหลับอยู่ที่โซฟาข้างๆ แสดงว่าผมต้องอยู่ในห้องพิเศษแน่นอนผมหันไปมองอีกฝั่ง เห็นหนุ่ยนั่งหลับอยู่ข้างเตียงผม แล้วผมก็เห็นต้อมนอนอยู่เตียงข้างๆผม ต้อมมีสภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เลยครับหรือว่าคนที่เข้ามาช่วยผมจะเป็นต้อม ผมทำให้ต้อมเจ็บตัวอีกแล้วหรอไงกัน แล้วต้อมเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมพยายามที่จะลุกขึ้นไปดู แต่พอผมจะลุดขึ้นมันก็เจ็บบริเวณชายโครงมากจนไม่สามารถขยับตัวได้ จนผมเผลอร้องออกมาทำให้หนุ่ยกับตื่นขึ้นมา
“พี่นัทฟื้นแล้วหรือพี่ พี่รู้สึกยังไงบ้างครับยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” หนุ่ยถามด้วยความห่วงใย นี่มันทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้วหรือไงกัน
“ยังมีเจ็บอยู่บ้างแหละแต่ไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่เราเถอะเข้าใจเรื่องที่พี่พูดแล้วใช่ไหม” ที่ผมถามเพราะว่าไม่อยากให้มันกลับไปซ้ำเหตุการณ์เดิมๆอีก
“ผมก็ทำใจไม่ค่อยได้หรอกครับ แต่ผมเป็นห่วงพี่มากกว่า แล้วผมจะค่อยทำใจนะครับพี่ให้เวลาผมหน่อย” หนุ่ยบอก
“แค่เราเข้าใจพี่ก็ดีใจแล้ว แต่ใครพาพี่มาโรงพยาบาลกันละ แล้วต้อมมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมเป็นห่วงต้อมมากแต่ผมลุกไปดูไม่ไหวจริงๆ
“ก็ไอ้ต้อมแหละพี่ที่พาพี่มาโรงพยาบาล มันวิ่งเข้าไปขวางพี่ไว้แต่มันไม่เป็นอะไรมากหรอก มันเป็นคนแบกพี่มาที่โรงพยาบาลเองเลยนะ ตอนหมอจะทำแผลให้มันมันยังไม่ยอมเลยบอกว่าให้มาทำให้พี่ก่อน จนหมอเขาช่วยพี่แล้วมันถึงยอมทำ นี่มันก็เพิ่งหลับไปเพราะยานอนหลับที่หมอเขาให้มันกิน ไม่งั้นมันนั่งเฝ้าพี่อยู่นั่นแหละ” หนุ่ยเล่าแล้วหันไปมองต้อมที่นอนอยู่ที่เตียงข้างๆ
“แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม” ตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทตื่นบ้างแล้วคงได้ยินเสียงที่ผมคุยกับหนุ่ยแน่ๆ
“มันไม่เป็นไรมากหรอกพี่ ไม่งั้นมันจะแบกพี่มาโรงพยาบาลได้ยังไง มันแค่ช้ำนิดหน่อยก็พี่เล่นพลิกตัวกลับมาบังมันตอนนั้น” หนุ่ยบอกแล้วทำหน้าสงสัยใส่ผม
“พี่เนี่ยนะเอาตัวบังต้อม พี่คิดว่ามันจะวิ่งมาบังพี่ซะอีก” ผมเริ่มสงสัยแทนแล้วเพราะผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้จริงๆ
“พี่จำไม่ได้จริงๆหรอ ก็พอมันวิ่งไปบังพี่นะพี่ก็จับมันหลบเอาตัวพี่บังมันแทนอีกทีไง ผมละเชื่อพี่เลยห่วงมันจนนาทีสุดท้ายเลยจริงๆ” หนุ่ยทำหน้าทึงใส่ผม แต่ผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆคงเป็นสัญชาตญาณมั้งผมว่า
“แต่มันไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วแหละ แต่พี่ขอโทษนะทีทำให้เราวุ่นวายอีกแล้ว” ผมบอกหนุ่ยแล้วหันไปขอโทษเพื่อนๆผมเพราะทำเรื่องให้มันอีกแล้ว เพื่อนผมก็ไม่ได้ว่าผมซักคนกลับชวนผมคุยเรื่องอื่นๆซะมากกว่ามันคงกลัวผมจะเครียด แล้วพวกมันบออกว่าโทรไปบอกที่บ้านผมแล้วบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าไม่เป็นไรมากไม่ต้อมขึ้นมาหรอก เพื่อนผมมันช่างรอบครอบจริงๆเลย
เราคุยกันสักพักพวกมันก็ขอตัวกลับก่อนบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า ก่อนกลับหนุ่ยบอกว่ามีข่าวดีจะบอก
“พี่นัทดูเหมือนต้อมมันจะจำพี่ได้แล้วนะ” หนุ่ยหันมายิ้มให้ผมแต่สายตาดูเศร้าเชียว พอพวกนั้นกลับกันสักพักผมก็หลับไปคงเพราะยาที่กินเข้าไปด้วย
ผมรู้สึกตัวว่ามีคนมาจับมือผมไว้ผมเลยหรี่ตาดูก่อนว่าเป็นใคร ผมเห็นว่าเป็นต้อมนั่งจับมือผมและมองหน้าผมอยู่ ผมเลยแกล้งทำเป็นยังไม่รู้สึกตัวเพราะผมอยากรู้ว่าต้อมจะจำผมได้แล้วจริงหรือเปล่า ผมเลยแกล้งเพ้อเรียกชื่อต้อมออกมาแล้วบอกว่าอย่าทิ้งผมไป อะไรทำนองนี้
“พี่นัทผมอยู่ตรงนี้แล้วไงพี่ ผมจำเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว ผมจะไม่ลืมพี่อีกแล้วพี่ตื่นขึ้นมาเถอะนะ” ต้อมท่าทางเป็นห่วงผมมาก แต่ผมยังแกล้งหลับต่อทำผมเป็นกังวลมาตั้งนานเอาคืนซะบ้าง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษจริง” ต้อมร้องไห้แล้วก้มหน้าลงกับมือของผม ผมเริ่มที่จะใจอ่อนแล้วสิที่เห็นต้อมร้องไห้ แต่ไม่ได้สิผมทรมานมามากกว่ามันอีกช่วงที่ผ่านมา สักพักหนุ่ยกับไอ้ตี๋ก็มาถึงหนุ่ยเดินมาที่เตียงเหมือนจะบอกอะไรต้อม ผมเลยลืมตาแล้วทำปากบอกว่า อย่าบอกมันว่าผมฟื้นแล้วขอแกล้งมันก่อนแล้วผมรีบหลับตาต่อเพราะเห็นต้อมมันเงยหน้าขึ้นมา
“พี่นัทยังไม่ฟื้นเลนหรอตั้งแต่เมื่อคืน” หนุ่ยมันถามต้อม เออมันรวมแกล้งกับผมไปด้วยซะงั้น
ต้อมส่ายหน้า “ถ้าจะไม่ดีแน่กูว่า ถ้าตื่นมาแล้วจำมึงไม่ได้เหมือนที่มึงจำพี่เขาไม่ได้ทำไงวะ” เออความคิดเข้าท่าทำไมผมคิดไม่ถึงบ้างนะ แต่ผมคงแกล้งแบบนี้ไม่ได้หรอกเพราะผมอำคนไม่ค่อยเก่ง
“กูก็จะดูแลพี่เขาเองเหมือนที่พี่เขาทำให้กูนี่แหละ กูทำให้พี่เขาเสียใจมามากพอแล้ว” ต้อมบอก สงสัยถึงเวลาที่ผมต้องฟื้นแล้วมั้ง เพราะเดี๋ยวพยาบาลเข้ามาตรวจความแตกกันพอดี ผมเลยลืมตาขึ้น
“พี่นัทตื่นแล้วหรอครับ” ต้อมมันเข้ามากอดผมทันที
“โอ๊ย” ผมต้องร้องออกมาเพราะมันยังระบมอยู่ ต้อมรีบปล่อยตัวผมทันที “แล้วเรามากอดพี่ทำไม ไหนบอกให้พี่อยู่ห่างๆเราไม่ใช่หรอไง” ผมแกล้งยังโกรธเรื่องที่ต้อมบอกให้ผมอยู่ห่างๆกันไว้ก่อน
“ไม่ใช่นะพี่ผมไม่เคยอยากให้พี่อยู่ห่างจากผมเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนั้นผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ” ต้อมพยายามอธิบาย
“หรองั้นต่อไปก็คงลืมพี่อีกนั่นแหละ งั้นเราห่างกันก็ดีนะ” ผมเห็นหนุ่ยกับไอ้ตี๋นั่งยิ้มกันอยู่สองคน
“ไม่นะผมไม่ยอมห่างพี่อีกแล้ว ตอนนั้นผมจำไม่ได้จริงๆแต่ต่อไปผมจะไม่มีวันลืมพี่อีกแล้ว พี่จะให้ผมทำอะไรผมก็ยอมพี่ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ” นั่นมันเริ่มเอาลูกอ้อนออกมาใช้อีกแล้วครับ ไม่ได้ผมต้องใจแข็งเข้าไว้
“ตอนก่อนผ่าตัดเราก็สัญญาไปทีแล้วนะ แล้วครั้งนี้จะเชื่อได้หรือ”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงถึงจะเชื่อ พี่บอกผมมาเลยผมจะทำให้ทุกอย่าง” สายตามันมุ่งมั่นมากๆ
“เราจะยอมทำทุกอย่างจริงๆนะ” ผมถามย้ำ
“จริงครับขอแค่พี่บอกมาผมจะทำให้หมดเลย ขอแค่พี่ยกโทษให้ผมเท่านั้นเอง” จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะครับก็มันป่วยนี่นา
“งั้นเราต้องรักพี่คนเดียวตลอดไป แล้วห้ามลืมพี่อีกนะ” ผมเอามือลูบหัวมันเบาๆ
“เรื่องนี้พี่ไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว ผมรักพี่นัทที่สุดเลยนะครับ” แล้วมันก็ลุกขึ้นมาจูบผมมันเป็นจูบแห่งความรักแบบที่ผมรอคอยมานาน ตอนนี้ผมอายมากกว่าเพราะตี๋กับหนุ่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย แล้วพยาบาลยังเข้ามาพอดีอีกผมละหน้าแดงเลยทีนี้ พยาบาลก็มองหน้าผมกับต้อมแบบแปลกๆด้วยคงไม่คิดว่าผมกับต้อมจะคบกันได้ละสิ อีกคนหน้าตาดีออกอย่างนั้นส่วนผมธรรมดาจะตาย
หมอให้เราสองคนนอนต่ออีกสองวันรอดูอาการอื่นๆก่อน ระหว่างนั้นผมถึงได้ถามต้อมช่วงที่ลืมผมมันก็บอกว่าจำผมไม่ได้จริงๆไม่รู้ทำไม แต่ที่พอจะจำได้ก็ตอนที่โดนผมจูบตอนนั้นนะแหละครับ มันบอกต่อว่ามันเลยสับสนไปหมดช่วงนั้นเลยพูดกับผมแบบนี้ มาจำผมได้ก็ตอนที่วิ่งเข้าไปช่วยผมแล้วกลับเป็นว่าผมช่วยมันแทน มันบอกเหมือนเหตุการณ์วันสงกรานต์ที่ผมเขาไปบังขวดเบียร์ที่ลอยมาทางมัน
สองวันที่อยู่โรงพยาบาลต้อมมันดูแลผมยิ่งกว่าเด็กอีกครับ ทั้งป้อนข้าวเช็ดตัวทำให้ทุกอย่างสงสัยจะชดเชยกับช่วงที่ผ่านมา วันออกจากโรงพยาบาลมันเดินจับมือผมตลอดเลยเหมือนกลัวว่ามันจะลืมผมอีกหรือไงก็ไม่รู้ แต่ผมก็มีความสุขนะครับ คนที่ผมรักกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วถ้าไม่มีความสุขผมก็คงบ้าไปแล้วแน่ๆ
“พี่นัทครับ” ต้อมเรียกผมเมื่อเรากลับมาถึงบ้านกันและขึ้นมาบนห้องแล้ว
“ว่าไง มี....” ผมพูดยังไม่ทันจบต้อมก็เข้ามากอดแล้วจูบผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจูบกันเนิ่นนานมากเหมือนกับว่าเรากำลังเติมในช่วงเวลาที่เราขาดหายไปของเราทั้งสองคน
“ผมรักพี่ที่สุดเลยครับ และผมก็รู้แล้วพี่รักผมมากแค่ไหน ถ้าต่อไปผมจะจำพี่ไม่ได้ผมของตายดีกว่า” ต้อมพูด
“อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าต้อมตายไปแล้วพี่จะทำยังไง พี่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเรา” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายจูบมันกลับไปบ้าง ผมหวังว่าความรักของผมกับมันคงจะมั่นคงตลอดไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่18]2/05/10 2:20PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-05-2010 22:54:57
ดูเดอะสตาร์ก่อนแล้วจะมาลงตอนใหม่นะครับ

แต่ว่าอ่านกันจบยังน้อ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่18]2/05/10 2:20PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-05-2010 23:58:17
ลุ้นตั้งนาน กัน ได้เป็นเดอะสตาร์จริงๆด้วย

แอบเชียร์อยู่ครับ
ตอนที่19
วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผมแต่ผมไม่บอกนะครับว่ารับที่ไหนเดี๋ยวจะรู้กันหมดว่าผมจบจากที่ไหน ต้อมแต่งตัวหล่อมากเลยวันนี้มันบอกวันสำคัญของผมจะไม่หล่อได้ยังไง ดูมันไม่รู้จะไปอวดใครที่ไหนกันเก็บเอาไว้อวดผมที่บ้านคนเดียวก็ได้(หุหุ แอบหวงเล็กๆ)
ผมมาถึงที่รับปริญญาแต่เช้ากับต้อมเพราะกลัวไม่มีที่จอดรถ และก็มารอพ่อกับแม่ผมด้วยเห็นว่าพ่อกับแม่ต้อมก็จะมา ทุกวันนี้พ่อกับแม่ต้อมเขายอมรับเรื่องผมกับต้อมแล้วครับ อีกอย่างคบกับผมต้อมก็เรียนดีขึ้นอีกด้วยก็ผมไม่อยากให้ใครมาว่าได้นี่ครับเลยเคี่ยวมันเรื่องเรียนเยอะหน่อย ทำให้พ่อแม่ต้อมมองผมดีขึ้นมาเยอะเลยเพราะปกติต้อมมันจะเป็นคนที่เรียนค่อนข้างแย่เลยก็ได้
ผมนั่งรอได้ชั่วโมงกว่าๆพ่อกับแม่ผมก็มาถึงครับ อีกสักพักพ่อกับแม่ต้อมก็มานี่เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่ผมเจอพ่อแม่ของต้อม เจอกันครั้งแรกก็คุยกันซะถูกคอเลยบ้านผมเข้ากับคนง่ายกันหมดแหละครับ แต่แอบๆได้ยินพ่อผมกับพ่อต้อมบ่นว่าไม่มีหลานให้อุ้มนี่สิ แต่ก็จริงของเขาผมกับต้อมจะไปมีหลานให้เขาได้ยังไงละครับเห็นด้วยกับผมใช่ไหมละครับ
พวกเรานั่งคุยกันสักพักผมก็เริ่มมองหาเพื่อนผมแล้ว ยังไม่เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทเลยทำไมมันมาสายกันจัง ระหว่างที่ผมมองหาเพื่อนกับไปเจอหนุ่ยแทน หนุ่ยมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่มากๆแบบที่เดินมาคนอื่นต้องมองตามเลยก็ว่าได้ ไม่รู้มันจะเอามาทำไมใหญ่ขนาดนั้นแต่ก็คงเอามาให้ผมนะแหละมันจะให้ใคร
หลังจากเรื่องคราวนั้นดูเหมือนหนุ่ยจะทำใจได้มากขึ้น หนุ่ยบอกว่าทำใจได้แต่ยังตัดใจไม่ได้นะ เออเอากับมันสิแต่ผมคิดว่าถ้ามันเจอคนที่ใช่จริงๆมันก็คงจะตัดใจจากผมได้เอง ผมอยากให้มันเจอเร็วจังมันจะได้มีความสุขกับเขามั่งซะที หนุ่ยมาถึงก็ไหว้พ่อแม่ผมกับต้อมแล้วก็เอาดอกไม้มาให้ผมพร้อมด้วยแสดงความยินดี ตอนให้ดอกไม้มันกอดผมด้วยผมเห็นต้อมมองใหญ่เลยแต่เอาน่าวันดีทั้งทีต้อมมันต้องทำใจ
ไอ้ตี๋กับไอ้แนทถึงก่อนจะเข้าห้องรับปริญญาประมาณชั่วโมงได้ ยังพอมีเวลาที่ให้พวกเราถ่ายรูปกันได้เยอะพอดู ก่อนเข้าผมลืมไปอีกคนเจ้าแจ็คไงครับมันมาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ มันบอกว่าเอาไว้แทนตัวมันดูพูดต้อมเลยบอกว่าก็ดีจะได้เอาไว้เตะเล่น พอกันหมดอะพวกนี้เจอหน้ากันครบทีมเมื่อไหร่ละผมละกลุ้มใจจริงๆ
พอเสร็จพิธีผมออกมาข้างนอกเพราะผมนัดกับพ่อแม่ของผมกับต้อมไว้ว่าจะไปเลี้ยงฉลองด้วยกัน ต้อมมารอผมที่ประตูทางออกเลยน่ารักจริงๆแฟนผม ยิ่งตั้งแต่หายจากความจำเสื่อมอะไรนั่นมันยิ่งดูแลผมดีมากกว่าเดิมอีกครับ
“ไอ้แนทเดี๋ยวไปรถเราก็ได้ แกยังไม่ได้กลับบ้านวันนี้ไม่ใช่หรอ” ผมหันไปชวนแนทไปกินข้าวด้วยกัน
“เออ ว่าจะกลับพรุ่งนี้แหละ พ่อกับแม่รออยู่” พ่อกับแม่ไอ้แนทไม่ได้มาครับเพราะที่บ้านทำสวนแล้วช่วงนี้มีลูกค้าสั่งของเยอะเลยมาไม่ได้
“ไอ้ตี้เดี๋ยวแกตามไปนะโว้ย ร้านเดิมนะแหละ” ผมตะโกนบอกมันเพราะมันแยกตัวไปหาพ่อกับแม่มัน มันหันมาพยักหน้าแล้วโยกมือก่อนแยกออกไป
“คุณณัฐ..... ..................... เชิญพบที่จุดประชาสัมพันธ์ด้วยครับ” เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศเรียกชื่อผมทำไมนะ ผมเลยเดินไปกับต้อมกับไอ้แนทพอผมเดินเข้ามาถึงประชาสัมพันธ์ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม พี่เขาก็แนะนำตัวก่อนเลยว่าชื่อพี่น้ำเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง สนใจผมอยากให้ไปทำงานด้วยกันตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน สักพักก็มีคนมายื่นนามบัตรให้ผมอีกสองสามคน มาทาบทามผมเข้าทำงานเหมือนกันผมงงไม่พอไอ้ต้อมกับไอ้แนทยังงงไปกับผมด้วย
ผมมาจำได้ที่หลังว่าตอนผมฝึกงานที่ฝึกงานเขาเคยส่งผมไปทำงานรวมกับบริษัทของพวกเขามาก่อน เขาเลยตามมาทาบทามอีกอย่างผลการเรียนของผมอยู่ในระดับตำนานคณะเลยนะครับ ผมไม่ได้โม้นะครับเพราะตอนเรียนผมได้เกรด B+ แค่สองตัว ที่เหลือผมกวาด A หมดเลยครับ แถมผมยังทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยผมเลยเป็นที่รักของอาจารย์มากคนหนึ่ง แต่ผมไม่ได้เกรียตินิยมนะครับเพราะผมวางแผนการเรียนแบบมาเอาเกรียตินิยม ผมจะลงซัมเมอร์เรียนวิชากับรุ่นพี่ล่วงหน้าตลอดเลยครับ เพราะเวลาช่วงเรียนปกติจะได้มีวิชาที่ลงเรียนน้อยลงมีเวลาทบทวนได้เยอะขึ้น ไม่รู้ใครคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมคิดว่าเกรียตินิยมกันก็แค่เหมือนคำที่ตั้งมายกตังเองเท่านั้นเอง ส่วนผมคิดว่าความสามารถนี่แหละคือคงามจริง เพราะบางคนได้เกรียตินิยมแต่ทำงานไม่เป็นก็เยอะแยะไป แบบว่าเก่งแต่เรื่องเรียนเรื่องอื่นเอาตัวไม่รอดไงครับ
กลับมาเรื่องพวกพี่ที่เข้ามาทาบทามผมต่อครับ ผมเลยบอกว่าขอเวลาตัดสินใจก่อนเพราะเพิ่งจบยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเรียนต่อหรือจะทำงานนะครับ แล้วผมก็ขอตัวกลับก่อนพอมาถึงร้านอาหารพ่อแม่ของพวกเราก็มารอเรียบร้อยแล้ว ต้อมมันก็เล่าเรื่องที่มีคนมาติดต่อให้ผมทำงานกับพ่อแม่มันทันทีเลย ไม่รู้จะอวดแฟนตัวเองไปถึงไหนกันดูพอแม่ต้อมก็มองผมในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่อาหารจะมาหนุ่ยกับไอ้ตี๋ก็มาถึงพอดีเรานั่งคุยกันเรื่องต่างๆพ่อแม่ผมบอกว่าจะกลับก่อนไม่ค้างกับผมที่กรุงเทพเพราะเป็นห่วงน้องหมานะครับ คิดดูสิห่วงหมามากกว่าลูกแล้วตอนนี้แม่ผมให้เหตุผลว่าไรรู้ไหมครับแกบอกว่าหมามันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ผมช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ต้องห่วงแล้ว
พ่อแม่ต้อมเลยขอกลับไปพร้อมกันทีนี้เหลือแต่พวกผมแล้วครับ เวลาแห่งการกินเหล้าก็มาถึงแล้วพวกเราเลยย้ายร้านไปผับร้านประจำครับ เพราะที่ผับนี้พนักงานเห็นหน้าพวกผมเมื่อไหร่เคลียที่ให้ทันทีเลยครับมาบ่อยไม่ว่าทิปกระจายอีกพวกผม ยิ่งเมายิ่งทิปพนักงานละแย่งกันมาเลยโต๊ะพวกผมวันนี้ผมเมาได้เต็มที่เลยครับต้อมมันอนุญาตแล้ว มันบอกว่าจะไม่ให้ผมห่างตัวเลยเวลาเมาเพราะห่างที่ไรปัญหาเกิดทุกทีแต่ก็จริงของมันครับ
ผมเมาเต็มที่จริงๆวันนี้ส่วนไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ดีที่ว่าหนุ่ยอาสาพาไปส่งบ้านเลยไม่ต้องกลัวเรื่องอุบัติเหตุ พอผมมาถึงบ้านต้อมพาผมขึ้นมาบนห้องแล้วพาผมไปอาบน้ำครับถ้าไม่พาไปผมก็คงไม่อาบหรอกครับเมาขนาดนั้นแล้ว พอมานอนที่เตียงผมนึกขึ้นมาได้พอดีว่าต้อมยังไม่ได้ให้อะไรผมเลยนี่นา อย่างนี้ต้องทวงหน่อยแล้ว
“ต้อมวันนี้ไม่มีอะไรให้พี่เหมือนคนอื่นบ้างหรอ” ผมพูดเสียงอ้อแอ้แล้วตอนนี้ เมามากแต่ยังอยากได้ของจากต้อมมากกว่า
“พี่อยากได้อะไรละ” ต้อมมันถามย้อนผมอีกแสดงว่ามันไม่ได้เตรียมอะไรให้ผมใช่ไหมนี่
“อะไรอะไม่ได้เตรียมอะไรให้พี่หรือไงวันนี้วันรับปริญญาพี่นะ” ผมเริ่มจะงอนแล้วตอนนี้
“โอ๋ๆๆ ผมเตรียมให้แล้ว” แล้วมันก็จูบผมทันที เออของขวัญชิ้นนี้ท่าทางจะทำผมเหนื่อยแน่ๆ แต่ก็ดีเบจิต้าผมไม่ได้ทักทายโงกุนนานแล้วด้วย
ผมหลับไปเพราะทั้งเมาทั้งเพลียจากของขวัญชิ้นงามของต้อม แต่วันนี้เป็นเช้าที่ผมไม่ต้องคิดอะไรทั้งหมด ดูมันช่างสบายเหลือเกินผมเอามือขึ้นมาขยี้ตาเพราะยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม ผมลืมตามองเห็นแหวนทองคำขาวฝั่งเพชรเม็ดเล็กๆตรงกลาง มันมาอยู่ในมือผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันผมถอดออกมาดู เห็นข้างในแกะสลักคำว่า Tom & Nat ไว้ ผมเลยหันไปมองมือต้อมที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นที่นิ้วนางข้างซ้ายมันก็มีเหมือนกัน ต้อมมันแอบทำ surprise ผมหรือนี่ อย่างนี้ต้องให้รางวัลหน่อยแล้วผมเลยหันไปหอมแก้มมันหนึ่งที จนมันตื่นขึ้นมา
“พี่นัทจะลักหลับผมหรือไง” ดูมันคิดได้ไงเนี่ยจะลักหลับ อยู่กันขนาดนี้ไม่ต้องลักแล้วทำโต้งๆเลยดีกว่ามั้ง
“อ่านะ ไม่ใช่แหละ ให้รางวัลต่างหากนี่ไง เราให้พี่หรอแต่ขอเป็นแบบตอนที่รู้ตัวได้ไหมละ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้
“งั้นถอดมาก่อนเลย” มันแบมือมาที่หน้าผม ผมก็เลยถอดแหวนให้มันคืนไป มันก็ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผมให้นั่งตามมัน พอผมลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้วต้อมมันก็จับมือซ้ายผมไว้
“อยู่กับผมตลอดไปนะครับ” มันสวมแหวนกลับคืนมาให้ผมแล้วเอามือผมไปจูบอีกที
“งั้นเราก็ต้องอยู่กับพี่ตลอดไปเหมือนกันนะ” ผมบอกแล้วจับหน้าต้อมขึ้นมาจูบ ถึงจะยังไม่ได้ล้างหน้ากันแต่ผมก็คิดว่าเป็นจูบที่ผมมีความสุขมากๆครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนสายๆเราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันเพราะช่วงรับปริญญาต้อมก็หยุดเรียนเหมือนกัน ระหว่างกินข้างกันผมเลยคุยกับต้อมเรื่องว่าผมจะทำงานเลยดีไหมหรือว่าจะเรียนต่อดี เพราะตั้งแต่จบผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยดูแลต้อมกับอยู่บ้านเฉยๆมันก็เริ่มเบื่อแล้ว อ้อผมลืมบอกไปอีกอย่างคือว่าต้อมมันคงไม่จบสี่ปีนะครับก็ช่วงที่มันเกิดอุบัติเหตุไงครับ ซัมเมอร์ก็ดรอปพอกลับมาเรียนเทอมแรกมันก็ลงแค่ 3 วิชา เท่านั้นเพราะที่บ้านกลัวมันจะเครียดแล้วเป็นอะไรไปอีก ทำให้มันต้องจบห้าปีแทนครับ
“ต้อมพี่ว่าพี่จะไปทำงานแล้วละนะ ไม่อยากขอเงินที่บ้านแล้วไหนๆก็จบแล้ว” ผมบอกต้อม
“รอทำพร้อมผมไม่ได้หรอ จะได้ไปทำที่เดียวกัน” ต้อมทำเสียงอ้อน
“ไม่เอาหรอกแล้วจะเอาอะไรกินละ กว่าเราจะจบอีกตั้งปี” ผมให้เหตุผล
“ก็เดี๋ยวผมเลี้ยงเองก็ได้” ดูมันคิดได้เนอะ
“ไม่เอาหรอกเรายังของเงินพ่อแม่อยู่เลย จะมาเลี้ยงพี่ได้ยังไงเดี๋ยวพี่ทำงานเลี้ยงเราดีกว่ามั้ง ยังดูดีกว่าตั้งเยอะ”
“พี่ไปทำงานแล้วผมละ เดี๋ยวก็ทำแต่งานแล้วเจอคนอื่นละ ผมจะทำยังไง” อ๋อ ที่แท้มันกลัวผมจะไปชอบคนอื่นนี่เอง โรคขี้หึงแบบไร้เหตุผลมันมาอีกแล้ว
“นี่ยังไม่รู้อีกหรอว่าพี่รักเราขนาดไหน แล้วนี่ดูดิแบบนี้ใครมันจะมาสนใจ” ผมชูแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้มันดู
ผมคุยกับต้อมเรื่องทำงานตลอดจนกลับบ้านเลย ต้อมมันก็ไม่ยอมเข้าใจสักทีมันกลัวแต่ผมจะไปมีคนอื่นอยู่นั่นแหละเฮ้อเหนื่อยใจจริงๆ จนเข้านอนผมยังคุยกับมันอยู่เลย
“ตกลงว่าพี่จะไปทำงานนะ ไม่งั้นพี่จะกลับไปอยู่บ้านจนกว่าเราจะเรียนจบ เลือกเอาจะเอาอย่างไหน” ผมยืนข้อต่อรองไปบ้างทีนี้
“ถ้าพี่นัทกลับบ้านผมก็ไม่ได้เจอพี่นะสิ แบบนี้มันบังคับกันเลยนี่นา” ต้อมทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“แล้วเราจะให้พี่ทำยังไงละ ถ้าไม่ทำงานพี่ก็ต้องขอเงินที่บ้านใช้อยู่ดี สู้กลับไปอยู่บ้านดีกว่าไม่ต้องใช้เงินด้วย ตอนนี้พี่เรียนจบแล้วนะ เราจะให้พี่อยู่เฉยๆขอเงินที่บ้านหรือเอาเงินจากเราใช้ได้ยังไง เอาตกลงว่าไงเลือกมาเลยดีกว่า” ผมอธิบายเหตุผลให้มันฟังกึ่งบังคับนิดหน่อย ต้อมมันทำท่าคิดจนคิ้วชนกันแล้วตอนนี้
“งั้นผมให้พี่ไปทำงานก็ได้แต่พี่ต้องสัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่งก่อน” มนเปลี่ยนเป็นทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วตอนนี้
“ลองว่ามาก่อนสิถ้าทำได้พี่จะทำ” ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะให้ผมทำอะไร
“ไม่มีอะไรมากหรอกแค่พี่ห้ามถอดแหวนออกแล้วถ้าใครถามก็บอกไปเลยว่าพี่แต่งงานแล้ว ก็แค่นั้นเองทำได้ไหมละ” ผมก็นึกว่ามันจะขออะไรมากมาย แต่เฮ้ยแต่งงานแล้วผมไปแต่งกับมันตอนไหนกัน
“เดี๋ยวก่อนนะแต่งงานแล้วเลยหรอ เอาแค่มีแฟนแล้วหรือหมั่นอยู่ไม่ได้หรอ” ผมต่อรองก็คิดดูสิผมจบมาไม่ถึงปีแต่งงานซะแล้วมันดูเร็วไปไหมละครับ
“ไม่เอาต้องแต่งงานแล้วเท่านั้น ไม่งั้นผมให้พี่กลับไปอยู่บ้านดีกว่า ผมไปหาพี่ทุกเสาร์อาทิตย์ก็ได้” ดูมันสิครับมันพลิกกลับมาถือไพ่เหนือกว่าผมอีกแล้ว แล้วผมจะทำไงได้ละครับนอกจากตกลงเท่านั้นเอง
“งั้นถือว่าเราแต่งงานกันแล้วนะ งั้นคืนนี้ก็ส่งตัวเข้าหอวันแรกนะสิ” มันยิ้มแบบมีแผนในใจอีกแล้ว
แล้วมันก็จริงอย่างที่ผมคิดไม่ทันไรต้อมมันก็พลิกตัวมาทับตัวผมทันที มันบอกว่าเข้าหอวันแรกต้องมีความสุขสิครับ มันพูดแบบนี้จะเหลืออะไรละครับ โงกุนกับเบจิต้าต้องสู้กันอีกแล้วคืนนี้ แล้ววันนี้ก็ใช่ย่อยที่ไหนละครับโงกุนกับเบจิต้าสู้กันไปสองรอบเล่นเอาเหนื่อยแทบตาย แต่ยังดีนะครับที่พรุ่งนี้ต้อมไม่ได้ไปเรียนไม่งั้นคงขอบตาดำไปเรียนแน่ๆ 555
เราตื่นกันก็เกือบบ่ายเลยครับ พอตื่นมาเราก็มาคุยกันเรื่องงานผมต่อว่าเราจะไปทำงานที่ไหนดี เราคุยกันอยู่นานจนผมคิดว่าจะลองไปที่บริษัทพี่น้ำก่อน เพราะเป็นบริษัทไม่ใหญ่มากคนไม่เยอะแล้วผมก็คิดว่าไปหาประสบการณ์ก่อนด้วย เพราะยังไงผมก็อยากเรียนโทต่อ ต้อมก็เห็นด้วยนะครับแต่ที่เห็นด้วยเพราะบริษัทพี่น้ำมีคนไม่เยอะ ผมจะได้เจอคนได้น้อยลง ผมเลยโทรหาพี่น้ำแกก็บอกให้ผมไปหาแกที่บริษัทวันพุธหน้าได้เลย นี่ผมกำลังจะก้าวเข้าสู่ชิวิตของคนทำงานแล้วใช่ไหม ผมก็เริ่มจะกังวลเหมือนกันแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่19]2/05/10 23:58PM
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 03-05-2010 00:26:28
พี่นัทคร้าบมาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่19]2/05/10 23:58PM
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 03-05-2010 00:32:01
เเบบว่า...ช่วยเว้นบรรทัดหน่อยได้รึเปล่าครับ
คือว่าลงเยอะเเล้วมาอ่านทีเเล้วมันลายตา มึนไปเลย
อ่ะครับ เว้นประมาณ 2 เคาะก็โอเคมั้งนะ ช่วยหน่อยนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่19]2/05/10 23:58PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-05-2010 00:43:31
ได้เลยครับ เพื่อความสะดวกของคนอ่าน

เดี๋ยวผมจัดให้คร้าบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่19]2/05/10 23:58PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-05-2010 00:50:47
เท่านี้โอเคไหมครับ บอกด้วยนะครับถ้าไม่ได้จะได้เว้นอีก

ตอนที่20

วันนี้ผมตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าเพราะวันนี้ผมมีนัดสัมภาษณ์งาน ต้อมขอไปส่งผมก่อนค่อยไปเรียนโชคดีที่บริษัทพี่น้ำอยู่แค่วงเวียนใหญ่เท่านั้นเองใกล้บ้านผมมาก ต้อมมาส่งผมที่หน้าบริษัท

“พี่นัทครับ” ผมหันมาหาต้อมที่เรียกผมก่อนที่จะลงจากรถ

“อย่าลืมที่สัญญานะครับ”แล้วมันก็ยื่นหน้ามาที่ผมผมรู้แหละมันจะให้ผมจุ๊บมันแน่ๆ

“บ้าแหละเดี๋ยวมีคนเห็น ไม่เอาหรอก” ผมบอก

“ไม่เอาไม่งั้นก็ไม่ได้ลงนะคราบ” มันกดล็อคประตูรถทันทีเอากับมันสิ ผมเลยต้องจุ๊บไปที่ปากมันทีหนึ่งมันถึงยอมเปิดประตูให้ผมลง

หลังจากผมส่งต้อมเสร็จผมก็เข้ามาที่บริษัทพี่น้ำ บริษัทของแกก็ไม่ได้ใหญ่มากหรอกครับเป็นตึกแถวห้องเดียว มีสามชั้นชั้นแรกที่ผมเข้ามาจะมีโต๊ะทำงานวางอยู่แค่สี่ห้าตัวเท่านั้นเอง แล้วผมมองเห็นด้านในเป็นเหมือนห้องประชุมเล็กๆเพราะผมเห็นโต๊ะยาวผ่านทางกระจกที่กั้นระหว่างห้องอีกที

พอผมเดินเข้ามาพี่น้ำก็ออกมาหาผมทันที ที่โต๊ะทำงานมีพนักงานนั่งอยู่แล้วสี่คนยังมีที่ว่างอีกทีหนึ่ง สงสัยคนแกคงจะขาดถึงได้อยากได้ผมมาทำงาน ผมเตรียมตัวมาสัมภาษณ์เต็มที่เลยครับซ้อมมาเลยเพราะกลัวตื่นเต้น พี่น้ำเดินมาถึงผมที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า

“เอาทุกคน พี่จะแนะนำผู้จัดการทั่วไปให้รู้จักนะ” พี่น้ำยิ้มให้ผมก่อนหันกลับไปบอกพนักงานของแกที่ก้มหน้าทำงานอยู่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองมาที่ผมทันที

“พี่เขาชื่อนัทนะ ต่อไปงานอะไรพี่จะสั่งผ่านเขา พวกเรามีอะไรก็บอกพี่เขาได้เหมือนกันนะ” ตอนนี้ผมงงอยู่ครับคือว่าผมเข้ามายังไม่ได้ทำอะไรเลย ใบสมัครยังไม่ได้ยื่นด้วยซ้ำกลับได้งานทำซะแล้ว แถมยังมีตำแหน่งผู้จัดการอีกต่างหาก ผมเลยหันไปถามพี่น้ำ

“เออ พี่น้ำครับแล้วไม่สัมภาษณ์ผมก่อนหรอครับ”

“สัมภาษณ์ทำไมพี่เคยเห็นนัทตั้งแต่ฝึกงานแหละ กว่าจะหาเจอว่านัทเรียนที่ไหนต้องไปขอจากที่ที่เราฝึกงานตั้งนาน มาแล้วก็ทำงานเลยไม่เข้าใจอะไรก็ถามน้องๆพวกนี้แล้วกัน แล้วนั่นโต๊ะนัทพี่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่วันจันทร์แล้ว พี่ยังกลัวว่านัทจะไม่มาแล้วซะอีก” พี่น้ำยิ้มกว้างมากๆให้ผมก่อนที่แกจะพูดต่อ

“หน้าที่นัทตอนนี้นะคือรับงานจากพี่แล้วเอามากระจายให้น้องๆทำอีกที วันนี้นัททำความรู้จักกับคนอื่นๆไปก่อนนะ พอดีพี่นัดลูกค้าไว้ข้างนอกด้วย เดี๋ยวบ่ายๆเราค่อยมาคุยรายละเอียดกันอีกทีเรื่องงาน” พูดเสร็จพี่น้ำแกก็เดินไปหยิบของที่แกเตรียมไปหาลูกค้าแล้วก็ออกไปเลย ก่อนออกยังบอกว่ามีปัญญาอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะ

แล้วทีนี้ผมจะทำยังไงละครับเขาจะหาว่าผมใช้เส้นเข้ามาหรือเปล่าหนอ ผมเดินมานั่งโต๊ะที่พี่น้ำชี้บอก ที่โต๊ะทำงานผมมีเครื่องคอมตั้งอยู่แล้วก็มีพวกอุปกรณ์เครื่องเขียนตรายางทุกอย่างยังไม่ได้แกะพลาสติกออกเลยครับ แสดงว่าพี่แกเตรียมไว้ให้ผมจริงๆ ตอนนี้พวกคนอื่นๆเริ่มที่จะจับกลุ่มคุยกันแล้วครับ ผมก็คิดว่าคงไม่พ้นเรื่องของผมแน่ๆผมไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกันครับ

ผมเลยนั่งอยู่เฉยๆที่โต๊ะทำงานของผม แต่สักพักผมก็คิดว่ามันคงจะไม่ดีแน่ๆถ้าจะนั่งอยู่แบบนี้ ผมก็ใช่คนที่จะอายคนซะที่ไหนตอนทำกิจกรรมที่มหา’ลัยยังหน้าอายกว่านี้ซะอีก ผมเลยหันไปยิ้มให้คนที่นั่งถัดไปข้างหลังผมแล้วแนะนำตัวอีกที เขาบอกว่าเขาชื่อซีเขาอายุเท่าผม ซีเป็นคนยิ้มเก่งยิ้มทีโลกมืดไปเลยเพราะซีจะหน้าตาออกตี๋ๆหน่อยแต่เป็นพวกตี๋น่ารักนะครับไม่ใช่ตี๋หล่อ ซีจะตัวสูงแต่ตัวเล็กนะครับที่แรกผมก็นึกว่าเขาเป็นคนผอมแต่ก็ไม่ผอมนะเพียงแต่เขาตัวเล็กบางๆนะครับ(อธิบายไปงงไปเหมือนกันนะเนี่ยผม)

ซีก็ทักผมอย่างเป็นมิตรซีเขาเรียนปริญญาโทอยู่แต่เรียนเสาร์อาทิตย์ เขาทำงานส่งตัวเองเรียนนะครับถือว่าเป็นคนเก่งทีเดียว พอผมเริ่มคุยกับซีคนอื่นๆก็เริ่มเข้ามาคุยกับผมบ้างแล้วทีนี้ พวกเขาบอกว่าที่ไม่กล้ามาคุยกับผมเพราะกลัวผมจะหยิ่งเพราะเห็นพี่น้ำแกเอาเรื่องผมมาโม้ไว้เยอะเลย ว่าทั้งเรียนเก่งทำกิจกรรมเก่งแถมยังทำงานเก่งอีกตอนฝึกงานก็ทำงานดีอีกด้วย แถมมาถึงยังให้เป็นผู้จัดการอีกใหญ่รองจากพี่น้ำเลย

หลังจากที่เริ่มคุยกันแล้วทุกคนดูเหมือนจะเลิกเกร็งกับผมแล้ว ผมก็รู้จักกับคนที่เหลือในบริษัททั้งบริษัทมีคนอยู่6คนรวมทั้งผมด้วยแล้วนะ มีพี่น้ำ ซี เก่ง แนน วุฒิ แล้วก็ผม มีพี่น้ำกับแนนที่เป็นผู้หญิงกันสองคน แล้วทั้งสองคนดูเหมือนจะมีนิสัยคล้ายๆกันเลย คือออกห้าวๆแมนๆไปเลยลุยไหนลุยนั่นกันตลอด ซีจะเป็นคนยิ้มง่ายคุยเก่งชอบหามุกตลกมาเล่นแต่มันจะแป้กเสมอเลยครับ เก่งดูเหมือนจะเป็นคนเก็กหล่อนิดนึงถ้าเจอครั้งแรก ท่าทางมันให้จริงนะครับแล้วอีกอยากหน้าตามันก็ค่อนข้างดีออกแนวไทยแท้เลยครับตาคมคิ้วหนา เก่งเรียนต่อโทอยู่ที่เดียวกับซีเลยสนิทกันมากสองคนนี้ วุฒินี่เป็นแฟนพี่น้ำครับอายุน้อยกว่าผมปีหนึ่งรุ่นเดียวกับต้อมครับ พี่น้ำนี่กินเด็กนี่นาวุฒิหน้าตาดีเลยครับแต่เสียดายไม่ค่อยสูงเท่าไหร่แต่ก็สมกับพี่น้ำดีเพราะพี่ออกหมวยๆน่ารักเลยแหละครับ วุฒิจะกล้าคิดกล้าแสดงออกนิดนึง

หลังจากที่ทำความรู้จักกันแล้วบรรยากาศก็ดูไม่อึมครึมอีกแล้วครับตอนนี้ ซีกับเก่งจะชวนผมคุยตลอดและให้ผมช่วยงานบ้างเหมือนเป็นการสอนงานผมมากกว่าครับ จนตอนบ่ายพี่น้ำกลับมาก็เรียกผมขึ้นไปคุยกับแกที่ห้องทำงานแกชั้นสอง ที่ชั้นสองจะเป็นห้องเก็บของกับห้องทำงานของพี่น้ำเท่านั้น พี่น้ำบอกว่าหน้าที่ผมคือให้ผมช่วยงานพวกเอกสารของลูกค้าแล้วให้แบ่งให้คนอื่นๆรับผิดชอบ แล้วมีหน้าที่เอากลับมาให้แกแล้วอีกอย่างให้เป็นวิทยากรเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี เวลามีงานevent ตามที่ต่างๆเพราะว่าบริษัทของแกทำสัญญากับบริษัทที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ไว้ เขาชอบจัดสัมมนาแล้วให้เราหาวิทยากรให้ พี่น้ำเลยจะให้ผมทำตำแหน่งนี้ด้วยและจะได้เงินพิเศษจากค่าจ้างเป็นวิทยากรต่างหาก ผมก็ตกลงสิครับ ได้เงินเพิ่มด้วยแล้วเรื่องเอกสารที่ไม่เข้าใจให้ถามซีได้เลย
งานผมเลิกประมาณห้าโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงเลยตอนนี้ผมเริ่มเอาเอกสารมาทำบ้างแล้ว

“พี่นัทครับงานยังไม่เลิกอีกหรอคราบ” เสียงต้อมมันอ้อนมาทางโทรศัพท์

“ยังพี่เลิกงานห้าโมงครึ่ง เดี๋ยวพี่นั่งมอ’ไซด์รับจ้างกลับเองได้ เราขับรถกลับบ้านดีๆนะพี่เป็นห่วงแล้วเจอกันที่บ้านนะ แค่นี้ก่อนนะพี่ทำงานอยู่” ผมวางสาย แล้วหันไปถามซีเรื่องเอกสารต่อ

พอเลิกงานผมก็รีบกลับบ้านทันทีกลัวว่าต้อมจะเป็นห่วงยิ่งทำงานวันแรกอยู่ เลยไม่อยากให้เกิดปัญหากันตั้งแต่แรก พอผมกลับมาถึงบ้านต้อมก็เตรียมของกินไว้เยอะแยะเลยครับ มันบอกฉลองที่ผมทำงานวันแรกทำตัวน่ารักอีกแล้วแฟนผม สงสัยคืนนี้ต้องให้รางวัลหน่อยแล้วครับ ระหว่างกินข้าวผมก็เล่าเกี่ยวกับที่ทำงานให้ต้อมฟังดูต้อมตั้งใจฟังมาก สงสัยเอาไว้คอยจับตาดูแน่ๆ

กินข้าวเสร็จเราก็มานั่งดูหนังกันต่อผมนอนตักต้อม อ้อตอนนี้น้าผมไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วยแล้วนะครับแกย้ายไปอยู่กับแฟนแกแล้วบอกว่ายกบ้านนี้ให้ผม แถมยังบอกเอาไว้เป็นเรือนหออีกต้อมมันนี่ยิ้มหน้าบานเลยตอนนั้น ผมหลับไปบนตักต้อมตอนไหนก็ไม่รู้คงเพราะเหนื่อยจากการทำงานวันแรก มารู้ตัวตอนต้อมปลุกผมขึ้นไปนอนแต่อย่านึกนะครับว่าผมจะได้นอนเลย มันต้องมีการประลองยุทธระหว่างโงกุนกับเบจิต้าก่อน มันบอกว่าคิดถึงผมทั้งวันเลยขอให้หายคิดถึงหน่อยเอากับมันสิผมไปทำงานแค่วันเดียวนะนี่ แล้วต่อไปผมไม่ต้องเหนื่อยทั้งงานเหนื่อยทั้งเรื่องนี้หรือนี่

ผมทำงานมาได้สองอาทิตย์แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มชินกับงานเอกสารแล้วครับ แล้วอีกอย่างทุกคนก็คอยช่วยผมอย่างดีด้วยโดยเฉพาะซีกับเก่ง แต่ซีจะช่วยมากกว่าคนอื่นๆเลยเราเลยสนิทกันเร็วมากบอกแล้วผมเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายครับ แล้วงานช่วงแรกๆก็ยังไม่มีอะไรมากด้วยพี่น้ำแกบอกจะได้ปรับตัวทัน พี่น้ำก็นิสัยดีมากเลยครับทำกับผมอย่างกับเป็นน้องชายแกคนหนึ่งเลยที่เดียว มีอะไรแกจะมาคุยกับผมหมดทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว จนบางครั้งผมสงสัยว่าทำไมแกถึงไว้ใจผมขนาดนี้ ผมเคยถามแกแกก็บอกว่าคงเพราะถูกชะตากับผมตั้งแต่แรกมั้งแกบอก

วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษเพราะผมต้องแต่งตัวให้มันดูดีหน่อย วันนี้พี่น้ำจะพาผมไปพบกับลูกค้าที่เป็นบริษัทอิเล็คทรอนิครายใหญ่จะบอกว่าระดับโลกเลยก็ได้ครับ แต่ไม่ขอบอกนะว่าของอะไรแต่ผมก็แปลกใจอย่างว่าทำไมบริษัทใหญ่ขนาดนั้นถึงได้มาจ้างบริษัทเล็กๆของพี่น้ำได้นะ แต่เดี๋ยวไปถึงก็คงจะรู้เองนั่นแหละผมคิดในใจ

“วันนี้ทำไมทำตัวหล่อเป็นพิเศษเลยพี่ มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ต้อมมันเข้ามากอดข้างหลังผมหลังมันอายน้ำเสร็จแล้ว

“อืม จะไปพบลูกค้านะพี่น้ำแกบอกให้แต่งหล่อๆเลยนะ ลูกค้ารายใหญ่ด้วย” ผมบอกต้อมมันยังกอดผมอยู่นั่นแหละจนผมแต่งตัวไม่ได้แล้วตอนนี้

“ปล่อยพี่ก่อนสิ พี่จะแต่งตัวให้เสร็จเราก็ไปแต่งตัวได้แล้ว จะไปส่งพี่ไหมเนี่ยแบบนี้” ก่อนจะไปแต่งตัวมันยังหอมแก้มผมอีก

ปกติต้อมจะมาส่งผมที่ทำงานทุกเช้าอยู่แล้วครับเพราะมันใกล้บ้านเลยไม่เสียเวลามาก จริงๆผมจะมาเองแต่มันไม่ยอมมันบอกต้องมาส่งทุกวัน ก่อนลงรถผมก็ต้องจุ๊บมันทุกวันด้วยมันจะมาส่งเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้สิครับ ผมนั่งทำงานได้สักพักพี่น้ำก็โทรมาบอกให้ผมออกมารอหน้าออฟฟิศแกจะขับรถมารับ

พี่น้ำพาผมมาหาลูกค้าแถวสุขุมวิท(บอกไว้กว้างๆนะครับบอกละเอียดเดี๋ยวรู้กันพอดีที่ไหน) พาผมขึ้นไปที่ออฟฟิศลูกค้าพอไปถึงพี่น้ำก็แนะนำให้รู้จักพี่กันเพื่อนแกที่ทำงานอยู่ที่นี่ ผมก็ถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมเขาถึงจ้างบริษัทเราทำงานเส้นดีนี่เอง เราคุยงานกันจนถึงช่วงบ่ายก็กลับออฟฟิศผมก็ได้งานให้ขึ้นมาอีกแล้ว คือต้องคอยดูแลงานของบริษัทพี่กันทั้งหมดแล้วแกให้ซีกับเก่งมาเป็นผู้ช่วยผมอีกที ผมเพิ่งทำงานได้สองอาทิตย์กว่าๆก็ให้รับงานใหญ่แล้วหรอเนี่ย ผมเริ่มเครียดนิดๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่20 P:2]3/05/10 00:50PM
เริ่มหัวข้อโดย: saramander39 ที่ 03-05-2010 01:22:14
ชอบจังๆมาต่อไวมากๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่20 P:2]3/05/10 00:50PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-05-2010 13:00:50
20 กับ 21 ตอนไหนอ่านง่ายกว่ากันครับ บอกหน่อยนะครับ

ตอนที่21

ช่วงนี้งานผมยุ่งมากเลยครับเพราะบริษัทพี่กันจัดงานเยอะมาก ทั้งสัมมนาทั้ง showcase ทั้งอบรมลูกค้าของแกทำให้ผมยุ่งตลอดเวลาเลยครับ บางครั้งยังต้องเอางานกลับมาทำบ้านด้วยเลยครับ ผมจะให้คนอื่นทำก็ไม่ได้อีกเพราะพี่กันแกไม่ยอมบอกว่าถ้าเปลี่ยนไม่ใช่ผมก็จะเลิกจ้าง อะไรกันนักก็ไม่รู้จนผมรู้ตัวนะครับว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ต้อมเลย แต่ต้อมก็ไม่ได้พูดอะไรเลยครับกลับคอยให้กำลังใจผมอีกต่างหาก


“พี่นัทกินนมหน่อยนะพี่ ผมอุ่นมาให้ด้วย” ต้อมส่งแก้วนมที่อุ่นแล้วมาให้ผม


“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วแหละ จะไปนอนก่อนก็ได้นะดึกแล้วเหมือนกัน” ผมหันไปดูนาฬิกาเห็นว่ามันจะห้าทุ่มแล้วตอนนี้


“เดี๋ยวผมรอไปนอนพร้อมพี่ ไปนอนคนเดียวก็นอนไม่หลับอยู่ดี” เอากับมันสิเล่นอ้อนแบบนี้เลย ผมเลยรีบทำงานให้เสร็จก็เกือบเที่ยงคืนได้ ต้อมนั่งดูหนังอยู่ผมเลยชวนไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้อมมีเรียนเช้าด้วย


ผมหยุดงานวันอาทิตย์ถ้าวันหยุดผมจะอยู่กับต้อมทั้งวัน ถือว่าชดเชยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันช่วงวันธรรมดา แล้วผมจะตามใจมันเป็นพิเศษเลยครับอยากได้อะไรทำให้หมดทุกอย่างเลยครับ แล้ววันนี้เราก็ไปกินข้าวกับดูหนังกันเพราะไม่ได้ดูมากันนานแล้ว ก่อนกลับก็แวะซื้อของมาทำกับข้าวกินกันผมจะทำกับข้าวกินกับต้อมทุกวันหยุดแหละครับ ช่วยกันทำเหมือนมีกิจกรรมร่วมกันไงครับ


“พี่นัท พี่เหนื่อยไหมทำงานทุกวันเลย” ต้อมถามตอนที่เราขึ้นมาบนห้องแล้ว


“ก็เหนื่อยนะแต่กลับมาเจอต้อมก็หายแหละ” ผมปากหวานมั่งแล้วทีนี้ ต้อมมันยิ้มหน้าบานเลย


“งั้นเดี๋ยวผมนวดให้นะ” แล้วต้อมก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วก็นวดให้ผม


มันช่างสบายจริงๆเลยเวลาที่มีคนมานวดให้ แต่มันชักยังไงๆอยู่นะครับก็ต้อมมันเล่นนวดอยู่แถวต้นขานานมาก นวดจนมาใกล้เบจิต้าผมเลย โดนแบบนี้ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับเบจิต้าผมมันก็โกรธสิครับ มันเริ่มจะแปลงร่างแล้วตอนนี้ผมเห็นต้อมมันหันมายิ้มให้ผมอีกแหนะ พอต้อมมันเห็นแบบนี้มันถอดกางเกงผมออกแล้วเอามือมานวดเบจิต้าทันที


“แล้วพี่จะหายเหมื่อยไหมนี่แบบนี้ นวดแบบไหนกัน” ผมยกหน้าขึ้นมามองต้อมที่กำลังนวดเบจิต้าผมจนมันโกรธแปลงร่างขั้นสุดยอดแล้วตอนนี้


ต้อมมันหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็นวดด้วยปากไงครับ อยู่นิ่งๆนะครับ” พูดแล้วมันก็ก้มลงไปใช้ปากนวดเบจิต้าผมทันที สงสัยการนวดครั้งนี้จะเหนื่อยแทนซะแล้ว
ตกลงเมื่อคืนเบจิต้ากับโงกุนผลัดกันรุกคนละสองครั้งเช้ามาทำเอาผมตาโหลไปเหมือนกัน ต้อมก็ไม่ต่างจากผมหรอกครับแต่ก็ยังไปส่งผมที่ทำงาน


“นัท นัทมีแฟนแล้วหรอ” ซีถามผมตอนที่กำลังกินข้าวเที่ยงกันอยู่


“อืม ทำไมหรอแล้วรู้ได้ยังไงละ” ผมหันไปมองหน้าซีเพราะสงสัยว่าซีรู้ได้ยังไง


“ก็เราเห็นคนมาส่งนัททุกเช้า แล้วอีกอย่างวันนี้ทีคอนัทมีรอยอะไรด้วย” ซีทำท่าท่างเขินๆเมื่อพูดถึงตรงนี้


“หือ รอยอะไร” ผมหันไปยืมกระจกแนนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอามาส่องดูมันมีรอยจริงๆด้วยแต่ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นนะครับเพราะเสื้อมันปิดอยู่ แต่ซีก็ยังจะมาเห็นอีกอีกอย่างต้อมนี่มันแก้ไม่หายจริงๆนิสัยชอบแอบฝากรอยรักเนี่ย


ผมก็ได้แต่ยิ้มๆแหละครับมันก็อายเหมือนกัน แต่ทำไมซีถึงรู้เรื่องผมเยอะจังทั้งเรื่องที่ต้อมมาส่งด้วย แต่ช่างมันเถอะงานมันยุ่งเกินกว่าที่ผมจะเก็บเอามาคิด พรุ่งนี้ยังมีนัดกับพี่กันคุยงานกันอีกแล้วอีกอย่างถึงรู้ก็ไม่เห็นเป็นไรก็ผมมีแฟนแล้วจริงๆนี่นา แถมยังรักผมมากอีกด้วยแล้วผมจะกลัวอะไร


วันนี้พี่กันนัดผมที่เซ็นทรัลลาดพร้าวครับ เพราะพี่แกมีงานที่อื่นต่อเลยนัดเจอกันข้างนอก พอคุยงานกันเสร็จผมเลยคิดว่าจะแวะเข้าไปหาต้อมที่มหา’ลัยสักหน่อย รอกลับบ้านด้วยกันเลยเพราะผมไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้ว และกะว่าจะทำให้ต้อมแปลกใจด้วยไงครับ


ก่อนมาผมแวะซื้อขนมเค้กที่ S&P มาฝากต้อมด้วย ต้องเอาใจกันหน่อยช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาให้มันอยู่ด้วย แถมมันก็ไม่เคยบ่นอะไรอีกต่างหาก ผมมาถึงช่วงบ่ายๆผมจำได้ว่าต้อมยังไม่ถึงเวลาเรียนผมเลยเดินเข้าไปหาที่ซุ้ม ผมเห็นต้อมแต่ไกลแล้วครับมันนั่งหันหลังให้ผมที่กำลังเดินเข้าไปหาอยู่ มันนั่งคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งไม่ใช่หนุ่ยด้วยผมเห็นคุยกันอย่างสนิทสนมเชียว ผมเลยแกล้งเดินให้มันช้าลงเพื่อแอบสังเกตมันเพราะถ้าผมเข้าเขตซุ้มน้องคนอื่นๆที่เห็นผมก็ต้องทักจนมันรู้ตัวแน่ๆ


แล้วผมก็เห็นน้องคนนั้นโอบเอวมันไว้ที่แรกผมก็ไม่คิดอะไรนะเชื่อใจไงครับ แต่ก็นานแล้วนะมันยังไม่เอามือออกเลยแถมยังคุยกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย ผมว่ามันชักจะยังไงๆอยู่นะอย่างนี้ ถึงว่ามันถึงไม่เคยว่าผมเลยช่วงที่ไม่ค่อยมีเวลาให้มันเพราะแบบนี้นี่เอง ตอนนี้ผมโมโหขึ้นมาทันทีผมรีบเดินเข้าไปหาทันทีน้องคนอื่นทักผมก็แค่หันไปพยักหน้ารับแค่นั้นเอง มันโมโหอยู่นี่ครับอยากรู้ว่าถ้าเห็นผมมันจะทำยังไงนี่ถ้าเห็นผมเข้า


จนผมเดินเข้ามาถึงที่โต๊ะมันยังไม่ปล่อยมือออกจากเอวต้อมเลยครับ ยิ่งเห็นแบบนี้จากแค่โมโหกลายเป็นโกรธแทนแล้ว


“อะ ซื้อมาฝากกะว่าจะแวะมากลับบ้านพร้อมกันซะหน่อย แต่เดี๋ยวกลับเองก็ได้ไม่รบกวนแล้ว” ผมโยนขนมให้มันที่โต๊ะ เห็นมันทำหน้าตกใจแต่ผมไม่ได้สนอะไรแล้วหันหลังเดินกลับออกมาทันที


ผมรีบเดินกลับออกมาเพื่อจะเรียกแท็กซี่หน้ามหา’ลัย แต่ก็มีคนมาดึงมือผมไว้ก็คงไม่ใช่ใครต้อมนะแหละครับที่มันวิ่งมาดึงมือผมไว้


“พี่นัทเป็นอะไรของพี่เนี่ย” ต้อมมันถามผม มันไม่รู้ตัวจริงๆหรือไงนะ


“ยังจะให้พี่ต้องพูดอะไรอีกหรอ ถ้าพี่ไม่มาหาก็คงจะไม่รู้แน่ๆคงจะโง่โดนหลอกอยู่นั่นแหละ” ผมโกรธมากแล้วตอนนี้ที่มันทำเป็นไม่รู้ว่าผมโกรธเรื่องอะไร


“หลอกอะไรใครหลอกพี่ ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย” มันยังทำหน้าไม่รู้เรื่องอีก


“จี้จ๋ากันขนาดนั้นยังต้องให้บอกอีกหรอไง ถึงว่าเดี๋ยวนี้เอาใจพี่มากเป็นพิเศษ” ผมเริ่มพาลไปทั่วแล้วตอนนี้ เห็นแบบนี้ใครจะทนไหว


“มันไม่ได้เป็นแบบที่พี่เห็นนะ ไม่มีอะไรจริงๆ”


“ไม่มีอะไรหรอเห็นหน้าบานกันทั้งคู่เลย แล้วจะให้พี่คิดยังไงละพี่น้องที่ไหนเขาโอบเอวกันแบบนี้บ้าง” ยิ่งพูดผมก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก


“พี่มีเหตุผลหน่อยสิครับ ฟังผมอธิบายบ้างสิ” โหมันว่าผมไม่มีเหตุผลอะคราวนี้ เมื่อก่อนให้ทะเลาะกันยังไงมันก็ไม่เคยจะว่าผมเลยนะ


“นี่เราว่าพี่ไม่มีเหตุผลหรอ ถ้างั้นเราก็ไปคุยกับคนที่มีเหตุผลก็แล้วกัน ปล่อยมือพี่เดี๋ยวนี้” ตอนนี้มันโกรธยิ่งกว่าโกรธแล้วครับ


“ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ที่นี่เดี๋ยวผมไปเรารถมารอผมอยู่นี่นะ” มันรีบวิ่งไปเอารถก่อนไปยังย้ำว่าให้ผมรออยู่ตรงนี้อย่าหนีไปไหนเด็ดขาด ถ้าเป็นคุณจะอยู่หรอครับ


ผมก็เรียกแท็กซี่ขึ้นไปทันทีตอนนี้ผมโกรธมันมากจริงๆ มันไม่เคยที่จะเป็นแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่คบกันมา ที่มันเป็นแบบนี้มันเริ่มจะเบื่อผมแล้วใช่ไหม ไหนมันบอกว่าจะอยู่กับผมคนเดียวไงทำไมมันทำแบบนี้นะ หรือเพราะผมไม่มีเวลาให้มันเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ต้องเข้าใจสิว่าผมต้องทำงานแต่ถึงผมทำงานผมก็พยายามหาเวลาให้มันตลอดนะครับ แล้วมันจะมาทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ผมยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้เพราะมันคงต้องไปรอผมที่บ้านแน่ๆ


“ซีหรอเลิกงานแล้วว่างไหมไปกินเหล้ากัน” ผมโทรหาซีบนรถแท็กซี่ ก็ผมไม่รู้จะชวนใครแล้วนี่ครับไอ้ตี๋กับไอ้แนทมันได้งานที่ต่างจังหวัดกันทั้งสองคนเลย นานๆมันจะกลับมาทีผมก็เลยโทรหาซีนี่แหละ


“ว่างสิแต่กินที่ไหนละ แล้วนึกไรขึ้นมาถึงอยากกินเหล้า ปกติไม่เห็นจะเคยกิน” ซีถามเพราะปกติเวลาพี่น้ำพาไปเลี้ยงหลังเลิกงานผมก็ไม่ค่อยกินเหล้า ก็ไม่อยากให้ต้อมมันเป็นห่วงนี่ครับแต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วมันคงห่วงคนอื่นไปแหละ


“งั้นเจอกันที่ร้าน....นะ ชวนเก่งกับแนนไปด้วยสิ คนเยอะๆสนุกดี” ผมบอกซี ซีก็บอกเดี๋ยวจะชวนให้แล้วก็วางสายกันไป


ระหว่างที่นั่งรถไปร้านที่นัดกับพวกซีไว้ต้อมมันก็โทรเข้ามาหลายครั้งมาก แต่ผมไม่ได้รับหรอกครับยังไม่อยากได้ยินเสียงมัน จนสักพักเป็นเบอร์หนุ่ยโทรเข้ามาแทน มันคงให้เพื่อนมันโทรมาให้แน่ๆเอารับดูหน่อยว่าหนุ่ยจะพูดว่าไง


“ว่าไงหนุ่ย มีอะไรหรอ” ผมรับสาย


“พี่นัทอยู่ที่ไหนครับตอนนี้ ต้อมมันจะบ้าไปแล้วนะพี่” มันยังคิดถึงผมอยู่อีกหรอ


“มันยังจะห่วงพี่อีกหรอ มันไม่ได้ห่วงคนอื่นมากกว่าพี่แล้วหรือไง” ผมประชดใส่หนุ่ยซะงั้น


“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่นัท ไอ้ต้อมมันไม่ได้มีไรกับน้องคนนั้นจริงๆ ผมก็อยู่ด้วยผมไม่ยอมให้มันนอกใจพี่หรอกครับ” หนุ่ยมันช่วยต้อมแก้ตัว


“เรามันเพื่อนกันนี่นะก็ช่วยกันปิดอยู่แล้วนี่ พอพี่ไม่อยู่ก็ไม่มีคนคิดถึงพี่สักคนหรอกพี่ว่า” ผมเหวี่ยงสุดๆแล้วตอนนี้


“ไม่ใช่แบบนั้นนะพี่ อีกอย่างน้องคนนั้นนะ...” ผมไม่อยากฟังที่หนุ่ยแก้ตัวให้ต้อมมันอีกแล้วผมเลยตัดสายทิ้งไป


หนุ่ยโทรกลับมาอีกแต่ผมก็ไม่รับแล้วละครับรับไปก็ช่วยกันแก้ตัวอีก ผมเห็นกับตาขนาดนี้แล้วถ้ายอมรับผมยังจะโกรธน้อยกว่านี้อีก เพราะคนเรามันเผลอตัวกันได้ถ้ากลับตัวได้ยอมรับผิดผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับผมมาถึงร้านที่นัดกับพวกซีไว้ก่อน พอดีร้านนี้มีคาราโอเกะด้วยผมเลยเข้าห้อง V.I.P. แล้วโทรไปบอกซีว่าอยู่ห้องไหน ผมสั่งเหล้ามากินก่อนเลยครับ ผมกินไปพอตึงๆแล้วซีก็มาถึงมีเก่งมาด้วยอีกคนส่วนแนนไม่ได้บอกที่บ้านไว้ก่อนเลยไม่ได้มา


พวกซีถามผมว่าคิดยังไงถึงชวนกินเหล้า ผมก็บอกแค่ว่าวันนี้นึกอยากกินแค่นั้นเอง พวกซีร้องเพลงกันสนุกสนานมากส่วนผมก็กินเหล้าอย่างเดียวเลยครับ หมดขวดผมก็สั่งเพิ่มอีกผมอยากกินให้มันเมาจะได้ลืมเรื่องพวกนี้เสียที ตื่นมาผมคงจะใจเย็นคุยกับต้อมได้แล้ว


ผมไม่รู้ว่ากินไปกี่ขวดแล้วรู้แต่ว่าผมเมามากแล้ว แล้วพวกซีกับเก่งก็ท่าทางจะเมาแล้วเหมือนกัน ผมเลยชวนกลับกันเพราะดึกมากแล้วอีกต่างหาก เก่งแยกกลับไปคนเดียวเพราะบ้านไปคนละทางกับบ้านผมและซี ส่วนผมกลับกัยซีเพราะพอผมลงบ้านแล้วซีจะได้นั่งแท็กซี่ต่อไปบ้านมันเลยยังไงบ้านผมก็ทางผ่านอยู่แล้วจะได้แชร์ค่ารถด้วย พอขึ้นรถไปได้สักพักผมก็หลับครับก็เมามากขนาดนั้นนี่ครับ


หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่22 P:2]3/05/10 10:23PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-05-2010 22:28:26
ตอนที่22

ผมรู้สึกปวดหัวมากเลยตอนนี้คงเพราะเหล้าเมื่อคืนแน่ๆ แต่ว่าทำไมต้อมไม่ปลุกผมอาบน้ำไปทำงานนะ ผมเลยลืมตาขึ้นมามองหาต้อม แต่ทำไมมันไม่คุ้นตาเลยผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนสีฟ้าลายการ์ตูนสดใส ผมได้สติขึ้นมาทันทีเลยตอนนี้เพราะผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนนะสิครับ ผมเริ่มมองสำรวจรอบๆห้องเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่ที่มุมห้อง มีโทรทัศน์กับเครื่องเสียงอยู่ที่ปลายเตียง ระหว่างที่ผมกำลังสำรวจรอบๆห้องอยู่นั้น


“อ่าวตื่นแล้วหรอนัท กำลังว่าจะเข้ามาปลุกพอดี” ซีเปิดประตูเข้ามา ท่าทางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เลย


“เรามาอยู่นี่ได้ยังไงละ” ผมหันไปถามซีทันที


“อ๋อ นี่บ้านเราเองก็เมื่อคืนนัทหลับบนรถเราปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เราไม่รู้จักบ้านนัทด้วยเราก็เลยพามาบ้านเราก่อน” ซีหันมายิ้มให้ผมแล้วหันกลับไปแต่งตัวต่อ
ผมพอจะเข้าใจเรื่องแล้วแต่ตอนนี้ผมเริ่มเป็นห่วงต้อมแล้วครับ เพราะปกติเราทะเลาะกันยังไงก็กลับบ้านครับ คุยกันที่บ้านเคลียกันที่บ้านมากกว่า แต่คราวนี้ผมไม่ได้กลับบ้านต้อมมันคงเป็นห่วงผมมากแล้วแน่ๆเลย ผมเลยล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แต่ผมกลับหากระเป๋ากางเกงไม่เจอผมเลยก้มลงมอง เฮ้ยนี่ทำไมผมมาใส่ชุดนอนสีฟ้าลายสก๊อตได้ยังไงกัน ผมกำลังจะถามซี


“ชุดเราเอง เราเปลี่ยนให้นัทเอง ดีนะที่เราชอบใส่ชุดนอนตัวใหญ่นัทใส่ได้พอดีเลย” แล้วมันจะมาเปลี่ยนชุดให้ผมทำไมกันเนี่ย ผมเลยถามหาชุดของผมซีก็ชี้ไปที่ราวตากผ้าที่อยู่ข้างๆเตียง


ผมรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ผมถอดตรงนั้นเลยแหละครับเพราะผมไม่ได้อายอะไรอยู่กับเพื่อนก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้น ผมเห็นซีแอบมองอยู่ด้วยแต่ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะผมกำลังรีบ ผมอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุดแล้วตอนนี้ พอเปลี่ยนเสร็จผมก็บอกซีกลับบ้านก่อนแล้วผมก็ออกมาเลย พอขึ้นแท็กซี่ได้ผมหยิบโทรศัพท์มาดูต้อมโทรมาร้อยกว่าครั้งได้ ป่านนี้มันคงกลุ้มใจแย่แล้วแน่ๆ


ผมคิดว่าจะโทรหาต้อมแค่ผมโทรหาพี่น้ำก่อนดีกว่าเพราะจะลาหยุดวันนี้ พอผมตัดสินใจได้ก็โทรหาพี่น้ำทันทีบอกว่าไม่ค่อยสบายขอลาหยุดพี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกว่าให้ส่งเมลที่ไปคุยกับพี่กันมาให้ด้วยผมก็รับปาก หลังจากคุยเสร็จผมก็โทรหาต้อมต่อทันที แต่มันดังครั้งเดียวพอต้อมรับเครื่องมันก็ดับไปเลย โอ๊ย ทำไมแบตมันต้องมาหมดตอนนี้ด้วยนะ แบบนี้ต้อมยิ่งคิดมากขึ้นอีกแน่ๆมันยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย


ผมบอกให้แท็กซี่เร่งความเร็วหน่อยเพราะผมรีบ บ้านซีก็อยู่ตั้งสะพานควายเช้าๆรถติดด้วย ผมกลับมาถึงบ้านเกือบเก้าโมงเช้าแต่รถต้อมยังอยู่แสดงว่าไม่ได้ไปเรียน ผมเห็นรถหนุ่ยจอดอยู่นอกบ้านผมด้วยมันคงมาอยู่เป็นเพื่อนต้อมแน่ๆเมื่อคืนนี้ ผมกำลังไขประตูเข้าบ้านประตูก็เปิดออกมาทันทีเป็นต้อมที่เปิดประตูออกมา มันโผเข้ามากอดผมทันทีที่เห็นว่าเป็นผม


“พี่นัทหายไปไหนมา พี่นัทอย่าหนีผมไปไหนอีกเลยนะ” ต้อมมันกอดผมแน่นมากแล้วมันก็ร้องไห้ออกมาหน้าซบอยู่ที่ไหล่ผม


“พี่ไม่ได้หนีไปไหนหรอก พี่กลับมาแล้วนี่ไง” ผมกอดตอบแล้วเอามือลูบหัวมันเพื่อปลอบใจ ตอนนี้ผมลืมเรื่องที่โกรธมันไปหมดแล้วเห็นมันเป็นแบบนี้


ผมยืนปลอบมันสักพักจนรู้สึกว่ามันดีขึ้นแล้วก็เข้ามาในบ้านกัน พอเข้ามาถึงก็เห็นหนุ่ยนั่งอยู่กับน้องคนที่ผมเห็นกอดเอวต้อมเมื่อวาน แล้วมันมาอยู่นี่ได้ไงกันผมหันไปมองหน้าต้อม


“พี่นัทนี่น้องชายผมเองครับ ชื่อเนย คนที่ไปช่วยต้อมเลือกสร้อยพี่ตอนนั้นไงครับ” หนุ่ยพูดทันทีที่เห็นผมทำหน้าสงสัย เนยก็ยกมือไหว้ผมผมก็รับไหว้


“ผมจะบอกพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่บอกไม่ทันพี่ตัดสายไปก่อน” หนุ่ยพูดต่อ สงสัยผมจะเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบที่ต้อมมันว่าจริงๆนั่นแหละ พอโกรธก็ไม่ยอมฟังอะไรเลยผม


หลังจากที่ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วหนุ่ยกับน้องมันก็ขอตัวกลับก่อน พอหนุ่ยกลับไปแล้วต้อมก็ดึงมือผมมานั่งที่โซฟา ตามันยังแดงจากที่ร้องไห้เมื่อกี้อยู่เลยผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ผมทำมันทุกข์ใจเพราะผมอีกแล้ว


“เมื่อคืนพี่หายไปไหนมา ผมตามหาจนทั่วโทรไปที่ออฟฟิศเขาก็บอกไม่รู้ ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆถ้าวันนี้พี่ไม่กลับมา” ต้อมยังไม่หายหน้าเครียดเลยตอนนี้


แล้วผมจะบอกยังไงดีละถ้ามันรู้มันจะโกรธผมไหมนี่ แต่ผมคงต้องบอกความจริงมันไปแหละไม่อยากมีปัญหาที่หลังอีกผมเลยเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ต้อมฟังทั้งหมด แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่โดนเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับใครจะกล้าเล่าละครับเรื่องแบบนั้น


“พี่นัทถ้าต่อไปพี่นัทเมาเหล้าต้องโทรหาผมได้ไหม พี่สัญญากับผมได้ไหม” ต้อมจ้องผมตาเขม็งเลยครับ


“พี่สัญญาก็ได้ว่าต่อไปถ้าพี่เมาเหล้าจะโทรหาเราคนแรก” แล้วถ้าผมเมาหลับผมจะโทรยังไงหว่าลืมคิดข้อนี้ไปเลย


หลังจากคุยกันจนเข้าใจผมก็ชวนต้อมไปอาบน้ำเพราะมันยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย ผมก็ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว(ผมคิดว่าซีมันคงไม่ได้อาบน้ำให้ผมหรอกนะ) หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เอาnotebook มาทำงานบนที่นอน ผมมีโต๊ะที่คล้ายๆโต๊ะกินข้าวในโรงพยาบาลนะครับที่มันมีขาข้างเดียวแล้วเป็นแทนยื่นออกมานะครับ เอาไว้นั่งทำงานบนที่นอนจะได้ไม่ต้องนอนทำให้ปวดหลัง ผมบอกว่าขอส่งงานให้พี่น้ำก่อนวันนี้ลางานหนึ่งวันอยากอยู่กับแฟน หยอดคำหวานซะหน่อยทำผิดไว้นี่ครับ ต้อมมันก็เลยโทรไปให้หนุ่ยลาอาจารย์ให้มันเหมือนกัน


