“ไอซ์ครับ ถึงไหนแล้วเอ่ย”
ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ในขณะที่ยืนรอไอซ์อยู่หน้าร้านเดิม ร้านที่เรามาทานอาหารกันในวันเกิดของเจ้าตัว และเป็นวันที่ผมขอเขาเป็นแฟนด้วย จนนับได้ว่าวันนี้...เป็นวันครบรอบสามเดือนของเราที่คบกัน
“บีทีเอสเหรอ...พี่อยู่หน้าร้านเดิมนะ”
ผมมักจะนัดกับเขาหน้าร้านนี้เสมอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะว่าร้านนี้เป็นที่ๆ ผมมีความสุขมากกระมัง
“ครับ...เร็วๆ นะ”
“ทำไมน่ะเหรอ...ก็คิดถึงอะ อิอิ”
แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายมา รออยู่ไม่ถึงสิบนาที เด็กหนุ่มก็หอบแฮ่กๆ มายืนอยู่ตรงหน้าในชุดนักเรียน ผมหัวเราะน้อยๆ กับสภาพของเขา ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ เจ้าตัวยิ้มขอบคุณ ก่อนจะรับไปเช็ดหน้า ผมจึงคว้ากระเป๋านักเรียนสีดำมาถือไว้เสียเอง
“วิ่งมาทำไมเนี่ยหือ”
“ก็กลัวพี่แม็กซ์รออะ”
“ยังไงก็รอไปแล้วไม่ใช่หรือไงเรา ฮ่าๆ”
แล้วคนถูกว่าก็หน้างอง้ำ ในขณะที่เราออกเดินพร้อมกัน
“ไปกินข้าวที่ไหนล่ะไอซ์”
“ไอซ์อยากกินติ่มซำอะ”
“แล้วมันจะอิ่มไหมเนี้ย?”
ผมว่าพลางส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ จริงๆ ก็รู้ว่าไอ้ตัวดี อยากกินมาก แต่หลังเลิกเรียนแบบนี้ เพิ่งออกมาจากโรงเรียน น่าจะกินอะไรที่คลายความหิวได้มากกว่านั้นอย่างพวกอาหารหนักๆ หน่อย จริงๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง
“เอ้า...ตามใจเรา”
แล้วคนได้รับคำตอบอย่างที่หวังก็ยิ้มกว้าง นำผมเดินไปยังร้านติ่มซำอย่างรวดเร็ว ถึงจะพูดแบบนั้นในตอนแรก สุดท้ายผมก็เดินตามเด็กหนุ่มไปอยู่ดี
หลังจากจัดการทานเรียบร้อย เรียกบริกรมาเก็บเงิน เดินออกมาจากร้านได้ไม่กี่ก้าว อยู่ๆ ไอซ์ก็หันมายิ้มหวานให้ พร้อมทำเสียงอ้อนๆ อีกต่างหาก น่ารักชะมัด...
“พี่แม็กซ์”
“ว่าไง”
“ไปถ่ายรูปกัน”
“หา....” ผมอุทานออกมาเสียงหลงอย่างตกใจ “ถ่ายรูปอะไร ถ่ายรูปทำไม”
เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคัก เพราะรู้ว่าผมไม่ชอบถ่ายรูปอย่างแรง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่รู้อย่างเดียวว่าไม่ชอบไปยืนเก๊กอยู่หน้ากล้อง หรือทำท่าอะไรน่ารักๆ อย่างที่เห็นคนอื่นชอบทำกัน มันเขินแปลกๆ ไม่ชอบเอาเสียเลย
“ก๊ะ...อยากถ่ายอะ”
แล้วแขนเล็กๆ ก็เกาะหมับเข้ากับแขนขวาของผม ที่ถือกระเป๋าให้ตัวเองอยู่
“ไม่เอา” ผมปฏิเสธเสียงจริงจัง ก็คนมันไม่ชอบนี่หว่า “จะถ่าย ก็ถ่ายคนเดียวดิ”
“เอ้า....ถ่ายคนเดียวแล้วจะชวนทำไมเล่า ก็อยากถ่ายด้วยกัน”
เสียงเล็กโวยวายเสียดังลั่น จนผมกลัวคนที่เดินผ่านจะเข้ามาเพ่นกบาลเข้าให้ เพราะเท่านี้เขาก็มองเราสองคนด้วยความฉงนแล้วที่มายืนล้งเล้งกันกลางซอยในสยามแบบนี้
“เอาจริงดิ” ผมต้องรีบง้อ ไอ้ตัวดีมันหน้างอแล้วครับ “เอาจริงเหรอ...”
