มาแล้วค่ะ เมื่อคืนหลับไปไม่รู้ตัวเลย
มาอ่านกันต่อนะคะ

................
...................................
ตอนที่๖ ใช่..หรือว่าไม่???“เลิกแล็บแล้วไปแวะอักษรกันนะ”
“ไม่ไหวแล้วว่ะ ยิ่งรู้สึกว่าพี่เค้าแม่งอยู่ใกล้ขึ้นทุกที คือถ้าแค่ให้เค้กให้ขนมไม่เท่าไหร่ นี่ดันเป็นเค้กที่บ่นอยากกินเมื่อวานอีก”
“ไม่แน่นะแก ตอนนี้คุณนิรนามเขาอาจจะกำลังมองแกอยู่จากมุมไหนสักมุมแถวๆนี้ก็ได้”
จบประโยคเพื่อนนุ่นไอ้ตัวป่วนมันเหลียวหน้าเหลียวหลัง เลิ่กลั่กจนน่ากลัวคอจะเคล็ด เจอผู้ต้องสงสัยแล้วก็บุ้ยปากให้เพื่อนอีกสองคนมองตาม
ที่ซุ้มขายน้ำนั่นรึเปล่า พนักงานขายขาวๆตี๋ๆ ที่กำลังทอนเงินให้ลูกค้า อ้าว แล้วทอนเสร็จจะหันมามองทางนี้ทำไมล่ะเนี่ย มองไปทางอื่นไป๊ ชิ่วๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” หลังจากหันกลับมามองตากันเองแล้วสามเสียงก็หัวเราะประสานกันจนดังลั่น
ต่างคนต่างคิดว่าเพื่อนเราบ้าไปแล้ว ระแวงได้กระทั่งพนักงานขายน้ำ
“ไม่เห็นมีใครแถวนี้สนใจมองมาทางเราเลย ไอ้นุ่นอ้ะ พูดให้คิด” ดูมันค้อนสิครับ ไอ้ตัวป่วนมันส่งค้อนให้เพื่อนนุ่น ค้อนสวยอย่างกับสาวขี้งอนเลย
“อย่างน้อยก็ตัดคนในคณะไปได้แล้วล่ะ เพราะถ้าเมื่อวานมีใครในคณะไปนั่งกินอยู่เราก็ต้องเห็นต้องทักทายกันไปแล้ว คราวนี้ก็มั่นใจได้ว่าคุณนิรนามแกเป็นคนนอกคณะ” คุณแผนยังเป็นคนที่คิดอะไรได้รอบคอบ มีเหตุมีผลเหมือนเคย
“โอเค. งั้นใครทำแล็บเสร็จก่อนออกมารอตรงนี้นะ แล้วเดี๋ยวเราเดินไปอักษรด้วยกัน”
.............
........
เที่ยงกว่าๆไอ้สามตัวมันก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่หน้าตึกใหญ่คณะอักษรศาสตร์ แล้วก็ตกลงกันว่าจะเนียนๆเดินไปหน้าห้องที่มาใช้เรียนตามปกติ ใช้กล้องในมือถือถ่ายรายชื่อพร้อมรหัสประจำตัวคนที่เรียนคลาสเดียวกันมาให้หมด
ว่าแล้วตัวป่วนที่ได้ตัวกระตุ้นชั้นดีเป็นBanana fondantก้อนใหญ่ก็เดินลิ่วๆไม่รอเพื่อน แถมไม่สนใจรอบข้าง จนไปปะทะเข้ากับอีกร่างที่ก็เดินลิ่วๆจนเกือบเป็นวิ่งที่สวนลงมาบนชานพักบันไดชั้นสองนั่นแหละ
“โอ๊ะ”
เสียงอุทานเบาๆพร้อมกับร่างกายที่เสียหลักทำท่าจะหงายหลังชะงักอยู่แค่นั้นเพราะอุ้งมือของคนตรงหน้าที่คว้าแขนเอาไว้ได้หวุดหวิด แถมยังออกแรงดึงไปด้านตรงข้ามจนตัวคนดึงเองเซไปกระแทกกับผนังหินอ่อนของชานพัก หนังสือสองสามเล่มในมือหล่นร่วงกระจัดกระจาย
“ขอโทษครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” เสียงถามร้อนรนทำให้หนูป่วนมันดึงสติกลับมาจากความตกใจได้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นจะตอบคำถามว่าไม่เป็นไร