ต้อมนอนหนุนตักผมตอนที่ผมกำลังส่งเมลให้พี่น้ำ พอผมส่งเมลเสร็จต้อมก็หลับไปแล้วคงเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนแน่ๆ ผมค่อยๆขยับตัวเพื่อเลื่อนโต๊ะทำงานออกไปแล้วทิ้งตัวนอนบ้างสักพักก็หลับไปโดยที่ต้อมยังนอนอยู่ที่ตักผม ผมก็หลับตามไปบ้างคงเพราะเหล้าที่กินไปเมื่อคืนนี้แน่ๆ


ผมมารู้สึกตัวก็ตอนที่ต้อมมันจูบผม ผมลืมตาขึ้นมามองผมเห็นเสื้อผ้าผมกองอยู่ที่ปลายเท้า มันถอดเสื้อผ้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันทำไมผมรู้เรื่องเลย


“ตื่นจนได้ ขนาดผมถอดเสื้อผ้าหมดแล้วยังไม่รู้ตัวเลย อย่างนี้ต้องตรวจร่างกายหน่อยแล้วว่าใครแอบทำอะไรพี่นัทหรือเปล่า” อ่าวนี่มันแอบไปเรียนหมอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จะมาตรวจร่างกายคนอื่นเขาแบบนี้


ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบต้อมมันก็จูบผมอีกครั้ง แล้วมันก็สำรวจร่างกายผมจริงๆครับมันจูบลงทุกส่วนของร่างกายผมเลย ผมงี้เสียวจะแย่เลยพอมันตรวจผมจนทั่วทั้งตัวแล้วมันก็มาทักทายเบจิต้าผมทันที มันบอกว่าตรงนี้ต้องตรวจเชิงลึกนะครับแล้วมันก็ใช้ลิ้นตรวจทันที ต้อมมันลงลิ้นแทบจะทุกตารางนิ้วของเบจิต้าผมเลยครับโดยเฉพาะที่หัวของเบจิต้า ทำเอาผมต้องบิดตัวเพื่อลดความเสียวลงไปบ้าง พอผมจะไม่ไหวแล้วต้อมก็จะหยุดทันทีแล้วไปตรวจที่อื่นแทน


ต้อมทำอย่างนี้อยู่สองสามหนจนผมบอกว่าไม่ไหวแล้วอย่าแกล้งผมอีกเลย สงสัยมันจะแก้แค้นผมเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ พอต้อมเห็นผมเป็นแบบนี้แล้วก็ขยับตัวมาขึ้นคร่อมผม แล้วเอาเบจิต้าผมเข้าไปในตัวมันทันที วันนี้ดูท่าทางต้อมจะมีอารมณ์มากเป็นพิเศษเพราะในตัวต้อมตอดรัดอย่างมากเลยวันนี้ ต้อมอยู่อย่างนั้นสักพักก็เริ่มโยกตัวจากช้าแล้วเร็วขึ้นตอบรับกับการยกเอวขึ้นของผม สักพักผมก็ทนไม่ไหวแล้วครับก็เบจิต้าผมโดนต้อมกดดันด้วยปากมาสองสามหนแล้วนี่ครับ พอผมบอกต้อมว่าไม่ไหวจะระเบิดพลังแล้วต้อมก็เอาเบจิต้าผมออกมาจากภายในเขา แล้วก็กลับตัวก้มลงไปใช้ปากให้ผมต่อทันที แล้วหันเอาโงกุนของมันมาที่หน้าผมผมก็เลยทักทายโงกุนสักหน่อย ผมเอาโงกุนเข้าไปในปากจนหมดดุท่าทางต้อมจะเสียวมากเหมือนกันเห็นครางออกมาทั้งๆที่เบจิต้าผมยังอยู่ในปาก ผมเห็นแบบนี้ยิ่งเสียวไปใหญ่จนระเบิดพลังออกมาต้อมก็กินพลังผมไปจนหมด


“ผมจะเมาไหมนี่ รสเหล้าออกมาเลยเมื่อคืนกินเยอะขนาดไหนเนี่ย” ต้อมมันหันมาบอกหลังจากที่กินพลังของผมไปจนหมด ผมเพิ่งรู้นะนี่ว่ามันเปลี่ยนรสได้ด้วย
ผมไม่ได้ตอบหรอกครับก็โงกุนมันอยู่ในปากนี่นา แล้วต้อมก็ลุกขึ้นหันหน้ามานั่งคร่อมบนอกผมแทน ตอนนี้โงกุนมันยื่นหน้ามาหาผมแล้วครับ ผมก็เลยยกหัวเอาปากไปทักโงกุนอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ต้องไรมากเพราะต้อมส่งโงกุนเข้าออกปากผมเอง ต้อมดูเสียวมากๆครางออกมาตลอดเวลาเลย เรียกชื่อผมตลอดด้วยเช่นกัน
ต้อมส่งโงกุนเข้าปากผมสักพักก็เอาออกเลื่อนตัวลงมาอยู่ที่หว่างขาผมแล้วตอนนี้ ต้อมเอาหมอนลองก้นผมไว้แล้วเอาขาผมพาดไว้ที่เอว แล้วต้อมก็เอาโงกุนเข้ามาในตัวผมอย่างช้าๆ พอโงกุนเข้ามาจนหมดแล้วต้อมก็เริ่มโยกสะโพกทันที จากช้าๆจนผมครางออกมาต้อมก็เริ่มเร่งจังหวะเร็วมากขึ้น ผมเสียวมากจนเอามือไปจิกไว้ที่ต้นขาของต้อม แต่มันเหมือนเป็นการกระตุ้นมันเลยครับมันกลับยิ่งเร่งจังหวะเร็วมากขึ้นอีก จนผมต้องครางเรียกชื่อมันออกมาตลอดเหมือนกัน


ครั้งนี้ผมเสียวมากจนผมต้องระเบิดพลังออกมาอีกรอบ โดยที่ต้อมไม่ได้ทำอะไรให้ผมเลยผมคิดว่าตอนนี้ในตัวผมก็คงจะรัดโงกุนจนแน่นแล้วแน่ๆ ผมเห็นต้อมเร่งจังหวะแล้วก็เปลี่ยนมาเน้นอีกสองสามครั้งก่อนจะล้มตัวลงมานอนทับตัวผมไว้ เราสองคนหายใจหอบแข่งกันเลยครับตอนนี้


“พี่นัทผมรักพี่นะครับ รักมากด้วย” ต้อมหายใจหอบพูดข้างหูผม


“พี่ก็รักเรามากนะ” ผมก็ไม่ต่างจากต้อมเท่าไหร่หรอกครับ


หลังจากหายเหนื่อยเราก็ไปอาบน้ำกันแล้วออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ก่อนกลับแวะดูหนังกันอีกรอบต้องเอาใจกันหน่อยครับ กลับมาถึงบ้านตอนก่อนนอนต้อมขอเข้าไปในออฟฟิศผมพรุ่งนี้ มันบอกว่าจะไปขอบคุณซีที่ช่วยดูแลผมเมื่อคืน อืมมันคิดอะไรของมันหว่าแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับดีซะอีกมันจะได้รู้จักคนในออฟฟิศผมด้วย


ตอนเช้าผมก็พาต้อมเข้ามาในออฟฟิศด้วยกันครับ ทุกคนก็หันมามองต้อมคงคิดว่าผมพาใครมาด้วยแน่ๆ ต้อมมันยกมือไหว้พี่น้ำเพราะมันเคยเจอพี่น้ำแล้วครั้งหนึ่ง


“พาน้องมาเที่ยวออฟฟิศหรอนัท” พี่น้ำถามผม เพราะเห็นว่าต้อมใส่ชุดนักศึกษาด้วยมั้งครับ


“เออ..” ผมกำลังจะตอบต้อมก็แทรกขึ้นมาทันที “ผมเป็นแฟนพี่นัทครับไม่ใช่น้อง” เฮ้ย มันมาไม้ไหนเนี่ย อยู่ๆก็มาประกาศตัวซะงั้น หรือว่านี่คือจุดประสงค์ที่มันอยากมาออฟฟิศผมวันนี้ คราวนี้ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมดแล้ว คราวนี้ผมจะทำยังไงละครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่23 P:2]4/05/10 01:20AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 04-05-2010 01:23:02
ตอนที่23


งานเข้าผมแล้วครับตอนนี้ก็ต้อมเล่นเข้ามาประกาศตัวถึงที่ออฟฟิศผมเลย ตอนนี้ทุกคนมองผมเป็นตาเดียวกันแล้วครับ ผมสังเกตเห็นโดยเฉพาะซีมองหน้าผมแบบแปลกๆ หรือว่ามันจะไม่ชอบที่ผมเป็นเกย์กันแน่เมื่อวานยังพาผมไปค้างที่บ้านมันอีกด้วย


“จริงหรอนัท” พี่น้ำหันมาถามผม หลังจากที่อึ้งกับคำพูดต้อมสักพัก


แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไงละครับเพราะมันเป็นความจริงแถมเจ้าตัวเขามาบอกเองถึงที่เลยนะ ผมก็พยักหน้าแทนคำตอบถ้าเกิดเขาไม่ชอบผมคงตกงานแน่คราวนี้ เฮ้อยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจจริงๆ


“เออ เจ๋งว่ะมันกล้าเอามาเปิดตัวกันเลย ดีแล้วไม่ปิดบังกันแบบนี้พี่ชอบ” เออเอากับเขาสิดันถูกใจซะอีก ผมบอกแล้วพี่น้ำอะนิสัยแมนโคตร ผมโล่งใจไปเปาะหนึ่งแล้วครับ ที่นี้ก็เหลือแต่เพื่อนกับน้องที่ทำงานจะว่ายังไง


ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงต้อมมันแล้วพี่น้ำถูกใจมันมากชวนมันนั่งคุยไปแล้ว ผมสิยืนมองหน้าคนอื่นๆอยู่คนเดียว

 
“พี่นัทมีแฟนหล่อขนาดนี้ไม่บอกกันเลยนะ เงียบมาได้ตั้งนานคนนี้เปล่าที่มาส่งทุกเช้า” แนนเปิดประเด็นก่อนเลย


หลังจากนั้นผมก็โดนยิงคำถามอีกชุดใหญ่จากทุกคนเลยครับ ยกเว้นซีที่ดูเงียบๆไปนิดหรือมันจะรับผมไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะมันมีแฟนแล้วครับเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักดี ผมเคยเจอสองสามครั้งตอนที่ทำงานนอกสถานทีแล้วเขาแวะมาหาซีนะครับ แต่ใครก็ไม่เท่าแนนกับวุฒิหรอกครับที่ทึ่งมากเมื่อรู้ว่าผมกับต้อมคบกันแบบเปิดเผยมาก เพราะพ่อแม่เรารู้กันทั้งสองฝ่ายเลยนี่ครับ แถมเรายังอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้วด้วย


ต้อมขอตัวไปเรียนก่อนพี่น้ำเลยเดินมาคุยกับผมบ้างคราวนี้


“เออนัทพี่ชอบคู่เราดีวะ จริงใจดี ทำตัวเหมือนเดิมนะแหละไม่มีใครว่าอะไรหรอก ออกจะหน้าอิจฉาด้วย ทำได้ไงวะมีแฟนเด็กแถมยังหล่อขนาดนี้” โห ดูพี่แกพูดสิครับทำอย่างกับว่าผมไปหลอกเด็กมาซะงั้น


“ผมก็ชมรมเดียวกับพี่แหละครับ ชมรมคนรักเด็กแต่ของผมยังห่างกันแค่ปีเดียว สู้พี่ไม่ได้หรอกครับ” หึหึ เอาคืนซะหน่อยแซวเราดีนัก ของตัวเองอะเด็กกว่าตั้งห้าหกปีทำไม่พูดมาแซวเราได้


“อ่านะ ย้อนพี่แล้วไหมละ ของพี่ไม่ได้หลอกมันอะหลอกพี่ต่างหาก ดูหน้ามันดีแก่กว่าพี่อีก” พวกเราหัวเราะกันหมดเลยครับแต่วุฒิสิอายไปเลย แถมยังบอกพี่น้ำว่าฝากไว้ก่อนทีใครทีมัน แต่จริงๆวุฒิก็ไม่ได้หน้าแก่อยากที่แกบอกหรอกครับ ออกจะหน้าใสด้วยซ้ำไปแต่แค่แก่แดดทางความคิดไปหน่อย(หุหุของแอบว่าสักหน่อย)
วันนี้ทั้งวันผมโดนถามแต่เรื่องต้อมตลอดเลยผมเลยบอกว่าวันหลังจะทำเป็นสารคดีมาแจก แต่ซียังดูเหมือนแปลกไปนิดๆอยู่ดี ผมก็ยังไม่มีโอกาสถามด้วยงานก็เยอะหยุดไปวันกลับมางานเต็มโต๊ะเลย จนเลิกงานผมกับซีและเก่งจะกลับพร้อมกันทุกวันครับก็แค่เดินออกมาปากซอยด้วยกันแล้วมาแยกกันที่ป้ายรถเมล์ แต่วันนี้เก่งยังทำงานไม่เสร็จผมเลยกลับกับซีก่อนผมจะได้มีโอกาสคุยกับซีสักที ผมอยากรู้ว่าเขาจะไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้หรือเปล่า


“ซีมีอะไรจะพูดกับเราหรือเปล่า เราเห็นซีแปลกๆไปตั้งแต่รู้เรื่องต้อมนะ” ผมไม่รู้จะยังไงนี่ครับเลยถามไปตรงๆแบบนี้แหละ


“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เราแอบอิจฉาต้อมเท่านั้นเอง” ซีพูดเสียงเบามากจนผมไม่ค่อยได้ยิน เพราะริมถนนเสียงก็ดังมากอยู่แล้ว ผมเลยได้ยินแค่ประมาณว่าอิจฉาคู่ผมอะไรแบบนี้อะครับ


“จะมาอิจฉาพวกเราทำไม ซีเองก็มีแฟนน่ารักออกแถมยังเปิดเผยได้ง่ายกว่าเราอีก” ผมหันไปยิ้มให้


“อืมคงจะอย่างนั้นแหละ แต่ว่านัทไม่อายหรอถ้าคนอื่นเขารู้ แล้วเขาไม่ชอบนัท”


“ก็ไม่นะเรามีคนที่รักเรามากขนาดนี้จะอายทำไม เราเปิดเผยมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วคนที่อายน่าจะเป็นต้อมมากกว่านะที่มีแฟนหน้าตาแย่ๆแบบเรา ส่วนคนไม่ชอบมันก็เรื่องของเขาสิ อีกอย่างเราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครด้วย” ผมหันไปบอกซีเดินหันหน้ามาตั้งใจฟังค่อยหันไปมองทางเป็นระยะๆ


“ไม่เห็นจะน่าอายเลยถ้าได้คบกับนัท ถ้าเจอกันครั้งแรกนัทดูธรรมดาก็จริง แต่ลองได้มาคุยกับนัทสิรับลองใครก็ต้องหลงนัททุกคนแหละ” นี่จะเวอร์ไปหรือเปล่าเนี่ย แล้วอยู่ดีๆมาชมผมทำไมเนี่ยมันเขินนะครับ


“อ่านะ ชมกันแบบนี้เดี๋ยวเราก็ลอยหรอก จับไว้หน่อยแล้วกันเดี๋ยวลอยสูงไปจะแย่เอา” แล้วผมก็เอามือจับไหล่ซีไว้เหมือนว่ากันตัวเองจะลอยได้ ซีเริ่มที่จะยิ้มออกแล้ว ผมคิดว่ามันคงยังตั้งตัวไม่ทันเรื่องของผมแหละครับ แต่ตอนนี้คงจะดีขึ้นแล้ว


ผมกลับมาถึงบ้านเจอตัวต้นเหตุนั่งรอผมอยู่ที่บ้านแล้ว ผมกลับบ้านมาถึงมันก็เข้ามากอดผมก่อนเลยครับ


“ไม่ต้องมาอ้อนเลยเรา วันนี้คิดยังไงทำแบบนี้หา ถ้าเขาไม่ชอบแล้วให้พี่ออกจากงานจะว่ายังไงหือ” ผมดุต้อมทั้งๆที่มันยังกอดผมอยู่


“ก็ดีสิครับพี่นัทจะได้อยู่กับผมคนเดียว แต่ก็ไม่มีอะไรไม่ใช่หรอ” ดูมันยังไม่สำนึกสักนิดเลย


“อืมก็ถือว่าโชคดีไป ทำอะไรคราวหน้าบอกพี่ก่อนนะ เล่นแบบนี้หัวใจจะวายเอา” ผมพูดจบมันก็หอมแก้มผม มันอ้อนใหญ่เลยมันรู้ว่าผมต้องเคืองมันไงครับ
มันชวนผมไปกินข้าวมันเตรียมไว้แล้ว ตอนจะเดินไปมันก็เปลี่ยนมากอดด้านหลังผมแล้วเดินตาม ทำยังกะลูกลิงเลยมัน


“พอแหละ พี่ไม่ได้โกรธหรอกมันเดินลำบาก” ผมหันไปบอกแต่ต้อมมันไม่ได้ฟังผมเลย เดินแบบนั้นมาจนถึงโต๊ะกินข้าวเลยครับ


มันเอาใจผมทุกอย่างเลยครับเรียกว่าวันนี้จะหยิบอะไรต้อมมันทำให้หมดเลยครับ นี่แหละวิธีอ้อน&ง้อของมันทำที่เดียวทั้งสองแบบอะครับ จนถึงเข้านอนเลย


“สบายใจยังทีนี้ เขารู้หมดแล้วว่าพี่มีแฟนเป็นเรา พี่น้ำบอกเราหล่อหล่อตรงไหนนะ ดำก็ดำ” ผมแกล้งว่ามัน


“ถ้าไม่ชอบดำแล้วมารักผมทำไมละ” อ่าวมันงอนกลับซะแล้ว เรื่องดำนี่ว่าไม่ได้เลยนะครับ


“อืมใช่ไม่ชอบหรอก” ผมยังแกล้งมันต่อ มันนอนหันหลังให้ผมทันทีเลยครับตอนนี้ 555 แกล้งง่ายจริงๆ


“ก็ไม่ได้ชอบจริงๆ แต่รักเลยละรักมากด้วย” ผมชะโงกหน้าไปกระซิบที่ข้างหูมัน แล้วหอมแก้มไปอีกทีก่อนล้มตัวลงนอน


มันหันหน้ากลับมาหาผมแล้วทีนี้ยิ้มหน้าบานเลย “พูดจริงนะ” มันยังมาถามย้ำอีกดูมันสิ ผมพยักหน้าแล้วก็กอดมันไว้


“ไม่เอาพยักหน้า พูดใหม่เลย” แหนะได้คืบจะเอาศอกจริงๆมัน “ก็บอกว่ารักเลยไงคราบบบบรักมากด้วย ได้ยินชัดยัง” ผมพูดซ้ำ มันยังนอนยิ้มอยู่นั่นแหละท่าจะบ้าไปแล้วแฟนผม


หลังจากวันนั้นที่ต้อมไปเปิดตัวมันก็มักจะแวะไปหาผมที่ออฟฟิศบ่อยๆถ้าว่าง มันมาช่วยงานผมเรื่องเอกสารด้วยครับพี่น้ำก็ไม่ได้ส่าอะไร ก็มันไม่ได้มากวนนี่นาแถมยังมาช่วยทำงานอีกต่างหาก แบบนี้เขาเรียกจ้างหนึ่งได้สองนะนี่กำไรเห็นๆแล้วแกจะว่าทำไมละครับ ต้อมก็สนิทกับทุกคนในออฟฟิศผมแล้วครับโดยเฉพาะซี
ช่วงนี้ใกล้สอบไฟนอลผมเลยไม่ให้ต้อมไปหาที่ออฟฟิศอีก ให้อ่านหนังสือรอที่บ้านกลับมาผมจะติวให้อีกที เพราะผมอยากให้ต้อมผ่านแล้วได้คะแนนดีๆด้วยครับ ผมวางแผนการเรียนให้ต้อมแล้วครับจาก 5 ปี เหลือสี่ปีครึ่งมันจะได้จบแล้วมาทำงานด้วยกันเร็วๆ


ช่วงนี้ผมเลยเหนื่อยเป็นสองเท่าเลยครับทั้งเรื่องงานเรื่องติวให้ต้อม บางวันสามเท่าเลยครับถ้าเราเติมความรักให้กัน ช่วงที่ต้อมไม่ได้มาที่ออฟฟิศซีก็จะเข้ามาหาผมเยอะขึ้น ซีดูเหมือนจะช่วยงานผมเยอะขึ้นนะครับตั้งแต่วันที่รู้ว่าผมเป็นเกย์ สงสัยจะทำแก้ตัวที่ตอนแรกทำเหมือนไม่ชอบผมละมั้ง อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ
ก่อนวันที่ต้อมจะสอบวันสุดท้ายผมมีงานที่ต้องไป showcase ของพี่กันที่มหา’ลัยแถวบางนาสองวัน มันไกลจากที่บ้านมากถ้าไปกลับก็ไม่คุ้มเพราะต้องนั่งแท็กซี่อย่างเดียว ผมเลยของบพี่น้ำนอนโรงแรมที่แรกมีผมคนเดียว แต่ตอนหลังซีขอพี่น้ำว่าจะตามไปช่วยผม และเรียนเรื่องเทคโนโลยีจากผมอีกทีด้วยพี่น้ำก็อนุญาต
ต้อมก็อยากมาด้วยใจจะขาดแต่ติดว่าต้องไปสอบครับ เลยจำใจต้องอยู่บ้านคนเดียวผมบอกว่าจะโทรหาจนกว่าจะนอน ตอนกลางวันผมต้องคอยอธิบายถึงพวกเทคโนโลยีใหม่ๆให้พวกนักศึกษาฟัง ซีจะเป็นคนคอยเปิด DEMO ต่างๆที่พี่กันจัดให้มา จนประมาณบ่ายสี่โมงเราก็เก็บของกันกว่าจะเสร็จตั้งห้าโมงกว่าแล้ว ก็ของมันเยอะแล้วราคาแพงด้วยต้องเก็บมิดชิดหน่อยหายไปชิ้นโดนหักเงินเดือนหลายเดือนแน่นอนพวกผม


เราโทรเรียกแท็กซี่มารับไปโรงแรมที่โทรจองไว้ เข้ามาถึงที่โรงแรมผมจองผมเดินที่เช้าไปที่ประชาสัมพันธ์


“ผมชื่อ ณัฐ..... ...... จองไว้สองห้องครับ” ผมเดินเข้าไปบอกที่ฟรอนท์ เพื่อขอกุญแจห้อง


“คุณณัฐ..... ทางเราขอโทษด้วยจริงๆนะคะ พอดีเราเหลือห้องเดียวคะ ทางเราไม่ได้โทรไปแจ้งก่อน” พนักงานรีบขอโทษผมใหญ่เลย อืมแล้วจะเอายังไงดีละทีนี้นี่ก็มืดแล้วด้วย แล้วทำไมมันต้องมาเต็มวันนี้ด้วยนะไม่เห็นจะมีคนเท่าไหร่เลยมันเต็มได้ไงหว่า


ผมเลยไปบอกซีว่าเหลือห้องเดียวคงต้องนอนด้วยกัน ซีบอกไม่เป็นไรนอนได้ไม่ได้คิดอะไร แต่ผมสิคิดเพราะกลัวต้อมจะว่าไรหรือเปล่า แล้วคิดว่าซีเขาจะกลัวว่าผมจะแอบทำไรเขาหรือเปล่าอีกด้วย เพราะห้องที่ว่างเป็นเตียงเดียวไม่ใช่เตียงคู่ด้วย ผมก็ต้องตกลงอยู่ดีผมขี้เกรียดไปหาที่อื่นแล้วตอนนี้ เหนื่อยอยากนอนมากเลยตอนนี้


พอขึ้นไปถึงบนห้องผมก็โทรบอกต้อมก่อนเลยครับ จะได้ไม่มีปัญหาที่หลังต้อมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันก็สนิทกับซีอยู่เหมือนกัน ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับต้อมซีก็เข้าไปอาบน้ำแล้วมานอนที่เตียงอีกฝั่งที่ผมนั่งอยู่ ผมคุยกับต้อมนานมากจนผมเห็นว่าซีหลับไปแล้วผมเลยจะอาบน้ำบ้าง ผมจะว่างโทรศัพท์ต้อมมันก็ไม่ให้ว่ามันบอกว่าให้เอาเข้าห้องน้ำไปด้วยหันก็กำลังจะอาบน้ำ จะได้เหมือนอาบน้ำพร้อมกันเหมือนทุกวันอ่านะมันก็คิดของมันได้เนอะ


ผมก็ต้องตามใจสิครับทีผมขออะไรมันยังให้ผมได้เลย แล้วผมเห็นว่าซีหลับแล้วด้วยไงครับเลยกล้าทำ แต่ต้อมสิมันยิ่งกว่านั้นอีก พออาบน้ำมันชวนผมมีเซ็กโฟนกันอีกมันบอกเปลี่ยนบรรยากาศมั่ง แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวซีได้ยินมันก็บอกว่าซีหลับแล้วไม่ได้ยินหรอก ให้ผมทำเบาๆก็ได้เอากับมันสิเรื่องแบบนี้หัวครีเอตจัง มันอ้อนจนผมต้องยอมมันจนได้แต่ก็ตื่นเต้นและเสียวไปอีกแบบนะครับ เพราะผมกลัวซีจะได้ยินด้วยพอโงกุนกับเบจิต้าของผมระเบิดพลังด้วยมือของตัวเองทั้งคู่ ผมก็ขอวางโทรศัพท์เพื่ออาบน้ำแล้วบอกให้มันนอนเลยด้วยเพราะพรุ่งนี้มันมีสอบตอนเช้า ทีนี้มันยอมง่ายเชียวครับแหมสบายตัวแล้วละสิแฟนตู


วางสายผมก็ได้อาบน้ำจริงๆสักทีผมเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแล้วลงไปแช่ ช่างสบายตัวจริงๆเลยครับผมอายน้ำนานพอสมควรพอไม่มีใครต่อคิวผมแล้วนี่ครับ แถมซีก็หลับไปแล้วอีกต่างหาก ผมอาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเปิดประตูห้องน้ำออกมา เจอซียืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำผมตกใจเหมือนกัน แล้วเมื่อกี้ซีจะได้ยินไหมว่าผมทำอะไรกับต้อม


ซีมองมาที่ผมที่เพิ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมา ผมเลยทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเลี่ยงซีออกมาเพื่อจะแต่งตัว เพราะซีคงตื่นมาเช้าห้องน้ำแล้วซีก็เดินเข้าห้องน้ำไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่24 P:2]05/05/10 22:05PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 05-05-2010 23:12:18
ตอนที่24


ระหว่างที่ซีเข้าห้องน้ำผมก็แต่งตัวแล้วก็นอนเลย ก่อนนอนผมยังเอาหมอนข้างกั้นตรงกลางไว้ด้วยเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายไงครับ เผื่อซีไม่ไว้ใจผมอะไรแบบนี้ไงครับผมกำลังจะเคลิ้มหลับเลยครับ ซีก็กลับมานอนแล้วแน่ๆผมสังเกตจากการยุบตัวของเตียง


“นี่นัทไม่อยากนอนใกล้เราจนต้องเอาหมอนมากั้นเลยหรอ” ซีถามหลังจากลงมานอนแล้ว


“เปล่านะเราไม่ได้คิดแบบนั้น เรากลัวซีจะไม่สบายใจไงเดี๋ยวจะหาว่าเราล่วงเกิน”


“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ซีพูดเสียงค่อยๆอีกแล้ว หรือว่าหูผมไม่ดีเองนะถึงได้ยินไม่ค่อยชัดอยู่เรื่อยเลย


“เมื่อกี้ซีว่าอะไรนะ เราไม่ได้ยิน” ผมถาม


“เราแค่บอกว่ามันดูอึดอัดนะ เราไม่คิดมากหรอกเอาออกนะ” พูดแล้วซีก็ดึงหมอนข้างไปไว้อีกฝั่งของที่นอน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรตอนนั้นง่วงมากแล้ว ผมก็หลับไปเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานต่ออีก


ตอนเช้าผมกำลังจะปลุกต้อมที่นอนกอดผมอยู่ แต่ไม่ใช่สิผมไม่ได้กลับบ้านนี่นางั้นคนที่กอดก็ไม่ใช่ต้อมสิแต่เป็นซี ผมเลยค่อยๆเอามือซีออกเพราะเดี๋ยวมันตื่นมันคงนอนดิ้นมากอดผมแน่ๆ แล้วผมก็ลุกไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวอาบเสร็จค่อยมาปลุกซี เกือบลืมต้องโทรไปปลุกต้อมก่อนเดี๋ยวไม่ยอมตื่นไปสอบละแย่เลย


ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวเตรียมจะอาบน้ำแล้วแต่โทรไปหาต้อมก่อนดีกว่า ผมเลยนั่งลงบนที่นอนหันหลังให้ซีที่หลับอยู่ พอผมโทรไปต้อมก็รับสายทันทีมันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว มันยังบอกว่าผมไม่อยู่นอนไม่ค่อยหลับเลยนอนคิดถึงผมทั้งคืนเลย ปากหวานแต่เช้าเลยแฟนผมแล้วแบบนี้จะไม่ให้รักยังไงไหว ผมก็เลยบอกว่าคิดถึงมันเหมือนกันเดี๋ยวคืนนี้จะทำให้หายคิดถึงเลย มันยังย้อนผมอีกว่าแล้วอย่ามาบ่นว่าเหนื่อยแล้วกันเอากับมันสิ คุยกับต้อมเสร็จผมก็ไปอาบน้ำจนเสร็จก็กะจะมาปลุดซีแต่ซีตื่นมานั่งบนที่นอนแล้ว


“กำลังจะปลุกพอดีเลยอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวไปจัดของไม่ทัน” ผมบอกแล้วก็ยืนแต่งตัวที่หน้ากระจกในห้อง ผมเห็นซีมองผมตลอดเวลาผ่านทางกระจก จนผมสงสัยว่ามองอะไรผมจึงหันหน้าไปมองซี ซีก็หลบหน้าแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที


วันนี้ก็เหมือนเดิมแต่ที่น่าแปลกเด็กที่มาฟังกลับเป็นเด็กกลุ่มเดิมส่วนมาก สงสัยเมื่อวานผมอธิบายไม่เข้าใจหรือไงนะ ผมว่าผมอธิบายแบบง่ายที่สุดแล้วนะครับ งานวันนี้หมดแค่ช่วงบ่ายเพราะจะได้เก็บของกันทัน แต่ของผมไม่ต้องเก็บครับเพราะพี่กันแกส่งคนมาเก็บอุปกรณ์ของแกเอง ผมมีหน้าทีดูแลไม่ให้เสียหายก็พอแล้วครับ


ระหว่างที่ผมดูคนที่มาเก็บของอยู่นั้นก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้ามาหาผม ประมาณ4-5คนเข้ามาบอกว่าอยากรู้เพิ่มเติมอีก จะเอาไปทำรายงานอะไรเนี่ยแหละครับผมเลยต้องอธิบายให้น้องๆฟังอีกรอบ แต่ว่าเด็กสมัยนี้หน้าตาดีกันเยอะจริงๆนะครับ หน้าใสกันเชียวเห็นแล้วก็อิจฉาเหมือนกันเนอะ หลังจากผมอธิบายเสร็จแล้วก็ขอตัวเพราะต้องกลับออฟฟิศอีกไกลเลย จริงๆแล้วผมอยากกลับไปหาต้อมมากกว่านะครับ


ผมมาช่วยซีเช็คของว่าครบหรือยังแล้วเซ็นต์ส่งของเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บของส่วนตัวจะได้กลับซะทีก็มีน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผม


“พี่ครับขอเบอร์หน่อยได้ไหมครับ เพื่อนผมมันชอบพี่เลยให้มาขอ” เด็กสมัยใหม่ใจกล้าจริงๆ ทีแรกผมก็นึกว่ามันจะเป็นแค่ไอ้แจ็คคนเดียวซะอีก(คงยังจำมันได้อยู่นะครับ)


“จะมาชอบพี่เรื่องอะไร แล้วทำไมไม่มาขอเองละ ถ้าไม่มาเองก็ไม่ให้หรอกครับ” ผมบอกน้องมันไปเก็บของไป มันวิ่งกลับออกไปสงสัยจะไปบอกเพื่อนมันแน่ๆ
ผมเก็บของเสร็จก็เดินกลับออกมาเลยเพราะเดี๋ยวเย็นมากกว่านี้รถจะติดเอา ก่อนที่ผมจะเดินออกมาหน้าประตูห้องที่จัดงานน้องกลุ่มเดิมก็มาดักรออยู่ ซีมองหน้าผมใหญ่เลยตอนนี้จะมองทำไมก็ไม่รู้แค่เด็กพวกนั้นผมก็แย่แล้ว ดีนะต้อมไม่ได้มาด้วยไม่งั้นละไม่อยากจะคิด


“มึงไปขอพี่เขาสิวะ พี่เขาบอกให้ไปขอเองเดี๋ยวพี่เขากลับแล้วนะ” ผมได้ยินพวกมันคุยกันแล้วผลักเพื่อนมันคนหนึ่งให้ออกมา ผมหันไปมองน้องคนนั้นก็หน้าตาดีมากเลยครับหน้าเหมือนพิธีกรรายการเพลงวัยรุ่นตอนหลังเที่ยงคืนเลย


แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับผมมีต้อมอยู่แล้วทั้งคน หล่อไม่แพ้ใครเหมือนกัน(ชมแฟนตัวเองก็ได้นะผม) ผมก็เดินผ่านน้องกลุ่มนั้นมาเลยครับ ผมคุยกับซีจนจะออกนอกตึกแล้วน้องคนนั้นก็วิ่งมาเรียกผมไว้ เออมันเอาจริงวะแล้วผมจะทำไงดีละทีนี้ ดันบอกไปแล้วด้วยว่าถ้ามาขอเองแล้วจะให้หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว ให้ไปก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันผม


ตกลงผมก็ให้เบอร์น้องคนนั้นไปก่อนให้เบอร์ผมบอกว่าผมมีแฟนแล้วนะ มันทำเป็นไม่สนใจฟังซะงั้นผมไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้จริงๆ ถ้าเป็นผมเขามีแฟนแล้วละก็ไม่ยุ่งเด็ดขาดครับ(ถ้าไม่รู้ก็อีกเรื่องนะครับอิอิ) ให้เบอร์แล้วผมก็ได้กลับออฟฟิศซะทีเรานั่งแท็กซี่กลับเลยครับจากบางนามาวงเวียนใหญ่ ไกลเหมือนกันแถมรถเริ่มติดแล้วด้วย


“นัทนี่เนื้อหอมเหมือนกันนะ มาแค่สองวันมีคนมาชอบซะแล้ว” ซีหันมาแซวผมขณะที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่


“อ่านะไม่ใช่แหละ เด็กมันคงชอบของแปลกละมั้ง” ผมก็กวนไปเรื่อยอะครับตามนิสัย


“แปลกตรงไหน นัทนะมีเสน่ห์จะตายไม่รู้ตัวอีก” ผมหันไปมองหน้าซีตอนนั้นซีมองหน้าผมอยู่ พอผมหันมามองก็รีบหันกลับไปมองทางอื่นเลยครับ
เออช่วงนี้ซีมันชอบพูดอะไรแปลกๆแหะ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนิสัยผมชอบเป็นอย่างนี้แหละครับไม่ชอบคิดมากปวดหัวเปล่าๆ จะคิดมากก็เรื่องที่บ้านกับต้อมเท่านั้นแหละครับ เย็นนี้รถติดมากจริงๆนั่งเป็นชั่วโมงยังไม่ถึงเลย ซีคงเหนื่อยเพราะไม่ค่อยได้ออกมาทำงานข้างนอก ผมเห็นซีนั่งหลับปกติผมเวลานั่งรถจะไม่หลับหรอกครับคอยดูทาง ซีหลับได้ซักพักหัวซีก็มาซบที่ไหล่ผม ผมก็ไม่ได้เอาออกหรอกครับก็เพื่อนกันจะเป็นไรไป ปกติผมกับพวกไอ้ตี๋ไอ้แนทเวลาไปไหนใครจะหลับก็นอนกันแบบนี้แหละครับ บางทีนอนตักเลยก็มีครับก็พวกเราไม่ได้คิดอะไรกันอยู่แล้วเพื่อนกันทั้งนั้น


ซีหลับจนมาถึงออฟฟิศเลยครับจนผมต้องปลุกให้ตื่น พอมาถึงออฟฟิศผมก็นั่งทำงานต่อนิดหน่อยเพราะไม่ได้เข้ามาสองวัน งานเต็มโต๊ะไปหมดเลยครับตอนนี้ต้องรีบเคลียแบ่งงานให้คนอื่นทำก่อน ผมนั่งทำงานไปสักพักต้อมก็เดินเข้ามาในออฟฟิศ มันทักทุกคนก่อนดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆผม


“มาทำไม เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว แล้วสอบเป็นไงบ้างทำได้ไหม” ผมถามทั้งที่กำลังเคลียเอกสารอยู่ มันนั่งข้างผมได้ก็เอามือมาโอบเอวผมไว้เอาหัวมาหนุนแขนผมด้วย ทำมาอ้อนเป็นลูกแมวไปได้ที่ออฟฟิศผมเขาชินผมกับต้อมแล้ว พี่น้ำยังเคยแซวว่าถ้ามดขึ้นออฟฟิศจะหักเงินเดือนผมด้วย แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหนกัน


“ทำได้สิครับมีคนติวเก่งขนาดนี้ ถ้าทำไม่ได้เสียชื่อพี่นัทหมด” มันยังเอาหัวมาซบแขนผมอยู่นั้นแหละ ผมทำงานไม่ถนัดนะเนี่ย แต่จะว่ามันก็ไม่ได้อีกเดี๋ยวงอนอีกเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านด้วย


“เออ นัทแล้วเบอร์ที่ให้น้องคนนั้นไปจะทำไงละ” อยู่ๆซีก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมลืมไปแล้วจริงๆนะตอนนี้ ต้อมยกหัวมามองหน้าผมทันทีเลยครับตอนนี้


“ให้เบอร์อะไรหรอพี่ซี ใครให้ใคร” ต้อมหันไปถามซี เอาแล้วครับงานใหญ่กำลังจะเข้าผมอีกแล้ว ซีนะซีเวลาอื่นทำไมไม่ถามมาถามเอาตอนนี้นี่นะ


ซีก็เล่าให้ต้อมฟังเป็นฉากๆเลยทีนี้ จากลูกแมวผมมันกำลังจะเปลี่ยนเป็นเสือไปแล้วครับ ผมคงต้องหาตัวช่วยแล้วทีนี้ คิดเร็วเข้าไอ้นัทก่อนที่หัวจะขาด เพราะตอนนี้ต้อมมันหันกลับมามองหน้าผมแล้ว มันคงกำลังรอคำอธิบายจากผมอยู่แน่ๆ เอาวะบอกตามที่คิดแล้วกัน


“อะไรมองหน้าพี่ทำไม พี่ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อยพี่บอกมันไปแล้วว่ามีแฟน ไม่ใช่ไม่ได้บอกแล้วอีกอย่างมันมาขอพี่ไม่ให้ก็ยังไงอยู่ แล้วพี่ก็ไม่ได้ให้แบบส่วนตัวนะพี่ให้นามบัตรไป ใช่ไหมพี่น้ำถ้าไม่ให้เขาจะว่าถึงบริษัทเอาได้ใช่ไหมพี่” ผมหาตัวช่วยทันที ผมรู้ว่าพี่น้ำต้องช่วยผมอยู่แล้ว


“เออ พี่ก็ว่าไม่แปลกนะถ้าเป็นพี่ก็ต้องให้ตามมารยาท เราไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย อย่าคิดมาก” พี่น้ำช่วยผมจริงๆด้วย แต่มันก็เรื่องจริงผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆลืมไปแล้วด้วยซ้ำ


“พี่ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ พี่ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เอางี้ถ้ามันโทรมาพี่ให้เรารับเลยตกลงไหม” ผมพูดแบบนี้ต้อมมันก็ยิ้มออกแล้ว กลับมาเป็นลูกแมวของผมเหมือนเดิมแล้ว


ผมรีบเคลียงานแบ่งให้แนนกับเก่งไปรับผิดชอบ ส่วนซีผมให้ช่วยผมสรุปเรื่องงานที่ไปทำด้วยกันมา แล้วผมก็ขอตัวกลับบ้านก่อน พอผมขึ้นมาบนรถต้อมก็ถามผมทันที


“พี่นัทแล้วพี่ไปให้เบอร์มันทำไม” แหนะมันยังไม่จบอีกหรอ นึกว่าจะไม่สนใจแล้วซะอีก


“ก็บอกแล้วไงให้ตามมารยาท พี่ไม่คิดอะไรจริงๆบอกก็บอกไปแล้วว่ามีแฟน ไม่ใช่ไม่บอกซะที่ไหนละ” ผมหันไปมองหน้าต้อม


“แล้วถ้าไปที่อื่นมีคนมาขออีกละพี่ก็ให้อีกหรอไง” เอาแล้วองค์ลงอีกแล้วโรคคิดมากคิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้มัน


“งันเอาอย่างนี้แล้วกัน พี่จะไม่ให้เบอร์ใครอีกนอกจากลูกค้า กับคนที่มาติดต่องาน แบบนี้โอเคไหมละ”


“พี่สัญญาแล้วนะ” ต้อมหันมามองหน้าผมแปบนึงก่อนหันไปมองทางขับรถต่อ ต้อมขับรถพาผมไปกินผัดไทยที่ประตูผีเจ้าอร่อย คงเพราะผมบ่นว่าอยากไปกินก่อนไปทำงานแน่ๆ มันยังจำได้อีกเห็นเปล่าครับแล้วแบบนี้ใครจะนอกใจลงละครับ


ก่อนกลับบ้านเรายังแวะซื้อขนมปังกับนมสดที่ร้านมนต์นมสดกลับไปกินกันอีก กลับมาที่บ้านเราก็มานั่งดูหนังกันแต่วันนี้ผมนอนตักต้อมนะครับ เพราะผมบอกว่าเมื่อยนั่งรถทั้งวันเลย ต้อมมันก็นั่งกินขนมปังสังขยาที่ซื้อมาไปดูหนังไป ไม่รู้มันกินท่าไหนสังขยาหยดมาใส่แก้มผมด้วย


“กินยังไงเนี่ยหกใส่หน้าพี่แล้ว” ผมบ่นแล้วเอื้อมมือไปหยิบทิชชู จะเอามาเช็ดสังขยาออกจากหน้า แต่ต้อมมันกลับจับมือผมไว้ แล้วดึงให้ผมลุกขึ้น


“เดี๋ยวผมเช็ดให้เอง” ต้อมมันยื่นหน้าเข้ามาหาผมผมก็รู้แล้วมันจะทำอะไร ผมเลยเอาอีกมือที่ไม่โดนมันจับผลักหน้ามันไว้


“ไม่เอาเช็ดดีๆเลย แบบนี้มันจั๊กจี้” ผมบอกแต่ต้อมมันยอมที่ไหน เอามืออีกข้างจับมือที่ผมดันหน้ามันไว้ออกแล้วยื่นหน้าเข้ามาใหม่ มันทำหน้าได้หื่นมากๆตอนนี้แค่เห็นผมก็ขำแล้ว


“ขอกินพี่นัทหน้าสังขยาหน่อยนะ” มันทำทาแลบลิ้นมาเลียริมฝีปาก โหยทำไมมันดูหื่นยังงี้


ผมได้แต่หัวเราะแล้วเอาหน้าหลบไปมาแค่นั้นแหละครับ ก็ตอนนี้ต้อมมันขึ้นมานั่งทับผมไว้แล้วกันผมลุกหนี ตอนที่มันเอาลิ้นมาเลียแก้มผมนะจั๊กจี้มากๆเลยครับ ผมหัวเราะจนปวดท้องไปหมดเลยต้อมมันชอบใจใหญ่เลยที่ได้แกล้งผม จนผมต้องบอกว่ายอมแล้วให้เลิกแกล้งผมซะที


“พี่นัทพูดเองนะว่าจะยอมผม” แนะมันยังมาพูดอีกถ้าไม่ยอมคงหัวเราะจนขาดใจตายแน่ๆ


“ยอมๆๆ ถ้างั้นเลิกแกล้งได้แล้วนะ ปวดท้องไปหมดแล้ว” ต้อมมันถึงยอมลุกจากตัวผมแล้วไปนั่งกินขนมกับดูหนังต่อ ผมก็นอนตักมันต่อเหมือนกันเฮ้อคืนนี้ผมต้องเสียเปรียบมันอีกแล้วแน่ๆ


แล้วคืนนี้ผมก็เสียเปรียบจริงๆสงสัยมันเก็บกดจากเมื่อวาน วันนี้มันทำแฮททริกเลยผมดิเหนื่อยมากกกกก แต่ก็มีความสุขนะครับ


เช้าขึ้นมาผมแทบไม่อยากตื่นเลยแต่ก็ต้องตื่นไปทำงาน วันนี้ต้อมต้องกลับบ้านเพราะที่บ้านมีเรื่องอยากให้ต้อมช่วยไปทำให้หน่อย ต้อมบอกผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแล้วบอกว่าคงไปค้างที่บ้านสองสามวัน ผมจะรอดูว่ามันจะอยู่ถึงสามวันไหม บอกแบบนี้ทุกทีพอถึงพรุ่งนี้ตอนเย็นมันก็กลับมาแหละ


ต้อมมาส่งผมที่ทำงานแล้วก็เลยกลับบ้านเลย วันนี้ที่ออฟฟิศเหลือผมกับซีสองคนคนอื่นพี่น้ำพาไปช่วยงานข้างนอกหมด ผมนึกได้ว่าต้องขึ้นไปเอาของที่ลูกค้าอยากดูแบบที่ห้องเก็บของมาเตรียมไว้ เพราะพรุ่งนี้ต้องเอาไปให้ลูกค้าดูผมก็เลยขึ้นไปห้องเก็บของชั้นสอง ระหว่างที่ผมกำลังหาของอยู่นั้นไปก็ดับในห้องเก็บของมืดมากจนผมมองอะไรไม่เห็นเลย ผมเลยค่อยๆคล้ำหาประตูทางออก เพราะถ้าไม่ระวังอาจโดนของหล่นใส่เจ็บตัวเอาได้


ผมคลำหาทางมาสักพักก็เจอประตูทางออกแล้ว พอผมเปิดประตูก็มีคนเข้ามากอดผมทันที ผมตกกระใจทีแรกเพราะนึกว่าอาจเป็นขโมยที่เข้ามาตอนไฟดับก็ได้ ผมกำลังจะยกมือชกไฟก็ติดซะก่อน แต่คนที่กอดผมกลับเป็นซีนะสิครับผมงงว่าซีมันมากอดผมทำไมตอนนี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่24 P:2]05/05/10 22:05PM
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 05-05-2010 23:13:57
มาแล้วครับ มาดันครับ แฟนคลับพี่นัทช่วยกันดันด้วยครับ จะได้หาไม่ยาก
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่24 P:2]05/05/10 22:05PM
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 06-05-2010 00:40:11
โอเคครับอ่านง่ายขึ้นเยอะเลยเดียซกลับไปตามเก็บรายละเอียดก่อน
เดียวมาเม้นให้อีก ค่อยๆลงก็ได้นะคร้าบไม่ต้องรีบ 555

...

+1เป็นกำลังใจให้กับความขยันลงเรื่องนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่24 P:2]05/05/10 22:05PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 06-05-2010 01:13:05
ชอบครับ  ชอบๆๆๆ ชอบครรักกัน อิอิ

ถ้าจะ +24 แปลว่าให้ทุกตอนนี่  โมฯ จะว่าหรือป่าวหนอ


 :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่24 P:2]05/05/10 22:05PM
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 07-05-2010 01:58:40
จะพิมแบบเว้นไม่เว้น ก็อ่านได้หมดแหละครับ พี่นัทเขียนซะอย่าง สนุกอยู่แล้ว ติดตามไปทุกๆที่ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่25 P:2]07/05/10 11:05AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-05-2010 11:05:00
ตอนที่25


“เกิดอะไรขึ้นหรอซี มากอดเราทำไม” ผมถามซีเผื่อว่าจะมีอะไรข้างล่าง ที่ทำให้ซีตกใจแต่ซีกลับไม่ตอบ


ผมเลยจะแกะมือซีออกเพื่อลงไปดู ซีกลับกอดผมแน่นขึ้นไม่ยอมให้ผมแกะมือออกได้ ยิ่งทำให้ผมแปลกใจเข้าไปอีกว่าซีเป็นอะไรของมันกันแน่


“นัทช่วยอยู่เฉยๆตรงนี้ก่อนได้ไหม” เอ้ มันชักยังไงๆแล้วนะสถานการณ์แบบนี้ ใช่ว่าผมจะไม่เคยเจอทั้งหนุ่ยทั้งแจ็ค แล้วตอนนี้จะมีซีอีกคนหรอ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้นะก็ซีมันมีแฟนแล้วนี่นาแถมเป็นผู้หญิงด้วย ผมคงคิดมากไปเองมั้ง เอาลองดูว่ามันจะยังไงต่อไป


ผมเลยยืนเฉยๆอยู่อย่างนั้นสักพักซีก็เลิกกอดผม แล้วยืนมองหน้าผมแทน


“ตกลงเกิดอะไรขึ้น ซีเป็นไรกันแน่” ผมถามอีกครั้ง


“เออ เราขอโทษนะเรากลัวความมืดนะ” เฮ้อผมคิดมากไปเองจริงๆด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรผมก็เลยกลับไปหาของต่อซีก็เลยมาช่วยผมหา บอกว่ากลัวไฟดับอีก
วันนี้ผมไม่ต้องรีบกลับบ้านเพราะต้อมไม่อยู่เดี๋ยวผมไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยเข้าบ้าน ผมเลยชวนซีไปกินข้าวด้วยกันก่อนกลับบ้าน แถวออฟฟิศผมมีร้านอาหารอร่อยๆเยอะไปหมด ก่อนกินข้าวผมโทรไปหาต้อมต้อมก็กำลังจะออกไปงานกับที่บ้านเหมือนกัน


กินข้าวเสร็จเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านแต่ซีขอไปบ้านผม ซีบอกว่าคราวหน้าจะมีอะไรจะได้พาไปส่งบ้านถูก ผมก็พามาครับดีเหมือนกันคราวหน้าซีจะได้พากลับบ้านถูก ไม่ต้องพาไปค้างที่บ้านมันอีกแต่คงไม่มีแล้วแหละเพราะผมคิดว่าจะไม่เมาอีกแหละ เมาทีไรมีแต่เรื่องทุกที(ไม่เคยทำได้หรอกครับ)


ซีมาถึงบ้านผมก็บอกว่าบ้านน่าอยู่ดีแล้วถามว่าอยู่กันแค่สองคนหรอ ผมก็ตอบว่าใช่ผมอยู่สองคนมาก็สามปีได้ แต่เราคบกันมาได้เกือบห้าปีแล้ว ซีทำหน้าทึ่งๆแล้วถามเรื่องผมกับต้อม ระหว่างที่ผมกับซีคุยกันอยู่ก็มีคนมาหน้าบ้านผมก็ไปเปิดเป็นหนุ่ยแวะมาหาครับ ปกติหนุ่ยจะแวะมาหาผมกับต้อมบ่อยๆอยู่แล้วครับ


หนุ่ยทำหน้าแปลกใจที่เห็นซีอยู่ในบ้านกับผม ผมเลยบอกว่าเพื่อนที่ออฟฟิศหนุ่ยก็ยกมือไหว้ซีก็รับไหว้ หนุ่ยจะมาชวนผมกับต้อมไปดูหนัง แต่ต้อมไม่อยู่หนุ่ยเลยนั่งคุยกับผมกับซีแทน นั่งคุยกันสักพักหนุ่ยก็เรียกผมไปคุยที่ครัว บอกมีเรื่องจะคุยด้วยส่วนตัวนิดหน่อย ซีก็ไม่ได้ว่าอะไร


“พี่นัท ผมว่าพี่เขาต้องคิดอะไรกับพี่นัทแน่ๆเลย” หนุ่ยบอกเบาๆเหมือนกลัวซีจะได้ยิน


“คิดมากไปเปล่า ซีมีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก จะมาคิดอะไรกับพี่ได้ยังไง” ผมบอกเรื่องซีให้หนุ่ยฟัง


“ไม่รู้สิแต่พี่เชื่อผมสิ ยังไงพี่ก็ระวังจะเกิดเรื่องแล้วกัน” หนุ่ยเตือนผมแล้วก็เดินกลับมา ซีก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะมืดแล้ว ส่วนหนุ่ยนั่งคุยกับผมสักพักก็กลับไปเหมือนกัน


ก่อนนอนต้อมโทรมาหาผมบ่นว่านอนไม่หลับไม่มีคนให้กอด ผมก็บอกว่านอนไม่หลับเหมือนกันคิดถึงแฟน เราคุยกันจนเกือบเที่ยงคืนถึงวางสายเพราะผมต้องไปทำงานเช้าอีก ส่วนต้อมตอนนี้ปิดเทอมแล้วรู้สึกว่าหนุ่ยจะจบแล้วนี่นาลืมดีใจกับน้องที่สอบเสร็จเลยผม


ผมมานั่งเคลียงานแต่เช้างานผมมันเยอะจริงๆโคตรคุ้มเงินเดือนเลยผมว่า วันนี้อยู่ออฟฟิศกันครบทุกคนเลยไม่มีใครออกไปข้างนอก


“นัทต้อมมันปิดเทอมหรือยัง” พี่น้ำเดินมาถามผมที่โต๊ะทำงาน


“ก็ปิดแล้วนะครับ ทำไมหรอพี่” ผมเงยหน้ามองพี่น้ำ สงสัยว่าแกถามถึงต้อมทำไม


“พี่ว่าจะให้มาช่วยงานซะหน่อย จะได้ไม่ต้องไปหาคนอื่น แถมยังไว้ใจได้อีกต่างหาก” พี่น้ำบอก ผมก็ว่าดีเหมือนกันมันจะได้ไม่ต้องอยู่เฉยๆ


“ก็ดีนะพี่เดี๋ยวผมบอกมันให้ แล้วพี่จะให้มันมาช่วยวันไหนละครับ แล้วพี่จะให้มันทำตำแหน่งอะไรละครับ”


“ก็จะให้มาเป็นผู้ช่วยนัทนะแหละ กลัวจะตายคางานซะก่อน แล้วพร้อมวันไหนก็ให้มาเลยก็ได้ แต่พี่ให้เป็นรายวันนะตกลงไหม” พี่น้ำบอกข้อตกลง


คุยกันจบพี่น้ำก็ขึ้นไปห้องทำงานของแกข้างบนไปทำงานต่อ ก็ดีเหมือนกันนะได้ทำงานด้วยกันคนอื่นแซวผมเรื่องนี้อีกแล้ว มีแต่ซีที่เงียบไปนิดหน่อยเวลาพูดเรื่องนี้ วันนี้เลิกงานผมต้องโทรไปบอกข่าวดีต้อมหน่อยแล้ว ตอนเย็นพี่น้ำพาไปเลี้ยงข้าววันนี้ทำให้ผมกลับบ้านดึกนิดหน่อย แต่ทำไมตอนเย็นต้อมไม่โทรหาผมเลยนะมันทำอะไรอยู่


ผมกลับมาถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มแล้วผมไขประตูเปิดเข้าบ้าน พอประตูเปิดเท่านั้นแหละครับมีคนโผเข้ามากอดผมอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้มีคนกอดผมเยอะจังแล้วก็คงไม่ใช่ใครต้อมแน่ๆ ผมตั้งตัวได้ก็หันไปมองคนที่มากอดผมก็เป็นต้อมจริงๆ เห็นไหมละครับผมบอกแล้ววันเดียวมันกลับมาแล้ว แล้วมุขมันนะเหมือนเดิมตลอดซุ่มในบ้านมืดๆใครจะไปตกใจทุกรอบละครับ


“ไหนจะไปสองสามวันไง นี่คืนเดียวเองนะ” ผมหันไปพูดกับมันทั้งที่มันยังกอดผมอยู่


“ก็มันคิดถึงนี่นา แล้วนี่ไม่ตกใจบ้างหรอ” มันเลิกกอดผมแล้วเห็นผมไม่ตกใจ


“ใครจะตกใจได้ทุกครั้งละ มาแบบนี้มีคนเดียวแหละ”


“เดี๋ยวคราวหน้าคิดใหม่ คอยดูแล้วกัน” เออมันทำยังกับผมไปทำอะไรให้มันแค้นใจอย่างนั้นแหละ


พอเข้ามาในบ้านผมก็คุยกับต้อมเรื่องที่พี่น้ำบอกให้มันไปช่วยงานผม มันดีใจใหญ่เลยบอกว่าจะได้อยู่กับผมตลอดเวลา ผมอยากรู้จริงๆมันไม่เบื่อผมบ้างหรือไงแต่มันไม่เบื่อนะดีแล้ว ถ้ามันเบื่อผมจริงๆผมคงแย่เหมือนกัน มันบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปคุยกับพี่น้ำเลย ใจร้อนจริงทีนี้เดี๋ยวทำงานแล้วถ้าบ่นจะโดนแน่ๆ


ต้อมมันตื่นแต่เช้าดูกระตือรือร้นมากที่จะได้ทำงานกับผม แต่ก็ดีนะที่มันอยากทำไม่ต้องบังคับกัน เพราะผมกะว่าถ้ามันไม่อยากทำผมก็จะบังคับมันเหมือนกัน อยากให้มันมีประสบการณ์ก่อนจบเยอะๆไงครับ มาถึงออฟฟิศพี่น้ำก็เรียกต้อมขึ้นไปคุยลายละเอียดกันข้างบน ผมนั่งทำงานอยู่ตอนที่ต้อมกลับลงมาพี่น้ำจะให้มันไปนั่งโต๊ะที่ไว้รับแขก แต่มันไม่เอาบอกจะนั่งกับผมพี่น้ำก็ตามใจ ดีนะครับที่โต๊ะผมมันยาวกว่าคนอื่นๆเพราะเอกสารทั้งหมดมันต้องมากองที่โต๊ะผมก่อน เลยนั่งกันได้ไม่เบียดมาเอาของลงวางพื้นบ้างบางอย่าง


พี่น้ำแซวก่อนขึ้นทำงานต่อว่าอย่าหวานกันจนไม่ได้งานนะ ไม่งั้นจะจับแยกกันนั่งผมนะไม่เท่าไหร่หรอกครับ ต้องไปเตือนต้อมมากกว่า พอถึงเวลาทำงานต้อมมันก็ตั้งใจทำนะครับอืมเป็นคนรับผิดชอบดีอีกด้วย ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามผมตลอด นี่ผมต้องมองต้อมใหม่แล้วมันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเชียว


พี่น้ำแกแอบลงมาดูบ่อยๆครับ ผมสังเกตเห็นแกแต่พอแกเห็นแบบนี้ก็ยิ้มได้แล้ว ตกเย็นพี่น้ำบอกวันนี้จะเลี้ยงต้อนรับต้อมหน่อย พาเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย พอถึงร้านพี่น้ำนั่งหัวโต๊ะถัดมาฝั่งซ้ายเป็นผมฝั่งขวาเป็นวุฒิ ต้อมนั่งต่อจากผมมาถึงผมก็คุยกับพี่น้ำกับวุฒิเรื่องงานที่ยังค้างอยู่ ต้อมก็นั่งฟังกับผมด้วยให้พวกแนนเก่งซีเป็นคนสั่งอาหาร พอคุยเรื่องงานจบพวกผมก็หันมาคุยเล่นกับคนอื่นๆกันระหว่างรออาหาร


อาหารเริ่มทยอยมาเสริฟแล้วตอนนี้พวกเราเตรียมตัวกินกันเต็มที่ อยู่ดีๆต้อมก็เอามือมาปิดตาผมทำไมไม่รู้พอผมจะเอามือมันออกมันก็ดึงหน้าผมไปซบอกมันแทนอะไรของมันเนี่ย ผมจะเอาหน้าออกมาก็มันทำอะไรก็ไม่รู้มันเป็นไรของมันนะ


“อยู่เฉยๆเลยพี่นัท ไม่งั้นโต๊ะกระจายแน่ๆ” ผมพอจะเข้าใจความหมายของมันแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้คนอื่นคงมองผมกับมันอยู่แน่ๆ


“พี่น้ำจานนี้คืนเขาได้ไหมพี่ ถ้าไม่ได้เดี๋ยวผมจ่ายเอง แต่ให้เขาเอากลับไปเลยครับ” ต้อมบอกพี่น้ำผมไม่เห็นอะไรเลยตอนนี้ เพราะผมก็หลับตาด้วยกลัวเห็นคงจำกันได้นะครับว่าผมกลัวอะไร แต่ผมว่าทุกคนคงกำลังทำหน้าสงสัยปนงงอยู่แน่ๆ


“เออ คืนไปเลยก็ได้เดี๋ยวพี่จ่ายเอง แต่ว่ามันทำไมหรอ” เสียงพี่น้ำดูงงมากๆๆ นึกถึงก็ขำทุกที ผมว่าพนักงานก็คงงงพอๆกันแหละครับ


พี่น้ำบอกให้พนักงานเอาไปกินกันเลยเดี๋ยวจ่ายเงินเอง พอพนักงานเอาจานเจ้าปัญหาออกไปแล้วมันก็ปล่อยมือที่จับให้ผมซบอกมันไว้ออก ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมกับต้อมเป้นตาเดียวกันอีกแล้ว


“ตกลงมัยทำไมหรอจานนั้นนะ มันมีอะไร” พี่น้ำถามย้ำอีก หน้าแกยังไม่หายงงเลยครับตอนนี้ คนอื่นๆก็ไม่ต่างกันเลยครับ แต่ผมไม่รู้จะบอกยังไงนี่นามันก็อายเหมือนกันนะเรื่องแบบนี้


“ก็พี่นัทนะครับ เขากลัวข้าวโพดอ่อนมาก ถ้าเมื่อกี้ผมไม่เห็นก่อนนะผมว่าโต๊ะนี้กระจายไปแล้ว” ต้อมตอบแทนผม ทีนี้ทุกคนมองมาที่ผมคนเดียวแล้วคงจะมองว่าผมทำไมกลัวอะไรแปลกๆแน่ๆ


“จริงหรอพี่นัท กลัวข้าวโพดอ่อนจริงๆหรอ” วุฒิถามขึ้นมาบ้างคราวนี้ แถมทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออีกต่างหาก


ผมพยักหน้าก็ตอนนี้มันเริ่มเขินแล้วทุกคนเล่นมองผมคนเดียวเลย ก็คนมันกลัวมันแปลกตรงไหนเนี่ย(ผมว่าไม่เห็นจะแปลกเลยเนอะ) จนต้อมเล่าให้ฟังถึงตอนที่ผมไปเที่ยวงานตอนนั้น คนอื่นๆยังว่าผมเลยว่ากลัวไรแปลกๆ แล้วไม่ยอมบอกกันไว้อีกดีนะที่วันนี้ต้อมมาด้วย ไม่งั้นคงเหมาร้านแน่ๆ


กินข้าวกันเสร็จเราก็ยังนั่งคุยกันต่อผมเลยขอตัวไปห้องน้ำก่อนซีก็ขอไปด้วย


“นัทกลัวจริงๆหรอ” ซีถาม


“อืม จริงดิใครจะแกล้งกลัวละ แค่เห็นไกลๆก็ไม่เอาแล้ว” ผมบอกทำท่าขนลุกไปด้วย


“เดี๋ยวคราวหน้าเราจะดูให้นัทเอง” ซีพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย เออมันชอบพูดไรแปลกๆช่วงนี้


กลับมาจากห้องน้ำพี่น้ำก็จ่างเงินเรียบร้อยแล้วเราก็แยกกันกลับบ้าน พอผมขึ้นมาบนรถได้ผมก็หันไปหอมต้อมทีหนึ่ง ผมหันมามองหน้าผมงงเพราะปกติผมไม่ค่อยจะหอมมันถ้าไม่ใช่ในบ้านหรือที่ส่วนตัวจริงๆ


“ก็ให้รางวัลไง” ผมบอกมันยังทำหน้างงอีก


“ก็เรื่องที่โต๊ะอาหารไง” ตอนนี้มันยิ้มออกแล้ว


“รางวัลแค่นี้ไม่พอหรอก ต้องกลับไปต่อที่บ้าน” อ่านะเข้าทางมันอีกแล้วครับ แต่ผมก็ชอบนะครับ หุหุ


แล้วคืนนี้ผมก็ต้องเหนื่อยอีกแล้วแต่พักหลังผมจะเสียเปรียบบ่อยแล้วนะนี่ เริ่มจะไม่ดีแหละแบบนี้เดี๋ยวต้องหาทางเอาคืนบ้างแล้ว


ต้อมมาช่วยงานผมได้สองอาทิตย์แล้วต้อมทำงานได้ดีกว่าที่คิดมาก พี่น้ำก็ชมต้อมเหมือนกันผมละแอบปลื้มจริงๆแฟนผม มันไม่เคยบ่นเรื่องงานด้วยนะครับมันบอกว่าแค่ได้ทำงานอยู่กับผมก็ไม่เหนื่อยแล้ว ปากหวานจริงๆถึงว่าผมเลยชอบจูบปากมัน


ตั้งแต่ต้อมมาทำงานซีก็เหมือนจะเงียบลงไปนิดหน่อย คงเป็นเพราะผมอยู่กับต้อมด้วยละมั้งครับ วันนี้เป็นวันที่ต้องจัดของในห้องเก็บของซีก็อาสาที่จะช่วยผม ผมเลยให้ต้อมทำงานอยู่ข้างล่างช่วยพวกเก่งเพราะข้างล่างก็จัดของเหมือนกัน


ผมขึ้นมาห้องเก็บของชั้นสองตอนนี้มันรกมากเลยครับ เพราะเวลาพวกผมมาเอาของไปใช้เสร็จแล้วส่วนมากตอนเก็บจะโยนเอานะครับ มันเลยรกเป็นพิเศษแค่เห็นก็เหนื่อยแล้วครับ ซีเข้าไปนั่งเก็บของอยู่ข้างหน้าผมผมยืนบนเก้าอี้เตี้ยๆเพื่อจัดของด้านบน  ขาเก้าอี้ที่ผมใช้มันดันหักผมเลยจะล้มลงไปทับซีของข้างบนก็หล่นลงมาเสียงดังไปหมด ผมก็ล้มลงไปทับซีนะแหละครับเพียงแต่ผมใช้แขนค้ำไว้ได้พอดี หน้าผมกับหน้าซีใกล้กันมากเลยตอนนี้ถ้าผมไม่แขนยันไว้หน้าเราคงชนกันไปแล้ว


“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น” ต้อมเปิดประตูเข้ามาดู ซีกลับดึงหน้าผมเข้าไปจูบทันที
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่25 P:2]07/05/10 11:05AM
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 08-05-2010 01:11:07
มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่25 P:2]07/05/10 11:05AM
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 08-05-2010 14:11:49
โหหหหหห ลายตา
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่26 P:2]08/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-05-2010 23:20:55
ตอนที่26


ผมรีบดันตัวเองเอาหน้าออกทันทีแล้วรีบลุกขึ้นซีก็ลุกขึ้นตาม ผมรีบหันไปมองต้อมตอนนี้ต้อมเดินตรงมาผมกับซีแล้วครับ มาถึงต้อมก็ดึงคอเสื้อซีแล้วยกหมัดชกออกมาเลย ผมเห็นแบบนั้นเลยเอาตัวเข้าไปบังซีไว้เพราะผมไม่อยากให้ต้อมมันมีเรื่องหรอกครับ มันยังเรียนไม่จบถ้าซีเอาเรื่องจะมีผลกระทบต่อการเรียนได้ พอผมคิดได้แบบนั้นก็เลยเอาตัวเข้าไปบังหมัดนั้นแหละครับ โดนเต็มๆหน้าเลยครับหมัดต้อมก็หนักใช่เล่นทำเอาผมทรุดลงไปนั่งกับพื้นเลยครับ นับดาวตอนกลางวันยังได้เลยตามันเห็นดาวระยิบระยับไปหมดเลย เท่านั้นไม่พอมือผมยังละของในชั้นหล่นลงมาอีกด้วย ผมรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆตกใส่ขาผมด้วย


“พี่นัทเป็นอะไรหรือเปล่าพี่” ต้อมเขย่าตัวผมให้รู้สึกตัว


“เกิดอะไรกันขึ้น แล้วนี่นัทเป็นอะไร รีบพาไปนอนในห้องทำงานพี่ก่อนเลย” ผมรู้สึกได้ยินเสียงพี่น้ำดังมาไกลๆ


ต้อมพยุงตัวผมลุกขึ้นแล้วพาตามพี่น้ำที่เปิดประตูห้องแกรออยู่  ผมรู้สึกเจ็บที่ขาแปล๊บๆแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร ตอนนั้นกำลังเมาหมัดต้อมอยู่ครับ พี่น้ำให้ต้อมพาผมไปนอนที่โซฟาในห้องทำงานแก แล้วแกก็ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ให้เล่ามาให้หมด ต้อมก็เล่าเรื่องที่เห็นให้พี่น้ำฟังผมเห็นหน้าพี่น้ำเริ่มเครียดแล้วตอนนี้ ผมก็ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว แต่พี่น้ำบอกยังไม่ให้ลุกให้นอนไปก่อน


พี่น้ำก็ออกไปคุยกับซีข้างนอกต้อมเข้ามานั่งข้างๆผม เอามือแตะที่โหนกแก้มผมที่โดนหมัดของมันเข้าไปเต็มๆ


“เจ็บมากไหมพี่นัท ผมขอโทษนะผมหยุดไม่ทันจริงๆ แล้วพี่เข้ามาบังให้มันทำไม” ต้อมมันไม่เรียกซีว่าพี่แล้วตอนนี้ ผมเลยบอกเหตุผลที่เข้าไปกันซีให้มันฟัง มันก็เข้าใจนะครับแถมยังขอโทษผมอีกที่ใจร้อน แต่มันบอกว่าเห็นแบบนั้นต่อหน้าต่อตาใครจะทนไหว ผมก็เข้าใจมันนะครับเลยไม่ได้ว่ามันต่อแค่บอกให้ใจเย็นๆลงบ้าง
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะว่าถ้าเป็นแบบนี้ผมกับซีคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ แล้วอีกอย่างของก็เสียหายเยอะด้วย แล้วเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นมาเพราะผมผมคงต้องรับผิดชอบแล้วทีนี้


สักพักพี่น้ำเปิดประตูเข้ามา “นัทกับต้อมพี่ขอโทษนะที่เกิดเรื่องแบบนี้ พี่ก็ไม่รู้มาก่อนว่าซีมันจะเป็นแบบนี้” พี่น้ำดูหน้าตาเคร่งเครียดมากตอนนี้


“นัทจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดีกว่าว่ามาเลย เดี๋ยวพี่จะจัดการให้” พี่น้ำแกเป็นคนเด็ดขาดนะครับพูดคำไหนคำนั้นตลอด


“ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผมเป็นต้นเหตุเองพี่ เอาเป็นว่าผมขอลาออกแล้วกัน บริษัทพี่จะได้ไม่มีปัญหาด้วย” ผมตัดสินใจแบบนี้แหละครับ เพราะถ้าผมยังอยู่ซีพี่น้ำคงให้ออกแน่ๆ แต่เขายังต้องหาเงินเรียนอยู่นี่ครับ ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละครับนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ถึงเขาจะคิดดีหรือไม่ดีกับผมก็ตามเพราะพ่อแม่ผมสอนมาแบบนี้นี่ครับ


“เฮ้ย ไม่ได้นะเราเป็นฝ่ายเสียหาย ถ้าจะออกก็ต้องซีมันโน่น เรื่องนี้พี่ไม่ยอมแน่” พี่น้ำทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมอีกตอนนี้


“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ถ้าซีออกแล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนเรียนต่อละพี่ งานสมัยนี้หายากด้วย แต่ถ้าเรายังอยู่ทั้งสองคนบรรยากาศในออฟฟิศคงไม่ดีแน่ แล้วผมก็ไม่อยากให้ต้อมต้องมานั่งระแวงผมจนไม่มีความสุขด้วย” ผมบอกเหตุผลที่ผมขอลาออกให้แกฟัง


“แต่พี่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับเราเลยนะ คนไม่ผิดกลับต้องมาลาออก”


“เรื่องนี้ผมตัดสินใจเองครับ ไม่เกี่ยวกับใคร แล้วค่าของพี่หักจากเงินเดือนๆสุดท้ายของผมนะครับ” ผมยืนยันความคิดเดิม


ผมคุยกับพี่น้ำตั้งนานกว่าแกจะยอมเพราะแกบอกมันไม่ใช่ความผิดผมกับต้อม ต้อมนั่งฟังเงียบๆตลอดคงเพราะไม่กล้าขัดการตัดสินใจของผมหรอกครับ มันอยู่กับผมมามันรู้ดีสักพักวุฒิก็เดินมาคุยอะไรกับพี่น้ำก็ไม่รู้ เห็นพี่น้ำรีบเดินออกไปทันที


“พี่นัทจะลาออกจริงๆหรอพี่” วุฒิถามผม


“อืม พี่ไม่อยากให้ทีนี่มีปัญหาเพราะพี่ ยังไงพวกวุฒิก็อยู่กันมานานแล้ว พี่เพิ่งเข้ามาได้สองสามเดือนเอง” ผมบอก แล้วพยายามจะลุกขึ้นนั่งต้อมเห็นเลยช่วยพยุงผมนั่ง ตอนนี้ขาข้างที่ของตกใส่ผมรู้สึกปวดตุ๊บๆแล้วครับ แต่ก็ยังไม่ได้บอกใครเพราะตอนนี้เรื่องอื่นมันวุ่นวายมากกว่า


วุฒิทำหน้าเครียดไปด้วยแล้วตอนนี้ สักพักพี่น้ำก็กลับเข้ามาหน้ายุ่งไปหมดแล้วตอนนี้


“นัทพี่ว่าการลาออกมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาจริงๆนะ เราคิดดูใหม่ได้ไหมพี่ให้เราไปพักร้อนสองอาทิตย์เลย แล้วค่อยกลับมาบอกพี่อีกที ถ้านัทยังยืนยันคำเดิมพี่ก็ไม่ว่าอะไรแล้ว” พี่น้ำยืนข้อเสนอใหม่ให้ผม ผมก็บอกจะลองคิดดูแล้วแกบอกให้ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้าน


“โอ๊ย” ผมร้องเพราะเจ็บขาข้างที่โดนของตกใส่มากตอนที่กำลังจะยืนขึ้น จนต้องนั่งลงกับโซฟาอีกครั้ง


“นัทเป็นอะไร” พี่น้ำรีบถามทันทีที่เห็นอาการผมแบบนั้น


“ขาซ้ายนะพี่มันโดนอะไรไม่รู้ตกใส่ ทีแรกมันไม่เจ็บเท่าไหร่แต่ตอนนี้ขยับยังไม่ไหวเลยพี่” ผมบอกต้อมรีบนั่งลงมาดูขาผมทันที


“พี่นัทถ้าเจ็บแล้วบอกนะ” ต้อมจับขาผมยกขึ้นแล้วค่อยๆเอามืออีกข้างจับเบาๆไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ


“โอ๊ย” ไม่ทันบอกแล้วครับผมร้องออกมาเลย มันเจ็บมากตรงแถวกลางหน้าแข้งผมพอดี ต้อมทำหน้าไม่ดีเลยมันถกกางเกงขายาวผมขึ้นมาทันที มันมีรอยเขียวช้ำใหญ่มากตรงแถวนั้น


“พี่น้ำครับช่วยไปเอารถให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ท่าทางขาพี่นัทจะหักนะครับ” พี่น้ำทำหน้าตกใจแล้วต้อมส่งกุญแจรถไปให้(ที่ไม่ใช้วุฒิเพราะวุฒิขับรถไม่เป็นครับ) พี่น้ำรีบออกไปจากห้องทันที วุฒิก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้พี่น้ำเลยตอนนี้ ต้อมให้ผมขี่หลังลงมาจากชั้นสองโดยมีวุฒิช่วยประคองอีกที ตอนนี้ทั้งเก่งทั้งแนนดูวุ่นวายกันไปหมดแล้วแต่ผมไม่เห็นซีแล้วนะครับ