“ทำไม ถ่ายกับแฟนแค่นี้ไม่ได้หรือไง”
ลองได้พูดคำนี้ “....กับแฟนแค่นี้ไม่ได้หรือไง” แสดงว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจอย่างแรงครับ เหมือนว่าเอาแต่ใจนะ แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นคนมีเหตุผลทีเดียวแหละ แต่เรื่องที่มีเหตุผลของมันนี่สิ บางทีมันก็ไม่จำเป็นเอาเสียเลย ฮ่าๆ
เมื่อเห็นผมเงียบอย่างใช้ความคิด มันก็ไซโคต่อ
“ว่าไง...ไม่ได้เหรอ”
“อะๆ ก็ได้วะ”
แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปถ่ายรูปที่ตู้กันครับ ไม่ได้ไปถ่ายที่ร้าน ผมว่ามันประหลาดๆ พอสมควรนะครับนี่ ที่ต้องมาเก๊กท่าอะไรในที่แคบๆ แบบนี้ ผมล่ะไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ไอ้ตัวดี ยิ้มดีใจใหญ่ โพสท่าซะน่ารัก น่าจับกอดเสียตรงนั้นจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่เขายืนกดเครื่องถ่ายอยู่ด้วยนะ
หลังจากโพสกันไปหลายแอ๊ค เราก็ได้รูปมาอยู่ในมือครับ ผมกับมันแบ่งกันคนละครึ่ง มีทั้งแบบเป็นสติกเกอร์ และเป็นรูปปกติ ปริ้นมันวาวกันน้ำซะด้วย ไอ้ตัวดียังคงยิ้มร่า อารมณ์ดีสุดๆ
“พี่แม็กซ์ เอาใส่เป๋าตังค์ด้วย”
เสียงสั่งอีก เมื่อผมกำลังจะเก็บรูปใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง
“แล้วก็ระวังหาย เวลานั่งอะ”
นั่นมีสั่งต่อ คว้ารูปที่แบ่งกันคนละครึ่งกับผม ไปเลือกๆ อยู่ไม่กี่วินาที ก็แยกรูปใบหนึ่งต่างหาก เป็นรูปที่เจ้าตัวทำท่าซะน่ารัก ส่วนผมก็..เฉยๆ (ฮ่าๆ) ขนาด 4P ออกมายื่นให้ผม
“อันนี้ใส่กระเป๋าตังค์”
ส่วนตัวคนสั่งเองก็เอารูปเก็บใส่กระเป๋านักเรียน ผมเลยต้องหยิบกระเป๋าเงินออกมา เพื่อทำตามคำที่เจ้าตัวบอก จากนั้นก็เดินไปส่งไอ้ตัวดีที่สถานีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“กลับดีๆ ล่ะเรา แล้วก็ Happy Brithday นะ” ผมยิ้มให้ “ส่วนของขวัญ เดี๋ยวจัดให้”
“ค้าบบบบ ขอบคุณครับ”
“งั้นพี่ไปนะ”
“แฮปปี้สามเดือน”
“อะไรของเรา”
“ก็ครบรอบคบกันสามเดือนไม่ใช่เหรอ...” หน้ามันเริ่มงออีกละ “หรือว่าพี่แม็กซ์ลืมอะ”
“เฮ้ย! ไม่ได้ลืม แต่ก็ไม่เห็นมันจะสำคัญอะไรไม่ใช่หรือไง”
“งั้นก็แล้วไป”
“กลับบ้านได้แล้วปะ”
“ค้าบ บาย”
---
“ได้ยินเสียงฟ้าร้องทุกๆที
ก็ยังห่วงเธออยู่ดีหรือเปล่า
ข้อความข้างในมือถือก็ยังคงเก็บไว้
ได้ยินเพลงที่เธอนั้นชอบฟัง
มันก็ยังคงคิดถึงทุกครั้งไป
