ตอนที่ 7
“แล้วตกลงว่าภามชอบไหม?”เขายังถามเซ้าซี้
“อื้อ ชอบสิ คุณร้องเพราะกว่าตั้นตั้งเยอะแน่ะ”ผมตอบไปตามจริง มือก็คว้าดินสอดราฟท์ขึ้นมาเช็คตารางงานต่อ
“อะไรนะ?”เขาถามเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“ผมบอกว่าคุณร้องเพราะกว่าเพื่อนของผมอีก”
“ใคร? มันเป็นใคร? หันมาคุยให้รู้เรื่องก่อนภาม”เขาดึงดินสอดราฟท์ออกจากมือผมแล้วจับไหล่ผมให้หันหน้าไปหาเขา คิ้วขมวดอย่างคนเริ่มจะอารมณ์เสีย จะดีทั้งทีทำได้ไม่นานเล้ย นายยอร์ชเอ้ย
“ตั้นเป็นเพื่อนของอ๋องไง เป็นรูมเมทกันด้วย คุณไม่รู้จักหรือ”ผมตอบเขาให้จบเรื่องจบราวไป จะอยากรู้ไปทำไมกันนักกันหนา
“แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง?”
“เอ๊ะ! คุณนี่ ก็ผมเพิ่งบอกไปว่าเขาเป็นเพื่อนของอ๋อง ก็รุ่นน้องในภาคคุณนั่นแหละ”
“แล้วตอนมันร้องเพลงนี้ให้ฟังอยู่กันกี่คน?”นายยอร์ชจอมป่วนยังถามเรื่องที่หาสาระไม่ค่อยได้ไม่เลิก
“จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย?”ผมชักอารมณ์ไม่ดีแล้ว
“บอกมา!”อ้าว ไปๆ มาๆ ตะคอกกันซะแล้ว
“สองคน ตอนนั้นอ๋องออกไปซื้อน้ำ ตั้นเห็นเงียบๆ เลยร้องเพลงให้ฟัง พอใจหรือยัง?”ผมบอกหน่ายๆ ให้มันจบเรื่องจบราวไป
“ไอ้เด็กเวร... อย่าให้กูเจอหน้านะมึง รู้ว่าใครกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”นายยอร์ชเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวพลางหักข้อนิ้วกรอบแกรบ
“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย? แค่เขาร้องเพลงซ้ำกับคุณเนี่ยนะ อีกอย่างตั้นเขาเป็นน้องในภาคคุณด้วย”ผมชักจะไม่อยากทนกับนิสัยเอาแต่ใจของเขาแล้วสิ ร้องเพลงเดียวกันก็จริง แต่ตัวเองร้องทีหลังเขาแท้ๆ
“น้องก็น้องสิ มายุ่งกับว่าที่เมียก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน!”เขาพูดเหมือนคนลืมตัวแล้วก็สะดุ้งเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบทำผิดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อผมมองหน้าประมาณว่าเมื่อครู่เขาพูดอะไร พอดีได้ยินไม่ถนัด
“ไม่รู้หล่ะ ทีหลังถ้ามีใครมาร้องเพลงนี้ให้ฟังห้ามบอกว่ามันร้องเพราะนะ ภามต้องบอกว่าพี่ร้องเพราะคนเดียว”เขาผูกขาดผมเหมือนเด็กๆ
“เรื่องอะไรหล่ะ”ผมไม่ยอมตามใจให้เขาได้ใจหรอก ไม่งั้นต่อไปจะเอาไอ้โน่นก็สั่ง จะเอาไอ้นี่ก็สั่ง ผมเหนื่อยตายพอดี
“รับปากมา”
“ไม่”
“ภาม...”เขากดเสียงต่ำ หัวคิ้วเริ่มกระตุก
“เอาแต่ใจ”ผมบ่นขมุบขมิบ
“ว่าไงนะ?”