ตกลงพี่น้ำเป็นคนขับรถมาส่งที่โรงพยาบาลเองเลย แกบอกว่ากลัวต้อมใจร้อนแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ มาถึงผมก็เข้าห้องฉุกเฉินเลยครับ หมอเอ็กซ์เรย์ขาผมดูปรากฏว่ามันหักจริงๆครับ ไม่รู้ต้อมมันรู้ได้ยังไงหมอเข้าเฝือกให้ผมแล้วบอกว่าให้นอนดูอาการก่อนหนึ่งคืน ถ้าพรุ่งนี้เอ็กซ์เรย์ดูอีกรอบไม่มีปัญหาอะไรก็จะให้กลับบ้านได้
พี่น้ำจัดการเรื่องค่าพยาบาลให้ผมทุกอย่าง แถมยังให้ผมนอนห้องพิเศษอีกต่างหาก ผมเกรงใจบอกนอนห้องรวมก็ได้แต่แกไม่ยอม แกบอกมันเป็นความรับผิดชอบของแกเพราะเรื่องมันเกิดในบริษัทแกด้วย ผมก็ต้องยอมแกไปแหละครับแค่นี้แกก็ดูกลุ้มใจมากพอแล้ว


ตอนเย็นแนนกับเก่งก็มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลซื้อของมาฝากเยอะเลย เก่งกับแนนไม่ได้รู้เรื่องผมกับซีหรอกคับ พี่น้ำบอกว่าไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตผมก็เห็นด้วย รอยช้ำที่หน้าใครถามผมก็บอกว่าของตกใส่เหมือนกันแหละครับ แนนกับเก่งมาสักพักก็กลับไปพี่น้ำกับวุฒิก็กลับไปใกล้ๆกันครับ เดี๋ยวหนุ่ยก็คงจะมาแน่ๆเพราะผมเห็นมันเพิ่งโทรมาหาต้อม


สักพักหนุ่ยก็มาถึงจริงๆด้วยมาถึงก็ถามเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น ทีนี้ต้อมมันเล่าแทนผมหมดเลยหนุ่ยยังหันไปว่าต้อมที่ต่อยผมแล้วก็หันมาทางผม


“ผมบอกพี่นัทแล้วว่าให้ระวังตัวก็ไม่เชื่อ พี่นัทยังมาหาว่าผมคิดมากอีก ใครจะเหมือนพี่ละมองโลกในแง่ดีเสมอเลย” หนุ่ยมันเริ่มบ่นลามมาถึงผมแล้วทีนี้


“ก็พี่จะไปรู้ได้ยังไงละ ก็เห็นมันก็มีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก ใครจะคิดว่ามันจะเป็นแนวนี้ด้วย” ผมแก้ตัวไปเรื่อยแหละครับ ก็มันคิดไม่ถึงจริงๆนี่ครับ


แล้วหนุ่ยมันก็บ่นนั่นนี่โน่นของมันต่อไป จนผมยังแซวมันว่าแก่กว่าผมแล้วตอนนี้บ่นเก่งจัง ส่วนต้อมก็ยังดูหน้าไม่ค่อยสบายใจอยู่เลย หนุ่ยอยู่พักใหญ่ๆก็กลับไปยังบอกต้อมว่าถ้าพรุ่งนี้หมอว่ายังไงให้โทรบอกด้วย พอหนุ่ยไปก็เหลือผมกับต้อมสองคนแล้วทีนี้


“เป็นไรไปเรา ทำหน้าอมทุกข์ไปได้ เดี๋ยวก็หน้าแกกว่าพี่หรอก” ผมพูดเล่นให้มันหายเครียด


“พี่ยังเจ็บหน้าอยู่เปล่า ผมทำพี่เจ็บตัวอีกแล้ว” มันทำหน้าเศร้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้ว


“พี่ไม่เจ็บแล้วเรื่องแค่นี้เอง พี่ไม่ทะเลาะกับเราก็ดีมากแล้ว” ผมเอามือขยี้หัวมันเบาๆดูมันจะผ่อนคลายลงมาบ้างแล้วตอนนี้


ต้อมมันคอยดูแลผมทุกอย่างเพราะผมยังเดินไม่ได้ตอนนี้ ตอนนอนมันก็มานั่งจับมือผมหลับอยู่ข้างเตียงแหละครับผมให้ไปนอนที่นอนคนเฝ้าไข้ก็ไม่ยอม ผมนอนมองต้อมจนหลับไปเหมือนกัน


“ก๊อก ๆๆๆ” เสียงคนมาเคาะประตูแต่เช้า คงเป็นพยาบาลเข้ามาวัดไข้ตอนเช้า


ผมตื่นขึ้นมามองไปที่ประตู ต้อมเองก็ตื่นแล้วเหมือนกันตอนนี้แต่คนที่เปิดประตูเข้ามากลับเป็นซี ซีจะมาทำไมอีกตอนนี้แค่นี้เรื่องมันยังไม่เยอะพออีกหรอไง ผมเห็นแบบนั้นผมรีบจับมือต้อมไว้ก่อนเลยมีอะไรจะได้ห้ามมันทัน



หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่26 P:2]08/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 09-05-2010 16:07:42
เฝ้าติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่27 P:2]09/05/10 20:40PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-05-2010 20:43:19
ตอนที่27


ซีมาพร้อมกับกระเช้าผลไม้ในมือซีเดินตรงมาที่เตียงผม ต้อมลุกขึ้นยืนทันทีที่ซีเดินเข้ามาผมจับมือต้อมไว้แน่นเลยตอนนี้ แล้วหันไปมองหน้าบอกให้ใจเย็นๆก่อน เพราะผมก็อยากรู้ว่าซีจะมาทำไมเหมือนกัน เขาอาจจะมาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้


“มีธุระอะไรถึงมาแต่เช้า” ผมถามเสียงเรียบๆ ต้อมจ้องหน้าซีเต็มที่เหมือนกับถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลมันคงกระโดดใส่มันที


“เราแวะมาหานัทนะ เรื่องเมื่อวานเราขอโทษนะ แต่เราก็ไม่ได้เสียใจที่ทำแบบนั้น” เออ มันพูดยังไงของมันกันนะขอโทษแต่ไม่เสียใจ แต่ต้อมตาเขม็งแล้วเมื่อได้ยินแบบนั้น


“พี่หมายความว่ายังไงที่พูดแบบนั้น พี่มานี่ต้องการอะไรกันแน่” ต้อมเสียงแข็งเชียวตอนนี้


“ในเมื่อพี่ยอมแสดงตัวขนาดนี่แล้ว พี่ก็คงไม่ยอมอะไรง่ายๆด้วยเรื่องแค่นี้หรอก พี่จะมาบอกแค่นี้” ซีมองหน้าต้อมตอบ ก่อนหันมามองหน้าผมแล้วก็หันหลังเดินกลับออกไปเลย


ผมหันมองหน้ากับต้อมกับสิ่งที่ซีพูดเมื่อกี้นี้ ต้อมนั่งลงข้างๆผมเหมือนเดิมแล้วตอนนี้ ผมก็คลายมือที่จับต้อมไว้แต่ยังไม่ได้ปล่อยนะครับ ต้อมทำสีหน้ากังวลมากเลยตอนนี้


“เมื่อไหร่ผมจะเรียนจบนะ ผมจะได้ทำงานแล้วให้พี่นัทอยู่บ้าน” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา


“จะให้พี่อยู่บ้านทำไม พี่ก็ต้องทำงานช่วยเราสิ” ผมไม่เข้าใจความหมายที่ต้อมมันพูด


“อยู่บ้านนะถูกแล้วผมจะได้ไม่ต้องมากังวลแบบนี้อีก ผมทำงานเลี้ยงพี่ได้คอยดูนะ” ทีนี้ผมเริ่มเข้าใจความหมายของมันแล้ว มันหวงผมนี่เอง


“ไม่เอาหรอก ถ้าเราไปเจอคนอื่นแล้วเบื่อพี่พี่จะทำไงละ” ผมบอกต้อมหันมามองหน้าผมทันที


ต้อมยืนขึ้นเอามือจับหน้าผมไว้แล้วก้มหน้ามาใกล้ “ฟังผมให้ชัดๆเลยนะ ผมจะไม่มีวันเบื่อพี่นัทเด็ดขาด ผมรักพี่นัทมากจนผมขาดพี่ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีพี่ผมขอตายดีกว่า” ดูมันพูดเข้าสิ ผมก็รู้ว่ามันพูดจริง ผมเลยดึงหน้ามันมาจูบเพื่อตอบรับกับความรักที่มันมีให้กับผม


“ขอโทษนะค่ะ ขอวัดไข้หน่อยค่ะ” เสียงพยาบาลบอก แต่ตอนนี้ผมยังจูบต้อมอยู่เลยครับ ต้อมเลยเลิกจูบผม


“เชิญเลยครับ” ต้อมหันไปบอกพยาบาลคนนั้น ผมเห็นเขามองหน้าผมกับต้อมสลับกันไปมาหลายรอบมากเลยตอนนี้ ก่อนที่จะเอาปรอทมาวัดไข้ผมรอบเช้า ผมไม่ได้อายแล้วครับตอนนี้


ตอนสายหนุ่ยก็มาเยี่ยมผมหนุ่ยมาได้สักพักพี่น้ำกับวุฒิก็มาถึงซีก็มาด้วย เท่านั้นไม่พอแจ็คยังมาอีกคนใครเป็นคนบอกมันกันนะว่าผมไม่สบาย ทีนี้เหมือนชุมนุมศิษย์เก่าของผมเลยครับตัวปัญหาเต็มห้องเลย  หนุ่ยกับต้อมนี่มองซีจนจะเผาไหม้กันได้แล้วมั้งครับ ส่วนไอ้น้องแจ็คไม่ต้องสนมันเลยมันไม่สนใจใครอยู่แล้วนอกจากผม มันนั่งข้างเตียงเอาน้ำเอาขนมป้อนผมไม่ได้สนใจใครเลย


มีแต่พี่น้ำกับวุฒิที่งงกับบรรยากาศในห้องที่เป็นแบบนี้ จนแกขอคุยกับผมเป็นการส่วนตัวหน่อย ก่อนทุกคนออกไปผมบอกให้หนุ่ยดูต้อมด้วย พี่น้ำก็ให้วุฒิออกมาคุมสถานการณ์ข้างนอกอีกคนหนึ่ง


“นัทพี่ถามจริงๆเถอะนั่นคู่กรณีนัทหมดเลยหรือเปล่า” ดูพี่แกถามแกคงอึดอัดมานานแน่ๆ ผมได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ แกยังทำหน้าแปลกใจอีก


“ไม่ใช่เล่นนะเรานะ ถึงว่าต้อมมันถึงหวงของมันมากขนาดนี้”


“แต่ว่าพี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ อย่าบอกนะเรื่องนี้ที่อยากคุย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อน


“เออ เกือบลืมมัวแต่แปลกเรื่องนัทนะสิ พี่คุยกับพี่กันเรื่องนัทแล้วนะ ถ้านัทออกพี่กันก็ไม่ยอมเหมือนกัน บริษัทพี่แย่แน่คราวนี้พี่กับพี่กันเลยจะปรับให้นัทไปเป็นผู้ช่วยพี่กันแทน ย้ายไปอยู่ที่ออฟฟิศพี่กันมีงานอะไรก็ส่งมาให้พี่ที่บริษัท รับเงินเดือนจากพี่เหมือนเดิม นัทว่าไง” พี่น้ำบอก


“งั้นผมขอคุยกับต้อมก่อนได้ไหมครับพี่ ถ้ามันไม่ว่าอะไรผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ พี่เข้าใจผมนะครับ” พี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับเดินไปเรียกต้อมเข้ามาคุยข้างในอีกคน พี่น้ำก็คุยกับต้อมเรื่องอยากให้ผมอยู่ทำงานต่อ พี่น้ำอธิบายกับต้อมตั้งนานกว่าต้อมมันจะยอม มันบอกว่าเพราะพี่น้ำดีกับพวกเราถึงได้อยากช่วย แต่พี่น้ำต้องสัญญาว่าจะไม่ให้ซีมายุ่งกับผมอีก พี่น้ำก็รับปากถึงได้ตกลงกันได้


จนเกือบเที่ยงหมอก็เข้ามาดูอาการผม หมอบอกว่าให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ แต่คงต้องเข้าเฝือกไว้หนึ่งเดือนโชคดีที่กระดูกที่หักไม่ได้เคลื่อนย้ายมาก ทำให้น่าจะกลับมาติดกันได้เร็วเดือนเดียวน่าจะกลับมาเดินได้ตามปกติแล้ว แล้วก็ให้พยาบาลมาสอนผมใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัว พยาบาลคนนี้ก็มองหน้าผมกับต้อมแปลกครับสงสัยคนก่อนคงจะเอาเรื่องผมไปเล่าไปทั่วแล้วแน่ๆ


ช่วงบ่ายๆผมกลับมาถึงบ้านต้อมดูแลผมอย่างดีเหมือนเดิม ผมนั่งดูหนังอยู่โดยที่เอาขาข้างที่เข้าเฝือกวางพาดไว้กับเก้าอี้ ต้อมล้างจานเก็บของเสร็จก็ลงมานั่งข้างๆผม ผมเลยหันไปมองต้อมก็มองกลับมา


“พี่นัทถ้าผมเรียนจบทำงานแล้วพี่นัทอยู่บ้านเฉยๆได้ไหมพี่” ต้อมมันกลับมาเรื่องเดิมอีกแล้ว


“นี่เราคิดอะไรอีกแล้วหือ”


“ผมไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว ผมเหนื่อยตัวผมไม่ว่าหรอกแต่ผมเหนื่อยใจนี่สิ” โหเล่นมาพูดกันแบบนี้เลยหรอ แล้วผมผิดตรงไหนเนี่ยเรื่องทั้งหมดผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย กลายเป็นว่าที่มันต้อมมาเหนื่อยใจก็เพราะผมอย่างนั้นหรอ ผมน้อยใจขึ้นมาทันทีนี่ถ้าผมเดินได้ถนัดผมคงไม่อยู่ตรงนี้แล้ว


“ถ้าเราเหนื่อยใจนักก็ไม่ต้องมายุ่งกับพี่สิ เราจะได้สบายใจพี่ขอโทษนะทีทำให้ลำบากขนาดนี้” ผมน้อยใจสุดๆเลยตอนนี้


ผมหันไปหยิบไม้เท้าเพื่อที่จะพยุงตัวเองขึ้นไปข้างบน แต่ต้อมกับมาดึงเอาไม้เท้าออกไป


“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะพี่ ผมไม่เคยคิดว่าลำบากเพราะพี่เลยนะ” ต้อมจับมือผมไว้


“ถ้าไม่คิดแล้วเราจะพูดแบบนี้หรอ พี่มันคงจะเป็นตัวปัญหาสำหรับเรามากสินะ ทำให้เราเหนื่อยมากเลยสินะ” ตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมาแล้วครับ มันน้อยใจมากที่สุดเลยครับผมก็รู้ว่าปัญหาส่วนมากมันเกิดขึ้นจากผม แต่ผมก็ไม่เคยคิดนอกใจหรือเป็นอย่างอื่นเลยนะครับ


ผมพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วสำหรับเรื่องเราสองคน แต่นี่ต้อมกลับมาพูดเหมือนผมทำให้มันลำบากและไม่มีความสุขเอาซะเลย ผมมันคงเป็นคนที่แย่มากเลยนะครับที่ทำให้คนที่เรารักคิดแบบนั้น


“พี่นัทผมไม่ได้คิดจะว่าพี่แบบนั้นนะ จะให้ผมพูดยังไงกับพี่ดีทีนี้” ต้อมเริ่มทำหน้าเสียแล้วที่เห็นผมร้องไห้ออกมา


“พี่นัทอย่าร้องไห้นะพี่นะ ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นจริงๆ” ต้อมเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผม ผมเลยหันหน้าหนี


“อย่าทำแบบนี้สิพี่นัท ผมขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” ต้อมเข้ามากอดผมแต่ผมก็ไม่ได้กอดตอบหรือหันหน้ามามองด้วยซ้ำ


“ผมขอโทษนะ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่เสียใจ ผมขอโทษนะครับ” ต้อมเริ่มร้องไห้บ้างแล้วตอนนี้ แต่ปากก็ยังบอกขอโทษผมไม่หยุดเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่27 P:2]09/05/10 20:40PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 10-05-2010 12:03:37
มาต่ออีกเร็วๆ นะพี่นัท



 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:



ชอบๆๆๆ ชอบคนรักกัน    +1   ให้เลย



พี่นัท  ผมถามไรหน่อยดิพี่  งงๆๆ อ่ะ


ผมขึ้นมาห้องเก็บของชั้นสองตอนนี้มันรกมากเลยครับ เพราะเวลาพวกผมมาเอาของไปใช้เสร็จแล้วส่วนมากตอนเก็บจะโยนเอานะครับ มันเลยรกเป็นพิเศษแค่เห็นก็เหนื่อยแล้วครับ ซีเข้าไปนั่งเก็บของอยู่ข้างหน้าผมผมยืนบนเก้าอี้เตี้ยๆเพื่อจัดของด้านบน  ขาเก้าอี้ที่ผมใช้มันดันหักผมเลยจะล้มลงไปทับซีของข้างบนก็หล่นลงมาเสียงดังไปหมด ผมก็ล้มลงไปทับซีนะแหละครับเพียงแต่ผมใช้แขนค้ำไว้ได้พอดี หน้าผมกับหน้าซีใกล้กันมากเลยตอนนี้ถ้าผมไม่แขนยันไว้หน้าเราคงชนกันไปแล้ว


“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น” ต้อมเปิดประตูเข้ามาดู ซีกลับดึงหน้าผมเข้าไปจูบทันที

ผมรีบดันตัวเองเอาหน้าออกทันทีแล้วรีบลุกขึ้นซีก็ลุกขึ้นตาม ผมรีบหันไปมองต้อมตอนนี้ต้อมเดินตรงมาผมกับซีแล้วครับ มาถึงต้อมก็ดึงคอเสื้อซีแล้วยกหมัดชกออกมาเลย ผมเห็นแบบนั้นเลยเอาตัวเข้าไปบังซีไว้เพราะผมไม่อยากให้ต้อมมันมีเรื่องหรอกครับ มันยังเรียนไม่จบถ้าซีเอาเรื่องจะมีผลกระทบต่อการเรียนได้ พอผมคิดได้แบบนั้นก็เลยเอาตัวเข้าไปบังหมัดนั้นแหละครับ โดนเต็มๆหน้าเลยครับหมัดต้อมก็หนักใช่เล่นทำเอาผมทรุดลงไปนั่งกับพื้นเลยครับ นับดาวตอนกลางวันยังได้เลยตามันเห็นดาวระยิบระยับไปหมดเลย เท่านั้นไม่พอมือผมยังละของในชั้นหล่นลงมาอีกด้วย ผมรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆตกใส่ขาผมด้วย


ซีผิดตรงไหนอ่า  ยังไม่เห็นซีทำไรลยอ่ะ  ผมแค่สงสัยเฉยๆ นะ




แล้วมาต่อเร็วๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่28 P:2]10/05/10 7:32PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-05-2010 19:38:44
อืมนะจะตอบไงดีอะว่าซีผิดยังไง ก็นะคนเขามีแฟนแล้วแถมแฟนเขาเข้ามาเห็นยังจะดึงไปจูบไปจูบได้อีกน้อ :sad4:

ตอนที่28


เอาอีกแล้วไงครับผมอะเห็นต้อมร้องไห้ไม่ได้เหมือนกันครับ ใจอ่อนทุกทีก็มันร้องไห้ที่ไรน่าสงสารนี่ครับที่แรกจะทำใจแข็งไม่สนใจแต่ก็ทำไม่ได้นะครับ ยิ่งมันพูดขอโทษผมไม่หยุดแบบนี้อีกด้วยใครจะไม่ใจอ่อนไหว ผมเลยเอามือไปลูบหัวปลอบใจมันบ้างแล้วทีนี้


“พี่นัทไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้พี่เสียใจนะครับ ผมขอโทษ” ต้อมเสียงสั่นๆอยู่เลย


“พี่ก็ไม่ได้โกรธเราตั้งแต่แรกแล้ว พี่แค่น้อยใจเท่านั้นเองที่เราเห็นว่าพี่ทำแต่ปัญหาให้กับเรา พี่มันคงไม่ดีพอใช่ไหมละหรือว่าต้อมยังไม่เชื่อในความรักที่พี่มีให้กับต้อมใช่ไหม” ผมเอามือจับตัวต้อมให้หันหน้ามามองหน้าผม


“ไม่ใช่พี่ไม่ดีพอพี่นะดีมากเลยสำหรับผมดีจนผมคิดว่าจะไม่มีใครดีกับผมได้แบบนี้อีกแล้ว แต่ผมต่างหากที่กลัวว่าถ้าพี่เจอคนที่ดีกว่าผม พี่จะทิ้งผมไปแล้วผมจะทำยังไงต่อไปได้ละ ผมบอกแล้วผมคงขาดพี่ไม่ได้แล้วชีวิตนี้” ตามันแดงไปหมดเลยตอนนี้น่าสงสารมาก


“มันไม่มีอะไรหรอกหรือที่ผ่านมาพี่ยังทำให้เราเชื่อไม่ได้อีกหรอ ว่าพี่จะรักเราแค่คนเดียวเราลืมปัญหาที่เราผ่านด้วยกันมาหมดแล้วหรือไง หรือว่าเราคิดว่าพี่ยังรักเราไม่มากพออีก” ผมเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้ต้อม


“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ความรักที่พี่มีให้ผมผมรู้ว่ามันมากแค่ไหน มากเสียจนผมคิดว่าผมขาดมันไม่ได้เสียแล้ว นั่นกลับยิ่งทำให้ผมกลัวมากยิ่งขึ้น กลัวว่าถ้าวันไหนพี่นัทเปลี่ยนไปผมคงทำอะไรต่อไปไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ” ต้อมเอามือมาจับมือผมไว้ที่ตรงแก้มมันแบบนั้น


“ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจพี่แต่ผมไม่ไว้ใจคนอื่นต่างหาก เพราะพี่มองคนในแง่ดีมากเกินไปจนพี่ไม่ได้สนใจเลยถึงแม้คนอื่นจะเข้ามาทำร้ายพี่ก็ตาม พี่ยังเป็นห่วงคนๆนั้นได้เลยนี่แหละคือสิ่งที่ผมกลัวว่ามันจะมันจะทำให้พี่ต้องแยกกับผม” มันจับมือผมแน่นมาก


“ถ้างั้นพี่ขอให้เราเชื่อใจพี่ได้ไหม ไม่ว่ายังไงจะไม่เปลี่ยนไปพี่จะรักเราคนเดียว ถึงแม้ว่าเราจะไม่รักพี่แล้วก็ตาม ส่วนเรื่องคนอื่นต่อไปพี่จะระวังตัวให้มากขึ้น เราจะได้ไม่ต้องคอยห่วงพี่มากแบบนี้” ผมเลยจูบต้อมหลังจากที่ผมพูดจบ ต้อมก็จูบกลับเพื่อตอบรับกับคำสัญญาที่ผมให้กับมัน จากนั้นมันก็ค่อยๆดันผมจะให้นอนลงบนโซฟา


“โอ๊ย..” ผมเจ็บขาเพราะตอนนี้มันหล่นจากที่พาดไปที่พื้นแล้วครับ ต้อมรับหันไปดูขาผมทันทีแล้วค่อยยกขึ้นมาบนโซฟาแทน


“พี่นัทเจ็บมากไหมพี่ ผมลืมไปว่าพี่เขาเจ็บอยู่” ต้อมทำหน้าจ๋อยๆ ผมเลยเรียกให้ต้อมเข้ามาใกล้เหมือนว่าจะกระซิบบอกอะไร พอต้อมยืนหน้าเขามาผมก็จับหน้าต้อมไว้แล้วดึงมาจูบใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่มีปัญหาอีกแล้วเพราะผมนอนอยู่บนโซฟาแล้วนี่ครับ


หุหุ ขนาดขาเป็นแบบนั้นผมกับต้อมยังเติมความรักกันด้วยปากกันบนโซฟาจนได้แหละครับ พวกผมนะทะเลาะกันที่ไรง้อกันเสร็จเหนื่อยทุกทีสิครับ ไม่รู้คู่อื่นจะเป็นแบบผมหรือเปล่า แล้วเราก็ขึ้นไปอาบน้ำกันต้อมเอาเก้าอี้เข้าไปสองตัวให้ผมนั่งตัวอีกตัวไว้วางขาช้างที่ใส่เฝือก จะได้ไม่โดนน้ำแล้วก็อาบน้ำให้ผมสบายจริงๆช่วงนี้ มีคนทำให้ทุกอย่างเลย


ช่วงนี้ผมไม่ต้องไปทำงานครับพี่น้ำบอกให้หยุดจนกว่าจะถอดเฝือก ผมเลยคิดว่าจะกลับบ้านเพราะที่บ้านก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน หลังจากที่ต้อมโทรไปบอกแม่ผมผมเลยจะกลับไปอยู่บ้านจนใกล้กำหนดถอดเฝือกแล้วค่อยกลับมาใหม่ ต้อมก็ไม่ได้ไปทำงานกับพี่น้ำแล้วครับพี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไร ต้อมเลยไปบ้านต่างจังหวัดกับผมครับ


พอมาถึงบ้านแม่มายืนรอรับตั้งแต่หน้าบ้านเลย ยังบ่นผมอีกว่าไม่ยอมโทรมาบอกตั้งแต่แรก ต้องให้ต้อมเป็นคนโทรมาบอกแกผมก็ได้แต่ยิ้มให้แล้วก็กอดเอวแม่ไว้แหละครับ อ้อนไว้ก่อนแกจะได้ไม่บ่นเยอะมากก็ลูกเจ็บทั้งคนนี่นะ แม่จัดห้องไว้ให้ผมจนเรียบร้อย


ผมกลับมาอยู่บ้านได้สามอาทิตย์แล้วครับตอนนี้ ระหว่างสองอาทิตย์นี้ซีก็พยายามโทรหาผมตลอด แต่ผมก็ไม่ได้รับสายหรือถ้าจะรับก็จะเป็นต้อมที่รับแทน ซียังคุยกับต้อมนะแถมยังฝากความคิดถึงผมผ่านต้อมมาอีก ถ้าจะพูดจริงทำจริงคราวนี้ผมกับต้อมเจอศึกใหญ่แน่ๆ เราก็คุยเรื่องซีกันตลอดนะครับผมเลยบอกว่าผมจะพยายามเลี่ยงให้เจอกันน้อยที่สุด เพราะยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่นี่ครับ แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะต้องบอกต้อมทุกเรื่องเราจะไม่ปิดบังกัน


พรุ่งนี้ผมว่าจะกลับกรุงเทพแล้วครับเพราะอีกไม่กี่วันก็ถึงวันหมอนัดแล้ว ก่อนวันกลับผมกับต้อมก็ไปซื้อของฝากพี่น้ำกับหนุ่ยกัน แถมยังนึกถึงความหลังตอนสงกานต์คราวนั้นด้วย ต้อมบอกว่ายังจำได้ผมนึกว่ามันจะลืมไปพร้อมกับตอนที่รถชนข้างทางไปแล้ว มันบอกว่าตอนนั้นเป็นตอนที่มันตัดสินใจได้ทันทีว่ามันคงจะไปรักใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะคงไม่มีใครที่จะยอมเจ็บตัวเพราะมันแบบผมอีกแล้ว ผมยังแซวต่อว่าถ้างั้นวันไหนมีคนมาช่วยมันไว้แบบผมอีกมันจะไปชอบคนนั้นแน่ๆ มันกลับงอนผมอีกหาว่าว่ามันเป็นคนโลเลเออเป็นงั้นไป


กลับมาถึงกรุงเทพต้อมก็เอาของฝากไปให้พี่น้ำคนเดียว ไม่ยอมให้ผมไปด้วยเพราะไม่อยากให้ผมเจอหน้าซี แต่ผมก็กลัวมันจะใจร้อนทำไรไม่คิดจริงๆครับ แต่ต้องให้มันไปแหละครับเพราะถึงไปก็เดินลำบากแล้วเดี๋ยวมันจะหาว่าผมไม่เชื่อใจมันอีก ส่วนของหนุ่ยโทรไปหาแล้วหนุ่ยบอกว่าเดี๋ยวจะแวะมาเอาเอง ช่วงนี้หนุ่ยก็เริ่มยุ่งๆเพราะส่าหนุ่ยกำลังจะเปิดกิจการของตัวเอง ใบ้ให้นิดนะครับเป็นร้านอาหารไทยเรานี่และปกติอยู่ข้างถนน แต่หนุ่ยมันเอาขึ้นห้างซะงั้นเดี๋ยวนี้มีเกือบทุกห้างเลยร้านมันอะครับ ผมไปกินประจำแต่ไม่ค่อยบอกมันหรอกครับถ้ามันรู้มันให้กินฟรีตลอดเลย


แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงสักทีวันที่หมอนัดถอดเฝือก ต้อมพาผมมาแต่เช้าดูเหมือนพยาบาลยังจำพวกผมได้ เห็นมองหน้าผมสองคนแล้วยิ้มให้ตลอด จนพาผมไปเอ็กซ์เรย์ช่วงรอฟังผลจากหมออยู่นั้น มีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมกับต้อมที่นั่งคุยกันรอพบหมออยู่


“ขอโทษนะครับ” ผมกับต้อมหันไปมองหน้าเขาทั้งคู่


“คือว่า...คุณสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ” เขาถามผมกับต้อม เราหันมองหน้ากันอืมเขาจะอยากรู้ไปทำไมนะ


“ครับ เราเป็นแฟนกันมีอะไรหรือเปล่าครับ” ต้อมหันไปตอบแล้วหันมายิ้มให้ผม


“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็พยาบาลพวกนั้นแหละครับอยากรู้ ผมเลยมาถามให้แต่น่าอิจฉานะครับ คบกันมานานหรือยังครับ” เขายิ้มแล้วชวนคุยต่อ


ต้อมก็ตอบแล้วคุยกันสักพักก็ถึงคิวผมที่ต้องพบหมอแล้ว เขายังบอกว่าอิจฉาคู่ผมอยู่นั่นแหละผมก็ได้แต่ยิ้มตอบ พอพบหมอหมอก็บอกว่ากระดูกสมานกันดีแล้ว ถอดเฝือกออกได้แต่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยไปก่อนแรกๆ เพราะถ้าลงน้ำหนักเต็มที่เลยมันอาจเจ็บแปลบๆได้ ตอนถอดเฝือกสอครับน่ากลัวมากผมปิดตาจับมือต้อมแน่นเลย ก็หมอเขาเอาของที่เหมือนเลื่อยไปฟ้าเล็กๆมาผ่าออกนี่ครับ ผมกลัวมันจะเลยไปโดนขาผมมากแล้วเสียงเครื่องนะ ทรมานจิตใจมากเลยลุ้นสุดๆผมยิ่งชอบดูหนังฆาตกรรมอยู่ด้วย พอเห็นแบบนี้แล้วมันนึกถึงภาพในหนังไงครับ


หลังถอดเฝือกก็กลับมาบ้านผมลองเดินไม่ใช้ไม้มันก็เสียวแปลบๆที่กระดูกอย่างที่หมอบอกจริงๆครับ แต่ก็ยังดีกว่าตอนที่ใส่เฝือกแหละครับ


“ครืน ๆ ๆ” เสียงโทรศัพท์สั่นบนโต๊ะ ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์พี่น้ำก็กดรับ


“สวัสดีครับ มีอะไรหรอครับ” ผมถามทันทีเพราะถ้าไม่มีอะไรพี่น้ำไม่ค่อยโทรหาผมหรอก


“อืมนัทถอดเฝือกวันนี้แล้วใช่ไหม” แกถาม


“ใช่ครับเพิ่งกลับถึงบ้านเลยเนี่ย ทำไมหรอครับ” ผมเริ่มสงสัย


“งั้นอีกสองสามวันคงเดินไหวแล้วใช่เปล่า พอดีมีงานใหญ่เข้ามาพอดี”


“เดินไหวแล้วพี่นี่ก็ไม่ใช้ไม่เท้าแล้วครับ แต่ว่างานอะไรหรอครับ” ผมถามรายละเอียด


“งาน....... เขาจัดที่ศูนย์ประชุมสิริกิตนะ งานพี่กันนะแหละเขาอยากให้นัทไปช่วยต้อนรับลูกค้าหน่อย อ้อต้อมด้วยนะพี่อยากให้ต้อมมาช่วยด้วย อีกอย่างมันจะได้สบายใจเพราะงานนี้ไปทำกันทั้งออฟฟิศเลย”พี่น้ำอธิบายรายละเอียดทันที


“ผมนะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่พี่คุยกับต้อมเองแล้วกันนะครับ” ผมบอกแกแล้วเรียกต้อมมารับสาย


สิ่งแรกที่ต้อมถามหลังจากฟังที่พี่น้ำพูดมานาน คือใครไปบ้างงานนี้มันทำหน้าคิดนิดหน่อยแต่ก็ตอบตกลงว่าจะไปช่วยเหมือนกัน ผมก็คิดว่ามันต้องไปอยู่แล้วแหละมีหรอมันจะให้ผมไปทำงานกับซีโดยที่ไม่มีมันอยู่ด้วย แต่งานก็คืองานแหละครับผมก็จะพยายามเลียงไม่ให้อยู่ใกล้ซีเอง


วันนี้วันงานวันแรกผมกับต้อมมาที่บูธจัดงานภายในศูนย์ประชุมฯเลยครับ เพราะพี่น้ำไม่ได้ให้มาช่วยวันเซ็ตอัพเพราะเห็นว่าขาผมเพิ่งหาย ผมกับต้อมถูกว่างให้คอยต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวใหม่ที่เอามาออกงาน คงไม่ต้องบอกนะครับว่างานที่ศูนย์ประชุมคนเยอะแค่ไหน


“พี่นัทไหวไหมพี่ เจ็บขาเปล่ายืนนานๆนะ” ต้อมเข้ามาถามเป็นห่วงผม


“ก็นิดหน่อยนะ ยืนนานๆมันก็เริ่มเจ็บนิดๆแล้ว แต่สักพักเดี๋ยวพี่เข้าไปพักในห้องสโตร์เอง” ผมยิ้มให้ต้อมที่เป็นห่วงผม


ตอนคุยกับลูกค้าต้อมก็คอยมองมาที่ผมตลอด เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มจะเจ็บขาจริงๆแล้ว จนต้องยกขาขึ้นมาจับบ่อยๆแต่คนก็เข้ามาสอบถามเยอะมากเลยครับ ผมคุยกับลูกค้าอยู่มองไปที่ต้อมไม่เห็นแล้ว หายไปไหนนะไม่เห็นมาบอกกันบ้างเลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากเพราะตอนนี้กำลังคุยกับลูกค้าอยู่


“พี่นัทไปพักก่อนเถอะพี่ เจ็บข้าแล้วใช่ปะ เดี๋ยวผมอยู่แทนให้” วุฒิเดินเข้ามาบอกผม ตอนนี้ต้อมกลับมาคุยกัยลูกค้าอยู่แล้ว


“อืม แต่เรารู้ได้ไง” ผมสงสัยที่วุฒิรู้ได้ยังไง เพราะวุฒิต้องคอยดูลูกค้าอีกฝั่งหนึ่ง


“ก็ต้อมไงพี่ มันบอกพี่น้ำพี่แกเลยให้ผมมาเปลี่ยนพี่นี่แหละ” วุฒิบอกอ้อถึงว่ามันหายไปไหนมา ผมเลยหันไปยิ้มให้มันมันก็ยิ้มตอบแล้วทำมือไล่ให้ผมไปพัก
ผมเข้ามานั่งในสโตร์อยู่คนเดียวเพราะยังไม่ถึงช่วงพักของคนอื่นเลยตอนนี้ สักพักก็มีคนเปิดประตูเข้ามาเป็นซีครับที่เข้ามา ซีถือถุงข้าวกล่องถุงใหญ่มาด้วยทั้งสองมือคงเป็นข้าวที่พี่กันสั่งมาส่งแล้วแน่ๆ ผมเลยหลบแล้วคิดว่าจะออกไปดีกว่าเพราะขาผมก็หายเจ็บแล้ว ผมเลยลุกเดินสวนออกไปซีกลับทำถุงกับข้างหล่นขวางทางผมไว้ ซีก้มลงไปเก็บผมก็ก้มลงไปช่วยเก็บด้วยจะข้ามของกินก็ไม่ใช่เรื่อง(ที่บ้านผมสอนว่ามันไม่ดีนะครับ ทุกบ้านก็น่าจะสอนนะ)


“เฮ้ย...” ถุงที่ผมเก็บมันเป็นผัดวุ้นเส้นแต่มันใส่ข้าวโพดอ่อนมาด้วยสิ


ผมตกกระใจมากโยนถุงทิ้งแล้วด้วยความลืมตัว ผมเลยโผเข้าไปกอดซีที่นั่งเก็บอยู่ข้างๆเอาหน้าซุกที่ไหล่มันไว้ ก็ผมกลัวและตกใจนี่น่าตอนนี้เลยไม่ทันคิด แต่ซีมันก็กอดผมตอบด้วยนะเอากะมันสิ


ผมได้ยินเสียงเปิดประตู “เฮ้ยทำไรพี่นัท” เสียงต้อมดังเข้ามาทางหน้าประตู

..............................

ปล. ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะครับ มนต์รักบ้านทุ่ง :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่28 P:2]10/05/10 7:32PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 10-05-2010 20:15:09
อืมนะจะตอบไงดีอะว่าซีผิดยังไง ก็นะคนเขามีแฟนแล้วแถมแฟนเขาเข้ามาเห็นยังจะดึงไปจูบไปจูบได้อีกน้อ :sad4:



..............................




 :pigha2: :pigha2:

อ่อ เป็นอันรู้  แต่ว่าพี่นัดไม่เห็นพิมพ์ไว้เลยอ่า ว่าซีดึงพี่เข้าไปจูบ ผมเลยงง


แล้วมาต่อให้อีกเน้อ ให้ว่องๆ ด้วยน๊ะ  แฮะๆๆๆ


อ่า แล้วก็ไปต่อมนต์รักด้วยเน้อ จารออ่าน


ว่าแต่ข้าวโพดอ่อนเนี่ยป๋มว่ามันอาย่อยนาพี่นัท อิอิ

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่29 P:2]11/05/10 2:32PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-05-2010 14:29:13
ตอนที่29


พอผมได้ยินเสียงต้อมผมก็จะเลิกกอดซีแต่ว่าผมกลับดันตัวไม่ออก ซีกลับกอดผมไว้แน่นมากจนผมขยับไม่ได้เลยครับ ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วกลัวต้อมมันจะมีเรื่องกับซีกลางงานนะสิครับ ต้อมเดินเข้ามาดึงตัวผมจนลอยขึ้นมาจากที่นั่งอยู่เลยครับ ผมก็ตัวไม่ใช่เบานะครับสงสัยเพราะแรงโมโหแน่ๆ ตอนนี้ผมลืมเรื่องข้าวโพดอ่อนไปแล้วละครับ พอผมหลุดออกมาจากการกอดของซี ต้อมก็เดินเข้าไปหาซีเลยครับผมพยายามดึงแขนต้อมไว้แล้วแต่มันสะบัดจนหลุดออกไปได้ ทำเอาผมเสียหลักล้มไปที่ของที่เก็บอยู่ในนั้น จนลังที่ซ้อนกันอยู่หล่นลงมาใส่ผมหมดเลย ดีนะครับที่เป็นลังเปล่าเสียส่วนมาก ทำไมเวลาที่ต้อมมันทะเลาะกับคนอื่นผมต้องเจ็บตัวทุกทีเลยสินะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน


“พี่นัทเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงต้อมกำลังลื้อลังหาตัวผมอยู่


“เกิดอะไรกันขึ้น ทำไมมันเละไปหมดอย่างนี้ละ” ผมได้ยินเสียงพี่น้ำแต่ผมยังมองไม่เห็น เพราะลังยังอยู่บนตัวผมเต็มไปหมด แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บอะไรนะครับแต่ตกใจมากกว่า ก็ลังเปล่านี่ครับมีเจ็บบ้างก็ที่มุมกล่องมันตกลงหัวนี่แหละครับ


“พี่นัทอยู่ในนี้พี่” ต้อมหันตะโกนบอก


“ตายแล้ว ช่วยกันก่อนเร็ว” ทีนี้ผมรู่สึกว่ากล่องมันจะลดปริมาณลงเร็วมาก จนผมมองเห็นคนอื่นๆแล้วต้อมหน้าตากังวลมาก สงสัยกลัวผมจะเป็นอะไรไปอีกแน่ๆ หน้าพี่น้ำกับซีก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ


พอเอากล่องออกจากตัวผมหมดแล้วต้อมก็พาผมไปนั่งอีกมุมที่ไม่มีของวางอยู่ มันกับพี่น้ำแล้วก็ซีช่วยกันเก็บกล่องที่หล่นเข้าที่จนหมด ก็เดินเข้ามาหาผม


“นัทเป็นอะไรหรือเปล่า ไปหาหมอก่อนไหม” พี่น้ำเป็นห่วง


“ไม่เป็นไรพี่แต่ตกใจมากกว่าครับ” ผมบอก


“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมมันถึงระเนระนาดขนาดนี้ ใครจะบอกพี่ได้บ้าง” พี่น้ำถามพร้อมกับหันมองหน้าเราทั้งสามคน ต้อมมานั่งข้างๆผมแล้วจับขาซ้ายผมขึ้นมาบีบเบาๆดู มันกลัวว่าจะหักซ้ำอีกแน่ๆ


“เดี๋ยวผมเล่าให้พี่ฟังเอง แต่ว่าให้ซีออกไปก่อนได้ไหมครับ” ผมบอกพี่น้ำเพราะกลัวว่าถ้าซียังอยู่ในนี้เดี๋ยวต้อมมันเลิกห่วงผมจะหันไปเล่นงานซีอีก พี่น้ำก็หันไปบอกให้ซีออกไปก่อน


ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งพี่น้ำและต้อมฟังไปพร้อมๆกันไปเลย จริงๆแล้วซีมันก็ไม่ได้ผิดเท่าไหร่หรอกนะผมว่า ก็ผมไปกอดมันก่อนเองนี่นาแต่ว่าตอนนั้นมันตกใจนะครับ ต่อให้ใครอยู่ตรงนั้นผมก็กอดหมดแหละครับ แต่มันมาผิดตรงที่ไม่ยอมปล่อยผมนี่สิเมื่อเห็นต้อมเข้ามา กลับยิ่งกอดผมไม่ยอมปล่อยจนเกือบเกิดเรื่องแต่ถ้ามีเรื่องจริง คนที่เสียเปรียบต้องเป็นต้อมแน่ๆผมว่าซีต้องมีแผนไว้ในใจแล้วละถึงทำแบบนั้น


พี่น้ำทำหน้าลำบากใจกับเรื่องนี้เพราะจะไปว่าซีมันทั้งหมดก็ไม่ได้ ผมเลยบอกว่าไม่ต้องไปว่าซีหรอกครับถ้าจะว่าก็แค่เตือนสติให้ซีรู้หน่อยว่าผมมีแฟนแล้ว แล้วผมก็ขอคุยกับต้อมตามลำพังพี่น้ำก็เลยออกไปข้างนอก


“ต้อมโกรธพี่เปล่าที่เรื่องเป็นแบบนี้” ผมหันไปถามต้อมทันทีที่พี่น้ำเดินออกไป


“ผมจะไปโกรธพี่ทำไมละ แต่ผมโกรธมันมากกว่า ผมว่ามันจงใจไม่ยอมปล่อยพี่นัทให้ผมโกรธแน่ๆ” ต้อมยังดูเคืองๆซีอยู่


“ถ้าเรารู้แบบนั้นแล้วทำไมไม่ใจเย็นๆละ ถ้ามีเรื่องคนที่ลำบากจะเป็นเรารู้หรือเปล่า” ผมเอามือสองข้างจับหน้าต้อมให้มองมาที่ตาผม


“ต่อไปเราต้องใจเย็นกับเรื่องนี้นะ เพราะไม่รู้ต่อไปซีจะทำอะไรอีก” ผมเข้าไปกอดต้อมไว้ตอนนี้


“พี่รักเรานะ แล้วจะรักเราคนเดียวไม่มีวันเปลี่ยนใจด้วย” ผมบอกต้อม


“ผมก็รักพี่นะ รักมากด้วย” ต้อมบอกผมกลับมา


แล้วผมกับต้อมก็ออกมาข้างนอกเห็นพี่น้ำยังยืนคุยกับซีอยู่เลยครับ ผมก็กลับไปด้านหน้าทำงานเหมือนเดิม กว่าจะผ่านวันนี้ไปได้ผมรู้สึกอึดอัดมากเลย เพราะซีไม่เหมือนคนอื่นๆที่ผมเคยเจอเลย ซีพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ต้อมมีเรื่องให้ได้ หนักใจจริงๆเลยผมตอนนี้นี่ถ้าไม่เพราะพี่น้ำกับพี่กันแกดีกับผมนะป่านนี้ผมลาออกไม่กลับมาที่นี่แล้ว


กลับถึงบ้านวันนี้ผมเหนื่อยมากกว่าปกติเลยทีเดียว ผมอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนต้อมนอนกอดผมเหมือนทุกวัน


“พี่ไม่เข้าใจทำไมซีถึงไม่ยอมเลิกสักที หรือเขาคิดว่าจะเปลี่ยนใจพี่ได้งั้นหรอ แต่ทำแบบนี้นี่นะมันไม่ประทับใจเลยนะ” ผมคุยกับต้อมที่นอนมองหน้าผมอยู่


“พูดอย่างกับว่าถ้าประทับใจจะรับพิจารณาเลยนะ” ต้อมทำหน้าบึ่งเฉยเลย


“ไม่ใช่และ คิดมากอีกแล้ว ใครจะไปพิจารณาคนอื่นได้ละ พี่รักได้คนเดียวนี่แหละ” แล้วผมก็ยืนหน้าไปจูบมัน


“รักแค่นี้พอไหม” ผมพูดหลังจากจูบมันไปสักพัก ต้อมมันส่ายหัวแทนคำตอบ


“ยังไม่พออีกหรอ งั้นรับไปเต็มๆเลยนะ เตรียมตัวให้ดีละ” ตอนนี้ผมลุกขึ้นไปเอาตัวไปคร่อมต้อมไว้แทน


“เอ๋ หรือจะเปลี่ยนใจ ไม่บอกแล้วดีกว่า” ผมทำทาจะกลับไปนอน


“ไม่ทันแล้วพี่ตอนนี้ ถ้าพี่ไม่บอกผมบอกพี่เองก็ได้” ต้อมพลิกกลับมาคร่อมอยู่บนตัวผมแทนแล้วทีนี้


ไม่ต้องพูดอะไรมากเลยตอนนี้ต้อมมันก็ก้มมาจูบปากผมทันที แล้วค่อยๆเลื่อนไปที่คอมือต้อมก็จัดการกับเสื้อผ้าผมกับของตัวมันเองจนหมดแล้วตอนนี้ แล้วเราสองคนก็บอกรักกันอย่างนิ่มนวลและเนินนานที่เดียว จนเราสองคนหลับกันอย่างมีความสุขจากการบอกรักกันครั้งนี้


ผมต้องมาทำงานที่หอประชุมสิริกิตอีกสามวันครับ แต่ว่ามันเหมือนยาวนานมากจริงๆเพราะมันมีคนที่จะทำให้เราเกิดปัญหาอยู่ด้วยไงละครับ ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการจะไม่อยู่คนเดียวตามลำพัง ถ้าผมจะไปไหนก็จะไปกับต้อมหรือไม่ก็วุฒิ เพราะว่ายังไงซีมันก็ยังเกรงใจต้อมที่เป็นแฟนพี่น้ำ ถึงแม้ว่าวุฒิจะอายุน้อยกว่าซีก็ตามที ทำให้ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาอีก


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานแล้ว ผมก็ยังทำเหมือนเดิมคือไม่ยอมไปไหนคนเดียว เพราะยิ่งวันสุดท้ายผมยิ่งกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องนะสิครับ ผมเลยพยายามที่จะอยู่กับต้อมให้มากที่สุด กินข้าวหรือเข้าห้องน้ำพร้อมกันของแบบนี้ป้องกันไว้ดีกว่าแก้นี่ครับ


ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วงานปิดแล้วแต่พวกผมต้องเก็บของเช็คของที่จะส่งให้บริษัทส่งของเอาไปเก็บอีกที ผมเก็บของเสร็จเกือบเที่ยงคืนแล้วเลยว่าจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าก่อนกลับซักหน่อย ผมเลยชวนต้อมไปเป็นเพื่อนเพราะตอนนี้แทบไม่มีคนแล้วที่นี่เพราะเขากลับกันเกือบหมดแล้ว ยังเหลือแค่บูธผมกับอีกสองสามบูธที่ยังเก็บของไม่เสร็จ


มาถึงห้องน้ำผมกับต้อมก็ล้างหน้าล้างตากันจนเสร็จ ต้อมมันหันมองซ้ายมองขวาเห็นไม่มีคนมันก็ดึงผมไปจูบ ดูมันทำชอบหาเรื่องตื่นเต้นทำไปเรื่อย ผมก็ผลักมันออก


“เล่นอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว คนอื่นเข้ามาเห็นจะทำยังไง” ผมดุต้อม แต่มันยังยืนยิ้มอยู่ได้


“เดี๋ยวพี่ยิงกระต่ายก่อนออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะ” ต้อมเลยออกไปรอข้างนอกผมก็ไปจัดการยิงกระต่ายของผมไป


อยู่ประตูห้องน้ำที่อยู่ข้างในก็เปิดออกมีคนเดินออกมาสองคน สองคนนั้นเดินไปยืนที่อ่างล้างหน้าผมเห็นมันซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้ ตอนนั้นผมก็ชักจะยังไงๆกับสองคนนี้แล้ว ผมเลยเลิกยิงกระต่ายแล้วจะเดินออกไปหาต้อม ตอนที่ผมจะเดินผ่านอ่างล้างหน้าเพื่อออกไปข้างนอก มันคนหนึ่งก็หันมาดึงมือผมไว้ทันทีแล้วยังไม่ทันที่ผมจะตั้งตัวได้ มันก็ต่อยเข้ามาที่ท้องผมอย่างแรงมากๆๆจนผมจุกพูดอะไรไม่ออกทรุดลงไปนั่งกับพื้นเลยครับ


แล้วอีกคนก็เดินไปล็อคประตูห้องน้ำก่อนที่จะมาช่วยกันพาผมไปที่มุมห้องน้ำด้านใน พวกมันใช้เข็มขัดมัดมือกับขาผมไว้ เอาผ้าเช็ดหน้าของผมมาอุดปากผมไว้กับใช้ผ้าอะไรไม่รู้มาปิดตาผม ตอนนี้ผมเริ่มกลัวแล้วว่าพวกมันต้องการอะไร ถ้ามันจะเอาแค่ของในตัวผมผมก็คงยอมให้มันหมดแหละครับ เพราะยังไงผมก็หาใหม่ได้ดีกว่าขัดขืนมันแล้วมันทำร้ายจนตายได้นะครับ แต่ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดแล้วตอนนี้


“อยากรู้นักมีดีอะไรนักหนา ไอ้หน้าหล่อนั่นถึงได้ติดใจไปไหนตามกันแจเลย” คนหนึ่งในนั้นมันพูดกับผม


“เออกูก็อยากรู้เหมือนกัน กูเห็นตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้ววันนี้มาเห็นแม่งจูบกันในห้องน้ำอีก เห็นแล้วอยากเลยวะ” ผมว่าท่าทางแบบนี้มันไม่ได้เอาของจากผมแน่ ผมพยายามที่จะดิ้นแล้วตอนนี้แต่มันก็มาต่อยท้องผมอีก


ผมนึกในใจว่าเดี๋ยวต้อมต้องเข้ามาช่วยผมแน่ๆเพราะเห็นว่าผมยังไม่ออกจากห้องน้ำ จนพวกมันคนหนึ่งเริ่มที่จะปลดกระดุมเสื้อผมแล้ว ส่วนอีกคนก็เอามือมาลูบที่โคนขาของผม แต่ทำไมต้อมไม่เข้ามาตามผมซักทีนะต้อมทำอะไรอยู่ ผมกลัวจนน้ำตาไหลออกมาแล้วตอนนี้ ถึงผมจะไม่ใช่คนขี้กลัวก็เถอะแต่เจอแบบนี้ผมก็กลัวมากเหมือนกัน


แต่พวกมันเหมือนไม่สนใจผมเลยว่าจะรู้สึกยังไง มันเริ่มที่จะลวนลามผมมากคน จนผมรู้สึกว่าจะมีคนถอดเข็มขัดผมออกผมก็พยายามดิ้นมากยิ่งขึ้น ผมก็โดนต่อยท้องมากขึ้นด้วยเช่นกันจนผมรู่สึกปวดในท้องไปหมดแล้ว แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมพวกมันแน่ๆ ผมคิดว่าผมยอมตายดีกว่าที่จะยอมพวกมันอีกในตอนนี้

 
ผมจึงยกขาถีบเข้าไปที่คนที่ยุ่งอยู่กับการปลดเข็มขัดของผม คราวนี้ผมกลับถูกต่อยเข้าที่หน้าอย่างจัง มึนไปเลยครับตอนนี้แต่ผมตัดสินใจแล้วนี่ว่าตายเป็นตายละครับงานนี้ ผมยังขัดขืนสุดชีวิต


“ปังงงงง” เสียงเปิดประตูแรงมาก ต้อมคงเข้ามาช่วยผมแล้วแน่ๆ


“เฮ้ยมีคนมา ตัวใครตัวมันโว้ย” ผมได้ยินคนหนึ่งมันตะโกนออกมา ก่อนได้ยินเสียงคนวิ่งออกไป แล้วมีเสียงคนวิ่งเข้ามาทางผม

 
ในที่สุดต้อมก็มาช่วยผมไว้ทันจนได้ ไม่งั้นผมคงยอมตายดีกว่าที่จะยอมพวกมัน ต้อมพยุงผมลุกขึ้นแล้วแกผ้าผูกตาผมออก ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูแต่ไม่ใช่ต้อมนี่นากลับกลายเป็นซีไปได้ยังไง แล้วต้อมหายไปไหนทั้งๆที่ผมให้ไปรอหน้าประตู
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่29 P:2]11/05/10 2:32PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 11-05-2010 14:55:38
ค้างอ่ะ  เป็นแบบนี้ได้งายอ่ะ




 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่29 P:2]11/05/10 2:32PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 12-05-2010 15:25:46
มาดันกระทู้รอพี่นัท
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่30 P:2]12/05/10 10:52PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 12-05-2010 22:59:01
มาต่อให้แล้วนะครับทั้งสองเรื่องเลย ทั้งมนต์รักบ้านทุ่ง กับรุ่นน้องวุ่นรัก

อ่านเพิ่งเบื่อคนเขียนซะก่อนนะครับ

ตอนที่30


“นัทเป็นอะไรหรือเปล่า” ซีแกะเข็มขัดที่มันมือผมออก แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะตอนนั้นมันระบมไปหมดเลย


“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น” คราวนี้เป็นเสียงต้อมที่วิ่งเข้ามาหาผม ซีกำลังแกเข็มขัดที่เท้าผมออกพอดี ต้อมผลักซีออกไป


“ไม่ต้องมายุ่ง มันเกิดอะไรขึ้น” ต้อมแต่งตัวให้ผมใหม่ ซีเป็นคนเล่าเรื่องให้ต้อมฟังเพราะผมยังไม่อยู่ในสภาพที่จะเล่าอะไรให้ใครฟังเลยตอนนี้


ซีโทรศัพท์หาพี่น้ำทันทีต้อมก็ช่วยประคองผมออกมาจากห้องน้ำแล้วตอนนี้ ออกพ้นทางเข้าห้องน้ำมาพี่น้ำกับวุฒิวิ่งหน้าตื่นมาเลยตอนนี้ พี่น้ำโทรแจ้งผู้จัดงานให้ช่วยดักสองคนนั่นแต่คงไม่ทันแล้วละครับ พี่น้ำพาผมไปนั่งในห้องพักของหอประชุมฯ


“นัทไปแจ้งความเถอะ คนเราสมัยนี้มันแย่จริงๆ” พี่น้ำบอกผม


“ผมไม่รู้จะแจ้งข้อหาอะไรนะพี่ ผมอายเขาด้วย” ผมก็อายจริงๆนะแหละไปแจ้งความว่าจะโดนข่มขืนเนี่ยนะ


“แล้วจะเอายังไงละครั้งนี้”


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออก” ผมเจ็บท้องมากกว่าตอนนี้


“เราหายไปไหนมาพี่คิดว่าเราจะมาช่วยพี่ซะอีกตอนนั้น” ผมหันไปถามต้อม มันทำหน้าเศร้าๆ


“พอดีผมเจอเพื่อนนะพี่ยืนคุยกันอยู่ ผมเห็นพี่ซีเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วมีคนวิ่งออกมาผมก็เลยรีบตามเข้ามา” ต้อมเอามือมาจับหน้าผมตรงแผลที่โดนชก


“ซีขอบคุณมากนะที่เข้ามาช่วย ถ้าไม่ได้ซีเราคงแย่เหมือนกัน” ผมหันไปมองหน้าซีซึ่งยืนอยู่ที่ปลายเท้าผม ซีได้แต่ยิ้มตอบ


พี่น้ำเลยให้ต้อมพาผมกลับบ้านมาก่อน ผมรู้สึกระบมไปหมดแล้วตอนนี้ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับผมตลอดเลยนะ มีแต่เรื่องเจ็บตัวเสมอเลยวันนี้ก็เกือบจะเสียตัวอีกด้วย


“พี่นัทผมขอโทษนะที่ผมไม่ได้ดูแลพี่ให้ดีกว่านี้” ต้อมพูดตอนพาผมมานอนบนที่นอน


“ไม่เกี่ยวกับเราหรอก มันเป็นที่พี่ซวยเองแหละ อย่าคิดมาก” ผมบอกมันหลังจากนอนลงบนที่นอนแล้ว มันเจ็บท้องไปหมดเลย และก็ปวดตุ๊บๆที่หน้าด้วย


ต้อมเอาน้ำแข็งมาประคบหน้าให้ผมแล้วเอามือลูบท้องผมด้วย ช่วยคลายความปวดไปได้เยอะเลยครับ ต้อมมีสีหน้าที่กังวลตลอดเวลาเลย ผมเลยเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ


“คิดอะไรอยู่ หน้ามุ่ยเชียวยังโทษตัวเองอยู่หรือไง” ผมหันไปยิ้มให้เพื่อมันจะได้ผ่อนคลาย


“ถ้าผมสนใจสักนิดเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก พอมีปัญหาอะไรทุกครั้งผมไม่เคยที่จะปกป้องพี่เอาไว้ได้เลย แล้วผมยังมีหน้ามาหวงพี่ไว้อีก ผมคงเป็นคนรักที่แย่ที่สุดเลยใช่ไหมครับ” ต้อมตาแดงน้ำตาคลอเบ้าแล้วตอนนี้ แต่มันไม่ใช่ความผิดของต้อมเลยสักนิดเดียวนะผมว่า แล้วปัญหาส่วนมากก็เกิดขึ้นจากผมมากกว่าอีก


“ใครบอกเราแบบนั้นกันละ พี่ต่างหากที่มักจะมีแต่เรื่องที่ทำให้เราต้องลำบากใจตลอดเลย แค่เราทำให้พี่ทุกวันนี้มันก็ดีมากเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้แล้ว แค่เรายังรักพี่อยู่แค่นี้มันก็ดีมากจนเกินพอสำหรับพี่แล้ว เพราะงั้นเราอย่าคิดมากอีกเลยนะ ถือซะว่าเป็นคราวซวยของพี่เองแล้วกัน” ผมดึงมือต้อมที่ลูบท้องผมมาหอม


“ผมอยากเรียนจบเร็วๆจัง ผมจะไม่ยอมให้พี่นัทต้องมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว”


“ทำอะไรแบบนี้เรื่องงานนะหรอ ถ้าไม่ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้” ผมแย้งความคิดต้อง


“ผมจะดูแลพี่เอง พี่แค่อยู่บ้านแล้วรักผมก็พอแล้ว” ต้อมพูดบีบมือผมไว้เบาๆ


“ไม่เอาหรอกแบบนี้เราก็ลำบากคนเดียว พี่ไม่ยอมหรอกแล้วอีกอย่างถ้าเราเกิดไปมีกิ๊กที่ทำงานพี่จะทำยังไงละ ยิ่งหล่อๆอยู่ด้วยแฟนพี่อ่า เดี๋ยวพี่ก็กลายเป็นตาแก่เฝ้าบ้านคนเดียวเลยทีนี้” ต้อมยิ้มออกมานิดหน่อยแล้ว


“ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอนพี่ ถึงจะแก่ผมก็ยังรักของผมนะ”ตอนนี้มันยิ้มกว้างเลย ผมเห็นแล้วสบายใจขึ้นมาหน่อย


ต้อมพาผมอาบน้ำหายาให้ผมกินแล้วพาผมเข้านอน ต้อมยังนอนลูบท้องผมอยู่เลยแต่มันก็สบายขึ้นจริงๆนะครับ จนผมหลับไปทั้งแบบนั้นเลย


ผมรู้สึกว่ามีคนมาจับหน้าผมไว้ผมเลยตื่นขึ้นมาแต่มันเป็นใครก็ไม่รู้ครับ ทำไมเข้ามาอยู่ในห้องผมได้ยังไงแล้วต้อมหายไปไหนกัน คนนั้นจับผมมัดมือไว้กับเตียงของผมจนผมไม่สามารถขยับได้ หรือว่าจะเป็นโจรขึ้นมาบนบ้านแล้วต้อมจะเป็นยังไงบ้างแล้วตอนนี้


หลังจากที่โจนมันจับผมมัดมือเสร็จแล้วมันก็เริ่มลวนลามผมทันที นี่จะเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้วหรอไงกัน มันค่อยๆถอดเสื้อผ้าผมออกจนหมด แล้วมันก็ถอดกางเกงมันออกมันก็แทรกตัวเข้ามาที่ตัวผมทันที ผมไม่ยอมมัยแน่นอนผมดิ้นอย่างสุดกำลัง


“ไม่นะอย่าทำแบบนี้” ผมร้องบอกมัน


“พี่นัท พี่นัทตื่นสิครับ พี่นัท” เสียงต้อมเรียกผมนี่นา ผมค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นต้อมนั่งอยู่ข้างๆผมแล้ว แสดงว่าเมื่อกี้ผมฝันไปใช่ไหม ผมลุกขึ้นเข้ากอดต้อมทันทีเลย ต้อมก็กอดผมตอบเอามือลูบหลังปลอบใจผมอย่างแผ่วเบา


“พี่นัทแค่ฝันร้ายนะพี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” ต้อมยังลูบหลังปลอบใจผมอยู่


“พี่ฝันเห็นพวกมันมันกำลังจะ..”ผมก็ร้องไห้ออกมาอีก(เป็นไหมครับถ้าเราอยู่กับคนที่เรารักเรามักจะร้องไห้ง่ายมากเลย ผมละคนหนึ่งเลยที่เป็นแบบนี้) ต้อมกอด
ผมแน่นเข้าไปอีกทำให้ผมอบอุ่นใจมากขึ้นและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน


“โอ๋ๆๆ เงียบซะนะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ทำไมแฟนผมขี้แงแบบนี้นะ” ต้อมปลอบใจผม


ผมยังกอดต้อมร้องไห้สักพักต้อมก็ปลอบผมอยู่แบบนั้นแหละครับ พอผมดีขึ้นต้อมก็บอกให้ผมนอนพักผ่อนต่ออีกหน่อย เดี๋ยวจะโทรไปลางานพี่น้ำให้เองแต่ผมนอนไม่หลับหรอกครับเพราะผมกลัวฝันแบบเมื่อกี้อีก ต้อมเลยชวนผมไปเที่ยวกันดีกว่าจะได้ลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นด้วย แล้วเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันสองคนนานแล้วด้วย


ต้อมเลยโทรไปลางานพี่น้ำให้ผมแต่ต้อมขอลาสามวันบอกว่าจะพาผมพักผ่อนจะได้ลืมเรื่องเครียดอื่นๆไปด้วย พี่น้ำก็อนุญาตต้อมเลยเก็บของเราสองคนโดยที่ผมนั่งมองอยู่บนเตียง เก็บของเสร็จเราก็มาขึ้นรถกันจนต้อมขับรถออกมาจากบ้านแล้วผมยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหนกัน


“ตกลงเราจะไปไหนกัน จะไม่บอกบ้างเลยหรือไง” ผมหันไปถามต้อมที่กำลังขับรถอยู่


ต้อมหันมายิ้ม “เดี๋ยวพี่นัทก็รู้เองแหละ พี่นัทนอนพักไปก่อนเลยอีกนานกว่าจะถึง” แล้วต้อมก็เปิดเพลงซึ้งๆให้ผมฟังจนผมหลับไป


“พี่นัทถึงแล้วครับพี่” ต้อมปลุกผมให้ตื่นหลังจากจอดรถแล้ว


ผมมองออกไปรอบๆรู้สึกว่าที่นี่คุ้นตามากเหลือเกิน อ้อผมจำได้แล้วมันเป็นที่ผมพาพวกต้อมมารับน้องตอนปีหนึ่งนี่เอง มันนึกยังไงถึงพาผมมาที่นี่นะหรือจะพามาระลึกถึงความหลัง ก่อนลงจากรถต้อมมันหยิบแว่นraybanของมันจากหน้ารถมาใส่ให้ผม สงสัยจะให้ปิดรอยเขียวตรงใกล้ตาแน่ๆ


“เพิ่งเคยเห็นพี่นัทใส่แว่นกันแดดนะนี่ หล่อเหมือนกันนะ” มันมาอีกแหละปากหวานมาเชียว


“ไม่ต้องมาแซวเลย แต่นึกยังไงถึงมาทีนี่ละ” ผมถามระหว่างเดินไปที่ฟร้อนท์


“ก็ผมอยากมารำลึกความหลังกับพี่ไง” ต้อมบอกแล้วเดินเข้าไปเช็คอินให้ผมนั่งรอที่โซฟารับแขกก่อน ต้อมเลือกห้องเดิมที่ผมนอนตอนมารับน้องมันยังจำได้อีก
หลังจากเราเข้าไปเก็บของกันแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นแถวชายทะเลกันเพราะเรามาถึงก็บ่ายมากแล้ว


“พี่นัทจำได้เปล่าตอนที่มือพี่โดนแก้วบาดนะ ผมตกใจมากเลยตอนที่เห็นเลือดที่มือพี่นะ แต่พี่สิกลับไม่รู้สึกตัวคนเราเลือดไม่ไหลจนหมดตัวก้ดีแล้ว” ดูมันมาว่าผม


“นี่เรากล้าว่าพี่แล้วหรอ ลืมกฎไปแล้วหรือไงเดี๋ยวสั่งลงโทษลุกนั่งซะเลย” ต้อมหัวเราะแล้วทำท่าลุกนั่งให้ผมดู ผมก็หัวเราะไปด้วยครับตอนนั้น


เราเดินไปนึกถึงเรื่องตอนรับน้องของพวกเราไป จนผมสบายใจมากขึ้นเหมือนกัน ผมยังจำตอนที่เอาพริกสองเม็ดให้ต้อมกินได้เลยตอนนั้น นึกถึงหน้าต้อมตอนนั้นก็ขำออกมาเลย จนต้อมถามว่าผมขำอะไรผมก็เลยบอกว่ากำลังนึกถึงหน้ามันตอนกินขนมปังพริกกระปิไง มันนึกออกทันทีแล้วยังบอกผมอีกว่ายังไม่ได้เอาคืนเลยเรื่องนี้ อย่างกับว่าผมจะกลัวอย่างนั้นแหละ 555


ตอนเย็นเรากินร้านอาหารแถวเขาตะเกียบกันเพราะที่นั่นร้านอาหารอร่อยๆเยอะมาก กินเสร็จเราก็เข้าไปเที่ยวตลาดโต้รุ่งเดินหาซื้อของกินกันต่อ จนดึกค่อยกลับมาที่ห้อง


“พี่นัทจำได้ไหมว่าผมเคยแอบจูบพี่ตอนหลับในห้องนี้” ต้อมถามผม


“ทำไมจะจำไม่ได้ละ เรานะชอบแอบมาจูบพี่ตอนหลับประจำเลย ไม่รู้ชอบอะไรนักหนาตอนคนหลับ”


“ผมก็ไม่รู้สิทุกวันนี้ผมยังแอบจูบอยู่เลยนะ” ต้อมยิ้มกว้างให้ผมเลย


“อ่านะ งั้นต่อไปก็ไว้จูบแต่ตอนพี่หลับแล้วกันนะ” ผมแกล้งมันละทีนี้


“เรื่องอะไรละ ตอนนั้นพี่ยังไม่ยอมมาเป็นแฟนผมนี่นา แต่ตอนนี้พี่เป็นแฟนผมแล้วนะผมจะจูบตอนไหนก็ได้สิ แบบนี้ไง” ว่าแล้วมันก็ดึงหน้าผมไปจูบผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนะครับ สุดท้ายคืนนั้นก็จบลงด้วยการสู้กันของเบจิต้ากับโงกุนซึ่งผลัดกันรุกผลัดกันรับไปคนละหนึ่งยก ก่อนที่เราจะอาบน้ำแล้วนอนกอดกันเหมือนเดิม


ตอนเช้าเราตื่นไปเดินเล่นชายหาดกันได้สูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน ตอนนี้ผมสบายใจมากลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้วด้วย ระหว่างที่เราเดินเล่นกันก็เดินสวนผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักเลยทีเดียวตาโตจมูกโด่งมากเลยครับ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าพวกเราแปลกๆแต่ผมไม่สนใจเดินผ่านไปเลยกับต้อม แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มาสะกิดต้อม


“เออ ขอโทษนะคะใช่ต้อมหรือเปล่าค่ะ” เธอทักทายต้อม ผมเห็นต้อมทำหน้าสงสัย


“ใช่ครับ แต่ว่าคุณคือ..” ต้อมพยายามนึกใหญ่เลย


“เราไงปลา จำเราไม่ได้หรอไง” เธอแนะนำตัวเอง ต้อมทำหน้านึกนิดนึงก่อนยิ้มออกมา


“อ๋อ เราจำได้แล้วแต่ว่ามาทำอะไรที่นี่” ต้อมบอกปลาไป


“เรามาเที่ยวกับที่บ้านนะสิ แล้วนี่มากับใครหรอ” ปลาหันหน้ามามองผม


“อ๋อรุ่นพี่ที่มหา’ลัยนะ” ผมเห็นต้อมรู้จักคงเป็นเพื่อนเก่ากันละมั้ง ผมเลยเดินเลยออกมาก่อนแต่ครามนี้ทำไมมันแนะนำผมว่าเป็นรุ่นพี่นะ ทุกทีชอบแสดงตัวว่าเป็นแฟนหรือไม่อยากให้เพื่อนเก่ารู้มั้ง ผมไม่อยากคิดมาก


“ว่าไงครับรุ่นน้อง คุยกันกับเพื่อนเสร็จแล้วหรอ” ผมแอบมีเคืองนิดๆเลยประชดมันไป


“อะไรอีกละพี่นัท งอนอะไรผมอีกเนี่ย” ต้อมเดินเข้ามากอดเอวผม


“ใครงอนอะไร เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันจะงอนอะไรได้”


“เลิกงอนได้แล้วนะเดี๋ยวยิ่งแก่ไม่รู้ด้วย ผมแค่ยังไม่อยากให้ปลารู้เท่านั้นเอง” นั่นยังมาว่าผมแก่อีกเอากะมันสิ แล้วมันก็เอาหัวมาหนุนไหลผมไว้ ผมเลยผลักหัวมันออกก็มันเดินไม่ถนัดนี่ครับ มันก็ยอมที่ไหนเอากลับมาหนุนอีกจนผมต้องปล่อยมันไปแล้วเดินแบบนั้นนะแหละ


หลังจากเที่ยวเสร็จผมก็กลับมาทำงานตามปกติ แต่ผมย้ายไปอยู่ที่ออฟฟิศพี่กันแทน เจอซีบ้างบางครั้งแต่ผมก็ไม่ได้อะไรแล้วเพราะยังไงมันก็เคยช่วยผม แต่คนที่ทำตัวแปลกคือต้อมนี่สิตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวกัน ช่วงนี้โทรศัพท์บ่อยมากขึ้นแล้วชอบออกไปคุยนอกห้องคนเดียวบ่อยๆ ผมถามว่าใครโทรมาก็บอกว่าเพื่อนจนผมเริ่มสงสัย


“ครืน ๆๆ” เสียงโทรศัพท์ต้อมดังขึ้น ต้อมเข้าห้องน้ำอยู่ผมเลยหยิบขึ้นมาดูว่าใคร เป็นชื่อของปลาผมเลยกดรับสาย


“ต้อมทำอะไรอยู่วันนี้ไม่โทรมาหาเลยนะ ไมรู้หรือไงมีคนคิดถึง” ปลาพูดทันทีที่ผมกดรับสาย ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกๆแล้วครับ เพื่อนกันไม่น่าจะพูดกันแบบนี้


“เออ ไม่ใช่ต้อมนะครับต้อมเข้าห้องน้ำอยู่ มีธุระอะไรจะฝากไว้ไหมครับ” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด


“ขอโทษคะงั้นบอกว่าปลาโทรมานะค่ะ” แล้วปลาก็วางสายไปเลย

...............................