ต้องเตือนตัวเองซ้ำๆจำเอาไว้”เสียงนักร้องสาวยังขับกล่อมอย่างต่อเนื่องในเพลงเดิม ในขณะที่ผมเหม่อมองออกไปไกลอย่างไร้จุดหมายอีกครั้ง เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังเข้ามาให้ได้ยิน ขณะที่มีคนเปิดประตูหน้าร้านค้างไว้เพื่อคุยกับเพื่อนชั่วคราว
ผมหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อเสียงเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กสั่นครืดๆ ในมือจนรู้สึกได้ บนหน้าจอบอกไว้ชัดเจนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา
“ไอ้บอล”***
‘อยู่ไหนวะ กูรออยู่ห้องกับไอ้นัทนะเว้ย’
ผมกดปิดข้อความนั้นเมื่ออ่านจบ ทว่า เมื่อกดปุ่มกลับมายังหน้าหลักของฟังชั่นข้อความในเครื่อง ชื่อของไอซ์ ก็ปรากฏเรียงลำดับกันลงมามากมาย ผมไม่เคยลบข้อความที่ไอซ์ส่งมาเลยสักครั้ง
ไวกว่าความคิด ผมกดดูแต่ละข้อความอย่างห้ามไม่ได้ กดดูอย่างที่เคยทำอยู่เสมอ
‘พรุ่งนี้เจอกันสิบโมงหน้า....นะครับ’
‘เดินทางดีๆ นะครับ’
‘พี่แม็กซ์ คิดถึง นอนยังค้าบบบบบ’
‘ฝันดีค้าบพี่แม็กซ์สุดหล่อ จุ๊บๆ’
‘รักพี่แม็กซ์นะค้าบบบบ’
และข้อความครั้งล่าสุดจากไอซ์ เมื่อสามอาทิตย์ก่อน
ทว่า...
ผมกลับไม่อยากเปิดมันออกดูเลยสักนิด
‘ดูแลตัวเองดีๆ นะพี่แม็กซ์ รักพี่ชายเสมอนะครับ’
“หึหึ”
ผมหัวเราะขื่นๆ ให้ตัวเองกับคำเรียกในข้อความนั้น ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เครื่องเล็กลงในกระเป๋ากางเกง
บทสนทนาที่คุยกับไอซ์ครั้งล่าสุดก้องสะท้อนเข้ามาในหู เมื่อผมลองโทรไปหาเขาเมื่อตอนเช้าวันนี้นี่เอง เสียงของไอซ์ยังคงสดใสเหมือนเดิม เสียงน่ารักๆ ที่ผมชอบ รอยยิ้มหวานๆ ยังคงตราตรึงในความทรงจำไม่จางหาย นี่เราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนะ
“พี่แม็กซ์เป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม”
เสียงสดใสถามมาทันที เมื่อรับโทรศัพท์ จนผมต้องยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อคิดถึงใบหน้าหวานๆ ของคนปลายสาย
“ก็ดีนะ...” ผมตอบเบาๆ “ไอซ์ล่ะ”
“ไอซ์สบายดีครับ มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลย ไม่มีเวลาเลยครับเนี่ย”
“เหรอ...ปีหนึ่งแล้วนี่ ตั้งใจเรียนล่ะเรา”
“แน่นอนอยู่แล้ว เอ้อ...” อยู่ๆ เจ้าตัวก็เหมือนนึกขึ้นได้ “พี่แม็กซ์ขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่สิ”
“อะ..”
ผมอึกอักนิดหนึ่งอย่างไม่รู้จะว่าไง ไม่อยากรบกวนเขา เลยหาสาเหตุเลี่ยงตอบไปแทน
“โห ไกลน่ะ พี่จะไปยังไง พี่ตัองเรียนนะเรา”
“เออ...ใช่”
“งั้นพี่ไม่กวนเราดีกว่า ไปทำงานเถอะ เสียงเพื่อนเรียกแล้ว”
“งั้นไอซ์ไปก่อนนะ โชคดีค้าบบ พี่ชาย”
“ครับ”
แล้วสายก็ตัดไป พร้อมกับคำว่า ‘พี่ชาย’ ที่สะท้อนก้องในหู คำที่ได้รับจาก ‘แฟนเก่า’ เป็นสถานะที่ต้องยอมรับ แม้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ที่ผมได้คุยกับไอซ์ทางโทรศัพท์ ทั้งที่ ทุกๆ วัน ผมจะนั่งกดดูข้อมูลรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ของมือถืออยู่อย่างนั้น พอถึงชื่อของไอซ์ นิ้วมือก็ได้แต่ชะงักค้าง พอกำลังจะกดปุ่มโทรออก ก็เกิดไม่อยากโทรเสียอย่างนั้น
“อย่าโทรไปรบกวนเธอ
อย่าไปเจอให้กวนใจ อย่าทำตัววุ่นวาย
อย่าคิดถึงเรื่องเก่า
ต้องไม่ลืมว่าเป็นใคร เจ็บยังไงต้องทนเอา
บอกตัวเองทุกเช้า
กฎเกณฑ์ของแฟนเก่าที่ต้องจำ” เสียงเพลงท่อนกลางดังมาจากบนเวที เสียงหวานของนักร้องสาวกำลังขับกล่อมพร้อมเสียงกีตาร์เบาๆ ที่คลอเคล้าสอดประสานกันอย่างลงตัว
ในขณะที่ผมกำลังเหม่อมองท้องฟ้าผ่านกระจกใสตรงหน้า เมฆน้อยเคลื่อนคล้อยออกจากการบดบังพระจันทร์เสี้ยวสีนวลที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวเล็กกระพริบพราวไม่ต่างจากวันแรกที่คบกัน
ทว่า...วันนี้ กลับไม่มีรอยยิ้มส่องสว่างของใครอีกคนข้างๆ เหมือนวันก่อน...
ผมฮัมตามเบาๆ ตามเมโลดี้ที่ได้ยิน
เพลงนี้... เพลงที่ไอซ์ชอบ ‘กฎของแฟนเก่า’ ที่ผมต้องจำ...
---
กฎของแฟนเก่า – ลิเดีย นั่งในร้านประจำของเรา
ตั้งแต่เช้าจนเย็นเฝ้ารอเธอ เผื่อเจอเธอสักวัน
ตรงที่นัดเจอกันทุกที
มาวันนี้ก็ไปเหมือนเมื่อวาน ต่อให้ไม่เคยได้พบเจอ
ได้ยินเสียงฟ้าร้องทุกๆที
ก็ยังห่วงเธออยู่ดีหรือเปล่า
ข้อความข้างในมือถือก็ยังคงเก็บไว้
ได้ยินเพลงที่เธอนั้นชอบฟัง
มันก็ยังคงคิดถึงทุกครั้งไป
ต้องเตือนตัวเองซ้ำๆจำเอาไว้
อย่าโทรไปรบกวนเธอ
อย่าไปเจอให้กวนใจ อย่าทำตัววุ่นวาย
อย่าคิดถึงเรื่องเก่า
ต้องไม่ลืมว่าเป็นใคร เจ็บยังไงต้องทนเอา
บอกตัวเองทุกเช้า
กฎเกณฑ์ของแฟนเก่าที่ต้องจำ
จริงๆแล้วฉันเองก็รู้ดี
ในวันนี้อะไรที่ต้องทำ ก็คือต้องห้ามใจ
ต้องยอมรับความจริงที่เป็นอยู่
แต่ไม่รู้จะทำได้เมื่อไหร่ ก็ในเมื่อใจมีแต่เธอ
ได้ยินเสียงฟ้าร้องทุกๆที
ก็ยังห่วงเธออยู่ดีหรือเปล่า
ข้อความข้างในมือถือก็ยังคงเก็บไว้
ได้ยินเพลงที่เธอนั้นชอบฟัง
มันก็ยังคงคิดถึงทุกครั้งไป
ต้องเตือนตัวเองซ้ำๆจำเอาไว้
อย่าโทรไปรบกวนเธอ
อย่าไปเจอให้กวนใจ อย่าทำตัววุ่นวาย
อย่าคิดถึงเรื่องเก่า
ต้องไม่ลืมว่าเป็นใคร เจ็บยังไงต้องทนเอา
บอกตัวเองทุกเช้า
กฎเกณฑ์ของแฟนเก่าที่ต้องจำ
---
โปรดติดตามตอนต่อไป*หมายเหตุ “บอล” จากเรื่องสั้น “ดื่ม”
เรื่องสั้นเรื่องใหม่ ฉลองสอบเสร็จครับ
แต่ทว่า...ยังมีงานอีกสอง มีประชุม มีสัมภาษณ์งานเขียนคอลัมน์ ฮ่าๆๆๆ ไม่จบไม่สิ้น
ปล. รีฯ บนๆ (รีเท่าไหร่ไม่รู้ ฮ่าๆ) ไม่ได้หลอก ลงให้แล้วนะครับ อิอิ