แต่ไอ้ตัวป่วนมันเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองเตี้ยจริงๆก็คราวนี้ เพราะมันไม่ใช่แค่เงยหน้า แต่ต้องแหงนจนคอตั้งบ่าถึงจะสบตากับคนตัวสูงที่เกือบทำให้มันเจ็บตัวแต่ก็เป็นคนช่วยมันเอาไว้ได้
“อะไรกันป่วน เกิดอะไรขึ้น?” ก่อนตัวป่วนมันจะส่งเสียงตอบคนที่ตัวสูงจนผิดมนุษย์(ในสายตาของมันคนเดียว) เสียงของไอ้เพื่อนนุ่นก็ดังขึ้นก่อน พร้อมกับเสียงซอยเท้ารัวๆขึ้นบันไดต่อเนื่องจนตัวเพื่อนสองคนโผล่พ้นมาจากมุมบันไดชั้นต่ำกว่า
“ไม่มีอะไรนุ่น เอ่อ..ขอบคุณนะครับ ผมไม่เป็นไร”
พอได้ฟังคำตอบแบบนั้นมือที่ยังกำรอบแขนของตัวป่วนไว้แน่นจึงค่อยคลายออก พร้อมกับช่วยดันให้ตัวป่วนมันทรงตัวด้วยตัวเอง
ตัวป่วนมันว่ามันไม่ได้คิดไปเองนะ แต่สัมผัสของผู้ชายตัวสูงคนนี้มันอ้อยอิ่งชอบกล แล้วยังสายตาหลังกรอบแว่นพลาสติคสีน้ำเงินเข้มนั่นอีกที่ส่งประกายวิบวับแปลกๆ
เอ..รึว่าแสงแดดสะท้อนเลนส์กันแน่ ที่ทำให้รู้สึกแปลกแบบนั้น..
“อ้าว พี่หวัดดีครับ/ สวัสดีค่ะพี่” ระหว่างก้มลงช่วยกันเก็บของที่กระจายอยู่บนพื้นเสียงของไอ้เพื่อนนุ่นและไอ้เพื่อนแผนก็ดังขึ้น
“...?....” งงครับ ไอ้ตัวป่วนมันงงว่าเพื่อนสองตัวไปรู้จักคนตัวสูงนั่นได้ยังไง แถมยกมือไหว้เสียเป็นการเป็นงานอีก
พอเงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าของคนใส่แว่นอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งจึงค่อยมีความรู้สึกว่าใบหน้าแบบนี้มันคุ้นๆตา
...แต่ว่ามุมปากที่ยกขึ้นยิ้มเหมือนอยากจะขำอะไรสักอย่างนี่สิที่ไม่คุ้นเลย
“ใครวะ?” แทนที่จะเนียนๆทักตามไปกับเพื่อนไอ้ตัวป่วนมันเลือกที่จะไปกระซิบถามเพื่อนนุ่นก่อน
“พี่ที่เป็นผู้ช่วยสอนไง แต่ชั้นก็จำชื่อไม่ได้ว่ะ ต้องถามไอ้แผน”
“แหะๆ หวัดดีครับพี่” สงสัยจะรู้สึกผิดที่ตัวเองจำพี่เขาไม่ได้ ตัวป่วนมันเลยยกมือไหว้เสียสวยงามแถมด้วยส่งยิ้มหวานๆประจบไปอีกที
“ไม่เป็นไรครับ น้องๆจะมาพบอาจารย์กันเหรอ? ห้องพักอาจารย์อยู่ชั้น14 นะ ทำไมไม่ขึ้นลิฟท์กันล่ะ?”
“ไม่ใช่หรอกครับพี่ พอดีพวกเราผ่านมาทางนี้แล้วนุ่นมันอยากเข้าห้องน้ำพอดี เลยเดินขึ้นมาน่ะครับ”
สิ้นเสียงอธิบายของไอ้แผน ลูกกะตาสองคู่ของเพื่อนรักเพื่อนเลิฟก็ตวัดไปมองมันทันที
“เอ่อ...งั้นนุ่นรีบไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” พูดจบยกมือไหว้พี่เขาอีกรอบไอ้นุ่นมันก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวชิ่งไปทันที
“ขอบคุณนะครับพี่ ไปก่อนนะครับ” ไอ้สองตัวที่เหลือก็ยกมือไหว้อีกรอบ มารยาทงามจริงไอ้พวกนี้
ระหว่างไอ้คุณแผนและตัวป่วนมันหันหลังให้แล้วเริ่มก้าวตามไอ้คุณนุ่นไปช้าๆ ก็ได้ยินเสียงนุ่มๆกลั้วหัวเราะพูดตามมาเบาๆว่า
“คราวนี้คงจำพี่ได้แล้วนะครับ”
.............