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่30 P:2]12/05/10 10:52PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 13-05-2010 10:31:58
มาต่อให้แล้วนะครับทั้งสองเรื่องเลย ทั้งมนต์รักบ้านทุ่ง กับรุ่นน้องวุ่นรัก

อ่านเพิ่งเบื่อคนเขียนซะก่อนนะครับ





ว่าแต่คนเขียนเหอะ ไม่ขี้เกียจเขียนบ้างเหรอ 55555  


ปลานี่แฟนเก่าต้อมป่าวหว่า  หรือว่า ต้อมแอบนอกใจ   อย่างนี้ต้อง :z6: :z6: :z6: :z6:


แต่อย่าขี้เกียจเลย เด๊วผมอดอ่าน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่31 P:2]14/05/10 01:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 14-05-2010 01:34:18
เกือบลืมลงเรื่องนี้เลย :-[ :-[

ช่วยอ่านทั้งสองเรื่องเลยนะครับ :pig4: :pig4:

ตอนที่31


หลังจากที่วางโทรศัพท์ของปลา ผมรู้สึกไม่ดีอย่างมากนี่ต้อมมันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หรือว่ามันกับปลาจะแอบชอบกัน แล้วอย่างนั้นผมละต่อไปผมจะเป็นยังไง ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ต้อมก็ออกจากห้องน้ำมาพอดี

“ต้อมมีอะไรจะบอกพี่บ้างหรือเปล่า” ผมถามต้อมมันก็มองหน้าผมแบบงงๆ ผมก็มองตอบเพราะผมอยากรู้จริงนี่ครับมันจะมีอะไรบอกผมไหม

“ไม่มีนี่ครับ พี่จะให้ผมบอกอะไรหรอ ถ้าจะให้บอกก็ผมรักพี่ไงครับ” มันยังจะมาบอกรักผมได้อีกหรอ

“เปล่าไม่มีอะไร แต่เมื่อกี้ปลาโทรมา” ผมบอกต้อมก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปนอกห้องเลยทันที

ผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลยยังไงไม่รู้ถ้าเป็นแบบที่ผมคิดจริงๆ แล้วผมจะทำยังไงต่อไปละทีนี้ผมเลยอยากรู้ว่าปลานะเป็นใคร เออทำไมผมไม่โทรหาหนุ่ยละมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมนี่นา ก็น่าจะรู้จักปลาเหมือนกันนะ

“ว่าไงพี่นัท คิดยังไงถึงโทรหาผม” เสียงหนุ่ยรับสาย

“หนุ่ยพี่มีเรื่องอยากถามเราหน่อยสิ แต่พี่ของอย่างเดียวเราต้องบอกพี่ทุกอย่างที่เรารู้เลยได้เปล่า” ผมเสียงเคร่งเครียดมากตอนนี้

“มีอะไรหรือไงพี่ไอ้ต้อมมันทำอะไรอีก พี่ถามมาเลยถ้าผมรู้ผมจะบอกทุกอย่างเลย” หนุ่ยพูด

“เรารู้จักคนที่ชื่อปลาหรือเปล่า แล้วปลาสนิทกับเรากับต้อมมากแค่ไหน” ผมลุ้นไปกับคำตอบของหนุ่ยแล้วตอนนี้

“รู้จักสิพี่แต่ว่าพี่นัทรู้จักปลาได้ยังไง” เสียงหนุ่ยเริ่มแปลกๆไป

“เอาเป็นว่าพี่รู้แล้วกัน แล้วเขาสนิทกับต้อมมากแค่ไหนเรายังไม่ได้บอกพี่เลย” ผมถามซ้ำเพราะผมอยากรู้คำตอบนี้มาก เพราะเรื่องที่ผมคิดมันอาจไม่ใช่ก็ได้ถ้าต้อ
มกับปลาเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่คงไม่อยากให้รู้เรื่องผมเราก็ได้

“เออ...คือว่า...เออ ผมจะบอกพี่นัทยังไงดีละ” หนุ่ยดูเหมือนอึดอัดไม่กล้าบอก

“บอกมาเถอะ เราสัญญากับพี่แล้วนะว่าจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง” ผมเริ่มทวงสัญญา แต่ใจผมเต้นรัวแล้วตอนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆหนุ่ยถึงได้ไม่กล้าบอกผม

“คือว่าปลามันเป็นแฟนเก่าต้อมก่อนที่จะมาเจอพี่นัทนะครับ แต่ว่าพี่อยากรู้เรื่องนี้ไปทำไมกัน” หนุ่ยถามผมกลับแต่ตอนนี้ผมตอบไม่ถูกแล้วครับ แสดงว่าต้อมต้องกำลังจะกลับไปคบกับปลาอีกก็ได้ แล้วมันก็กำลังปิดบังผมอยู่นี่ผมกำลังจะถูกทิ้งแล้วใช่ไหม

“พี่นัทพี่ยังไม่ตอบผมเลยว่าพี่ถามไปทำไม” เสียงหนุ่ยดังออกมาจากปลายสาย

“เออ...ไม่มีอะไรหรอก แต่อย่าบอกต้อมนะว่าพี่ถามเราเรื่องนี้ งั้นแค่นี้นะขอบใจมากเลย” แล้วผมก็ตัดสายทิ้งไปเลย

นี่ผมกำลังจะโดนคนที่บอกรักผมอยู่ทุกวันหักหลังผมหรอไงกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกน่าก็ต้อมรักผมมากจะตายไป แต่นั่นก็เป็นแฟนเก่าของมันนะแถมยังน่ารักมากด้วย แล้วถ้าต้อมกลับไปคบกับปลาก็ไม่ต้องระแวงหรือคอยปิดบังเหมือนอยู่กับผม แต่ต้อมก็ยังบอกรักผมอยู่เลยนะเมื่อกี้นี้ผมเริ่มสับสนกับตัวเองไปหมดแล้ว ใจหนึ่งก็คิดว่าต้อมจะกลับไปคบกับปลา อีกใจก็คิดว่ามันยังรักผมอยู่ หรือว่านี่เป็นแค่การเข้าข้างตัวเองของผมกันแน่นะ

ต้อมเดินกลับเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า มันคงจะมีความสุขมากละมั้งที่ได้คุยกับปลา ผมเลยนอนหันหลังให้ทางที่ต้อมนอน มันก็เข้ามากอดผมจากข้างหลัง

“พี่นัทเป็นอะไรอีกละทำไมนอนแบบนี้” ต้อมมันชะโงกหน้ามาถาม

“ต้อมพี่ถามจริงๆมีอะไรที่จะบอกพี่หรือเปล่า” ผมอยากให้มันบอกกับผมมาตามตรง ถ้ามันจะกลับไปชอบกันหรือว่ายังไง ผมอาจจะยังพอทำใจได้ขึ้นมาบ้างที่ได้ฟังเรื่องนี้จากตัวมันเอง

“พี่นัทต้องมีอะไรแน่เลยแบบนี้ พี่จะให้ผมบอกอะไรผมก็บอกไปแล้วไงว่าผมรักพี่ไงครับ” ตอนนี้ผมไม่ได้อยากได้ยินคำว่ารักหรอก มันดูเหมือนว่ามันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บขึ้นมามากกว่า ผมเลยดึงผ้าผมขึ้นมาคลุมโปงไว้

“พี่นัทโกรธอะไรผมเนี่ย” ต้อมคงจะงงว่าผมเป็นอะไร ก็มันอยากปิดบังผมก่อนทำไมละ แต่มันก็ยังนอนกอดผมทั้งๆทีหันหลังให้มันแบบนั้น

เช้าผมก็ตื่นออกมาทำงานเลยไม่ได้รอให้ต้อมมาส่งเหมือนทุกวัน ผมยังคิดว่ามันจะโทรมาหาผมหลังจากที่ตื่นแล้วเลย แต่ว่ามันก็ไม่ได้โทรหาผมเลยวันนั้นทั้งวัน ต้อมมันเปลี่ยนไปจริงๆตั้งแต่เจอกับปลา ผมคิดว่าตอนนี้ผมไม่ได้คิดมากไปเองอีกแล้ว ผมทำงานแบบไม่มีความสุขเอาซะเลยตอนนี้มันมีแต่เรื่องต้อมวนเข้ามาในหัวผมตลอด จนผมแทบไม่ได้คิดเรื่องงานเลยตอนนี้จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยครับ

จนเลิกงานผมกำลังจะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเห็นต้อมมายืนรอผมอยู่พอดี ต้อมมารับผมกลับบ้านแต่นั่งรถมาผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันเลย ต้อมมันเลยเปิดเพลงทำลายความเงียบ แต่เพลงที่มันเปิดสิครับผมได้ยินละอึ้งเลย ก็มันเป็นเพลงรักสามเศร้าของพริกไทยนะครับ ยิ่งตรงท่อนฮุกนะผมละอึ้งไปเลยไม่เคยคิดว่าเพลงมันจะโดนขนาดนี้

คนหนึ่งเขาช่างดีกับฉันจะทิ้งเขาลงยังไง
คนหนึ่งเคยทิ้งไปแต่รักไม่เคยจางหาย
ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงจากไหนก็คงต้องเลือกสักทาง
ทางที่รักสามเศร้าต้องจบ

เหมือนมันจะบอกอะไรผมเป็นนัยหรือเปล่านะ หรือแค่เพลงมันบังเอิญพอดีแค่นั้นเอง แต่ว่าตอนนี้มันกระทบกระเทือนใจผมอยากมาก จนผมต้องหันหน้าไปทางหน้าต่างแอบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ตอนนี้ผมคงเป็นตัวเลือกของต้อมอยู่แน่ๆ และผมก็คิดว่าผมคงไม่ใช่คนที่ต้อมเลือกด้วยอีกต่างหาก แต่ต้อมมันสังเกตเห็นจนได้มันจอดรถเข้าข้างทางทันที แล้วดึงให้ผมหันหน้าไปทางมันตอนนี้ผมคงตาแดงและมีน้ำตาคลออยู่แน่ๆ

“พี่นัทเป็นอะไรร้องไห้ทำไม” ต้อมมันทำเสียงเป็นห่วงผม ยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลออกมาอีก มันรีบดึงผมเข้าไปกอดไว้ทันที

“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น พี่ร้องไห้ทำไม” ต้อมพยายามปลอบใจผม

“ต้อมถ้าพี่ถามอะไรเราจะบอกความจริงพี่ได้ไหม” ผมตัดสินใจที่จะถามเรื่องราวทั้งหมด เพราะผมไม่อยากอึดอัดอีกต่อไปแล้ว ถ้าจะเลิกกันก็ได้เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ไปเลย

“เรื่องอะไรพี่ถามมาเลย ผมไม่เคยปิดบังอะไรพี่อยู่แล้ว” ผมดันตัวออกจากกอดของต้อม

“เรากับปลาเป็นอะไรกันมาก่อนที่จะมาคบกับพี่” ผมมองหน้าต้อม

“เราก็เป็นเพื่อนกันเท่านั้นเองครับ” ต้อมตอบผมแต่ก็ยังไม่ใช่ความจริงอยู่ดี

“แต่พี่รู้แล้วนะว่าเรากับปลาเคยเป็นอะไรกัน ทำไมเราต้องโกหกพี่ด้วย ไหนว่าจะพูดความจริง” ตอนนี้ต้อมทำหน้าแปลกใจพร้อมกับเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“พี่รู้เรื่องนี้แล้วหรอ พี่รู้จากใครผมว่าคงเป็นไอ้หนุ่ยใช่ไหม ผมก็แค่ไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจเท่านั้นเอง” มันจับมือผมไว้

“แต่พี่ว่าการที่เราไม่บอกพี่มันทำให้พี่ไม่สบายใจมากกว่าอีก ทั้งที่พี่พยายามจะให้เราบอกความจริงพี่หลายครั้งแล้ว แต่เราก็ยังปิดบังพี่อยู่ถ้าเราจะกลับไปชอบกันก็บอกก็พี่ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จะเป็นคนที่เดินออกไปเอง” ผมระบายความอัดอั้นของผมออกมา

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะพี่ ผมกับปลาไม่มีอะไรกันแล้วจริงๆผมแค่ไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจก็แค่นั้นเอง” ต้อมยังยืนยังเหมือนเดิม

“แล้วทำไมเวลาเขาโทรมาเราต้องออกไปรับสายที่อื่นด้วยละ ทำไม่ต้องมีเรื่องปิดบังกันด้วยหรอ” ตอนนี้ต้อมทำท่าทางเหมือนบอกไม่ถูกอะไรแบบนั้น

“เห็นไหมเราก็ตอบพี่ไม่ได้ ถ้าเรายังรักเขาอยู่ก็บอกพี่นะ อย่าทำให้พี่เหมือนคนโง่อยู่อย่างนี้เลย” เฮ้อน้ำตามันมาอีกแล้วแต่มันก็ช่วยให้ผมหายอึดอัดไปได้เยอะ
เหมือนกัน

“พี่นัทมันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆนะพี่ ผมยังรักพี่คนเดียวนะตอนนี้” ต้อมมันพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ

“ก็คงแค่ตอนนี้ใช่ไหมละ ถ้าต่อไปคงไม่ใช่แล้วยังไงเขาก็เป็นคนรักเก่าของเรานี่นะ พี่มาที่หลังอยู่แล้วแล้วถ้าเราบอกว่าไม่มีอะไรก็น่าจะบอกความจริงพี่ตั้งแต่แรกแล้ว” ผมเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากร้องให้กับเรื่องนี้อีกแล้ว

“พี่นัทมันไม่ใช่..”

“กลับบ้านเถอะพี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว” ผมพูดแทรกขึ้นมาทันที ต้อมยังคงไม่ยอมออกรถ แต่พยายามที่จะบอกให้ผมเข้าใจมัน

ผมไม่อยากได้ยินเรื่องนี้แล้วเพราะผมไม่รู้ว่าต้อมมันกำลังพูดเรื่องจริงหรือโกหกผมอยู่ ผมเลยบอกว่าถ้าต้อมไม่พาผมกลับบ้านผมก็จะนั่งรถแท็กซี่กลับเอง ต้อมเลยยอมขับรถกลับบ้านมาถึงบ้านผมก็ยังไม่ได้คุยกับมันอีกเลย ผมอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนเลย แต่วันนี้ผมนอนห้องรับแขกข้างล่างห้องที่เคยเป็นห้องเก่าของน้าผมแหละครับ ผมจัดไว้เวลาพ่อกับแม่หรือเพื่อนๆมาจะได้มีที่นอน ผมนอนล็อคห้องไม่ให้ต้อมเข้ามาหาผมได้ ต้อมมาเคาะประตูเรียกผมหลายครั้งจนอ่อนใจไปเอง
ผมออกมาทำงานแต่เช้าเพราะวันนี้มีประชุมด้วย ผมอยากทำงานเพื่อจะได้ลืมเรื่องต้อมผมจะได้ไม่รู้สึกไม่ดี เราประชุมกันจนถึงบ่ายโมงผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นต้อมโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าห้าสิบสายผมเห็นแบบนั้นก็เลยตัดสินใจโทรไปหามันหน่อย เพื่อมันอยากจะบอกอะไรผมอีกบ้าง

“ฮัลโหล ต้อมไม่อยู่นะค่ะ พี่นัทมีอะไรจะหรือเปล่าค่ะ” เสียงปลารับสายให้ต้อม

..................................

ปล. ถ้าผมลืมลงนานก้ช่วยเตือนด้วยนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่31 P:2]14/05/10 01:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 14-05-2010 10:41:52
โฮะ ๆ  ๆ   ๆ  ทำไมลงแค่นี้ล่ะ พี่นัท รู้ไหม มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :z3: :z3: :z3: :z3:



ทามไมไม่มีคนมาเม้นท์ให้กำลังใจซักคนเลยอ่า 


สู้ต่อปายยย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่31 P:2]14/05/10 01:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 14-05-2010 14:39:48
โฮะ ๆ  ๆ   ๆ  ทำไมลงแค่นี้ล่ะ พี่นัท รู้ไหม มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :z3: :z3: :z3: :z3:



ทามไมไม่มีคนมาเม้นท์ให้กำลังใจซักคนเลยอ่า 


สู้ต่อปายยย

สู้อยู่แล้วคร้าบบบบ

แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าเม้นท์รักตายเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่31 P:2]14/05/10 01:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 14-05-2010 15:10:25
โฮะ ๆ  ๆ   ๆ  ทำไมลงแค่นี้ล่ะ พี่นัท รู้ไหม มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :z3: :z3: :z3: :z3:



ทามไมไม่มีคนมาเม้นท์ให้กำลังใจซักคนเลยอ่า 


สู้ต่อปายยย

สู้อยู่แล้วคร้าบบบบ

แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าเม้นท์รักตายเลย :กอด1:


โฮะๆๆ 

เป็นกำลังใจให้คราบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-05-2010 02:35:26
มาต่อแล้วครับ ดึกไปหน่อยอย่าว่ากันนะครับ

ตอนที่32


“เออ...ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เห็นเขาโทรมาเลยคิดว่ามีธุระอะไร งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วนะ” ผมพยายามทำเสียงให้นิ่งที่สุด แล้ววางสายไป
ผมรู้สึกยังไงก็ไม่รู้แล้วตอนนี้มันอึดอัดไปหมด หัวมันตื้อไปทันทีตรงหัวใจก็รู้สึกเจ็บจนต้องเอามือมากุมหน้าอกไว้ นี่ต้อมคงจะกลับไปคบกับปลาแล้วหรือยังไง แล้วผมจะเป็นยังไงต่อไปถ้าผมต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีต้อม

ผมจะทำยังไงดีผมยังไม่อยากจะเจอเรื่องแบบนี้ตอนนี้ ผมยังไม่อยากที่จะกลับบ้านยังไม่อยากที่จะเจอต้อม ผมกำลังสับสนกับตัวเองอย่างมากเลยตอนนี้ อีกใจผมก็อยากที่จะจบเรื่องนี้ไปเหมือนกัน ผมจะได้ทรมานไปที่เดียวเลยถ้าจะทนไม่ได้จนตายผมก็คงโทษใครไม่ได้ คงเพราะผมอ่อนแอเองผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ พี่น้ำก็เดินมาจับไหล่ผมทำให้ผมหลุดพ้นจากความคิดที่แย่ๆนั่น

“นัทแล้วจะให้ใครไปเชียงใหม่กับซีดีละ มีแต่คนงานยุ่งทั้งนั้นเลย” พี่น้ำถามผม ผมคิดอะไรออกแล้วหนทางที่ผมจะไม่ต้องเจอกับต้อมในตอนนี้

“เดี๋ยวผมไปเองครับพี่” ผมบอกพี่น้ำมองหน้าผมแบบงง เพราะว่าผมเป็นคนที่เลี่ยงที่จะไปไหนมาไหนกับซีเสมอ จากเรื่องที่เกิดขึ้น

“จะดีหรอพี่ว่าให้คนอื่นไปดีกว่าไหม พี่ไม่อยากให้เรามีปัญหากับต้อมอีกนะ” พี่น้ำทำหน้ากังวลนิดๆ

“ไม่เป็นไรหรอกพี่มันคงไม่มีเวลาสนใจผมหรอกช่วงนี้ แต่ว่าไปวันนี้เย็นเลยใช่ไหมพี่” ผมหันไปมองพี่น้ำยังทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรผม

“อืม ใช่เย็นนี้แหละงั้นเราจะกลับไปเก็บของก่อนหรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับเดี๋ยวไปซื้อใหม่เอา ผมไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มานานแล้วด้วย จะได้ถือโอกาสนี้หาซื้อเลยไงพี่” ผมหันไปยิ้มเจื่อนๆให้พี่น้ำเพราะอารมณ์ผมตอนนี้ไม่ได้ดีขนาดจะยิ้มให้ใครแล้วครับ

ระหว่างนั้นต้อมก็โทรหาผมตลอดแต่ผมไม่ยอมรับสาย ผมยังไม่กล้าที่จะรับสายตอนนี้ด้วย ตอนเย็นรถตู้ก็มารับตกลงผมเลยไปเชียงใหม่กับซีสองคน ขึ้นรถตู้ผมนั่งแถวแรกต่อจากคนขับซีนั่งแถวถัดไป พอรถออกมาจนพ้นกรุงเทพมาถึงประมาณแถวนวนครผมถึงรับโทรศัพท์ต้อมที่โทรมาหาตลอด

“พี่นัทตอนนี้พี่อยู่ไหนครับ ทำไมไม่ยอมรับสายผมเลย” เสียงต้อมดูร้อนรนมากตอนนี้

“พี่จะไปทำงานต่างจังหวัด เราอยู่ของเราให้สบายใจนะ จะได้ไม่ต้องมาระแวงว่าพี่จะรู้อะไรอีก”

“พี่นัทพูดอะไรของพี่กัน ผมระแวงอะไรแล้วพี่รู้เรื่องอะไร ผมไม่เห็นจะเข้าใจที่พี่พูดเลย” ต้อมทำเสียงสงสัย

“ก็เรื่องเรากับปลาไงพี่รู้หมดแล้วนะ ว่าเราจะกลับไปคบกันใช่ไหม” ผมเริ่มจะน้ำตาคลอแล้วตอนนี้

“ใครบอกพี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจนะครับ ผมกับปลาไม่มีอะไรกันแล้วนะพี่เพราะเป็นแค่เพื่อนกัน” ต้อมพยายามอธิบายให้ผมฟัง แต่เรื่องมันเป็นถึงขั้นนี้ยังจะมาโกหกผมอีกหรอนี่

“ไม่มีใครบอกพี่หรอก พี่รู้เองวันนี้เราก็อยู่กับปลาสองคนไม่ใช่หรอ ถ้าเรายังไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเอายังไง พี่ว่าช่วงที่พี่ไปทำงานนี่เรามาทบทวนกันดีกว่านะ ว่าเรายังรักพี่อยู่หรือเปล่าหรือว่าเราเริ่มที่จะไปรักคนอื่นแล้ว แล้วพี่กลับมาเราค่อยคุยกัน” ผมวางสายหลังจากพูดเสร็จ ตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาแล้วผมไม่รู้ว่าซีย้ายมานั่งข้างผมเมื่อไหร่ แต่ซีดึงผมเข้าไปกอดตอนนี้ผมก็เลยร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ซบอกของซีอยู่ ซีเอามือมาลูบหัวผมจากข้างหลังเพื่อปลอบใจผม

ผมเริ่มที่จะทำใจได้ผมก็เงยหน้ามามองหน้าซี ซียิ้มให้ผมแล้วก็ย้ายกลับไปนั่งที่เดิม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับซีเลยต้อมก็ยังโทรเข้าเครื่องผมตลอดเวลา ผมเลยปิดเครื่องแล้วหลับไปเพราะผมไม่อยากคิดอะไรตอนนี้อีกแล้ว ผมหลับตลอดทางจนถึงเชียงใหม่มาตื่นก็ตอนซีปลุกว่าถึงโรงแรมที่จองไว้แล้ว

ซีไปจัดการเช็คอินเสร็จก็เข้าห้องเพราะเราต้องไปพบลูกค้าตอนบ่าย ผมต้องนอนห้องเดียวกับซีเพราะช่วยบริษัทประหยัดด้วยครับ แต่นอนเตียงคู่นะครับคราวนี้พอล้างหน้าอาบน้ำเสร็จผมเลยจะออกไปซื้อเสื้อผ้าก่อน ก็ผมไม่ได้เอามาเลยนี่ครับจะใส่ชุดเก่าไปก็กระไรอยู่ ผมให้ซีเตรียมเอกสารที่จะไปคุยกับลูกค้าไปก่อน ผมก็ให้พี่คนขับรถตู้พามาที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตเพื่อหาซื้อเสื้อผ้า ผมมาถึงก็รีบเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเพราะว่าเดี๋ยวต้องกลับไปรับซีแล้วไปหาลูกค้าอีก แต่ผมคงรีบมากไปหน่อยพอซื้อของเสร็จผมจำไม่ได้ว่าเอากระเป๋าเงินไปวางไว้ที่ไหน ผมจะทำยังไงดีเงินนะผมไม่ค่อยสนใจหรอกครับแต่เอกสารส่วนตัวนี่สิ ไหนจะบัตรเครดิตอีกคงวุ่นวายน่าดูถ้าจะต้องทำใหม่หมดเลย ตอนนี้กระวนกระวายนึกถึงกระเป๋าเงินอยู่นั้น

“พี่ครับนี่ของพี่หรือเปล่าครับ” มีคนเรียกผมจากข้างหลัง ผมเลยหันไปมองเป็นน้องนักศึกษาหน้าตาดีตามสไตล์เด็กเหนือเลยครับ ยื่นกระเป๋าเงินของผมมาให้

“อะ ใช่ครับขอบคุณมากครับ กำลังนึกว่าจะหาเจอหรือเปล่าพอดีเลย” ผมผงกศีรษะให้เล็กน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม แล้วรับกระเป๋ากลับมา

“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าอย่าลืมวางไว้ทั่วอีกนะครับ” เขายิ้มให้ผม

“ครับขอบคุณอีกครั้งนะครับ เออ..แล้วพี่จะตอบแทนเรายังไงดีเนี่ย” ผมเริ่มบ่นกับตัวเอง เพราะปกติเวลาที่ผมทำของหายผมจะต้องตอบแทนคนที่เก็บมาคืนเสมอ ปกติก็ให้เงินเล็กน้อยแหละครับ แต่น้องคนนี้ให้เงินคงน่าเกรียด

“ไม่ต้องตอบแทนผมหรอกครับผมเต็มใจ ผมเป็นพลเมืองดีครับ” น้องมันยิ้มแล้วก็เดินไปเลย เดินไปได้สักพักยังหันกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้ง

หลังจากได้กระเป๋าคืนผมก็รีบกลับมาที่พักเพราะต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วต้องไปหาลูกค้าต่อเราคุยงานกับลูกค้าถึงงานที่จะจัดขึ้นอีกสองวันข้างหน้า ที่เชียงใหม่จะจัดงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีจัดที่หอประชุมของม.ช. หลังจากคุยตกลงรายละเอียดกับลูกค้าเสร็จเราก็กลับกัน

ผมเพิ่งนึกได้ว่าลืมเปิดโทรศัพท์ผมเลยหยิบมาเปิด ต้อมโทรเข้ามาเป็นร้อยสายได้เลยตอนนี้ พร้อมข้อความเข้ามาอีก 4 ข้อความผมเลยเปิดอ่าน

“พี่นัทมันไม่ใช่แบบที่พี่นัทคิดนะ รับโทรศัพท์ผมหน่อยนะครับ”

“พี่นัทอย่าทำแบบนี้เลย ผมทรมานใจมากเลยรู้ไหมครับ”

“พี่นัทครับรับสายหน่อย ผมอธิบายทุกอย่างได้นะครับ”

“พี่นัทไม่รักผมแล้วใช่ไหมถึงทำกับผมแบบนี้ ผมทรมานใจมากแค่ไหนไม่รู้หรือไงครับ”

ผมก็ทรมานใจไม่แพ้มันหรอกครับตอนนี้ แต่ผมอยากให้มันเข้าใจตัวเองมากกว่า อาจเพราะผมกับต้อมอยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลาก็ได้ เลยทำให้เราเริ่มแยกระหว่างความรักกับความผูกพันธุ์ออกไม่ถูก บางทีที่มันบอกยังรักผมอยู่อาจเป็นแค่ความผูกพันธุ์ก็ได้ แล้วในเมื่อผมตัดสินใจแบบนี้ไปแล้วผมก็เสียใจหรอกครับ แม้ผมสุดท้ายผมจะต้อมทรมานเจียนตายก็ตาม ผมเลยส่งข้อความกลับไปหามันบ้าง

“พี่ไม่ได้เลิกรักเรานะ แค่อยากให้เราได้คิดเรื่องที่พี่พูดบ้างก็แค่นั้น กลับไปเราค่อยคุยกัน”

ผมกดส่งข้อความไปยังไม่ถึงนาทีก็มีข้อความตอบกลับมา

“คุยตอนนี้เลยนะครับ ผมทนแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว พี่นัทกลับมาหาผมเถอะนะครับ”

ผมอ่านแล้วคิดว่าต้อมต้องไม่เลิกส่งข้าความแน่ๆแบบนี้ ผมเลยส่งกลับไปอีกครั้ง

“ถ้าเรายังไม่เลิกส่งข้อความมาอีก พี่จะเปิดเครื่อง”

แล้วก็ได้ผลครับต้อมไม่ได้ส่งข้อความมาอีก ซีคอยแอบมองผมตลอดเวลาที่ผมส่งข้อความ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรผมก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อจะนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าไปดูสถานที่จัดงานพร้อมกับทำบูธอีก ผมเข้านอนผมหันหลังให้ซีเพราะผมเห็นซีนอนมองผมอยู่จากอีกเตียง

สายๆผมก็มาถึงที่จัดงานผมดูบล็อกที่จะตั้งบูธเสร็จก็โทรหาพี่น้ำ ผมรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแล้วก็จุกที่จะลงบูธ พี่น้ำเลยนัดว่าตอนเย็นช่างที่จะมาตั้งบูธจะมาถึงให้ผมเข้ามาดูแลความเรียบร้อยด้วย แล้วพี่น้ำยังบอกว่าให้เพื่อนแกจ้างเด็กแถวนั้นมาช่วยวันงานแล้ว พรุ่งนี้คงเข้ามาหาที่บูธเพื่อให้ผมอธิบายข้อมูลของสินค้าให้ฟัง

ตอนเย็นผมยุ่งกับเรื่องจัดสถานที่จนลืมเรื่องต้อมไปได้เหมือนกัน นี่ถ้าผมอยู่เฉยๆคงเป็นบ้าไปแล้วตอนนี้ ผมอยู่ดูช่างทำบูธจนเกือบถึงตีสอง จนซีต้องชวนผมกลับห้องไปพักผ่อนที่แรกผมไม่ยอมไปแต่ซีก็ดึงมือผมให้กลับจนได้ กลับมาผมก็อาบน้ำแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ต้อมส่งข้อความมาข้อความเดียววันนี้ผมเลยกดอ่าน

“พี่นัทเมื่อไหร่จะคุยกับผม จะทรมานผมไปถึงไหนกัน หรือต้องให้ผมเป็นบ้าซะก่อน”

ผมเลยส่งข้อความกลับไปทันที

“ยังไม่ถึงเวลาตอนนี้ ดูแลตัวเองด้วยนะ”

ผมก็ยังอดเป็นห่วงต้อมไม่ได้อยู่ดีเพราะผมรู้ว่าถ้าผมไม่อยู่ต้อมต้องไม่ยอมทำอะไรแน่ๆ หลังส่งข้อความเสร็จผมก็อาบน้ำนอน ขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับซีก็ถามผม

“นัททะเลาะกับต้อมมาหรอ” ซีนอนมองหน้าผมจากอีกเตียง

“อืม แต่ไม่มีไรมากหรอก เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ผมโกหกซีไปเพราะผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้

“แล้วนี่ต้อมรู้เปล่าว่ามากับเรา”

“ไม่รู้หรอกยังไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่วันมา นอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย” ผมตัดบทแล้วนอนหันหลังให้ทันที

ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูความเรียบร้อยตรงที่จัดงาน แล้วมารอน้องที่จะมาช่วยงานด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน ส่วนซีก็ไปพบลูกค้ารายอื่นๆ คงจะเข้ามาหาผมก็
ตอนเย็นๆนั้นแหละครับ

“พี่ชื่อนัทเปล่าครับ พี่แก้วเขาให้ผมมาหานะครับ” มีคนทักผมตอนที่ผมกำลังดูเขาประกอบบูธอยู่พอดี ผมเลยหันหลังกลับไปมอง(พี่แก้วเป็นเพื่อนพี่น้ำนะครับ) ก็เห็นว่าเป็นน้องคนที่เก็บกระเป๋ามาคืนผมนี่เอง

“อ่าว น้องนั่นเองพี่แก้วให้มาใช่ไหม” ผมทักน้องเขา

“อ้อ พี่ที่ทำกระเป๋าเงินหาย ครับพี่แก้วบอกให้มา” ดูมันทักผมสิตอกย้ำกันอีก

“อ่านะ แล้วพี่แก้วบอกยังว่าต้องมาทำอะไรบ้าง” ผมถาม

“ก็แค่บอกว่าต้องมาช่วยอธิบายลูกค้าอะไรนี่แหละครับ” มันยิ้มให้ผม

“อืม.. งั้นเดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังนะรอแปบพี่ดูเขาทำบูธก่อน เออแต่ว่าเราชื่ออะไรละ”

“ผมชื่อบาสครับ” บาสยิ้มให้ผมแล้วเดินไปหาที่นั่งรอแถวๆนั้น

ผมดูงานส่วนที่สำคัญเสร็จก็เข้ามาคุยกับบาสที่นั่งรออยู่ต่อ ผมอธิบายเกี่ยวกับงานที่ต้องทำพรุ่งนี้และเรื่องสินค้าที่ต้องคุยกับคนที่เข้ามาในบูธ บาสก็ให้ความสนใจมากบางครั้งบาสยังทำให้ผมนึกถึงต้อมขึ้นมาเหมือนกัน เพราะนิสัยบาสกับต้อมดูจะคล้ายๆกันมากเลย ทำให้ผมกับบาสสนิทกันเร็วมากๆช่วงเย็นซีก็มาที่จัดงาน ซีมองบาสที่คุยกับผมอย่างสนิทสนมใหญ่เลย ผมคุยกับบาสอีกครู่ใหญ่ๆก็แยกกันกลับแล้วบาสขอเบอร์ผมไว้ด้วย

“นัทรู้จักกับน้องคนนั้นมาก่อนหรอ” ซีถามผมตอนที่นั่งรถกลับที่พัก

“ก็เปล่านะเพิ่งจะรู้จักกันนี่แหละ” ผมหันไปมองซีว่าทำไมถามแบบนี้

“อืม แต่ทำไมดูสนิทกันจัง” ซีบ่นเบาๆคนเดียว แล้วผมก็ไม่ได้คุยกับซีอีกจนถึงที่พัก

ผมอาบน้ำจะนอนแล้วโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นที่ข้างเตียง ผมหยิบมาดูเป็นเบอร์แปลกๆผมเลยกดรับ

“สวัสดีครับ” ผมรับสาย

“พี่นัทผมบาสเอง ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พี่นัทสอนวันนี้เลย พี่นัทช่วยออกมาสอนผมอีกทีได้ไหมครับ” บาสบอกมาตามสาย

“อย่างงั้นเรามาหาพี่แล้วกันนะ พี่อยู่ที่... เดี๋ยวเจอกันที่ฟร้อนท์นะ” ผมนัดกับบาส แล้วก็แต่งตัวลงมาข้างล่างตอนนั้นซีอาบน้ำอยู่ ผมเลยบอกว่าจะลงไปข้างล่างเท่านั้นเอง

.................................

จะมาต่อเรื่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 15-05-2010 07:47:37
หุหุ  ใครนอกใจใครหว่า



เอามาลงให้ถึงตอนจบเลยก็ได้นะพี่นัท โฮะๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-05-2010 07:51:05
สงสัยจะยุ่งไปอีกนาน คนอารั๊ยเสน่ห์แรงจริงๆ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-05-2010 14:42:41
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 15-05-2010 16:15:35
ตามมาจากบอร์ดโน้นอะ เห็นหายไปนึกว่าไปไหนที่แท้ก็มาอยู่นี้เอง

มาตามที่นี้ต่อแล้วกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่32 P:2]15/05/10 02:32AM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 15-05-2010 22:08:47
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ.....
ผิดไหม...ที่คิดว่า....ซีไม่น่าไว้ใจ....
กะ..นัทที่ใจร้อนไปหน่อย...มาแบบนี้ต้อมยิ่งคลั่งไปใหญ่... o16

เป็นกำลังใจให้ค่ะ   :L2: :pig4:

กด + ให้กับความขยันของคุณนัท
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่33 P:3]16/05/10 01:20AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-05-2010 01:24:48
ตอนที่33


ผมลงมาข้างล่างก็เห็นบาสมาคอยอยู่แล้ว ทำไมมันมาเร็วจังผมคิดในใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร พอบาสเห็นผมลงมาก็เดินเข้ามาหาผมทันที

“อืมว่าไงไม่เข้าใจตรงไหน ถึงต้องถามเอาตอนนี้ด้วย” ผมถามบาสแต่มันกลับไม่ตอบแล้วดึงมือผมออกมาข้างหน้าโรงแรม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะพาพี่นัทนั่งรถเที่ยวเห็นหน้าพี่นัทเศร้าๆ จะได้สบายใจขึ้นไงครับ” พูดแล้วมันก็ดึมไปที่เวสป้าสีแดงขอมมัน ส่งหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบสีฟ้ามาให้ผมใส่ ผมยังลังเลอยู่ตอนนี้บาสมันก็เลยหยิบหมวกมาใส่ให้ผมเอง แล้วมันก็สตาร์ทรถแล้วมองหน้าให้ผมนั่งซ้อนท้าย ผมก็กลัวนิดๆนะว่ามันจะมาไม้ไหนของมันแต่ก็คงดีกว่านอนคิดเรื่องต้อมแหละน่า ผมเลยตัดสินใจขึ้นซ้อนท้ายมันไป

“พี่นัทเคยนั่งรถเที่ยวเชียงใหม่ตอนกลางคืนไหมครับ” บาสมันถามผม ผมต้องตั้งใจฟังเพราะเสียงมันไม่ค่อยได้ยิน

“เมื่อกี้เราว่ายังไงนะ พี่ไม่ได้ยิน” ผมขยับตัวเข้ามาใกล้บาสอีกแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อที่จะได้ยินที่มันถาม ผมเห็นมันแอบยิ้มนิดหน่อยด้วย

“ผมถามว่าพี่เคยมานั่งรถเที่ยวกลางคืนแบบนี้บ้างไหม” บาสมันหันมาถามจนหน้าใกล้ผมมาก มันทำให้ผมใจเต้นแรงไปเลยตอนนี้ ตั้งแต่ผมคบกับต้อมก็มีมันคนแรกนี่แหละที่ทำให้ผมใจเต้นแบบนี้

ผมเลยถอยหน้าออกมา “ไม่เคยนะพี่ก็เพิ่งมาเชียงใหม่ครั้งแรกนี่แหละ” ผมบอก

“งั้นเดี๋ยวผมพาพี่เที่ยวเอง” แล้วบาสก็พาผมขับรถวนรอบเมือง พาผมไปวนรถไปดูโบนันซ่าแล้วก็รอบคูเมือง บรรยากาศดีมากเลยครับที่เชียงใหม่ตอนกลางคืน ทำให้ผมสบายใจมากขึ้นเหมือนกัน

บาสขี่รถมาติดไฟแดงอยู่ๆมันก็หันมาจับมือผมไปกอดเอวมันไว้ จนตัวผมไปชิดกับหลังมันผมจะดึงออกมันก็จับไว้แน่น แล้วมันก็ออกรถไปต่อผมจะเอามือออกอีกมันก็หันมาบอกว่าเดี๋ยวรถล้ม ผมเลยเลิกที่จะดึงมือออกแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผมนะ คงกลัวผมจะเอามือออกแน่ๆแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีนะครับ บาสพาผมขี่รถขึ้นไปทางยอดดอยสุเทพอากาศก็เริ่มเย็นมากขึ้นด้วย ผมเลยกอดเอวมันแน่นขึ้นบาสมันคงรู้ว่าผมไม่ปล่อยมือแล้วมันเลยกลับไปขี่รถสองมือ

บาสพาผมขี่รถจนรอบเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ผมก็สบายใจขึ้นเยอะเลยตอนนี้ จนผมคิดว่าดึกมากแล้วเลยบอกให้บาสกลับที่พักกัน เพราะพรุ่งนี้ยังต้องมาเตรียมงานแต่เช้าแถมเปิดงานวันแรกด้วย บาสก็พาผมกลับพอเรามาถึงหน้าโรงแรมผมก็เห็นซียืนรออยู่ ซีทำหน้าแปลกใจมากที่เห็นผมกลับมากับบาส ผมลงรถได้คืนหมวกให้บาสก็เดินกลับเข้าที่พักเลย

“พี่นัทฝันดีนะครับคืนนี้” บาสตะโกนบอกไล่หลังผมมา ผมเลยหันไปยิ้มให้แล้วก็โบกมือให้

ผมเดินผ่านซีที่รออยู่ขึ้นมาบนห้องเลย ซีเดินตามหลังมาติดๆพอมาถึงห้องผมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนผมทันที เพราะผมก็เริ่มจะง่วงแล้วด้วยตอนนี้

“นัทไปไหนกับมันมานะ ดึกขนาดนี้แล้ว” ซีถามผมทันทีที่เข้ามาถึงในห้อง

“ก็ไปขี่รถเล่น แค่นั้นเอง” ผมตอบทั้งๆที่หลับตาอยู่

“แล้วนัทออกไปกับมันได้ยังไงละ ถ้ามันพานัทไปทำอะไรจะว่ายังไง” เสียงซีดูไม่ค่อยพอใจ

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ต่อให้เป็นก็ช่างมันเถอะยังไงก็ไม่มีคนสนใจเราอยู่แล้วตอนนี้” ผมยังไม่ได้สนใจกับที่ซีถามอยู่ดี

“ทำไมจะไม่มีละ อย่างน้อยก็เราคนหนึ่งแหละที่ห่วงนัท ทำไมนัททำตัวแบบนี้” ซีเสียงไม่พอใจอย่างมาก

“เราทำตัวยังไง เราไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย เราแค่ไปนั่งรถเล่นถ้าว่าเราไม่ดีก็อย่ามาห่วงเราเลย แค่นี้นะเราจะนอนแล้ว” ผมพูดเสร็จผมก็หันหลังให้ซีทันที
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมหลับลงอย่างสบายใจไม่กังวลเรื่องของต้อมเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ทำไมบาสถึงทำให้ผมสบายใจได้แบบนี้นะ ผมไม่เคยที่จะสบายใจกับคนอื่นนอกจากต้อมกับที่บ้านมานานมากแล้ว แต่คงเพราะว่าบาสมันเข้าใจผมละมั้งครับ

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาชดชื่นกว่าทุกๆวันคงเพราะเรื่องเมื่อคืนละมั้ง แต่ความรู้สึกผมบาสเหมือนน้องชายผมคนหนึ่งแค่นั้นเอง ถึงผมจะรู้สึกดีเวลาอยู่กับบาสก็ตามเถอะแต่ยังไงผมก็ยังคงรักต้อมอยู่เหมือนเดิม ต่อให้ต้อมจะเลิกรักผมไปรักคนอื่นแล้วก็ตาม

ผมมาถึงที่จัดงานบาสก็มารออยู่ก่อนแล้ว พอบาสเห็นผมก็เดินเข้ามาหาผมทันทีเลย

“พี่นัทวันนี้ตอนเย็นไปเที่ยวกันอีกนะครับ” บาสเดินมาชวนผม

“อืมเดี๋ยวดูก่อนนะ ว่าจะว่างหรือเปล่า”

“ครับ เดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ” แล้วบาสก็เดินไปประจำที่ที่ผมบอกไว้เมื่อวาน

ผมกับบาสก็แยกกันทำงานไปเพราะวันแรกค่อนข้างยุ่งเพราะอะไรยังไม่ค่อยลงตัว จนผมต้องโทรให้ซีมาช่วยช่วงบ่ายหน่อย ซีมาถึงตั้งแต่เที่ยงมาถึงก็ต้องเข้ามาช่วยงานผมเลย ถึงจะวุ่นแค่ไหนแต่ซีก็ยังมีเวลามากันผมจากบาสได้ตลอด เวลาบาสมาอยู่ใกล้ผม ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วก็งานมันยุ่งนี่ครับ

จนหมดวันผมก็กลับมาที่ห้องพักเพราะเหนื่อยมากเลยวันนี้ ต้อมยังคงส่งข้อความมาให้ผมทุกวันเหมือนเดิม ผมก็ตอบกลับไปเหมือนทุกวันว่าให้ต้อมคิดเยอะก่อน จนผมกำลังจะหลับก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีกแล้ว ผมหยิบมาดูก็เป็นเบอร์บาสผมเลยกดรับสาย

“ว่าไง มีอะไรอีกเรานะ” ผมถาม

“พี่นัทไปขี่รถเล่นกันไหมครับ” บาสชวน

“ไม่ละ วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันแต่เช้านะ” ผมก็วางสายไป เพราะเหนื่อยมากจริงๆ

เช้าวันนี้ผมมาแต่เช้าเพราะจะได้เตรียมของให้พร้อม จะได้ยุ่งเหมือนเมื่อวานอีกผมกำลังทำงานอยู่บาสมาตอนไหนไม่รู้ บาสเดินเข้ามานวดไหล่ให้ผมผมตกใจเหมือนกันจนหันไปดู

“ทำอะไรนะเรา มาช่วยกันเตรียมของเลยเร็วๆ” พอผมเห็นว่าเป็นบาสก็เลยให้รีบมาช่วยงาน

“ก็พี่บ่นเหนื่อยเมื่อคืนนี้ ผมเลยนวดให้ไงคืนนี้ไปนั่งรถเล่นกับผมนะ” บาสมันชวนผมอีกแล้ว จริงๆผมก็อยากไปนะแต่กลัวว่ามันเหมือนผมจะมีใจให้มัน เพราะผมก็พอรู้แหละว่ามันคิดยังไงกับผม

“ไม่ไปได้เปล่า งานพี่เยอะเหนื่อยด้วย” ผมบอกโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเลย

“ไม่เอาอ่ะ ไปนั่งรถด้วยกันนะๆๆๆ” บาสมันอ้อนแล้วก็ไม่ยอมหยุดนวดให้ผมด้วย

“เออ ไปก็ได้แต่หยุดนวดก่อน แล้วมาช่วยกันทำงานเลย” ผมต้องรับปากก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที

บาสมันถึงหยุดนวดแล้วมาช่วยผมทำงาน ที่เชียงใหม่นี่คนมางานเยอะกว่าที่ผมคิดอีก ทำให้วุ่นได้ทังวันเหมือนกัน ดีว่าช่วงบ่ายซีจะมาช่วยไม่งั้นผมคงเหนื่อยตายก่อนแน่ๆ พองานเลิกผมก็จะกลับห้องเพื่อไปพัก บาสก็เดินเข้ามาหาผมก่อนขึ้นรถ

“พี่นัทไหนพี่นัทสัญญาว่ายังไง ห้ามเบี้ยวด้วย” แล้วบาสมันก็ดึงมือผมเพื่อให้ไปด้วย แต่ซีก็ดึงมือผมไว้เหมือนกัน จนบาสต้องหันกลับมามอง

ซีกับบาสมองหน้ากันเขม้งเลยตอนนี้ ผมจะทำไงดีเนี่ยตอนนี้เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับต้อมเลย ถ้าเป็นต้อมผมคงจะเลือกได้ว่าจะเข้าข้างใครไปแล้วตอนนี้ แต่ว่าผมก็สัญญากับบาสไว้จริงๆนะแหละผมเลยบอกซีว่าเดี๋ยวกลับ ซีทำหน้าไม่พอใจแต่บาสยิ้มหน้าบานเลย

บาสพาผมขี่รถขึ้นไปบนดอย(ขอสารภาพคือจำชื่อดอยไม่ได้แล้วอะครับแต่มันมีโครงการหลวงอยู่ด้วยนะครับ) พอขึ้นไปสักพักบาสก็จอดรถผมก็คงว่าจอดทำไม กำลังจะหันไปถามบาสก็ดึงผมให้ตามไปนั่งข้างทาง พอผมนั่งลงบาสก็ถอดหมวกกันน็อคให้ผม แล้วดึงให้ผมไปนอนตักมัน

บาสชี้ให้ผมมองดาวบนท้องฟ้าซึ่งมีเต็มไปหมด แบบที่เราไม่สามารถเห็นได้เลยที่กรุงเทพมันสวยมากจริงๆ ผมนอนมองจนเพลินไปเลยตอนนั้น แต่ผมกลับคิดว่าถ้าผมได้มาดูดาวแบบนี้กับต้อมผมจะมีความสุขมากขนาดไหนนะ พอคิดถึงเรื่องต้อมผมก็จะร้องไห้อีกแล้ว ทำไมผมขี้แงกับเรื่องของต้อมจังเลยบาสคงสังเกตเห็น
“พี่นัทเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” บาสก้มหน้ามองผม

“ไม่เป็นไรหรอกพี่คิดไรเพลินๆนิดหน่อย” ผมบ่ายเบียงไป

“ผมรู้ว่าพี่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ถ้าเป็นผมนะจะไม่ยอมให้พี่เป็นแบบนี้แน่นอน” บาสมองหน้าผม

“บาสพี่ว่าเราอย่ามาชอบพี่เลยนะ พี่คิดกับเราได้แค่น้องชายเท่านั้นแหละ เพราะยังไงพี่ก็คงมีเขาเป็นแฟนแค่คนเดียวเท่านั้น พี่ว่าพาพี่กลับไปส่งเถอะ” ผมบอกบาสผมก็จะลุกขึ้นจากที่นอนตักบาสอยู่

ตอนที่ผมกำลังลุกบาสกลับก้มลงมาจูบปากผม แต่ผมก็หลบทันเพราะคิดอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้

“พาพี่กลับเถอะ ถ้าเราไม่พาพี่กลับพี่เดินกลับเองได้นะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินทันที

บาสก็รีบลุกตามแล้วขี่รถมาดักหน้าผม บอกว่าจะไปส่งให้ผมเลยขึ้นรถมากับบาส เพราะเอาจริงๆผมก็คงกลับไม่ถูกหรอกครับ บาสพาผมมาส่งที่หน้าโรงแรมตอนที่ผมลงจากมอไซด์ของบาส ผมเห็นคนยืนที่หน้าโรงแรมทำไมมันคุ้นตาแบบนี้นะ คนนั้นก็มองมาทางผมเหมือนกันแล้วคนนั้นก็เดินมาทางผม จนผมเห็นเขาชัดขึ้นไม่ใช่ใครต้อมนี่เอง แต่ว่าต้อมตามมาที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วตอนนี้ต้อมกำลังเดินตรงมาที่ผมกับบาสแล้วด้วย

..................................

ลงต่อให้เรื่อยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกัน

ปล. อย่าลืมอ่านเรื่อง มนต์รักบ้านทุ่งด้วยนะครับ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่33 P:3]16/05/10 01:20AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-05-2010 07:56:08
ตายแน่แน่งานเข้าแล้ว มิโรงแรมแตกรึเนี่ยมาตัวเป็นๆเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่33 P:3]16/05/10 01:20AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 16-05-2010 11:40:47
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่33 P:3]16/05/10 01:20AM
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-05-2010 13:48:41
อีป้าแก่ๆจะตามมาอ่านเรื่อยๆค่ะ +1

ป.ล. ขอย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่แรกก่อนนะ 555
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-05-2010 15:40:05
ตอนที่34

ต้อมเดินตรงมาที่ผมกับบาสตอนนี้ผมเริ่มกังวลแล้ว ผมกลัวต้อมมันจะมีเรื่องกับบาสถ้ามีคงแย่แน่ๆ ผมเตรียมตัวที่จะเดินเข้ามาไปห้ามต้อมผมเลยเดินมาดักหน้าต้อมไว้ก่อนที่จะถึงบาส พอผมมายื่นข้างหน้าต้อมต้อมก็กอดผมทันทีเลยครับ

“พี่นัทอย่าหนีผมไปไหนอีกนะครับพี่รู้ไหมว่าผมแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหม วันๆได้แต่รอพี่ส่งข้อความมาให้ ทำไมพี่ต้องทรมานผมแบบนี้ด้วย” ต้อมกอดผมแน่นเสียงมันก็เริ่มสั่นๆเหมือนจะร้องไห้

“เราตามพี่มานี่ได้ยังไง ใครบอกเราว่าพี่อยู่ที่นี่” ผมสงสัยเรื่องนี้มากกว่า

“พี่น้ำครับผมไปตามตื้อพี่น้ำตั้งหลายวันกว่าพี่น้ำจะยอมบอก พอผมรู้ผมก็รีบตามมานี่เลยครับ” ต้อมจับหน้าผมให้มองหน้ามันแล้วตอนนี้

“พี่นัทรู้ไหมว่าไม่มีพี่อยู่ผมทรมานมากขนาดไหน ผมรู้แล้วว่าผมขาดพี่ไม่ได้จริง พอพี่ไม่อยู่ไม่ได้คุยกับพี่มันเหมือนผมขาดอะไรที่สำคัญในชีวิตไป จนผมแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ผมเพิ่งสังเกตเห็นหน้าต้อมว่ามันโทรมมากขนาดไหน ผมหนวดก็ไม่ได้ตัดได้โกนเลย หน้ายังดูซูบลงไปมากจนแทบจะหมดหล่อไปเลยทีเดียว

“แล้วเราเข้าใจตัวเองมากขึ้นหรือยังถึงมาหาพี่ เรามีคำตอบหรือยังตอนนี้” ผมถามต้อมโดยที่ต้อมยังจับหน้าผมแล้วจ้องอยู่ ต้อมตาเริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

“ผมเข้าใจหมดแล้วตอนนี้ ผมขอโทษขอโทษจริงๆ ผมรู้แล้วว่าผมอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีพี่อยู่ข้างๆผม พี่จะว่าผมจะทำอะไรผมก็ตามผมก็จะไม่ว่าอะไรพี่เลยกับเรื่องนี้ แต่ผมขอแค่พี่อย่าทิ้งผมแบบนี้อีกเลยถ้าพี่ทำแบบนี้อีกครั้งผมคงต้องเป็นบ้าหรือไม่ก็ตายแน่คราวนี้” ต้อมน้ำตาค่อยๆไหลออกมา ผมเห็นแบบนี้แล้วมันน่าสงสารมากจริงๆ ผมเลยเอามือเช็ดน้ำตาให้ต้อม

ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมอยู่กับต้อมแค่สองคนเลยตอนนี้ จนผมลืมไปเลยว่าบาสอยู่ที่รถข้างหลังผมจนบาสแกล้งทำเสียงดัง ผมกับต้อมเลยหันไปมองบาสพร้อมกันเลยบาสเดินมาหยุดตรงผมกับต้อม

“พี่หรอเป็นคนทำให้พี่นัทเสียใจ แล้วพี่ยังจะกล้ามาขอคืนดีอีกหรอ” บาสมองหน้าต้อม แล้วดึงผมให้ออกห่างจากต้อม อืมผมลืมไปเลยว่าเด็กสมัยใหม่นี่ไม่ได้กลัวอะไรเลย

ผมหันไปมองหน้าบาสทันทีที่มันพูดแบบนั้น มันคิดจะมีเรื่องกับต้อมเลยหรือไงกัน แต่ต้อมดูเหมือนจะยังไม่อยากที่จะมีเรื่องตอนนี้ เพราะมันคงไม่อยากจะให้ผมไม่พอใจอีกมันรู้ว่าผมไม่ชอบให้มันมีเรื่องกับคนอื่น ต้อมไม่พูดแต่กลับดึงผมเข้าไปกอดไว้แล้วหันกลับมามองบาส

“พี่ไม่ได้มาขอคืนดี แต่พี่มาเพื่อจะพาพี่นัทกลับคืนมาเป็นของพี่ต่างหาก” ต้อมบอกด้วยเสียงที่เย็นชามาก

“แล้วถ้าผมไม่ยอมละ ถ้าพี่ไม่มาพี่นัทคงชอบผมแทนพี่ไปแล้ว” ดูบาสมันพูดผมไปบอกตอนไหนว่าจะชอบมันเนี่ย

“คิดว่าพี่จะเชื่อเราหรือไง ยังไงพี่ก็เชื่อว่าพี่นัทยังรักพี่อยู่เหมือนเดิม อย่างเรานะพี่ไม่กลัวเลย” ต้อมหันมามองหน้าผม แต่มันก็จริงอย่างที่ต้อมว่านะแหละผมไม่ได้เปลี่ยนใจจากมันเลยจริงๆ

“555” อยู่ดีๆบาสก็หัวเราะขึ้นมาเฉยเลย ผมกับต้อมมองหน้ากันงงๆ

“ผมยอมพี่สองคนเลยเมื่อกี้พี่นัทก็เพิ่งปฏิเสธผม พี่ก็ยังตามมาหาพี่นัทถึงนี่เลยถ้าเป็นผมคงไม่ทำแน่ๆ” บาสยิ้มให้ผมสองคน

“พี่นัทเรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ใช่ไหม ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกัน อ้อพี่ระวังพี่อีกคนดีกว่านะ” แล้วบาสก็หันกลับไปขี่มอ’ไซด์ออกไป

ผมกับต้อมก็ยืนงงกันอยู่กับบาสมันตกลงมันจะเอายังไงกันแน่ ผมพาต้อมเข้ามาที่นั่งรับแขกตรงฟร้อนท์ ต้อมจับมือผมไว้ตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าผมจะหนีมันไปอีก แต่ผมอยากคุยเรื่องนี้กับมันให้รู้เรื่องมากกว่ากับเรื่องที่ผ่านมา

“ตกลงเรามีอะไรจะบอกพี่ได้หรือยัง” ผมถามต้อมมันนั่งมองหน้าผมไม่เลิก

“ผมขอโทษนะครับพี่ที่ผมเป็นแบบนี้ จริงๆผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับปลาแล้วจริงๆนะ เพียงแต่ผมไม่อยากที่จะทำร้ายจิตใจปลาอีก แต่มันกลับเป็นว่าผมทำร้ายคนที่ผมรักที่สุดซะเอง” ต้อมทำหน้าเศร้า

“ผมมันแย่เองที่ไม่ทันคิดว่าพี่จะรู้สึกยังไง ผมมัวแต่ห่วงความรู้สึกคนอื่นมากเกินไป” ต้อมมันจับมือผมไว้แน่นเลย

“แล้วทำไมเราไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก เราคิดว่าพี่จะไม่ยอมเข้าใจหรือไง นี่เราคิดว่าพี่จะเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยหรือไง” ผมเริ่มจะไม่พอใจอีกแล้วตอนนี้ ที่รู้ว่ามันคิดว่าผมจะเป็นคนแบบไหน

“ไม่ใช่นะผมเองต่างหากที่ไม่กล้าบอกพี่ ผมมันไม่ดีเองเรื่องนี้พี่จะโกรธหรือจะทำอะไรผมก็ไม่ว่า แต่ผมขอแค่อย่าเกลียดกับอย่าทิ้งผมไปอีกนะครับ” ต้อมเอามือผมไปหอม ผมหันไปมองรอบๆดีนะค่อนข้างดึกแล้วเลยไม่มีคน

“ถ้าเราบอกพี่ตั้งแต่ที่พี่ถามครั้งแรกมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก พี่พยายามถามเราแล้วใช่ไหม” ผมจ้องหน้าต้อมต้อมทำหน้าเสียใจ

“ไหนเราเคยสัญญากับพี่ว่าจะบอกกันทุกเรื่องยังไงละ แค่นี้เราก็ทำไม่ได้แล้วแล้วต่อไปพี่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้อีกไหม”

“ไม่มีอีกแล้วพี่ ไม่มีแน่นอน ผมจะบอกพี่ทุกอย่างเลยต่อไปนี้ ผมไม่อยากให้พี่หนีผมไปไหนอีกแล้ว” ต้อมจ้องตาผมตอบแล้วตอนนี้

เรานั่งคุยเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมก็หันไปเห็นซีเดินเข้ามาหาเหมือนกัน ซีคงจะจำต้อมไม่ได้แน่ๆถ้ามองจากข้างหลัง ซีคงคิดว่าผมคุยกับคนอื่นอีกแล้วแน่ๆ

“นัททำอะไรอยู่ถึงไม่กลับห้องสักที” ซีเดินเข้ามาถาม ต้อมยังนั่งหันหลังให้ซีอยู่

“คืนนี้พี่นัทเขาจะนอนห้องเดียวกับผม พี่กลับไปนอนก่อนเถอะ” ต้อมบอกโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองซี

“แล้วคุณเป็นใคร นัทถึงจะต้องไปนอนด้วย” ซีทำหน้าไม่พอใจ ต้อมลุกขึ้นแล้วหันหน้าไปหาซี

“คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าทำไมพี่นัทต้องไปนอนห้องผม” ต้อมยิ้มให้ซีแล้วดึงมือผมเดินไปที่ห้องทันที ผมเห็นซียืนงงอยู่เลยตอนนี้

คืนนี้ผมเลยนอนห้องต้อมต้อมนอนกอดผมแน่นมาก บอกว่าชดเชยกับที่ไม่ได้กอดมาเป็นอาทิตย์ ผมเลยถามว่าต้อมจะมาอยู่กี่วันต้อมบอกว่าจะอยู่จนกว่าผมจะกลับไปพร้อมกันนะแหละ เอากับมันสิขนเงินเก็บออกมาใช้อีกแล้วแน่ๆ(เราจะช่วยกันเก็บเงินไว้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันนะครับ) ผมก็ดีใจนะครับที่มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมก็นอนกอดต้อมกลับเหมือนกัน เพราะผมก็คิดถึงมันมากไม่ต่างกันหรอกครับ

วันนี้ต้อมมาช่วยผมทำงานทำให้ผมทำงานได้คล่องขึ้นเอยะเลย อีกอย่างวันนี้วันสุดท้ายของงานที่นี่ด้วย บาสก็มาช่วยเหมือนเดิมแต่ว่าบาสมันฉลาดมันตีซี้กับต้อมเรียบร้อย มันบอกว่าถ้าพี่ต้อมอนุญาติสักคนมันจะพาผมไปเที่ยวไหนก็ได้ ดูแผนของมันสิแล้วมันคิดว่าต้อมจะให้ไปหรือไง แต่คนที่ผมกลัวจะเป็นปัญหามากก็คือซีนะสิครับ เพราะว่าซีไม่ได้ยอมง่ายๆเหมือนบาสนี่ครับ แล้วผมยังต้องอยู่ที่เชียงใหม่อีกตั้ง 5 วัน ยิ่งคิดยิ่งกลุ้มจริงๆเพราะคราวนี้ไม่มีพี่น้ำมาคอยช่วยกันแล้วด้วย

....................................

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 16-05-2010 16:04:28
เด๊ว เย็น ๆ เย๊น เย็น จาเข้ามาอ่านนะพี่  หุหุ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-05-2010 17:09:20
อื้อเสน่ห์กระจายแบบนี้คงจบยากนะ ปิดสวิทซ์เสน่ห์มั่งดิเดี๋ยวหนุ่มเชียงใหม่ตามเป็นพรวนหรอก :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 16-05-2010 22:20:51
ดูต้อมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ....
เสน่ห์นัทแรงจริง ๆ  .......
ยังไงความรักที่มั่นคงก้อ......
ต้องชนะทุกอย่างอยู่แล้ว....... :a2:

 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 17-05-2010 02:29:17
อิจฉาพี่นัทจังมีแต่คนชอบ

ทำไมเราไม่มีแบบนี้บ้างหว้าาา

ติดตามครับผม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 17-05-2010 09:48:21
อิจฉาพี่นัทจังมีแต่คนชอบ

ทำไมเราไม่มีแบบนี้บ้างหว้าาา

ติดตามครับผม


อย่าไปอิจฉา คนแก่ เลยคราบ หุหุ  คนแก่ดิต้องอิจฉาเรา หุหุ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่34 P:3]16/05/10 03:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 17-05-2010 10:52:53
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่35 P:3]17/05/10 11:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 17-05-2010 23:44:03
ตอนที่35

หลังงานเลิกผมเลยชวนพวกทีมงานทั้งหมดไปเลี้ยงกัน ผมให้บาสเป็นคนแนะนำร้านเพราะมันเป็นเจ้าถิ่นนี่ครับ บาสพาไปร้านกึ่งผับแถวใกล้ที่พักพวกผมแหละครับ มันบอกเมาแล้วจะได้กลับง่ายๆตกลงแล้วพวกผมมากันก็ 8 คนได้ ก็รวมพวกพี่ที่เข้ามาทำบูธไปด้วยแหละครับผมสนิทกับพี่เขาทุกคนแหละ ก็เจอกันทุกงานใช้งานกันเป็นว่าเล่นเลยสนิทกัน  แต่ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องเมาหรอกครับ เพราะถ้าพาคนอื่นมาเลี้ยงด้วยผมจะไม่ค่อยกินเท่าไหร่

“กินกันเต็มที่เลยนะวันนี้พี่เลี้ยงเอง แต่งบบริษัทนะ” ผมบอกทุกคนจะได้ไม่ต้องมาเกรงใจผม

“เอางั้นคนเลี้ยงเปิดก่อนเลยหนึ่งแก้ว” พี่ที่ทำบูธส่งแก้วเหล้ามาให้ผม มาถึงก็โดนเลยผมผมก็รับมาแล้วยกหมดแก้วเลย กลัวที่ไหนเรื่องกินเหล้าสำหรับผม

หลังจากนั้นผมก็โดนไปอีกหลายแก้วเลยครับ ส่งมาผมก็กินหมดแหละครับจนผมเริ่มมึนๆหัวแหละ เลยว่าจะไปเข้าห้องน้ำไปยิงกระต่ายกับล้างหน้าสักหน่อย ตอนลุกไปก็มึนๆอยู่ต้อมจะมาเป็นเพื่อนแต่ผมให้ต้อมอยู่ที่โต๊ะ เพราะจะได้คอยดูพี่คนอื่นๆเขาด้วย พอมาถึงห้องน้ำผมว่าผมท่าจะเมามากกว่าที่ผมคิดไว้แล้ว เพราะตอนนี้ผมเห็นห้องน้ำมันหมุนได้แล้วจนผมต้องถอยเอาตัวไปยืนพิงกำแพงห้องน้ำไว้ รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ให้ต้อมมาด้วยน่าจะดีกว่า

ผมยืนพยายามตั้งสติอยู่ตรงกำแพงห้องน้ำผมคิดว่าถ้าได้ล้างหน้าคงดีขึ้น ผมเลยจะเดินไปที่อ่างล้างหน้าแต่อยู่ขามันก็พันกันจนผมจะล้ม ก็มีมือมาช่วยผมไว้พอดีไม่งั้นผมคงล้มไปแล้วแน่ๆ ผมจะหันไปขอบคุณแต่พอหันไปมองคนที่ช่วยผมเป็นซีนี่เอง ผมเลยยิ้มให้แล้วกำลังจะขอบคุณแต่ซีกลับพาผมเข้าไปในห้องน้ำเล็กข้างในแล้วล็อคประตู

“ซีจะทำอะไร เราออกไปก่อนดีกว่านะ” เสียงผมอ้อแอ้เต็มทีแล้วตอนนี้

“วันนี้เราไม่ยอมให้นัทหนีเราอีกแล้ว” ซีบอกผม

“เราหนีซีตอนไหนกัน แล้วเราจะหนีซีทำไม” ผมไม่เข้าใจที่ซีบอก ผมก็ยืนจะไม่ไหวแล้วด้วยตอนนี้ผมเลยถอยตัวไปนั่งตรงฝาชักโครก

“นัทหนีเรามาตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราไม่ยอมให้นัทหนีเราอีกแน่” ซีเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วเอามือจับหน้าผมไว้แล้วก้มหน้าลงมา ผมเอามือผลักซีไว้แต่ตอนนี้ผมคงสู้แรงใครไม่ไหวแล้วละครับ

ผมเห็นว่าผลักซีไม่ไหวเลยเอามือข้างหนึ่งมาดันหน้าซีไว้แทน

“ซีจะทำอะไรเรานะ ให้เราออกไปเถอะถึงยังไงเราก็ไม่ชอบซีหรอกนะ ยิ่งทำแบบนี้จะทำให้เราไม่ชอบซีมากขึ้นเปล่าๆ” ผมบอกแต่ซีไม่สนในเอามือมาจับมือข้างที่ผมดันหน้ามันออก

“ก็นัทไม่ชอบเราไงเราเลยต้องบังคับแบบนี้” ซีพูดก่อนก้มหน้าลงมาใหม่ ตอนนี้ผมเลยพยายามลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากที่นี่ แต่ซีกลับผลักผมให้นั่งลงไปเหมือนเดิม

“ซีให้เราออกไปเถอะ เดี๋ยวต้อมก็ต้องมาตามเรา เพราะเราออกมานานมากแล้ว” ผมเอาต้อมมาขู่ซีแล้วตอนนี้

“ต้อมคงยังมาไม่ได้อีกนาน เพราะเราให้พี่เขากักตัวต้อมไว้แล้ว” ซียิ้มแบบคนที่ชนะอะไรมาสักอย่าง

คราวนี้ซีจับมือผมไว้ทั้งสองข้างผมพยายามขัดขืนแล้วนะครับ แต่มันเมามากจริงๆหรือว่าที่พี่เขาชนแก้วกับผมบ่อยๆก็เพราะซีให้ทำเหมือนกัน ผมเลยใช้วิธีการหันหน้าหนีแทนแต่ซีไม่ได้สนใจก็จูบลงมาที่แก้มผม แล้วค่อยๆเลื่อนหน้ามาเรื่อยๆจนจะมาถึงปากผมอยู่แล้ว

“ปัง” เสียงคนพังประตูเข้ามา ผมรีบมองเพื่อจะขอความช่วยเหลือ ซีก็หันมามองเหมือนกัน

เป็นบาสที่พังประตูเข้ามา บาสไม่ได้พูดอะไรก็เดินเข้ามาดึงคอเสื้อซีแล้วต่อยหน้าซีทันที ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าต่อยกี่ครั้งแล้วบาสก็มาประคองผมเดินออกมา พาผมมาที่โต๊ะนั่งข้างๆต้อม

“บาสพี่นัทเป็นอะไร” ต้อมหันมาถามบาสทันที

“ก็คือ...” บาสไม่กล้าที่จะบอก

“มีอะไรบอกพี่มาสิ” ต้อมคาดคั้นบาสอีก

บาสก็เลยเล่าเรื่องให้ต้อมฟังต้อมดูโกรธมากจะลุกขึ้นไป ผมเลยจับมือมันไว้มันเลยหยุดหันมามองหน้าผม

“พอเถอะเมื่อกี้บาสมันก็จัดการไปแล้ว พาพี่กลับห้องเถอะ” ผมบอกต้อมเพราะไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นไปอีก

ต้อมเลยพาผมกลับมาที่ห้องพอกลับมาถึงห้องต้อมก็พาผมอาบน้ำแล้วก็เข้านอน ผมก็หลับไปเลยเพราะว่าเมาแต่ก่อนนอนผมย้ำว่าไม่ให้ต้อมไปหาเรื่องซีอีก เดี๋ยวผมจัดการเองพรุ่งนี้เช้าหลังจากผมตื่นนอนแล้ว ต้อมก็รับปากผมเรื่องนี้บอกว่าจะอยู่กับผมไม่ไปไหนแน่นอน

ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาผมเลยว่าจะไปเคลียกับซีให้รู้เรื่อง แต่ผมไปหาซีที่ห้องซีก็ไม่อยู่แล้วไม่รู้ออกไปไหนแต่เช้า ผมกลับเข้ามาที่ห้องต้อมกำลังอาบน้ำอยู่ พี่น้ำโทรเข้ามาพอดีแต่พี่น้ำโทรมาทำไมแต่เช้านะ

“สวัสดีครับพี่ มีอะไรหรือเปล่าพี่โทรมาแต่เช้าเลย” ผมถาม

“เมื่อคืนเกิดเรื่องอีกแล้วใช่ไหม แต่ไม่ต้องห่วงพี่จัดการแล้วพี่ฝากเราดูลุกค้าต่อด้วยนะ” พี่น้ำบอกแต่ผมก็ยังงงว่าพี่น้ำรู้เรื่องได้ยังไงเร็วขนาดนี้

“เออ..พี่รู้เรื่องได้ยังไงละครับ ผมกำลังจะไปเคลียกับซีเลย แต่ไม่รู้ไปไหนแล้ว” ผมบอก

“เอ้า..ต้อมยังไม่ได้บอกเราอีกหรือไง” พี่น้ำทำเสียงแปลกใจ

“พี่ให้ซีกลับมาตั้งแต่เช้าแล้ว พี่เลยโทรมาบอกเราให้ไปคุยกับลูกค้าต่อให้ด้วย พี่ส่งเมลไปให้แล้วนะเปิดดูด้วยละ” ถึงว่าสิไปหาที่ห้องถึงไม่เจอ แต่ผมก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่ดี

“แล้วพี่รู้เรื่องได้ยังไงทำไมรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ละพี่” ผมถาม

“ก็จะใครซะอีกละก็แฟนเรานะแหละ โทรมาคุยกับพี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ดีนะไม่ได้มีเรื่องราวใหญ่โต ว่าแต่เราจะให้พี่ทำยังไงคราวนี้” พี่น้ำถามผมบ้างคราวนี้ แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับอยู่ๆก็ถามมา

“เออ ก็แล้วแต่พี่แล้วกันครับ ผมนึกอะไรไม่ออกหรอกตอนนี้ ถ้าพี่เห็นสมควรว่าไงก็แล้วแต่พี่เลยครับ”

ผมเลยเปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องงานกับพี่น้ำแทนว่าจะต้องทำอะไรบ้างแทนส่วนของซี ตกลงว่าอีกห้าวันที่เหลือผมต้องไปคุยกับลูกค้าในส่วนของซีแทนทั้งผม แล้วให้ต้อมช่วยผมไปเลยไหนๆก็มาแล้ว ก็ดีครับเพราะว่ามีต้อมมาช่วยดีกว่าซีแน่นอน เออแต่ผมยังไม่ได้ขอบใจบาสเลยเรื่องเมื่อคืนนี้ ผมเลยโทรไปหาบาสหน่อย

“ดีครับพี่นัท มีอะไรโทรมาแต่เช้าเลย” บาสถามทันทีที่รับสาย

“ก็จะโทรมาขอบใจเรื่องเมื่อคืนนะ ถ้าไม่ได้เราพี่แย่แน่ๆเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่ยอมยกพี่ให้ใครหรอกนะ นอกจากพี่ต้อมเพราะงั้นไม่ต้องมาขอบใจผมหรอก” บาสบอกผม อืมมันก็เป็นคนดีจริงๆเลยนะ

“เอาเถอะยังไงก็ขอบใจแล้วกัน งั้นเดี๋ยวเย็นนี้พี่เลี้ยงข้าว” ผมบอกแล้วนัดเวลากับบาสก่อนวางสาย

ต้อมอาบน้ำเสร็จออกมาพอดีผมเลยลุกขึ้นไปกอดมัน ต้อมมันก็มองหน้าผมแต่ไม่ได้พูดอะไร

“ร้ายเหมือนกันนะเรานะ แต่แบบนี้ก็ยังดีกว่าไปมีเรื่องละนะ” ผมหอมแก้มมัน

“ที่แรกก็คิดเหมือนกัน แต่พี่ต้องเห็นหน้าพี่ซีพี่โดนบาสมันจัดการ เห็นแล้วเลยทำอะไรไม่ลงเลย” ต้อมยิ้มพอใจท่าทางต้อมจะถูกใจบาสแน่ๆ แล้วมันเป็นขนาดไหนนะผมละอยากรู้จริงๆ

“เออ.. วันนี้พี่ชวนบาสกินข้าวนะ ไปด้วยกันนะ” ผมบอกต้อมก่อนที่จะปล่อยให้ต้อมแต่งตัว เพื่อที่จะไปหาลูกค้าด้วยกัน

ผมไปพบลูกค้าแทนซีกับต้อมค่อนข้างวุ่นทั้งวันเหมือนกัน เพราะผมไม่ได้เป็นคนคุยกับลูกค้าแต่แรก ตอนเย็นบาสโทรมาบอกผมว่าให้ไปเจอที่ร้านไหน ผมกับต้อมก็ไปหาผมกับต้อมสั่งอาหารเต็มโต๊ะเลย ต้อมกับบาสก็ดูเข้ากันได้ดีคงเพราะนิสัยคล้ายกันด้วยละมั้งครับ ตอนกินข้าวผมก็นึกอะไรออกขึ้นมาได้พอดีผมรอจนต้อมไปเข้าห้องน้ำ

“บาสเดี๋ยวพี่ยืมรถมอไซด์หน่อยสิ” ผมพูดกับบาสแล้วคอยหันไปมองว่าต้อมจะกลับมายัง

“พี่เอาไปทำไร บอกมาก่อนว่าจะน่าให้ยืมไหม” บาสทำหน้าสงสัย

“พี่จะพาพี่ต้อมไปดูดาวนะ ไปแถวที่เราพาพี่ไปไง” ผมบอก

“อะนะ จะให้ดีไหมนี่นั่นมันที่ความทรงจำของผมกับพี่นะ”

“นะนะนะ ไม่งั้นพี่ไปเช่ารถเอาก็ได้ แค่นี้ไม่ง้อแหละ” ผมแกล้งงอน

“ไม่ต้องมางอนผมเลย ให้ยืมก็ได้แต่ว่าห้ามพาคนอื่นไปอีกนะ ผมให้พี่ต้อมไปได้คนเดียว” บาสหยิบกุญแจรถมอไซด์มาให้ผม

ผมรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้ต้อมกลับมาก็นั่งกินกันสักพัก บาสก็ขอตัวกลับก่อนบออกว่าจะไปหาเพื่อน ผมกับต้อมนั่งคุยกันต้อมสักพักผมก็ชวนกลับ ต้อมจะไปเรียกรถตุ๊กตุ๊กผมก็เลยเดินไปเอารถแล้วขี่ไปรับต้อมที่ข้างถนน

“จะไปไหนครับคุณ สนใจไปกับผมไหมครับ” ผมบอกต้อม

“อืม. ถ้าผมไปแล้วจะปลอดภัยไหมครับ” แนะมันรับมุขผมอีก

“ปลอดภัยสิครับผมจะดูแลทั้งตัวและหัวใจเลย แล้วจะไปไหมครับ” ผมยิ้มให้

“ไปสิครับ ใครจะไม่ไปคนขับน่ารักขนาดนี้” พูดแล้วต้อมก็ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายผมแล้วก็กอดเอวผมทันที ผมขี่พาต้อมขึ้นไปบนดอยที่บาสพาผมไป

ผมจอดรถข้างทางแถวๆที่บาสพาผมจอดนั่นแหละครับ ผมพาต้อมมาดูดาวต้อมชอบมากเลยผมให้ต้อมนอนตักผม

“พี่นัทมาที่นี่ได้ยังไง ใครพามาหรอ”ต้อมถามตายังมองท้องฟ้าอยู่

“ก็เจ้าบาสนะแหละมันพาพี่มา พี่คิดว่าอยากมาดูกับต้อมมากกว่าเลยพามานี่ๆไง”ผมก้มหน้ามองหน้าต้อม สีหน้ามันตอนนี้ดูผ่อนคลายและสบายใจมากเลย

“ต้อมพี่ถามอะไรเราหน่อยสิ เราตอบพี่มาตามความจริงเลยนะ” ผมยังมองหน้าต้อมอยู่ จนต้อมมองหน้าผมตอบ

“ที่เราทำแบบนี้เรายังรักปลาอยู่ใช่หรือเปล่า”

“พี่นัทฟังผมดีๆเลยนะ ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วตอนนี้นอกจากพี่นัทคนเดียว แต่ที่ผมทำแบบนั้นเพราะผมรู้สึกผิดกับเรื่องที่เคยทำกับปลาไว้ พอเจอกันอีกผมก็เลยไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาอีก ผมลืมนึกถึงจิตใจพี่ไปเลยว่าพี่จะเสียใจขนาดไหน ผมได้แต่คิดว่าพี่จะเข้าใจผมกับเรื่องนี้” ต้อมจับมือผมมาวางที่หน้าอกตัวเอง

“แล้ววันนั้นที่ปลารับโทรศัพท์แทนผมนะ เราไม่ได้อยู่กันสองคนด้วยนะพี่ตอนนั้น พี่สบายใจได้เลยแต่ผมไม่รู้ว่าทำไมปลาถึงรับสายแทนผม ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเขาอย่างนั้นอีกแล้ว” ต้อมเอามือผมมาหอม

“ถ้าเราบอกกับพี่แต่แรกเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่ามีอะไรอย่าปิดบังกัน ถ้าเกิดเรื่องมันร้ายแรงกว่านี้จะทำยังไง” ผมมองหน้าต้อม

“ครับผมขอโทษนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ” ต้อมยิ้มทำหน้าทะเล้นให้ผม

หลังจากคุยกันเสร็จผมก็นอนดูดาวต้อมก็เปลี่ยนมานอนข้างๆผม ต้อมจับผมให้นอนหนุนแขนของมันเรานอนดูดาวกันพักใหญ่ๆ ต้อมก็ชวนกลับห้องเพราะว่ามันดึกมากแล้ว แต่ขากลับต้อมขอขี่รถเองผมซ้อนท้ายผมกอดเอวต้อมตลอดจนมาถึงโรงแรม


........................................