“ก็ได้”ผมตอบอย่างขอไปที จะได้จบๆ กันไป
“ดีมาก”เขาว่าแล้วเอามือมาขยี้ผมผมยิ้มๆ เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงพ่อคุณ
“พี่ป้องทำไมนานจัง”ผมถามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้นายนี่หาหัวข้ออะไรมาหาเรื่องผมอีก
“ภามอยากกลับหรือยังหล่ะ”เขาถามเหมือนกับว่าจะให้ผมกลับเลยก็ได้
“กลับได้หรือ? ที่จริงผมอยากกลับมาตั้งนานแล้วแหละ”ผมบอก
“ไป งั้นกลับกัน เดี๋ยวพี่เดินไปส่งหน้าหอ”
“ไม่รอพี่ป้องแล้วหรือ?”ผมออกจะงงๆ กับจุดประสงค์ในตอนแรกกับตอนนี้ของเขา
“เดินไปส่งภามก่อนก็ได้ ไปเถอะ”เขาบอกแล้วลุกยืนรอ พอเห็นผมลุกตามเขาก็เข้ามาคว้ากระเป๋าสะพายไปสะพายไว้ให้แล้วเดินนำไป
เขายืนรอส่งผมเข้าประตูรั้วหน้าหอ ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขาก่อนที่จะหันเดินเข้าไป นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็เปลี่ยนใจหันกลับมาใหม่ เดินมาหาเขาที่ยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วยกหลังมือทาบหน้าผากเขา
“ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่ยังไงคุณกินยากันๆ ไว้ก่อนก็ดี”ผมบอกอย่างเป็นห่วงจริงๆ เพราะเห็นว่าวันนี้เขาทำอะไรแปลกๆ หลายอย่าง คงจะไม่ค่อยสบาย ผมยิ้มให้เขาบางๆ เห็นเขาหน้าแดงเรื่อๆ แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าหอ
“...ขอบคุณที่เป็นห่วง”เสียงเบาๆ เหมือนคนที่สติหลุดลอยแว่วๆ มาให้ผมได้ยินจากข้างหลังก่อนที่ผมจะเดินขึ้นบันไดตึกไป...
“ภามรู้จักกับนายยอร์ชนั่นนานแล้วหรือ?”นันถามผมในขณะที่เรากำลังนั่งเสก็ตช์ภาพห้องซ้อมดนตรีกลางน้ำในเช้าของวันศุกร์ ทำไมถึงได้อยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้
“ทำไมอยู่ๆ นันถึงอยากรู้หล่ะ”ผมใช้ปลายดินสอยื่นไปข้างหน้าเพื่อกะขนาดของตัวเสาที่ใช้ทำเก้าอี้ตรงระเบียงที่ยื่นออกมากลางน้ำ
“ก็เห็นเหมือนจะรู้จักกันมาก่อนน่ะ ดู...ดูเขาจะสนิทกับภามเป็นพิเศษ”
“พิเศษ? ตรงไหนหล่ะ”
“ก็วันที่ไปกินข้าวด้วยกันเห็นนายนั่นคอยตอแยภามอยู่ไม่ห่างเลยนี่นา”นันว่า
“เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ แกล้งอะไรให้ภามรู้สึกไม่ชอบใจได้ละก็ขออย่าให้บอกเชียว ลงทุนทำทุกอย่างแหละ”ผมบอกอย่างไม่ค่อยใส่ใจ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“แล้วตกลงไปรู้จักกันตอนไหน?”นันที่ขึ้นโครงเกือบเสร็จแล้วถามต่อ ผมเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรเลยเล่าไปเรื่อยๆ