.......
“ชั้นว่าไม่ต้องไปก๊อปปี้รายชื่อหน้าห้องแล้วล่ะแก” พอสองคนโผล่พ้นมุมบันไดขึ้นไปเพื่อนนุ่นมันก็ต้อนรับด้วยประโยคลอยๆนี้ทันที พร้อมด้วยยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนที่ส่งไปให้ไอ้ตัวป่วน
“เฮ้ย..ไม่ม้าง” ตัวป่วนมันยังไม่ยอมรับ แต่ขนาดไม่ยอมรับก็หน้าแดงหูแดงไปหมดแล้วเนี่ย
“ชั้นเห็นด้วยกับนุ่น หรือถ้าแกอยากไปก๊อปปี้เอาไว้ก็ได้นะ แต่ชั้นว่าเปลืองแรงเปล่าว่ะ” คุณแผนมันให้ความเห็นแบบนิ่งๆแต่ชัดเจน
“เอาเวลาหาข้อมูลเกี่ยวกับพี่คนเมื่อกี้จะมีประโยชน์กว่า ดูท่าทางพี่เขาก็ไม่ได้อยากปกปิดอะไรนักหรอก อาจจะเป็นพวกขี้อายฝังในก็ได้นะแก เลยไม่กล้าเข้ามาพูดกับแกตรงๆ” เอาแล้วครับ ไอ้คุณนุ่นมันเริ่มจะลอยเข้าไปอยู่ในความฝันอีกแล้ว
“ยิ้มอะไรไอ้นุ่น” ดูไอ้ป่วนมันทำเข้ม จะทำเข้มกลบเกลื่อนความเขินก็ขอให้เนียนนิดนึงนะป่วนนะ
“คิกๆ ก็ชั้นเพิ่งรู้ ว่าผู้ชายโรแมนติคหน้าตาเป็นแบบนี้เอง”
“เออ..ถึงว่าพี่เค้าหน้าคุ้นๆ” ไอ้ตัวป่วนมันเพิ่งนึกออก ความรู้สึกช้าจริงวุ้ย
“เออสิ เข้าเรียนไปสองครั้งพี่เขาก็มาช่วยอาจารย์อยู่ในห้องทั้งสองครั้งนะแก”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนุ่น” ในที่สุดไอ้แผนมันก็เปิดปากพูดหลังจากปล่อยให้เพื่อนอีกสองคนปะทะคารมกันอยู่นาน
“หืมมมมม?”
“ที่โต๊ะคณะ ตอนเช้าก่อนเข้าเรียน ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโรงอาหารรวม...”
“....คนใส่แว่นที่นั่งพิมพ์อะไรก๊อกแก๊กอยู่เมื่อเช้านี้น่ะนะ จริงด้วยแผน ใช่พี่คนนี้จริงๆด้วย” ไอ้นุ่นมันนึกออกแล้วก็โพล่งออกมาเสียงดังเชียว
“ตำแหน่งที่เขานั่งนั่น ถ้าเงยหน้าขึ้นมาก็ตรงกับโต๊ะที่พวกเรานั่งเป็นประจำพอดิบพอดีเลยล่ะ” ไอ้คุณแผนมันอธิบายต่อด้วยเสียงเรียบๆนิ่งๆของมันนั่นแหละ
แล้วหน้าของไอ้ตัวป่วนที่เมื่อกี้แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงจัดเข้าไปใหญ่
........
.......
“อ้อ...แล้วไม่ใช่แค่เมื่อเช้าหรอกนะ ชั้นเห็นพี่แกนั่งอยู่ตรงนั้นแทบทุกเช้าที่เงยหน้าขึ้นไปมองเลยด้วยซ้ำ”
....................
............
...
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
ปล.เพิ่งรู้ตัวว่าตอนที่ผ่านมาลืมเปลี่ยนเลขตอนที่หัวกระทู้ เปลี่ยนแต่ชื่อตอนซะงั้น