มาลงต่อให้แล้วนะครับ ช้าไปนิดนะครับ

กินยาแล้วหลับทั้งวันเลยวันนี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่35 P:3]17/05/10 11:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-05-2010 10:44:04
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่35 P:3]17/05/10 11:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 18-05-2010 15:46:12
น่ารักดีครับผม

มาต่อบ่อยๆ เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่35 P:3]17/05/10 11:38PM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 18-05-2010 22:01:12
ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-05-2010 01:36:16
ตอนที่36

ผมกลับมาถึงกรุงเทพแล้วตอนนี้ก่อนกลับยังไปเที่ยวกับบาสอีก บาสบอกว่าเดี๋ยวปิดเทอมจะลงมาหาต้อมมันยังบอกให้มาเลย แถมยังบอกให้มาพักด้วยกันที่บ้านอีกต่างหาก ท่าทางจะถูกคอกันมากจริงๆเพราะปกติคนที่เข้ามาจีบผมส่วนมากต้อมมันจะกันหมดเลย แต่นี่แปลกถึงขนาดชวนมานอนที่บ้านด้วย

ผมมาที่ออฟฟิศไม่เห็นซีมาทำงานเลยผมเลยขึ้นไปหาพี่น้ำข้างบน

“พี่น้ำซีไม่มาทำงานหรอครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขาหน่อย” ผมถามพี่น้ำ

“ซีนะหรอพี่ให้ไปทำงานที่อื่นแล้ว พี่ไม่อยากมีปัญหากับเรื่องพวกนี้แล้ว” พี่น้ำทำหน้าเครียดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“แล้วเดี๋ยวเรากลับมาอยู่ที่นี่นะ วันนี้ไปเก็บของที่ออฟฟิศพี่กันนะ พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานไม่ต้องคิดมากละเรื่องนี้ เพราะซีมันทำตัวมันเอง” พี่น้ำมองหน้าผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อก็ออกมาไปเก็บของที่ออฟฟิศพี่กัน

หลังเก็บของเสร็จผมก็กลับมาที่บ้านก็พี่น้ำบอกค่อยกลับไปทำงานพรุ่งนี้นี่ครับ ผมมาถึงบ้านก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วเข้ามาผมได้ยินเสียงคนอยู่ในครัว ผมเลยวางของแล้วเข้าไปดูเพราะปกติต้อมไม่เคยทำครัวนี่นา ผมเลยอยากรู้ว่าต้อมมันจะทำอะไร ผมแอบมองอยู่แถวๆหน้าห้องครัวต้อมกำลังยุ่งกับการทำกับข้าวเลย ผมคิดว่ามันคงกะเอาใจผมแน่ๆเลยเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องนี่เป็นวันแรกที่เรากลับมาอยู่บ้านด้วยกัน

ผมแอบดูจนเห็นต้อมทำใกล้เสร็จแล้วผมเลยแกล้งเดินเข้ามาใหม่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแล้วแกล้งปิดประตูให้เสียงดังนิดหน่อย ต้อมรีบออกมาจากครัวเดินยิ้มมาหาผมแล้วก็กอดผมไว้เหมือนทุกที

“เป็นไงบ้างพี่วันนี้พี่น้ำว่าไงบ้างเรื่องนั้นนะ” ต้อมถามผมหลังจากเลิกกอดผมแล้ว

“พี่น้ำให้ซีออกไปทำงานที่อื่นแล้วละ แล้วให้พี่กลับมาที่ออฟฟิศเหมือนเดิม พี่ไปเก็บของมาแล้วละเหนื่อยมาก ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผมแกล้งชวนต้อมไปหาอะไรกินข้างนอก

“ไม่เอาผมอยากกินข้าวที่บ้าน” ต้อมทำเป็นไม่อยากไป

“พี่หิวแล้วนะแล้วก็ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย แล้วกว่าจะทำเสร็จหิวตายพอดี” ผมได้ทีแกล้งเพิ่มอีก เห็นต้อมทำหน้าแปลกตอนนี้ เกือบจะหลุดขำแล้ว

“คือ.. ผมนะ..” ต้อมทำท่าเขินๆ จนผมต้องแอบยิ้ม

“อะไรอีกเป็นอะไรอีก ไหนว่ามีไรจะบอกไง” ผมเลยแกล้งอำไปเรื่อยเลยตอนนี้

“ก็กินข้าวที่บ้านนี่แหละผมทำกับข้าวไว้แล้ว แต่ไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่านะ” ต้อมทำท่าอาย

แล้วต้อมก็ดึงมือผมไปที่โต๊ะกินข้าวต้อมได้เตรียมไว้หมดแล้ว ต้อมทำต้มจืดเต้าหู้ไข่เจียวแล้วก็ผัดพริกหมู พูดชื่ออะน่ากินใช่ไหมครับ แต่ต้องมาเห็นหน้าตาของอาหารสิครับใช่เจียวก็สีเข้มซะจะเรียกว่าไงดีอะเกือบไหม้ละมั้ง ผัดพริกก็เหมือนว่าผักจะไม่สุกเลยมีต้มจืดดูได้สุด

“พี่กินข้างนอกก็ได้นะพี่ถ้ากลัวกินไม่ได้” ต้อมบอกมันคงเห็นผมทำหน้าสงสัยกับอาหารมันแน่ๆ

“ไม่เอาหรอกพี่จะกินนี่แหละ” แล้วผมก็นั่งลงตรงที่ของผม ต้อมตักข้าวไว้รอแล้ว

ผมลองกินต้อมจืดอย่างแรกเลยครับดูปลอดภัยสุด แต่พอเข้าปากนะมันไม่ใช่ต้มจืดแล้วนี่มันเต้าหู้เชื่อมแน่ๆ ทำไมมันหวานอย่างนี้นะ แล้วใครเป็นคนบอกมันนะว่าต้มจืดเขาใส่น้ำตาลด้วย ผมพยายามทำหน้าให้ปกติไว้ก่อนเพราะต้อมมันนั่งมองหน้าผมอยู่ ผมเลยลองเปลี่ยนไปกินไข่เจียวดูอย่างมากก็แค่รสไหม้ละน่า แต่ผิดคาดมันไม่มีรสไหม้เลยครับแต่มีรสซีอิ๊วหวานแทนนี่มันใส่ไรผิดหรือเปล่านะ มันต้องใช้ซีอิ๊วขาวไม่ใช่หรอถึงว่าสีเข้มเชียวผัดพริกไม่ต้องพูดถึงถั่วยังไม่สุกเลยครับ ตอนทำมันไม่ได้ชิมหรือไงก็ไม่รู้

“เป็นไงพี่นัท กินไม่ได้เลยใช่ไหม” ต้อมมันถามผม แล้วผมจะตอบไงดีละครับมันก็ตั้งใจทำแล้วนะ นี่คงเป็นครั้งแรกที่มันทำให้คนอื่นกินอีกด้วย

“กินได้สิทำไมจะกินไม่ได้ เราทำให้พี่กินทั้งที” ผมพูดแล้วก็ตักข้าวกินต่อ ถึงจะไม่อร่อยแต่มันก็ตั้งใจนี่น่า

ต้อมมันก็เลยตักกินบ้างพอมันตักข้าวเข้าปากเท่านั้นแหละ มันก็ทำหน้าตลกมากเลยมันคงไม่คิดว่าของมันไม่อร่อยขนาดนี้แน่ๆ

“พี่นัทเลิกกินเถอะ ไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า” ต้อมมันบอกผม

“ไม่เอาพี่จะกินนี่แหละ เราทำให้พี่กินไม่ใช่หรอ” ผมก็ตักข้าวกินต่อไม่ได้สนใจมัน

“มันไม่อร่อยนะพี่ ช่างมันเถอะออกไปกินข้างนอกดีกว่า”

“ก็พี่จะกินนี่ เราก็กินด้วยสิทำเองนะ อะพี่ป้อน” ผมตักไข่เจียวป้อนมัน มันก็กินนะครับทีแรกนึกว่าจะไม่กิน

ผมกินไปป้อนต้อมไปจนหมดแล้วผมก็ทำหน้าที่ล้างจานเอง ก็ต้อมมันทำกับข้าวแล้วนี่ครับผมเลยล้างจานเอง ตอนล้างจานต้อมมันก็เข้ามากอดผมจากข้างหลังแล้วเอาหูฟังมาใส่หูผมไว้ข้างหนึ่ง แล้วเอาหน้าซบลงบนไหล่ผมแล้วเปิดเพลงให้ผมฟัง

   ไม่ต้องรักฉันล้นฟ้า ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานๆ อย่างที่เคยบอกกันก็ยังซึ้งอยู่
ขอแค่รักคำเดียวเท่านั้น หมายถึงฉันคนเดียวเท่านี้ อยากจะฟังอีกทีว่าเธอรักฉัน

ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม

ไม่ต้องฝืนตัวเองเพื่อฉัน ไม่ต้องฝันจะเป็นเหมือนใคร ก่อนเคยเป็นอย่างไรก็เป็นเหมือนเก่า
รักเท่านี้ที่เคยให้ไว้ รักเท่าไหนก็ไม่สำคัญ บอกว่ายังรักกันต้องการเท่านี้

ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม

ขอแค่รักคำเดียวเท่านั้น หมายถึงฉันคนเดียวเท่านี้ อยากจะฟังอีกทีว่าเธอรักฉัน

ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม

ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม

วันนี้ต้อมวันนี้มันเป็นอะไรของมันนะหวานมากกว่าปกติไปไหม จนผมสงสัยว่ามันเป็นอะไรของมันหรือมันมีอะไรอยากจะบอกผมกันแน่

“เป็นอะไรวันนี้ ทำอะไรผิดไว้อีกหรือไง” ผมถามเมื่อฟังเพลงจบแล้ว

“ก็ทุกเรื่องที่ผ่านมาแหละครับ ผมกลัวพี่นัทจะไม่รักผมเหมือนเดิมแล้วนะสิ” ต้อมทำเสียงเศร้าๆ

“ทำไมเราคิดแบบนั้นละ พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ ถ้าพี่คิดแบบนั้นพี่เอาเจ้าบาสเป็นกิ๊กไปแล้ว” ต้อมมันมองหน้าผมทันทีเลยตอนนี้

“อ่าวก็จริงมันออกจะดี พี่ยังไม่รับรักมันเลย ก็เพราะเรานะแหละไม่รู้ทำไมพี่ถึงรักเราได้แค่คนเดียวนะ” ผมหันไปยิ้มล้างจานเสร็จพอดี ผมเลยเอามือไปจับหัวมัน

“พี่นัท มือเลอะไม่ใช่หรอ มาจับหัวผมทำไมงั้นคืนนี้สระผมให้ผมเลยนะ” ต้อมได้โอกาสอ้อนเพิ่มเลยตอนนี้

เย็นนี้ต้อมมันอ้อนมากเป็นพิเศษจริงทั้งให้อาบน้ำให้ทั้งสระผม ออกมายังต้องเป่าผมให้มันอีกจนถึงตอนนอน มันก็นอนกอดผมจนหลับไปเลย เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้ทำให้ผมกับต้อมรู้ใจตัวเองกันเยอะขึ้น ทำให้ความรักของเราดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

......................................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 19-05-2010 01:41:27
แวะมาจองพื้นที่ไว้ก่อน หุหุ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-05-2010 15:22:22
รักกันหมั้นขวัญยืนนะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 19-05-2010 19:21:10
รักกันนานๆนะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 19-05-2010 19:53:17
น่ารักอ่ะ

ติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่36 P:3]19/05/10 01:33AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 19-05-2010 20:06:27
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่37 P:3]19/05/10 11:13PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-05-2010 23:25:01
ตอนที่37

นี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้หลังจากเรื่องนั้นและซีออกจากงานไปแล้ว ต้อมก็เรียนหนักขึ้นเพราะว่าผมอยากให้ต้อมจบเทอมนี้เลย ตกเย็นผมก็ต้องคอยติวให้ต้อมทุกวันเพราะไม่อยากให้มาเครียดทีเดียวก่อนสอบ สามเดือนที่ผ่านมานี่ผมกับต้อมยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีก

แล้วช่วงนี้ต้อมก็ใกล้จะสอบแล้วด้วยผมเลยให้เวลากับต้อมมากขึ้นไปอีก ถ้าต้อมจบจะได้ทำงานกับผมสักทีพี่น้ำก็ถามทุกวัน ต้อมก็ไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยเปล่าเลยครับเพราะต้อมตั้งใจกับเรื่องเรียนมาก อีกสามวันต้อมจะสอบเสร็จผมกะว่าจะทำ surprise ฉลองที่เรียนจบสักหน่อย

วันนี้ผมแอบมาเดินเลือกของที่พารากอนแอบมาคนเดียวแหละครับ ต้อมไปสอบวันสุดท้ายเหมือนกันผมคิดว่าจะซื้ออะไรให้ดีนะ พอดีผมเดินผ่านป้ายการท่องเที่ยวพอดีผมเลยนึกขึ้นมาได้ ว่าผมไม่ได้เที่ยวกับต้อมนานแล้วนี่นา

ผมจัดการเรื่องที่จะไปเที่ยวทันทีกลับออฟฟิศไปลางานพี่น้ำ และโทรจองโรงแรมกับเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ผมก็กลับไปที่บ้านเก็บของรอต้อมเลยแต่เอากระเป๋าซ่อนไว้ก่อนนะ ต้อมจะได้ไม่รู้

“สอบเป็นไงบ้างวันนี้ทำได้เปล่า” ผมถามต้อมที่กำลังเปิดประตูบ้านเข้ามา

“ทำได้สิครับ ผมอะชั้นไหนแล้ว” ต้อมยิ้มกวนให้ผม

“เออ จะคอยดูชั้นไหนแล้วถ้าไม่จบนะจะโดนไม่น้อย” ผมมองหน้ามัน

ต้อมมันก็เดินเข้ามากอดผมที่นั่งอยู่ พร้อมกับหอมแก้มผมอีกหนึ่งที

“คิดถึงพี่นัทจังเลยวันนี้งานยุ่งไหมพี่” ต้อมถาม

“ไม่ยุ่งหรอกแต่สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันไหม” ผมชวนต้อม

“พี่ว่างหรองานออกจะเยอะ ผมนะอยากไปเที่ยวกับพี่อยู่แล้ว เราไม่ได้เที่ยวกันกี่ปีแล้วเนี่ย” ต้อมบอก

“งั้นก็ไปเที่ยวกันนะ พรุ่งนี้เลยนะ” ผมบอกต้อม ต้อมมองหน้าผมงง

“พี่พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย พี่ไปได้จริงๆหรอ” ต้อมยังทำหน้าแปลกใจ

“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลย นี่ไงตั๋วเครื่องบินที่พักก็จองแล้ว แล้วทีนี้หายสงสัยได้ยัง” ผมหยิบตั๋วเครื่องบินให้ต้อมดู ต้อมพอเห็นตั๋วเครื่องบินก็ยิ้มออกมาแล้ว แล้วก็กอดผมยกขึ้นจนตัวลอยเลยครับ

ต้อมบอกว่าจะไปเก็บของผมก็บอกว่าผมเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว ต้อมยิ้มใหญ่เลยครับมันคงดีใจมากจริงๆ ผมไม่ได้เห็นมันดีใจแบบนี้มานานมากแล้วด้วย ผมก็พลอยยิ้มไปกับมันด้วยผมก็ดีใจนะที่เห็นต้อมมันมีความสุข

ต้อมตื่นปลุกผมแต่เช้าเลยมันคึกคักมากที่จะได้ไปเที่ยววันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็มาที่สนามบินกันเลยครับ

“พี่นัทตกลงเราจะไปไหนกันหรอพี่” ต้อมถามผมตอนมาถึงสนามบินแล้ว แล้วนี่มันไม่รู้จะไปไหนทำไมมันดี้ด้าทำไมของมันนะ

“เออ ดีนะยังไม่รู้ว่าไปไหนก็ดีใจขนาดนี้แหละ งั้นขึ้นเครื่องก็รู้เองแหละ” ผมมองหน้ามัน ต้อมมันไม่ได้สนใจผมยังยิ้มมีความสุขของมันไปเรื่อยเลย

“โห เอาอย่างงั้นก็ได้เดี๋ยวตอนเช็คอินก็รู้แหละ ไม่ต้องรอขึ้นเครื่องหรอก” เออมันก็ฉลาดเหมือนกันนี่นะ

หลังจากที่เช็คอินเข้าไปแล้ว “ พี่นัทไปภูเก็ตจริงหรอครับ” ดูมันถามก็ตั๋วบอกไปภูเก็ตมันยังไม่เชื่ออีก

“แล้วตั๋วมันบอกไปเชียงใหม่หรือไงละ ก็เห็นเราเคยบอกว่าอยากไปไม่ใช่หรอไง” ผมหันไปมองมัน

“ผมอยากไปหาดป่าตองอะ อยากไปมาตั้งนานแล้วพี่จองโรงแรมที่ไหนละ” ต้อมมันมามองผมแบบอยากรู้จริงๆ

“แล้วเราคิดว่าพี่ไม่รู้หรอว่าเราอยากไปไหน” ผมยิ้มให้มันแบบกวนๆ

ต้อมยิ้มหน้าบานใหญ่เลยตอนนี้มันเดินจับมือผมตลอดเลยจนขึ้นเครื่อง พอลงเครื่องที่ภูเก็ตรถจากโรงแรมก็มารอรับอยู่แล้ว เราก็ไปที่โรงแรมกันดูต้อมจะดีใจมากเพราะตั้งแต่มายังยิ้มไม่หุบเลย

“นี่ดีใจขนาดนั้นเลยหรอเห็นยิ้มไม่เลิกเลย” ผมแซวต้อม

“ก็ใช่สิพี่ผมฝันว่าจะมาเที่ยวหาดป่าตองกับแฟนสองคนมานานแล้ว ตอนนี้มันเป็นจริงแล้วนี่น่าผมก็ต้องดีใจสิ” ต้อมยิ้มหน้าไมเลิก

นั่งรถมาสักพักก็ถึงโรงแรมเราเอาของเก็บต้อมก็ชวนมาที่หาด ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้วพอมาถึงชายหาด มันเป็นหาดทรายสีขาวกยาวมากเลยครับ แล้วก็มีเก้าอี้ชายทะเลตั้งเป็นคู่ๆวางไว้เป็นระเบียบเชียว ส่วนมากจะเป็นคนต่างชาติมากว่าคนไทย

ผมกับต้อมเลยหาตัวที่ว่างเพื่อนั่งค่าเช่าก็แพงใช้ได้เหมือนกัน ต้อมช่วยผมทาครีมกันแดดผมก็ช่วยมัน ผมรู้สึกว่าเหมือนมีคนมองผมสองคนบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับต้อมไปเล่นมันเรียกว่าไรนะผมลืม ที่ใส่รมชูชีพแล้วผูกติดกับเรื่อเร็วนะครับ ต้อมดูสนุกมากเลยต้อมกลับมาหาผมที่นั่งรออยู่

“พี่นัทไปเล่นน้ำกันดีกว่า” ต้อมดึงผมไปที่ชายหาด

เราเล่นน้ำกันสนุกมากเพราะน้ำทั้งใสทั้งสวยมากเลย จนเย็นมากผมก็ชวนต้อมกลับห้องเพราะเริ่มจะหิวข้าวแล้ว เรากลับมาห้องก็อาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสบายๆ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดเพราะกะว่าจะไปเดินเล่นตอนกลางคืนกันด้วย  เรากินอาหารทะเลกันจุใจมากเลยครับก็มาภูเก็ตทั้งที

หลังกินเสร็จต้อมชวนผมไปเดินชายหาดตอนกลางคืนด้วยกัน ชายหาดตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะครับ น้ำสีครามที่เห็นตอนกลางวันตอนนี้กลายเป็นสีดำสนิท ตัดกับชายหาดที่สะท้อนสีขาวเล็กน้อยจากแสงจันทร์ ทำให้ดูโรแมนติกมากเวลานี้

“พี่นัทผมมีความสุขมากเลยนะตอนนี้ ผมได้มาเดินหาดป่าตองตอนกลางคืนกับคนที่ผมรัก” ต้อมหันมามองผมแต่ผมไม่ค่อยเห็นหน้ามันหรอกครับ

“อืม พี่ก็ดีใจนะที่ทำให้เรามีความสุขได้นะ พี่อยากให้เรามีความสุขแบบนี้มุกวันจัง” ผมบอก

“แค่พี่นัทไม่ทิ้งผมไปไหน อยู่ข้างๆผมตลอดผมก้มีความสุขแล้วครับ” ต้อมหยุดเดิน แล้วดึงมือผมไว้

ผมเลยหันไปมองว่าต้อมหยุดทำไม ต้อมจับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้างแล้วเข้ามาจูบผม ดีนะที่ว่ามันมืดแล้วแล้วแถวชายหาดไม่มีคนแล้วด้วย ผมรู้สึกได้ถึงความรักของต้อมรวมถึงคำขอบคุณที่ต้อมอยากบอกผม เรายืนจูบกันตรงชายหาดนานมากก็บรรยากาศมันเป็นใจด้วยนี่ครับ ลมทะเลเย็นๆบวกกับเสียงคลื่นเบาๆ

.........................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่37 P:3]19/05/10 11:13PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 19-05-2010 23:27:09
ขยันจริงๆ เล๊ย พี่นัท


อ่ะ +1 ให้เป็นกำลังใจ หุหุ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่38 P:3]20/05/10 08:42AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-05-2010 08:45:50
วันนี้ว่างเลยมาอัพเรื่องให้แต่เช้า ตื่นเช้าอากาศดีจริงๆ

ตอนที่38

เราเดินเล่นที่ชายหาดกันต่อตอนกลางคืนสวยไปอีกแบบ เพราะว่าไม่มีพวกเก้าอี้ให้เห็นเหมือนตอนกลางวัน เรานั่งมองทะเลสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนกับแสงจันทร์ตอนกลางคืน ต้อมล้มตัวนอนตักผมพร้อมจับมือผมไปวางไว้ตรงหน้าอกของมัน

“ผมอยากให้เป็นแบบนี้ทุกๆวันเลย คงจะมีความสุขมากๆเลยพี่ว่าไหม” ต้อมมองหน้าผม

“งั้นย้ายมาอยู่ที่นี่กันเลยไหมละ จะได้มาเดินเล่นกันทุกวัน” ผมแกล้งพูด

“ได้ก็ดีสิ ผมนะขอแค่มีพี่อยู่ด้วยที่ไหนผมก็อยู่ได้หมดแหละครับ” ดูมันหวานได้ตลอดเวลาเลยทีนี้

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย เอาเข้าจริงๆกลัวเราจะไม่มาละสิ แบบเบื่อพี่แล้วไง” ผมก้มมองหน้ามันบ้างทีนี้

“พอเถอะเดี๋ยวจะมาทะเลาะกันเปล่าๆ เอาเป็นว่าที่ผ่านมาผมขอโทษนะครับ ผมรู้แล้วว่าเวลาที่ไม่ได้อยู่กับพี่ ไม่ได้คุยกับพี่มันแย่ขนาดไหน ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้พี่ห่างผมไปไหนอีกแน่นอน” ต้อมยิ้มมาให้ผม

“ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะแล้วพี่จะรอดู”

“ครับผมสัญญาครับ” ต้อมมันทำท่าแบบลูกเสือตอนเขาให้คำปฏิญาณ ดูมันคิดว่ามันยังเป็นเด็กอยู่หรือไงก็ไม่รู้

เรานั่งคุยกันตรงนั้นจนดึกมากถึงกลับเข้าห้องพัก แล้วคืนนี้ก็เป็นคืนที่เราเพิ่มเติมความรักให้แก่กันอย่างมีความสุขมากๆ

เราตื่นมาเกือบบ่ายของอีกวันก็ช่วงเย็นๆเราเลยไปเล่นน้ำกัน ยิ่งมาที่นี่เราทำตัวได้สบายมากเพราะส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเขาจะไม่คอยสนใจกันอยู่แล้วว่าใครจะทำอะไรกันยังไง แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยหรอกนะครับอย่างมากก็แค่กอดกันแค่นั้นแหละ ถ้าเกินกว่านั้นผมก็ไม่กล้าหรอกครับยังไงมันก็ยังอายอยู่

ตกตอนเย็นเรากินข้าวเสร็จก็จะออกมานั่งเล่นชายหาดเหมือนเดิมครับ ผมว่าทะเลกลางคืนนี่มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะครับ ยิ่งช่วงพระจันทร์เต็มดวงแล้วด้วยแต่ถ้าดูคนเดียวคงเหงาน่าดูแหละครับ ดีนะที่ผมมาเป็นคู่ทุกอย่างมันเลยลงตัวไปหมด แต่วันนี้เราเข้านอนกันเร็วเพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแต่เช้า

หลังจากกลับจากเที่ยวกันต้อมก็ขอกลับไปหาที่บ้านสองสามวัน เพราะว่าไม่ได้กลับไปนานแล้วผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วจริงๆนะแหละ เดี๋ยวพ่อกับแม่มันจะหาว่าผมกักตัวลูกชายเข้าไว้คนเดียว ส่วนผมก็มาทำงานตามปกติ

“พี่นัททำอะไรอยู่ครับ คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า” ต้อมอ้อนมาตามสายโทรศัพท์อีกแล้ว

“เพิ่งกลับบ้านวันเดียวนี่นะถามมาได้ แต่ก็คิดถึงนะแล้วที่บ้านเป็นไงบ้างพ่อแม่สบายดีใช่ไหม” ผมถาม

“สบายดีพี่เขายังถามถึงพี่เลย แม่บ่นว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาหาเลยนะ สงสัยจะลืมแกแล้วมั้งได้ลูกเขาไปแล้วนี่นา” ดูแม่ต้อมคิดสิครับ

“เราก็บอกแม่ให้หน่อยสิว่าพี่งานเยอะช่วงนี้ เองอย่างนี้ไหมเดี๋ยวพี่ไปหาวันเสาร์นี้ แล้ววันอาทิตย์จะได้กลับพร้อมกันเลยทีเดียว” ผมวางโปรแกรมเลยทีนี้

“ก็ดีนะแม่คงดีใจแน่ๆที่รู้ว่าพี่จะมาค้างที่บ้านนะ” ต้อมทำเสียงระรื่นเชียวทีนี้

“อืม งั้นก็ตกลงตามนี้นะเดี๋ยวพี่ทำงานต่อก่อนนะ แล้วเย็นนี้พี่โทรหาตอนกลับถึงบ้านนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิยังไม่ได้บอกอะไรก่อนวางสายเลย” ต้อมทำเสียงอ้อนอีกแล้ว

“ไม่บอกไม่ได้หรอไง บอกกันทุกวันไม่เบื่อหรือไง” ผมแกล้งมันไป

“ไม่เอา บอกมาเลยไม่งั้นไม่วางสายด้วย” มันขู่ผมแนะ

“อะก็ได้ รักนะครับ” แล้วผมก็จุ๊บผ่านโทรศัพท์ไปอีกทีหนึ่ง

“ก็แค่เนี่ย รักเหมือนกันนะครับ กลับถึงบ้านอย่าลืมโทรมานะ” แล้วต้อมก็วางสายไป

ตอนเย็นผมกลับถึงบ้านก็โทรหาต้อมเหมือนที่ครั้งที่ต้อมกลับบ้าน เราจะคุยกันตลอดจนเหมือนว่าเรายังอยู่ด้วยกันแหละครับ เราใช้โทรบ้านนะครับครั้งละสามบาทเปิดspeakerphone คุยกันเอาประหยัดดี

“ครืน ๆ “ เสียงมือถือผมสั่นผมจึงเดินไปรับ เห็นเป็นเบอร์บาสโทรมาด้วย

“ว่าไงนึกยังไงถึงโทรมาหาพี่ได้” ผมถาม

“ก็ปิดเทอมแล้วนี่ครับ ผมว่าจะลงไปเที่ยวกรุงเทพฯซะหน่อย แต่จะไปพักกับพี่กับพี่ต้อมนะได้เปล่าครับ” บาสมันถาม

“ก็ได้นะเดี๋ยวเราคุยกันเอาเองเลยแล้วกัน” ผมเลยกดต่อสายเป็นคุยสามสายกับต้อมด้วย

“เอาทีนี้ขอกันเอาเองเลย ว่าพี่ต้อมจะให้มาไหม” ผมบอก

“พี่ต้อมผมบาสนะ ผมจะไปเที่ยวกรุงเทพฯแต่จะไปพักกับพวกพี่ได้ไหมครับ” บาสมันพูดกับต้อม

“ก็ได้นะแต่จะมาเมื่อไหร่ละวันเสาร์อาทิตย์นี้พี่กับพี่นัทไม่ว่างนะ มีนัดกับที่บ้านพี่แล้ว” ต้อมบอก

“ผมว่าจะไปอาทิตย์หน้าอยู่แล้วละครับ ว่าจะกลับไปบ้านก่อนเหมือนกัน ตกลงว่าผมไปค้างบ้านพวกพี่ได้นะครับ งั้นวันอังคารหน้าเจอกันนะครับ” พูดเสร็จบาสก็วางสายไปเลย

“เออดูมันนะ คุยกับเราเสร็จวางสายไปเลยไม่ลากันสักคำ” ผมบ่น

“มันคงดีใจละมั้งที่จะได้มาอยู่ใกล้ๆพี่ หรือผมจะไม่ให้มันมาดีละเนี่ย” ต้อมบอกผม

“อันนี้มันเรื่องของเรานะพี่นะไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ถ้าเราไม่อยากให้มาจะให้พี่โทรไปบอกมันใหม่ไหม”

“ไม่ต้องหรอกพี่ผมแกล้งเล่นให้มันมาเถอะ ช่วงนี้ผมก็ว่างๆด้วยเดี๋ยวผมพามันเที่ยวเอง”

“แล้วพี่อย่าลืมวันเสาร์นี้นะ ผมบอกแม่ไปแล้วแม่เตรียมทำกับข้าวชุดใหญ่เลย” ต้อมเตือนผมเรื่องที่นัดกันไว้

“คราบไม่ลืมหรอกครับ มีนัดกับแม่แฟนทั้งทีจะทำให้เสียได้ยังไงละคราบ” ผมบอก

“ดีมากงั้นวันเสาร์เจอกันนะครับ มาเร็วๆนะครับผมคิดถึงจะตายอยู่แล้ว” มันปากหวานอีกแล้ว

“งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวพี่รีบเคลียงานก่อน วันเสาร์จะได้ว่างไปหาตั้งแต่เช้า”

วันนี้วันเสาร์ผมตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าไปบ้านต้อม ผมแต่งตัวสบายๆหน่อยมาบ้านต้อมก็ผมมาบ่อยแล้วนี่ครับ แล้วอีกอย่างวันหยุดก็อยากทำอะไรที่มันสบายๆบ้าง ผมมาถึงบ้านต้อมประมาณสิบโมงเช้าได้เชื่อไหมครับต้อมยังไม่ตื่นเลย ผมเข้ามาสวัสดีแม่ต้อมส่วนพ่อไม่อยู่ครับไปทำงานต่างจังหวัดพอดี แม่ก็บอกว่าให้ผมขึ้นไปปลุกต้อมเอาเองแล้วกัน แม่บอกว่าไปปลุกตั้งแต่เช้าแล้วไม่ยอมตื่นอะ

ผมเลยเดินขึ้นมาหาต้อมข้างบนห้องนอนต้อมยังนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมตื่นเลย ผมเข้าไปนั่งข้างๆเตียงแล้วค่อยๆเป่าหูมันเบาๆ มันก็หันหลบแต่ผมยังไม่เลิกหรอกครับตามไปเป่าต่อ คราวนี้มันเอาหมอนขึ้นมาปิดหน้าไว้เลยครับดูมันสิขี้เซาจริงๆ จนผมไม่อยากแกล้งมันแล้วเลยว่าจะลงไปนั่งคุยกับแม่ดีกว่า แต่พอผมจะลุกขึ้นไปมันกลับดึงแขนผมจนผมล้มไปบนตัวมัน แล้วมันก็กอดผมไว้ทีปลุกไม่ยอมตื่นทีนี้จะไม่ให้ไปอีก

“ขอกอดให้หายคิดถึงก่อนสิ พี่มานานยัง” ต้อมโผล่หน้ามาจากหมอนที่เอาปิดหน้าไว้ทีแรก

“นานจนต้องขึ้นมาปลุกคนขี้เกรียจนี่แหละ” ผมบอกมันยิ้มให้ผม

“แต่ไม่ขี้เกรียจหอมคนรักนะครับ ขอหอมหน่อยจะได้หายคิดถึง” มันยื่นหน้ามาจะหอมผม

ผมเอามือผลักหัวมันไว้” ไม่เอาไปล้างหน้าก่อน เหม็นขี้ฟันอะ” ผมบอก

“โห แค่นี้ทำเหม็นหรอ ที่พี่ทำอะผมไม่เคยว่าเลยนะ” ว่าแล้วมันก็จับมือผมออกแล้วลุกขึ้นจนผมนอนลงไปบนที่นอนแล้วกดมือผมไว้

“ไม่เอา ไปล้างหน้าก่อนเลย” ผมพยายามเอาหน้าหลบแต่ก็ไม่พ้นหรอกครับ

หลังจากที่มันหอมผมจนพอใจแล้วมันถึงปล่อยผม แล้วมันก็ไปอาบน้ำผมลงมาคุยกับแม่ข้างล่างรอมันอาบน้ำลงมา ตอนบ่ายแม่ก็ชวนไปตลาดไปซื้อของมาทำกับข้าวเย็นกินกัน ผมกับต้อมเป็นลูกมือช่วยแม่ทำกับข้าวกัน หลังกินข้าวเสร็จก็มานั่งดูหนังคุยกันจนดึกแล้วค่อยแยกย้ายกันเข้านอน แต่อย่านึกว่าผมจะได้นอนนะครับเพราะไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้วนี่ครับ มีหรือมันจะปล่อยให้ผมนอนเลย

วันอาทิตย์เรากลับมาบ้านผมตอนบ่ายๆแล้วครับ เพราะว่าพรุ่งนี้ผมต้องทำงานเช้าส่วนต้อมมาเตรียมที่รอรับเจ้าบาสอีก เพราะมันจะมาวันอังคารแล้วครับ

.............................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่38 P:3]20/05/10 08:42AM
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-05-2010 09:05:18
+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่38 P:3]20/05/10 08:42AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-05-2010 09:35:40
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่38 P:3]20/05/10 08:42AM
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 20-05-2010 16:45:52
รักกัน ๆ....ตลอดไปนะคับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-05-2010 19:48:10
ตอนที่39

แล้ววันอังคารก็มาถึงผมไปทำงานตามปกติ ต้อมไปรอรับบาสที่หมอชิตใหม่เพราะจะมาถึงตอนเช้า ตกลงมันกลายเป็นญาติพวกผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บาสมาถึงราวๆแปดโมงเช้าต้อมโทรมาบอกผมตอนที่เจอกับบาสแล้ว มันสองคนกลับมารอผมอยู่ที่บ้านจนถึงตอนเย็น ผมกลับมาถึงกำลังเล่นเกมส์กันอย่างเมามันเลยครับ ตกลงว่าบ้านผมกลายเป็นที่เลี้ยงเด็กไปแล้วใช่ไหมครับตอนนี้

พอผมกลับมาผมกับต้อมก็พาบาสไปทัวร์กินก่อนเลยครับ เพราะตอนไปเชียงใหม่มันยังพาผมไปกินร้านอร่อยๆตั้งหลายร้าน ผมพาบาสไปกินโรตีมะตะบะที่ถนนพระอาทิตย์ครับ บาสมันชอบสลัดแขกที่ร้านนั้นมากเลยผมเองก็ชอบ ยิ่งกินกับมะตะบะด้วยแล้วยิ่งอร่อยเลยครับ

หลังจากกินของคาวอิ่มแล้วก็ไปต่อที่ถนนดินสอเลยครับ กินมนต์นมสดเลยครับที่แรกมันบอกที่เชียงใหม่ก็มี แต่ไม่เหมือนกันหรอกครับนี่มันเจ้าแรกต้นตำหรับ ถ้าใครเคยไปช่วงเย็นๆจะรู้เลยนะครับว่าต้องยืนรอคิวกันเลยที่เดียว บาสมันเห็นทีแรกยังงงเลยว่าทำไมคนถึงมากินกันเยอะขนาดนี้ ระหว่างที่ยืนรอเราก็กินปลาหมึกย่างร้านรถเข็นตรงเยื่องๆจากร้านมนต์นะครับ ผมกินประจำน้ำจิ้มเขาอร่อยมากเรียกว่าแทบทุกครั้งที่ไปมนต์เลยดีกว่า

หลังจากกินของหวานแล้วไปแถวนั้นแล้วก็ต้องไปเดินสะพานพุทธสิครับ ไปถึงก่อนเดินดูของก็ซื้อของกินก่อนเลยไข่ปลาหมึกกับปลาไข่ไงครับ วันนี้วันเดียวกินอิ่มมากๆจนบาสมันบ่นว่าจะเดินดูของไม่ไหวอยู่แล้ว บาสมันซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าที่สะพานพุทธกลับมาด้วย ก่อนกลับยังแวะซื้อขนมปังสังขยากินกันอีกคนละชิ้นด้วยครับ กลับมาถึงบ้านเกือบตีหนึ่งเข้าไปแล้ว

มาถึงบ้านบาสนอนข้างล่างห้องเก่าของน้าแหละครับ ตอนนี้กลายเป็นห้องรับแขกไปแล้วเวลาที่มีเพื่อนมาที่บ้าน

“ให้ผมนอนข้างล่างคนเดียวหรอ พี่นัทไม่นอนเป็นเพื่อนผมหรอครับ” บาสหันมาถามผม

“เอาแข้งพี่ไปนอนเป็นเพื่อนก่อนไหมละ มันจะมากไปแล้วนะให้มานอนแล้วยังเรื่องมากอีก” ต้อมหันไปบอกบาสแทนผม

“โห ยังงี้นอนคนเดียวดีกว่านะพี่ ล้อเล่นแค่นี้ทำโหดใส่น้องอะ” บาสมันยิ้มทะเล้นให้ต้อม ตอนนี้ทำให้เหมือนเรามีน้องชายมาอยู่ที่บ้านเพิ่มเลยครับ ดีเหมือนกันบ้านไม่เงียบ

“แต่ว่าอย่าทำอะไรกันเสียงดังนะครับ เดี๋ยวผมนอนไม่หลับ” บาสมันพูดแล้วรีบปิดประตูห้องหนีไปเลย

ช่วงที่บาสมาอยู่ตอนเย็นหลังจากทำงานผมก็จะพามันไปทัวร์กินนี่แหละครับ เพราะกรุงเทพเราของกินอร่อยเยอะไปหมด จนบาสมันบ่นว่าจะอ้วนก่อนกลับไหมเนี่ย วันอาทิตย์ผมหยุดงานเลยนัดกันว่าไปเที่ยวสวนสยามดีกว่าผมอยากไปเล่นน้ำด้วยครับ ผมบอกให้ต้อมโทรชวนหนุ่ยไปด้วยเพราะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแหละ อีกอย่างอยากให้หนุ่ยรู้จักกับบาสไว้ด้วย

วันอาทิตย์หนุ่ยมาถึงบ้านผมแต่เช้าเพราะผมบอกว่าให้ไปรถคันเดียวกันดีกว่า ขนาดไม่ได้เจอกันตั้งนานหนุ่ยก็ยังดูน่ารักอยู่ดีครับ ผมเห็นบาสมองหน้าหนุ่ยแบบอึ้งๆนิดๆเหมือนกันน่ารักละสิท่า ดูบาสมันเกร็งๆกับหนุ่ยเหมือนกันเพราะมันนั่งข้างหลังกับหนุ่ย พวกเรามาถึงสวนสยามกันเกือบสามโมงเย็นแล้ว

มาถึงพวกเราก็ไปเล่นน้ำก่อนเลยครับก็ผมตั้งใจจะมาเล่นน้ำนี่นา เราใส่กางเกงว่ายน้ำแบบเต็มตัวนะครับเราไปเล่นตรงที่เป็นน้ำวนครับ ตอนเดินลงไปหาที่นั่งมีแต่คนมองมาทางพวกผม ก็แน่ละสิครับมีแต่คนหน้าตาดีหุ่นดีทั้งนั้นนี่ครับยกเว้นที่ผมอยู่คนเดียวนะครับ

ระหว่างเล่นน้ำผมก็มีสามหนุ่มนี่อยู่ข้างๆตลอดเลย ผมว่าคงเป็นที่อิจฉาของหลายๆคนในวันนั้นแน่ๆเลย เพราะผมสังเกตเห็นมีคนมองมาทางกลุ่มผมบ่อยๆ ยิ่งตอนเล่นน้ำนะครับต้อมจะมาเกาะหลังผมตลอดเลย ไม่รู้มันจะกันท่าพวกหนุ่ยกับบาสหรือเปล่าปกติมีเสื้อผ้ามันยังไม่ให้มาเกาะแกะเลย แล้วนี่ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำมันคงยิ่งหวงแน่ๆ

ผมเป็นคนชอบเล่นอะไรที่สนุกและหวาดเสียวนะครับ ตอนเล่นน้ำก็เล่นสไลด์เดอร์ชั้นสูงสุดเราลงมาพร้อมกัน4คนเลยครับ สนุกดีแต่ไม่ไหวเดินขึ้นสองสามรอบก็แย่แหละเหนื่อย ตอนกลุ่มผมเล่นนะคนมาดูเยอะเลยแต่คงไม่ได้มาดูผมหรอกครับ บางครั้งเวลาไปไหนกับพวกหนุ่ยต้อมพร้อมกันผมก็อึดอัดเหมือนกันเวลาที่คนมองเยอะ แต่หลังๆชินแล้วครับทำไงได้ก็แฟนผมมันดันหล่อนี่ครับ

เราเล่นน้ำกันจนเกือบๆห้าโมงเย็นก็ขึ้นเพราะผมอยากเล่นเครื่องเล่นแหละ เหมือนมาปล่อยแก่ยังไงก็ไม่รู้นะผม

“ไปเล่นรถไปเหาะตีลังกากันเถอะ” ผมหันไปชวน(ตอนนั้นมันยังไม่มีพวกเวอร์เทคกับบูมเมอแรงเลยครับ)

“เอาตีลังกาเลยหรอพี่ เอาเหาะธรรมดาก็พอมั้งพี่” บาสออกตัวคนแรกเลย

“ไม่เอาพี่จะเล่นตีลังกา ใครเล่นไม่ได้ก็รอข้างล่างเลยแต่พี่จะเล่น” ผมหันไปมองหน้าต้อมเพื่อชวนให้เล่นด้วย

ต้อมมองหน้าผมแต่ก็ไม่ปฏิเสธพอเอาเข้าจริงก็เล่นกันหมดทุกคนแหละครับ ผมนั่งกับต้อมหนุ่ยนั่งกับบาสอยู่แถวหน้าผมสองคน ตอนที่รถไฟออกตัวดูถ้าข้างหน้าจะลุ้นกันมากเลยครับ แต่มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้นเองแหละครับของเล่นพวกนี้ ผมละเล่นจนชินแล้วแต่ต้อมดิครับบีบมือผมแน่นมากเลย มันคงจะกลัวแน่ๆเลยส่วนคู่หน้าเป็นยังไงไม่รู้หรอกครับ

พอลงมาจากรถไฟเหาะตีลังกาต้อมยังจับมือผมแน่นอยู่เลย ผมละเชื่อเลยว่าพวกมันจะกลัวเครื่องเล่นแบบนี้ เสียชื่อวัยรุ่นหมดกันพอดีแบบนี้

“ต่ออีกรอบไหมละ” ผมแกล้งหันไปถามต้อม ต้อมมองหน้าผมกลับ

“ถ้าอยากให้แฟนหัวใจวายตายก็ได้นะ ผมตามใจพี่เสมอแหละ” เอากับมันสิมันจริงใจหรือมันประชดผมกันแน่

“อืมนะ ใครเขาจะอยากให้แฟนตัวเองตายกันละ ยิ่งหายากๆอยู่แฟนดำแบบนี้” พอผมพูดจบหนุ่ยกับบาสหัวเราะกันใหญ่เลย แต่ต้อมกลับงอนสิครับงานนนี้ปล่อยมือผมเลย

ผมจับมือต้อมกลับมา “แค่นี้ก็งอนด้วย ก็บอกแล้วไงว่าถึงดำพี่ก็รักของพี่นะ” มันยิ้มออกมาแหละพอผมพูดแบบนี้

หลังจากนั้นผมก็พาเล่นต่อด้วยเครื่องเล่นแบบเร้าใจอีกหลายอันเลย ก็ผมชอบนี่นะเครื่องเล่นแบบนี้เพราะเวลาตะโกนออกไปแล้วมันปลดปล่อยอารมณ์ดีครับ เล่นเสร็จแล้วรู้สึกสบายอารมณ์ทุกครั้งเลย ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบเล่นเครื่องเล่นพวกนี้อยู่แหละครับ

กว่าจะได้กลับออกมาจากสวนสยามก็เกือบๆทุ่มแล้ว ผมเลยชวนแวะกินบะหมี่เกี๊ยวร้านอร่อยแถวนั้นเลย บาสมันยังมาบอกว่าผมนี่ช่างรู้ไปหมดว่าแถวไหนมีอะไรอร่อยๆกิน เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้นะครับก็คนมันชอบกินนี่นา แล้วตอนนี้บาสกับหนุ่ยก็ดูสนิทกันมากขึ้นแหละ หนุ่ยยังแอบถามต้อมเลยว่าบาสเป็นใครต้อมก็เล่าให้ฟัง หนุ่ยยังแอบมาแซวผมเลยว่าไปหว่านเสน่ห์ไว้อีกแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะมันมาของมันเอง

กลับมาถึงบ้านต้อมมันก็เลยชวนหนุ่ยค้างด้วยกันอีกคน เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้วจะได้คุยกันนานๆ พวกนั่งคุยกันจนเกือบตีสามได้ส่วนมากก็คุยเรื่องเก่าๆมากกว่าครับ เรื่องสมัยเรียนบาสจะสนใจมากเป็นพิเศษเพราะส่วนมากต้อมกับหนุ่ยมันจะคุยเรื่องของผมเสียมากกว่า ตกลงคืนนี้พวกเรานอนกันที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างกันหมดเลย

บาสมาอยู่ได้เกือบอาทิตย์แล้วครับตอนนี้ดูมันสนุกมากที่ลงมากรุงเทพคราวนี้ วันนี้ผมต้องออกมาหาลูกค้าแต่เช้าเลยเพราะนัดไว้หลายที่ด้วยกัน กว่าจะเสร็จคงค่ำๆแน่เลยวันนี้แต่ไม่เป็นไรนี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วแหละครับเหลืออีกแค่สองคนเองที่ต้องไปพบ

“ครืน ๆ ๆ” เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผม เป็นเบอร์ที่บ้านโทรมานี่นา

“วันนี้ตอนเช้าตื่นมาตักบาตรหรือเปล่า” แม่ถามทันทีที่ผมกดรับโทรศัพท์

“ไม่ได้ตักนัดลูกค้าแต่เช้า ทำไมหรอแม่” ผมสงสัย

“เอาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยนะลูกคนนี้ ลืมทุกปีสิเออ” แม่ผมบ่น

“เออ จริงด้วยไม่ได้นึกถึงเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปถวายสังฆทานแทนนะแม่ ยังไม่เสร็จงานเลยวันนี้นัดลูกค้าไว้เยอะด้วย” ผมบอกแม่ไป

“ดีแล้ว งั้นตั้งใจทำงานนะ ขอให้ก้าวหน้าในการงานนะลูกนะ” แม่ผมอวยพรวันเกิดให้ผม

“ขอบคุณครับแม่” แล้วแม่ก็วางสายไป

ผมลืมวันเกิดของตัวเองอีกแล้วหรอเนี่ยปีนี้ เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยสนใจวันเกิดผมอยู่แล้วด้วย ทุกปีต้อมก็จะเป็นคนเตือนผมตลอดแต่ปีนี้ทำไมเมื่อเช้าไม่ได้บอกผมนะ สงสัยมันก็คงจะลืมเหมือนกันเพราะช่วงนี้เราเที่ยวกันเกือบทุกวัน เพราะพาบาสมันเที่ยวด้วยหนุ่ยก็มาด้วยเหมือนกัน

ผมกลับมาถึงบ้านตอนค่ำๆแต่วันนี้ทำไมรถมันจอดเยอะผิดปกติเลยนะ ผมเดินเข้ามาในรั้วบ้านต้อมก็รีบออกมารับทันทีเลยมันต้องมีอะไรแน่ๆผมรู้แล้ว มันต้องแอบจัดงานวันเกิดให้ผมแน่ๆคิดว่าผมลืมละสิ แต่แม่โทรมาเตือนผมนะสิ

“อ่านะไม่ต้องเลย แอบทำไรอีกแล้วใช่ไหมละพี่รู้นะ” ผมบอกดักทางไว้ก่อน ต้อมก็ไม่สนใจกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมก่อนที่จะเดินเอามือมาปิดตาผมไว้

“ไม่ต้องปิดก็ได้ ไม่ surprise แล้วพี่รู้แล้ววันนี้วันเกิดพี่” ผมบอกมันมันก็ไม่สนใจ พาผมเดินเข้ามาบ้าน

พอเข้ามาในบ้านมันก็เปิดตาผม สิ่งที่ผมแปลกใจไม่ใช่อะไรพวกที่ทำงานมากันทุกคน แต่ที่ผมดีใจมากที่สุดก็คือไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มางานวันเกิดผมด้วย ปกติผมกับพวกมันแค่คุยโทรศัพท์กันเท่านั้นเอง ก็พวกมันอยู่ต่างจังหวัดกันนี่ครับทำให้ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ผมเดินเข้าไปกอดไอ้ตี๋กับไอ้แนทให้หายคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หลังจากผมเลิกกอดเพื่อนผมแล้วก็มีคนมากอดผมจากข้างหลังแทนแล้วทีนี้ ผมเลยหมุนตัวมามองเป็นเจ้าแจ็คนี่เองครับที่มันเข้ามากอดผม ต้อมต้องเดินเข้ามาแยกมันออกจากตัวผมมันยังบ่นอีกว่ากอดหน่อยก็ไม่ได้ ไม่ได้เจอผมมาตั้งนานต้อมเอาผมมาเก็บไว้คนเดียวยังจะหวงอีก ต้อมหันไปตบหัวมันเบาๆมันเลยหยุดบ่น

คนที่ทำหน้างงที่สุดงานนี้ก็ไม่พ้นบาสแหละครับ จนหนุ่ยต้องคอยแนะนำให้บาสฟังเป็นคนๆ บาสมองหน้าผมแบบแปลกใจคงไม่คิดละสิว่าจะมีคนอื่นมาชอบผมอีก แต่ว่าคนที่มาชอบผมนี่หน้าตาไม่ดีไม่ได้นะครับ(ขี้โม้ไหมละครับผม) ทุกคนตั้งใจมางานวันเกิดผมกันแค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ต้อมหนุ่ยบาสเตรียมของสำหรับงานเลี้ยงเรียบร้อยกันไว้แล้ว ถึงค่อยโทรไปตามพวกพี่น้ำกับพวกที่ทำงานของผม ส่วนแจ็คมันจะเอาของขวัญมาให้ผมพอดีเลยอยู่ต่อซะเลย

ผมมีความสุขมากเลยครับงานวันเกิดครั้งนี้ พี่น้ำก็เต็มที่ของแกเลยสั่งให้ไปซื้อเหล้ามาอีกตั้งหลายขวด แกบอกกินเต็มที่แต่พรุ่งนี้ใครทำงานไม่ไหวโดนหักเงินนะครับ

“แกเป็นไงมั่งวะ ชั้นละอิจฉาคู่แกจริงๆเลย คบกันมาได้ตั้งนานยังดูหวานกันอยู่เลย” ไอ้แนทคุยกับผม

“เออนั่นสิ เรานะตั้งแต่เลิกกับคนก่อนก็ยังไม่มีคนใหม่อีกเลย” ไอ้ตี๋เสริม

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เกือบจะเลิกกันตั้งหลายหนแล้ว” ผมบอก

“แต่ก็ยังรักกันดีอยู่นี่นา แค่นี้ก็ดีแล้ว” ไอ้ตี๋ยิ้มให้ผม

หลังจากนั่งคุยกันเองสักพักก็กลับเข้ามานั่งคุยกับคนอื่นๆด้วย พอผมกลับเข้ามาร่วมวงผมก็ได้ยินบาสมันกำลังถามต้อมอยู่พอดีว่า

“พี่ต้อมทำยังไงพี่นัทถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจชอบคนอื่นสักที” ดูมันถามสิครับ ผมเลยหันไปมองต้อมดูว่ามันจะตอบยังไง คนอื่นก็รอฟังเหมือนกันตอนนี้

“โห ไม่ต้องตั้งใจฟังกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง เงียบกันเชียว แต่ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่พี่มันหล่อว่าพวกเราแค่นั้นเอง” โห ช่างกล้าพูดเนอะทำเอาวงแตกส่งเสียงโห่กันไปเลยทีเดียวตอนนี้ มันคิดได้ไงของมันก็ไม่รู้

เรานั่งคุยเล่นกันจนถึงเที่ยงคืนต้อมมันก็ลุกเดินไปเอาเค้กมา ทุกคนล้อมวงแล้วร้องเพลงวันเกิดให้ผมก่อนที่ผมจะเป่าเทียน พอเป่าเทียนเสร็จคนอื่นก็เอาของขวัญมาให้ผมตอนนี้ พี่น้ำกับวุฒิให้กระปุกออมสินตัวใหญ่มากกับผม แล้วบอกว่าจะได้เก็บเงินไปฮันนีมูนกับต้อม(ว่าจะบอกแล้วครับว่าไปกันบ่อยแล้ว) แกยังบอกว่าใส่เงินกินกระปุกไว้ให้ด้วยนะครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเท่าไหร่ครับ

ไอ้ตี๋ให้นาฬิกาแขวนไอ้แนทให้โคมไฟตั้งโต๊ะเป็นของที่ผมชอบทั้งนั้นเลย แต่ปกติไม่ค่อยซื้อนะครับเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ที่ไหนเลยชอบไปดูมากกว่า หนุ่ยซื้อกระเป๋าเงินมาให้ผมบอกว่าเห็นผมยังใช้ใบเก่าอยู่เลยซื้อมาให้ ของขวัญใครก็ไม่เท่าของแจ็คหรอกครับ มันให้ชุดผ้าปูที่นอนไม่ใช้ธรรมดานะครับมันเอาไปสกรีนรูปมันติดไว้ที่ปลอกหมอนกับปลอกหมอนข้างด้วย มันบอกว่าจะได้เห็นหน้ามันทุกคืนผมละกลัวนอนไม่หลับมากกว่า ต้อมแกล้งบอกมันว่าจะเอาไปทำผ้าม่านหรือไม่ก็ผ้าเช็ดจานดีกว่าแบบนี้ มันทำหน้าเศร้าเลยครับจนผมบอกว่าไม่ทำหรอกแต่จะเก็บไว้นะ

ส่วนต้อมให้นาฬิกาข้อมือกับผมแถมเป็นเรือนที่ผมอยากได้ด้วย แต่ไม่กล้าซื้อเพราะราคามันก็แพงอยู่แล้วนี่มันเอาเงินจากไหนมาซื้อละเนี่ย

“ขอบใจนะแต่ว่าเราซื้อได้ยังไงแพงออก” ผมถามต้อมก็ยิ้ม

“ก็เงินเก็บผมนะสิ แต่ไม่พอหรอกขาดนิดหน่อยเลยโทรไปขอแม่มาด้วย” มันยิ้มให้ผมอย่างภูมิใจ

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็สบายใจหน่อย นึกว่าไปขอเงินแม่มาซะอีก” ผมยิ้มให้มันบ้างคราวนี้

กว่าจะเลิกงานก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว มีพี่น้ำกับวุฒิที่กลับบ้านเพราะบ้านอยู่ใกล้นี่เอง ส่วนคนอื่นๆนอนที่บ้านผมกันหมดแหละครับเรื่องปกติอยู่แล้วครับ วันนี้ผมอย่างมีความสุขมากว่าทุกวันเลยครับ

......................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 20-05-2010 20:06:43
ตามมาอ่านละ  หุหุ    มาเม้นท์ให้กำลังใจก่อน


ไปอ่านก่อนนะ เด๊วมา  หุหุ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-05-2010 20:35:18
น่าอิจฉาน้อ ปีละครั้งคุ้มค่าจริงคนรู้ใจทั้งนั้นมา
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 20-05-2010 22:33:10
น่ารักจริงๆ เลยครับคู่นี้
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 21-05-2010 03:18:28
เพิ่งเข้ามาอ่านคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่39 P:4]20/05/10 07:42PM
เริ่มหัวข้อโดย: Dorumi ที่ 21-05-2010 12:27:48
เข้ามาอ่าน น่ารักดีจ๊ะ
แต่ยังอ่านได้ไม่ถึงไหนเลย
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่40 P:4]21/05/10 11:07PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-05-2010 23:10:13
ตอนที่40

ตอนนี้ผมก็กลับมาใช้ชีวิตคู่กันเหมือนเดิมอีกแล้ว บาสกลับไปได้หลายวันแล้วเพราะใกล้เปิดเรียนแล้ว ชีวิตเราสองคนก็เงียบลงเหมือนเดิม ต้อมยังไม่ได้เข้ามาทำงานกับผมเพราะขออยู่เฉยหนึ่งเดือนก่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนผมจบผมก็อยากทำแบบนี้เลย แต่ว่าต้องหาเงินใช้ก่อนนะสิครับแต่มันไม่ต้องนี่ครับยังไงผมก็เลี้ยงมันอยู่แหละครับ

ช่วงนี้งานผมก็ไม่ค่อยยุ่งด้วยเหมือนกันผมเลยกลับบ้านเร็วทุกวัน จะไม่ให้เร็วได้ยังไงละครับก็มีคนโทรตามตลอดเลยเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ที่แรกต้อมมันจะมารับทุกวันแต่ผมบอกไม่ให้มามันเปลืองน้ำมันครับ ยิ่งแพงๆอยู่ช่วงนี้มันเลยต้องรออยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ต้องนั่งรถเมล์มารับผมแหละครับ

แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากให้มารับหรอกครับมันเหนื่อยเปล่าๆ เพราะยังไงเดี๋ยวก็ไปเจอกันที่บ้านอยู่แล้ว ถ้าต้อมมารับกลับตอนนั่งรถติดๆผมจะหลับหนุนไหล่ต้อมเกือบทุกครั้งเลยครับ ก็มันเหนื่อยนี่นาคิดว่าทุกคนน่าจะเป็นเหมือนกันนะครับ แต่ถ้านั่งคนเดียวไม่กล้าหลับหรอกครับไม่ได้กลัวเลยป้ายนะครับ กลัวหลับแล้วไปซบคนอื่นไปทั่วนะสิตื่นมาอายกันพอดี

“พี่นัทวันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านกันนะ” ต้อมโทรมาหาก่อนผมเลิกงาน

“อืมได้สิ แต่ว่าที่ไหนละแล้วนึกยังไงถึงมาชวนไปกินข้าวนอกบ้าน” ผมถาม

“งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่ทำงานนะครับ” ต้อมไม่ตอบที่ผมถามเลยแล้วก็วางสายไป มันคิดอะไรของมันอยู่นะ

ต้อมมาถึงก่อนที่ผมจะเลิกงานซักพักมันเข้ามานั่งรอในที่ทำงานผม พี่น้ำยังถามเลยว่าเมื่อไหร่มันจะมาทำงานสักทีมันก็บอกว่าขอพักผ่อนหนึ่งเดือน แล้วจะมาทำงานพี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไรยังบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาบอกแล้วกัน

“ตกลงเราจะพาพี่ไปไหนวันนี้” ผมถามต้อมอีกครั้งตอนที่นั่งอยู่ในรถแล้ว มันก็ไม่ตอบได้แต่หันมายิ้มๆ

“เอาตกลงจะไม่บอกใช่ไหมเนี่ย” ผมย้ำมันก็ยังเฉยๆอีก แล้ววันนี้มันก็แต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีกด้วย ผมว่ามันต้องมีอะไรจริงๆแล้วละงานนี้

ผมนั่งมาซักพักต้อมก็เลี้ยวรถเข้าโรงแรมชื่อดังแถวถนนวิทยุ อะไรของมันเนี่ยนึกยังไงพามากินข้าวโรงแรมซะหรูเลย

“ว่าไงมีอะไรกันแน่ถึงพามาถึงนี่เลย” ผมยังไม่หายสงสัยเลยครับ

ต้อมหันมายิ้มอีก “วันนี้วันเลี้ยงรุ่นสมัยม.ปลายนะครับ ผมอยากพาพี่มาด้วยไง” มันบอกผมได้แล้วทีนี้

“แล้วพาพี่มาทำไมกัน มีแต่เพื่อนเราทั้งนั้น” ผมทำหน้างงกับเรื่องนี้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับผม

“เห็นไหมถ้าผมบอกแต่แรกพี่ต้องไม่ยอมมาแน่ๆ” ต้อมยิ้มแบบรู้ทันผม แล้วดึงมือผมให้เดินตามเข้าไปในโรงแรมที่จัดงาน

เราเดินมาที่ห้องจัดงานหนุ่ยยืนรออยู่ที่ด้านหน้างานแล้ว วันนี้หนุ่ยก็แต่งตัวหล่อไม่แพ้ต้อมเลย แต่ว่าโรงเรียนเก่าพวกมันนี่ไฮโซจริงๆจัดเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมนี้เลย พอหนุ่ยเห็นผมกับต้อมเดินมาก็เดินเข้ามาหาทันที ผมยังแกล้งชมหนุ่ยเลยว่าวันนี้หล่อจริงนะหนุ่ยยิ้มเขินๆ

ที่แรกผมไม่อยากเข้าไปหรอกครับก็กลัวมีแต่เพื่อนๆพวกหนุ่ยกับต้อม แล้วผมเป็นคนนอกคนเดียวแต่ก็เห็นหนุ่ยบอกว่าคนอื่นเค้าก็ชวนเพื่อนชวนแฟนมาเหมือนกัน ผมเลยค่อยใจชื้นขึ้นหน่อยนึกว่าจะหลงมาคนเดียวซะแล้วงานนี้ ผมเดินเข้ามาในงานพร้อมต้อมกับหนุ่ย พอเข้าประตูมาผมก็เพิ่งรู้ว่าหนุ่ยกับต้อมมันก็ฮ็อตในหมู่เพื่อนๆน้องๆมันเหมือนกันนี่นา เพราะสังเกตจากพวกเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องมันเข้ามาทัก ผมยืนเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ตรงนั้นแหละครับเวลาที่พวกเพื่อนๆพวกมันเข้ามาทัก แบบนี้แหละครับที่ผมไม่อยากมางานเลี้ยงรุ่นของคนอื่น

ตอนที่ต้อมกับหนุ่ยคุยกับเพื่อนๆมันอยู่ผมก็เลยแยกออกมายืนคนเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับพวกมันเหมือนกัน ผมเลยเดินมายืนอยู่แถวโต๊ะที่วางเครื่องดื่มเพราะกะหาอะไรดื่มด้วย ขณะที่ผมกำลังเลือกเครื่องดื่มอยู่นั้นก็มีคนมาชนแขนผม

“ขอโทษครับพี่” หนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งบอก แต่ตั้งแต่ผมเข้างานมาก็เห็นแต่พวกตี๋ขาวทั้งนั้นแหละครับ ก็ลูกคนรวยทั้งนั้นนี่ครับ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมหันไปบอกแล้วหยิบเครื่องดื่มที่เลือกไว้มาถือไว้ ก่อนเดินออกมาจากตรงนั้น

น้องคนนั้นหยิบเครื่องดื่มแล้วเดินมาที่ผม “ขอโทษนะครับพี่มากับพี่ต้อมหรือเปล่าครับ” น้องคนนั้นถาม

“ครับพอดีต้อมเขาชวนมาเป็นเพื่อนนะครับ” ผมบอกยิ้มๆ

“แล้วพี่กับพี่ต้อมเป็นอะไรกันครับ น่าแปลกนะปกติเขาจะแฟนมากัน หรือว่า” มันหยุดพูดแล้วทำท่าทางแปลก

“อ๋อ พี่เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยนะครับ พอดีสนิทกับทั้งหนุ่ยและต้อมพวกเขาเลยพามาด้วยมั้งครับ” ผมบอก

น้องคนนั้นก็ยิ้มๆแล้วก็เดินไปเข้าไปคุยกับกลุ่มต้อมกับหนุ่ย สงสัยจะเป็นรุ่นน้องพวกมันที่โรงเรียนเก่าแน่ๆผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไร ต้อมกับหนุ่ยคุยกับเพื่อนสักพักก็เดินมาหาผมตรงที่ยืนมองอยู่ ต้อมเป็นคนเดินไปตักอาหารมาให้ผมส่วนหนุ่ยยืนคุยเป็นเพื่อนก่อน ตอนนี้ผมว่าเริ่มมีคนมองมาที่ผมกับต้อมเยอะมากขึ้นแหละ ก็ต้อมมันคอยดูแลผมตลอดเลยนี่ครับ แล้วเมื่อกี้น้องคนนั้นยังพูดแปลกๆอีกว่าส่วนมากเขาพาแฟนมากัน

สักพักผมก็เห็นน้องคนนั้นขึ้นไปบนเวทีที่ทางโรงแรมเขาจัดไว้ให้

“สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆและก็น้องๆทุกคนที่มาวันนี้นะครับ ก่อนอื่นเลยผมเป็นตัวแทนรุ่นที่.... ที่เป็นคนจัดงานในวันนี้ถ้าเกิดผิดพลาดประการใดก็ขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับ” น้องคนนั้นพูดคล่องน่าดู

“ก่อนอื่นเลยงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่พี่ต้อมมางานเลี้ยงรุ่น แต่ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วทำไมไม่พามาเปิดตัวบ้างละครับ” ตอนนี้คนอื่นมองมาที่ต้อมกันเยอะเลยครับ ต้อมก็ได้แต่ยิ้มๆเท่านั้นเอง

“น้องคนนั้นใครนะสนิทกันมากหรอ” ผมหันไปถามต้อม

“อืมใช่พี่ ตอนเรียนนะมันชอบตามผมกับหนุ่ยตลอดเลย ชอบเล่นกีฬาเหมือนกันเลยไปไหนมาไหนด้วยหันบ่อยๆ” ต้อมหันมาบอก

“ต้อมพี่ว่าเดี๋ยวพี่กลับก่อนดีกว่านะถ้างั้น เราจะได้คุยกับเพื่อนเราไม่ต้องมาห่วงพี่ด้วย” ผมบอก อีกอย่างผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงถ้าคนอื่นเขารู้ว่าผมเป็นแฟนมัน แล้วกลัวว่าเพื่อนๆมันอาจจะรับไม่ได้ก็ได้

ต้อมไม่ยอมให้ผมกลับบอกว่าถ้าผมกลับก็จะกลับด้วย หนุ่ยก็จะกลับเหมือนกันมันสองคนนี่ยังไงกันนะ ผมเลยต้องอยู่ต่อในงานเพื่อนต้อมก็เริ่มเข้ามาคุยกับผมเยอะขึ้น ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนต้อมคนอื่นๆแล้วเหมือนกัน เราคุยกันไปกันมาก็ไม่พ้นเรื่องแฟนของต้อมมันแหละครับ ก็จะใครอีกละนอกจากผมแต่ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงแล้วตอนนี้

“พี่เคยเห็นแฟนต้อมมันบ้างหรือเปล่าพี่ ผมได้ยินว่ามันรักของมันมากขนาดมางานวันนี้มันยังไม่พามาเลย สงสัยกลัวเพื่อนจะจีบแฟนมัน” เพื่อนคนหนึ่งของต้อมถามผม ผมจะตอบยังไงดีเนี่ยทำไมมันจะไม่เอามา ยืนคุยกับเองอยู่เนี่ยถ้ารู้แล้วเองจะจีบไหมไอ้พวกนี้

คำถามแต่ละอย่างผมก็ได้แต่ยิ้มตอบแหละครับ ไม่รู้จะพูดอะไรนี่นาพูดไปก็เข้าตัวเองทั้งนั้น พวกเพื่อนมันก็ใช่ย่อยพยายามถามเอาให้ได้เลยครับ

“ขอขัดจังหวะสักนิดนะครับ” น้องคนนั้นเดินเข้ามาร่วมวงด้วยตอนนี้

“พี่ต้อมผมได้ข่าวมาว่าพี่พาแฟนมาด้วยนี่นา แล้วทำไมไม่เอามาเปิดตัวละ” น้องคนนั้นถาม ตอนนี้ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกแหละ ผมเห็นต้อมยิ้มให้มัน

อยู่ๆต้อมก็เดินเข้ามาโอบไหล่ผมแล้วยิ้มให้น้องคนนั้น ก่อนยกมืออีกข้างมาชี้ที่ผมน้องคนนั้นทำหน้าตกใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าหนุ่ยหนุ่ยก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆ ผมรู้สึกว่างานต้องเข้าผมแล้วคราวนี้เพราะตอนนี้ เพื่อนของต้อมก็ทำหน้าตกใจตามๆกันไปหมดแล้วครับ

ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้วเหมือนกันครับ เพราผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆเขาจะคิดยังไงนี่ครับ เพื่อนมันอาจจะเลิกคบกับมันเพราะผมเลยก็ได้นะครับ น้องคนนั้นเป็นคนที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนๆต้อมที่ยืนอยู่เลยครับ แล้วมันทีที่มันเข้าใจเรื่องแล้วมันก็เริ่มแล้วครับ วิญญาณสรยุทธเข้าสิงทันทีเลย

“จริงหรือพี่ที่พี่ต้อมบอกพี่เป็นแฟนเขานะครับ” มันยังทำหน้าไม่เชื่อ

ผมก็ยิ้มตอบอย่างเดียวสิครับ มันทั้งเขินทั้งอายแล้วก็ทำตัวไม่ถูกแล้วครับตอนนี้

“โห ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะ เชื่อไหมพี่ต้อมเขาป๊อบมากเลยนะสมัยเรียน ที่เห็นแกคบก็พี่ปลาคนเดียวเอง” ชื่อนี้ทำให้ผมคิดเรื่องเก่าขึ้นมาได้เลยครับตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เอามาคิดไรมากแล้วก็มันจบไปแล้วนี่ครับ

น้องคนนั้นยิงคำถามออกมาอีกเยอะมากแล้วตอนนี้ผมรู้สึกว่าจะมีคนมองมาที่ผมเยอะขึ้นกว่าเดิมแล้ว ผมว่าเรื่องที่ผมเป็นแฟนต้อมคงกระจายออกไปทั่วงานแล้วแน่ๆ บางคนมองแล้วก็แอบคุยกันแล้วมองมาที่ผม ตอนนี้ผมเหมือนเป็นตัวประหลาดยังไงก็ไม่รู้แล้วครับ  ผมเลยคิดว่าจะกลับบ้านตอนนี้ดีกว่าเพราะบรรยากาศมันเริ่มไม่ดี

“ต้อมพี่ว่าพี่กลับบ้านก่อนนะ” ผมกระซิบบอกต้อม

“เดี๋ยวกลับพร้อมกันเลยพี่ ผมก็อยากกลับพอดี” ต้อมบอก

เรายืนคุยกับเพื่อนต้อมซักพักดูเพื่อนต้อมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่กับเรื่องของเรา เหมือนว่าเพื่อนกูชอบไรก็ช่างมันเถอะยังไงก็เพื่อน เป็นผมผมก็คิดแบบนั้นแหละครับยังไงมันก็เพื่อนผม ตอนผมกับต้อมกลับออกมาหนุ่ยก็ตามออกมาด้วย มันบอกว่าขี้เกรียจตอบคำถามเรื่องของผมสองคนนะครับ

“เราไปบอกเพื่อนเราทำไมเรื่องเราเป็นแฟนกันนะ” ผมถามต้อมตอนนั่งรถกลับบ้าน

“แสดงว่าพี่ไม่อยากบอกใครใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน มีแต่ผมคิดคนเดียวใช่ไหมนี่” ต้อมทำเสียงงอนๆ

“เปล่านะไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่กลัวว่าเพื่อนเรามันจะเลิกคุยกับเรานะสิ” ผมอธิบายให้มันฟัง

“จะเลิกคุยก็ชั่งมันสิ แค่ผมมีพี่ผมก็พอแล้ว คนอื่นไม่เข้าใจเลิกคบกับผมก็ช่างมันสิ” มันทำเสียงงอนไม่เลิก

“อืม พี่รู้ว่าเราคิดยังไงแต่เราต้องสนคนอื่นด้วยนะ เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะ” ผมบอกกับมัน

“ต่อไปผมจะไม่บอกใครอีกแล้ว เราต้องมาหลบๆซ่อนๆกันด้วยเลยไหม” ดูมันประชดผมดิ เรื่องนี้ที่ไรมันจะงอนได้ทุกทีสิครับ

ผมทั้งอธิบายทั้งง้อมันแล้วครับตอนนี้ มันก็ยังไม่หายงอนผมสักที แล้วผมจะง้อมันแบบไหนดีละทีนี้

........................................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่41 P:4]22/05/10 10:29AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-05-2010 10:32:16
ตอนที่41

ผมพยายามที่ง้อต้อมมันตลอดทางมันก็ยังไม่หายงอนสักที แล้วผมจะทำไงดีเนี่ยคราวนี้มันคงคิดว่าผมไม่อยากบอกใครว่ามีมันเป็นแฟนแน่ๆ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆนะครับจริงๆผมนะอยากบอกทุกคนเลยด้วยซ้ำไป แต่เราก็ต้องเข้าใจคนรอบข้างด้วย เพราะมันไม่ได้มีทุกคนหรอกครับที่จะยอมรับกับเรื่องแบบนี้ ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีการเปิดเผยและยอมรับกันมากแล้วก็ตามที

“จะให้พี่ทำยังไงเนี่ยเราถึงจะหายงอนสักที บอกมาดิ” ผมบอกต้อมมัน ตอนนี้มันขับรถหน้างอเชียว

มันหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนหันกลับไปมองทาง “ถ้าผมบอกพี่จะทำจริงๆหรอ บอกไปก็ไม่ทำหรอกผมว่านะ” ว่ากันแบบนี้มันไม่ใช่แหละ ผมนะคนพูดคำไหนคำนั้นทำไมจะทำไม่ได้

“เอาก็ว่ามาสิ ยังไม่ทันบอกเลยก็หาว่าคนอื่นเขาไม่กล้าซะแล้ว” ผมว่ามันบ้าง

“งั้นต่อไปถ้าใครถามว่าพี่กับผมเป็นอะไรกัน พี่ต้องบอกเขาไปเลยนะว่าเป็นแฟนกับผม ห้ามปกปิดอีกแล้วด้วย” มันบอก

“เรื่องแค่นี้เองนะทำไมจะทำไม่ได้ละ จะให้ลงไปบอกคนข้างทางเลยไหมว่าเราเป็นแฟนพี่เดี๋ยวจัดให้เลย” ผมกวนมันบ้างทีนี้

พอผมพูดจบในก็จอดรถเข้าข้างทางทันทีเลยครับ เอากับมันสิเราก็พูดเล่นหน่อยเดียวมันเอาจริงซะงั้น ผมเลยหันไปมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมเฉยๆไม่พูดอะไรแล้วมันเข้าใจเลือกที่จอดด้วยนะครับ ตรงป้ายรถเมล์พอดีเลยแต่ว่านี่ก็เริ่มดึกแล้วเหมือนกัน แต่ว่าป้ายตรงนั้นยังมีคนรอรถอยู่ประมาณ6-7คนได้เลยครับ เป็นวัยรุ่นทั้งนั้นคงเป็นพวกที่มาเที่ยวสะพานพุทธแล้วกำลังรอรถกลับบ้านแน่ๆ

อะไหนๆมันก็จอดรถให้ขนาดนี้แล้ว แล้วผมก็เป็นคนบอกมันเองด้วยจะไม่ทำได้ยังไง แล้วผมก็ใช่คนขี้อายที่ไหนตอนทำกิจกรรมหาเงินเข้าชมรมยังยิ่งกว่านี้ ผมเลยเปิดประตูรถลงไปเลยครับผมเห็นมันมองตามผมงง มันคงไม่คิดว่าผมจะทำจริงๆแน่ๆแต่คิดผิดซะแล้วกับคนชื่อนัท

ผมลงมายืนข้างรถ “ทุกคนครับขอโทษนะครับ” ผมพูดเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน คนที่ป้ายก็หันมามองทางผมแล้วตอนนี้

“พอดีแฟนผมเขางอนผมนะครับที่ผมไม่ยอมบอกคนอื่นว่าเขาเป็นแฟน ผมเลยบอกว่าจะบอกทุกคนที่นี่แทนเขาจะได้หายงอน ยังไงก็อย่าถือสาแล้วกันนะครับ” ผมพูดต่อ คนที่ป้ายรถเมล์ได้แต่ยิ้มๆมาให้ผม แต่มันไม่จบแค่นี้หรอกครับจะให้ผมมายืนบอกคนเดียวได้ยังไง มันถึงเวลาเอาคืนแล้วครับตอนนี้

ผมเลยเดินอ้อมหน้ารถไปที่ฝั่งคนขับแล้วเปิดประตู แล้วดึงต้อมให้ออกมานอกรถมันขัดขืนไม่ยอมออกมาหรอกครับ แต่ผมหรือจะยอมดึงมันลงมาจนได้จนมันออกมายืนข้างนอกรถ คนที่ป้ายรถเมล์ทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันทีที่คนที่ผมบอกว่าเป็นแฟนดันเป็นผู้ชายแน่ๆ

“คนนี้แหละครับแฟนผมตัวจริงเสียงจริง งอนเก่งครับคนนี้” ผมหันไปบอกคนที่มองอยู่ เอาสิทีนี้จะได้รู้กันไปใครอายใครไม่อาย

“พี่นัทพอแล้วขึ้นรถเถอะ” ต้อมหน้าแดงแล้วตอนนี้ เพราะคนที่ป้ายรถเมล์เริ่มซุบซิบกันแล้วหันมายิ้มให้ผมกับมัน มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งยังตะโกนแซวกลับมาเลยครับ ว่าเสียดายที่มีแฟนแล้วไม่งั้นจะไปจีบแล้วอะไรทำนองนี้ แล้วผมก็ไม่ยอมขึ้นรถง่ายหรอกครับ มันต้องโดนเอาคืนซะมั่งแบบนี้

ต้อมเห็นผมไม่ยอมขึ้นรถแน่ๆเลยเปิดประตูหลังฝั่งเดียวกับคนขับแล้วจับผมเข้าไปนั่ง แล้วตัมมันก็รีบขึ้นรถขับออกไปเลยครับ ผมได้แต่นั่งยิ้มอยู่ข้างหลังมันคนเดียวคิดจะแกล้งใครไม่รู้ซะแล้ว

“หายงอนหรือยังทีนี้” ผมถาม

“หายตั้งนานแล้วแค่แกล้งพี่ไปงั้นแหละ แต่ไม่คิดว่าจะโดนเอาคืนแบบนี้” ต้อมมันบอก

ผมหัวเราะ “ก็นะเล่นแกล้งใครไม่แกล้ง” แล้วผมก็ขยับตัวเอามือไปโอบคอมันไว้จากข้างหลังเบาะ ต้อมมันก็ไม่ได้พูดอะไรยังหันมายิ้มให้ผมหน่อยนึงด้วย
คิดว่าผมจะหยุดแค่นั้นหรอครับ ผมค่อยๆเอามือที่โอบต้อมจากด้านหลังเบาะเลื่อนขึ้นมาลูบที่หน้าอกของมัน

“พี่นัทอย่าแกล้งสิครับขับรถอยู่นะ” ต้อมหันมาบอก

“เปล่าแกล้งนะทำจริงๆ” ผมบอกมันไป แต่มือยังไม่เลิกวุ่นวายที่หน้าอกของมัน

“อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน แล้วจะมาว่าผมรังแกพี่ไม่ได้นะ” แนะมันยังขู่ผมอีก แล้วผมจะกลัวดีไหมนี่

ผมเห็นมันขู่ผมแบบนี้ผมก็เลยค่อยเลื่อนมือจากหน้าอกลงมาที่หน้าท้องของต้อม แล้วค่อยปลดกระดุมเสื้อมันออกสองเม็ดจากข้างล่าง แล้วเอามือเข้าไปข้างในผมรู้สึกว่าต้อมมันจะขนลุกแล้วนะครับตอนนี้

“พี่นัทอย่าแกล้งผมสิครับ ผมขับรถอยู่นะเดี๋ยวไปชนคนอื่นเข้า” มันพยายามหาเหตุผลไม่ให้ผมแกล้งมัน แต่ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วครับ แล้วอีกอย่างกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านอยู่แล้วด้วย

พอเลี้ยวเข้าซอยเข้าบ้านแล้วผมก็เลื่อนมือจากวนอยู่ที่หน้าท้อง ลงมาที่ต้นขาของต้อมแล้วผมก็ลูบไปจนทั่วบริเวณนั้น ต้อมรีบขับรถจนมาถึงหน้าบ้านผมลงมาเปิดประตูรั้วให้ต้อม

“ถึงบ้านแล้วคราวนี้พี่โดนผมเอาคืนแน่ๆ” ต้อมมันพูดพร้อมกับตอนที่ผมจะลงไปเปิดประตูรั้ว

“กลัวที่ไหนละเรานะจับตัวพี่ให้ได้ซะก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมบอกแล้วลงไปเปิดรั้ว

พอรถเข้าบ้านแล้วผมรีบปิดประตูรั้ว แล้ววิ่งไปไขประตูบ้านทันทีเพราะผมกะว่าจะเข้าไปหลบต้อมในห้องนอนก่อน มันจะได้แก้แค้นผมคืนไม่ได้ ตอนที่กำลังไปประตูบ้านต้อมมันจอดรถเสร็จพอดี แล้วมันก็กำลังเดินมาที่ผมพอมันเห็นผมไขประตูบ้านได้เท่านั้นแหละครับ มันรีบวิ่งเข้ามาเลยผมก็รีบแทรกตัวเข้าไปในบ้านแล้วรีบปิดประตูทันที แต่ไม่ทันแล้วครับต้อมมันมาถึงแล้วเอาตัวดันประตูไว้

“คราวนี้พี่หนีผมไม่รอดแน่ๆ ผมจะคิดทั้งต้นทั้งดอกเลยงานนี้” ท่าทางผมจะแย่แน่ๆเลยงานนี้

..........................