“นันจำวันที่เรามาเรียนกันตอนเช้าแล้วภามเจอคนที่กวนโมโหที่ร้านขายอุปกรณ์ได้หรือเปล่า? วันนั้นแหละที่ภามเจอนายยอร์ช เขามาว่าว่าโมเดลที่ภามทำมันแย่มากเลยเถียงกันไปนิดหน่อย”ผมเล่าเรื่องในเช้าวันจันทร์วันหนึ่งเมื่อประมาณเกือบหนึ่งเดือนที่แล้ว
“แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่นันเห็น ภามโดนนายยอร์ชลากไปเตรียมตัวจะทำร้ายร่างกายเต็มที่ วันนั้นนันก็อยู่กับภามด้วยนี่ แต่มันชุลมุนมากนันคงจำหน้านายยอร์ชไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไรภามนะ”ตอนนี้ผมเริ่มหยิบสีที่อยู่ในกล่องพลาสติกใสออกมาเรียงเฉดเพื่อป้องกันการลงสีผิดพลาด
“หลังจากวันนั้นมาภามก็ภาวนาขออย่าให้ได้เจอเขาอีก แต่มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จเอาเสียเลย ดูเหมือนภามจะบังเอิญเจอเขาบ่อยมาก”นันทำงานเงียบๆ ฟังผมเล่าอย่างตั้งใจ
“แต่หลายๆ ครั้งที่ได้อยู่กับเขาก็ทำให้ภามรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนไม่ดีอย่างที่คิดนะ ถึงเขาจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็เป็นแค่คนขี้เหงาคนนึงนี่เอง”
“ทำไมหล่ะ?”นันที่นั่งเงียบมานานถามผม
“ก็เขามาชวนภามไปกินข้าวเป็นเพื่อนบ่อยๆ เห็นบอกว่าไม่มีเพื่อนไปกินด้วยน่ะ แต่อันที่จริงดูเหมือนเขาบังคับภามมากกว่า”ผมเล่าแค่นี้ หลีกเลี่ยงการกระทำครั้งล่าสุดที่ผมเจอเขาเอาไว้ เพราะการกระทำของเขาในวันนั้นก็เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากที่ผมจะอธิบายได้
“กินข้าวหรือ? นายนั่นเนี่ยนะชวนภามไปกินข้าวด้วยบ่อยๆ”นันวางดินสอดราฟท์ดังแปะแล้วหันมาถามผมเสียงเข้มอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเมื่อพูดกับผม
“อื้อ ทำไมหรือ?”ผมถามพลางเริ่มลงสีไม้กระดานและตัวเสาด้านล่าง
“เปล่า...แต่ภาม...คือถ้าเขามาชวนภามไปไหนมาไหนด้วยกันอีกภามอย่าไปกับเขาได้ไหม?”นันถามผมเสียงอ่อน ผมหยุดมือที่ทำงานอยู่แล้วหันหน้าไปมองนันเพื่อขอเหตุผลสนับสนุนคำขอของเขา
“คือ...อย่างที่ภามบอก หมอนั่นเคยจะทำร้ายภามมาแล้ว ถึงจะกลับใจทีหลังก็เถอะ แต่นันก็ไม่ไว้ใจเขา”นันอธิบายเหตุผล
“นันก็พูดเหมือนกับว่าภามจะได้ไปไหนกับเขาบ่อยๆ อีก เรียนก็เรียนอยู่กันคนละคณะ อีกอย่างเขาก็จะเรียนจบปีนี้แล้วด้วย คงไม่มีเวลามาหาเรื่องอะไรภามหรอก”ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับงานต่อ
“ถ้าภามไม่ไปกับเขาได้ก็ดี”นันว่า หยุดพูดไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ
“งั้นเย็นนี้ภามไปกินข้าวกับนันนะ”
“ได้สิ แต่ต้องรีบหน่อยนะ ภามต้องรีบขึ้นรถไฟกลับบ้านให้ทันรอบสุดท้าย”ผมตอบรับ สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมอยู่ๆ วันนี้นันถึงชวนคุยเรื่องนายยอร์ชได้ แต่มาคิดได้ว่าเพื่อนก็ย่อมเป็นห่วงเพื่อนเป็นธรรมดาก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรอีก
หลังจากเสร็จงานในช็อปตอนเย็นแล้วผมกับนันก็รีบเดินออกมาที่ร้านข้าวใกล้หอเพื่อที่จะได้รีบกินรีบกลับ ถ้าไม่ทันรถไฟรอบสุดท้ายผมคงต้องให้พ่อขับรถมารับ ซึ่งมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เสียค่าน้ำมันโดยใช่เหตุ เราเลือกที่นั่งแล้วนันก็เป็นคนจดรายการอาหารแล้วส่งให้แม่ครัว สักครู่อาหารที่เราสั่งเหมือนกันสองจานก็ถูกนำมาเสิร์ฟ นันกับผมตักข้าวกินไปก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปจนกระทั่งมีเสียงๆ หนึ่งเรียกชื่อผมอยู่ใกล้ๆ
“อ้าวภาม”เสียงคุ้นหูเรียกให้ผมหันกลับไปมอง เห็นนายยอร์ชมากับพี่ป้อง พี่พัทแล้วก็พี่โจที่กำลังจะนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้เขาแล้วเลยไปไหว้ทักทายพี่ๆ อีกสามคนด้วย
“ทำไมวันนี้ภามมากินข้าวกันแค่สองคนหล่ะ แล้วเพื่อนคนอื่นไปไหน”นายยอร์ชถาม แต่เสียงฟังดูหาเรื่องยังไงชอบกล ถามผมแต่ยืนจ้องหน้านัน แปลกคน
“คนอื่นเรียนคนละเซค กลับไปหมดแล้ว”ผมบอก
“นี่เพื่อนภามใช่ไหม”เขาถามอย่างกับไม่เคยเห็นนัน ก็เคยนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะด้วยกันมาแล้ว
“อ้าวคุณ ก็เคยเจอกันมาแล้วไง”ดูซิจะมาไม้ไหน
“แค่เพื่อนจริงๆ น่ะหรือ?”เขาหรี่ตาลงทำหน้าไม่ไว้ใจแล้วจ้องไปที่นัน
“แล้วคิดว่าเป็นอะไรหล่ะครับ?”นันที่นั่งเงียบอยู่แต่แรกปากไวกว่าผมชิงพูดออกไปก่อน มุมปากกดลงเหมือนจะเยาะเย้ยอะไรซักอย่างเมื่อพูดจบ
“ไม่รู้สิ แต่เป็นแค่เพื่อนน่ะดีแล้ว เพราะตำแหน่งสำคัญตอนนี้มีคนจองแล้ว”นายยอร์ชหันไปพูดกับนันเต็มตัว
“เป็นแค่คนนอกอย่าทำรู้ดีนักสิครับ ที่จริงคุณอาจจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยก็ได้”นันพูดเย้ยๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นสุภาพบุรุษแบบเขาทำกับใครมาก่อน นันนี่มีแง่มุมแบบนี้เหมือนคนอื่นเขาด้วยหรือนี่?
“อย่ามาทำปากดีนักไอ้หนู ของที่มีคนจองแล้วน่ะเจ้าของเขาไม่ปล่อยทิ้งไปง่ายๆ หรอกนะ”นายยอร์ชพูดอะไรงงๆ เขาเคยให้นันยืมหนังไปดูที่ห้องหรือไงนะ แล้วทำไมนันเอาอะไรของเขามาแล้วไม่ยอมคืนหล่ะ นันไม่ใช่คนแบบนั้นนี่
“ผมถึงบอกว่าคนนอกอย่างคุณไม่ได้รู้อะไรเลยไง ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรๆ มันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”นันพูดเสียงชั่วร้าย ตื่นเต้นจริงๆ ที่วันนี้เหมือนผมได้เห็นนันคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ตื่นเต้นได้ไม่นานเมื่อโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ถูกตบดังปัง! ด้วยฝีมือนายยอร์ช จนผมสะดุ้ง
“มึงหมายความว่าไง พูดอย่างนี้ตามกูออกไปนอกร้านเลยดีกว่า”นายยอร์ชเริ่มขุดภาษาดั้งเดิมของเขาออกมาใช้ ผมจะเอื้อมมือไปจับมือนันไม่ให้บ้าจี้ตามไอ้หมอนี่แต่มันก็สายไปเสียแล้ว นันยืนขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้พูดรอบสอง มองหน้าผมแล้วยิ้มบางๆ พยักหน้าให้แล้วเดินนำนายยอร์ชออกจากร้านไป ผมที่กำลังจะเดินตามก็ถูกพี่ป้อง พี่พัทแล้วก็พี่โจเรียกไว้ บอกว่าสองคนนั้นมีเรื่องต้องเคลียร์กัน ปล่อยให้เขาคุยกันเองดีกว่า ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก็ดีเหมือนกัน ถ้านันยืมอะไรนายยอร์ชมาจะได้คืนๆ กันไปเสียให้จบๆ
ผมนั่งกระวนกระวายรอนันอยู่เกือบๆ ยี่สิบนาทีกะว่าจะลุกออกไปตามแล้วแต่ก็เห็นนันกับนายยอร์ชเดินเข้ามาเสียก่อน แต่ทำไมสภาพแต่ละคนมันเป็นแบบนั้นหล่ะ
นันในตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาที่ยับยู่ยี่ กระดุมเสื้อหลุดหายไปสองเม็ดเผยหน้าอกขาวๆ เต็มตา ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย แก้มช้ำ ปากแตกเห็นรอยเลือดไหลเป็นทาง นอกจากนี้ยังมีเลือดซึมๆ แถวหางคิ้วอีก โดยรวมแล้วเหมือนไปฟัดกับมาสคอตคณะผมมายังไงยังงั้น
ส่วนนายยอร์ชที่เดินตามหลังมามีลายดอกยางรองเท้านักศึกษาที่ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมันที่พื้นรองเท้าของนันอยู่เด่นชัดบนหน้าอกเสื้อเชิ้ตสีขาว ผมของเขาถึงจะดูดีกว่านันหน่อยแต่ก็ดูกระเซอะกระเซิงอยู่ดี แก้มเขาช้ำทั้งสองข้างแต่ปากไม่แตก ใกล้ๆ ตาดูเหมือนจะขึ้นสีคล้ำอย่างเห็นได้ชัด สองคนนี้มันไปตกลงกันยังไงเนี่ย เละกลับมาทั้งคู่เลย
“นัน! คุณ!”ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาใกล้
“ไปตกลงอะไรกันท่าไหนทำไมเละกลับมากันแบบนี้?”ผมถามเพราะพี่ที่เหลืออีกสามคนบนโต๊ะนั่งเงียบทำหน้าเจื่อนๆ ผู้พิพากษาคดีนี้เลยต้องกลายเป็นผมโดยไม่มีใครค้าน
“มานี่เลย มานั่งกันคนละฝั่งเลย”ผมชี้ไปที่เก้าอี้ว่างข้างตัวทั้งสองฝั่งแล้วสั่งสองคนนั้น ใจเย็นไม่ไหวแล้วครับ โตๆ กันแล้วทั้งคู่ยังจะทะเลาะกันอีก ดูก็รู้ว่าไปฟัดกันมา
“ยังๆ ยังจะไม่เลิกอีกนะคุณ”ผมหันไปปรามนายยอร์ชที่นั่งกัดฟันแง่งๆ ส่งไปให้นันที่เหมือนจะทำแบบนั้นโต้ตอบมาเหมือนกันแต่ผมเห็นแวบๆ
“ไหนบอกมาซิว่าไปทำอีท่าไหนกัน?”ผมถาม หันไปมองหน้านันก็ไม่ได้รับคำตอบเลยหันมาหานายยอร์ชที่นั่งอยู่อีกฝั่งแต่ก็ยังเงียบอยู่ดี
“โตๆ กันแล้วทั้งคู่ยืมอะไรกันไปทำไมไม่คุยกันดีๆ หล่ะ ยังไงเขาก็เป็นพี่เรานะนัน ทำไมนันต้องไปบ้าจี้ตามเขาด้วย ส่วนคุณ โตขนาดนี้แล้วจะยอมน้องบ้างไม่ได้หรือไง เรื่องอะไรมันหนักหนานัก”ไม่รู้ผมไปเอาความกล้าที่ไหนนั่งอบรมนายยอร์ชผู้ชายตัวโตๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม พี่ๆ ทั้งสามคนนั่งยิ้มเจื่อนๆ แล้วมองหน้านายยอร์ช เห็นเขาเปลี่ยนสีหน้าจากสำนึกผิดมาเป็นคิ้วขมวดเอาจริงเอาจังแล้วเถียงผม
“เรื่องนี้ยอมไม่ได้!”เขาเอ่ยจริงจัง
“ก็แล้วทำไมมันจะไม่ได้ นันเขาอายุน้อยกว่าคุณตั้งสามปีนะ คุณเป็นพี่เขาแต่ทำตัวหาเรื่องน้องแบบนี้เนี่ยนะ?”ผมถามเหตุผล
“ภามไม่รู้อะไรอย่าพูดเลยดีกว่า”เขาบอกแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ
“ก็ถ้าอยากให้รู้คุณก็อธิบายมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”ผมชักไม่ไหวจะทนกับเขาแล้ว เมื่อไม่ได้คำตอบจากเขาผมเลยหันมาหานันที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรกแทน
“ว่าไงนัน?”ผมถามนันที่มองหน้าผมอยู่แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ต่อมโมโหผมทำงานระดับแม็กซ์แล้ว
“ดี! ในเมื่อไม่มีใครตอบได้ก็เชิญเคลียร์กันต่อเองแล้วกัน”ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแบบขึ้นสะพายแล้วเดินออกมาจากร้าน นายยอร์ชที่เพิ่งตั้งสติได้รีบวิ่งตามออกมา ตามมาด้วยนันที่ออกจากจุดสตาร์ทไล่เลี่ยกัน ทั้งสองคนพยายามจะมาถึงแขนผมไว้ไม่ให้ไปแต่ผมเอากระเป๋าแบบออกจากไหล่แล้วเหวี่ยงสะเปะสะปะไปทั่ว โดนใครก็รับกันไปแล้วกันนะ อยากหาเรื่องดีนัก
“หยุดเลยนะ! ใครตามมาเป็นเรื่องแน่!”ผมบอกแค่นั้นแล้วรีบวิ่งหนีไปขึ้นบั้งไฟ(วินมอเตอร์ไซค์ที่ขับเร็วและอันตรายที่สุดในย่านนี้)เพื่อกลับหอเพราะกลัวพวกนั้นจะตามมา
To be continued
____________________
ขอบคุณ pui_noizๆ มากนะคะที่บอกกัน ไม่โกรธหรอกจ้า ยังดีกว่าไม่บอกแล้วปล่อยไก่ไปอีกนานนะ
ความผิดพลาดนี้เนื่องจากคนโพสอ่อนด้อยภาษาอังกฤษอย่างแรง(ดูจากเกรดเทอมที่ผ่านมาได้
)
และขออภัยด้วยที่มาช้า คนโพสไปข้างนอกทุกวันเลยจ้ากว่าจะกลับก็ดึกแล้ว(พรุ่งนี้ก็เช็งเม้งนะจ้ะ
)
ปล. ใครอยากฟังเพลงที่นายยอร์ชร้องก็ลงชื่อมานะคะ ถ้ามีเยอะเดี๋ยวจะหามาให้ฟัง (เสียงหล่อด้วยนะเธอว์ อิอิ
)