แอบมาลงตอนสายๆ เดี๋ยวบ่ายมาลงเพิ่ม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่41 P:4]22/05/10 10:29AM
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 22-05-2010 10:40:52
ลงหนังสือพิพ์หน้า 1 หรือไม่ก็ประกาศออกโทรทัศน์เลย ดีไหมป๋า    เฮียต้อม อ๊ากกกกกกกกกกกกก


หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่41 P:4]22/05/10 10:29AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-05-2010 11:24:07
ชอบวิธีแกล้งคนขี้งอนของนัทครับ สะใจดี
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่42 P:4]22/05/10 08:25PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-05-2010 20:36:10
ตอนที่42

“พี่นัทไม่ต้องหนีเลย อยากมาแกล้งผมก่อนทำไม” ต้อมดันประตูเข้ามาจนได้ ผมเลยว่าจะหนีเข้าห้องนอนข้างล่างก่อนแต่ก็ไม่ทันแล้วต้อมมันคว้ามือผมไว้ได้พอดี

“เสร็จผมละพี่คราวนี้ หนีผมไม่ได้แล้ว” ต้อมมันปิดประตูบ้านแล้วดึงมือผมไว้

ต้อมดึงผมเข้าไปกอดผมก็ยอมแต่โดยดีเพราะไม่รู้จะขัดขืนไปทำไม พอกอดผมได้ต้อมก็จูบปากผมทันทีเลยครับ จูบครั้งนี้เป็นจูบที่เร้าร้อนมากอีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว ต้อมจูบผมนานมากก่อนจะถอนปากออกจากปากผม

“เมื่อกี้พี่ทำผมทั้งเสียวทั้งตื่นเต้น พี่ต้องรับผิดชอบด้วยนะ” ต้อมบอกผมก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มให้

ต้อมกลับมาจูบผมอีกครั้งระหว่างที่เราจูบกันอยู่ ต้อมก็ค่อยพาผมเดินมาที่โซฟาโดยที่ต้อมยังไม่เลิกประกบปากกับผมเลยนะครับ พอถึงโซฟาต้อมกับจับให้ผมนั่งลงบนโซฟาแล้วต้อมก็ขึ้นมานั่งบนตัวผม

“เตรียมรับการลงโทษจากผมได้แล้วคราวนี้ วันนี้ต่อให้พี่นัทขอร้องยังไงผมก็ไม่ยอมแล้ว” แต่ไม่ต้องให้ต้อมพูดผมก็รู้อยู่แล้วครับเรื่องแบบนี้ ผมเลยจับหน้าของมันดึงลงมาจูบอีกครั้งคราวนี้มือต้อมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆอีกแล้ว ต้อมปลดค่อยๆปลดกระดุมเสื้อผมออกแล้วใช้มือลูบที่หน้าอกของผม มืออีกข้างก็ค่อยๆลูบลงไปจนผ่านหน้าท้องลงไปป้วนเปี้ยนแถวเบจิต้าของผมด้านนอกกางเกงทำงานที่ผมใส่อยู่ ทำเอาผมเคลิ้มจนต้องเผลอครางออกมาทั้งที่ปากผมยังถูกปากของต้อมประกบอยู่

ผมก็เลยค่อยๆปลดกระดุมเสื้อต้อมออกบ้างเหมือนกัน ผมใช้มือลูบไปตามตัวต้อมเหมือนกันก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อต้อมออก ต้อมก็ถอดเสื้อผมออกเหมือนกันตอนนี้เราสองคนเหลือแต่กางเกงทั้งคู่ ต้อมค่อยๆเลื่อนจากการจูบปากผมมาที่ติ่งหูและไล่ลงมาที่ต้นคอ มันทำเอาผมเสียวไปทั้งตัวเลยตอนนี้ยิ่งตอนที่ต้อมใช้ลิ้นลงตรงที่ต้นคอนะ ผมงี้ขนลุกขึ้นมาเลยทีเดียวจนผมต้องร้องครางอือ อือ ออกมาในลำคอ

ต้อมค่อยๆเลื่อนปากลงมาที่หน้าอกผมแล้วก็ใช้ลิ้นเลียตรงที่หัวนมของผม ก่อนที่จะใช้ปากเม้นลงไปทำเอาผมต้องแอ่นหน้าอกไปกับความเสียวเลย ต้อมยิ่งได้ใจเมื่อเห็นผมมีอาการแบบนั้นยิ่งเน้นปากเข้าไปอีกจนผมต้องเอามือจิกกับโซฟาไว้เพื่อคลายความเสียว ต้อมเปลี่ยนจากข้างซ้ายมาข้างขวาส่วนมือก็ลูบเจ้าเบจิต้าของผมจนมันแทบจะแปลงร่างออกมานอกกางเกงแล้วตอนนี้

ต้อมวนอยู่ที่แถวหน้าอกผมซักพักก็ค่อยขยับตัวลงจากที่นั่งคร่อมผมอยู่บนโซฟา ลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นตรงกลางหว่างขาของผม แล้วค่อยๆเลื่อนหน้าจากหน้าอกลงมาที่หน้าท้องของผม ต้อมค่อยใช้ลิ้นเลียผ่านหน้าท้องผมจนผมต้องเกร็งท้องเลยที่เดียว

ต้อมเลื่อนหน้าลงมาต่อจนถึงเบจิต้าของผมที่แปลงร่างเต็มที่อยู่ในกางเกงทำงานแล้ว แต่ต้อมไม่ยอมถอดกางเกงผมออก กลับใช้ปากและลิ้นทั้งอย่างนั้นเลยมันให้ความรู้สึกแปลกๆไปอีกแบบ ยิ่งเพิ่มความเสียวและทรมานผมไปอีกเยอะเลยเพราะมันอึดอัดที่เบจิต้ามากๆ ตอนนี้กางเกงผมเปียกไปหมดแล้ว
“ต้อมเลิกแกล้งพี่เถอะนะ พี่ยอมต้อมทุกอย่างแล้ว” ผมบอกต้อมเพราะว่าทนอึดอัดเจ้าเบจิต้าไม่ไหวแล้ว

ต้อมไม่ตอบได้แต่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แล้วก้มหน้าลงไปเล่นงานเบจิต้าผมผ่านกางเกงต่อสักพักต้อมก็ค่อยรูดซิบกางเกงผมผมออก ทำให้ผมคลายความอึดอัดได้บ้างเพราะยังติดที่กางเกงในอีกชั้น ผมเลยจะถอดกางเกงออกแต่ต้อมก็มาจับมือผมห้ามไว้ แล้วต้อมก็ก้มหน้าลงไปใช้ลิ้นผ่านช่องซิบลงไปจนโดนกับเบจิต้าที่กันผ่านทางกางเกงในเท่านั้นเอง

ไม่รู้ต้อมมันไปหาวิธีพวกนี้มาจากไหนแต่มันก็ทำให้ผมเสียวและตื่นเต้นมากเลย เบจิต้าผมแปลงร่างจนแทบจะฉีกกางเกงในออกมาแล้วตอนนี้ แถมยังอึดอัดมากจนผมต้องขยับตัวหนีลิ้นของต้อมบ่อยๆ ช่างเป็นการลงโทษที่ทรมานผมได้มากจริงๆคราวนี้

“ต้อมพอเถอะนะพี่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมอ้อนวอนต้อม

ดูเหมือนคราวนี้ต้อมจะยอมทำตามคำขอผมหน่อยๆแล้ว เพราะมันใช้มือไปช่วยให้เบจิต้าผมได้ออกมาสู่โลกภายนอกแล้วตอนนี้ แต่มันก็ยังไม่ยอมถอดกางเกงผมออกเหมือนเดิม เบจิต้าผมออกมาชมโลกภายนอกผ่านทางช่องซิบ แต่ได้เห็นแสงสว่างไม่นานก็โดนต้อมจัดการอีกแล้ว

ต้อมใช้ลิ้นเลียที่รอบๆหัวของเบจิต้าทำเอาผมเสียวจนต้องไปมือไปบีบไหล่ต้อมมันไว้ ต้อมใช้ลิ้นสำรวจทุกส่วนของเบจิต้าเลยไปจนถึงฐานหญ้าที่เบจิต้ายืนอยู่เลยตอนนี้ ผมก็ทำได้แค่ยกสะโพกให้ต้อมสำรวจได้ง่ายๆเท่านั้นแหละครับตอนนี้

พอต้อมใช้ลิ้นสำรวจเบจิต้าผมจนพอใจแล้วก็ค่อยใช้ปากพามันเข้าสู่ความมืดมิดอีกแล้วตอนนี้ ต้อมค่อยๆโยกหัวขึ้นลงที่ตัวเบจิต้าผม ผมนั่งมองเห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก ผมเอามือจับหัวต้อมไว้เพื่อเป็นการช่วยให้จังหวะในการโยก แต่ตอนนี้ก้นผมแทบไม่ได้ติดอยู่กับโซฟาแล้วเพราะมันเสียวมากๆ จนผมได้แต่แหงนหน้ามองเพดานพร้อมกับครางออกมาด้วยความสุขบนเสียว

ต้อมพอเห็นผมอาการแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจเร่งจังหวะในการโยกเบจิต้าผมเข้าไปอีก ผมเสียวจนมืออีกข้างจิกกับโซฟาแน่นเลยตอนนี้ ผมก็ได้แต่คอยยกสะโพกให้เข้ากับจังหวะของต้อมเท่านั้น

ต้อมเร่งจังหวะจนผมจะไม่ไหวแล้วตอนนี้ผมจับหน้าเพื่อจะให้ต้อมหยุดก่อน แต่ไม่เป็นผลมันกลับยิ่งเร่งจังหวะเข้าไปอีก จนผมต้องเอามือไปจิกที่ไหล่ของมันไว้เลยทีเดียว มันยิ่งได้ใจยิ่งโยกจังหวะขึ้นไปอีกจนผมไม่ไหวแล้วจริงๆ มันเสียวไปหมดแล้ว เบจิต้าผมก็อดทนกับการที่จะปลดปล่อยพลังไม่ไหวแล้ว

“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้วนะพี่จะออกแล้ว” ผมบอกต้อมด้วยเสียงที่สั่นๆจากความเสียว

ต้อมไม่ตอบได้แต่เหลือบตามามองผมนิดหน่อย แต่ก็ยังเร่งจังหวะต่อไปจนผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมก็ระเบิดพลังเบจิต้าออกมาภายในปากของต้อม ผมเอามือกุมหัวต้อมไว้ทั้งสองข้างต้อมหยุดปากไว้โดยที่เบจิต้าผมอยู่ข้างในทั้งตัวเลย ต้อมกินพลังงานของเบจิต้าไปจนหมดก่อนที่จะปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

ผมได้แต่หายใจหอบๆอยู่ตอนนี้  แต่ไม่ทันที่ผมจะทำอะไรต่อต้อมก็ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผมอีกครั้งแล้วตอนนี้

“พี่นัทรักผมไหมครับ” ต้อมถาม ขนาดนี้แล้วมันยังจะถามอีกนะ

“รักสิรักมากด้วย แต่เราละรักพี่หรือเปล่า” ผมถามกลับบ้าง

“ผมนะรักพี่นัทที่สุดเลยรู้ไหมครับ จนเรียกว่าผมขาดพี่ไม่ได้เลยแหละครับ” ต้อมบอกแล้วก้มลงมาจูบผม แต่จูบครั้งนี้มีกลิ่นคาวๆนิดๆนะนี่ คงเพราะพลังงานของเบจิต้าผมแน่ๆ

ต้อมจูบผมไปส่วนท่อนล่างที่นั่งทับเบจิต้าผมก็ขยับไปด้วย ผมก็คนไวไฟนะครับแปบเดียวเบจิต้าผมก็แปลงร่างพร้อมสู้ขึ้นมาอีกแล้วตอนนี้ ดูเหมือนต้อมก็จะรู้สึกได้เหมือนกันเพราะจากการที่ต้อมขยับสะโพกให้มันเสียดสีกับเบจิต้าผมมากขึ้น

ผมเลยค่อยๆเอามือไปปลดเข็มขัดต้อมออก ต้อมก็รู้งานลุกขึ้นให้ผมถอดกางเกงออกง่ายๆ แล้วกลับมานั่งทับเบจิต้าผมไว้ต่อหลังจากถอดกางเกงต้อมผมก็ถอดของตัวเองบ้างทีนี้ ผมกับต้อมยังจูบกันอยู่โดยที่ต้อมนั่งทับผมไว้บนโซฟา แถมยังเอาสะโพกมาโยกเสียดสีกับเบจิต้าผมไปด้วย

ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วผมเลยจัดการจับเจ้าเบจิต้าผมมุดเข้าไปในตัวของต้อมทันที ต้อมใช้มือจิกหลังผมแน่นมากแล้วครางอืออือในลำคอตลอดเวลาตอนที่ผมค่อยๆ เอาเบจิต้าเข้าไปในตัวของต้อมแล้วต้อมก็ช่วยขยับตัวตลอดเวลาให้มันเข้าไปได้ง่ายขึ้น

พอเบจิต้าเข้าไปจนหมดแล้วผมก็จับเอวต้อมให้อยู่เฉยๆก่อน เพราะผมกำลังเสียวกับการตอดรัดจากข้างในของต้อม ต้อมครางออกมาตลอดเวลาที่จูบผมอยู่เลย
หลังจากแช่ไว้สักพักผมก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ ตอนนี้ต้อมก็ช่วยขยับรับกับผมแล้วผมเลยค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นอีก ต้อมเลิกจูบผมแล้วหันมากอดคอผมแน่นมากๆ ครางข้างหูผมตลอดเวลาผมก็ค่อยเปลี่ยนจังหวะไปเรื่อยๆจากช้าไปเร็วจากเร็วไปช้าบ้าง บางครับก็สาวยาวๆจนต้อมเผลอตัวกัดไหล่ผมไว้ก็มี

ต้อมก็ไม่น้อยหน้าช่วยตั้งรับตลอดเวลายิ่งเพิ่มความเสียวให้กับเราสองคนมากขึ้นไปอีก ผมเอามืออีกข้างไปจับโงกุนของต้อมไว้ให้ติดกับหน้าท้องของผม เพราะเวลาที่ต้อมขยับตัวโงกุนต้อมก็จะขยับเสียดสีกับหน้าท้องผมไปด้วย เพิ่มรสชาติความเสียวให้เราทั้งสองคนอีกมากเลยทีเดียว

เพราะผมสังเกตจากเสียงครางของต้อมที่ครางข้างหูผมตลอดเวลา พร้อมทั้งกอดทั้งจิกหลังทั้งกัดไหล่ผมตลอดเวลา

“พี่นัทผมเสียวมากเลยครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว” ต้อมบอกเสียงสั่นเชียวตอนนี้

ผมเลยรีบเร่งจังหวะเร็วมากขึ้นทำให้ต้อมเสียวมากขึ้นด้วยการใช้มือสู้กับโงกุนที่กดไว้ที่หน้าท้องผมด้วย ต้อมดึงตัวผมไปกอดไว้จนแน่นมากเลยแล้วกัดลงตรงที่หัวไหล่ผม

ก่อนที่ต้อมจะเกร็งตัวแล้วระเบิดพลังของโงกุนใส่หน้าท้องผมเต็มไปหมดเลยตอนนี้ จากการเกร็งของต้อมมันมีผลต่อภายในตัวด้วยยิ่งกระตุ้นให้ผมเสียวมากขึ้น ผมเร่งจังหวะแล้วเน้นๆอีกสามสี่ครั้งก่อนที่จะกดเอวต้อมไว้ ให้เบจิต้าผมเข้าไปในตัวต้อมให้ลึกที่สุด ก่อนที่เบจิต้าผมจะปลดปล่อยพลังออกมาอีกรอบหนึ่งภายในตัวต้อม

ต้อมยังกอดผมไว้แน่นเราสองคนต่างหายใจเหนื่อยหอบแข่งกันเลยตอนนี้

“เจ็บไหมพี่นัท” ต้อมถามพร้อมกับจูบลงตรงรอบกัดที่ไหล่ผม

“อืม ไม่เป็นไรหรอก” ผมบอกก็ผมเริ่มชินแล้วมั้ง ทำแบบนี้ทีไรฝากรอยแผลทุกทีเลย แต่ครั้งนี้ดูท่าจะรุนแรงกว่าครั้งอื่นๆเพราะผมรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่เลย

“ต้อมพี่รักเรานะ” ผมบอกต้อมอีก

ต้อมหันมองหน้าผม “ผมก็รักพี่นัทนะครับ” แล้วก็จูบผมอีก

เราพักเหนื่อยกันแล้วก็ไปอาบน้ำกัน ผมยืนมองดูแผลที่หัวไหล่ตรงหน้ากระจก

“คราวนี้แผลลึกนะนี่ พี่ว่าวันหลังต้องพาเราไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าแล้วละ” ผมบอกพร้อมกับหัวเราะออกมา

“โห ว่าผมเป็นหมาหรอพี่ ยังงี้มันต้องโดนอีกรอบแล้ว” ว่าแล้วต้อมก็เดินเข้ามากอดผมข้างหลัง

“ไม่เอาแล้วนะ” ผมบอกต้อม แต่มันฟังผมที่ไหนกันครับผมจับผมหันหน้าเข้าหามัน แล้วดันผมจนไปนั่งที่วางของข้างอ่างล้างหน้า

“ไม่เอาแล้วนะ พี่ไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเพราะผมเหนื่อยแล้วจริงๆ ผมตั้งสองรอบแล้ว

“พี่ไม่ไหวแต่ผมยังไหวนี่ครับ” แล้วมันก็ยกตัวผมขึ้นไปนั่งบนที่วางของทันที มันก็แทรกตัวเข้ามาตรงกลางตัวผมมันเริ่มจูบปลุกอารมณ์ผมอีกครั้งแล้วตอนนี้

ส่วนต้อมมันไม่ต้องปลุกอารมณ์แล้วครับมันพร้อมเต็มที่แล้ว หลังจากเข้าที่เข้าทางแล้วต้อมมันเอาโงกุนค่อยๆเข้ามาในตัวผม ผมเกร็งเล็กน้อยต้อมต้องเลยค่อยๆดันโงกุนเข้าไป พร้อมกับจูบเพื่อให้ผมผ่อนคลายลงจนมันพาโงกุนเข้ามาในตัวผมจนหมด

ผมกอดต้อมไว้แน่นจากความอึดอัดที่ต้อมให้ผมมา ต้อมใช้มือมาสู้กับเบจิต้าผมอีกครั้งผมบอกแล้วว่าผมมันพวกไวไฟจุดปุ๊บติดปั๊บทันทีเลย ต้อมมันเลยจัดการเบจิต้าผมซะเต็มกำมือเลย จนผมเริ่มครางในลำคอต้อมก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกทันที

ตอนนี้ผมเสียวไปหมดทั้งจากโงกุนแล้วก็จากมือของต้อม จนผมทั้งครางทั้งเอามือจิกที่หลังต้อมเพื่อที่จะได้คลายความเสียวลงบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หรอกครับในเมื่อต้อมเล่นเพิ่มความเสียวเข้ามาเรื่อยๆเลย ต้อมเองก็คงไม่แพ้ผมหรอกครับฟังจากเสียงครางในลำคอของมัน กับจังหวะที่มันเพิ่มเร็วขึ้นทุกขณะเลยตอนนี้

“พี่นัทผมมีความสุขจังเลย” ต้อมบอกข้างๆหูผม

“อือ.. พี่ก็มีความสุขมากๆเหมือนกัน” ผมบอก

ตอนนี้เราสองคนเหงื่อเต็มตัวกันอีกแล้วแล้วครั้งนี้ต้อมก็ทนมากๆ อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วก็ได้ แต่ผมจะครั้งที่สามแล้วตอนนี้ ผมเริ่มทนความเสียวจากมือของต้อมที่จัดการสู้กับเบจิต้าผมไม่ไหวแล้วด้วยตอนนี้

“ต้อมพี่จะไม่ไหวแล้วนะ ใกล้แล้ว” ผมบอกต้อมพร้อมกับซุกหน้าไปที่ไหล่ของมัน

ต้อมมันเลยรีบเร่งจังหวะของการโยกสะโพกเข้าออก พร้อมกับเร่งมือที่จัดการเบจิต้าด้วยจนผมเสียวมาก ผมเลยกัดไหล่มันไว้บ้างคราวนี้ แต่ดูเหมือนยิ่งกระตุ่นมันเข้าไปอีกเพราะต้อมมันกลับยิ่งเร่งจังหวะและร้องครางออกมาดังขึ้นกว่าเดิมอีกตอนนี้

“พี่นัทเราเสร็จพร้อมกันนะครับ” ต้อมบอกผมผมไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเพราะตอนนี้มันตอบไม่ไหวแล้วเสียวมากจริงๆ

ต้อมเร่งมือที่เบจิต้าผมใหญ่เลยคราวนี้จนผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมเริ่มเกร็งตัวเกร็งหน้าท้อง

“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้วพี่ออกแล้ว” แล้วผมก็ระเบิดพลังงานของเบจิต้าออกมาเต็มหน้าท้องตัวเอง ต้อมก็เร่งโยกสะโพกเข้าออกแรงๆจนผมเสียวจนไม่รู้จะทำไง เลยกัดหัวไหล่มันอีกหนแต่ครั้งนี้น่าจะแรงกว่าครั้งแรก ต้อมมันร้องครางเสียงดังก่อนกอดผมแน่นมาก พร้อมกับโยกสะโพกเน้นๆอีกสองสามครั้งก่อนที่จะเกร็งตัว
“ทำไมพี่ทำให้ผมมีความสุขได้มากขนาดนี้นะ” ต้อมหายใจหอบอยู่ข้างหูผม

ผมก้มดูรอยกัดของผมที่หัวไหลมัน มันก็แค่เป็นรอยเท่านั้นแต่ไม่ได้เข้าเหมือนที่มันกัดผมเลย ฟันมันนี่คมจริงๆแล้วเราก็ต้องอาบน้ำกันใหม่อีกรอบ ผมละเพลียมากๆเลยตอนนี้อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นเตียงนอนเลย ต้อมต้องเอาเสื้อผ้ามาแต่งให้ผมบนที่นอน ถึงยังไงเราก็ไม่เคยนอนเปลือยด้วยกันนะครับ เพราะว่าผมเป็นคนป่วยง่ายถ้านอนถอดเสื้อผ้า ต้อมมันรู้ดีมันเลยเอาชุดนอนมาใส่ให้ผม

“นอนหลับฝันดีนะครับที่รักของผม” ต้อมบอกแล้วก็จุ๊บปากผมอีกทีหนึ่ง

“อืม..ฝันดีเหมือนกันนะ” ผมบอกพร้อมกับหลับตาลง เพราะไม่ไหวทำงานเหนื่อยทั้งวัน ไปงานเลี้ยงก็เหนื่อยกลับมาบ้านยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเดิมอีก ต้อมมันก็ปิดไฟแล้วเข้ามานอนกอดผมผมก็หลับไปภายใต้อ้อมกอดของต้อมเหมือนเดิม

...........................
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่42 P:4]22/05/10 08:25PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 22-05-2010 21:21:26
ยังตามอ่านอยู่นะคะ.....
ความรักล้นปรี่เลยคู่นี้.....
น่าอิจฉาสุด ๆ ...... :o8:

 :L1: :pig4: ให้คุณนัท

กด+ ให้กับความหวานนนนน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่42 P:4]22/05/10 08:25PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 22-05-2010 22:48:11
น่ารักครับ

ติดตามตลอดครับผม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่42 P:4]22/05/10 08:25PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-05-2010 23:08:56
ทุกๆวันคือข้าวใหม่ปลามันของคู่นี้ น่ารักน่าอิจฉาจัง
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่42 P:4]22/05/10 08:25PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 23-05-2010 10:52:35
 :z2: :z2: เต้นดันกระทู้ไว้ก่อน :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 23-05-2010 15:32:01
ตอนที่43

ตอนนี้ต้อมเข้ามาทำงานกับผมแล้วครับ พี่น้ำให้ต้อมเข้ามาทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของผม เพราะตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบดูแลลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท ทำให้งานเยอะมากและต้องเข้าประชุมกับลูกค้าตลอด ทำให้ทำคนเดียวไม่ทันและอีกอย่างจะได้ช่วยกันในการดูแลลูกค้าด้วย

เวลาทำงานต้อมเลยจะอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ว่าจะออกนอกสถานที่หรือไปต่างจังหวัด พี่น้ำบอกว่ามันจะได้ไม่มีปัญหาตามมาที่หลัง แล้วมันก็ทำให้ผมกับต้อมสบายใจกันมากขั้นด้วยเวลาทำงาน ทำให้งานเดินหน้าได้เร็วมากขึ้นไปอีกด้วย

เราทำงานมาด้วยกันได้สามเดือนแล้วตอนนี้ ต้อมก็ใกล้จะรับปริญญาแล้วตอนนี้ผมเลยจะต้องไปหาของขวัญให้มันซะหน่อยแล้ว การเลือกของขวัญให้กันตอนนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะพวกเราคิดว่าเราไม่ต้องการสิ่งอื่นๆต่อกันและกันแล้วตอนนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ต้อมแหละครับ

ผมคิดอยู่หลายอย่างเลยตอนนี้แหวนเราก็มีแล้ว สร้อยเราก็มีกันแล้วไปเที่ยวเราก็ไปมาแล้ว ผมคิดไม่ออกสักอย่างเลยตอนนี้

“ครืนๆๆ” เสียวโทรศัพท์ผมสั่นบนโต๊ะทำงาน เป็นเบอร์ที่บ้านต้อมโทรเข้ามา

“สวัสดีครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมรับสาย

“ดีจ๊ะลูก ต้อนนี้ต้อมอยู่แถวๆนะนั้นหรือเปล่าลูก” แม่ต้อมถามผม

“อยู่ครับแม่จะคุยกับมันหรอครับ” ผมถามเพราะต้อมนั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างหลังผมนี่เอง

“ไม่หรอกแม่อยากคุยกับลูกนะแหละ ออกมาคุยห่างๆต้อมได้ไหม” แม่ต้อมบอกแต่ว่าทำไมต้องไม่อยากให้ต้อมได้ยินด้วยนะ

“ได้ครับ รอแปบนะครับ” แล้วผมก็ลุกเดินออกมาคุยหน้าออฟฟิศ

“ผมออกมาข้างนอกแล้วครับ แต่ว่าแม่มีเรื่องอะไรหรอครับถึงไม่อยากให้ต้อมได้ยิน” ผมสงสัย

“แม่อยากคุยกับเราก่อนนะเพราะว่าถ้าคุยกับต้อมมันต้องไม่ยอมแน่ๆ แม่รู้นิสัยลูกแม่ดีแล้วแม่อยากให้ลูกช่วยแม่เรื่องนี้ด้วย” แม่ต้อมทำเสียงกังวล

“แต่ว่ามันเรื่องอะไรกันครับ” ผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

“ก็พ่อเขานะสิอยากให้ต้อมไปเรียนต่อเมืองนอกนะ เขาบอกว่าอยากให้เรียนสูงกว่านี้เพราะว่าเวลากลับมาช่วยงานที่บ้านจะได้ไม่มีใครว่า ลูกต้องเข้าใจนะว่าผลสุดท้ายต้อมก็ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้านอยู่ดี จะให้ทิ้งกิจการของครอบครัวไม่ได้หรอกนะลูก” ผมต้อมอธิบายเรื่องราวที่ผมสงสัยออกมา

“แล้วทำไมแม่ไม่คุยกับต้อมมันเลยละครับ” ผมถามบ้าง

“ก็แม่คิดว่าถ้าบอกไปมันก็ไม่ยอมไปหรอกเพราะต้องห่างลูกตั้งหลายปี แค่นี้มันยังไม่ค่อยยอมกลับบ้านแล้ว ลูกก็น่าจะรู้ว่าต้อมมันติดลูกมากขนาดไหน แม่กับพ่อเลยคิดว่าจะให้ลูกไปเรียนกับต้อมด้วย เดี๋ยวพ่อกับแม่ออกค่าใช้จ่ายให้เอง” แม่ต้อมชวนผม

“เออ ผมว่าเดี๋ยวผมคุยกับมันให้แล้วกันครับเรื่องนี้ แต่ผมคงไม่ไปเรียนกับมันหรอกนะครับ เพราะถ้าจะไปผมก็จะไปด้วยตัวของผมเอง” ผมบอกแม่ต้อมไปเพราะเรื่องนี้จะให้ผมไปได้ยังไง พ่อแม่ผมจะคิดยังไงอยู่ต้องให้คนอื่นมาออกเงินให้

“แล้วต้อมมันจะยอมไปหรือลูก แม่กลัวมันไม่ยอมไปนะสิ” แม่ต้อมทำเสียงกังวล

“เดี๋ยวผมจัดการให้เองครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแต่ว่าขอเวลาหน่อยนะครับ” ผมบอกแม่ต้อมไป

“แล้วแต่ลูกเลยแล้วกัน ยังไงแม่ก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะลูก แม่ไม่อยากให้พ่อกับลูกทะเลาะกันอีก” แม่ต้อมบอก

“ครับแม่ไม่ต้องห่วง แล้วผมจะโทรไปบอกนะครับ” ผมบอกก่อนที่จะวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปทำงาน

“แม่โทรมาว่ายังไงหรอพี่นัท” ต้อมหันมาถามหลังจากที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้ว มันยังรู้อีกแหนะว่าแม่มันโทรมา ผมคิดว่ามันไม่ได้สนใจซะอีกตอนนั้น

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกเรื่องวันรับปริญญาเรานะแหละ” ผมบอกบ่ายเบียงไปก่อน เพราะผมยังนึกวิธีที่จะบอกต้อมไม่ได้เลยตอนนี้

ต้อมก็ไม่ได้สนใจอะไรเราก็ทำงานกันไปจนเลิกงาน แต่ผมคิดเรื่องของมันตลอดเวลาว่าผมจะทำให้มันไปเรียนต่อได้ยังไง แล้วผมจะอยู่ยังไงช่วงที่มันไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ผมก็อยากให้มันไปเรียนนะครับผมคงต้องหาวิธีหน่อยแล้ว

“พี่นัท! พี่คิดอะไรอยู่ผมถามตั้งหลายครั้งแล้ว” ต้อมเรียกตอนที่ผมกำลงคิดเรื่องของมันเพลินพอดี

“เออ เรื่องงานนะแหละไม่มีไรหรอก แต่ว่าเราถามพี่ว่าอะไรละ” ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังขับรถกลับบ้านอยู่

“ผมถามพี่ว่าวันนี้ไปกินซูชิกันไหม ผมอยากกินนะ” ต้อมบอก

“อืม ไปสิไปมาบุญตครองก็ได้นะใกล้ดี” ผมบอกต้อมหันมายิ้มก่อนขับรถไป

เราขึ้นไปกินกันที่ฟูจิชั้นบนของโรงหนังเพราะพอดีผมเห็นหนังที่ผมอยากดูเข้าพอดี ผมเลยจองตั๋วก่อนที่จะไปกินข้าวกัน ต้อมสั่งชุดปลาดิบมากินจริงๆสงสัยจะอยากกินมากเพราะสั่งชุดใหญ่มาเลย ส่วนผมไม่ได้สั่งอะไรหรอกครับมื้อนี้ให้ต้อมมันเลือก อีกอย่างผมอยากจะตามใจมันด้วยช่วงนี้ เพราะถ้ามันไปเรียนผมคงไม่ได้ทำอะไรให้มันเหมือนทุกวันนี้แน่ๆ

“อะ ชอบอันนี้ไม่ใช่หรอ” ผมคีบซูชิหน้าไข่หอยเม่นป้อนให้มัน มันก็หันมากิน

“วันนี้พี่นัทเป็นไรนะ ดูเอาใจผมยังไงก็ไม่รู้” ต้อมมันสงสัย

“อ่ะนะ คนเราเอาใจใส่ก็ไม่ชอบ งั้นไม่สนใจแล้วก็ได้ถ้างั้น” ผมแกล้งทำงอน เพื่อเปลี่ยนเรื่องไว้ก่อน

“ไม่เอาอะ ถ้างั้นป้อนอีกนะนะ” ได้ทีมันเริ่มอ้อนบ้างแหละทีนี้

ตกลงมือนี้ผมก็ป้อนมันเกือบทุกอย่างแหละครับ จนพนักงานมองมาทางผมกับต้อมบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วครับ เรื่องแบบนี้ก็เห็นคนมองเราสองคนประจำแหละ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็เข้าดูหนังพอดี เพราะเรากะเวลาตอนกินข้าวกันไว้แล้ว

ตอนผมดูหนังผมก็นั่งจับมือต้อมไว้ตลอดเวลา ต้อมหันมามองผมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก มีแต่ผมนี่แหละที่อยากจะอยู่กับต้อมให้เยอะที่สุดเลยตอนนี้
วันนี้เรามาทำงานกันเหมือนเดิม ผมก็ยังคิดเรื่องเรียนต่อของต้อมเหมือนเดิม

“ครื่นๆๆ” เสียงโทรศัพท์สั่นที่โต๊ะทำงานผมเป็นเบอร์แม่ต้อมเหมือนเดิม

“นัทลูกคุยกับต้อมหรือยัง” แม่ต้อมถามผม

“ยังเลยครับแม่กำลังหาทางคุยอยู่ครับ” ผมบอก

“พอดีเพื่อนพ่อเขาจัดการเรื่องที่เรียนให้เรียบร้อยแล้วนะ รู้สึกว่าจะไปหลังวันรับปริญญานี่แหละลูก ยังไงก็รีบๆบอกต้อมมันให้ด้วยนะ” แม่ต้อมบอกเสร็จก็วางสายไปเลยตอนนี้

แล้วผมจะทำยังไงดีละทีนี้เพราะว่าเหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์ต้อมก็รับปริญญาแล้วด้วย ผมเลยขึ้นไปคุยกับพี่น้ำเรื่องนี้เพราะผมคงต้องปรึกษาแกแล้วละครับตอนนี้ เพราะว่ามันมีเรื่องงานของต้อมที่ทำอยู่ด้วย เพราะถ้าต้อมไปเรียนผมคงต้องทำคนเดียวหรือหาคนมาช่วยใหม่

พี่น้ำบอกว่าให้คุยกับต้อมตรงๆไปเลยเพราะว่าไม่มีเวลามากแล้ว แล้วเราจะได้ทำอะไรให้คุ้มค่าก่อนที่เราจะต้องจากกันไปคนละที่ พี่น้ำก็เตรียมเคลียงานในส่วนที่ต้อมทำด้วย

เย็นนี้ผมตัดสินใจที่จะคุยกับต้อมเรื่องนี้ ตอนเย็นผมเลยชวนต้อมไปกินข้าวร้านโปรดที่ต้อมชอบ แล้วผมก็ชวนต้อมไปนั่งเล่นกันที่สะพานพระราม8 ตอนเย็นๆบรรยากาสดีมากๆเราสองคนชอบไปกันบ่อยๆ ต้อมดูเหมือนสงสัยนิดหน่อยแล้ว จนผมกลับมาถึงบ้าน

“พี่นัทพี่มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย ดูใจดีกับผมจังเลยช่วงนี้” ต้อมถามผมเมื่อเราเข้ามาในบ้านแล้ว

“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน แต่เราสัญญานะว่าจะคุยกันจนจบ” ผมมองหน้าต้อม ต้อมก็พยักหน้าเราเลยไปนั่งคุยกันที่โซฟา

“ต้อมคือว่าเราจำได้ไหมที่แม่เราโทรมาหาพี่นะ” ผมถามต้อม ต้อมพยักหน้า

“คือแม่เราเขาจะให้เราไปเรียนต่อเมืองนอกนะ เขาติดต่อที่เรียนไว้เรียบร้อยแล้วด้วย” ผมเล่าให้ต้อมฟัง

“แต่ผมไม่อยากเรียนต่อนี่นา ผมไม่อยากห่างจากพี่นัทนานๆพี่ก็รู้” ต้อมบอกผม

“แต่พี่ก็อยากให้เราไปนะเพราะว่ามันดีต่อเราด้วย อีกอย่างถ้าเราตั้งใจเรียนก็แค่สองปีเอง” ผมพยายามให้เหตุผล

“แต่ผมไม่อยากไปนี่ ถ้าไม่มีพี่ไปด้วยผมไม่ไปหรอก” ต้อมบอกเสียงแข็งเลยตอนนี้

“ไม่ได้หรอกถ้าพี่จะไปพี่ก็ขอไปด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ที่บ้านเราต้องมาช่วยเรื่องนี้หรอก เราไปเรียนต่อเถอะนะพี่รับปากพ่อกับแม่เราแล้วด้วยเรื่องนี้” ผมบอก

“ผมไม่ไปเด็ดขาด” ต้อมยังยืนยันคำเดิม

“แต่เราต้องไปนะ พี่อยากให้เราไปจริงๆ แล้วอีกอย่างพ่อแม่เราก็อยากให้เราไปด้วย” ผมยังยืนยันต้อมไปเหมือนเดิม

ต้อมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปเลยตอนนี้ ผมเดินตามเข้าไปแต่เข้าไม่ได้เพราะต้อมล็อคห้องไว้

“ต้อมเปิดประตูให้พี่หน่อย คุยกันดีนะ” ผมบอกผ่านประตู

“ทำไมพี่อยากให้ผมไปไกลๆนักละ ผมไม่อยากไปผมไม่อยากห่างจากพี่นะ” ต้อมบอกกลับมา ตอนนี้เสียงต้อมเหมือนจะสั่นๆนิดๆแล้วด้วย


...................................

ลงหลายเรื่องไปหน่อย ช่วยตามอ่านด้วยนะครับ :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 23-05-2010 15:53:24
สงสารต้อมง่ะ.......
รักพี่นัทขนาดนั้น......จะห่างกันได้งั๊ย.... :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้คุณนัท  :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-05-2010 17:59:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 23-05-2010 19:18:35
ใจมันรักกันไกลแค่ไหนก็ยังรัก สองปีก็แค่ยี่สิบสี่เดือนเอง เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ให้ได้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 23-05-2010 20:19:52
มารอลุ้นว่าต้อมจะไปหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่43 P:4]23/05/10 03:27PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2010 00:02:17
สงสารต้อมง่ะ.......
รักพี่นัทขนาดนั้น......จะห่างกันได้งั๊ย.... :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้คุณนัท  :L2:



แล้วไม่สงสารผมบ้างหรือไงคร้าบ :serius2: :serius2:


ใจมันรักกันไกลแค่ไหนก็ยังรัก สองปีก็แค่ยี่สิบสี่เดือนเอง เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ให้ได้ครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้าไม่รักใกล้กันแทบตายก็เลิกกันอยู่ดี :sad4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่44 P:4] 24/05/10 00:03AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2010 00:07:38
 o13 o13ทำแฮททริกลงสามเรื่องรวด o13 o13

....................

ตอนที่44

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราเปิดประตูให้พี่ก่อน เราจะได้คุยกันให้เข้าใจ” ผมบอกต้อมให้เปิดประตู

“ไม่เอาเดี๋ยวพี่ก็จะไล่ให้ผมไปเรียนอีก ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว” ต้อมบอกกลับมา

“ถ้าเรายังไม่ยอมรู้เรื่องแบบนี้ พี่ไปนอนที่อื่นก็ได้ถ้างั้น” ผมแกล้งบอกต้อมมันไปเพราะผมรู้ว่ามันไม่ยอมให้ผมไปนอนที่อื่นแน่ๆ

แล้วมันก็ได้ผลจริงๆต้อมก็ยอมเปิดประตูออกมา ต้อมตาแดงๆแล้วตอนนี้สงสัยจะน้อยใจผมจริงๆ ผมเห็นแบบนี้เลยเดินเข้าไปกอดต้อมไว้ เผื่อมันจะผ่อนคลายลงบ้าง ผมกอดต้อมอยู่นานพอสมควรผมก็เริ่มพูดเรื่องเรียนใหม่

“ต้อมเราต้องเข้าใจพี่นะ ว่าพี่ก็ไม่ได้อยากให้เราไปนักหรอก แต่มันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่เรา แล้วพี่ก็เห็นว่ามันเป็นผลดีต่ออนาคตของเราด้วย ต่อให้เราไปเรียนเราก็ยังติดต่อกันได้อยู่นะ” ผมอธิบายเหตุผลให้ต้อมฟังโดยที่ยังกอดมันอยู่

“แต่ผมไม่อยากไปนี่ ผมไม่อยากไปคนเดียว” ต้อมยังไม่ยอมฟังเหตุผล

“เราต้องฟังพี่บ้างสิ คราวนี้เราต้องทำให้พ่อกับแม่ของเรานะ เขาก็ยอมเรามาเยอะมากพอแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พวกเราต้องทำให้พวกเขาแล้วนะ” ผมยกเหตุผลเพิ่มเติม

“งั้นพี่ก็ไปกับผมสิ เราไปเรียนต่อด้วยกันทั้งสองคนนี่แหละ” ต้อมยังยืนยันเหมือนเดิม

“เราฟังพี่นะ” ผมจับหน้าต้อมให้มามองหน้าผมตรงๆ “ถ้าพี่จะไปเรียนต่อพี่ก็ต้องไปด้วยทุนของพี่เอง ไม่ใช่จากพ่อกับแม่ของเราเพราะพี่ไม่อยากให้ใครมาว่าลับหลังได้ ว่าพี่คบกับเราเพื่อผลประโยชน์อย่างอื่น แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่พี่จะคิดยังไงที่ลูกตัวเองต้องให้คนอื่นส่งเรียนต่อ ต้อมจะมาคิดอะไรง่ายๆไม่ได้นะว่าไม่ต้องสนใจคนอื่น เราสองคนนะได้แต่ครอบครัวเราไม่ใช่นะ เพราะฉะนั้นเราจะมาทำให้พ่อกับแม่เราต้องมาเดือดร้อนเพราะเราด้วยทำไม” ผมมองตาต้อมตลอดตอนที่พูด

“ไม่ใช่ว่าพี่จะอยากให้เราไป ใจพี่ก็ไม่อยากให้เราไปหรอกนะ แค่คิดพี่ก็ใจหายแล้วแต่พี่ก็ต้องทำใจให้ได้ เพราะเราต้องให้เขาบ้าง ไม่ใช่ว่าเราจะรับทุกอย่างจากเขามาฝ่ายเดียว พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองเราสองคนเป็นคนเห็นแก่ตัว ในเมื่อพ่อกับแม่เขาก็ยอมเรามาขนาดนี้แล้ว เราก็ทำเพื่อเขาบ้างจะเป็นไร” ผมให้เหตุผลต่อ

“ผมก็เข้าใจนะข้อนี้แต่มันเร็วเกินไปที่จะให้ผมห่างจากพี่ไป ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ” ต้อมบอก

“ถึงจะช้าจะเร็วเราก็ต้องไปอยู่ดี พี่คิดว่าดีซะอีกนะที่เรารีบๆไปจะได้รีบๆกลับมาไง แค่ปีสองปีมันไม่นานหรอก”ผมบอกต้อมไปแต่ในใจผมมันรู้สึกโหว่งๆพิกลยังไงก็ไม่รู้ ผมต้องพยายามแกล้วทำเป็นว่าทำใจได้เพราะไม่อยากให้ต้อมมันลังเล

“พี่นัทคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ พี่ทำใจได้แล้วหรอที่จะให้ผมไป” ต้อมจ้องตาผมเขม็งเลยตอนนี้ ผมก็เลยหลบสายตาของมันเพราะผมยังทำใจไม่ได้นี่ครับ เดี่ยวมันจะจับผิดผมได้

“เห็นไหมพี่นัทก็ยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน ไม่งั้นพี่ไม่หลบตาผมหรอก” มันฉลาดขึ้นมาเชียวทีนี้

“ใช่พี่ทำใจไม่ได้หรอกที่จะต้องจากเราไป แต่พี่ก็ต้องพยายามไงเพื่อตัวของเราไง ต้อมเราเชื่อพี่เถอะนะอย่างน้อยก็ทำสิ่งนี้ให้พ่อกับแม่เขา ทดแทนกับสิ่งที่เขาให้เรามาได้หรือเปล่า” ผมจ้องหน้าต้อมบ้างแล้วตอนนี้

“ผมไปเรียนต่อก็ได้แต่พี่สัญญากับผมเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม” ต้อมบอกผม

“อืมได้สิถ้าเป็นเรื่องที่ทำได้นะ” ผมบอก

“ก็ไม่มีอะไรมาหรอกเพียงแค่ถ้าผมเรียนจบกลับมา แล้วต้องไปช่วยงานที่บ้านพี่ต้องไปทำกับผมด้วยแค่นั้นเอง หรือไม่พี่ก็ออกมาอยู่กับบ้านคอยดูแลผม แค่นี้เองพี่นัทสัญญาได้หรือเปล่าครับ” ต้อมบอกเงื่อนไขให้กับผม

“อืม ก็ได้นะถ้าที่บ้านเราเขายอมเหมือนกัน แต่ให้อยู่บ้านเฉยๆพี่ไม่เอาหรอกนะ”

“ถ้าพี่ตกลงผมก็ยอมไปเรียนให้ก็ได้ เพราะผมจะได้ทำอะไรให้พ่อกับแม่และเพื่ออนาคตของเราสองคนด้วย” ต้อมบอกผมดูเหมือนต้อมก็เริ่มที่จะมีความคิดที่ดีขึ้น และสนใจความรู้สึกของคนรอบข้างบ้างแหละตอนนี้

“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ พี่รักต้อมที่สุดเลยนะครับ” ผมจูบปากต้อม ต้อมก็ตอบสนองกลับมาอย่างนุ่มนวล

หลังจากที่เราคุยกันจนเข้าใจแล้ว ผมก็โทรกลับไปบอกที่บ้านของต้อมซึ่งแน่นอนเขาต้องดีใจกันอยู่แล้ว แต่ผมสิกลับรู้สึกใจหายไปทีละนิดแล้วตอนนี้ เพราะเวลาที่ผมกับต้อมจะได้อยู้ด้วยกันมันน้อยลงไปทุกๆวินาทีแล้วตอนนี้ ตอนนอนคืนนี้ผมเป็นฝ่ายกอดต้อมไว้เอง เพราะทุกครั้งจะเป็นต้อมกอดผมมากกว่า

เช้านี้ผมกับต้อมก็มาทำงานตามปกติ ผมบอกพี่น้ำเรื่องที่ต้อมยอมไปเรียนต่อแล้ว แกก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังเรียกต้อมบอกว่าให้โชคดีแล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย แต่เราไม่ได้บอกถึงข้อตกลงของเราสองคนเพราะผมไม่รู้จะพูดยังไง ก็ปล่อยมันให้เป็นเรื่องของอนาคตไปก่อน

ตอนบ่ายผมต้องออกไปพบลูกค้าแต่ต้อมต้องอยู่เคลียงานที่ออฟฟิศ เพราะว่าผมบอกว่าไม่อยากมีผู้ช่วยแล้วทำคนเดียวดีกว่า ต้อมเลยต้องจัดการกับงานทั้งหมดที่รับผิดชอบให้เสร็จก่อนที่จะไปเรียนต่อ แล้วพอดีผมคุยกับลูกค้าเสร็จเร็ววันนี้ ผมเลยแวะห้างเซ็นทรัลเวิลด์เพราะผมอยากหาซื้อของขวัญให้ต้อมก่อนที่ต้อมจะไปเรียนด้วย

พอดีผมเดินผ่านแผนกเสื้อผ้าเห็นเสื้อไหมพรมตัวหนึ่งสวยมาก แล้วคิดว่าที่นั้นเวลาน่าหนาวคงหนาวมากแน่ๆน่าจะได้ใช้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อนะครับแบบว่าขอเดินดูก่อน เผื่อเจออย่างอื่นที่มันน่าสนใจกว่าอะไรแบบนี้ไงครับจะได้ได้ของที่ถูกใจที่สุด

ระหว่างเดินเลือกของก็เดินผ่านร้านขายไหมพรมที่เขาเอามาถักเสื้อนี่แหละครับ แล้วเห็นเขากำลังสอนลูกค้าที่มาซื้อของถักเสื้อไหมพรมอยู่เหมือนกัน ผมเลยแวะเข้าไปดูมองๆแล้วมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าผมน่าจะทำเสื้อไหมพรมให้ต้อมเองดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็เป็นของขวัญที่ผมทำให้กับมือต้อมคงต้องชอบแน่ๆ
ผมเลยคุยกับพนักงานขายว่าถ้าซื้อไหมกับอุปกรณ์จะสอนวิธีถักให้ด้วยได้หรือเปล่า ทางร้านเขาก็ยินดีสอนครับแถมยังหาแบบเสื้อกันหนาวมาให้เลือกอีก ผมเลือกเป็นแบบสวมทั้งตัวแขนยาวแต่เป็นคอวีกว้างลงมาหน่อย เวลาใส่จะเห็นปกเสื้อกับเสื้อตัวในด้วย คิดว่าต้อมใส่แบบนี้แล้วคงน่ารักดีแน่ๆ

พนักงานให้ผมเลือกสีไหมพรมที่จะใช้ผมเลือกสีแดงเลือดหมูเข้ม(ไม่ขอบอกเหตุผลที่เลือกนะครับ) หลังจากเลือกได้พนักงานก็เอาวิธีถักเสื้อแบบที่ผมเลือกมาให้ แล้วก็พาผมไปนั่งที่อีกมุมหนึ่งของร้านที่จัดไว้สำหรับลูกค้าที่จะมาหัดเรียน ผมนั่งหัดทำอยู่กว่าสองชั่วโมงถึงจะคล่อง ระหว่างที่นั่งหัดทำพนักงานเขาก็จะคอยเข้ามาดูเราบ่อยๆ เผื่อเรามีปัญหาอะไรจะได้ถามเขาได้ทันที

หลังจากที่ผมคิดว่าผมคล่องน่าจะเอากลับมาทำเองได้แล้ว  ผมก็เก็บของเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะอยากถึงบ้านก่อนต้อม จะได้ซ่อนของพวกนี้ด้วยผมคิดว่าเก็บไว้ให้รู้วันที่จะให้ที่เดียวเลยดีกว่า ก่อนกลับผมยังถามพนักงานว่าถ้ามีปัญหาช่วงไหนกลับมาถามได้หรือเปล่า พนักงานก็บอกยินดีทุกเมื่อค่ะของแบบนี้มันต้องกันไว้ก่อนสิครับ

“ที่รักคร้าบ วันนี้อยากกินอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวพี่ทำให้กิน” ผมโทรหาต้อมหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วซ่อนของเรียบร้อยแล้ว

“อะไรก็ได้ครับที่ที่รักผมทำผมกินได้ทุกอย่างแหละครับ” ต้อมปากหวานกลับมา

“ไม่เอาอ่าแบบนี้มันเลือกยาก บอกมาเลยไม่งั้นไม่ทำให้กินแล้วนะ” ผมบอกไปก็มันคิดยากจริงๆนะครับไอ้อะไรก็ได้อะ เดี๋ยวทำมาไม่ถูกใจละแย่เลย

“อืม งั้นผมอยากกินแกงเขียวหวาน ปลาเค็ม ไข่ตุ๋น ผัดพริกแกงถั่ว ผัดผักรวมมิตร คะน้าหมูกรอบ” โหทีนี้บอกมาซะเยอะเลย

“อ่านะ เยอะไปไหมกินกันสองคนนะ ไม่ได้เลี้ยงทั้งซอย งั้นเราแกงเขียวหวานปลาเค็มแล้วก็ไข่ตุ๋นแล้วกันนะ” ผมบอกกลับไป

“คร้าบตามใจพี่เลย”

“แล้วเราใกล้จะกลับหรือยัง งานที่ต้องเคลียเหลืออีกเยอะหรือเปล่า” ผมถาม

“เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ งานเคลียเกือบครบแล้วไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ต้อมบอก

“งั้นกลับบ้านแล้วเจอกัน แค่นี้นะ” ผมวางสาย

ผมไปซื้อของกลับมาทำกับข้าวไว้รอต้อมกลับมาบ้าน ผมทำกับข้าวเสร็จได้ไม่นานต้อมก็กลับมาถึง ผมให้ต้อมไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าวด้วยกัน ผมจัดโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้วตอนนี้ ต้อมลงมานั่งกินข้าวผมก็คอยตักกับข้าวให้ต้อมตลอด จนต้อมมองหน้าผม

“มองหน้าทำไม พี่อยากให้เรากินเยอะไง หรือว่าไม่อยากกิน” ผมถาม

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่แปลกใจที่พี่นัทเอาใจผมจังเลย” ต้อมอมยิ้ม

“ก็พี่อยากทำให้เรานี่ อีกไม่กี่วันเราก็ต้องไปเรียนแล้วนะ อย่าลืมสิ” พอผมพูดเรื่องนี้ต้อมดูหน้าเศร้าไปเล็กน้อย

“พี่ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปแล้วรู้ไหม” ต้อมทำหน้าเศร้าขึ้นไปอีกทีนี้

“ไม่เอาน่าเราสัญญากันแล้วไง” ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือต้อมไว้

“พี่ก็แค่อยากทำให้เรามากๆ เราจะได้ไม่ลืมพี่ไงเวลาไปที่นั้นแล้ว” ผมบอกต่อ

“ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางลืมพี่หรอกนะ กลัวแต่ผมจะทนคิดถึงพี่ไม่ไหวแล้วหนีกลับมาก่อนนะสิ” ต้อมเอามือมากุมมือผมข้างที่ยื่นไปจับมือมันไว้

“แบบนั้นไม่ดีแหละ เราต้องเรียนให้จบนะสัญญากับพี่สิ” ผมบอก ต้อมก็ได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ

หลังจากกินข้าวเสร็จที่แรกผมจะล้างจานเองแต่ต้อมไม่ยอมบอกว่าผมเหนื่อยแล้ววันนี้ ผมเลยมานอนฟังเพลงรอที่โซฟาจนต้อมมานั่งข้างๆ เพลงนี้ก็ขึ้นมาพอดีผมเลยหยุดเพลงก่อนที่จะหูฟังข้างหนึ่งใส่ที่หูต้อม แล้วผมก็เอาหัวไปซบที่ไหล่ของมันก่อนที่จะเปิดเพลง

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

เอ่ยคำว่ารักดังๆ ก็เหมือนมันไม่มีค่าเลย
ปากบอกไปแต่ใจเฉยๆ แค่เป็นคำหนึ่งคำที่พูดไป
แต่บอกด้วยใจรู้ไหม ต้องใช้ใจมารักกัน
เบาๆ แค่สักครั้ง แต่มันยังคงดังอยู่ในหัวใจ

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

รักนะ รักเธออยู่ในใจ ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่เคยพูดมัน
รักนะ รักเธอมากมาย รักเธอมากมาย โดยไม่ต้องพูดกัน

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

คำว่ารักต้องพูดยังไง ส่งจากใจให้ถึงใจเรา
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

อยากให้เธอได้ฟัง
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
พอเพลงจบผมก็เอาหูฟังของต้อมออก “พี่รักต้อมนะ” ผมกระซิบที่ข้างหูต้อม
ต้อมหันมายิ้ม “ผมก็รักพี่นัทครับ” ต้อมบอกผมกลับมา
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่44 P:4] 24/05/10 00:03AM
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 24-05-2010 04:27:46
โอ้ย หวานซะ  :-[
แอบเศร้าแทนอ่ะ เข้าใจมากมาย เราก็ดูเรื่องไปต่อโทอยู่ พอคิดว่าต้องไปคนเดียวแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2010 15:02:51
แบบกลัวเครียด ผมเลยลงเรื่องไรสาระของเราสองคนให้อ่านขั้นไปก่อนนะครับ :laugh:

.................................

ตอนพิเศษ 1

พอดีผมนึกเรื่องเล็กๆน้อยๆขึ้นมาได้เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังนะครับ มันเป็นเรื่องการหึงที่ไร้สาระมากของต้อมมัน ลองอ่านดูนะครับว่ามันไร้สาระแบบที่ผมบอกจริงหรือเปล่า

ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดารานักร้องซักเท่าไหร่นะครับ คือดูได้ดูเฉยๆอะไรแบบนี้คนไหนหน้าตาดีก็เออน่ารักดีแค่นี้แหละครับ แต่วันหนึ่งผมนั่งดูรายการเกมส์โชว์เกาหลีรายการวันนั้นวงดงบังชินกิมาพอดี ระหว่างที่ดูคราวนี้ผมกลับชอบดาราขึ้นมาซะแล้ว คนที่ผมชอบคือ xiah junsu ผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมแต่พอเห็นหน้าเขาแล้วมันชอบมากๆเลย นี่เป็นดารานักร้องคนแรกที่ผมรู้สึกชอบมากเลย ผมเลยตั้งใจดูเป็นพิเศษไม่ได้สนใจต้อมที่นอนตักดูอยู่ด้วยเลย

“พี่นัทตั้งใจดูใหญ่เลยนะ ปกติไม่เห็นสนใจขนาดนี้” ต้อมมันดึงหน้าผมให้ก้มมามองหน้ามัน

“ก็มันสนุกดีนี่” ผมตอบแค่นี้แล้วรีบเงยหน้ากลับไปดูจุนซูต่อ ก็คนอะไรไม่รู้น่ารักมากจริงๆในสายตาผม เวลายิ้มนะผมนะใจละลายเลยใครจะว่าเวอร์ก็เถอะก็ผมชอบจริงๆนี่นา

ผมก็ไม่ได้สนใจต้อมอีกกลับมาตั้งใจดูจนรายการจบ ผมเห็นต้อมหลับอยู่บนตักผมแล้ว ผมเลยปลุกต้อมแล้วขึ้นไปนอนกัน

วันนี้ผมไปร้านหนังสือผมไปหาเลือกซื้อหนังสือพวกที่เกี่ยวกับดาราเกาหลีมาดู เพื่อหาพวกเรื่องเกี่ยวกับจุนซูของผม(ไม่รู้เขาจะยอมหรือเปล่านะตู่เอาไว้ก่อน) แล้วผมก็กลับมาหาเรื่องของจุนซูตามอินเตอร์เน็ต จนต้อมมันสงสัย

“พี่นัทช่วงนี้พี่นัททำอะไรอยู่ ผมเห็นพี่หาอะไรทางเน็ตทุกวัน” ต้อมเดินเข้ามาถามตอนที่ผมกำลังเซฟรูปจุนซูอยู่เลย

“พี่กำลังหารูปคนนี้อยู่ไง” ผมชี้ให้ต้อมดูรูปจุนซูที่ผมเปิดไว้เพื่อเซฟอยู่ ต้อมหันไปมองแล้วก็มามองหน้าผม

ผมก็ไม่ได้สนใจหันกลับไปหารูปต่อ ต้อมมันกลับเข้ามานั่งเบียดผมบนเก้าอี้แล้วนั่งดูกับผม

“พี่ไปชอบมันตรงไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” ต้อมมันบ่นอะไรต่อก็ไม่รู้ผมไม่ได้สนใจ แต่มันก็ไม่ลุกไปไหนนะนั่งดูผมอยู่อย่างนั้น

ตอนนี้ผมบ้าจุนซูไปแล้วผมไปซื้อหนังซื้อรายการเกาหลีที่มีจุนซูมาจนเต็มบ้านไปหมดเลยตอนนี้เหตุมันเริ่มจะเกิดแหละครับตอนนี้

“พี่นัทพี่ชอบมันมากเลยหรอไงกัน ผมเห็นพี่นั่งดูมันอยู่นั่นแหละ” ต้อมถามผมที่นั่งดูหนังที่ซื้อมาอยู่

“เปล่าก็แค่มันน่ารักดีก็แค่นั้นเอง” ผมบอกหน้ายังดูหนังอยู่

“แล้วมันกับผมใครน่ารักกว่ากัน” มันมานั่งข้างหน้าผมแล้วเอาหน้ามาให้ดู มาบังกันได้หนังกำลังสนุกเลย ผมเลยเอามือจับหัวมันหลบออกไป

“นี่แสดงว่าสนใจมันมากกว่าผมแล้วนะ” แล้วต้อมมันก็เดินขึ้นห้องไปเลย ผมดูหนังต่อจนจบแล้วขึ้นไปบนห้องเหมือนกัน

ต้อมมันอาบน้ำนอนหลับไปแล้วทำไมมันไม่รอผมหว่าในนี้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรผมก็อาบน้ำนอนบ้าง แล้ววันนี้มันยังมานอนหันหลังให้ผมอีกผมเลยกอดมัน

“เป็นอะไรอีกเนี่ย เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย” ผมพูดที่ข้างหูต้อม มันไม่ยอมตอบผมอีกแนะมันเป็นอะไรของมันหว่า มันคงหลับไปแล้วมั้งผมก็เลยนอนกอดมันหลับทั้งๆแบบนั้น

เช้าตื่นขึ้นมามันก็ไม่ยอมปลุกผมไปอาบน้ำอีกแหละ ผมเลยตามเข้าไปในห้องน้ำเพราะต้อมยังอาบน้ำไม่เสร็จ

“ทำไมไม่ปลุกพี่ละ ตื่นสายทำยังไง” ผมหันไปถามก่อนที่จะแปลงฟัน

“ทำไมไม่บอกไอ้เชี่ยอะไรนั่นมาปลุกละ มาบอกผมทำไม” ผมถึงบางอ้อทันที มันงอนผมเรื่องนี้เนี่ยนะ แต่ว่าเขาชื่อเซี่ยไม่ใช่ชื่อเชี่ยดูมันเปลี่ยนชื่อให้เขาเสร็จสรรพเลย

“เป็นอะไรนี่หึงดาราก็ได้นะเรานะ” ผมเดินไปกอดข้างหลังมันที่กำลังอาบน้ำอยู่

“หึงอะไรไม่เข้าเรื่อง พี่แค่ชอบดูเขาเฉยๆ” ผมบอกแต่มันทำเป็นไม่สนใจแกะมือผมออกแล้วออกมาแต่งตัว ดูมันถ้าจะเป็นเอามากหึงผมกับดาราเกาหลีเนี่ยนะ

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่างต้อมมันลงมาก่อนแล้ว ผมเลยปล่อยมันไปก่อนเดี่ยวมันก็คงหายคนบ้าอะไรหึงดาราแถมยังดาราเกาหลีด้วย ทำเหมือนว่าผมจะไปจีบเขามาเป็นแฟนได้อย่างนั้นแหละ ขับรถมามหา’ลัยมันก็ไม่พูดกับผมเลยผมถามไรมันถึงจะตอบ จนมาถึงที่ซุ้มมันก็เดินไปซื้อน้ำมาให้ผมแต่ก็ยังไม่ยอมพูดกับผมนะครับดูมันถ้าจะเป็นเอามาก จนหนุ่ยมาถึงที่ซุ้ม

“เฮ้ยหนุ่ยสงสัยกูจะเป็นหมาหัวเน่าแล้ววะ” ดูมันบอกเพื่อนมันดิ หนุ่ยทำหน้างง

“วันๆดูแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจกูเลย” เอากับมันสิแล้วที่ทำมาตั้งแต่เช้านี่ไม่สนใจอีกหรือไง หนุ่ยมันยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่

“มันเป็นอะไรของมันพี่นัท พี่ไปทำอะไรมัน” หนุ่ยหันมาถามผมหน้ามันยังงงอยู่กับที่ต้อมพูด

“ก็ต้อมนะสิมันบ้า มันหึงพี่กับดาราเกาหลี” ผมเล่าไปก็จะขำไปแต่ต้องกลั้นไว้เดี๋ยวมันยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ แต่หนุ่ยมันนั่งขำใหญ่เลย

“เออ มึงไม่เห็นหรอกตอนที่พี่เขานั่งดูไอ้เชี่ยอะไรนี่แหละ แม่งไม่สนใจอะไรเลยสงสัยถ้าเขาไปในทีวีได้เข้าไปแล้วมั้ง” โหดูมันคิดได้ยังไง แต่เขาชื่อเซี่ยไม่ใช่เชี่ยผมอยากจะบอกจริงๆแต่ไม่กล้าอะกลัวมันงอนเพิ่มอีก หนุ่ยมันพยายามกลั้นหัวเราะใหญ่เลยพอมันเห็นต้อมเครียดจริงๆ ผมก็เพิ่งจะรู้นะนี่ว่าเวลาคนเรามันจะหึงนี่อะไรมันก็หึงได้หมด อีกหน่อยมันจะหึงแมลงวันไหมนี่ถ้ามันมาเกาะผมนะ(อันนี้ผมคิดเล่นๆนะครับเรื่องแมลงวันนะ ต้อมมันคงไม่บ้าขนาดนั้นหรอกครับ)

ผมให้หนุ่ยช่วยบอกต้อมเรื่องนี้แต่มันก็ไม่ยอมฟังเท่าไหร่แต่ก็เริ่มคุยกับผมบ้างและ ผมเล่าเรื่องนี้ให้ไอ้แนทกับไอ้ตี๋ฟังด้วยพวกมันก็ขำๆกัน แต่ไอ้แนทมันว่าผมให้สนใจต้อมด้วย เพราะมันรู้นิสัยผมถ้าเกิดกำลังชอบหรือบ้าอะไรช่วงแรกๆจะไม่ค่อยสนใจคนอื่น จะทำแต่อย่างนั้นอยู่อย่างเดียว แต่พักเดียวผมก็เบื่อแล้วครับเป็นแบบนี้ประจำจนพวกมันชินแล้ว แต่ต้อมนี่เจอครั้งแรกคงปรับตัวไม่ทันแน่ๆ

ตอนเย็นกลับมาบ้านวันนี้ผมบอกว่าผมจะทำกับข้าวให้กิน เอาของกินมาง้อสักหน่อยดีกว่า ผมทำพะแนงไก่ ทอดมันกุ้ง แล้วก็ไข่น้ำ เลือกเอาของโปรดต้อมทั้งนั้นเลย ก็ผมรู้นี่ครับว่าผมก็ไม่ได้ใส่ใจต้อมมันจริงๆช่วงนี้

“อะทอดมันกุ้ง ตั้งใจทำเต็มทีเลยนะ” ผมยื่นซ่อมที่เสียบทอดมันกุ้งชิ้นพอดีคำยื่นไปให้ต้อม มันยื่นมือจะมาหยิบซ้อมจากมือผม

“ไม่เอาจะป้อนให้กิน” ผมผมเอามืออีกข้างจับมือต้อมไว้ไม่ให้หยิบซ่อมผมได้ต้อมมองหน้าผม

“กินเอ....” ผมป้อนทอดมันกุ้งเขาไปในปากต้อมทันที

“อะอีกคำนะ” ผมยื่นให้อีก ทีนี้มันไม่เรื่องมากอ้าปากกินเองและไม่ต้องบังคับเหมือนกับคำแรก

กินข้าวเสร็จเราก็ไปนั่งดูหนังกันผมนอนตักต้อม มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังลูบผมผมเล่นอีก แสดงว่ามันเริ่มหายงอนและเพราะต้อมจะชอบจับผมผมตอนนอนตักตลอด ผมก็ชอบนะเพลินดีบางครั้งหลับไปเลยก็มี

“ไม่ดูคนนั้นหรือไงวันนี้” ต้อมพูดทั้งที่ยังมองทีวีอยู่ อืมคราวนี้มันไม่เปลี่ยนชื่อเซี่ยให้ผมและ

“ไม่ดูหรอกวันนี้ดูน้องดำขี้หึงดีกว่า” แล้วผมก็พลิกหันหน้าไปที่หน้าท้องของต้อม ผมเอาหน้าไปชิดที่หน้าท้องแล้วก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนเวลาเล่นกับเด็กๆนะครับ จนต้อมหัวเราะออกมา

“พอแล้วพี่นัท มันจั๊กจี้หายแล้วผมหายงอนแล้วคราบ” ต้อมพูดไปหัวเราะไป

ผมเงยหน้าขึ้นมา “หายแล้วจริงๆนะ” ต้อมพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมแล้วตอนนี้

“เลิกงอนแล้วนะ พี่จะไม่ชอบคนอื่นได้ไงละ มีแฟนน่ารักแบบนี้ทั้งคน คิดอะไรก็ไม่รู้” ผมนอนพูดบนตักต้อม

“ผมก็รู้แต่พี่นัทไม่สนใจผมเลยตอนดูมันนี่นา มันก็ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลยสู้ผมก็ไม่ได้ชอบมันได้ไงก็ไม่รู้” โหดูแฟนผมมันช่างกล้ามากกกกบอกมันหล่อกว่าเซี่ยซะงั้น แต่ก็เอาเถอะผมยกให้คนเดียวนี่แหละที่จะยอมให้หล่อกว่าเซียผม(คนมันชอบไปแล้วนี่นาทำไมไม่รู้ชอบจริงๆเลยคนนี้ จุนซู)

เอาเป็นว่าคืนนี้ผมต้องเหนื่อยอีกแล้วเพราะเราคืนดีกันแล้วนี่ครับ ผมโดนไปซะสองรอบเลยคืนนี้ขอหาสนใจคนอื่นมากกว่ามัน เฮ้อ เล่นเอาเพลียไปเลย

หลังจากคืนดีกันแล้วผมก็ว่าจะเอาหนังที่ซื้อไว้มาดูสักหน่อยแต่มันหาไม่เจอแม้แต่แผ่นเดียวเลยครับ ต้อมเอาไปแน่ๆผมไปถามต้อมบอกว่าเอาไปซ่อนไว้แล้วเดี๋ยวผมก็ไม่สนใจมันอีก มันยังไม่เลิกอีกนะเรื่องนี้ผมต้องอ้อนมันแทบแย่กว่ามันจะเอาออกมาให้ดูแผ่นหนึ่ง แต่มันมีข้อแม้ด้วยนะครับถ้าผมดูเซี่ยผมต้องเพลียนะสิครับ ข้อแม้มันเข้าข้างตัวเองมากๆแต่ผมก็ยอมครับเรื่องนี้ถึงไม่ได้ดูก็ยอมอยู่แล้วละ

ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบเซี่ยอยู่แหละครับต้อมมันเริ่มชินแหละ อีกอย่างถ้าดูเซี่ยผมจะให้มันดูด้วยจะได้มีส่วนร่วมด้วยกัน มันจะได้ไม่หาว่าผมไม่เอาใจใส่มันอีก ถึงผมจะชอบเซี่ยแต่ผมก็รักต้อมมากที่สุดอยู่ดีแหละครับ


.............................................

รัก XIAH มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 24-05-2010 16:42:20
555555555555555555555555 หึงกันเข้าไปได้งัย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 24-05-2010 16:43:01
555+



หึงดีจิงๆๆ



สงสัยของเค้าดี
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 24-05-2010 20:48:46
หึงได้นะคนเรา ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-05-2010 21:21:46
กร้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หึงแม้กระทั่งในจอ 5555555 เป็นเอามาก เด็กหนอเด็ก
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2010 23:48:17
 :monkeysad: วันนี้ไม่ได้ลงนะคร้าบ ไปเทสเรื่องแพ้อาหารมา มึนหัวไปหมดแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 25-05-2010 06:15:37
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ...ยังไม่ถึงไหนเลย...จะเร่งสปีดตามหั้ยทันในเร็ววัน...

เนื้อเรื่องน่ารักอ่ะ...กิ้วๆ...
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-05-2010 11:16:50
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 1 P:4] 24/05/10 02:57PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 25-05-2010 23:14:56
คุณนัทพักผ่อนเยอะ ๆ น้า......
น้องต้อมหึงได้น่ารักมาก......
คุณนัทต้องเอาใจน้องมาก ๆ.....
เด็ก ๆ ก้องี้แหละ...ต้องการการเอาใจใส่...
คนอ่านลำเอียงเห็น ๆ เนอะ....... :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่45 P:5] 26/05/10 00:27AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 26-05-2010 00:30:42
มาต่อแล้วครับ ขอโทษที่ให้รอนาน :L2:

.............

ตอนที่45

เรานั่งคุยกันสักพักก็ขึ้นมาอาบน้ำนอนกัน ผมรอจนต้อมหลับสนิทผมก็แอบลุกลงมาข้างล่าง ผมลงมานั่งถักเสื้อให้ต้อมที่ห้องข้างล่าง ผมนั่งถักเสื้อจนถึงตีสี่กว่าๆผมก็กลับขึ้นไปนอน พอขึ้นมานอนผมก็นอนกอดต้อมแล้วก็หลับทันที ผมรู้สึกเหมือนนอนได้สักพักต้อมก็ปลุกผมให้ตื่นซะแล้ว

วันนี้ผมนั่งทำงานไปแอบหลับไปจนต้อมผิดสังเกต ผมก็บอกว่าเหนื่อยจากงานเท่านั้นเองไม่มีอะไรมาก มันก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ เรารู้กำหนดการเดินทางของต้อมแล้วตอนนี้ ต้อมจะเดินทางหลังจากวันรับปริญญาสองวัน เท่ากับว่าตอนนี้ผมเหลือเวลาที่จะอยู่ด้วยกันอีกแค่ 12 วันเท่านั้นเอง

พอผมคิดแบบนี้ผมก็รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้ แต่นี่เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะให้ต้อมไป ผมต้องทำใจให้ได้เวลานี้ เพราะถ้าผมมีแสดงอาการว่าไม่อยากให้มันไป หรือว่าเสียใจที่มันจะต้องไปเรียนผมว่าต้อมมันต้องไม่ไปแน่ๆเลยคราวนี้

“ต้อมเย็นนี้ไปกินราเม็งกันนะ” ผมหันไปชวนต้อมที่กำลังเคลียงานอยู่ข้างหลัง เพราะอาทิตย์หน้าต้อมก็ไม่มาทำงานแล้ว แต่ต้องไปคอยจัดการกับเอกสารที่จะไปเรียนต่อกับพวกหนังสือเดินทางด้วย

“ไปสิพี่แต่ว่าจะไปกินที่ไหนละ” ต้อมเงยหน้าขึ้นมาถาม

“เซ็นทรัลนะแหละวันนี้เย็นมากแล้ว เดี๋ยวกว่าจะกลับถึงบ้านเหนื่อยเปล่าๆ” ผมบอก

ตอนเย็นเราก็ไปกินโออิชิราเม็งกัน ระหว่างกินเราก็คุยกันถึงเรื่องเก่า อย่างเช่นตอนที่เจอแจ็คอีกครั้งก่อนที่จะมีปัญหากัน แล้วก็เรื่องที่เรามากินข้าวด้วยกันครั้งแรกที่ MK ต้อมบอกว่ายังจำได้ดีไม่นึกว่าผมจะจำได้เหมือนกัน ถึงผมจะขี้ลืมแต่เรื่องพวกนี้ผมไม่ลืมง่ายๆหรอกครับ

ระหว่างกินข้าวต้อมบอกว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปบ้านผมที่ตจว. บอกว่าจะไปลาพ่อกับแม่ผมสักหน่อย มันกลัวพ่อกับแม่ผมจะว่าเรื่องที่ไปเรียนต่อแล้วไม่บอก ผมบอกให้โทรไปบอกมันก็ไม่เอามันบอกว่าจะไปบอกด้วยตัวเอง ผมเลยต้องตามใจมันแหละครับ

กลับมาถึงบ้านเราก็อาบน้ำเข้านอนคืนนี้ก็เหมือนเดิม พอต้อมหลับไปได้สักพักผมก็ต้องแอบลงมาข้างล่าง ลงมาถักเสื้อต่อเพราะกลัวว่าจะเสร็จไม่ทันก่อนที่ต้อมมันจะไป ผมนั่งทำอยู่จนถึงตี4เหมือนเดิมแต่วันนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าเดิมแล้ว

ตอนเช้าผมก็มาทำงานพร้อมกับต้อมเหมือนเดิม วันนี้ผมเพลียมากๆเพราะอดนอนมาสองคืนแหละ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะผมเต็มใจที่จะทำแบบนี้เอง วันนี้พี่น้ำเลยเรียกผมเข้ามาคุยเรื่องงานว่าจะเอายังไงต่อหลังจากที่ต้อมออกไปแล้ว

“นัทเราจะเอาผู้ช่วยอีกเปล่าพี่จะได้ลงประกาศรับสมัครให้” พี่น้ำถาม

“ไม่แล้วดีกว่าพี่เพราะว่าเอกสารส่วนใหญ่ผมก็ทำจนชินหมดแล้ว แล้วส่วนมากก็ลูกค้าเก่าไม่ค่อยยุ่งยากอะไรหรอกครับ” ผมบอกเพราะผมไม่อยากได้ผู้ช่วยแล้วจริงๆถ้าไม่ใช่ต้อม

“อืม เอาอย่างงั้นก็ได้ตามใจเรา แต่ว่าเราทำไหวแน่นะคนเดียวนะ” พี่น้ำถามย้ำ

“ไหวครับพี่ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมจะรีบบอกพี่เลย” ผมบอก

“ก็ดีแหละ แต่ว่าช่วงนี้นัทเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่าดูเพลียผิดปกติ” พี่น้ำถามผมคงเพราะเห็นสภาพอดนอนผมแน่ๆ

“ก็ผมแอบนั่งทำของให้ต้อมมันตอนไปเรียนต่อนะครับ เลยต้องแอบทำตอนมันนอนแล้วกว่าจะได้นอนก็ตี4ทุกวันแหละพี่” ผมบอกพี่น้ำนั่งอมยิ้ม

“คิดไว้แล้วเชียว งั้นเอามาทำที่นี่ก็ได้นะ เอาขึ้นมาทำบนห้องพี่นี่แหละ เดี๋ยวพี่บอกมันเองว่าให้ขึ้นมาช่วยงาน อีกสามวันมันก็ไม่มาทำงานแล้วนี่ เราค่อยเอาลงไปทำข้างล่าง” พี่น้ำนั่งยิ้มใหญ่เลย

“เออ แล้วต้อมว่างวันไหนละพี่ว่าจะเลี้ยงส่งมันซะหน่อย” พี่น้ำถาม

“วันอังคารหน้าแหละครับพี่ เพราะว่าเสาร์อาทิตย์นี้มันจะไปลาพ่อกับแม่ผมที่ตจว.”

“งั้นวันอังคารหน้าพี่นัดเลี้ยงส่งต้อมมันนะ บอกมันให้พี่ด้วยละ” พี่น้ำบอกแล้วให้ผมกลับลงมาทำงานต่อ

ตอนนี้เท่ากับว่าผมได้นั่งถักเสื้อให้ต้อมทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะเอามาถักที่ทำงานด้วยแล้วก็เอากลับมาถักที่บ้านด้วย ทำให้เสื้อเป็นรูปเป็นร่างเร็วขึ้นเหมือนกันเพราะตอนนี้ช่วงตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนวันที่จะกลับบ้านตจว.ผมแอบไปถามที่ร้านอีกเพราะผมถักตรงคอไม่ได้ แต่ตอนนี้ได้แล้วครับ

เช้าวันเสาร์ต้อมขับรถมาบ้านพ่อกับแม่ผม ผมได้โอกาสก็นั่งหลับมาตั้งแต่รถออกจากบ้านที่กรุงเทพเลยครับ ต้องตุนการนอนไว้ก่อนเพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้นอนเลย ผมมาตื่นอีกทีก็ถึงบ้านผมแล้วละครับต้อมซื้อของมาฝากพ่อกับแม่ผมเหมือนทุกครั้งที่มาเยี่ยม

พ่อกับแม่ผมก็ต้อนรับต้อมเต็มที่เหมือนเดิม ตอนเย็นที่นั่งกินข้าวกันต้อมก็บอกพ่อกับแม่ผมเรื่องที่จะไปเรียนต่อ พ่อกับแม่ผมยังบอกให้ตั้งใจเรียนและอวยพรให้อีกด้วย ต้อมมันยังบอกพ่อกับแม่ผมว่าให้ดูผมให้ด้วยเวลามันไม่อยู่ อย่าให้ผมแอบนอกใจมันและให้คอยเตือนผมเรื่องดูแลตัวเองด้วย เพราะผมเวลาทำงานจะบ้างานมากๆไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นเลย แต่คิดดูนะครับมันฝากผมกับพ่อแม่ผมเองนี่นะ

เช้าวันอาทิตย์ผมพาต้อมไปทำบุญกับหลวงตาที่บ้านผมไปหาประจำ ให้หลวงตาให้ศีลให้พรเวลาเดินทางจะได้ปลอดภัยนะครับ ช่วงบ่ายเราก็ลาพ่อกับแม่ผมกลับมากรุงเทพกัน พอกลับมาที่กรุงเทพเราแวะกินข้าวกันที่ร้านโปรดของต้อมก่อนกลับบ้านพอถึงบ้านอาบน้ำเสร็จต้อมก็หลับเลยคงเพราะเหนื่อยจากการขับรถแน่ๆ
ผมก็แอบลงมาถักเสื้อต่อเพราะว่าใกล้จะถึงวันที่ต้อมจะไปแล้วด้วย วันนี้ผมนั่งทำจนเกือยถึงตี5เลยกว่าจะเข้านอน นอนได้สักพักต้อมก็ปลุกผมขึ้นมาแล้ว วันนี้ต้อมมาส่งผมที่ทำงานก่อนที่จะไปจัดการกับเรื่องเอกสารเดินทาง ผมถักเสื้อใกล้เสร็จแล้วเหมือนกัน เพราะผมทำทั้งวันทั้งคืนนี่ครับตอนกลางวันเอามาทำที่ออฟฟิศ กลางคืนแอบลงมาทำข้างล่างจนช่วงนี้ผมตาโหลเป็นหมีแพนด้าแล้วครับ

“พี่นัททำไมพี่ดูโทรมแบบนี้ละ พี่ทำงานหนักไปหรือเปล่า” ต้อมถามผมหลังจากที่ผมอดนอนมาหลายคืน

“อืม ไม่มีอะไรหรอก ทำไมกลัวพี่ไม่หล่อวันงานรับปริญญาเราหรือไง” ผมแกล้งถาม

“ไม่ใช่อย่างนั้น ต่อให้พี่เป็นยังไงพี่ก็ดูดีที่สุดสำหรับผมอยู่แล้ว” ดูมันมาทำปากหวานอีก

“ผมแค่เป็นห่วงพี่นะกลัวพี่จะไม่สบายซะก่อน” ต้อมพูดต่อ

“อืม แบบนี้รักตายเลย แต่พี่ไม่เป็นไรหรอก วันงานเราพี่จะทำตัวให้ดูดีที่สุดเลย” ผมบอกเพราะตอนนี้ผมทำเสื้อเสร็จแล้ว เสร็จก่อนวันรับปริญญาต้อมสองวัน
ผมพาเรื่องนอกเรื่องอย่างอื่นคุยกัยต้อมแทนจนเข้านอน วันนี้เป็นคืนแรกที่ผมจะได้นอนกอดต้อมแบบเต็มๆคืน  ผมอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้ ต้อมก็คงคิดเหมือนกันกับผมแน่ๆเพราะต้อมก็กอดผมเหมือนกัน ผมรู้สึกอบอุ่นมากๆเลยตอนนี้

วันนี้เป็นวันรับปริญญาของต้อม ผมแต่งตัวด้วยเสื้อเชิตแขนยาวสีฟ้าอ่อน ตัวที่ต้อมซื้อให้ต้อมเห็นแล้วก็อมยิ้ม เรามาถึงที่งานแต่เช้าเพราะกลัวไม่มีที่จอดรถ สักพักพ่อกับแม่ต้อมก็มาแล้วห็พวกเพื่อนๆผมกับเพื่อนๆต้อมมัน ผมช่วยต้อมแต่งตัวก่อนที่เราจะมาถ่ายรูปกัน เราถ่ายรูปกันจนต้อมเข้าไปในพิธี พ่อแม่ของต้อมก็ขอบใจผมที่ช่วยพูดกับต้อมจนต้อมยอมไปเรียนต่อ

ตอนเย็นเราก็ไปกินเลี้ยงกันทั้งครอบครัวมีหนุ่ยไปด้วย เพื่อนผมกลับไปกันหมดแล้วเพราะมาแค่พักเดียว เรากินเลี้ยงกันสักจนดึก ก็กลับมาที่บ้านก่อนออกจากบ้านผมได้แอบเอาเสื้อที่ห่อไว้เรียบร้อยแล้วว่างไว้ที่โซฟากลางบ้าน ผมแกล้งปล่อยให้ต้อมเข้าไปก่อน ผมบอกว่าขอเก็บของจากหลังรถก่อน
ต้อมเดินไปที่โซฟาทันทีที่เข้าไปถึงในบ้าน ต้อมอ่านการ์ดที่ผมเขียนวางไว้ให้

ถึงคนที่รักที่สุด
   อีกสองวันเราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ แต่พี่คิดว่าเวลาแค่สองปีมันคงไม่นานเกินไปหรอกนะ ถึงเราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่พี่สัญญานะว่าพี่จะคิดถึงเราทุกวัน พี่ไม่มีวันจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแน่ๆ มีแต่เรานะแหละไปอยู่ที่นั้นเจอฝรั่งน่าตาดีจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า พี่ขอให้เราตั้งใจเรียนนะแล้วพี่จะรอเรากลับมา

                  รักต้อมเสมอ

                     พี่นัท



ปล. ของขวัญนี่พี่ทำเองกับมือเลยนะ อาจจะไม่สวยไปบ้างแต่พี่ก็ตั้งใจเต็มที่แล้ว

ต้อมวางการ์ดแล้วหยิบห่อของขวัญของผมขึ้นมาแกะออก ต้อมหยิบเสื้อไหมพรมสีเลือดหมูที่ผมถักให้ขึ้นมา แล้วคลีออกมาดูตอนนั้นผม็เดินกลับเข้ามาในบ้านพอดี ต้อมหันหลังกลับมากอดผมไว้ทันที

“ขอบคุณครับ จริงๆแล้วพี่ไม่ต้องทำอะไรให้ผมก็ได้ แค่นี้พี่ก็ให้ผมมามากพอแล้ว” ต้อมกอดผมแน่นมาก

“พี่อยากทำให้เรานะ เพราะหน้าหนาวที่นั่นจะหนาวมากนะ แล้วอีกอย่างเวลาเราใส่จะได้เหมือนว่าพี่กับเราอยู่ใกล้กันด้วยไง” ผมบอกเหตุผลต้อมไป

ต้อมมองหน้าผมแล้วยิ้มก่อนที่จะก้มหน้ามาจูบผม เรายืนจูบกันนานมากเหมือนอยากที่จะถ่ายเทความรู้สึกของเราทั้งหมดให้อีกฝ่ายได้รู้ผ่านการจูบครั้งนี้ หลังจากนั้นต้อมก็พาผมมานั่งที่โซฟา ต้อมถามว่าผมแอบทำตอนไหนผมก็เล่าให้ต้อมฟัง ต้อมยังบอกว่าถึงว่าช่วงที่ผ่านมาผมดูเหมือนคนอดนอน

คืนนั้นเรานั่งคุยกันจนดึกก่อนขึ้นไปนอน ผมลาหยุดสองวันเพราะว่าจะใช้เวลากับต้อมให้คุ้มก่อน และช่วยต้อมเก็บของด้วย

เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมามองหน้าต้อมที่นอนหลับอยู่เงียบๆ ผมนั่งมองอยู่นานจนต้อมตื่นขึ้นมา

“พี่นัทมานั่งมองหน้าผมทำไม ทำไมไม่ปลุกผมละ” ต้อมงัวเงีย

“ก็พี่เห็นเรากำลังหลับสบายเลยก็เลยไม่ปลุก” ผมบอกต้อมก็ดึงผมเข้าไปกอด

“ถ้าผมไปอยู่นั่นแล้วใครจะปลุกผมละทีนี้” ต้อมมันอ้อนผมแต่เช้าเลยแล้วผมสิ ใครจะมาอ้อนผมแบบนี้อีกนานเลย

“ไม่เอาแหละเลิกอ้อนได้แล้ว เดี๋ยวพี่ก็ไม่อยากให้ไปพอดี ลุกๆไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวต้องไปซื้อของกันวันนี้” ผมบอก

“ไม่ให้ไปก็ดีสิผมก็ไม่ได้อยากไปอยู่แล้ว” ต้อมยิ้ม

“ไม่ได้หรอกนะอย่ามาหาเรื่องไม่ไปเลย” ผมบอกพร้อมกับลุกดึงต้อมให้ขึ้นจากที่นอน

เราไปเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นกับเสื้อผ้ากันทั้งวันเลย ก่อนที่จะกลับบ้านวันนี้ผมทำกับข้าวของโปรดให้ต้อม เรานั่งกินข้าวกันต้อมยังบ่นว่ากว่าจะกลับมากินข้าวฝีมือผมอีกนานเลย ยิ่งใกล้จะเดินทางต้อมมันยิ่งปากหวานเอาใจผมมากขึ้นจริงๆ

กินข้าวเสร็จผมก็ไปช่วยต้อมจัดกระเป๋า ต้อมเป็นคนเตรียมของมาวางไว้ผมอาสาจะจัดลงกระเปาให้ ผมค่อยๆเก็บเสื้อผ้าของต้อมลงกระเป๋าช้าๆ เพราะผมรู้แล้วว่ายังไงพรุ่งนี้ต้อมก็ต้องไปเรียนต่อแล้ว ถ้าจะให้บอกจริงๆผมก็ยังทำใจไม่ได้หรอกครับที่จะให้มันไป แต่ผมต้อมทำเป็นแข็งใจไว้มันจะได้ไปเรียนแบบไม่ห่วงผม

ผมเก็บเสื้อไปก็ไปเจอเสื้อสีฟ้าตัวหนึ่ง มันคุ้นๆตาผมมากผมเลยคลีออกมาดู มันมีรอยคราบเลือดอยู่ที่เสื้อด้วย ผมจำได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นตัวที่ต้อมให้ห้ามเลือดให้ผมตอนรับน้อง นี่มันยังเก็บเสื้อตัวนี้ไว้อีกหรอผมนึกว่าจะทิ้งไปแล้ว พอผมรู้ว่าต้อมมันให้ความสำคัญกับผมมากขนาดนี้ น้ำตาผมมันก็ไหลออกมาเองเลยตอนนี้

ผมรีบหันหลังให้ต้อมทันทีเพราะไม่อยากให้มันเห็น แต่ก็ไม่พ้นสายตาของมันจนได้มันเดินเข้ามานั่งข้างผมทันที

“พี่นัทเป็นอะไรไปพี่ พี่ร้องไห้ทำไม” ต้อมจับมือผมที่ยังถือเสื้อสีฟ้าตัวนั้นไว้ในมือ

“เปล่าไม่มีอะไรหรอก พี่แค่ดีใจเท่านั้นเอง” ผมบอก

“พี่ดีใจที่ผมจะไปเรียนต่อหรอ” ต้อมทำหน้าแปลกใจ

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่เพราะว่าพี่รู้แล้วว่าเรารักพี่มากขนาดไหน แค่นี้พี่ก็หมดห่วงเรื่องเราจะแอบไปมีคนอื่นแล้ว” ผมบอก ผมว่าทุกคนแหละครับถ้าแฟนเราไปที่อื่นไกลๆยังไงๆเรื่องกลัวแฟนจะแอบไปมีคนอื่นต้องคิดกันแหละ

ต้อมมองเสื้อในมือผมแล้วมันก็ยิ้มก่อนที่จะดึงผมไปกอด

“ผมสัญญากับพี่หลายหนแล้วไงว่าผมจะไม่รักใครอีกนอกจากพี่คนเดียว พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย”

“แทนที่ผมจะเป็นคนงอแงนะแต่กลับเป็นพี่นัทซะเอง” ต้อมกอดผมจนแน่นเลยทีนี้

ผมกับต้อมไม่ได้นอนกันเลยเมื่อคืน เราสองคนนั่งคุยกันจนเช้าหลังจากเก็บของเสร็จ ผมกับต้อมนั่งแท็กซี่มาที่สนามบินสุวรรณภูมิกัน หนุ่ยก็มาถึงไล่กับผมสักพักพ่อกับแม่ต้อมก็มาถึงเหมือนกัน เราคุยกันสักพักต้อมก็ไปเช็คอินตั๊ว พอใกล้เวลาต้อมต้องเข้าไปข้างในแล้ว ต้อมลาพ่อกับแม่กับหนุ่ยก่อนพ่อกับแม่ก็กลับเลย แกบอกให้ผมได้ลากันสองคนส่วนหนุ่ยเดินไปยืนรอไกลๆเพราะหนุ่ยอาสาจะพาผมกลับบ้าน

“ตั้งใจเรียนนะ จะได้จบเร็วๆกลับมาหาพี่ไวๆ” ผมบอก

“ครับผมจะตั้งใจเรียน จะได้กลับมาหาพี่ไวๆ”

“แล้วถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกลับมาบ่อยๆนะมันเปลืองเงิน” ผมบอกต้อมไว้เพราะผมกลัวว่าต้อมจะแอบกลับมาบ่อยๆ

“เข้าไปได้แล้วเดี๋ยวต้องตรวจนั่นตรวจนี่อีกข้างใน”

ต้อมดึงผมเข้าไปกอดไว้จนแน่นมากๆเหมือนไม่อยากจะไปเลย ผมก็กอดมันกลับเหมือนกันตอนนี้ต้อมมันร้องไห้ออกมา เห็นทำหน้าระรื่นมาหลายวันวันนี้ดันร้องไห้ ผมว่ามันคงไม่อยากให้ผมกังวลแน่ๆ

“ไม่เอาน่าเดี๋ยวไม่หล่อตอนขึ้นเครื่องนะ” ผมแซวมันเพราะอยากให้มันหายเศร้า

ต้อมมันเริ่มยิ้มออกมาแหละตอนนี้ ใจจริงผมก็เกือบจะร้องไห้ตามมันแหละ แต่ต้องเข้มแข็งไว้ก่อนมันจะได้เดินทางสบายใจ ผมจับมันออกจากตัวผมก่อนบอกให้เข้าไปได้แล้ว ต้อมก็เดินเข้าไปข้างในผมยืนมองจนต้อมเดินหายลับตาไป ผมก็เดินมาหาหนุ่ยเพื่อกลับบ้าน


.......................ง
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่45 P:5] 26/05/10 00:27AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-05-2010 00:47:53
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่45 P:5] 26/05/10 00:27AM
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 26-05-2010 01:23:06
ต้อมไปแล้ว เหงาแทนคนที่ยังอยู่ แต่คนไปก็คงเหงาไม่ต่างกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่45 P:5] 26/05/10 00:27AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 26-05-2010 06:32:32
คนที่อยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลานี่จากกัน แล้วอีกนานกว่าจะเจอกันมันจะหวิวหวิวในใจขนาดไหนน๊าตอนจากกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่45 P:5] 26/05/10 00:27AM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 26-05-2010 23:31:29
เพื่ออนาคตต่อไปที่ดี......
บางครั้งก้อต้องยอมเจ็บบ้างใช่มั๊ยคะ..... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-05-2010 00:23:29
มาซะดึกเลย วันนี้งานยุ่งทั้งวันได้เขียนค่ำๆเอง

กว่าจะปั่นเสร็จตั้งสามเรื่อง

.......................

ตอนที่46

ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านผมก็นั่งเงียบตลอดทาง ก็มันรู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้ตอนนี้เพราะว่าต้อมไม่ได้อยู่ข้างๆผมแล้ว ผมพยายามที่จะคิดแค่ว่าเวลาสองปีมันก็แค่แปบเดียวเท่านั้นเอง แต่ทันก็ทำใจไม่ได้ทุกทีเพราะตลอดเวลาหลายปีมานี่เรียกได้ว่าผมกับต้อมเราไม่เคยห่างกันเลยดีกว่า แต่พอมาวันนี้ต้องห่างกันจริงๆยังไงมันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปก็ไม่รู้

“พี่นัทเป็นอะไรไปพี่ นั่งเงียบเลยอย่าบอกนะว่าพี่คิดถึงต้อมมัน” หนุ่ยถามผม

“เปล่าๆนี่พี่ไม่เป็นอะไรสักหน่อย” ผมบอกผ่านๆไป

“พี่นัทผมว่าพี่ไม่ต้องทำเป็นว่าเข็มแข็งทำใจได้หรอกพี่ ยังไงต้อมมันก็เดินทางไปแล้ว” ยังไงหนุ่ยมันก็เป็นคนที่เข้าใจผมมากๆอยู่ดี

ตอนนี้ผมคงไม่ต้องทำท่าทางเข็มแข็งให้ใครเห็นอีกแล้ว ผมเลยร้องไห้ออกมาทันทีหนุ่ยเอามือมากุมมือผมไว้เพื่อปลอบใจ แต่นั้นกลับยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักเข้าไปอีก หนุ่ยจอดรถข้างทางก่อนที่จะดึงผมเขาไปกอดไว้เพื่อปลอบใจ

“ต้อมไปแล้วหนุ่ย พี่ไม่อยากให้ต้อมไปเลย” ผมสะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของหนุ่ย

“พี่นัทมันไปแค่สองปีเอง เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” หนุ่ยเอามือลูบหลังผมเพื่อปลอบใจ

"พี่นัทให้โอกาศผมบ้างได้ไหม"

ผมงงกับที่หนุ่ยพูดเพราะถึงต้อมไม่อยู่ผมก็คงไม่คบใครอีก มันรู้เรื่องนี้อนู่แล้ว ผมดันตัวออกมามองหน้าหนุ่ยด้วยความสงสัยทั้งที่ยังไม่หยุดร้องไห้

"ผมไม่ได้ขอให้พี่มาคบผม ผมแค่ขอโอกาศให้ผมดูแลพี่แทนต้อมมันก็เท่านั้นเอง" หนุ่ยยิ้มก่อนที่จะกอดผมอีกครั้ง

หนุ่ยกอดผมสักพักจนผมหยุดร้องไห้ หนุ่ยเลยบอกว่าวันนี้จะไปไปเลี้ยงข้าวปลอบใจ แต่มันพาไปกินที่ไหนรู้ไหมครับมันพาผมมากินร้านอาหารที่มันเปิดเอง ดูมันจะเลี้ยงทั้งทีแต่ก็ช่างเถอะครับเพราะผมก็ไม่ได้เกี่ยงอยู่แล้วที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เข้ามาถึงพนักงานรีบออกมาต้อนรับกันใหญ่เลย สงสัยจะเอาใจเจ้าของหวังขึ้นเงินเดือนแน่ๆ

หนุ่ยสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเลยบอกว่าเมนูเด็ดของร้านทั้งนั้น ระหว่างกินหนุ่ยก็คอยตักอาหารมาให้ผมตลอดเวลา ผมสังเกตเห็นเด็กในร้านมันแอบมองมาที่ผมบ่อยๆ พวกเขาคงสงสัยว่าผมเป็นใครแล้วทำไมหนุ่ยถึงเอาใจผมแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็ไม่ได้บอกหนุ่ยด้วย

หลังกินข้าวเสร็จผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ตอนที่ผมเดินมาถึงห้องน้ำผมก็ได้ยินเสียงคนกำลังพูดถึงผมอยู่พอดี ผมเลยยืนฟังยังไม่เข้าไปในห้องน้ำ

“นี่แกคุณหนุ่ยเขามากับใครนะ ดูแลกันดีจังเลยหรือว่าเป็นแฟนแกวะ” เสียงผู้ชายที่กระเดียดออกไปทางสาวเทียมพูด

“คงไม่หรอกมั้งแกออกจะน่าตาดี คงไม่คบคนหน้าตาแบบนี้หรอก ฉันยังดูดีกว่าตั้งเยอะ” เสียงอีกคนที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ตอบ

ทีแรกผมก็จะไม่คิดอะไรแล้วนะครับ แต่นี่พวกมันเล่นว่ากันขนาดนี้ อีกอย่างตอนนี้อารมณ์ผมยิ่งไม่คงทีอยู่ด้วย ผมเลยเปิดประตูเข้าไปข้างใน เห็นทั้งสองคนทำหน้าตกใจก่อนที่จะรีบเดินออก ระหว่างที่เดินสวนกันผมก็เลยหันไปเรียก

“เออน้องครับ ที่คุยกันเมื่อกี้นะเข้าใจใหม่ด้วยนะครับ ถึงพี่จะหน้าตาแบบนี้แต่หนุ่ยเขาก็ชอบพี่นะ มันก็คงดีกว่าพวกที่คิดว่าหน้าตาดีแล้วไม่มีคนมองนะครับ” ผมเห็นทั้งสองคนทำหน้าเหวอเลยทีเดียว ผมก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป

ตอนเดินออกมาหนุ่ยกำลังยืนคุยกับพนักงานในร้านอยู่รวมทั้งสองคนนั้นด้วย ผมเลยเดินเข้าไปยืนข้างๆหนุ่ยผมเห็นสองคนนั้นทำหน้าเสียทันที คงกลัวว่าผมจะบอกหนุ่ยแน่ๆแต่ผมไม่บอกหรอกครับเรื่องแค่นี้เอง หนุ่ยสั่งงานพนักงานแปบหนึ่งก็ชวนผมกลับ ตอนเดินกลับผมแกล้งเดินเข้าไปโอบเอวหนุ่ยไว้ ก่อนที่ผมจะหันไปมองหน้าสองคนนั้น มันสองคนยิ้มเจื่อนๆกลับมาให้ผม แล้วหันไปซุบซิบกันทันทีแต่ว่าผมทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรนะ ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง

“พี่นัทมากอดเอวผมทำไม เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” หนุ่ยถามขณะที่กำลังเดินออกจากร้าน

“เปล่านี่ไม่อยากให้กอดเอามือออกก็ได้” ผมบอก แต่หนุ่ยกับเอามือมาจับมือผมไว้ไม่ให้เอาออก

“ใครจะให้เอาออกละครับ นานๆพี่จะกอดผมสักที ถ้าพี่จะให้ผมดูแลแทนต้อมก็ได้นะ” มันบอกพร้อมกับยิ้มหน้าทะเล้นเชียว

“เกินไปแหละ แหมเพื่อนไม่อยู่แปบเดียวจะตีท้ายครัวเลยนะ” ผมแกล้งแซวหนุ่ยมันไป

“ถ้าได้ก็ดีครับ แต่พี่คงไม่ยอมผมหรอก” ดูมันสิคิดจริงจังแน่ๆ ผมเลยใช้มือข้างที่โอบเอวมันไว้หยิกไปที่เอวของมันจนมันร้องเสียงหลงเลย

“โห แต่นี้ต้องใช้กำลังด้วย ผมก็พูดเล่นเหมือนกันแหละครับ แต่เรื่องดูแลพี่แทนต้อมเนี่ยผมทำจริงนะ” หนุ่ยหันมายิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบเพราะเรื่องนี้คงห้ามมันไม่ได้แน่นอน

หลังจากนั้นหนุ่ยพาผมกลับบ้านหนุ่ยเข้ามานั่งคุยกับผมพักใหญ่ๆ ก่อนกลับหนุ่ยยังถามว่าจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า ดูมันทำอย่างกับผมเป็นเด็กอยู่คนเดียวไม่ได้ซะงั้น

คืนนี้เป็นวันแรกที่ผมอยู่บ้านนี้คนเดียว แล้วก็ติดต่อต้อมไม่ได้ด้วยเพราะป่านนี้คงยังไม่ถึง ผมอาบน้ำเข้านอนพอล้มตัวลงบนที่นอน ผมหันไปมองฝั่งที่ต้อมเคยนอนด้วยกัน แต่วันนี้มีแต่ผมคนเดียวมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปก็ไม่รู้ ผมพยายามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับ

คืนนี้ผมผุดลุกผุดนั่งทั้งคืนเลยมันคิดถึงแต่ต้อม กว่าผมจะหลับได้ปาเข้าไปตีสี่แล้วพอหกโมงเช้าผมต้องตื่นไปทำงานอีก

วันนี้ผมต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเป็นวันแรกที่ผมจะต้องนั่งรถเมล์ไปทำงาน จริงๆพ่อกับแม่ต้อมก็ให้ผมเอารถต้อมไว้ใช้นะครับ แต่ผมไม่เอาเพราะเกรงใจเขานะครับ ผมขึ้นรถเมล์มาทำงานวันแรกเหนื่อยมากคงเพราะเมื่อคืนนอนน้อยรวมทั้งผมไม่ได้นั่งรถเมล์มานานมากแล้วก็ได้

“นัทวันนี้ทำไมโทรมจัง” พี่น้ำถามผมเมื่อเจอกันที่ออฟฟิศ

“เมื่อคืนนอนไม่หลับครับพี่ แล้วยังต้องตื่นเช้านั่งรถเมล์มาอีก” ผมบอกแกไปตามจริง

“นอนไม่หลับคิดถึงต้อมมันหรือไง อะไรต้อมมันเพิ่งไปแค่วันเดียวเองนะ” พี่น้ำแซวผม แต่มันก็จริงแหละครับ

“โธ่ พี่ก็ผมรักของผมนี่ แล้วพี่เคยเห็นผมห่างกันไหมละ”

“เออ จริงของมันเอาน่าเดี๋ยวก็ชิน สองปีแปบเดียวเอง” พี่น้ำเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน

“ตึง ตึ่ง ตึ้ง” เสียงเอ็มผมดังขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานเพลินๆ ในช่วงบ่าย

เป็นเอ็มของต้อมนี่นามันถึงที่พักเรียบร้อยแล้วหรือไง ถึงผมสงสัยแต่ก็ดีใจมากกว่าผมเลยกดหน้าต่างเอ็มขึ้นมาดู

“คิดถึงพี่นัทจังเลยครับ วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า” ต้อมพิมพ์ข้อความมา

“คิดถึงสิครับคิดถึงมากด้วย เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย แล้วนี่เราถึงที่พักเรียบร้อยแล้วหรอ” ผมพิมพ์ตอบ

“ถึงได้สักพักแล้วครับ เนี่ยรีบจัดของแล้วรีบออนเอ็มหาพี่นัทเลยนะครับ”

“แล้วไม่พักผ่อนละ เดี๋ยวเราต้องไปทำเรื่องเข้าเรียนอีกไม่ใช่หรอ”

“คร้าบแต่ผมขอเข้ามาบอกพี่ก่อนไง ไม่รู้จะนอนหลับไหมคืนนี้”

“ผมรักพี่นะครับ บะบาย” ต้อมพิมพ์ลา

“พี่ก็รักเราเหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆนะ” ผมเป็นห่วงมันเรื่องนี้จริงๆ

แล้วต้อมก็ออกเอ็มไปตอนนี้ผมมีกำลังใจทำงานมากขึ้นแหละ ผมเลยก้มหน้าก้มตาทำงานใหญ่เลย

“แหม พี่นัทเมื่อกี้คุยกับต้อมละสิ คุยเสร็จมีแรงทำงานงานเลยนะ เมื่อกี้ยังดูหง่อยๆอยู่เลย” วุฒิแซวมาจากด้านหลังผม

“ก็นิดหน่อยน่า หรืออยากให้พี่หง่อยเหมือนเดิม” ผมหันไปมองวุฒิ

“ไม่ต้องเลยพี่แบบนี้แหละดีแล้ว พี่หง่อยไปคนออฟฟิศเงียบไปเลย” วุฒิยิ้มให้แล้วก้มหน้าทำงานต่อ

วันนี้ตอนเย็นหนุ่ยมารับผมที่ทำงาน คนอื่นมองหน้าผมกันใหญ่เลย เพราะทุกคนเขารู้ว่าหนุ่ยคิดยังไงกับผม คงคิดว่าผมจะเปลี่ยนใจไปชอบหนุ่ยละสิ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับใครเพราะผมรู้ตัวผมเองอยู่แล้ว

“วันนี้นึกยังไงมารับพี่ละ” ผมถามเมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมจะดูแลพี่แทนต้อมเอง” หนุ่ยหันมายิ้ม

“อย่าเลยลำบากเปล่าๆ พี่เป็นคนเอาแต่ใจนะ” ผมแกล้งพูดไปยังงั้นแหละ

“ยังไงผมก็รับได้อยู่แล้วครับ ขนาดไอ้ต้อมมันยังทำให้พี่ได้เลยแล้วผมทำไมจะทำไม่ได้”

“เฮ้ย พี่พูดเล่น แต่อย่าเลยต่อให้เรามาทำดีกับพี่ยังไงพี่ก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ พี่บอกไว้ก่อนเลย”

“คร้าบ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พี่มาชอบผมนี่ครับ แค่ผมจะดูแลพี่แทนเพื่อนผมเท่านั้นเอง” หนุ่ยหันมายิ้มอีกที

ผมขี้เกียจเถียงกับหนุ่ยเรื่องนี้แล้ว ผมเลยชวนมันคุยเรื่องอื่นวันนี้มันก็พาผมไปกินข้าวที่ร้านมันเหมือนเดิม พนักงานในร้านยิ่งสนใจผมเข้าไปใหญ่เลยทีนี้ โดยเฉพาะสองคนเมื่อวันนั้น แต่ครั้งนี้มาแปลกตรงเข้ามาสวัสดีผมด้วยครับผมรับไหว้แทบไม่ทัน

วันนี้หนุ่ยให้ผมเป็นคนสั่งกับข้าวเอง ผมก็สั่งมาแค่สามอย่างเพราะว่าสั่งมาเยอะก็กินไม่หมดเสียดายของเปล่าๆ หนุ่ยจะสั่งเพิ่มผมก็ไม่ยอมบอกว่าเสียดายของสองคนกินไม่หมดหรอก หนุ่ยก็ไม่ได้ว่าอะไร ระหว่างกินข้าวหนุ่ยก็ดูแลผมอย่างดีเหมือนเดิม คอยตักกับข้าวให้ต่างๆนาๆ ผมว่าตอนนี้เด็กที่ร้านมันต้องคิดว่าผมเป็นแฟนมันแล้วแน่ๆ

“พอเถอะ เดี๋ยวเด็กที่ร้านมันคิดว่าเราเป็นแฟนกันพอดี” ผมบอกหนุ่ย

“ก็ช่างมันสิครับ มันคิดแบบนั้นก็ดี” หนุ่ยยิ้มหน้าทะเล้นให้ผม

“หรอ งั้นเอากน้ามาใกล้สิ มีไรจะบอก” ผมบอกหนุ่ยก็ยื่นหน้ามาผมเลยเขกหัวมันไปทีหนึ่ง

“เป็นไงทีนี้หายทะลึ่งได้ยังเรานะ” ผมยิ้มคืนบ้างทีนี้

ผมเขกหัวมันไปแล้วก็นึกได้ว่านี่ที่ร้านมันนี่หว่า ผมเลยกันไปสังเกตุพนักงานในร้านมัน ตอนนี้บางคนยืนซุบซิบกันแล้วมองมาที่ผมกันก็มี แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากแล้วตอนนี้ ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่นา ก่อนกลับผมก็ไปเข้าห้องน้ำก่อนมันติดเป็นนิสัยแล้วครับ ว่าต้องเข้าไปล้างมือก่อน

“พี่เป็นแฟนคุณหนุ่ยจริงๆใช่ไหมครับ” มีคนถามผมจากข้างหลังตอนที่ผมกำลังก้มหน้าล้างมืออยู่ ผมเงยหน้ามองคนที่ถามผ่านกระจก เป็นสองคนที่แอบนินทาผมเมื่อวันก่อนนี่เอง

“ถ้าใช่แล้วจะทำไมหรอ” ผมหันไปถามด้วยเสียงที่ราบเรียบ ก็ผมไม่รู้นีว่ามันจะมาไม้ไหนหันอีก

“เปล่าไม่มีอะไรหรอกครับ พวกผมแค่จะมาขอโทษเรื่องวันก่อน พี่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกนะครับ ไม่งั้นพวกผมโดนไล่ออกแน่ๆ” ทั้งสองคนยืนหน้าจ๋อยเลยตอนนี้

“อืม ขอคิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่สบอารมณ์ก็คงจะบอกนะ” ผมแกล้งพวกมันบ้างตอนนี้

“พี่ครับอย่าบิกเลยนะครับ พวกผมขอโทษจริงๆ” มันสองคนรีบยกือไหว้ขอโทษผม จนผมต้องรีบรับไหว้เลย

“ไม่ต้องมาไหว้พี่หรอก พี่ล้อเล่นแต่คราวหน้าอย่าแอบนินทาใครอีกแล้วกัน ถ้าเป็นลูกค้าละแย่เลย” ผมยิ้มแล้วก็เดินผ่านทั้งสองคนออกมา

“อ้อ อีกอย่างพี่กับหนุ่ยไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกนะ” ผมหันมาบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำไป ผมเห็นทั้งสองคนทำหน้าแปลกใจกันใหญ่เลย

ผมกลับมาที่โต๊ะก็ชวนหนุ่ยกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านผมอาบน้ำแล้วก็ออนเอ็มทิ้งไว้เผื่อต้อมจะเข้ามาอีก ระหว่างที่ผมแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเอ็มดังขึ้นมา ผมรีบวิ่งไปดูทันทีแต่ไม่ใช่ต้อมกลับเป็นหนุ่ย ผมดูนาฬิกาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ที่นั่นมันตั้งตีอะไรแล้ว ต้อมจะอยู่ออนเอ็มได้ยังไง

คืนนี้ผมก็ยังนอนไม่ค่อยหลับเหมือนเดิม ก็ต้องทำใจแหลหะครับเพราะคงไม่มีใครที่ปรับตัวได้ทันทีหรอกนะเรื่องแบบนี้

ll
ll
v
หกเดือนต่อมา

ผมเริ่มชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว ไม่ใช่ว่าผมรักต้อมน้อยลงนะครับ แล้วจะให้ผมรักกันน้อยลงได้ยังไงในเมื่อเราคุยกันทุกวัน ก็ทางMSNไงครับแถมยังเปิดกล้องเห็นหน้ากันด้วย มันทำให้คลายความคิดถึงไปได้เยอะเหมือนกัน ตอนนี้ต้อมเริ่มชินกับที่นั่นแล้วด้วย

ตอนนี้ต้อมเข้าเรียนในมหา’ลัยที่นั่นแล้ว ต้อมเรียนภาษาแค่สามเดือนก็สอบผ่านแหละ เก่งเหมือนกันนะแฟนผมคนนี้ มันบอกว่าต้องตั้งใจเรียนจะได้เรียนจบเร็วๆ อยากกลับมาหาผมใจจะขาดแล้ว เห็นแต่หน้ากอดไม่ได้สักทีผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

ส่วนหนุ่ยก็ยังมาคอยดูแลผมเหมือนเดิม เราไปกินข้าวที่ร้านมันอาทิตย์หนึ่งก็สองสามครั้งครับ จนผมคิดว่าพนักงานที่นั่นต้องเหมาว่าผมกับหนุ่ยเป็นแฟนกันแน่นอน เพราะพอเห็นผมมาทีไรรีบเข้ามาต้อนรับเอาใจกันใหญ่เลย ผมเลยขี้เกียจแก้ข่าวแล้วตอนนี้
ll
ll
v
ครบหนึ่งปีพอดี

ผมกำลังหลับอยู่ก็รู้สึกว่ามีคนมาจูบปากผมเบาๆ ผมสะดุ้งตื่นเพื่อดูว่าใครที่มาแอบลักจูบผมกันแน่

................................

ขอไปต้มมาม่ากินก่อนนะครับ อีกสองเรื่องมาต่อให้หลังอิ่มแล้ว
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 27-05-2010 00:39:19
แล้วแบบนี้หนุ่ยจะไม่เจ็บหรอ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 27-05-2010 05:39:19
สงสัยต้อมกลับมาเยี่ยมบ้านนะ อย่าบอกนะเจ้าหนุ่ยมาลักหลับ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 27-05-2010 10:36:40
ใครมาจูบน๊า

ต้อมแน่ๆ เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 27-05-2010 15:52:27
มาต่อด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-05-2010 18:24:10
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่46 P:5] 27/05/10 00:12AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-05-2010 19:07:13
แล้วแบบนี้หนุ่ยจะไม่เจ็บหรอ

อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่เขาเลือกแบบนี้เอง

ผมก็ไม่อยากให้ใครมาดูแลหรอกครับ


ปล.ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยนะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-05-2010 18:22:18
ตอนที่47

ผมรีบลืมตาตื่นขึ้นมาดูทันที ที่รู้สึกว่ามีคนมาแอบลักจูบผม แต่คนที่ผมเห็นกลับเป็นต้อมครับ ต้อมมันกลับมาได้ยังไง หรือว่าผมจะฝันไปเพราะคิดถึงมันมากเกินไป ผมขยี้ตาตั้งหลายรอบแต่ก็ยังเห็นเป็นต้อมนั่งยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆผมเหมือนเดิม

“พี่นัท ผมกลับมาแล้ว พี่ไม่ได้ฝันไปหรอกเลิกขยี้ตาได้แล้ว” ต้อมเอามือมาจับมือผมที่กำลังขยี้ตาออก

ตอนนี้กลับเป็นผมที่ยิ้มออกมาแล้ว ผมลุกขึ้นดึงมันเข้ามากอดทันที มันกอดผมตอบ

“จะกลับมาทำไมไม่บอกพี่ละ” ผมมองหน้าต้อม เพราะผมอยากเห็นหน้ามันชัดตอนนี้

“ก็ผมจะทำให้พี่ตกใจไง แต่ทำไมดูพี่เหมือนไม่ค่อยจะดีใจเลยที่เห็นผม” ต้อมทำหน้าสงสัย

“ทำไมพี่จะไม่ดีใจละ พี่ดีใจมากที่สุดเลยรู้ไหม แล้วจะให้พี่ทำยังไงละ หรือว่าแบบนี้ดี” ผมก็ดึงหน้ามันมาจูบ

หลังจากที่เราจูบกันสักพัก “พี่นัทยังไม่ได้ล้างหน้าเลยนะ” ต้อมบอก

“อะไรไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ รังเกรียจแล้วหรอ เมื่อก่อนไม่เห็นพูด” ผมแกล้งงอนมัน

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ” แล้วต้อมก็ดึงผมเข้าไปจูบใหม่

“ไม่ว่าตอนไหนพี่ก็หอมเสมอและสำหรับผม” แล้วก็หอมแก้มผมอีกที ก่อนที่จะดึงให้ผมลุกไปอาบน้ำ บอกว่าต้องไปทำงาน

ผมอาบน้ำแต่งตัวโดยที่ต้อมนั่งมองผมอยู่ตลอดเวลา วันนี้ต้อมพาผมมาทำงานผมเดินเข้ามาคนเดียวก่อน เพราะต้อมไปหาที่จอดรถ  ผมเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่เบิกบานเป็นที่สุด ก็แฟนผมกลับมาแล้วนี่ครับ

“นัทวันนี้อารมณ์ดีอะไรมา ยิ้มมาแต่ไกลเลย” พี่น้ำทักทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามา

“นั่นสิไม่เห็นพี่นัทยิ้มแบบนี้มานานแล้วนะ” วุฒิถามต่อ

“ไม่มีอะไรหรอกครับก็แค่...” ตอนที่ผมกำลังจะบอกว่าต้อมกลับมาแล้ว ต้อมก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

ทุกคนทำหน้าตกใจนิดๆก่อนที่จะยกมือรับไหว้ต้อมกันใหญ่

“ยังว่าอยู่อะไรทำให้นัทมันอารมณ์ดีได้ขนาดนี้ ต้อมกลับมานี่เองแล้วกลับมาเมื่อไหร่ละเรา” พี่น้ำถามต้อม

“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองแหละครับ ถึงปุ๊บก็ตรงมาหาพี่นัทเลยครับ” ต้อมตอบยิ้มเขินๆ

ต้อมมานั่งข้างผมตลอดเวลาตอนทำงาน จนคนอื่นแซวพวกผมกันใหญ่เลย วันนี้พี่น้ำเลยให้ผมกลับบ้านเร็วกว่าปกติได้ ผมเลยได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ

“พี่นัทวันนี้ทำกับข้าวให้กินหน่อยนะคร้าบ ผมไม่ได้กินกับข้าวฝีมือพี่นัทนานแล้วนะ อยากกินจังเลย” ต้อมเริ่มอ้อนผมแล้วครับ ถึงมันไม่อ้อนผมก็ทำให้อยู่แล้ว

“ได้สิ แต่ว่าเราอยากกินอะไรละ จะได้แวะซื้อของกันก่อน” ผมหันไปมองหน้าต้อมที่กำลังขับรถอยู่

“อืม.. แพนงหมู ผัดเห็ดรวม ต้มจืดเต้าหู้ จริงๆผมอยากกินอักเยอะเลยนะ แต่เอาแค่นี้ก่อนเดี๋ยวแฟนผมจะเหนื่อยเปล่าๆ” ดูมันยังไม่วายยอดคำหวานอีก

เราแวะคาร์ฟูร์กันต้อมเดินจับมือผมตลอดเลย จนคนที่นั่นมองกันใหญ่เลยแต่ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ความดีใจมันเยอะมากกว่าตอนนี้ เราเดินเลือกซื้อของกันบ้างครั้งผมยังกอดเอวต้อมเลย ทำไงได้ละครับก็ผมคิดถึงของผมนี่ครับ เราเดินเลือกของกันหลายอย่างมาก คนก็มองพวกเราตลอดเวลาแต่ตอนนี้เราสองคนเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวแล้วครับ

“ต้อมอยากกินอะไรอีกเปล่า จะได้ซื้อไปเผื่อเลยที่เดียว” ผมหันไปถามมันขณะที่กำลังเลือกเนื้อสัตว์อยู่

“อืม.. ที่ผมอยากกินก็เหลือแต่...” ต้อมทำเงียบไม่ยอมบอก

“อยากกินอะไรละ บอกมาสิจะได้ซื้อถูก” ผมถามย้ำ

“ให้ผมพูดจริงๆหรอ” อะไรของมันนักนะแค่ของกิน ผมเลยพยักหน้า

ต้อมยื่นหน้ามาใกล้ๆหูผม “ก็พี่ไงครับที่ผมอยากกิน” ต้อมกระซิบ ผมหน้าแดงเลยตอนนี้ ผมเลยหันไปหยิกพุงมัน จนมันร้องโอ๊ยออกมา คนมองผมกันใหญ่เลย

“ไปอยู่เมืองนอกแปบเดียวกลับมาทะลึ่งเชียวนะ ไปอยู่นั่นแอบไปทำอะไรกับใครหรือเปล่า” ผมทำหน้าจริงจัง

“โห พี่คิดไปได้เนอะ ผมจะไปมีใครละเลิกเรียนก็กลับบ้านมาคุยกับพี่เลยทุกวัน” ต้อมพูดไปลูบท้องตัวเองไป

“กลับบ้านกันเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว” ต้อมชวน

กลับมาบ้านต้อมก็เข้ามาช่วยผมทำกับข้าว ผมตั้งใจทำอย่างเต็มทีเลยวันนี้ เพราะต้อมไม่ได้กินรสมือผมนานแล้ว เรานั่งกินข้าวไปคุยกันไปมีความสุขมากเลยตอนนี้ มันไม่รู้จะพูดยังไงดีมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยครับ รู้แต่ว่ามันมีความสุขมากๆจนผมต้องยิ้มเกือบตลอดเวลาเลย

“แล้วนี่กลับมากี่วันละ แล้วทำไมไม่บอกกันบ้าง” ผมถามต้อมหลังจากที่เราเก็บของกันเสร็จแล้ว มานั่งที่โซฟา

“สองอาทิตย์นะพี่ เขาหยุดยาวช่วงสิ้นปีนะครับ” ต้อมนอนตักผมนอนมองหน้าผมแล้วยิ้มตลอด

“แล้วพ่อกับแม่รู้หรือยัง” ผมเอามือลูบหัวต้อมเล่นตอนนี้

“รู้แล้วครับ ผมขอมาหาพี่ก่อนแล้ว เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์นี้เราค่อยไปหาด้วยกันนะครับ” ต้อมทำเสียงอ้อน

“อืมได้สิพี่ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านตั้งนานแล้วเหมือนกัน” ผมยิ้ม

“พี่นัทคิดถึงผมไหมครับ” ต้อมลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผม

“คิดถึงสิ ทำไมจะไม่คิดถึงละ”

“คิดถึงแค่นั้นหรอครับ” เอ มันจะมาลูกอ้อนไหนของมันอีกละคราวนี้

“อ่าว คิดถึงแล้วจะให้พี่ทำยังไงละ” ผมสงสัย

“ก็นี่ไง” ต้อมมันทำปากจู๋ใส่ผม ผมก็เข้าใจทันที

ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปจูบมัน มันก็จูบตอบแล้วเอามือมาโอบคอผมไว้ไม่ให้ผมเลิกจูบมันได้ 

“ถึงเวลากินของที่ผมอยากกินที่สุดแล้วตอนนี้” ต้อมเงยหน้ามาทำหน้าหื่นใส่ผม

“ไม่เอาอะ จะกินตรงนี้เลยหรอ ไม่ให้กินหรอกน้ำก็ยังไม่ได้อาบเลย” ผมดันตัวต้อมไว้เพราะมันทำท่าหื่นออกมามากๆ

“ยังไงพี่ก็ไม่รอดผมหรอก อย่าถ่วงเวลาเลย ผมคิดถึงพี่มาเป็นปีแล้ว ได้แต่มองผ่านกล้องตอนที่จับต้องได้แล้ว ผมจะยอมให้เสียเวลาทำไม อดใจตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว” ว่าแล้วต้อมก็จับมือผมที่ดันมันไว้ออก

ต้อมกดตัวผมให้นอนลงไปบนโซฟาทันที มือทั้งสองข้างกดมือผมไว้กับโซฟาเหมือนกลัวว่าผมจะขัดขืน จริงๆไม่ต้องกดก็ได้ผมยอมอยู่แล้วแหละครับ เล่นตัวไปงั้นแหละ   อิอิ ต้อมกก้มลงมาจูบปากผมทันทีก่อนที่จะเลื่อนไปที่ส่วนอื่นๆชองร่างกาย การกลับมาครั้งนี้ของต้อมดูเหมือนจะหื่นมากเลยทีเดียวกับเรื่องนี้ เพราะต้อมเล่นซะผมเข่าอ่อนไปเลยที่เดียวคืนนั้น กว่ามันจะเลิกได้ก็ปาเข้าไปตี 3 ไม่รู้มันเอาเรียวแรงมาจากไหนของมันสิ

วันนี้ผมหมดแรงไปทำงานไม่ไหวแล้ว ผมเลยโทรไปขอลาหยุดกับพี่น้ำ แกก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกอย่างวันนี้วันศุกร์ด้วยงานไม่ค่อยเยอะอยู่แล้ว หลังจากผมโทรไปลางานตอนเช้าเสร็จผมก็หลับต่อ จนมารู้สึกว่ามีอะไรเย็นที่แก้ม ผมเลยลืมตาขึ้นมาดูก็เห็นต้อมมันเอาปากคาบน้ำแข็งมาถูแก้มผมอยู่ ดูมันสิครับคิดวิธีปลุกแต่ละอย่าง

“อืม อะไรอีกละ พี่ยังไม่หายง่วงนอนเลย” ผมบอก

“ไม่เอาวันนี้พี่นัทหยุดงานทั้งที ไปเที่ยวกันเถอะนะนี่ก็สายมากแล้วด้วย” ต้อมเขย่าแขนผม

“อยู่บ้านที่แหละดีที่สุดแล้ว พี่ยังเพลียอยู่เลย”

“ถ้าอยู่บ้านระวังจะเพลียกว่าเดิมนะ ว่าไงเลือกเอา” ดูมันข่มขู่ผมสิครับ นึกว่าผมจะกลัวหรือไง ก็ผมอยากนอนนี่ครับตอนนี้

“ไม่ไปจริงๆใช่ไหม” ว่าแล้วต้อมมันก็จับผมพลิกตัวให้งายหน้ามองมัน มันขึ้นมานั่งบนตัวผมแล้วตอนนี้ หน้ามันหื่นไม่ต่างจากเมื่อคืนเลย ถ้าเป็นแบบเมื่อคืนอีกผมตายแน่ๆ

“ยอมแล้วๆ พี่ไปเที่ยวด้วยก็ได้ ลุกจากพี่ก่อนนะๆ” ผมอ้อนมันแทนแล้วตอนนี้

“จริงๆนะพี่จะไปเที่ยวกับผมจริงๆนะ” ต้อมยิ้มออกมาแทนแล้วตอนนี้ มันรีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวผมให้เข้าไปอาบน้ำทันที

ผมแต่งตัวเสร็จลงมาหาต้อมที่นั่งรออยู่ข้างล่าง พอมันเห็นผมลงมามันก็รับดึงมือผมไปขึ้นรถทันที พอขึ้นรถได้ต้อมก็ขับรถออกไปทันที แล้วตกลงนี่มันจะพาผมไปไหนกันนี่

“ต้อมตกลงเราจะไปไหนกัน ยังไม่ได้บอกพี่เลย” ผมหันไปถาม ต้อมมันก็ยิ้มแต่ไม่ยอมบอก

ผมเห็นมันไม่บอกผมก็ไม่ถามต่อ รู้แต่ว่ามันกำลังขับรถออกไปตจวแน่ๆ

“เออ แล้วนี่หนุ่ยรู้หรือยังว่าเรากลับมาแล้ว” ผมถามเรื่องอื่นแทน

“ยังหรอก ผมไม่ได้บอกใครเลย มีแต่พอกับแม่ผมที่รู้” มันหันมามองหน้าผมแปบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“อะไรผมไม่อยู่แค่นี้ เป็นห่วงกันมากเลยหรอ” ดูมันกวนผมสิ

“อ่านะ หาเรื่องอีกแหละ ก็รู้อยู่นี่นาว่าพี่คิดกับมันแค่น้อง หาเรื่องแบบนี้อยากให้พี่อารมณ์เสียใช่เปล่า” ผมแกล้งทำหน้าไม่พอใจ

“พี่นัทผมล้อเล่นครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่คิดอะไร พี่อย่างอนนะเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก” มันมาง้อผมแล้วทีนี้ คิดจะแกล้งใครให้มันรู้ซะบ้าง เหอๆๆ

“รู้แล้วพูดทำไมละ” ผมยังแกล้งต่อ

“โอ๋ๆๆ พี่นัทหายงอนนะนะนะ” มันเอามือมาจับมือผมไว้

“ฮ่า ฮ่า” ผมเผลอหัวเราะออกมาจากท่าทางของต้อมที่มันคิดว่าผมโกรธจริง จนมันหันมามองหน้าผม

“ล้อเล่น ฮ่า ฮ่า อยากมาแกล้งพี่ก่อนทำไมละ” ผมยังขำค้างอยุ่เลย

“ร้ายนะพี่นัท ฝากไว้ก่อนเดี๋ยวคืนนี้จะเอาคืน” พอได้ยินคำนี้ผมเริ่มจะขำไม่ออกแล้ว ถ้ามันทำแบบเมื่อคืนอีก ผมคงตายคาอกมันแน่ๆคืนนี้

“ไม่เอาแล้วนะ แบบเมื่อคืนนะพี่ไม่ไหวแล้วนะ” กลายเป็นฝ่านอ้อนมันแล้วตอนนี้

“ไม่มีทางอยากมาอำผมก่อนทำไม คืนนี้ไม่รอดแน่” ต้อมยิ้มอย่างผู้มีชัยแล้วคราวนี้

ผมสิครับแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ขับรถมาสักพักผมก็พอจะเดาออกแล้วว่าต้อมพาผมมาที่ไหน ก็ตลาดน้ำที่ผมชอบมานี่เอง ตลาดน้ำอัมพวาผมจะชอบมาบ่อยมากๆ เพราะใกล้กรุงเทพฯแถมยังเป็นบ้านยายผมด้วย แล้วที่ตลาดน้ำยังมีของกินโบราณๆที่ผมชอบมากมายอีกด้วย

ผมคงยังไม่เคบบอกสินะครับว่าผมนะชอบกินขนมโบราณมากที่สุดเลย คงเพราะผมอยู่กับปู่ย่าตายายมาตั้งแต่เล็กนะครับ แต่มันก็อร่อยนะครับแต่กินเยอะแล้วอ้วนนะครับระวังกันด้วย

เราเดินเลือกซื้อของกินของฝากเยอะมาก เพราะว่าจะเอาไปฝากพ่อกับแม่ต้อมพรุ่งนี้ด้วย เราเดินกันจนคนเริ่มเยอะเราก็กลับกัน เพราะเรามาเดินกันตั้งแต่ช่วงบ่ายๆแล้ว

“เย็นนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีละ” ผมถามต้อมเพราะเย็นมากแล้วกลับไปทำคงไม่ทันกินแน่ๆ

“ไปกินร้านไอ้หนุ่ยกันดีกว่า ผมอยากเจอมันด้วยวันนี้มันน่าจะอยู่ร้านนะ” ต้อมบอกมันคงคิดถึงเพื่อนรักมันเหมือนกัน

“อืมก็ดีเหมือนกัน พี่มีเรื่องเคลียกับที่นั่นเหมือนกัน” ผมนึกถึงเรื่องที่พนักงานว่าผมเป็นแฟนกับหนุ่ย

“เรื่องอะไรหรอพี่ แล้วทำไมไม่บอกไอ้หนุ่ยมันจัดการให้ละ” ต้อมทำหน้าสงสัย

ผมก็เล่าเรื่องพนักงานที่ร้านนั้นให้ต้อมมันฟัง ต้อมก็หัวเราะใหญ่เลย แถมยังบอกว่าผมใจร้าย แค่ยอมเป็นแฟนเพื่อนมันเฉพาะในร้านก็ไม่ได้ ผมเลยบอกว่าจะให้เป็นไหมละ พอเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ยอม โธ่แล้วทำเป็นมาปากดีทีแรก ผมโทรถามหนุ่ยก่อนว่าอยู่ร้านหรือเปล่า บอกว่าจะเข้าไปกินข้าวแต่ไม่ได้บอกว่าต้อมมาด้วย
ผมเดินเข้าไปในร้านคนเดียวก่อนเพราะอยากทำให้หนุ่ยแปลกใจ พอพนักงานเห็นผมเดินเข้ามาก็รีบวิ่งมาต้อนรับเอาหน้ากันใหญ่เลย มันคงคิดว่าแฟนเจ้าของร้านมาแล้วต้องรีบเอาใจหน่อยละมั้ง

พนักงานพาผมมานั่งโต๊ะที่ผมนั่งประจำกับหนุ่ย ผมนั่งสักพักหนุ่ยก็เดินออกมาหา คงเพราะมีคนไปบอกมันแน่ๆ พอมันเดินมาถึงโต๊ะ ผมก็บอกว่ามีคนอยากเจอหนุ่ย แต่เขาอายไม่กล้าเข้ามาเดี๋ยวขอโทรไปตามแปบ หนุ่ยทำหน้างงผมก็โทรไปบอกให้ต้อมเข้ามา

ตอนนั้นหนุ่ยไม่ได้สนใจคนอื่นเท่าไหร่ ชวนผมคุยเรื่องอื่นไปทั่ว จนต้อมเดินมาถึงหนุ่ยยังไม่รู้ตัว ต้อมเลยตบหัวมันไปทีหนึ่ง หนุ่ยตกใจรีบหันไปมองทันที

“เฮ้ย ไอ้ต้อมมาได้ไงวะ” ว่าแล้วหนุ่ยลุกขึ้นไปกอดต้อมทันที พนักงานในร้านมองมาที่โต๊ะผมกันใหญ่เลย พนักงานร้านหนุ่ยหน้าจะไปทำงานนักสบเนอะ ช่างสนใจเรื่องชาวบ้านดีจริงๆ

“เออ กูเอง ได้ข่าวว่าจะตีท้ายครัวกูหรอไงมึงนะ” ดูมันทักเพื่อนมันดิครับ กวนซะไม่มีเลย

“กูแค่ช่วยมึงดูแลเท่านั้นเอง กลับมาก็ปากหมาเลยนะ อีกอย่างทำอย่างกับพี่นัทเขายอมกูยังงั้นแหละ” หนุ่ยบอกมันกลับ

“เออ แล้วเป็นไงบ้าง ร้านใกล้เจ้งหรือยัง” ดูมันยังไม่วาย

หนุ่ยตบหัวมันทันที “ปากหมาจริงนะมึงนะ ตกลงไปเรียนวิชาปากหมากลับมาใช่มะ”

“กูล้อเล่น แต่มึงสบายดีนะ หน้าตาแจ่มใสเชียว”

“เออ สบายดีแต่มึงกลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกกันบ้างว่ะ” หนุ่ยถาม

ต้อมคุยกับหนุ่ยสักพักหนุ่ยก็ขอกลับไปเคลียบัญชีก่อนเพราะจะสิ้นเดือนแล้ว อีกอย่างมันคงอยากให้ผมได้อยู่กับต้อมสองคนแน่ๆ

เราสั่งกับข้าวมาสองสามอย่าง ระหว่างนั่งกินต้อมมันคอยตักข้าวมาป้อนผมบ่อยๆ บางครั้งผมก็ป้อนมันเหมือนกัน พนักงานในร้านเริ่มจับกลุ่มคุยกันอีกแล้ว คงคิดว่าผมพาแฟนใหม่มาเยาะเย้ยเจ้านานมันหรือไง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ นานหนุ่ยก็จะเดินมาคุยกับผมแหละต้อมที จนกินข้าวเสร็จผมก็ไปเข้าห้องน้ำล้างมือเหมือนเดิม

“พี่ตกลงพี่เลิกกับคุณหนุ่ยแล้วหรอ” พนักงานสองคนเจ้าเก่าเดินเข้ามาถามผม

“ผมบอกตอนไหนว่าเป็นเป็นแฟนหนุ่ย ผมว่าเคยบอกไปแล้วนะ” ผมตอบเรียบๆ สงสัยมันสองคนจะชอบหนุ่ยอยู่แน่ๆ ถึงได้เดือดร้อนกันนัก

“แล้วพี่ก็มีแฟนคนเดียวก็คือคนนี้แหละ จำใหม่ด้วยนะ” แล้วผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มันสองคนนี่อะไรกันก็ไม่รู้ เดี๋ยวบอกให้หนุ่ยไล่ออกเลยดีมั้ยนะ แต่ก็อดสงสารไม่ได้อีกผม

หลังจากกินเสร็จผมก็กลับมาบ้านก่อนกลับไม่ลืมเอาของฝากให้หนุ่ย หนุ่ยยังบ่นๆว่าไปเที่ยวไหนไม่ชวนกันบ้าง ต้อมก็บอกว่าคนเขาจะสวีทกัน ผมเริ่มสงสัยเหมือนหนุ่ยแหละ ว่าตกลงมันไปเรียนวิชาปากหมากลับมาใช่เปล่าเนี่ย

พอกลับมาถึงบ้านผมอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน เพราะพรุ่งนี้จะไปหาพอ่กับแม่ต้อมกัน ตอนที่ผมกำลังจะปิดไฟนั่นเอง ต้อมก็ขึ้นมาทับตัวผมไว้ทันที

“ผมยังไม่ลืมเรื่องเมื่อกลางวันนะ ถึงเวลาเอาคืนแล้วตอนนี้” พอต้อมมันพูดแค่นั้นแหละ มันก็กดมือผมไว้กับที่นอนทันที

“ไม่นะต้อม เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปบ้านพ่อกับแม่ไม่ไหว” ผมบอกเพื่อให้มันเลิกหื่น

“ไม่มีทาง พี่ไม่มีแรงผมก็อุ้มพี่ไปได้ อย่าคิดว่าจะรอดเลยคืนนี้” แล้มมันก็ไม่ได้ผลจริงๆ


........................................


ไปเวียนเทียนกันนะครับวันนี้ :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-05-2010 20:17:51
ปีนึงไม่เจอต้อมตักตวงมากมาย ให้สมกับข้ามน้ำข้ามทะเลมา แต่ก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 28-05-2010 22:41:01
เรียนวิชาลัฝีปากจิงๆ


ลูกเล่นแพรวพราวขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 29-05-2010 00:09:08
คู่รักหวานแววแห่งปี..ยกให้ไปเลยยยย....... :L1: :L1:

กด+ ให้ ต้อม กะ นัท
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 29-05-2010 00:21:11
กลับมาสักที

น่ารักได้อีกคู่นี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่47 P:5] 28/05/10 06:18PM
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 29-05-2010 02:19:01
นั่งอ่านตั้งแต่ สองทุ่มยังถึงตอนนี้
อ่านไปยิ้มไป หวานมากเลยค่ะพี่นัท
ชูฮกให้เลยแบบว่า ไม่แคร์คนอื่นเลยอิอิ

พี่นัทโชคดีนะค่ะมีแฟนที่น่ารัก
อาจจะหึง ไปนิด หวงไปหน่อย
แต่อย่างไงก็เข้าใจกันดี

แอบฮาตอน เซีย จุนซู
อ่านแล้ว เหมือนน้องไม่มีผิด
แอบมีหึงดาราเกาหลี (แต่น้องชอบแจจุงนะ)

อย่างไงก็ขอให้รักกันจนเก่าจนเฒ่านะค่ะ
จะติดตามทุกวันเลย อิอิ

+1ให้ความหวาน :กอด1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 30-05-2010 16:55:09
เอาตอนพิเศษมาลงขั้นนะคร้าบบ

...............................

ตอนพิเศษ 2

มีเรื่องไรสาระมาฝากอีกแล้วนะครับตอนนี้เหมือนไรสาระ แต่ตอนนั้นมันโมโหจริงๆนครับลองอ่านกันดูเองแล้วกันนะครับ แต่คราวนี้เป็นผมเองแหละที่ไรสาระ หุหุ
ปกติถ้าเราเบื่อๆเราก็จะไปเดินเล่นที่มาบุญครองกัน ไปดูหนังกินข้าวกันประจำที่ขาดไม่ได้ไอศกรีมเซเวนเซนต์ เราจะไปนั่งตรงที่ติดกระจกด้านในสุดของร้าน(แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังมีอยู่เปล่านะครับเพราะเห็นมันปิดที่ชั้น2ไปแล้ว อีกอย่างช่วงนี้เดินแต่พารากอนแทน) เป็นที่ประจำเลยครับ(มารู้ตอนหลังว่าที่นั่งประจำของชาวเรานี่เอง) ไอศกรีมยอดฮิตที่กินกันเป็นคู่คงไม่พ้นเอิรธเควสหรอกครับ

เวลาผมมากินที่นี่พนักงานจะชอบมองที่ผมกับต้อมประจำ ทีแรกก็รำคาญนิดหน่อยแต่หลังๆก็ชินแล้วครับก็มากันบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้แล้ว ผมคิดว่าพนักงานคงคิดว่าคู่ผมมันคบกันได้ไงแน่ๆต้อมก็ดูดีซะ ส่วนผมนะหรออย่าพูดถึงดีกว่าครับ

เราสั่งไอศกรีมเสร็จระหว่างนั่งรอมีพนักงานชายคนหนึ่งจะเดินผ่านตรงที่ผมกับต้อมบ่อยๆที่แรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับแต่ว่าภายใน5นาทีเนี่ยมันเดินไม่ต่ำกว่า10รอบแล้วครับ

“มันจะเดินทำไมนักนะ พี่ว่ามันแอบชอบต้อมแน่ๆเห็นมันแหล่ๆอยู่นะ” ผมคุยกับต้อมตอนที่มันเดินผ่านมาจะเป็นรอบที่ 15แล้ว

“ไม่หรอกมั้งพี่ คนเยอะวันนี้เขาคงเดินตามปกติแหละ” ต้อมบอก

ผมนั่งสังเกตอยู่พักใหญ่ๆพนักงานคนนี้ก็หน้าตาใช้ได้ทีเดียว ผิวขาวขนาดอยู่ในชุดพนักงานยังดูดีเลยนะ พนักงานคนนั้นมันจะคอยมารินน้ำให้โต๊ะผมตลอดเลยจิบนิดเดียวมันก็มาเติมแล้วครับโดยเฉพาะแก้วต้อม ผมสังเกตเห็นมันมองหน้าต้อมตลอดเลยตอนมาที่โต๊ะ แบบนี้มันต้องชอบแฟนผมชัวร์เลยฟันธง(ยืมคำหมอลักษณ์มาหน่อยนะครับ)

จนไอศกรีมมาที่โต๊ะเราก็นั่งกินกันไปแย่งรสที่ชอบกันไป จนผมสังเกตเห็นพนักงานคนนั้นยืนอยู่แถวๆหลังผมไกลๆ เอาวะผมคงต้องทำให้รู้แหละว่าผมกับต้อมเป็นแฟนกัน ผมคิดในใจ

ผมเลยตักไอศกรีมไปป้อนต้อมแต่ต้อมมันไม่ยอมกินสิครับ ครั้งแรกผมคิดว่ามันไม่อยากกินรสที่ผมตักให้ ผมเปลี่ยนใหม่มันก็ยังไม่กินอีกจนมีรอบสามมันก็ยังไม่กิน มันยังไงๆอยู่นะคราวนี้ทุกทีมันก็กินแล้วมันยังชอบป้อนผมด้วย แต่คราวนี้ไม่ยอมกินเลยผมหันไปมองเห็นพนักงานคนนั้นจ้องมาที่โต๊ะผมอยู่เลยพอเห็นผมหันไปมองรีบหันไปทางอื่นทำเป็นจัดของซะงั้น

ที่ต้อมมันไม่กินเพราะไอ้พนักงานคนนั้นใช่ไหม มันคงไม่อยากให้รู้ว่าผมเป็นแฟนมันใช่ไหม หรือมันคิดอะไรกับพนักงานนั่น ตอนนี้ในหัวผมความคิดต่างๆผุดขึ้นมามากมายไปหมด แล้วอารมณ์โมโหมันก็เกิดสิครับตอนนี้นี่ขนาดต่อหน้าต่อตานะนี่

“อิ่มแหละ กินไปคนเดียวเลยนะ” ผมบอกต้อมหันมามองหน้าผมงงๆ

“ทำไมละพี่เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง เป็นอะไรหรือเปล่า” ต้อมทำหน้าเป็นห่วงขึ้นมา แต่มันไม่ทันแล้วผมโมโหมากกว่า

“เปล่า ก็มันอิ่ม ไม่อยากกินแล้วกลับยัง” ผมชวนต้อมกลับบ้านเพราะไม่อยากจะโมโหมากกว่านี้เดี๋ยวทะเลาะกับมันเปล่าๆ

“เดี๋ยวกินให้หมดก่อนสิพี่ กินไปนิดเดียวเอง” ต้อมบอกแล้วตักไอศกรีมมาจะป้อนผมทีนี้ เหอะไม่มีอารมณ์กินแล้วผมก็เลยไม่ยอมกิน ผมปล่อยต้อมกินไปสักพักพนักงานก็นะครับเทียวเดินอยู่นั่นแหละ ผมเห็นต้อมมองมันบ้างบางครั้งจนผมขี้เกรียดทนแหละ ผมก็ลุกขึ้นไปจ่ายเงินเลยต้อมยังนั่งกินที่โต๊ะอยู่เลย แล้วผมก็เดินออกมาจากร้านเพื่อจะกลับบ้านเลย

ผมเดินออกมาสักพักต้อมก็วิ่งตามมาจนทัน

“พี่นัทเป็นไรอีกเนี่ย” มันยังมาถามผมอีกนะทำไรไม่รู้ตัวอีกแล้วหรือไง

“เปล่าก็เปิดโอกาสให้เราไง เห็นเดินมองกันจังเผื่อจะขอเบอร์กันไง” ผมเริ่มเหวี่ยงแล้วตอนนี้ เวลาผมโมโหอะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอกครับ

“อะไรเนี่ยพี่ ผมยังไม่รู้เรื่องเลยนะมารู้ก็ตอนพี่บอกนี่แหละ” ต้อมมันทำหน้าแบบอะไรกับกูเนี่ยกูไม่รู้เรื่อง แต่ผมไม่ได้คิดอะครับตอนนี้โมโหไปแล้ว

นั่งรถกลับบ้านผมผมก็ไม่คุยกับต้อมมันอยู่ดีถึงมันจะชวนผมคุยก็เถอะนะ จนถึงบ้านผมก็ขึ้นห้องไปเลย

“พี่นัทยังไม่หายงอนผมอีกหรอพี่ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนะ”มันเข้ามากอดผมทันทีที่ตามเข้ามาในห้อง

“ไม่รู้เรื่องอะไร พี่เห็นมองกันจัง” ผมพยายามแกะมือมันออก มันกลับดึงผมไปที่เตียงแล้วผลักผมให้นอนลงไปบนที่นอน แล้วขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าท้องมือสองข้างจับมือผมกดไว้กับที่นอน

“ผมก็มองตามที่พี่บอกผมนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” มันมองหน้าผมแล้วพูดผมพยายามจะดิ้นให้หลุด แต่มันก็จับผมแน่นจริงๆ

“ไม่คิดอะไรแล้วพี่ป้อนไอติมทำไมไม่กิน เห็นมองกันอยู่นั่นแหละ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมมองว่าเขามองเราทำไม แล้วพอผมจะหันไปกินพี่ก็เอากลับไปกินเองแล้วทุกที” มันก้มหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมต้องหันหน้าหลบ

“นี่แสดงว่าพี่หึงผมใช่ไหม ผมบอกแล้วไงว่าผมรักพี่นัทคนเดียว ก็แฟนผมน่ารักอย่างนี้ผมจะไปสนใจคนอื่นได้ไง” โห ดูมันมาปากหวานซะฟังแล้วเขินเลยอะ

“ใครหึงเราเนี่ยก็เปิดโอกาสให้เราเลยนะเห็นปะ” ผมแก้ตัว

“แหนะปากแข็งด้วยนะ เดี๋ยวจะทำให้พูดความจริงให้ได้เลย” แล้วต้อมก็ก้มหน้ามาจูบปากผม

“ปากแข็งจริงๆด้วย เดี๋ยวผมทำให้นิ่มเอง” มันเงยหน้ามาพูดแล้วก็จูบลงมาอีกครั้งไม่ยอมให้ผมพูดตอบโต้อะไรเลย

แล้ววันนี้วันนี้เบจิต้าผมก็ชนะโงกุนไป 1 – 0 ปฏิบัติการง้อของต้อมนี่ทำเอาเพลียไปเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้โกรธต้อมแล้วจริงๆหายตั้งแต่โดนจูบแล้วละครับ แต่เล่นตัวไว้ก่อนแค่นั้นเอง ตอนไปอาบน้ำต้อมมันก็ยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆยังงงเลยว่าผมเป็นอะไร ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วครับก็จริงๆผมรู้อยู่แล้วว่าต้อมมันรักผมแค่ไหน แต่ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปนะครับ

วันหลังเราไปกินไอศกรีมกันอีกเจอพนักงานคนนั้นอีก คราวนี้ผมไม่ต้องทำไรเลยต้อมมันแสดงตัวเองว่าเป็นแฟนผมเรียบร้อย ทั้งนั่งจับมือป้อนไอศกรีมเช็ดปากให้ คราวนี้ผมกินแบบสบายมากเลย ผมแอบเห็นพนักงานคนนั้นทำหน้าเซงๆด้วย แล้วคุยอะไรก็ไม่รู้กับเพื่อนมันแล้วมองมาทางผม 555 อิจฉาละสิที่แฟนผมหน้าตาดีแถมรักผมมากด้วย 555


............................

ไร้สาระไหมนี่ผม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 30-05-2010 17:41:30
เหอๆๆๆไม่ไร้สาระหรอก ก็คนมันรักแฟนนิเข้าใจ เข้าใจ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 30-05-2010 20:07:10
เห็นด้วยค่ะ....ของใครใครก้อหวงทั้งนั้น.......
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-05-2010 22:08:31
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 30-05-2010 22:16:13
อยากทำแบบนี้กับแฟนมั่งจัง

เสียดายไม่มีแฟนสักที
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 30-05-2010 22:36:19
อิจฉา
แอบสมน้ำหน้าพนักงานคนนั้นจัง
อิอิ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 31-05-2010 01:45:52
เข้าใจๆ ฮิฮิ

เป็นกำลังใจให้นะคะ!!
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่พิเศษ 2 P:5] 30/05/10 04:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 01-06-2010 22:29:34
รักกันแบบนี้ก้อดีนะ

เราอิจฉาเลย


แฟนเราไม่เปงแบบนี้เลย


นิดก้อไม่ได้


หน่อยก้อไม่เอา


อารมณ์เปลี่ยนตลอดเลย



ตั้งแต่คบกันผมไม่เคยมีความสุขเลย


จะเลิกก้อทำใจไม่ได้


เห็นรักกันแบบนี้ก้อดีใจด้วยครับ


 :monkeysad: :monkeysad: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่48 P:5] 15/06/10 07:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-06-2010 19:52:10
ตอนที่ 48

กลายเป็นว่าวันนี้เรามาบ้านต้อมกันก็เกือบบ่ายแล้ว เพราะผมไม่ไหวจริงๆถ้าเป็นแบบนี้อีกสองวันผมคงโทรมตายแน่ๆ มาถึงบ้านต้อมพ่อกับแม่มันก็ชวนให้ค้างด้วยคืนนี้ ต้อมมันจะไม่ยอมแต่ผมรีบตอบตกลงทันที เพราะว่าอยู่บ้านมันมันคงไม่กล้าทำอะไรผมแน่ๆ

ตอนเย็นผมเข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ต้อมก็นั่งคุยกับพ่อมันไปถึงเรื่องเรียน จนผมกับแม่มันทำกับข้าวเสร็จ ที่โต๊ะกินข้าวเรื่องที่คุยส่วนมากเป็นเรื่องความเป็นอยู่ที่นั่นมากกว่า หลังกินข้าวเสร็จผมกับต้อมก็อาสาเก็บล้างจานเอง พ่อกับแม่ก็ขึ้นไปข้างบน

ต้อมเข้ามากอดผมจากข้างหลังขณะที่ยืนล้างจานอยู่

“ไม่เอาน่า มันไม่ถนัด พี่จะรีบทำให้เสร็จ” ผมหันไปบอก แต่มันก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม ต้อมกับกอดผมแน่นเข้าไปอีก

“มันอึดอัดนะ เดี๋ยวก็ขาดใจตายก่อนหรอก แล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่ลงมาเห็นจะทำไง”

“ก็ไม่ต้องทำไงนี่ครับ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นไรกัน” ต้อมยิ้มกรุ่มกริ่ม

“ตามใจ แต่พี่จะรีบทำงานให้เสร็จนะ อยากอาบน้ำแล้ว มาช่วยกันเลยจะได้เสร็จไวไว”

“งั้นวันนี้อาบน้ำให้ผมด้วยนะ” ดูมันอ้อนนะครับ ที่บ้านมันยังไม่เว้น

“ถ้าไม่ช่วยก็อาบใครอาบมันแล้วกัน” ที่นี้มันรีบมาช่วยผมล้างจานเลยครับ

พอล้างจานเสร็จมันก็ชวนผมขึ้นห้องมันทันที ผมเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันเหมือนเดิม แต่ผมต้องอาบน้ำให้มันนี่สิครับ ทำตัวอ้อนเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยมันนะ

“อาบน้ำให้อย่างเดียวนะ วันนี้พี่ไม่มีอะไรกับเราทั้งนั้น เข้าใจไหม” ผมกำชับเรื่องนี้เพราะผมอยากพักผ่อนจริงๆ

“คร้าบก็ได้คร้าบ แต่พี่นัทต้องกอดผมนะคืนนี้” ต้อมยิ้ม

หลังจากผมอาบน้ำกับต้อมเสร็จ เราก็นั่งดูหนังกันสักพักโดยที่ต้อมนอนหนุนตักผม พอตอนนอนต้อมก็จูบผมแล้วก็ทวงสัญญาทันที

“วันนี้พี่นัทต้องกอดผมนะ อย่าลืมละ”

“อืม รู้แล้วนอนได้แล้ว” แล้วผมก็ดึงมันมากอดไว้ จนหลับไปทั้งคู่

เราอยู่ที่บ้านต้อมจนบ่ายค่อยลากลับมาที่บ้านผม กลับมาถึงบ้านผมก็เตรียมเอกสารต่างๆเพื่อไปทำงานวันจันทร์ ต้อมเข้ามากอดเอวผมที่นั่งอยู่บนที่นอน

“พี่นัท ลาจนกว่าผมจะกลับไม่ได้หรอครับ” ต้อมอ้อนอีกแล้ว

“จะบ้าหรือไง แล้วใครเขาจะทำงานแทนพี่ละ เราก็ไปหาพี่ที่ทำงานก็ได้นี่”

“แต่ผมอยากอยู่กับพี่นัทสองคนนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนอีก

“ไม่ได้หรอก พี่ต้องรับผิดชอบงานของพี่” ผมบอก

“ไม่ได้จริงหรอคร้าบ”

“อืม ก็ใช่นะสิ” ผมก้มไปมองหน้ามันมันทำหน้าเศร้าๆ ผมเลยดึงหน้ามันขึ้นจูบเพื่อปลอบใจ

“พี่ต้องทำงานจริงๆ ยังไงตอนเย็นเราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่”

ต้อมยิ้มเล็กน้อย แต่สีหน้าก็ยังไม่ค่อยพอใจอยู่ดี ผมหันกลับมาเตรียมเอกสารต่อ ต้อมก็เปลี่ยนมานอนหนุนตักผมแทน

ใจจริงผมก็อยากที่จะอยู่กับต้อมจนต้องกลับไปเหมือนกันแหละครับ แต่ทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเอามือลูบผมต้อมเบาไปด้วยนั่งดูเอกสารไปด้วย ผมคงเตรียมเอกสารนานไปหน่อย ต้อมหลับอยู่บนตักผมต้อนที่ผมเก็บเอกสารเสร็จแล้ว

“ต้อม ต้อม ตื่นไปอาบน้ำนอนได้แล้ว” ผมปลุกต้อมให้ไปอาบน้ำ ต้อมตื่นมาทำหน้างัวเงียเหมือนเด็กๆ ก่อนที่จะกอดผม

“อืม มากอดพี่ทำไม พี่บอกให้ไปอาบน้ำไง” ผมจับหน้าที่ยังไม่ยอมตื่นของต้อมขึ้นมาจากที่ซุกอยู่บนไหล่ผม

“งั้นพี่นัทอาบน้ำให้หน่อยนะครับ ผมง่วงอาบเองไม่ไหวแล้ว” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้วครับ ทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“ไม่เอา ไปอาบเองเลย” ผมผลักต้อมให้ลุกขึ้น แต่ต้อมกลับไม่ยอม เขากลับล้มตัวลงนอนลงบนที่นอน

“ไปอาบน้ำห้ามนอนนะ” ผมพยายามดึงต้อมให้ลุกขึ้น แต่ต้อมกลับไม่ยอมดึงผมจงล้มลงไปบนตัวของเขา แล้วก็กอดผมไว้

“ไม่เอาถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมก็ไม่ยอมอาบเด็ดขาด” ต้อมพูดข้างๆหูผม

“อาบเองก็ได้นี่ พี่ต้องทำอย่างอื่นอีกนะ” ผมบอกเพราะผมจะต้องเตรียมของเพื่อไปทำงานอีก

“ไม่เอา งั้นผมก็ไม่อาบ พี่นัทต้องอาบให้ผมนะครับ นะครับ” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้ว ต้อมไม่ยอมปล่อยตัวผมอีกด้วย

“อืมก็ได้แต่ต้องรอพี่ก่อนนะถ้างั้น ปล่อยพี่ก่อน” ผมบอกให้ต้อมปล่อยตัว ก่อนที่ผมจะไปเตรียมของอย่างอื่นเพื่อทำงานวันพรุ่งนี้

ต้อมนอนมองผมเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันพรุ่งนี้ ผมเก็บของเสร็จผมก็เดินมาหาต้อมที่นอนมองอยู่บนที่นอน

“เอาทีนี้ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมยื่นมือไปให้ต้อม ก่อนที่จะดึงต้อมให้ลุกขึ้นมาแล้วพาไปอาบน้ำ



...............................


วันเวลาที่อยู่ด้วยกันมันช่างผ่านไปรวดเร็ว เหมือนสายลมที่พัดผ่านทำให้คลายความร้อน ทำให้รู้สึกเย็นสบายบายอยู่ได้เพียงพักเดียว แล้วก็กลับมาร้อนอีกเหมือนเดิม

ตอนนี้ความรู้สึกผมก็ไม่ต่างกัน เพราะพรุ่งนี้ต้อมก็ต้องกลับไปเรียนต่ออีกแล้ว ถึงว่านี่จะเป็นการที่ต้องห่างกันครั้งที่สองก็ตาม แต่ยังไงผมก็ไม่ชินกับความรู้สึกนี้สักที

วันเวลาเพียงแค่สองอาทิตย์ที่เราอยู่ด้วยกัน เราต่างพยายามที่จะทำให้ทุกวัยมีความสุขมากที่สุด เราอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้อีกหนึ่งปีที่เหลือที่เราต้องจากกันอีกครั้ง

แต่ถึงยังไงเราก็ไม่อาจที่จะหยุดเวลาลงไปได้ คืนนี้ผมทำกับข้าวให้ต้อมกิน โดยกับข้าวที่ทำก็เป็นที่ต้อมชอบทั้งนั้น หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็มานั่งที่โซฟา

“พี่นัทเป็นไรหรือเปล่าครับ วันนี้ดูท่าทางไม่สดชื่นเลย” ต้อมเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับจับมือผมไว้

“อืม พี่ไม่เป็นไรหรอก คงเหนื่อยกับงานมั้ง” จริงๆผมก็แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ต้อมไปก็แค่นั้นเอง แต่ผมไม่อยากพูดให้ต้อมไม่สบายใจ

“พี่ขอนอนตักหน่อยนะ” ผมบอกพร้อมกับล้มตัวลงไปนอนหนุนตักของต้อม ต้อมก็เอามือมาวางที่หน้าอกผม ผมเอามือกุมมือต้อมไว้

ต้อมก้มลงมามองหน้าผม ผมหันหน้าไปมองหน้าต้อมที่ก้มหน้ามองผมอยู่ ต้อมยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมเริ่มที่จะเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมพลิกตัวกลับเอาหน้าซุกไว้กับตักอุ่นๆของต้อม ผมคงไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้อีกนานเมื่อถึงวันพรุ่งนี้ ผมกุมมือต้อมแน่นขึ้น มือนุ่นๆอุ่นๆแบบนี้ผมก็จะไม่ได้สัมผัสมันอีกในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างที่เป็นความอบอุ่นของหัวใจผมมันกำลังจะจากไปแล้วอีกแล้วเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง แต่ผมต้องเข้มแข็งไว้ใช่ไหม ถ้าผมไม่อยากทำให้คนที่ผมรักต้องทุกข์ใจ ผมต้องพยายามอีกใช่ไหมครั้งนี้ แต่..


ฮึก  ฮึก  ฮึก 


ผมไม่สามารถที่จะแกล้งเข้มแข็งได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผมจำความรู้สึกในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาได้อย่างดี แล้วมันก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ผมไม่อยากเป็นคนเข็มแข็งอีกแล้ว ผมไม่อยากที่จะทนเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้อีกแล้ว ผมกุมมือต้อมไว้จนแน่นเพราะผมกลัวว่าต้อมจะหายไปตอนนี้ น้ำตามันไหลพรั่งพรูออกมาไม่ยอมหยุด

ต้อมเอามืออีกข้างมาลูบหัวผมเบาๆ

“พี่นัทคนเก่งของผมหายไปไหนน้า เมื่อคราวที่แล้วยังไปส่งผมได้อยู่เลย” ต้อมพูดโดยที่ยังลูบหัวปลอบผมอยู่


ฮึก ฮึก ฮึก

ผมกลับยิ่งร้องไห้ออกมามากยิ่งขึ้น ต้อมจับตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่ง ต้อมนั่งมองหน้าผมที่ยังคงร้องไห้อยู่ น้ำตาผมไหลลงอาบทั้งสองแก้มอย่างไม่ขาดสาย
ต้อมใช้นิ้วมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมทั้งสองข้าง ก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่น

“ไม่เอานะครับ หยุดร้องนะพี่นัทนะ พี่นัทของผมเก่งจะตายไป ผมไปอีกแค่ปีเดียวเองนะ ถ้าพี่นัทเป็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากกลับไปแล้ว” ต้อมกอดผมแน่นมาก

“ไม่  อะ  เอา  นะ ฮึก ฮึก เราต้อง  กะ กลับ ไป เรียนต่อให้ ฮึก จบนะ” ผมสะอื้นไปพูดไป ผมไม่อยากให้ต้อมมาเสียเรื่องเรียนเพราะผม

ต้อมจับผมให้กลับมานั่งมองหน้ามันอีกครั้ง

“ถ้างั้นก็หยุดร้องไห้ก่อนสิครับ” ต้อมบอกด้วยเสียงที่เจือความห่วงใย ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง

ผมพยายามอยู่นานกว่าที่จะหยุดร้องไห้ลงได้ พอผมหยุดร้องไห้ต้อมก็ยื่นหน้ามาจูบลงที่หน้าผากผม

“เห็นไหมผมบอกแล้วว่าพี่นัทของผมเก่งที่สุด แบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย” ต้อมยิ้มให้ผมแบบสบายใจมากขึ้น

“พรุ่งนี้ผมจะไปแล้ว อย่างน้อยวันนี้เราต้องมีความสุขสิครับ ผมจะได้เก็บไปเป็นพลังในการเรียน ผมจะได้จบเร็วๆไง ยิ้มนะครับ อย่างน้อยก็แค่วันนี้ก็ยังดี” ถึงหน้าต้อมจะดูยิ้มสดชื่น แต่น้ำเสียงเจือไปด้วยความเศร้าเสียใจไม่ต่างจากผม

ต้อมยังทำได้แล้วผมจะทำให้ต้อมไม่สบายใจได้ยังไง ผมยิ้มให้ต้อมบางทีนี้ต้อมก็ยิ้มกลับมา มันก็จริงอย่างน้อยวันนี้เราก็ไม่น่าจะมาเศร้ากันอีกแล้ว เพราะมันทำให้เราทรมานมากขึ้นไปอีก

“แต่พรุ่งนี้พี่ไม่ไปส่งเรานะ” ผมบอกเพราะผมไม่อยากไปจริงๆ ผมไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็นอีกแล้ว

“ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ห่วงพี่ แต่ตอนนี้ขอผมนอนตักหน่อยนะ ขอนอนตักคนขี้แงหน่อย” ต้อมบอกก่อนที่จะล้มตัวลงมานอนที่ตักผม

หลังจากนั้นเราก็ทำทุกอย่างที่เราสองคนมีความสุขร่วมกัน คืนนี้ผมผมไม่ได้นอนทั้งคืนผมกับต้อมนั่งคุยกันถึงเรื่องต่างกันทั้งคืน เราทั้งสองไม่อยากที่จะหลับเราอยากที่จะอยู่ด้วยกันให้จนถึงที่สุด เรานั่งคุยกันจนเกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน

“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทัน” ผมบอกต้อมเมื่อหันไปดูนาฬิการู้ว่าสายมากแล้ว

“พี่นัทอาบให้หน่อยนะนะนะ” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้วครับ

“ไม่เอาไปอาบเองเลย เร็วๆด้วยเดี๋ยวไม่ทัน” ผมบอกพร้อมกับไปดึงต้อมให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ต้อมกลับดึงผมเข้าไปกอดไว้ “ไม่เอา ถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมไม่ยอมอาบเด็ดขาด” ต้อมเริ่มงอแง

“ไม่เอาเร็วๆเลยไปอาบน้ำ อย่ามางอแงแล้วก็ปล่อยพี่ด้วย” ผมบอกแล้วดันตัวออกจากตัวต้อม แต่มันกลับกอดผมแน่นขึ้นไปอีก

“ไม่เอา ถ้าพี่นัทไม่อาบให้ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าผมตกเครื่องก็เพราะพี่นัทนะแหละถ้างั้น” ดูมันขู่ผมสิครับ ไม่ยอมอาบน้ำเองจนตกเครื่องแล้วจะมาโทษผมซะงั้น

ตกลงผมก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวให้มันจนได้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวให้ต้อมเสร็จผมก็ถึงเวลาที่ต้อมต้องไปสนามบินจริงๆแล้ว ผมเดินลงไปส่งต้อมที่หน้าประตูบ้าน

“พี่ส่งแค่นี้นะ” ผมบอกต้อมหลังจากที่ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“ครับ พี่นัทรอผมอีกปีเดียวนะ” ต้อมบอกก่อนที่จะดึงผมไปจูบที่ปาก ผมพยายามจดจำรสชาติการจูบครั้งนี้ เพราะคงอีกนานที่ผมจะได้สัมผัสมัน ริมฝีปากที่เนียนนุ่มกับความอบอุ่นจากใจของต้อม ผมจะจำมันไว้ให้หมด

ต้อมถอนปากออกแล้วเดินหันหลังไปทันที ผมยืนมองต้อมเดินจากไปช้าๆ ต้อมหันกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้งเมื่อจะเดินผ่านประตูรั้วบ้านออกไป ผมยิ้มตอบกลับไปแต่พอต้อมหันหลังกลับไปแล้ว น้ำตาผมกลับไหลออกมาทั้งๆที่ผมยังยิ้มให้ต้อมอยู่ ใจผมค่อยหายเหมือนกับประตูบ้านที่ค่อยๆปิดเข้ามา เมื่อมันปิดเข้ามาหมดก็แสดงว่าผมกับต้อมต้องจากกันอีกแล้ว

ผมทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูบ้าน ครั้งนี้ผมไม่ต้องอายใครอีกแล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นเข้มแข็งเพื่อใครอีกแล้ว

...............................


ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะครับ

ขอบคุณทุกแรงใจที่ตามอ่านผลงานของผมนะครับ

แต่ยังเหลืออีกหลายเรื่องที่ผมเขียนอยู่

ที่จบไม่ใช่เพราะเขียนเรื่องใหม่นะครับ

แต่ผมอยากจบแบบมีความสุขครับ(ถึงชีวิตจริงจะไม่ใช่ก็เถอะ :sad4:)
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่48 P:5] 15/06/10 07:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-06-2010 20:35:16
ยืดเป็นละครช่อง7 หน่อยซิคะ อีป้าแก่ๆ กำลังชื่นหัวใจเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่48 P:5] 15/06/10 07:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-06-2010 20:51:05
กลับมาต่อแล้ว ตอนหน้าจะจบแล้วเสียดาย แต่ทยอยมีตอนพิเศษมาน่าจะดีนะคับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่48 P:5] 15/06/10 07:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-06-2010 22:30:44
ยืดเป็นละครช่อง7 หน่อยซิคะ อีป้าแก่ๆ กำลังชื่นหัวใจเลย

อืม เดี๋ยวผมจะลองคิดก่อนนะครับ


กลับมาต่อแล้ว ตอนหน้าจะจบแล้วเสียดาย แต่ทยอยมีตอนพิเศษมาน่าจะดีนะคับ

เดี๋ยวจะพยายามหามาเสริมนะครับ เรื่องไรสาระเราเยอะมากอะครับ

บวกหนึ่งเป็นกำลังใจให้คุณนัท




ขอบคุณครับที่เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่48 P:5] 15/06/10 07:49PM
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 16-06-2010 00:59:19
ยังไม่เคยได้อ่านเรื่องไหนแบบจบบรบูรณ์ซักที เรื่องนี้คงป็นเรื่องแรกแน่ๆ ว่าแล้วก็ใจหาย :sad11:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่สุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-06-2010 12:43:37
มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ

ตอน สุดท้าย

หลังจากที่ต้อมกลับไปเรียนต่อ ผมก็กลับสู่วังวนเดิมๆเหมือนปีที่ผ่านมา คือทำงานทำงานและก็ทำงาน เพื่อตอนเย็นจะได้กลับมาคุยกับต้อมทาง MSN เพราะมันเป็นช่องทางเดียวที่ผมจะได้เห็นหน้าต้อม

ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้วันต่อวัน ใจผมคอยแต่นับวันถอยหลังว่าเมื่อไหร่จะถึงวันที่ต้อมจะกลับมา ยิ่งวันเวลาผ่านไปเร็วเท่าไหร่กลับเป็นสิ่งที่ผมต้องการ




นี่ก็เหลืออีกประมานสองเดือนที่ต้อมจะเรียนจบแล้ว ผมกับต้อมคุยกันน้อยลงเพราะต้อมต้องอ่านหนังสือสอบ ส่วนมากต้อมจะมานั่งอ่านหน้าคอมกับผมทุกวัน จนมีช่วงสอบเราก็ไม่ได้ติดต่อกันเท่าไหร่ มีบ้างที่ผมโทรไปหาแต่ก็คุยกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพราะต้อมยุ่งทั้งเรื่องสอบและเรื่องเตรียมตัวกลับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับเพราะยังไงต้อมก็จะกลับมาแล้ว



วันที่ผมรอมาถึงจนได้ วันนี้ต้อมจะกลับมาแล้ว มาถึงที่สนามบินตอนสามทุ่ม ผมเลิกงานเสร็จก็ไปรอที่สนามบินตั้งแต่ทุ่มนึง ผมหาไรนั่งกินรอเพื่อฆ่าเวลาไประหว่างรอ จากวันเวลาที่เคยผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้อีกแค่สองชั่วโมงทำมันผ่านไปช้าแบบนี้นะ ผมมองนาฬิกาข้อมือที่ต้อมซื้อให้ผมอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมองมันก็ยิ่งเหมือนช้าลงเรื่อย

ผมนั่งอย่างไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่เพราะตอนนี้มันก็จะใกล้สามทุ่มแล้ว ทำไมสนามบินยังไม่ประกาศเที่ยวบินที่จะเข้ามาอีกนะ ผมเดินไปตรงบอร์ดที่บอกเที่ยวบินที่จะเข้ามา ผมมองหาเที่ยวบินที่ต้อมส่งเมลมาบอกผม มันบอกว่าเครื่องลงจอดแล้วนี่นา แล้วทำไมผมไม่ได้ยินผมรีบเดินไปตรงผู้โดยสารขาออกทันที

ผมมองหาคนที่เดินออกมาจนทั่วบริเวณนั้น แต่ผมก็ยังไม่เห็นต้อมออกมาสักทีหรือว่าผมจดเที่ยวบินผิดไปหรือเปล่านะ แต่ไม่น่าจะใช่เพราะผมทวนจนขึ้นใจแล้วแต่ให้ไม่ต้องจดก็ตาม แล้วทำไมผมหาต้อมไม่เจอหรือว่าต้อมออกมาแล้ว มันก็น่าจะโทรหาผมสินะถ้าออกมาไม่เห็นผม

ตอนนี้ผมคิดไปต่างๆนาๆ แต่ก็เดินตามหาต้อมไปรอบๆบริเวณนั้น เผื่อต้อมจะออกมารออยู่แถวนั้น แต่ผมก็หาไม่เจอเลย มันยังไงกันแน่นะผมเริ่มกังวลใจ หรือว่าต้อมตกเที่ยวบินเที่ยวนี้

ผมยังเดินมองหาต้อมไปทั่วบริเวณนั้น

“ตามหาใครหรือครับ ให้ผมช่วยหาให้ไหม” มีคนเดินเข้ามาถามผมจากข้างหลัง แต่เสียงนี้ผมจำได้แน่นอนว่าเป็นเสียงใคร เป็นเสียงเดียวที่ผมอยากจะได้ยินมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ผมหันกลับไปมองที่ต้นเสียงทันที

“ก็ดีครับ แต่ว่าคุณจะช่วยผมตามหาจริงๆหรือครับ” ผมก็เล่นไปมันด้วย แต่ตอนนี้ผมยิ้มจนแก้มแทบปริแล้ว ผมได้เห็นหน้าคนที่ผมอยากเห็นชัดๆตรงหน้าแล้วตอนนี้

“อืม งั้นก็ลองบอกมาสิครับ เผื่อผมจะรู้จักคนคนนั้น” มันยังเล่นต่อไม่เลิก แต่ส่งยิ้มกลับมาให้ผมเหมือนกัน

“ช่วยตามหาคนรักให้ผมหน่อยได้ไหมครับ เขาบอกจะมาเที่ยวนี้แต่ผมหาเขาไม่เจอสักที” ผมก็ยังคงเล่นต่อกับมันดูสิว่ามันจะไปต่อยังไง

“แล้วคนรักของคุณหน้าตาเป็นยังไงครับ ผมจะได้ตามหาถูกแต่ท่าทางจะหน้าตาดีนะครับ” ดูมันสิครับแอบชมตัวเองก็ได้

“ไม่เลยครับแฟนผมขี้เหล่จะตาย ดำก็ดำแถมยังขี้น้อยใจอีกต่างหาก” ผมยิ้มให้มันดูสิมันจะทำยังไง

“อืมผมคงหาไม่เจอหรอกครับแบบนั้น เพราะแถวนี้ผมเห็นแต่คนหน้าตาดี” มันยังดึงไปชมตัวเองจนได้

“งั้นผมก็ไม่รบกวนแล้วนะครับ เดี๋ยวผมไปหาเองก็ได้” ผมบอกแล้วทำเป็นเดินออกมาตามหามันใหม่

ต้อมมันเดินเข้ามากอดผมข้างหลัง

“ไม่เอาแล้วไม่เล่นแล้ว พี่นัทอ่ะไม่คิดถึงผมบ้างหรือไง มารับผมซะช้าเลย” ต้อมเริ่มอ้อนอีกแล้ว

“ปล่อยน่าอายคนอื่นเขา พี่มาตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้ยินที่เขาประกาศ เลยขึ้นมาช้าหน่อยเดียวเอง” ผมแกะมือต้อมออกเพราะเริ่มอายคนอื่นที่มองมาทางผมกับต้อม

“ไม่เอาจะอายทำไมคนรักกันผิดตรงไหน ก็ผมคิดถึงของผมนี่นา” กลับมาคราวนี้อ้อนเก่งขึ้นอีกแล้วแหะ

ผมเลยพลิกตัวกลับในอ้อมกอดต้อม ตอนนี้เราหันหน้าเข้าหากันแล้ว

“พี่ก็คิดถึงเรามากนะ ต่อไปเราคงจะไม่ต้องห่างกันอีกแล้วใช่ไหม” ผมมองตาต้อม

“ครับ ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว ผมสัญญา” ต้อมยิ้มก่อนที่จะก้มลงมาจูบปากผมกลางสนามบิน

ผมก็หวังว่าจะให้มันเป็นตามคำสัญญานี้ตลอดไป แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรผมยังไม่สนใจหรอก เพียงแค่ตอนนี้เราสองคนอยู่ด้วยกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


....................

จบแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมานาน

อย่างที่บอกผมอยากจบแบบมีความสุขนะครับ

ส่วนเพลงตอนนี้นี้ผมขอมอบให้กับความจริงที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ครับ

อย่าลืมติดตามเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะครับ


http://www.youtube.com/watch?v=nk2_dHybI_k

เพลง เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ศิลปิน แคลช

ความเป็นจริงวันนี่แม้ทำให้เราต้องปวดใจ
แต่ฉันไม่ลืมภาพเธอได้เลย
เก็บอยู่ในหัวใจฉัน รับรู้และเป็นห่วงเธอ
รักเธออยู่เสมอไม่เคยลบเลือน
วันเวลาจะหมุนไปนานแสนนานสักเท่าไร
อยากขอให้เธอมั่นใจสัญญา
จะอยู่รอที่ตรงนี้ ฉันรู้เธอไม่กลับมา
แต่ความรู้สึกจะไม่เลือนจากเธอ


**
เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป
ไม่ว่าอีกนานแสนนาน นานเท่าไรไม่ลืมเลือน
ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน
เราต่างผูกพันด้วยรักตลอดไป

ซ้ำ**


ไกลห่างคนละฟ้า แต่ด้วยรักและศรัทธา
จะเชื่อมใจถึงกัน จะสัญญาด้วยหัวใจ ไม่มีใครแทนเธอ

ซ้ำ**

ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน
เราต่างผูกพันด้วยรักตลอดไป
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-06-2010 16:12:47
 :z13:



 :o12:   ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ   อีป้าแก่ๆ ไม่ยอมให้จบ  :o12:


ยืดอีกหน่อยนะน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้โปรดเถิด ขอร้อง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 16-06-2010 17:03:20
เพิ่งได้เข้ามาอ่านก็จบซะแล้ว :เฮ้อ:
ชอบเรื่องนี้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 16-06-2010 18:25:34
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 16-06-2010 19:03:02
จบซะแล้ว....ขอบคุณน่ะค่ะ...สำหรับเรื่องราวดีดีที่นำมาแบ่งปัน

ชอบคนเค้ารักกัน....
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-06-2010 20:24:28
:z13:



 :o12:   ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ   อีป้าแก่ๆ ไม่ยอมให้จบ  :o12:


ยืดอีกหน่อยนะน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้โปรดเถิด ขอร้อง  :monkeysad:

ขอบคุณป้าพี่นัทนะครับ อืมผมกำลังคิดอยู่อะครับว่าจะยืดดีไหม

เพิ่งได้เข้ามาอ่านก็จบซะแล้ว :เฮ้อ:
ชอบเรื่องนี้นะค่ะ

ขอบคุณครับที่ชอบ ก็อย่าลืมอ่านเรื่องอืนๆดูบ้างนะครับ

ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมานะครับ

จบซะแล้ว....ขอบคุณน่ะค่ะ...สำหรับเรื่องราวดีดีที่นำมาแบ่งปัน

ชอบคนเค้ารักกัน....

ขอบคุณครับที่ชอบ ผมก็ชอบครับคนรักกัน โลกจะได้สดใสสดใส
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-06-2010 20:42:45
โห  ขยันอัพสุด ๆ เลย  ตอนแรกนึกว่าเรื่องสั้นซะอีก  ที่ไหนได้  เรื่องยาวคร้าบบบบบ
แต่พี่ชอบนะ  ไม่ต้องคอยลุ้นว่าตอนจบจะเป็นยังงัย
อ้อ...ที่สำคัญไม่ต้อง  ไม่ต้องลุ้นว่า writer จะแต่งจนจบหรือเปล่า  อันนี้น่ากลัวสุด ๆ
.....
ยังอ่านไม่จบเลย  เพิ่งถึงตอนที่ 13 เอง  แต่อยากบอกว่า  สนุกมากค่ะ

รับไป +1 นะคะ
แล้วก็อย่าเพิ่งขึ้นหัวเรื่องว่าจบเลยค่ะ  เอาตอนพิเศษมาต่อซักตอนสองตอนก่อนนะ
จะได้อยู่หน้านี้นาน ๆ กว่านี้หน่อย
ให้คนอื่น ๆ ได้เข้ามาอ่านก่อนจะถูกย้ายไปห้องจบด้วยแหละ
นะ นะ นะ  ตอนพิเศษเป็นคู่อื่นก็ได้นะ 
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-06-2010 21:05:38
อืมๆๆๆ ตัวสินใจแหละ เดี๋ยวจะยืดให้อีกนิดแล้วกันนะครับ

แบบทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว แต่ขอผมเขียนเรื่องอื่นก่อนนะครับ

หวังว่าคงไม่บ่นกันนะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-06-2010 21:16:14
จูกันกลางสุวรรณภูมินี่นะ กล้าจริงยอบรับ อยากเห็นบรรยากาศตอนนั้นจังเลย คงมีคนหน้าแดงแทนหลายคน ประมาณว่าอยากทำแต่ไม่กล้า
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 16-06-2010 21:29:34
 :m4:ดีใจจังที่เรื่องนี้ยังไม่จบ
+1 ให้ความใจดีของไรท์เตอร์ที่จะยืดเรื่องออกไปอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: Stitch ที่ 17-06-2010 22:57:52
รออ่านตอนพิเศษ

น่าจะหาคู่ให้หนุ่ยบ้าง

ชอบมากอ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-06-2010 05:53:43
อยากอ่านตอนพิเศษ
คู่ของหนุ่ยอยู่ไหนเอ่ย
ขอบคุณสำหรับอีกแง่มุมของความรัก
+1
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-06-2010 19:56:22
อ่านจนจบบอกได้คำเดียวว่าชอบมากเลยครับ  ว่าจะอ่านตั้งหลายวัน :กอด1: :L1:แล้ว  เป็นกำลังใจใหนะครับ อย่าลืมมาลงผลงานดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านกันอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 18-06-2010 23:36:19
ตอนพิเศษรอหน่อยนะครับ

ช่วงนี้งานเยอะ แล้วผมก็เขียนหลายเรื่อง

คงไม่ว่ากันนะครับ

เดี๋ยวผมจะเขียนถึงหนุ่ยให้นะครับตอนต่อไป

ตามคำขอเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 19-06-2010 03:02:41
 :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 26-06-2010 17:56:19
ยังอ่านไม่จบครับ พยายามค่อยๆละเลียดชิม เอ๊ย อ่าน วันละ 4-5 ตอน
กลัวจบแล้วไม่มีให้อ่านนนน

ว่างๆมาลง special / bonus track ให้บ้างนะค๊าบบ

เป็นกำลังใจให้ครับผม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 26-06-2010 17:56:51
ตอนพิเศษรอหน่อยนะครับ

ช่วงนี้งานเยอะ แล้วผมก็เขียนหลายเรื่อง

คงไม่ว่ากันนะครับ

เดี๋ยวผมจะเขียนถึงหนุ่ยให้นะครับตอนต่อไป

ตามคำขอเลย


รออ่านนนนนนน (^^)Y
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนสุดท้าย(แต่ยังไม่ท้ายสุดแล้วกันครับ) P:6] 16/06/10 12:36AM
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 12-08-2010 21:36:45
อ่านจบแว้วววววววววววววววววววววววววววววว

หวานปนตลกนิสๆๆ อิจฉาความรัก ของพี่ๆๆจัง

 :L2: :3123:
ปล. ยังอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกันใช่ป่ะคะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 18-08-2010 10:58:40
ผมค้างเรื่องนี้ไว้นานหลายเดือนแล้ว

จริงๆมันก็จบได้แล้วนะครับ

แต่เดี๋ยวผมจะสรุปเหตุการณ์ปัจจุบันเพื่อเป็นการจบเรื่องอย่างสมบูรณ์ให้นะครับ

คิดว่าคงไม่เกินสองวันนี้ครับ

ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องแรกที่ผมเขียนแล้วติดตามอ่านกัน

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :L2: :L2: :L2:

 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-08-2010 21:09:50
รออัพเดตเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่นะ

และก็ขอตอนพิเศษด้วย     :call:   :call: 



 o13

 o13
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 18-08-2010 21:57:39
รอนัท
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 18-08-2010 23:23:01
เพิ่งมาอ่านครั้งแรกก้อจบแระ (อ้อ เดี๋ยวมีสรุปเหตุการณ์ปัจจุบันอีกนี่เนอะ:ยังกะสอบภาค ก อ่ะ 55+)
รออ่านอยู่นะคะ ทั้งสรุปและภาคพิเศษ ไม่ค่อยโลภเลยคนเรา

ปล.ขอให้นัทโชคดีมีสุขคร่า
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 19-08-2010 04:09:22
คิดว่าจบแล้วซะอีก อยากรู้เหมือนกันครับว่าพี่นัทกับต้อมเป็นไงบ้าง คิดถึงมากมาย...
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-08-2010 04:18:16
 :L1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 19-08-2010 05:55:11
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-08-2010 18:04:37
ขอบคุณครับไรซ์เตอร์
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 21-08-2010 05:34:04
ทันแล้วววว
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 21-08-2010 12:43:42
อ่านทันแล้วคร้า เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ o13
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-08-2010 13:26:10
รออัพเดตเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่นะ

และก็ขอตอนพิเศษด้วย     :call:   :call: 



 o13

 o13

ถ้าอัพเดตปัจจุบัน แล้วคนอ่านจะเป็นยังไงน้ออ  ตอนพิเศษต้องขอไว้ก่อนนะคร้าบบ เพราะตอนนี้ค้างไว้หลายเรื่องเลย :-[

รอนัท

คร้าบบป้าพี จะอัพให้วันนี้แหละครับ

เพิ่งมาอ่านครั้งแรกก้อจบแระ (อ้อ เดี๋ยวมีสรุปเหตุการณ์ปัจจุบันอีกนี่เนอะ:ยังกะสอบภาค ก อ่ะ 55+)
รออ่านอยู่นะคะ ทั้งสรุปและภาคพิเศษ ไม่ค่อยโลภเลยคนเรา

ปล.ขอให้นัทโชคดีมีสุขคร่า

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรคร้าบบ แต่ขอสรุปอย่างเดียวแล้วกันเนอะ

คิดว่าจบแล้วซะอีก อยากรู้เหมือนกันครับว่าพี่นัทกับต้อมเป็นไงบ้าง คิดถึงมากมาย...

เดี๋ยวก็รู้แล้วคร้าบบ

:L1:

ขอบคุณคร้าบ

:call: :call:

มีคนเร่งหใมต่อนี่เองถึงว่านอนไม่หลับ หุหุ

ขอบคุณครับไรซ์เตอร์

ขอบคุณเหมือนกันครับ

ทันแล้วววว

เหมือนวิ่งตามอะไรเลยเนอะอาร์ม ทันแล้ววว  :laugh:

อ่านทันแล้วคร้า เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ o13

คร้าบบ แต่คงจบแบบไม่คาดคิดอะคร้าบบ


เดี่ยวผมลงสรุปให้นะคร้าบบ แล้วถือว่าเรื่องนี้จบโดยสมบูรณ์นะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก แจ้งข่าวก่อนลงตอนสุดท้ายครับ [P:6] 18/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-08-2010 15:50:26
เหตุการณ์ปัจจุบัน

จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากจะสรุปเลยคร้าบบ เวลานึกถึงเรื่องเก่าแล้วมันก็เศร้า :sad4:

เอาเป็นผมเล่าให้ฟังคราวๆแล้วกันเนอะ

ย้อนไปเกือบ5ปี ที่แล้ว วันปีใหม่วันนี้เป็นจุดเปลี่ยนมาถึงทุกวันนี้เลยครับ

เพราะว่าวันนั้นแม่ของต้อมเรียกผมเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว

แล้วสิ่งที่เขาคุยกับผมก็คือ

"นัทช่วยเลิกกับต้อมได้ไหม เพราะทางญาติคนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องเขาอยากให้ต้อมแต่งงาน"

คำพูดที่ผมได้ยินตอนนั้นมันเหมือนระเบิดที่พุ่งเข้าไปทำลายหัวใจผมทันที

"นัทต้องเข้าใจแม่นะลูก แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"

"แล้วผมละครับ แม่จะให้ผมทำยังไงครับ" ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันแล้วตอนนี้

"นัทเป็นคนดีนะลูก แม่เชื่อนัทต้องไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าต้อมแน่นอน"

แม่จับแขนผมเบาๆ

"แม่รู้ว่ามันลำบากใจนะ ลูกสองคนอยู่ด้วยกันมานาน แต่แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"

ขนาดแม่ยังไม่รู้จะทำอะไร แล้วผมละครับจะทำอะไรถูกครับ

แม่บอกแล้วปล่อยให้ผมอยู่ในบ้านคนเดียว

ผมคิดว่าถึงผมยอมแล้วต้อมจะยอมหรือเปล่า

ผมเดินออกมาจากในบ้านด้วยอาการงุนงงเล็กน้อย ผมมองหาต้อมที่คิดว่าน่าจะอยู่คุยกับญาติเขาที่งานกลับไม่เห็น

หรือว่าเขาก็โดนเรียกไปคุยเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้วผมยังจะมีความสำคัญกับที่นี่อีกหรอ

ผมคิดได้แบบนั้น ผมเดินออกจากบ้านต้อมมาทันที

ผมมาขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าปากซอย ผมนั่งกลับมาที่บ้าน

ระหว่างทางที่ผมกลับบ้าน น่าแปลกไม่มีเสียงดทรศัพท์มาหาผมเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าต้อมเขายอมรับกับเรื่องที่บ้านของเขาบอกได้ ก็คงใช่สินะ ใครๆเขาก็ต้องเลือกครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น

ผมกลับเข้ามาในห้อง นั่งลงบนที่นอน น่าแปลกที่วันนี้ผมกลับไม่ร้องให้ออกมา

คงเพราะผมไม่อยากร้องให้ให้กับเรื่องแบบนี้อีกแล้วมั้ง

เพราะถึงจะร้องไห้ยังไงถ้าต้อมทำตามที่บ้านเขาบอกมันก็คงต้องจบกันอยู่ดี

ตอนนี้ผมเหมือนนั่งรอคอยคำตอบจากต้อมคนเดียวเท่านั้น


ผมนั่งอยู่ในห้องจนเกือบเที่ยงคืน ต้อมเข้ามาหาผม

ต้อมเดินเข้ามากอดเอวผมที่นั่งอยู่บนที่นอน มันซุกหน้าลงที่หลังผม

ผมรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นที่หลัง มันร้องไห้ออกมา

ผมหันตัวกลับไปจับหน้าต้อมขึ้นมามอง ผมจะไม่ร้องไห้ออกมาให้ต้อมเห็นเด็ดขาดที่เป็นการตัดสินใจของผม

"พี่นัทที่บ้านผมคุยกับพี่นัทแล้วใช่ไหม" ต้อมยังร้องไห้ไม่หยุด

"อือ" ผมตอบสั้นๆ เพราะผมกลัวว่าพูดแล้วจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้ต่อไป

"ครั้งนี้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พ่อกับแม่ขอร้องผมจนผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้ว"

"อืม ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ"

"แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้"

"เราก็ทำตามที่บ้านเราต้องการก็ได้ พี่เข้าใจนะว่าเราจำใจต้องทำ" ผมฝืนยิ้มออกมา

"แต่ผมไม่อยากเลิกกับพี่นัทนี่ครับ"

"แล้วเราทิ้งที่บ้านได้ไหมล่ะ"

ต้อมไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้าให้ผม

"ถ้างั้นเราก็ทำตามที่เขาบอกเถอะ พี่ไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่เถอะ" ผมเอามือเช็ดน้ำตาให้ต้อม

"แต่ผม ผม.." ต้อมอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก แต่ผมก็เข้าใจ

"ไม่เป็นไรหรอก เขาคงไม่ได้ห้ามให้พวกเราเจอกันหรอกมั้ง"

"แต่..." "ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แล้วคืนนี้เราจะนอนทีนี่หรือกลับไปที่บ้านเลย"

"นอนที่นี่ ผมบอกที่บ้านว่าจะมาเก็บของก่อน พรุ่งนี้ถึงจะกลับ" ต้อมยังไม่เลิกร้องไห้ออกมา

"งั้นเราไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บของให้เองนะ"

ผมจูงมือต้อมไปส่งที่ห้องน้ำ ผมต้องดันให้ต้อมเข้าไปอาบน้ำ

หลังจากที่ต้อมยอมเข้าไปอาบน้ำ ผมก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า

ผมนั่งลงหน้าตู้เสื้อผ้าอย่างหมดแรง นี่ผมต้องมาเก็บของให้คนที่ผมรักเพื่อให้เขาจากผมไปหรือนี่

ผมค่อยๆหยิบเสื้อผ้าของต้อมออกมาช้าๆ

ผมค่อยๆรื้อหาเสื้อผ้าของต้อมทั้งหมดเอามากองไว้ ผมค่อยๆพับมันใส่ลงไปในกระเป๋าทีละตัวๆ

ผมพับมาเรื่อยๆจนใกล้จะหมด ผมก็ไปสะดุดตากับเสื้อยืดสีฟ้าซีดๆตัวนึง

เพียงแค่ผมเห็นเสื้อตัวนั้น ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

ฮืออ ฮือออ

ผมหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมากอดไว้แล้วร้องไห้ออกมา ก็เพราะมันเป็นเสื้อตัวเดียวกับที่ต้อมใช้ห้ามเลือดให้ผมในวันรับน้อง

นี่ผ่านมาเกือบสิบปีต้อมยังเก็บมันไว้อีก ผมคงร้องไห้เสียงดังมากไปหน่อย

ต้อมรีบออกจากห้องน้ำออกมา ต้อมเห็นผมนั่งร้องไห้อยู่จึงเข้ามากอดผมไว้อีกที

ต้อมกลับเป็นฝ่ายปลอบใจผมบ้างทีนี้

ตกลงคืนนั้นทั้งคืนทั้งผมและต้อมเราไม่ได้นอนกันเลย เราต่างนั่งกอดกันโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้จะพูดอะไรต่อกัน

จนสายทางบ้านของต้อมโทรมาตามให้กลับบ้าน ต้อมถึงยอมกลับบ้านไป




ตั้งแต่วันที่ผมเก็บของให้ต้อมไป นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน

โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครั้งเดียว ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยากไม่สนใจใคร

ผมขอรับงานที่ต้องออกต่างจังหวัดทั้งหมดมาทำ

เพราะผมไม่อยากอยู่ที่บ้าน แหละไม่อยากอยู่เฉยๆ

ผมออกไปทำงานต่างจังหวัดติดต่อกันนาน6เดือน โดยที่ไม่กลับมาที่บ้านเลย




วันนี้ผมกลับบ้านมาเป็นวันแรกรอบในรอบ 6 เดือน

ผมกลับมาบ้านผมยังดูเรียบร้อยเหมือนมีคนมาทำความสะอาดให้ประจำ แต่ใครกันนะที่ทำให้

คงไม่ใช่ต้อมหรอกนะ เพราะเขาคงอยู่กับที่บ้าน ป่านนี้คงมีแฟนตามที่บ้านต้องการไปแล้ว

ผมเก็บของพร้อมกับความสงสัย ก่อนที่จะออกจากบ้านเพื่อไปหาอะไรกิน

"พี่นัทกลับมาแล้วหรือครับ" เสียงที่คุ้นเคยเมื่อผมเปิดประตูบ้านออกมา

ผมตกใจเล็กน้อยกับคนที่เข้ามาทักผม

"ต้อม"

"พี่นัทไปทำงานไม่บอกกันเลยนะ แถมเปลี่ยนเบอร์ไม่ยอมให้เบอร์ใหม่ผมอีก"

ต้อมยิ้มให้ผม เหมือนเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไร

"เรามาได่ยังไงแล้วที่บ้านเราไม่ว่าหรอ" ผมถามด้วยความแปลกใจ

"จะว่าอะไรละครับ ก็ผมมาหาเพื่อนรุ่นพี่นี่นา" คำพูดของต้อมทำเอาผมเจ็บเล็กๆขึ้นในใจ

"อืมนั่นสิ พี่เป็นรุ่นพี่เรานี่เนอะ แล้วมีอะไรถึงมาหาพี่อะ"

"ก็พี่เล่นเปลี่ยนเบอร์โทร ผมไปถามที่ทำงานเขาก้ไม่กล้าบอกกัน ผมเลยแวะมาหาที่นี่บ่อยๆไง"

แสดงว่าคนที่ทำความสะอาดบ้านคือต้อมนี่เอง

"แล้วเราเป็นไงสบายดีนะ แล้วตอนนี้มีแฟนให้ที่บ้านหรือยัง" ผมพยายามทักให้เป็นปกติ

"ก็มีแล้ว เดี๋ยวคราวหน้าผมจะพามาให้รู้จักนะ แต่พี่นัทเอาเบอร์มาก่อนเลย ผมจะได้โทรหาได้"

"เออ ก็ได้" แล้วผมก็บอกเบอร์ไป

"พี่นัทไปกินข้าวกัน ไม่ได้ไปกินข้าวกันนานแหละ" พูดจบต้อมก็เดินเข้ามาดึงมือผมไปกินข้าวด้วยกัน





ตั้งแต่วันนั้นผมกับต้อมก็เปลี่ยนเป็นเหมือนเพื่อนสนิทผมแทน

ทุกวันนี้เวลาต้อมมีอะไรจะโทรมาถามหรือปรึกษาผมตลอดเวลา

ที่บ้านต้อมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ต้อมยังไปมาหาสู่ผมอยู่เรื่อยๆ

ถึงจะเป็นได้เพียงฐานะเพื่อนแต่ผมก็คิดว่าต้อมยังเป็นส่วนที่เติมเต็มในชีวิตผมอยู่เหมือนเดิม

ทุกวันนี้ผมกับต้อมก็ยังคุยกันอยู่ ต้อมยังมาหาผมที่บ้านเรื่อยๆ บางครั้งผมก็ยังไปหาเขาที่บ้านเหมือนกัน

แต่เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกันนะครับขอยืนยันคำนี้

ส่วนหนุ่ยก็มีแฟนไปแล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่ายังไงตอนนี้เพราะไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้ว

บาสกับแจ็คก็ห่างๆกันไป เพราะตอนที่ผมไปทำงานต่างจังหวัด ผมไม่ได้ติดต่อใครเลย

ก็คงพอสรุปได้คราวๆแค่นี้แหละครับ

เอาเป็นว่าผมกับต้อมเราเลิกกันได้5ปีแล้วครับ แต่เรายังคุยกันอยู่ทุกวันเรายังสนิทกันทุกวันนี้

ผมก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้แล้ว แม้บางคราวจะเหงาไปบ้างก็เถอะ

งั้นตอนนี้ผมถือสถานะโสดดีกว่าเนอะ(จริงหรือไม่จริง)

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะคร้าบบ

 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-08-2010 16:07:05
ก็ยังดีที่ได้ติดต่อกัน ถึงจะเสียใจ
แต่ก็ชีวิตใครชีวิตมันละค่ะ
ไม่รู้จะให้ทำยังไงผ่านมาแล้วนี่เนาะ
อดีตก็คืออดีต โชคชะตาก็ไม่ได้โหดร้ายกับชีวิตเราสักเท่าไหร่
ไว้ว่างๆ จะมาเล่าเรื่องของป้าให้ฟังมั่งก็ได้ 555 หัวเราะให้กับอดีตกันเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 21-08-2010 17:46:17
อืม เคยอ่านเเล้วจำได้น่ะ

ก็เลยเข้ามาดู ไม่คิดนะว่าจะจบเศร้าอย่างนี้ เฮ้อ!!~

เเต่ยังไงๆ เราก็อยู่ได้นี่เนอะ ไม่ได้เป็นอะไร

ยังสนิทกัน เจอกัน คุยกัน บ้าง ก็คงจะดี

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 21-08-2010 19:38:04
 :m15:
ไม่อยากให้เศร้า
แต่ชีวิตก็คือชีวิต
มีแต่จะต้องก้าวต่อไป
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 21-08-2010 23:07:25
งงๆเน๊อะ

ต้อมสู้มาได้ตลอดเพื่อรัก

แต่อยู่ดีๆก็เลิกง่ายๆซะอย่างงั้น

ในใจไม่ได้รู้สึกอะไรเลยหรอ

อีกอย่างพ่อแม่ต้อมนี่ก็ยังไง

ทำตัวเน๊อะ  ทำไมชอบรักษาหน้าตาครอบครัวกันจัง

ดีแล้วแหละนัท
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-08-2010 23:15:09
เวรกรรม
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kk_oi1983 ที่ 22-08-2010 01:18:58
ง่ายไปอ่ะ ต้อม...

ปล.ในที่สุดก็มาถึง ติดตามมาร่วมหกเดือนเลยครับเรื่องนี้ ตั้งแต่บอร์ดเก่า คิดแล้วใจหาย
แต่ก็ได้รู้ว่ามิตรภาพความเป็นเพื่อน อมตะนิรันดิ์กาลลลลล
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 22-08-2010 03:28:48
อดชื่นชมคุณนัทไม่ได้ ยังคงแคร์ความรู้สึกของคนอื่นจนนาทีสุดท้ายจริงๆ
(ถ้าเป็นเราคงอดตัดพ้อบ้างไม่ได้ ถึงรู้ว่าต้อมได้เลือกแล้ว และต่อว่ารึทำอะไรไปก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็เถอะ)
อืมม เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ ก้อได้แต่ยอมรับมันอ่ะนะ
ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง
ยังไงก็ขอให้คุณนัทโชคดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-08-2010 07:41:51
 :เฮ้อ:เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรū
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 22-08-2010 16:34:41
หวานมาตลอดสู้ด้วยกันมาตลอด

แล้วจบแบบนี้


ถ้าจะให้พูดตามตรงนะ  ถ้านัทเลือกหนุ่ย และ ต้อมไม่มาจีบนัท เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้

ต่างคนต่างมีชีวิตของตน

ต้อมเริ่มต้นใหม่ได้ แต่นัทล่ะ? เริ่มได้ไหม...

ถึงจะไม่ทุกข์มาก แต่ก็ไม่สุขมากเหมือนกัน

เฮ้อออออออออออออออ นึกว่าจะจบหวานๆ ปวดจิตอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 22-08-2010 19:44:50
ตามอ่านแบบรวดเดียวจบ อยากบอกว่า ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 22-08-2010 20:42:57
ก่อนหน้านี้ผมอ่านตอนจบจากบอร์ดปาล์มแล้ว
อ่านจบแล้ว บ้าไปแล้ว เครียดไปแล้ว เศร้าไปแล้ว และทำใจได้แล้ว

ไม่รู้สิครับ ทุกครั้งที่อ่าน ผมยิ้มไปพร้อมกับคุณ พอเศร้า ก็เลยเจ็บเกินอาการไปหน่อย


บ้าเน๊าะ T^T





มาอ่านที่นี่อีกรอบ...ก็ยังเศร้านิดๆนะ
แต่ผมเชืื่อว่า ไม่ว่าอีก 5 ปี หรือ 50 ปี

ตำแหน่งที่คุณ 2 คนวางไว้ให้กัน จะไม่มีใครมาซ้อนทับ
ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้
และไม่มีใครมาแทนได้

เหมือนรอยสักที่งดงามแต่.....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ >___<)

ดีใจที่ได้คำยืนยันว่าตอนนี้คุณ 2 คนยังเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอยู่
เป็นกำลังใจให้ในก้าวต่อๆไปของชีวิตนะครับ

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆครับผม ^^
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 22-08-2010 23:19:32
ยังอ่านไม่ทัน ให้กำลังใจคนเขียนก่อน  :กอด1:
คนเราทุกคนก็ต้องมีเรื่องเจ็บกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ใครจะทำได้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 23-08-2010 00:29:10
 :เฮ้อ:
เปนกำลังใจให้น่ะ...
ขอให้มีความสุข... :bye2: o13
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 23-08-2010 07:18:14
 :เฮ้อ: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 24-08-2010 09:44:03
อ่านจบไปแล้ว
แต่ต้องใช้เวลา 1 วันกับการทำใจ  และมาเขียนคอมเม้นต์

สำหรับผม  ผมคงอาจจะใจกว้างไม่เท่ากับที่คุณนัททำ  มันทำใจไม่ได้อะ
ก็เข้าใจที่คุณนัทเคยบอกไว้ว่า  ถึงแม้ว่าต้อมจะหมดรัก  แต่สำหรับคุณนัทจะยังรักต้อมตลอดไปก็ตาม

ในความคิดผมกลับเฝ้าแต่ถามว่า  คำสัญญา  ที่เคยให้ไว้ละ
มันเป็นคำสัตย์  หรือเป็นแค่เพียงลมที่แผ่วเบา

ผมอ่านจบ  ผมก็เฝ้าแต่คิดถึงคำถามนี้วนไปวนมาๆ  เลยพาลพารานอยด์ไปเลยทีเดียว ><

สุดท้ายมันเลยคาใจยังไงก็ไม่รู้  เพราะนัทพยายามทำให้สัญญาเป็นคำสัตย์  แต่ต้อมทำให้คำพูดเป็นเพียงลมที่แผ่วเบา

ป๋อล๋อ  ขอโทษที่พารานอยด์นะครับ  แต่มันพารานอด์จริงๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 24-08-2010 12:25:42
ต้อมไม่ได้รักหรอก แค่หลง
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: lionnoi ที่ 25-08-2010 12:40:10
อ่านจบแล้วค่า อินมากๆๆๆ และก็คาใจมากมาย
ที่ผ่านๆมา ผ่านอุปสรรคด้วยกันมาตั้งมากมาย แล้วทำไมพอจะเลิกก็เลิกกันง่ายๆแบบนี้คะเนี่ย  :serius2:
ตกลงต้อมรักจริงหรือแค่ผูกพันธ์ เห็นใจ etc ที่ นัททำให้มากมายขนาดนี้คะ
แล้วตอนที่ ต้อมคุยกับแม่นัทเนี่ย ที่บอกว่าถ้าไม่ยอมจะพานัทหนีเนี่ย
อารมณ์ตอนนั้นมันไม่มีแล้วเหรอคะ
พ่อ แม่ ของต้อม ตอนแรกก็เข้าใจ ยอมแล้ว แล้วทำไมต้องมาบังคับกันตอนหลังอีกคะเนี่ย  :เฮ้อ:
ไม่เข้าใจจริงๆ เลี้ยงลูกก็เลี้ยงได้แต่ตัว เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ  :m16:
มันเจ็บปวดมากเลยนะคะ ต้องจากกันทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็รักตัวเอง แต่คบกันไม่ได้ (หรือตอนนี้ต้อมไม่ได้รักนัทแล้วใช่มั้ยคะ)  :sad4:
ถ้ารักเค้าข้างเดียวมันเจ็บ รักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้นี่ มันเจ็บปวดมากกว่านะคะ เราคิดอย่างนั้นจริงๆ
ต้อมทำใจได้ไงคะ ตอนที่บอกว่ามาเยี่ยมเพื่อนรุ่นพี่ ไม่เจ็บปวดหรือรู้สึกอะไรเลยเหรอคะ
ตอนที่เจ็บปวดจะเป็นจะตายตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเนี่ย มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเหรอคะ
แต่ก็แน่นี่คะ ต้อมมีคนรักใหม่แล้วนี่คะ แต่นัทยังซื่อสัตย์กับต้อมอยู่เลย
นัททนได้ยังไงคะ เป็นเราถ้าเลือกได้ เราจะไม่กลับมาเลยค่ะ จะทำงานอยู่ต่างจังหวัดอย่างนั้นแหละค่ะ
เปลี่ยนบ้านเปลี่ยนทุกอย่างเอาให้ไม่เจอกันเลยค่ะ
ขอเป็นแค่คนเคยรู้จักดีกว่าค่ะ รอให้ทำใจได้ก่อน แล้วถ้าเจอกันค่อยว่ากันอีกที
จะหาว่าหนีปัญหาก็ได้ แต่ทำใจไม่ได้จริงๆ  :o12:
ขอโทษนะคะ พล่ามซะยาวเลยค่ะ มันอินมากจริงๆ  o13
แล้วตอนนี้นัทมีคนมาดูแลหัวใจรึยังคะเนี่ย  :-[
แล้วแฟนต้อมเค้ารู้มั้ยคะเนี่ยว่าต้อมกับนัทเคยเป็นอะไรมาก่อน
ป.ล. ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 25-08-2010 19:04:46
คุณนัทเป็นคนที่ดีนะคะทำเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง
คนแบบนี้เราคิดว่าสักวันสิ่งดีๆคงจะเข้ามาหาแน่นอน
ชีวิตมักเป็นแบบนี้เสมอลเนตลกกับเราได้ตลอดเวลา
แต่นี่แหละเนาะที่เค้าเรียกว่ารสชาติของชีวิต
ยังไงเราก็ขอให้คุณนัทมีความสุขกับชีวิตตอนนี้มากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 26-08-2010 21:46:45
พี่นัททำถูกแล้วค่ะ อย่างน้อยเขาก็ยังเห็นเราสำคัญ แต่ในฐานะอื่นเท่านั้นเอง

แต่ ต้อม.... ทำไม ถึงพูดทักทายยังงั้น น้า
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: CocO naTtH mIlK ที่ 27-08-2010 14:19:03
มาตามอ่านจนจบครับ อ่านไปพร้อมกับฟังเพลง "มากกว่ารัก" ของโรส สรินทิพย์ด้วย เข้ากันพอดี

มากกว่ารัก ก็มองในมุมของคุณนัทก็น่าจะถือว่าเรามากันได้เท่านี้ ที่บ้านต้อมอาจจะมีภาระที่ไม่สามารถหลีกให้ก็ได้ครับ ยังดีที่ยังไปมาหาสู่กันได้บ้าง

แต่ในทางกลับกัน โดยส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้ครับ เมื่อคุณรู้ว่าคุณรักผู้ชายแล้วไปแต่งกับผู้หญิง ถามหน่อยเถอะว่าจะมีซักกี่คนเมื่อรู้แล้วจะรับได้ หรือจำใจต้องรับ!!

โดยส่วนตัวอีกเช่นกันที่ ต้องบอกว่า "ความรัก" ไม่มีรูปแบบ อาจจะรักกันแบบนี้ มากกว่าเพื่อนสนิท แต่ไม่ใช่แฟน และไม่ใช่กิ๊ก! ถ้าเรารู้ขอบเขตของความสัมพันธ์ อะไรๆก็สวยงานครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 29-08-2010 03:08:02
โซ แซดอ่ะ รู้อย่างนี้ยังไม่อยากอ่านบทสรุปอ่ะ เพราะมันเศร้ามากๆเลยอ่ะ
แต่ว่าเราก็เข้าใจนะคะ แต่ว่าเรื่องบางเรื่องถึงจำใจแต่ถ้าถึงที่สุดแล้ว สักวันคงทนไม่ได้
มันระเบิดออกมา ทุกอย่างคงบอกไม่ได้หรอกค่ะ มันป็นเรื่องในอนาคต
แต่อยากบอกอย่างหนึ่งค่ะ ขอให้ไรเตอร์มีความสุขมากๆ และได้เจอกับใครสักคนที่จะทำให้เราได้
อยู่ด้วยกันตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-08-2010 21:07:34
เศร้าอย่างแรง
ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรเลยหรอ
คือเข้าใจนะว่าครอบครัวสำคัญ
แล้วที่ผ่าน ๆ มาทั้งหมด ทั้งคำสัญญาและทุก ๆ อย่างที่ผ่านมาด้วยกัน
แม่ไม่น่าทำแบบนี้ ถ้าจะทำแบบนี้
ให้เลิกกันซะตั้งแต่แรกยังจะดีซะกว่า
ปวดใจมากเลย 
(นี้ขนาดไม่ได้เจอกับตัวเองนะแต่อ่านไปมันก็รู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้ายอ่ะ )

 :monkeysad: :monkeysad:



หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kaowkong ที่ 30-08-2010 00:25:33
ไม่อยากอ่านตอนเศร้าๆเลยอ่ะ.. :monkeysad:

อ่านแล้วหดหู่หัวใจยังไงไม่รุ.. :m15:

แต่ชอบเร่ื่องนี้มากมายนะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-09-2010 23:35:32
เข้ามาขอบคุณทุกำลังใจนะครับ

ถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้เหตุผลที่เขายอมรับปากแม่เขา

แต่ผมก็เชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลที่สำคัญพอแหละครับ

แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มชินกับสถานภาพแบบนี้แล้วคร้าบบ

แล้วที่ถามว่าผมมีแฟนใหม่หรือยัง ยังไม่มีคร้าบ

เพราะว่าเวลาที่ผ่านมายังไม่พร้อมจะคบใครใหม่เลยคร้าบ

แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว แต่ไม่มีคนคบนะคร้าบบ กว่าจะเปิดใจใหม่อายุปาไปเลข3แหละ

คงหาคนมาสนใจยากแล้วมั้งครับตอนนี้ :laugh:

ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งนะคร้าบบ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก สรุปส่งท้าย (จบแล้วคร้าบบ) [P:7] 21/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 12-09-2010 22:01:06
เคยได้ยินไหมว่า สามสิบยังแจ๋วน่ะนัท 555

ก็เพราะสาม(เกือบสี่)สิบ ป้าแ็เลยมีปั๊วเด็กมาลดปมด้อยเรื่องอายุเล่น ๆ ไรงี้ กร๊าาาาาาาาาาาาาาาก
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 18-09-2010 07:54:09
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว  :o8: :z3: :monkeysad:
บอกได้คำได้เดียวว่าเป็นกำลังให้คุณนัทนะ
อีกไม่นานก็คงจะเจอคน ๆ นั้นเองแหละ
สู้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-11-2010 22:58:26
เคยได้ยินไหมว่า สามสิบยังแจ๋วน่ะนัท 555

ก็เพราะสาม(เกือบสี่)สิบ ป้าแ็เลยมีปั๊วเด็กมาลดปมด้อยเรื่องอายุเล่น ๆ ไรงี้ กร๊าาาาาาาาาาาาาาาก

555 ยิ่งแก่ยิ่งชอบเด็กเนอะป้าเนอะ

อ่านเรื่องนี้จบแล้ว  :o8: :z3: :monkeysad:
บอกได้คำได้เดียวว่าเป็นกำลังให้คุณนัทนะ
อีกไม่นานก็คงจะเจอคน ๆ นั้นเองแหละ
สู้ๆ นะ

ครับผมขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก มาต่อแล้วครับ[ตอนที่19]2/05/10 23:58PM
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 23-11-2010 02:59:12
แบบว่า...เยอะอะ
อ่านจนตาลายแล้วตาลายอิกเลยอ่ะ
แต่ได้อ่านรวดเดียวเลยก้อดีอ่ะ
แต่ขอพักก่อนเดี๋ยวมาอ่านต่อ
ไม่ไหว..ตาลาย...มึนๆๆ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirote105 ที่ 23-11-2010 17:35:58
น่ารักมากเลยครับ อิอิอิ วันนี้นั่งอ่านเรื่องนี้ทั้งวันไมไ่ด้ทำอะไรอิอิอิ

ปกติก็ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่แล้วละ

อิอิอิ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 23-11-2010 23:33:40
อ่านเพลิน ๆ ข้ามบ้างอะไรบ้าง กลัวเลี่ยน 555+

.
.
.

ช่างมันเหอะครับ มองไปข้างหน้า ทำอะไรได้ก็ทำไป ทนได้ก็ทน ทนไม่ไหวก็ค่อยว่ากัน ชีวิตคนเรามันยังมีเรื่องอื่นให้ทำเยอะแยะ

ก็ว่าอยู่ว่ามันต้องมีอะไรบ้าง .. แต่ก็นะ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ช่างมันเหอะครับ ไม่ต้องไปตามหาเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อยู่กับปัจจุบัน รักตัวเอง ดูแลตัวเอง สนุกดีออกกับการที่ได้เอาใจใส่ตัวเอง ได้อยู่กับตัวเอง ใครจะรู้ใจเราเท่าตัวเราเองชิมิ

มีความสุขกับสิ่งที่เป็น ดีกว่าอยากเป็นในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ..

God bless U krub Writer
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 24-11-2010 21:57:20
อ่านจบแล้ว หลังจากนั่งอ่านมาหลายวัน

ชอบมากๆเลยน่ารักดี

แต่บทสรุปนี่เศร้ามากมาย(นั่งร้องไห้น่าคอมเลยอ่ะ) :monkeysad:

ไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาผ่านอุปสรรคต่างๆด้วยกันมาตั้งมากมาย(ตั้ง10ปีเชียวนะ ออกจะน่าอิจฉา)

แล้วทำไมตอนนี้(ตอนนั้นน่ะ)ถึงได่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้น(พี่ต้อมทำงี้ได้ง้ายย...) :z2:


เป็นกำลังใจให้พี่นัท :L1: :L1:
จะติดตามเรื่องอื่นต่อ(ถ้าหาเจออ่ะนะ ก็มันเยอะเกิน)
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirote105 ที่ 24-11-2010 23:42:49
อ่านจบสักที เศร้าใจจังที่ต้องแยกกันเพราะเหตุจำเป็น

ไงก็เป็นกำลังใจให้นัทนะครับ

สู้ๆต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 27-11-2010 17:58:44
อ่าน มา สองวัน กับอีกหลายชั่วโมง  :a5:

หนูไม่รู้ว่า ตอนนั้นพี่ทำใจได้ยังไง  แต่ถ้าเป็นหนูู :z6:

คบกันมาหลายปี แล้วบอกว่าที่บ้านให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้

ก็เข้าใจว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก แต่ ทำไมเพิ่งมาบอก

แล้วก่อนหน้านี้คืออะไร เค้าไม่ได้ทำใจกันแล้วหรอ :z3:

ถ้ามาบอกว่ามีคนใหม่ หรือว่าเราหมดรักกันแล้ว

หรือว่าเค้าทำตัวให้เรารับไม่ได้ไปซะ แล้วเลิกกันเพราะเราเพียงสองคน

หนูว่าแบบนั้น จะทำให้อีกคนมีรักครั้งใหม่ที่ง่ายกว่า

ไม่ต้องค้างคากัน แล้วซักวันอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้

ตอนนี้พี่ไม่ทุกข์ถึงที่สุดก็จริง  แล้วคำว่ามีความสุขที่สุด พี่คิดว่าเมื่อไหร่พี่จะพูดมันออกมาได้ละ

โอ้ยหนูอินอะ  ........... เดียวหนูเรียกเก็บเงินพี่นะ ค่าน้ำแข็งประคบตา

ไม่กล้าเจอใครเดียวเค้าหาว่าอกหัก ตาบวมซะ

ปล. ถึงอย่างไรก็เป็นกำลังใจให้พี่นัท เรื่องมันผ่านไปแล้ว :L2:
     เป็นโสดดีที่สุดแล้วพี่ ทำงานเก็บเงิน อยากได้อะไรก็ซื้อเอาอย่าได้แคร์




หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 03-12-2010 14:57:17
อ่านแล้วมีความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง
เหมือนกำลังยิ้มๆดีใจอยู่แล้วเจอคนถีบตกลงมาซะงั้น TTATT
กว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์มาด้วยกัน สู้กันมาตั้งเท่าไหร่ แต่ต้องจากกันซะงั้น
เป็นกำลังใจให้คุณนัทนะคะ ขอให้นับจากนี้มีแต่ความสุขเข้ามาในชีวิตค่ะ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 19-12-2010 20:15:31
ใจคนเรานี่มันเปลี่ยนไปตามเวลาจริงอย่างที่บอกว่า
เวลาเปลี่ยน...ใจคนก็เปลี่ยน
เป็นกำลังใจให้คุณนัทครับ สู้ๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ที่นำามาให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-02-2011 14:06:57
นานๆจะแวะเขามาห้องนิยายจบแล้วสักทีนึง

เลยไม่ได้ตอบเม้นเลยครับ :o8: (เรื่องใหม่เขียนเยอะเหลือเกิน)

ก็ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจดีๆ

ตอนนี้ทุกอย่างมันลงตัวสำหรับผมแล้ว

เราสองคนก็ทำตามหน้าทีกันไปแต่ก็ยังคงห่วงใยกันเหมือนเดิม

ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับคกำลังใจดีๆ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 14-03-2011 14:33:21
กำลังอ่านเรื่องนี้หน้าแรก แล้ว..........
ก็เพราะความอยากรู้ว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งมั้ย ก็เลยมาเปิดหน้าสุดท้าย....
...เิ่อ่อ.......... จะกล้าอ่านต่อมั้ยอ่า~ ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรที่บีบหัวใจด้วย
แต่จะค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆละกันนะคะ สู้ๆค่ะคุณนัท  :L2:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: hmoopee ที่ 27-07-2011 10:06:12
 :m15:
 :monkeysad:
 :sad4:
 :o12:
ทำไมเป็นยังงี้อะ แล้วที่เคยมีประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกัน
ลืมง่ายจัง นี่คงไม่ได้รักจริงใช่ไหมหล่ะ
รับผิดชอบด้วย ทำเราน้ำตาไหลไม่หยุดเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 06-08-2011 00:31:03
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
อย่างน้อยก็ลากันด้วยความรัก

ขอให้เจอคนที่มาเติมเต็มในส่วนที่ต้อมในตอนนี้ไม่สามารถทำได้นะคะ
วัยเลขสามไม่แก่ซักหน่อย กำลังเป็นงานต่างหาก อิอิ

Thanks <3
ดูแลตัวเองด้วยนะคะ:')
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 18-10-2011 14:18:31
จบแบบนี้ซะนั้น เศร้าเลยครับ เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆต่อไป
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 20-10-2011 16:07:23
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 21-10-2011 18:07:20
ตอนนี้มีแฟนใหม่รึยังนะ
ถ้ามีก็ขอให้เจอแต่คนดีๆที่จริงใจนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ภัทร ที่ 21-10-2011 20:26:55
อ่านสนุกมากครับ ชอบครับชอบ มีหลายอารมณ์ดีครับ o13
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: golf7777 ที่ 24-10-2011 19:09:58
น่ารักกันทั้งคู่เลยคับ อยู่กันมาก็นาน แต่จบแบบเศร้าจังเลยคับ
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-11-2011 00:10:45
แวะมาขอบคุณทุกกำลังใจครับ

หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ramika ที่ 02-10-2012 09:50:53
จบได้ โดนใจมากอ่ะ
ยิ้มทั้งน้ำตาเลย
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-02-2015 18:28:01


                     พึ่งได้เข้ามาอ่าน และก็อ่านรวดเดียวจบ อ่านถึงตอนจบก็แฮปปี้ดี แต่อ่านตอนปัจจุบันจบปุบแล้วแบบ ยังงัยล่ะ

                     ก็ไม่รู้ตอนนี้ นัทมีคนของตัวเองรึยัง อยากให้นัทมีความสุข และมีคนที่มาเติมความสุขให้นัท ส่วนต้อมก็นะ....

                     (อ่านแล้ว ก็อินตามเรื่องไปด้วย) :pig4: :pig4: :pig4:สำหรับเรื่องดีๆอีกเรื่องที่นำมาให้อ่านกัน 
หัวข้อ: Re: รุ่นน้องวุ่นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 21:54:39
 :mew1: