เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!!  (อ่าน 24049 ครั้ง)

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
.
.
.
.
.
=============================
[[Fic เลื่อมพรายลายรัก]
 My Beloved Brother!!


พี่ครับ...  ทำไมพี่ไม่หันมามองผมบ้าง

ทำไมพี่ไม่คิดจะสนใจผมบ้าง

พี่คิดแต่ว่าผมเป็นแค่เด็กมีปัญหา

แล้วพี่ก็ทำกับผมเหมือนที่ทุกๆคนทำ มองเหมือนที่คนอื่นๆมอง

ทั้งๆที่ผมหวังว่าพี่ จะเป็นคนที่สามารถเข้าใจผมได้ จะเป็นคนที่ไม่ดุด่าว่าผม เหมือนใครๆ

เป็นคนที่รักผมจริงๆแค่ซักคน

ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจผมบ้างแค่ซักนิดก็เท่านั้น

เพราะพี่คือคนที่ผม...รักมากที่สุด....
=================

   ขณะที่ผมกำลังเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานจนมาถึงหน้าร้านอาหารร้านหนึ่งในถนนข้าวสาร เพื่อนคนหนึ่งของผมที่ชื่อตอยก็ทักขึ้นว่า
   
   “เฮ้ย!!! เริงนั่นพี่ชายนายใช่มั้ย” พอผมหันไปตามทางที่เพื่อนพยักเพยิด ก็พบเข้ากับญาติผู้พี่ของผม...
   
   “เฮ้ย เฮียแสน...” ผมพึมพำขึ้นมาเบาๆด้วยความลิงโลด รู้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าของผมต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ ผมชักอยากะเข้าไปหาพี่ชายคนนี้ซะแล้วซิ
   
   “หยุด!!! เดี๋ยวเราไปสนุกกันต่อข้างในดีกว่า” ผมตะโกนบอกคนอื่นๆแล้วจึงเดินนำเข้าไปในร้าน แต่ว่าเมื่อได้เห็นภาพญาติผู้พี่ของผมพร้อมกับว่าทีคู่หมั้นของเขา ผมก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที
   
   “สวัสดีครับบบ เฮียแสน...คุณรังสิมา...นี่มาฉลองกันสองต่อสองถึงแถวนี้เลยหรอฮะ”ผมทักทายด้วยน้ำเสียงสุดกวนตามแบบฉบับของผม พรางเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงเก้าอี้ที่พี่แสนนั่ง ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็คือคุณรังสิมา กับเพื่อนผมทั้งสองคนที่ทำตัวตามสบายถือวิสาสะนั่งลงขนาบข้างว่าพี่คู่หมั้นของพี่ชาย
   
   “ฉันกำลังจะกลับแล้ว” พี่แสนเหลือบขึ้นมามองผมนิดหน่อยพร้อมสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง ซึ่งท่าทีเช่นนี้ก็ทำเอาผมถึงกับหน้าหมองลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายเอามือไปพาดพนักเก้าอี้ของพี่แสนแล้วเริ่มต้นกัดด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นทุกวินาที
   
   
   “อ้าว~ เฮียแสนกับคุณสิรีบกลับเลยรอฮะ อย่าเพิ่งเลยนะฮะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะมาเมาท์.. มานินทากันได้ว่าเราสองพี่น้องเนี่ย... ไม่มองหน้ากัน”ผมก้มหน้าลงไปกระซิบเสียงแผ่วในประโยคสุดท้าย พลางถลึงตาจ้องพี่แสนด้วยความขุ่นเคือง
   
   ‘ผมโกรธมากพี่จะรู้มั้ย ที่ต้องเห็นพี่มากับคนอื่น พี่คุยกับคนอื่น พี่มองหน้าและยิ้มให้เขา แต่ไม่เคยทำแบบนั้นกับผม.. ฮึ! ใช่สิ แม้แต่หน้าผมพี่ก็ยังไม่อยากจะมองเลยนี่...’
   
“แล้วนี่อะไรอ่ะ” ผมยังกวนพี่แสนต่อไปด้วยการจิ้มส้อมลงบนอาหารในจานของเขาแล้วเอาเข้าปากโดยที่เมื่อเพื่อนตัวดีของผมเห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้ารีบทำแบบเดียวกันกับอาหารตรงหน้าคุณรังสิมาอย่างไม่เกรงใจ

   
“จะไฮโซไปไหนเนี่ย มาข้าวสารทั้งทีมากินสเต็กฝรั่ง...ต้องโน้นไข่ปิ้ง ผัดไทริมถนนนู่น ถึงจะได้บรรยากาศ ไปเฮียเดี๋ยวพาไปกินดีกว่า” ผมว่าพลางลงไปนั่งเบียดพี่แสนโดยไม่ลืมจะถือโอกาสใช้แขนข้างหนึ่งโอบบ่าพี่ชายของผม ซึ่งพี่แสนก็รีบเบี่ยงตัวหลบทันที แต่มีหรือผมจะยอม ตอนนี้แขนของผมก็ยังอยู่บนบ่าของพี่ชายอยู่ดี
   
“นี่!นายเริง” พี่แสนหันมามองเสี้ยวหน้าของผมด้วยความไม่พอใจ แต่ผมกลับดีใจเหลือเกิน ดีใจที่พี่แสนหันมามองผมซักที...
   
“นี่คุณรังสิมาครับ..ช่วยดูแลพี่ชายของผมให้มันดีๆหน่อยสิฮะ... วันๆเนี่ยเอาแต่อยู่ที่ทำงาน...โรงยิม...ทานอาหารโรงแรมหรูๆแบบนี้ ไม่รู้หรอกครับว่าโลกภายนอกเนี่ย... เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว” ผมหันไปพูดกับคุณรังสิมาและผมก็เห็นสายตาไม่พอใจ กับอาการที่กำลังพยายามเก็บอารมณ์ซึ่งกรุ่นอย่างเห็นได้ชัดจากเธอ ก่อนจะหันมาประสานสายตากับพี่ชายที่มองมาด้วยความคุ่นเคือง
   
‘แอบสะใจเล็กๆแฮะ แกล้งยัยผู้หญิงคนนี้ได้’

“บางทีเนี่ยนะ อาจจะยังไม่เสียความบริสุทธิ์อยู่ก็ได้ ฮะฮะฮะ ”ผมพูดขำๆโดยไม่คิดอะไรมากแต่ถึงปากผมจะพูดไปแบบนั้น ในใจผมกลับคิดว่าถ้าพี่เป็นอย่างที่ผมว่าจริงผมก็คงจะดีใจน่าดู

   
และดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำพูดของผมพี่แสนเลยพยายามปัดให้แขนของผมหลุดออกจากบ่าเขา แต่ผมมันดื้อไม่ให้โอบบ่าก็โอบเอวก็ได้ฮะ~

   
“ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด...  ปี๊ดๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” คำนี้เซนเซอร์ฮะ ไม่สุภาพห้ามออกอากาศ ผมพูดประโยคนี้ออกมาพรางเอากระบอกปืนฉีดน้ำขึ้นมาจ่อแถวปากแล้วฉีดน้ำให้พุ่งออกจากกระบอกปืนเล็กน้อย
   
“ฮิ้ว~ จริงอ๋อออ” ตอยแซว ส่วนผมที่โอบเอวพี่แสนอยู่ได้ทีก็ก้มหน้าลงไปมองที่เป้ากางเกงของเขาอย่างล้อๆ “ไหนดูดิ๊”

“จริงหรอวะ เฮ้ยยยย~ อย่างนี้ต้องพิสูจน์~” โดยไม่รอช้า เดียร์เพื่อนสาวของผมก็ทำท่าจะลุกจากเก้าอี้มาจับพี่ชายผมพิสูจน์จริงๆ
   
”เอาเลยๆ” เจ้าตอยก็ดันช่วยเชียร์ซะอีก แหม ผมชักจะอยากพิสูจน์ขึ้นมาจริงๆแล้วซิ แต่ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร...
      
“เฮ้ย!”
   
พลั่ก!!!    
   
“จะมากไปแล้ว... แกไปให้พ้นหน้าฉันเลย“ พี่แสนที่ลุกขึ้นมาผลักจนผมล้มลงจากเก้าอี้หน้าแทบฟาดพื้นก็หันมาไล่ผม

“ไล่อ๋อ..” ผมสบตากับพี่ชายด้วยความน้อยใจ และสีหน้าที่เจื่อนลง

“ไปก็ได้…แต่ก่อนไป...ขอลดน้ำดำหัวพี่หน่อย ” ผมไม่ว่าเปล่ามือข้างหนึ่งก็ขว้าได้ถังน้ำแข็งเย็นๆที่น้ำแข็งละลายไปมากแล้วสาดเข้าโครมใหญ่จนใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายผมที่ยกแขนขึ้นมากันไม่ทันเปียกโชกไปหมด และตอยกับเดียร์ก็ได้ทีใช้ปืนฉีดน้ำช่วยรดน้ำดำหัวพี่ชายของผมด้วยอีกคน
   
ทำไมพี่ต้องไล่ผมด้วย ผมเสียใจนะ’
   
“เฮ้ย หยิบกระเป๋าตังค์เร็ว” ผมหันไปชี้นิ้วสั่งตอยที่ยืนอยู่ใกล้กระเป๋าเงินของพี่ชายที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีเดียร์ช่วยเต้นเหยงๆเร่ง เร็วๆๆ อยู่ข้างๆ และแน่นอนว่าพี่ชายก็ไม่ทันพวกผมหรอก เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่ซักพัก ในขณะที่ตอยโยนกระเป๋าเงินให้เดียร์แล้วรีบแจ้นออกทางประตูด้านหนึ่ง มาพบกับผมและเดียร์ที่ออกมาก่อนทางประตูอีกด้าน  
   
“เฮ้ยหยุดนะเว้ยเฮ้ย” เสียงของพี่แสนไล่หลังพวกผมมาติดๆ ผมก็เลยตัดสินใจวิ่งผ่านเข้าไปในฝูงชนที่กำลังเล่นสาดน้ำกันอยู่เพื่อใช้เป็นที่พรางตัว และกันพี่ชายผมไว้ด้วย ผมดีใจที่แผนทีคิดขึ้นปุบปับได้ผล พี่กำลังไล่ตามผมมา พอคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาไม่ได้

พลั่ก!   

“วิก!!!” เดียร์อุทานเมื่อพวกเราวิ่งชนผู้หญิงคนหนึ่งแล้วทำวิกผมสีทองของเดียร์ตก  แต่ผมก็รีบลากเดียร์ที่ยังอาลัยอาวรณ์กับวิกราคาแพงระยับของเธอไป ด้วยกลัวว่าพี่แสนจะไล่ตามมาทัน

“ไม่มีเวลาแล้ว... เร็วๆๆ”
.
.
.
.
.

=================

   *** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 21:07:22 โดย THIP »

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic เลื่อมพรายลายรัก ] My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #1 เมื่อ25-03-2010 12:38:53 »

มาเจิมเรื่องใหม่

อย่าลืมลงกฎก่อนขึ้นเรื่องนะครับ

ดูจากเรื่องอื่นก็ได้
 :mc4: :mc4:

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลาย
«ตอบ #2 เมื่อ25-03-2010 13:32:52 »

แฮ่ๆมาแก้แล้วค่ะ ขอบคุณที่เตือนนะคะ  :-[

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก
«ตอบ #3 เมื่อ25-03-2010 14:04:51 »

   “เฮ้ยยย เสียดายว่ะ วิกตั้งแพงๆ” เดียร์พูดอย่างทอดถอนใจขึ้นเมื่อพวกเราสามคนหนีรอดจากพี่แสนมาได้จนเวลาล่วงเลยมาถึงอาหารเย็น และเราก็อยู่ในร้านอาหารร้านหนึ่งแถวถนนข้าวสารเช่นเคย


   “ถ้าเจ๊ใส่แล้วสวยน่ะก็น่าเสียดายหรอกนะ แต่เจ๊ใส่แล้วเนี่ยเหมือนปอบขมุบปะทะผีขเมรว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
คำด่าของเจ้าตอย และสีหน้าของเดียร์ทำเอาผมอดไม่ได้จนต้องฮาตาม
   

   “หืมๆ ไอตอยยย…”เพราะทำอะไรตอยี่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ได้เดียร์จึงขว้างมะเขือเทศในจานใส่ด้วยความโกรธ “ปากนะปาก...”เจ้าหล่อนว่าแล้วนั่งหน้าหงิกมองดูเจ้าตอยที่พูดขึ้นว่า


   “กินได้นะเนี่ย” แล้วเอามะเชือเทศที่เธอปาไปใส่ปากเขี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย


   “กินเข้าไปเลย” เดียร์บ่นอย่างกระเง้ากระงอด ซึ่งภาพการทะเลาะกันของเพื่อนทั้งสองคนก็ทำเอาผมอดที่จะยิ้มส่ายน้อยๆแล้วส่ายหน้าไม่ได้ ทะเลาะกันได้ทุกทีสิน่า


   “เฮ้ย เริงทำไมแกไม่เอาเงินพี่แกมาแบ่งกันวะ พี่แกไม่จับแกเข้าคุกหรอก” จู่ๆเดียร์ก็พูดขึ้นมาเหมือนนึกได้ แต่ประโยคนี้ก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
   

   “ไม่อ่ะเงินพี่ฉัน...ยังไงก็ต้องเอาไปคืน แค่แกล้งเขาเล่นเฉยๆ” ผมยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อรู้สึกสะใจที่ได้แกล้งพี่ชายตัวเอง ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจ แล้วมันก็คงจะได้ผลดีซะด้วย...


   “ฮุ้ย ทำเป็นคนดี” เดียร์บ่นพึมพำ แบบเซ็งๆแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ซึ่งอาการนั้นก็ไม่ได้อยุ่ในความสนใจผมเท่าไหร่ จึงหันไปจิบไวน์อย่างคนนึกครึ้ม
.
.
.
.
=================



   ผมโตมาโดยมีแค่แม่ที่รัก และอ่อนโยนกับผมอยู่เสมอ แล้วก็พี่แสน...ญาติผู้พี่ที่แสนจะใจดีและสุภาพอ่อนโยน ซึ่งต่างจากผมที่เกกมะเหรกเกเร ชอบเกะกะระรานใครเขาไปทั่ว พูดง่ายๆคือเป็นพวกชอบขวางโลก แต่ถึงผมจะเป็นแบบนี้ แม่กับพี่แสนก็ไม่ได้ว่าอะไรผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรผิดต่อพวกเขามากแค่ไหนก็ตาม  


แม่กับพี่แสนรู้ใจผมเสมอ ว่าสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดเสมอมาคือพ่อ พ่อที่ไม่เคยเหลียวแลผมเลย


   ตอนเด็กๆ ผมมักจะถามแม่ว่าพ่ออยู่ไหน แต่แม่ก็ทำได้แค่ตอบปัดๆไปเรื่อย ผมก็แค่อยากเจอพ่อบ้าง อยากให้พ่อกอด อยากให้พ่อพาไปส่งที่โรงเรียน อยากให้พ่อพาไปกินไอติมแบบเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็แค่รู้สึกเหงาเมื่อเห็นคนอื่นๆเขามีพ่อที่รักกัน แต่ผมไม่มี... และทุกครั้งที่ผมร้องไห้พี่แสนก็จะเข้ามาปลอบ มาชวนคุยให้ผมร่าเริงขึ้น แล้วเราก็จะไปวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ


   ผมโตมาแบบถูกตามใจ เป็นทายาทตระกูลใหญ่ถึงสองตระกูล แต่เพราะเป็นแบบนั้นแหละ ทำให้ผมไม่ได้อยู่กับพ่อ และพ่อก็ไม่เคยรักผมเลย ไม่แม้แต่จะเหลียวแล ไม่เคยเลย...


   เพราะแม่กับพี่แสนรู้ว่าจริงๆแล้วที่ผมทำตัวเกเรอย่างทุกวันนี้ ก็เป็นแค่การเรียกร้องความสนใจ จากคุณพ่อ แล้วก็คนรอบข้าง  เพราะอย่างนั้นแหละถึงได้ไม่เคยว่าอะไรผมเลย


   ตอนนี้คุณพ่อกำลังป่วยหนัก และลูกสาวของคุณพ่อก็ถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อรับมรดก มรดกจากพินัยกรรมที่ก็คงจะไม่มีชื่อของผมอยู่ในนั้น... แต่ผมไม่ได้สนใจของพวกนั้นซักเท่าไหร่หรอก ผมไม่ต้องการเงินแม้เพียงสตางค์แดงเดียวจากกองมรดกพันล้านนั่น สิ่งที่ผมต้องการก็แค่ความรักจากคุณพ่อก็เท่านั้น


   อีกเช่นเคย แม่รู้เรื่องนี้ดี แม่ก็เลยพยายามจะให้พ่อแบ่งมรดกให้ผมอย่างเท่าเทียม แต่สิ่งที่แม่ไม่รู้คือ ผมไม่ต้องการมัน!!!


   “โว้ยยยย วุ่นวายอะไรกันนักกันหนานี่มันกี่โมงกี่ยาม กำลังเล่นน้ำมันส์ๆอยู่เลย อะไรกันนักกันหนาวะ” ผมเดินไปบ่นไปขึ้นมาบนชั้นสองของบริษัทเพราะความที่โดนเรียกตัวกลับมาอย่างกระทันหันทั้งๆที่กำลังเล่นน้ำอยั่บเพื่อนมันส์ๆอยู๋แท้ๆ

   
และแล้วผมก็เจอเข้ากับพนักงานสองคน

   
“เอ้า...แล้วคุณแม่อ่ะ”ผมถามเขาก่อนที่ พนักงานหญิงจะชี้มือไปอีกทางแล้วพูดขึ้นว่า “อยู่ตรงนู้นค่ะ”
   

“แม่ฮะจะวุ่นวายกับผมทำไม เรียกผมมาทำไมมม...กำลังเล่นน้ำมันส์ๆอยู่เลยอ่ะ” ผมบ่นพลางเดินตรงเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้เดี่ยวใกล้ๆคุณแม่

   
 “เริง...พ่อป่วยหนักตอนนี้อยู่ไอซียู” แม่พูดหน้าเศร้า แต่ด้วยความที่อารมณ์เสียอยู่ผมก็เลยตอบกลับไปอย่างไม่แยแสว่า“อ้อเหรอ แล้วไงอ่ะครับ”

   
“แล้วไง... ทำไมแกพูดแบบนี้ฮะ เขาเป็นพ่อแกนะ”แม่ตัดพ้อผม หน้าดูเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม และประโยคนั้นของแม่ก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อยกับประโยคที่พูดออกไป แต่ว่าผมก็พูดไปแล้วนี่...


   “ไม่รู้ พ่อไม่ได้เลี้ยงผมมานี่” ผมพูดขึ้นบ้างอย่างคนแอบน้อยใจอยู่ลึกๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อดเป็นห่วงพ่อนิดหน่อยไม่ได้ พ่อผมเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วปกติก็เลยต้องรักษาตัวดีๆ ถ้าโรคกำเริบขึ้นมาแบบนี้แสดงว่ามันก็ต้องมีสาเหตุ


   “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะฮะ”ผมถาม


   “วันนี้พ่อหัวใจวายในงานแมนออฟเดอะเยียร์”แม่พูด แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องภายในงานทั้งหดให้ผมฟัง
.
.
.
.
=================

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2010 14:08:58 โดย Polarbear »

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลาย
«ตอบ #4 เมื่อ25-03-2010 14:05:19 »

“ฮ่าๆๆ คราวนี้จักราวุธเนี่ยสุดๆไปเลยนะฮะ ลุงนาทนี่สมกับเป็นแมนออฟเดอะเยียร์จริงๆเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมหัวเราะเมื่อได้ฟังเรื่องราวในงานวันนี้จบ


ลุงนาท...คุณลุงของผมที่ได้รับรางวัลแมนออกเดอะเยียร์ต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นการใหญ่ เมื่อขณะที่ตัวเองกำลังพูดว่าเป็นคนซื่อสัตย์ รักภรรยา รักลูกรักเมียอยู่นั้น ภาพที่ฉายบนสไลด์ด้านหลังเป็นภาพที่เจ้าตวกำลังโรมรันพันตูกับสาวน้อยในชุดวาบหวิวสีชมพูถึงสองคนบนเตียงนอนกว้าง พอลุงร็ว่านั่นเป็นฝีมือของตระกูลจักราวุธก็เลยโกรธ แต่ด้วยความที่คุณนิมมาน คุณป้าของผมผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเป็นผู้หญิง คุณลุงเลยทำอะไรไม่ได้จนต้องไปลงที่พ่อของผมแทน...

“ไม่ต้องไป..ฉันไม่อนุญาต”เสียงของคุณลุงดังขัดขึ้น พร้อมเจ้าตัวที่ก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
    
“ทำไมล่ะคะพี่...เขาเป็นพ่อนายเริงนะคะ ลูกจะไปเยี่ยมพ่อเนี่ยมันไม่ได้เลยรึไง...”แม่ลุกขึ้นท้วง

“พ่อเหรอ แล้วพ่อนายเริงมันเคยเลี้ยงมันมั้ย” ประโยคนี้ของคุณลุงทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนอดจะพูดขึ้นไม่ได้ว่า...

“นั่นซิฮะ มีพ่อทั้งคนเนี่ย ก็เหมือนไม่มี....”

“ถึงยังไงนีก็ต้องไปค่ะ เพราะต้องไปคุยเรื่องมรดกกับคุณศีล”แม่ไม่สนใจคำพูดของผมแล้วก็หันไปพูดกับคุณลุงต่อ

“เอ๊! ยายนี ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเรื่องสมบัติของไอ้พวกจักราวุธ แกทำอย่างกับรังสฤษฎ์ของเรานี่มันสิ้นไร้ไม้ตอกเสียเต็มประดา”คุณลุงว่า แต่คุณแม่ก็ตอกกลับไปในทันที

“สำหรับนีกับลูก...มันอาจะเป็นอย่างนั้นก็ได้...เพราะพี่คงไม่ยกสมบัติของรังสฤษฏิ์ให้นายเริงอยู่แล้ว...”

“ซวยจริงๆเล้ย...กำพร้าพ่อ แถมไม่มีใครให้สมบัติเนี่ย ชีวิตนี่บัดซบจริงๆเลยเรานี่” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างคุณลุงกับแม่ และดูเหมือนพี่แสนจะรู้สึกว่าผมพูดขึ้นมาไม่ถูกที่ถูกเวลาเขาจึงหันมาดุผม

“นายเริง! เงียบ” พี่แสนจิกสายตาใส่ผมเป็นเชิงปรามๆ แต่ผมก็แค่เหลือบสายตามองกลับไปอย่างรำคาญ

“เอาล่ะ ฉันห้ามไม่ให้แกพาลูกแก...ไปเยี่ยมผัวแกที่โรงพยาบาล วันนี้แกทำงามหน้าฉันพอแล้ว อย่าทำให้ฉันเหนื่อยใจไปมากกว่านี้ แค่เรื่องฉันคืนนี้ก็อับอายคนจะแย่อยู่แล้ว

“ใช่ครับแม่ ถูกแฉคลิปฉาวขนาดนี้ แทนที่จะเป็นนักธุรกิจแห่งปี แต่กลับกลายเป็นคลิปฉาวแห่งปี ใช่มั้ยครับลุง เจ๊งมากเลยครับ ผมชอบครับลุง” ผมพูดกลั้วหัวเราะพลางเดินลอยหน้าลอยตาเข้าไปปหาลุงนาทอย่าง ล้อเลียน แต่พอผมพูดจบ

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

พ่อครับ! พ่อครับ! พ่อ...” ลุงนาทเข้ามาตบหน้าผมหลายฉาดและดูเหมือนไม่คิดจะหยุดจนพี่แสนต้องเข้ามาช่วยห้าม ผมเองก็ไม่ยอมให้ทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ

ฮึ้ยยยยยย!” ผมคำรามพลางเงื้อหมัดจะชกลุงนาท แต่แม่ก็ร้องห้าม พลางพี่แสนก็เข้ามากันแล้วดันผมกลับมา

“ปล่อย! บอกให้ปล่อย!” ผมตะคอกอย่างเอาเรื่อง พลางจ้องหน้าลุงนาทอย่างไม่วางตา

“กล้าดียังไง! เอามันออกไป”ลุงนาทตะโกนด่าด้วยความโกรธ แล้วพี่แสนกับคนขับรถอีกคนที่ล็อคแขนผมไว้ก็ลากผมออกมา

“ปล่อย!”

“ไป ไปเดี๋ยวนี้ เริงหยุด “ พี่แสนดุพลางแขนข้างหนึงก็ล็อคแขนผมไว้ อีกข้างก็ดันหลังไม่ให้ผมที่ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้นหันกลับไป

เดี๋ยวเด้! แม่! ผมไม่ต้องการสมบัติของตระกูลไหนทั้งนั้น แม่ไม่ต้องมายัดเยียดให้ผม”ผมหยุดเดินพลางหันไปตะโกนก้อง  มองไปทางแม่ที่หน้าเสียและเริ่มสะอื้นเงียบๆ
.
.
.
.
=================

   
หลังจากที่พี่แสนกับนายทมคนขับรถเข้ามาลากตัวผมออกไปจากห้อง พี่แสนก็พาผมไปที่ห้องอาบน้ำ

ปล่อยย แล้วจะพามาห้องน้ำทำไมเนี่ย” และโดยไม่ต้องรอคำตอบนานพี่แสนก็สั่งให้นายทมจับแขนสองข้างที่ไพล่หลังของผมให้แน่นๆแล้วพี่แสนก็กดหัวผมลงอย่างแรงก่อนจะบิดก็อกน้ำให้น้ำจากฝักบัวไหลลงมาใส่หัวผม

“จับแน่นๆ นะนายทม จับแน่นๆ ไม่ต้องดิ้น!”

โอ้ยยยย จะ..ทำอะไร...ฮะ” ผมพยายามพูดอย่างยากลำบากเพราะน้ำที่ไหลลงมาทำเอาหายใจไม่ออก ทั้งยังพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากฝ่ามือแข็งแกร่งที่กดอยู่บนหัวของผม

“คุณแสนครับ อย่าแกล้งคุณเริงเลยครับ” นายทมขอร้องพี่แสนแต่พี่แสนก็ตอบกลับมาว่า
   
“ฉันไม่ได้แกล้ง ไม่ต้องดิ้นเลยนะนายเริง ไม่ต้องดิ้น!”ประโยคหลังก็หันมาว่าผมที่พยายามดิ้นอย่างแรงจนพี่แสนเกือบจับไว้ไม่อยู่

โอ้ยยยย! อะไรกันวะ” ผมที่ดิ้นจนหลุดออกมาจากใต้ฝักบัวได้หันมาจ้องหน้าพี่สนอย่างเอาเรื่อง

“ฉันฉลองสงกรานต์ให้แกไง” พี่แสนว่าเสียงต่ำพลางกระชากคอเสื้อผมให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

“จะเอาคืนงั้นอ๋อ!” ผมถามด้วยน้ำเสียงกวนตีนและหาเรื่อง

ก็ใช่! แล้วก็ช่วยให้แกหายเมาด้วย ไง สะใจมากใช่มั้ย เที่ยวรังควานไปทั่วซะทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ ...แกโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก!”พี่แสนตะคอกใส่ผม จนผมอดไม่ไหวต้องตะโกนย้อนกลับไปว่า

“อ้ออออ ต้องทำตัวแสนดีแบบพี่งั้นดิ

“ถ้าแกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แกเจอดีกับฉันแน่!”พี่แสนถลึงตาจ้องผมพลางเขย่าคอเสื้อจนหัวผมโคลงเคลง

“แล้วจะยังไง ฮะ!!!

“แกอาจจะต้องไปอยู่ลำพัง แล้วไม่มีใครช่วยเหลือแกเรื่องเงินด้วย เข้าใจมั้ย!” คำขู่ของพี่แสนทำเอาหน้าผมเจื่อนลง ไม่ใช่เพราะว่าจะไม่มีใครส่งเงินมาให้ แต่เพราะกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว แค่ตอนนี้คนอย่างผมก็ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจมากพอแล้ว ถ้าต้องไปอยู่คนเดียวผมต้องทนไม่ได้แน่

“ยกโทษให้เถอะครับคุณแสน คุณเริงคงจะเมาน่ะครับ” นายทมขอร้องพี่แสนอีกครั้ง โดยไม่ตอบอะไรพี่แสนก็เริ่มตะปบไปที่ต้นขาของผมทั้งสองข้างอย่างรุนแรง ทำเอาผมใจเต้นตึกตัก

“จะทำอะไรอ่ะ ปล่อย!” ผมตกใจหน้าแดงจนดิ้นพล่าน พี่แสนเลยสั่งให้นายทมจับตัวผมไว้แน่นๆ

“จับแน่นๆ นายทมจับแน่นๆ” แล้วพี่แสนก็พลิกตัวผมให้หันหลังก่อนจะตะปบไปที่บั้นท้ายทั้งสองข้างแล้วล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง

นี่ไง! ไม่สั่งสอน มันก็จะกลายเป็นหัวขโมยแบบนี้เนี่ยแหละ! เฮ้ย!”  พี่แสนว่าก่อนจะผลักผมออกไปจากตัวอย่างรุนแรงจนผมเกือบล้ม แต่ยังดีที่มีนายทมช่วยพยุงไว้ แล้วพี่แสนก็เดินออกไปโดยไม่คิดจะหันกลับมา

“คุณเริงไปขโมยกระเป๋าคุณแสนหรอครับ” นายทมถามผมเบาๆแต่ด้วยความโมโหผมจึงตะคอกกลับ พลางสะบัดมือที่จับแขนผมอยู่ออก

ไม่ต้องมายุ่ง! ไปเอาผ้าขนหนูมา” ผมไล่นายทมออกไปก่อนจะตีอกชกหัวอยู่กับตัวเอง แล้วนั่งลงอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดที่พี่ไม่เคยเข้าใจ…

ทำไมพี่ว่าผมอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมกำลังคิดว่าจะเอามันมาคืนพี่อยู่แล้วแท้ แต่ทำไมพี่ไม่ฟังผมเลย

ผมหมดแรงแล้ว

เหนื่อยเหลือเกินกับการต้องแอบรัก

กี่ปีมาแล้วที่ผมทำได้แค่เฝ้ามองพี่อยู่ห่างๆ

พยายามทำทุกทางให้พี่หันมาสนใจ

ทั้งๆที่คิดว่า ถ้าวันนี้กลับมาแล้วจะคืนกระเป๋าเงินให้ แล้วจะพูดดีๆด้วย

แต่พี่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดได้แก้ตัวเลย

ปากผมมันวอนหาเรื่องผมรู้

แต่ผมก็ห้ามมันไม่ได้นี่นา ผมก็แค่อยากให้มีคนหันมาสนใจผมบ้าง…

ผมก็แค่อยากให้มีภาพของผมปรากฏอยู่บนนัยน์ตาของใครสักคนอย่างจริงจัง

นัยน์ตาที่เมื่อจ้องเข้าไปจะมีเพียงเงาภาพของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น…[/I]
[/SIZE]


“บ้าเอ๋ย!!!” ผมเปิดฝักบัวอีกครั้งปล่อยให้สายน้ำไหลเย็นเฉียบจับขั้วหัวใจ ไหลผ่านร่างกายที่ยังคงปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าจนเปียกโชก

ผมหนาวเหลือเกินครับพี่...หนาวเหลือเกิน...”

“ทำไมแม้แต่พี่ก็ยังทิ้งผมไป...แม้แต่พี่ก็ยังไม่เข้าใจผม...”

“ทำไมถึงไม่ฟัง ....ไม่ฟังผมเลย...ฮึก...พี่ครับ...”

.
.
.
.
.
.
=================
TBC

   เป็นยังไงกันบ้างคะ ฟิคเรื่องแรกของเราพอใช้ได้หรือเปล่า บางคนอาจจะสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะ เรื่องนี้เป็นฟิคจากละครช่อง3 เรื่องเลื่อมพรายลายรักจริงๆ >//< แรงบันดาลใจหรอคะ ก็ขณะที่ทำการบ้านอยู่ เราก็เหลือบไปเห็นฉากที่นายเริงถูกพี่แสนกดหัวในห้องน้ำพอดีค่ะ ซาดิสม์ได้ใจ แล้วตอนที่ล้วงกระเป๋าอีกโฮกกก เรานี่อมยิ้มแก้มแทบปริ จิ้นออกทันที

   ตอนนี้แค่เกริ่นๆเรื่องๆนะคะ ฟิคนี้มี 2 ตอน(มั้ง) รับรองตอนหน้า NC ไม่มีพลาด โฮะๆๆ อยากแต่งฉากนี้มากกก จะพยายามไม่ดองนานค่ะ โฮะๆ คาดว่าตอนต่อไปไม่น่าจะเกินอาทิย์หน้านะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยสบาย พลังจิ้นก็ไม่ค่อยจะมี ขออนุญาตหายหัวไปซักระยะ
  แหมๆๆเพื่อเป็นกำลังใจ ขอคำติชมเล็กๆน้อยๆ ภาษาดีไม่ดีอย่างไร บอกได้นะคะหรือว่าอะไรมันน่าเบื่อบอกได้ๆ  เราจะได้เอาไปแก้ไขนะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2010 14:13:29 โดย Polarbear »

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #5 เมื่อ25-03-2010 14:48:03 »

ไม่เคยดูละครเรื่องนี้หรือเคยก็คงจำไม่ได้(ไอไม่ชอบดูละครไทยน่ะ) แต่อ่านแล้วก็มันส์ดี  :laugh:

นายเริงเนี่ยเรียกร้องความสนใจผิดๆมากกกกกกไปหน่อยนะ ทำแบบนี้มีแต่จะโดนรังเกลียดและยิ่งถอยห่างออกไปอีก  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไป  :impress2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #6 เมื่อ25-03-2010 19:33:33 »

มาเจิมเรื่องใหม่จ่ะ

+ ให้กับเด็กมีปัญหาขั้นรุนแรง >.<

leeseunggi

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #7 เมื่อ25-03-2010 20:54:30 »

เริ่ดมากกกก...............ปกติลุ้นแต่Yคู่หลัก  ไม่ได้สนใจจิ้นคู่อื่นเลย

 o13

cipher

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #8 เมื่อ25-03-2010 21:00:49 »

เจิมเรื่องใหม่ :mc4:
ปกติไม่ค่อยดูละครอ่ะ
แต่แต่งได้มันส์ดี
พยายามเข้าน๊า o13

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #9 เมื่อ02-04-2010 15:14:12 »

มาต่อแล้วจ้า ขอโทษที่หายไปนาน

=================

หลังจากนั้น สุดท้ายผมก็ถูกแม่กับพี่แสนลากมาโรงพยาบาลจนได้ แล้วผมก็ได้พบกับ ป้านิมมาน พี่สาวของคุณพ่อที่หน้าห้องผ่าตัด เถียงกันไปเถียงกันมาอยู่ซักพัก แล้วผมก็ถูกนายทมพาออกมาข้างนอก ก่อนที่จะไปกวนประสาทคุณป้าเข้าอีก ดูเหมือนทุกคนจะคิดว่าถ้าผมยังอยู่ในห้องนั้นพวกเราต้องมีเรื่องกันยกใหญ่เป็นแน่


เมื่อผมถูกพาออกมาข้างนอกแล้ว ผมก็เลือกนั่งลงบนเก้าอี้เดียวตัวหนึ่ง พรางคิดถึงเรื่องคุณพ่อไปต่างๆนานา ขณะที่นายทมเดินไปซื้อกาแฟมาให้ผม หลังจาทีเขากลับมาพร้อมกาแฟเย็นแก้วหนึ่ง ผมก็พยายามจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของพ่อ ว่าพ่อของผมเป็นคนยังไง พ่อที่ผมไม่เคยเจอ พ่อที่กำลังป่วยหนัก พ่อที่ไม่แน่ว่าจะจากผมไปเมื่อไหร่ ทั้งที่ๆผมยังไม่เคยได้พูดคุยกับท่าน ไม่เคยได้รับความรัก ไม่แม้แต่จะได้เรียกคำว่าพ่อให้เขาได้ยิน...แต่สุดท้ายนายทมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังมากมายไปกว่าเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว


ผมนั่งเงียบๆภาวนาในใจขอให้พ่อไม่เป็นอะไรมาก ขอให้เหมือนกับทุกทีที่พ่อก็จะออกมาจากห้องนั้น พอลืมตาขึ้นก็จะออกปากไล่ผมกับแม่เหมือนทุกที โดยที่ผมไม่เคยได้พูดอะไรกับเขาแม้เพียงครึ่งคำ

  ขณะที่ผมนั่งก้มหน้าภาวนาอยู่นั้น พี่แสนก็เดินเข้ามาใกล้ พอผมรู้สึกตัวและเบือนหน้าไปมองเขา พี่แสนก็เอ่ยประโยคที่ทำเอาผมถึงกับช็อคขึ้นมา

“ฉันเสียใจด้วยนะ คุณพ่อนายจากไปแล้ว ไปกราบศพคุณพ่อเถอะไป” พี่แสนมองผมที่ค่อยๆลุกขึ้นด้วยสายตาของคนที่สงสารผมจับใจ แต่ผมไม่ต้องการ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสารผม...


“ทมเอารถออกฉันจะกลับบ้าน” ผมหันไปบอกนายทมเสียงนิ่ง ผมไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป ถ้าผมอยู่นานกว่านี้ผมจะต้องร้องไห้ให้ใครๆเขาสมเพชกันแน่ๆ


“แต่ คุณเริงยังไม่ได้..” นายทมดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย กับท่าทีของผมแต่ผมก็ย้ำเขาอีกครั้งจนนายทมจำต้อง รีบเดินจากไป


ผมหันไปมองนายทมที่เดินนำหน้าไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันตัวเดินตามไป พี่แสนก็รีบคว้าแขนผมไว้


“นี่ นายเริงจะไปไหนน่ะ นายยังไม่เคารพศพพ่อนายเลยนะ” พี่แสนจ้องหน้าผมด้วยแววตาเศร้าๆนั่น ยิ่งผมเห็นมันผมกลับรู้สึกยิ่งทำใจไม่ได้ จนอยากจะร้องไห้จริงๆ


ผมสะบัดแขนจนหลุดจากมือพี่แสนแล้วเอามันมาเท้าเอว ก่อนจะเค้นประโยคหนึ่งออกมาจากลำคอด้วยความยากลำบาก “ไม่ใช่พ่อของผม แค่คนที่ให้กำเนิด”

พี่แสนฟังคำพูดนั้นด้วยความไม่พอใจ  “ถึงยังไงก็เป็นพ่อ จะทิฐิไปถึงไหน แม้คนตายก็เว้น”


“ผมแค่รอฟังว่าจะอยู่หรือจะตายก็เท่านั้น พอทราบเรื่องแล้วก็จบ” ผมจ้องหน้าพี่แสนด้วยดวงตาที่เริ่มร้อนผ่าว และลมหายใจที่ติดขัด ก่อนที่จะรีบหันหลังเดินจากมา ผมรู้ว่าพี่แสนรู้ว่าผมกำลังจะร้องไห้ออกมา ผมรู้สึกได้ถึงแววตาเห็นใจของเขาที่จ้องมองตามหลังผมมาติดๆ ความคิดที่จะหันกลับไปผุดขึ้นมาในหัวผมชั่วครู่ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อคิดว่าน้ำตาของผมมันจะต้องร่วงออกมาแน่ๆ...


   เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็รีบเดินตรงไปบาร์เครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก เปิดตู้เย็นเล็กที่ตั้งอยู่ข้างๆออกแล้วคว้าทั้งวิสกี้ทั้งเบียร์ที่มีอยู่ในตู้นั้นออกมาตั้งวางไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะเปิดขวดกระดกเอาน้ำสีอำพันนั้นล่วงลงสู่ลำคอโดยไม่สนใจแก้วทรงสวยที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า


    ผมดื่มอยู่อย่างนั้นจนเกือบจะเที่ยงคืน ทั้งๆที่ก็รู้ตัวว่าเมาจนจะไม่ไหวอยู่แล้วก็ตามแต่ผมอยากลืม ลืมทุกอย่าง ลืมเรื่องของพ่อ ลืมเรื่องทั้งหมด ถ้าเกิดมาตอนแรกไม่รู้ว่ามีพ่อก็คงดี ถ้ามีพ่อแล้วไม่เคยได้รับความรักแบบนี้ สู้ไม่มียังจะดีซะกว่า  แม้แต่ตอนนี้ชีวิตที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีก็ยังไม่เคยได้คุยกับพ่อเลยซักคำ  แม้แต่ตอนที่พ่อกำลังจะตายก็ยงไม่เคยไก้รับความรัก หรือคำพูดดีๆซักคำจากพ่อ...


“ถ้าพ่อไม่รักผม...ฮึก....แล้วจะให้ผมเกิดมาทำไม...ฮึก...พ่อฮะ...ผมรักพ่อนะฮะ...ฮึก”ผมเริ่มเพ้อออกมาโดยที่ไม่สามารถหยุดได้ ทั้งน้ำตาที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้ก็ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย


“พี่แสนฮะ...พี่แสนอยู่ไหน...ฮึก...ผมไม่อยากอยู่คนเดียวฮะพี่แสน...”ผมเพ้อคำนั้นออกมาเป็นคำสุดท้ายก่อนจะหลับไป



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
« ตอบ #9 เมื่อ: 02-04-2010 15:14:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #10 เมื่อ02-04-2010 15:15:54 »

=================

“ฮือออ...ฮืออออ ....”เสียงร้องไห้ของเด็กชายเริงฤทธาตัวน้อยดังมาจากที่ไหนซักแห่งในโรงเรียนอนุบาลกว้างใหญ่
“เริง!! เริง อยู่ไหนน่ะ เริง!“ เด็กชายอีกคนหนึ่งที่ตัวโตกว่าร้องเรียกเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ที่คุ้นเคยลอยมาตามสายลม และแล้วเขาก็พบกับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งซบหน้าลงกับหัวเข่าเล็กร้องไห้อยู๋ด้วยท่าทางน่าสงสาร


“เริงมาอยู่นี่เอง พี่เป็นห่วงแทบแย่แหนะ” เด็กชายตัวโตกว่าว่า พลางย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับร่างเล็ก


“ ฮึก...พี่แสน....ฮึก.....ฮืออออ..” เด็กชายตัวน้อยเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้มาเยือนก็รีบโผเข้ากอดจนพีแสนของเขาถึงกับล้มลงไปกับพื้น”


“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง ไหนใครแกล้งเริงบอกพี่มาซิ พี่จะไปจัดการมัน” เด็กชายแสนกอดร่างที่ล้มทับตัวเองเอาไว้ทั้งๆที่ยังคงนอนราบอยู่กับพื้น พูดปลอบโยนไปพลางลูบหัวลูบหลังร่างเล็กไปพลาง

   
“ฮึก...ฮือออ.พี่แสน...พี่แสน...เพื่อนบอกว่า....ฮึก....ฮึก...เริงเป็นลูกไม่มีพ่อ...ฮือ...ฮือ...เค้าบอกว่าเพราะคุณพ่อไม่รักเริง...ฮืออ....คุณพ่อก็เลยทิ้งเริงไป...ฮือออ...ฮืออออ...” เด็กชายตัวน้อยพูดขึ้นทั้งๆที่ยังซบอยู่กับอกพี่ชาย พลางร้องไห้เช็ดน้ำตากับเสื้อนักเรียนสีขาวของร่างข้างใต้

   
“โอ๋ๆ ใครน้าบังอาจมาว่าเริงของพี่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปจัดการมัน แต่เริงต้องหยุดร้องไห้ แล้วฟังพี่ก่อนนะ เริงไม่ใช่ลูกไม่มีพ่อ เริงมีคุณพ่อ เริงก็รู้นี่ใช่มั้ย คุณพ่อของเริงก็แค่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาคุณพ่อของเริงรักเริงนะ ” เด็กชายแสนปลอบใจน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนร่างเล็กยอมยันตัวขึ้นมานั่งร้องไห้มองหน้าพี่ชายเงียบๆ แต่ก็ยังไม่ยอมลุกออกจากตักพี่แสนที่ยันตัวขึ้นมานั่งประจันหน้ากันอยู่ดี


“แต่ว่าคุณพ่อ ไม่เคยโทรหาผมเลยนะ...พี่แสน...ฮึก...ฮึก....โฮฮฮฮฮ” ว่าแล้วร่างเล็กก็โผเข้ากอดคอพี่ชายอีกอย่างน่าสงสาร


“คุณพ่อเค้าก็แค่ยุ่งๆน่ะเริง ไว้ว่างๆคุณพ่อก็โทรมาหาเริงเองน่ะแหละ”คนเป็นพี่ปลอบพล่งลบหลังน้องให้ค่อยๆสงบลง


“ฮึก...ฮึก...จริงหรอพี่แสน....ฮึก...”เด็กชายเริงดันไหล่ออกมาจ้องตาพี่ชายทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด   


“อื้อ จริงสิ พี่เคยโกหกเริงหรอ” เด็กชายแสนถาม แล้วก็ได้รับคำตอบเป็นท่าทางส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเอ็นดูของน้องชายตัวน้อย


“แต่ว่า....ฮึก...”แต่เด็กชายเริงก็ยังกูเหมือนจะมีข้อโต้แย้งให้ตัวเองต้องคิดมากอีกจนคนเป็นพี่ต้องรีบหาเรื่องมาเบี่ยงเบนความสนใจไม่งั้นเขาก็คิดไม่ออกว่าถ้าตัวเองตอบไม่ได้ขึ้นมาบ้างน้องชายจะร้องไหหนักแค่ไหนกัน


“แต่อะไรอีก ...เริงไม่รักพี่แล้วหรอ” เมื่อได้ฟังคำถามนี้ ทั้งยังแววตาและน้ำเสียงตัดพ้อน้อยๆ เหมือนจะงอนของพี่แสนเด็กชายเริงก็รีบส่ายหัวอย่างแรง น้ำตาหยุดไหลขึ้นมาทันใด


“ฮื้ออ ฮื้อออ ไม่ๆ เริงรักพี่แสนที่สุด พี่แสนอย่าโกรธเริงน้า” ร่างเล็กว่าก่อนจะเอาหัวกลมไปถูๆไถแถวซอกคอของพี่ชาย  เรือนผมนุ่มนิ่มคลอเคลียกับแก้มของเด็กชายแสนให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กๆ เป็นท่าไม้ตายที่เด็กชายเริงใช้อ้อนพี่แสนแล้วได้ผลประจำ และแล้วก็แกล้งงอนได้ไม่นานเด็กชายแสนก็ถึงกลับหลุดหัวเราะออกมา


“ฮ่าฮ่าฮ่า...พอแล้วๆ พี่ไม่โกรธแล้ว แต่ถ้าเริงรักพี่เริงต้องเชื่อพี่นะครับ” เด็กชายแสนพูดกับหัวกลมๆที่ยังซุกอยู่ที่ซอกคอเขา


“อื้อ เริงเชื่อพี่แสนฮะ พี่แสนหายโกรธเริงแล้วนะ” เด็กชายเริงหันมายิ้มแป้นแร้นให้กับพี่ชายอย่างน่ารัก จนคนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะยีหัวทุยๆนั้นอย่างหมั่นไส้ แล้วก้มลงหอมแก้มกลมๆนั้นอย่างรักใคร่


“อื้อ พี่ไม่โกรธแล้ว มีน้องชายน่ารักขนาดนี้ใครจะไปโกรธลงล่ะเนอะ”


“น่ารักแล้วรักเปล่าอ่ะ คิกคิกๆ” เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักพี่ชายพูดขึ้นอย่างแก่แดด จนพี่ชายอดส่ายหัวน้อยๆไม่ได้ สงสัยว่าน้องจะดูละครมากเกินไป


“รักซิครับ รักมากด้วย ฮึฮึ แล้วไหนพี่หอมแก้มเริงแล้วเริงยังไม่หอมแก้มพี่บ้างเลย เดี๋ยวพี่งอนแล้วนะ” เด็กชายแสนว่าทำแก้มป่องเบือนหน้าหนี เหมือนคนงอน ใครว่าเริงดูละครอยู่คนเดียว พี่แสนก็ใช่ย่อยดูเรื่องเดียวกันนั่นแหละ


“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับ มามะเดี๋ยวเริงหอมแก้มพี่แสนทั้งสองข้างเลยดีมั้ย คิกคิก ” ว่าแล้วเด็กชายตัวน้อยก็จับใบหน้าของพี่ชายให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองแล้ว...


“จุ๊บ! จุ๊บ!” เด็กชายเริงใช้ปากจูบแก้มพี่ชายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำเอาพี่แสนตกตะลึงกับการหอมแก้มแบบใหม่ ก่อนจะเอาคืนด้วยการจูบแกมแบบเดียวกัน  แล้วเสียงหัวเราะของสองพี่น้องตระกูลรังสฤษฎ์ก็ดังก้องอยู่ตรงนั้นอย่างทีความสุข...
.
.
.
.
.
.

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #11 เมื่อ02-04-2010 15:26:14 »

หลังจากจัดการเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แสนยากรก็ชวนอาของเขากลับบ้าน แต่เธอก็ยืนยันที่จะขออยู่กับร่างของสามีต่ออีกซักพัก และให้เขากลับบ้านมาก่อน แม้เขาจะบอกกับเธอว่าจะอยู่รอแต่เธอก็ไม่ยอมแล้วบอกให้เขากลับไปเรียกนายทมมารับ เขาพยายามเกลี้ยกล่อมเธออยู่นานจนไม่อาจตื๊อต่อไปได้สุดท้ายเขาก็เลยต้องกลับมาก่อนจนได้
   

“นายทม เดี๋ยวนายไปรับอาณีกับมาด้วยนะ” ผมสั่งหลังจากยื่นกุญแจรถให้นายทมนำรถไปเก็บ เขาพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้ และก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถไป ผมก็ถามเขาขึ้นว่า


“แล้วนายเริงล่ะ”


“คุณเริงอยู่ที่บาร์น่ะครับ สงสัยจะเมาหนัก เมื่อกี้ผมเข้าไปจะพาขึ้นห้องก็อาละวาดจนผมเข้าใกล้ไม่ได้เลยน่ะครับ”


“งั้นเดียวฉันจัดการเอง” ผมหันไปพูดกับเขาแล้วปล่อยให้นายทมที่ก้มหัวเป็นเชิงรับคำเล็กน้อยขับรถไปเก็บ     


ผมเดินตรงไปที่บาร์เล็กๆที่คาดว่าจะเห็นนายเริงนั่งดื่มอยู่อย่างเมาแอ๋ แต่พอผมเข้าไปถึง น้องชายของผมก็เมาหลับไปเสียแล้ว รอบๆทางเดินมีเศษแก้วซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการอาละวาดเมื่อครู่ แตกหล่นกระจายอยู่เต็มไปทั่ว ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วทำท่าจะเขย่าตัวเขาเล็กน้อย แต่ผมก็เหลือบไปเห็นหยาดน้ำตาเล็กๆที่ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาที่ปิดสนิท


“เฮ้ออออ”ผมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนใจไม่ปลุกน้องชายแล้วพยายามอุ้มร่างนั้นขึ้นแทน เพราะไม่กล้าลากเขาออกไปด้วยกลัวเศษแก้วนั้นจะบาดเท้าเอา


“ฮึบบบ” ผมค่อยๆช้อนร่างของน้องชายขึ้นด้วยความทุลักทุเล เพราะขนาดตัวที่ไม่ต่างกันมากนัก


“แล้วทำไมต้องอุ้มท่านี้ด้วยวะ” ผมบ่นพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยความฉงนทั้งๆที่จะแบกขึ้นหลังก็ได้แต่ผมกลับอุ้มเขาแบบท่าที่ใช้อุ้มผู้หญิงแทน แต่จะให้เปลี่ยนท่าตอนนี้น่ะเหรอ สายไปซะแล้วล่ะ ถ้าวางลงได้ ครั้งต่อไปเขาต้องยกไม่ขึ้นแน่ๆ สุดท้ายนายแสนยากรก็เลยต้องอุ้มน้องชายจอมแสบของเขาขึ้นบันไดไปทั้งอย่างนั้น


พอมาถึงหน้าห้องนอนของเริง ผมก็ค่อยๆวางเขาลงหน้าประตูก่อนจะเปิดประตู้เข้าไปในห้อง แต่ว่ามันล็อค
ผมก็เลยต้องก้มลงไปล้วงหากุญแจห้องจากกระเป๋ากางเกงเจ้าตัว แต่จนแล้วจนรอดผมก็หามันไม่เจอ


“เจ้าเริงเอ้ยยย เอากุญแจไปเก็บไว้ไหนฮะเนี่ย อย่าบอกนะว่าล็อคห้องแล้วลืมเอากุญแจออกมาน่ะฮะ”ผมบ่นน้องชายที่หลับไม่รู้เรื่อง จะทิ้งไว้ให้นอนหน้าห้องก็กลัวะไม่สบายขึ้นมา แถมพื้นหินอ่อนนี่ก็เย็นมากซะด้วย พอคิดได้อย่างนั้นผมก็เลยจำต้องลากตัวน้องชายไปนอนด้วยกันที่ห้องของผมที่อยู่ข้างๆ

คิดแล้วว่าจะอุ้มอีกรอบคงไม่รอดจริงๆ ผมเลยลากร่างของน้องชายตัวแสบที่หลับไม่รู้เรื่องเข้าไปวางไว้บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้อง ก่อนจะกดเปิดไฟหัวเตียงให้เห็นอะไรบ้างเล็กน้อย


“เฮ้อ ถึงซะที”ผมถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง ยืนมองน้องชายอยู่ซักพักก่อนจะตัดสินใจช่วยถอดถุงเท้า และเสื้อกั๊กหนังนั้นออกเพื่อให้เขานอนสบายขึ้น และขณะที่ผมพยายามจะถอดเสื้อกั๊กสีดำนั้นออกจากแขนของเขานั้นเอง...


“อืม...พี่แสนฮะ...”ผมนึกว่าเขาตื่นแล้วจึงค่อยๆดันร่างของเขาออกเล็กน้อยแต่ก็พบว่าดวงตานั้นยังคงปิดสนิทอยู่


“เฮอะ....ที่แท้ก็ละเมอ” ผมส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปสนใจกับการถอดเสื้อให้น้องอีกครั้ง


“ฮึกก....คุณพ่อไม่อยู่แล้วพี่แสน..ฮือออ...พี่แสนอยู่ไหน...ฮึก...ฮึก...ผมไม่อยากอยู่คนเดียว....พี่แสน...พี่แสน...พ่อไม่รักผม..ฮืก...พี่แสนอย่าไปนะ...พี่แสนต้องอยู่กับผม...ฮือออ..ฮึก...ฮึก” ผมตกใจที่อยู่ๆเริงก็ร้องไห้แล้วโผเข้ากอดผมเหมือนตอนเด็กๆ เริงอาจจะลืมไปแล้วแต่ผมยังจำได้ดีว่าตอนนั้นเริงเป็นเด็กน่ารักขนาดไหน และเราพี่น้องก็รักกันมาก


“เริง...เริง...ผมเขย่าตัวน้องชายที่ซบอยู่กับซอกคอผมเบาๆ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอบรับใดๆนอกจากเสียงที่เงียบลง ผมค่อยๆวางตัวน้องชายลงช้าๆ ก่อนจะเอาเสื้อที่ถอดเรียบร้อยแล้วไปวางพาดไว้บนเก้าอี้ในห้อง แต่มือของเริงกลับกุมเสื้อผมไว้แน่นจนผมแกะออกไม่ได้ จำต้องนั่งลงบนเตียงข้างๆเขาแล้วลูบเลือนผมนุ่มนั้นเบาๆ


“เฮ้อ เริงเอ้ย ตอนหลับก็น่ารักดีอยู่หรอก ช่วยทำตัวแบบนี้ไปนานๆได้มั้ยนะ”  ผมจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตายามหลับของน้องชายอย่างอ่อนใจ ทั้งสงสารทั้งหมั่นไส้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่เริงชอบหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่วน่ะก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจ แต่หลังๆมานี่ชักจะมันมากเกินไปจนเขาเริ่มทนไม่ได้ ถ้าไม่สอนกันบ้างเริงอาจจะทำอะไรที่มันเลวร้ายยิ่งกว่านี้ก็ได้  ทำกับเขาเขาทนได้แต่ถ้าไปทำกับคนอื่นเข้า ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องชายที่เขารักจะต้องเจอกับอะไรบ้าง


“พี่แสนฮะ...ผมรักพี่นะ รักพี่แสนที่สุด พี่แสนอย่าโกรธผมนะ” เริงละเมอขึ้นมาเหมือนเด็กๆจนผมอดที่จะหัวเราะกึกไม่ได้ เพราะนึกไปถึงตอนเด็กๆที่เริงชอบมาร้องไห้กอดผมเวลาที่ผมโกรธ แล้วเอาหัวมาไซร้ๆให้ผมเลิกโกรธเขา พอผมหายงอนก็จะบอกรักผมแล้วก็หอมแก้ม ไม่ซิ หลังๆที่ดูละครที่พี่เลี้ยงชอบเปิดตอนกลางวันก็เปลี่ยนมาเป็นจุ๊บแก้มผมแทน น่ารักจริงๆเลย~


“อืม พี่แสน... ผมคงฝันไปซินะ” ผมก้มหน้าลงไปมองเริงและพบว่าเขาตื่นแล้ว และโดยที่ไม่ตอบอะไรผมก็เกลี่ยผมของน้องชายที่คิดว่าตัวเองฝันอยู่เล่นพลางยิ้มให้อย่างอบอุ่น


“ผมคงฝันไปจริงๆน่ะแหละ พี่แสนตัวจริงคงไม่ยิ้มให้ผมแบบนี้หรอกใช่มั้ย” เริงพูดขึ้นแบบนั้นพลางมองผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย


“ถ้านี่เป็นความฝัน แสดงวาเราจะทำอะไรก็ได้ซินะ “ น้องชายผมพึมพำอยู่กับตัวเอง จนผมอดยิ้มขำๆไม่ได้ ไหนลองปล่อยให้คิดว่าฝันไปเรื่อยๆซิจะเป็นยังไง


“พี่แสนรู้มั้ยฮะ ว่ามันเป็นฝันดีที่สุด ที่ผมได้อยู่กับพี่แสนอย่างนี้ ที่พี่แสนยิ้มให้ผมแบบนี้....ผม....ผมอยากจะบอกพี่แสนว่า...ผมรักพี่แสนนะฮะ...” เริงที่คิดว่าตัวเองฝันอยู่ดูตาลอยๆ แต่ก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง ผมก็ยิ้มตอบน้องชายออกไปว่า


“พี่ก็รักเริงเหมือนกัน”


Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #12 เมื่อ02-04-2010 15:32:43 »

“ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายถึง ผมรักพี่แสนแบบที่พี่แสนรักคุณสิ พี่แสนเข้าใจมั้ยฮะ ผมรักพี่แสนแบบคนรัก ไม่ใช่แบบพี่น้อง...แต่พี่แสนมีคณสิอยู่แล้ว...ฮึก...ฮึก...แล้วพี่แสนก็กำลังจะหมั้นกับเขา...พี่แสนโกหกผม....ไหนเคยบอกว่ารักผมไง...ฮือๆ...ในเมื่อนี่เป็นความฝันผมก็จะทำให้พี่เป็นของผม....ผม...ฮึก...แม้ในความเป็นจริงมันคงไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม....ฮึก” ผมช็อคตั้งแต่คำที่เริงบอกว่ารักผมแบบคนรักแล้ว นอกนั้นคำอื่นๆก็ไม่ได้กระทบหูผมเลยจนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อเริงลุกขึ้นมาประกบปากกับผมแล้ว


 ผมมัวตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มนั้นบดเบียดลงมา และลิ้นร้อนก็เข้าไล้เลียริมฝีปากที่ที่ปิดสนิทของผมอย่างจาบจ้วง เมื่อผมรู้สึกตัวผมก็พยายามจะพลักร่างของน้องชายออกแต่ว่าเริงกับมีแรงมากกว่าที่คิด ขาเข้ารวบข้อมือทั้งสองข้างของผมไม่ให้ผลักใสตัวเขาออกไป และด้วยฟันที่ขบลงมาที่ริมฝีปากล่างอย่างแรงทำเอาผมเจ็บจนลืมตัวอ้าปากจะร้อง แต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้ลิ้นของเริงเข้ามาสำรวจโพรงปากของผมและกวาดเก็บรสชาติข้างในอย่างที่เรียกได้ว่าทุกซอกทุกมุม

“ซี๊ดดดด อา....”เริงคงรู้สึกเสียวจนต้องคายท่อนเนื้อของผมออกจากปากแล้วร้องครางด้วยความรัญจวน สะโพกของเขาส่ายน้อยๆอยู่ตรงหน้าของผมจนผมนึกสนุก ใช้ปากอมทั้งลูกกลมๆทั้งสองนั้นและแก่นกายแข็งขืนของน้องชายในคราวเดียวจนเขาต้องมองรอดหว่างขามาดูสิ่งที่ผมทำ


โดยไม่ยอมแพ้ เริงก็ใช้มือเล่นกับลูกกลมๆของผมและเอาท่อนเนื้อของผมเข้าปากอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆตวัดเกี่ยวกับท่อนเนื้อของผมอย่างร้อนแรงจนผมเริ่มทนไม่ไหวและปลดปล่อยน้ำรักออกมา พร้อมกับเริงที่ก็ปลดปล่อยออกมาจนน้ำสีขาวนั่นพุ่งเข้าสู่ลำคอของผมอย่างไม่ปราณี ผมค่อยๆกลืนมันลงไปเมื่อเห็นเริงที่ทำแบบเดียวกันกับน้ำของผม แถมยังดูดมันจนเหมือนเขาจะรีดเอาทุกหยาดหยดของผมออกไป  เมื่อ ทุกอย่างสงบลงเริงก็ค่อยๆย้ายตัวขึ้นจ้องหน้าผมทั้งๆที่ยังคร่อมตัวผมเอาไว้อยู่


ลิ้นเล็กๆของเขาตวัดเลียน้ำรักของตัวเองที่ติดอยู่ตรงมุมปากของผมอย่างรักใคร่ และหอมแก้มผมหนึ่งทีพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า ผมมองใบหน้าน่ารักของน้องชายด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย พลางใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้เรือนผมของเขาเบาๆ เริงนอนกอดผมอยู่อย่างนั้นซักพักก่อนที่จะเลื่อนตัวลงไปข้างล่างอีก


“ไม่เอาแล้วนะเริง เราทำกันมาเกินพอแล้วนะ เราเป็นพี่น้องกันนะเริง”ผมพูดเสียงเข้มเหมือนจะเตือนสติเขา แต่เริงก็ไม่หยุด เขาใช้มือของเขาปลุกอารมณ์ทั้งของเขาและของผมขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะเอาส่วนกลางลำตัวของเขาเข้าเสียดสีกับท่อนเนื้อแข็งขึงของผมอีก   


     “อึก...เริงพอแล้ว......อึก.หยุด...นะ...แฮ่กแฮ่ก...อา”ความพยายามที่จะผลักไสน้องชายออกไปไม่เป็นผลเมื่อตัวผมเองก็มีอารมณ์ร่วมขึ้นมาด้วย สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้เริงจับท่อนเนื้อของเราทั้งคู่รูดขึ้นรูดลงอยู่อย่างนั้น


   ซักพักเริงก็หยุดมือของเขาลงแล้วยันตัวขึ้นคุกเข่า พลางเอื้อมมือไปหยิบแฮนด์ครีมบนหัวเตียงที่คุณสิซื้อมาฝากผมบีบใส่มือเล็กน้อยก่อนจะเอามือนั้นหายไปทางด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ผมไม่เห็นว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่คืออะไรแต่เริงก็ส่งเสียงครางเซ็กซี่ออกมาจนผมอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้


   “อึก...อา...อืมมม...” หน้าตาของเริงดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาขบกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยท่าทางทรมาน แต่แล้วผมก็ต้องเลิกสนใจสีหน้าของเขา เมื่อมือที่ชุ่มไปด้วยแฮนด์ครีมกลับมากอบกุมรอบแก่นกายของผมอีกครั้ง ก่อนที่เริงจะใช้มือข้างหนึ่งยันหน้าท้องของผมเอาไว้แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงให้ส่วนนั้นของผมจ่อเข้ากับช่องทางด้านหลังของเขา


   “เริง!!!”ผมหน้าซีดเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ท่อนเนื้อของผมผ่านเนินเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเข้าไปจ่ออยู่กับช่องทางของเขาและค่อยๆผลุบหายเข้าไปพร้อมกับสีหน้าที่ค่อยๆบิดเบี้ยวยิ่งขึ้นของเริง


   “อึก...เจ็บ...”แม้เริงจะร้องออกมาอย่างนั้นแต่เขาก็ยังไม่หยุดกดร่างลงไป ตอนนี้ส่วนหัวของผมเข้าไปได้แล้วช่องทางที่ผมได้รู้จักเป็นครั้งแรกทั้งอุ่นร้อนและคับแน่นจนผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย


   “เริงพอเถอะ...เจ็บไม่ใช่รึไง” ผมเมื่อเห็นน้องดูทรมานถึงขนาดนั้นก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเกินเลยมาถึงขนาดนี้แต่ว่า...


   “ฮึก...พี่แสน...”เริงที่น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาเล็กน้อยค่อยๆส่งมือทั้งสองข้างที่เคยใช้ยันตัวผมและกอบกุมแก่นกายของผมอยู่ออกมาเหมือนจะไขว่คว้าหาหลักยึด  ผมเห็นดังนั้นจึงยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นมาให้เขาจับ แต่เมื่อคว้ามือที่มั่นคงของผมได้แล้วเขาก็กดตัวเองลงมาอย่างรุนแรงจนท่อนเนื้อส่วนที่เหลือของผมผลุบหายเข้าไปในช่องทางนั้นจนมิดด้าม!


   “อา...” ผมร้องออกมาด้วยความเสียวกับช่องทางที่ตอดยิบๆจนท่อเนื้อผมปวดหนึบไปหมด เริงน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บและมือของเขาก็บีบมือของผมไว้แน่น ผมที่นอนราบอยู่กับเตียงค่อยๆลุกขึ้นนั่งและจูบซับน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน มาถึงขั้นนี้แล้วผมเองก็ไม่คงหยุดตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน


   เริงนั่งนิ่งปล่อยให้ผมจูบซับน้ำตาสักพักก่อนจะเข้าประกบปากกับผมอีกครั้ง เราจูบกันอย่างดูดดื่มขณะที่เขาพยายามขยับตัวขึ้นลงอยู่บนท่อนเนื้อของผม


   “อืม...อืม...” เริงขยับตัวอย่างยากลำบากแต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามต่อไปจนเมื่อแก่นกายของผมไปสัมผัสเข้ากับจุดไวสัมผัสของเขาเข้าเริงก็ถอนริมฝีปากออกแล้วร้องครางลั่น

   
   “อ๊า....พี่แสน...อา...อา...”เหมือนจะยิ่งได้ใจเมื่อร่างกายรู้สึกดี เริงโยกตัวอยู่เหนือร่างผมอย่างรุนแรงให้แก่นกายของผมสัมผัสย้ำกับส่วนนั้นอย่างถี่กระชั้น ผมถึงกับกัดฟันกรอดไปกับความเร่าร้อนที่ร่างกายของน้องชายผมมอบให้ ช่องทางที่ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ล่วงล้ำ ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันสามารถเข้าไปได้ ทั้งอบอุ่นและคับแน่นจนผมถึงกับเตลิด


   “อา...พี่แสนฮะ...พี่แสน...อืม..แรงอีก...”เริงร้องขอเมื่อผมเริ่มสวนสะโพกตอบรับกับจังหวะการโยกของเขา เมื่อน้องขอมามีหรือผมจะปฏิเสธ ผมเปลี่ยนให้มือของเริงที่บีบมือผมไว้มาคล้องคอผมแทน แล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างเข้าเกาะกุมสะโพกมนขยับร่างของน้องชายให้โยกขึ้นลงตอบรับกับจังหวะการสวนสะโพกของตัวเอง


“เร็วฮะ...พี่แสน...อา...เร็วอีก...อืม แรงๆ...” ผมเร่งความเร็วและความแรงขึ้นอีกตามคำร้องขอ โยกขึ้นโยกลงตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นอีกเมื่อเห็นสะโพกกลมกลึงของน้องชายบิดส่ายร่อนไปร่อนมาอยู่ตรงหน้า และแก่นกายที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะนั้นกับดวงตาที่หลับพริ้มอย่างมีความสุข ทั้งเสียงครางหวานซึ้งที่เอ่ยชมว่าสุดยอดๆอยู่ข้างหูผมก็อยากจะเร่งความเร็วให้มากกว่านี้ให้น้องชายของผมได้เตลิดเปิดเปิงและมัวเมาไปกับความสุขที่ผมมอบให้ในค่ำคืนนี้


“เริงดีมั้ย....อา....นาย...รัดพี่แน่นมากเลย...”ผมว่าพลางมองเริงที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมปากก็ร้องครางว่าดี ดีที่สุดอยู่อย่างนั้นจนผมอดไม่ได้ต้องหันไปหอมแก้มนุ่มๆนั่นเพื่อเป็นรางวัลให้กับความน่ารัก


“พี่แสน..อา...ผม...อืม...จะไป...” เริงครางออกมาเมื่อผมขยับกระแทกอยู่อีกสองสามนาที


   “อืมไปพร้อมกันนะ...”ผมว่าก่อนจะขยับตัวแรงๆอีกสิบกว่าทีเริงก็ปลดปล่อยเอาน้ำรักสีขาวขุ่นออกมา เต็มหน้าท้องของผมและเขาไปหมด ขณะที่ผมกระตุกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ช่องทางของเริงเช่นกัน


   ผมปล่อยให้เริงนอนหอบซบอกผมอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมาเมื่อความเป็นชายของผมเริ่มหดตัวลง ผมสังเกตว่าเขาหลับไปแล้วจึงคิดที่จะพาไปอาบน้ำ


ผมค่อยๆดันตัวเขาลงไปจากร่างของผมเบาๆ แต่เมื่อน้องชายของผมเปลี่ยนไปนอนหงายอยู่บนที่นอนและแก่นกายและหน้าท้องแบนราบของเขาก็ยังเต็มไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่น ทั้งช่องทางด้านหลังและหว่างขาก็ยังเต็มไปด้วยน้ำรักของผม


โดยไม่ต้องมีการปลุกปั่นใดๆทั้งสิ้นส่วนกลางลำตัวของผมมันก็ชูชันขึ้นมาอีกครั้ง


“แค่เห็นน้องชายเปลือยมันมีอะไรดีวะ....” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดพยายามข่มอารมณ์และเบือนสายตาไปอีกทาง แต่ภาพนั้นมันก็ยังติดอยู่ในสมองของผมจนอดที่จะหันไปมองอีกรอบไม่ได้ สุดท้ายผมเลยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วคิดว่าเลยตามเลยแล้วกัน ก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นไปคร่อมร่างของน้องชายช้าๆแล้วยกสะโพกของเขาขึ้นสูงให้อยู่ในระดับสายตา


ช่องทางที่ใช้รองรับอารมณ์ของผมเมื่อซักครู่มีสีแดงสวยแต่คาดว่าน่าจะเกิดจากการบวมช้ำ ทั้งยังคงมีคราบน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาช้าๆผสมปนเปไปกับเลือดที่ซึมออกมาจนเป็นสีจมพูจางๆ ผมเห็นดังนั้นก็อดที่จะสงสารน้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหายเจ็บ สิ่งที่ผมคิดได้ก็แค่...


ผมเป่าลมฟู่ลงไปแบบเวลาที่ตอนเริงเด็กๆล้มลงแล้วต้องให้ผมเป่าให้ถึงจะหาย ผมแอบขำกับการกระทำของตัวเองเล็กน้อย แต่แล้วก็ค่อยๆใช้ลิ้นเลียช่องทางสีหวานนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจ ผมตวัดลิ้นเลียรอบนอกทางเข้านั้นหน่อยนึงจนเริงคราง อือ ขึ้นมาในลำคอ เมื่อเห็นว่ามันน่าจะพอใช้ได้ผมก็ค่อยๆลงลิ้นหนักเข้าไป คาดว่าเลือดคงจะออกข้างในผมจึงค่อยใช้มือแหวกกลีบเนื้อนั้นออกแล้วห่อลิ้นแยงเข้าไปกวาดวนอยู่ข้างใน ผมทำอย่างนั้นอยู่ชั่วครู่จนรู้สึกว่าเริงเริ่มรู้สึกตัวตื่นและร้องเรียกผมเสียงหวานอีกครั้ง ผมถึงเห็นว่าแก่นกายของเขาก็กลับมาชูชันเช่นกัน


ผมไม่รอช้าลุกขึ้นมาชันเข่าอยู่ตรงหว่างขาของน้องชายแล้วใช้ท่อนเนื้อที่กำลังแผลงฤทธิ์ของผมจ่อเข้ากับช่องทางนั้นแล้วเสียบพรวดเข้าไปในคราวเดียวจนเริงถึงกับดิ้นพล่าน ผมค่อยๆโน้มตัวลงไปจูบเขาอย่างอ่อนโยนผิดกับการชำเราช่องทางเบื้องล่างที่หนักหน่วงลิบลับ


เริงได้แต่ร้องครางเสียงหวานอย่างนั้นทั้งคืนเมื่ออารมณ์ของเราทั้งคู่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งฟ้าใกล้สางและน้ำจากแก่นกายของเราทั้งคู่ถูกรีดไปจนหมดทุกหยาดหยด...


ผมเริ่มรู้สึกหัวหมุนตาลายคล้ายจะเป็นลม ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบกับใครมาก่อนแต่นี่ช่างเป็นจูบที่เร่าร้อนอย่างที่ผมไม่เคยได้รู้จัก ผมปล่อยอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มไปตามรสชาติจูบที่ร้อนแรงและหวาบหวามนั้นอยู่ชั่วครู่ พลางก็ตอบสนองลิ้นร้อนที่ตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของผมอย่างให้ความร่วมมือด้วยการดูดลิ้นเล็กๆนั้น และตามเข้าไปในโพรงปากของน้องชายเมื่อเขาเริ่มถอยหนี ผมจูบกับเริงอย่างเพลิดเพลินก่อนจะรู้ตัวอีกทีเมื่อจูบของเราเริ่มเร่าร้อนขึ้นจนผมหายใจไม่ออก


เริงค่อยๆผละออกจากริมฝีปากของผมอย่างเสียดาย ดวงตาช่ำเยิ้มเล็กน้อยมองกลีบปากของผมที่อ้าเผยอรับอากาศเข้าไป ใบหน้าที่ยังคงอยู่ไม่ห่างจากปลายจมูกของผมมากนักสะท้อนกับแสนไฟสลัวๆตรงหัวแตงให้เห็นแพขนตายาวงอน และจมูกโด่งรั้น กับพวงแก้มใสที่แดงระเรื่อ โครงหน้าของเขาดูเข้ากันไปหมดทุกส่วนจนผมอดคิดไม่ได้ว่าน้องชายของผมช่างน่ารักเหลือเกิน


และเหมือนผมจะไม่ได้คิดเปล่า รอยยิ้มเล็กๆก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ผมคิดว่าเริงคงจะสังเกตเห็นมัน เขาก้มหน้าเอียงอายเล็กน้อย แต่ว่าอยู่ดีๆเขาก็ลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักผมไว้แล้วค่อยๆจูบไล่ตั้งแต่จมูก ริมฝีปาก ซุกไซ้มาตามซอกคอพลางมือของเขาก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง และหน้าท้องแบนราบของผม


“เริง นายเมามากแล้วนะ”ผมว่าพลางดันไหล่น้องที่พรมจูบไปทั่วแผ่นอกของผมแถมยังดูดดึงจนเกินรอยแดงจางๆ แต่ผมก็ยังดันไม่ออก เริงใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือของผมอีกครั้งแล้วจูบไล้ต่ออย่างไม่สนใจ เรื่อยมาจนถึงท้องน้อยของผมเริงเงยหน้าขึ้นมองผมเล็กน้อยก่อนยิ้มให้แล้วกดจูบหนักลงไปบริเวณส่วนกลางลำตัวที่ยังคงถูกปกคลุมด้วยกางเกงผ้าสีดำที่ผมสวมอยู่


“เริง พอแล้ว นายเมาแล้วนะ ปล่อยซิโว้ย!”ผมสะดุ้งตกใจ  ทั้งพยายามดิ้นให้ข้อมือหลุดและให้เขาลุกออกไปจากตัวผม ผมไม่ยอมให้เขาทำอะไรผมไปมากกว่านี้แน่ แต่ความพยายามของผมมันก็ไม่สำเร็จไม่แน่อาจจะเป็นเพราะตอนที่แบกขึ้นมาผมใช้แรงไปมากก็ได้


ตอนนี้เริงใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ปลดเข็มขัดของผมออกและดึงทั้งกางเกงและบ็อกเซอร์อีกตัวที่ผมสวมอยู่ให้หลุดไปกองที่เข่าในคราวเดียว ผมดิ้นสะบัดไปสะบัดมาปากก็ร้องด่าน้องไปต่างๆนาๆ แต่แล้วผมก็ต้องเงียบลงเมื่อเริงเลื่อนตัวขึ้นมาประกบปากผมอย่างร้อนแรงอีกครั้ง ผมได้แต่ครางอู้อี้อยู่ในลำคอ ขณะที่คิดว่าจะกัดลิ้นน้องดีมั้ยก็เกิดสงสารขึ้นมาจนเริงผละออกไปและเลื่อนตัวที่นั่งทับผมอยู่ลงไปข้างล่าง และโดยไม่คาดคิด...


เริงก็ใช้ริมฝีปากเข้าครอบครองส่วนกึ่งกลางลำตัวของผม ความอุ่นร้อนของโพรงปากทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือก พยายามผลักใสลิ้นร้อนๆที่ตวัดเลียไปทั่วทั้งความยาวของสิ่งที่ค่อยๆขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมันขยายใหญ่ขึ้นผมก็ยิ่งหมดแรงที่จะขัดขืน ความรู้สึกต้องการปลดปล่อยแล่นพล่านไปทั่ว จนผมเปลี่ยนจากมือที่ดันไหล่น้องชายออก เปลี่ยนมาเป็นกดหัวเขาให้รับความแข็งขืนของผมให้เข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ


เมื่อเห็นผมเลิกต่อต้านเริงก็ใช้ฟันของเขาขบลงตรงส่วนปลายของผมเล็กน้อย แล้วจูบมันด้วยความรักใคร่ ก่อนจะค่อยๆใช้ปากดูดมันจนเกิดเสียงดัง จ๊วบ  เริงก้มๆเงยๆอยู่กับส่วนนั้นของผมซักพัก จนผมร้องครางขึ้นมา


“อา...เริงพี่จะไม่ไหวแล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้นเริงก็หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ตรงหน้าแล้วลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนร่างกายเปลือยเปล่าก่อนจะกดให้ผมนอนราบลงกับเตียง แล้วขึ้นคร่อมผมในท่าทางกลับหัวกลับหาง ให้ท่อนเนื้อที่แข็งตัวอยู่ของเขามาจ่อที่ริมฝีปากผม และใบหน้าของเขาก็อยู่ตรงหว่างขาของผม ผมอิดออดที่จะทำอยู่เล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำเมื่อเขาบอกว่า


“ถ้าพี่ไม่ทำผมก็ไม่ให้พี่ไปนะ” ผมค่อยๆจูบแก่นกายของเขาเบาๆอย่างที่เขาทำและนำมันเข้าสู่โพรงปากพรางรูดขึ้นรูดลง เริงร้องครางออกมาด้วยความพึงพอใจก่อนจะก้มลงไปทำกับส่วนนั้นของผมบ้าง


ผมเสียวจนแทบขาดใจ ตอนนี้ความคิดที่อยากแกล้งให้น้องรู้สึกแบบผมบ้างผุดขึ้นมาแทนที่ความรู้สึกผลักใสในตอนแรก ผมจึงละริมฝีปากจากแก่นกายของเขามาครอบครองลูกกลมๆที่ห้อยอยู่ทั้งสองข้างแทน และใช้มืออีกข้างรูดรั้งแก่นกายของเขาแทน

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #13 เมื่อ02-04-2010 15:34:11 »

“ซี๊ดดดด อา....”เริงคงรู้สึกเสียวจนต้องคายท่อนเนื้อของผมออกจากปากแล้วร้องครางด้วยความรัญจวน สะโพกของเขาส่ายน้อยๆอยู่ตรงหน้าของผมจนผมนึกสนุก ใช้ปากอมทั้งลูกกลมๆทั้งสองนั้นและแก่นกายแข็งขืนของน้องชายในคราวเดียวจนเขาต้องมองรอดหว่างขามาดูสิ่งที่ผมทำ


โดยไม่ยอมแพ้ เริงก็ใช้มือเล่นกับลูกกลมๆของผมและเอาท่อนเนื้อของผมเข้าปากอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆตวัดเกี่ยวกับท่อนเนื้อของผมอย่างร้อนแรงจนผมเริ่มทนไม่ไหวและปลดปล่อยน้ำรักออกมา พร้อมกับเริงที่ก็ปลดปล่อยออกมาจนน้ำสีขาวนั่นพุ่งเข้าสู่ลำคอของผมอย่างไม่ปราณี ผมค่อยๆกลืนมันลงไปเมื่อเห็นเริงที่ทำแบบเดียวกันกับน้ำของผม แถมยังดูดมันจนเหมือนเขาจะรีดเอาทุกหยาดหยดของผมออกไป  เมื่อ ทุกอย่างสงบลงเริงก็ค่อยๆย้ายตัวขึ้นจ้องหน้าผมทั้งๆที่ยังคร่อมตัวผมเอาไว้อยู่


ลิ้นเล็กๆของเขาตวัดเลียน้ำรักของตัวเองที่ติดอยู่ตรงมุมปากของผมอย่างรักใคร่ และหอมแก้มผมหนึ่งทีพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า ผมมองใบหน้าน่ารักของน้องชายด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย พลางใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้เรือนผมของเขาเบาๆ เริงนอนกอดผมอยู่อย่างนั้นซักพักก่อนที่จะเลื่อนตัวลงไปข้างล่างอีก


“ไม่เอาแล้วนะเริง เราทำกันมาเกินพอแล้วนะ เราเป็นพี่น้องกันนะเริง”ผมพูดเสียงเข้มเหมือนจะเตือนสติเขา แต่เริงก็ไม่หยุด เขาใช้มือของเขาปลุกอารมณ์ทั้งของเขาและของผมขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะเอาส่วนกลางลำตัวของเขาเข้าเสียดสีกับท่อนเนื้อแข็งขึงของผมอีก   


  “อึก...เริงพอแล้ว......อึก.หยุด...นะ...แฮ่กแฮ่ก...อา”ความพยายามที่จะผลักไสน้องชายออกไปไม่เป็นผลเมื่อตัวผมเองก็มีอารมณ์ร่วมขึ้นมาด้วย สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้เริงจับท่อนเนื้อของเราทั้งคู่รูดขึ้นรูดลงอยู่อย่างนั้น


ซักพักเริงก็หยุดมือของเขาลงแล้วยันตัวขึ้นคุกเข่า พลางเอื้อมมือไปหยิบแฮนด์ครีมบนหัวเตียงที่คุณสิซื้อมาฝากผมบีบใส่มือเล็กน้อยก่อนจะเอามือนั้นหายไปทางด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ผมไม่เห็นว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่คืออะไรแต่เริงก็ส่งเสียงครางเซ็กซี่ออกมาจนผมอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้


“อึก...อา...อืมมม...” หน้าตาของเริงดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาขบกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยท่าทางทรมาน แต่แล้วผมก็ต้องเลิกสนใจสีหน้าของเขา เมื่อมือที่ชุ่มไปด้วยแฮนด์ครีมกลับมากอบกุมรอบแก่นกายของผมอีกครั้ง ก่อนที่เริงจะใช้มือข้างหนึ่งยันหน้าท้องของผมเอาไว้แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงให้ส่วนนั้นของผมจ่อเข้ากับช่องทางด้านหลังของเขา


“เริง!!!”ผมหน้าซีดเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ท่อนเนื้อของผมผ่านเนินเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเข้าไปจ่ออยู่กับช่องทางของเขาและค่อยๆผลุบหายเข้าไปพร้อมกับสีหน้าที่ค่อยๆบิดเบี้ยวยิ่งขึ้นของเริง


“อึก...เจ็บ...”แม้เริงจะร้องออกมาอย่างนั้นแต่เขาก็ยังไม่หยุดกดร่างลงไป ตอนนี้ส่วนหัวของผมเข้าไปได้แล้วช่องทางที่ผมได้รู้จักเป็นครั้งแรกทั้งอุ่นร้อนและคับแน่นจนผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย


“เริงพอเถอะ...เจ็บไม่ใช่รึไง” ผมเมื่อเห็นน้องดูทรมานถึงขนาดนั้นก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเกินเลยมาถึงขนาดนี้แต่ว่า...


“ฮึก...พี่แสน...”เริงที่น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาเล็กน้อยค่อยๆส่งมือทั้งสองข้างที่เคยใช้ยันตัวผมและกอบกุมแก่นกายของผมอยู่ออกมาเหมือนจะไขว่คว้าหาหลักยึด  ผมเห็นดังนั้นจึงยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นมาให้เขาจับ แต่เมื่อคว้ามือที่มั่นคงของผมได้แล้วเขาก็กดตัวเองลงมาอย่างรุนแรงจนท่อนเนื้อส่วนที่เหลือของผมผลุบหายเข้าไปในช่องทางนั้นจนมิดด้าม!


“อา...” ผมร้องออกมาด้วยความเสียวกับช่องทางที่ตอดยิบๆจนท่อเนื้อผมปวดหนึบไปหมด เริงน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บและมือของเขาก็บีบมือของผมไว้แน่น ผมที่นอนราบอยู่กับเตียงค่อยๆลุกขึ้นนั่งและจูบซับน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน มาถึงขั้นนี้แล้วผมเองก็ไม่คงหยุดตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน


เริงนั่งนิ่งปล่อยให้ผมจูบซับน้ำตาสักพักก่อนจะเข้าประกบปากกับผมอีกครั้ง เราจูบกันอย่างดูดดื่มขณะที่เขาพยายามขยับตัวขึ้นลงอยู่บนท่อนเนื้อของผม


“อืม...อืม...” เริงขยับตัวอย่างยากลำบากแต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามต่อไปจนเมื่อแก่นกายของผมไปสัมผัสเข้ากับจุดไวสัมผัสของเขาเข้าเริงก็ถอนริมฝีปากออกแล้วร้องครางลั่น

   
“อ๊า....พี่แสน...อา...อา...”เหมือนจะยิ่งได้ใจเมื่อร่างกายรู้สึกดี เริงโยกตัวอยู่เหนือร่างผมอย่างรุนแรงให้แก่นกายของผมสัมผัสย้ำกับส่วนนั้นอย่างถี่กระชั้น ผมถึงกับกัดฟันกรอดไปกับความเร่าร้อนที่ร่างกายของน้องชายผมมอบให้ ช่องทางที่ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ล่วงล้ำ ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันสามารถเข้าไปได้ ทั้งอบอุ่นและคับแน่นจนผมถึงกับเตลิด


“อา...พี่แสนฮะ...พี่แสน...อืม..แรงอีก...”เริงร้องขอเมื่อผมเริ่มสวนสะโพกตอบรับกับจังหวะการโยกของเขา เมื่อน้องขอมามีหรือผมจะปฏิเสธ ผมเปลี่ยนให้มือของเริงที่บีบมือผมไว้มาคล้องคอผมแทน แล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างเข้าเกาะกุมสะโพกมนขยับร่างของน้องชายให้โยกขึ้นลงตอบรับกับจังหวะการสวนสะโพกของตัวเอง


“เร็วฮะ...พี่แสน...อา...เร็วอีก...อืม แรงๆ...” ผมเร่งความเร็วและความแรงขึ้นอีกตามคำร้องขอ โยกขึ้นโยกลงตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นอีกเมื่อเห็นสะโพกกลมกลึงของน้องชายบิดส่ายร่อนไปร่อนมาอยู่ตรงหน้า และแก่นกายที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะนั้นกับดวงตาที่หลับพริ้มอย่างมีความสุข ทั้งเสียงครางหวานซึ้งที่เอ่ยชมว่าสุดยอดๆอยู่ข้างหูผมก็อยากจะเร่งความเร็วให้มากกว่านี้ให้น้องชายของผมได้เตลิดเปิดเปิงและมัวเมาไปกับความสุขที่ผมมอบให้ในค่ำคืนนี้


“เริงดีมั้ย....อา....นาย...รัดพี่แน่นมากเลย...”ผมว่าพลางมองเริงที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมปากก็ร้องครางว่าดี ดีที่สุดอยู่อย่างนั้นจนผมอดไม่ได้ต้องหันไปหอมแก้มนุ่มๆนั่นเพื่อเป็นรางวัลให้กับความน่ารัก


“พี่แสน..อา...ผม...อืม...จะไป...” เริงครางออกมาเมื่อผมขยับกระแทกอยู่อีกสองสามนาที


“อืมไปพร้อมกันนะ...”ผมว่าก่อนจะขยับตัวแรงๆอีกสิบกว่าทีเริงก็ปลดปล่อยเอาน้ำรักสีขาวขุ่นออกมา เต็มหน้าท้องของผมและเขาไปหมด ขณะที่ผมกระตุกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ช่องทางของเริงเช่นกัน


ผมปล่อยให้เริงนอนหอบซบอกผมอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมาเมื่อความเป็นชายของผมเริ่มหดตัวลง ผมสังเกตว่าเขาหลับไปแล้วจึงคิดที่จะพาไปอาบน้ำ


ผมค่อยๆดันตัวเขาลงไปจากร่างของผมเบาๆ แต่เมื่อน้องชายของผมเปลี่ยนไปนอนหงายอยู่บนที่นอนและแก่นกายและหน้าท้องแบนราบของเขาก็ยังเต็มไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่น ทั้งช่องทางด้านหลังและหว่างขาก็ยังเต็มไปด้วยน้ำรักของผม


โดยไม่ต้องมีการปลุกปั่นใดๆทั้งสิ้นส่วนกลางลำตัวของผมมันก็ชูชันขึ้นมาอีกครั้ง


“แค่เห็นน้องชายเปลือยมันมีอะไรดีวะ....” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดพยายามข่มอารมณ์และเบือนสายตาไปอีกทาง แต่ภาพนั้นมันก็ยังติดอยู่ในสมองของผมจนอดที่จะหันไปมองอีกรอบไม่ได้ สุดท้ายผมเลยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วคิดว่าเลยตามเลยแล้วกัน ก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นไปคร่อมร่างของน้องชายช้าๆแล้วยกสะโพกของเขาขึ้นสูงให้อยู่ในระดับสายตา


ช่องทางที่ใช้รองรับอารมณ์ของผมเมื่อซักครู่มีสีแดงสวยแต่คาดว่าน่าจะเกิดจากการบวมช้ำ ทั้งยังคงมีคราบน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาช้าๆผสมปนเปไปกับเลือดที่ซึมออกมาจนเป็นสีจมพูจางๆ ผมเห็นดังนั้นก็อดที่จะสงสารน้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหายเจ็บ สิ่งที่ผมคิดได้ก็แค่...


ผมเป่าลมฟู่ลงไปแบบเวลาที่ตอนเริงเด็กๆล้มลงแล้วต้องให้ผมเป่าให้ถึงจะหาย ผมแอบขำกับการกระทำของตัวเองเล็กน้อย แต่แล้วก็ค่อยๆใช้ลิ้นเลียช่องทางสีหวานนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจ ผมตวัดลิ้นเลียรอบนอกทางเข้านั้นหน่อยนึงจนเริงคราง อือ ขึ้นมาในลำคอ เมื่อเห็นว่ามันน่าจะพอใช้ได้ผมก็ค่อยๆลงลิ้นหนักเข้าไป คาดว่าเลือดคงจะออกข้างในผมจึงค่อยใช้มือแหวกกลีบเนื้อนั้นออกแล้วห่อลิ้นแยงเข้าไปกวาดวนอยู่ข้างใน ผมทำอย่างนั้นอยู่ชั่วครู่จนรู้สึกว่าเริงเริ่มรู้สึกตัวตื่นและร้องเรียกผมเสียงหวานอีกครั้ง ผมถึงเห็นว่าแก่นกายของเขาก็กลับมาชูชันเช่นกัน


ผมไม่รอช้าลุกขึ้นมาชันเข่าอยู่ตรงหว่างขาของน้องชายแล้วใช้ท่อนเนื้อที่กำลังแผลงฤทธิ์ของผมจ่อเข้ากับช่องทางนั้นแล้วเสียบพรวดเข้าไปในคราวเดียวจนเริงถึงกับดิ้นพล่าน ผมค่อยๆโน้มตัวลงไปจูบเขาอย่างอ่อนโยนผิดกับการชำเราช่องทางเบื้องล่างที่หนักหน่วงลิบลับ


เริงได้แต่ร้องครางเสียงหวานอย่างนั้นทั้งคืนเมื่ออารมณ์ของเราทั้งคู่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งฟ้าใกล้สางและน้ำจากแก่นกายของเราทั้งคู่ถูกรีดไปจนหมดทุกหยาดหยด...

Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #14 เมื่อ02-04-2010 15:34:54 »

“อืม...” เสียงครางในลำคอของใครบางคนที่ดังขึ้นข้างๆหูผมพร้อมร่างที่บดเบียดเข้ามาแนบชิด ปลุกให้ผมที่กำลังนอนหลับสบายต้องลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย


“เฮ้ยยย!!!” ผมร้องลั่นแทบจะยันคนที่นอนกอดผมเอาไว้ลงไปกองกับพื้น แต่ยังไม่ทันได้ทำแบบนั้นผมก็นึกเรื่องเมื่อคืนออก


‘นี่เราทำไปแล้วจริงๆหรอวะเนี่ยยยยย’ ผมร้องครางกับตัวเองอยู่ในใจพรางก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากอย่างกลุ้มใจ ไอ้ทำไปแล้วนี่ไม่เท่าไหร่ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายมันไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว แต่ไอ้คนที่ทำด้วยนี่ซิ...


“อื้อ...เสียงดังจะนอนน~” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็ครางอือขึ้นมาในลำคอ คิ้วเรียวได้รูปขมวดเป็นปมเล็กน้อย แล้วก็คว้าเอาตัวผมที่ถอยห่างออกมาเล็กน้อยเข้าไปกอดอย่างสุขใจ สงสัยคงจะนึกว่าผมเป็นหมอนข้าง...


“เฮ้อออ”ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูยามหลับของน้องชาย


“ตอนหลับก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ตอนตื่นขึ้นมานี่ซิ... เริงเอ้ย...แล้วนี่ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นจะเป็นอาละวาดท่าไหนอีกล่ะเนี่ย” บ่นไปมือก็ค่อยๆลูบเลือนผมของเจ้าตัวแสบเล่นอย่างอ้อยอิ่ง พอนึกขึ้นมาได้ว่าแล้วเรื่องหลังจากนี้มันจะเป็นยังไงผมก็ยิ่งกลุ้มใจหนักเข้าไปอีก ผมมีคุณสิอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกับเธอ แต่ว่าถึงแม้น้องของผมจะเป็นผู้ชาย...ไม่ซิอย่ามาอ้างเหตุผลบ้าๆแบบนั้นเลยแสนยากร เพราะนายน่ะรักน้องชายของนายมากกว่า...


ใช่ผมแอบรักน้องชายของผมมานานแล้วตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตขึ้นมาแล้วรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ผมก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจตลอดมา  ส่วนที่ผมคบกับคุณสินั่นก็เพราะว่าเธอเป็นคนดี ทั้งยังเข้าใจความรู้สึกของผมเป็นอย่างดี  ถ้าต้องเลือกใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตและจะอยู่ด้วยกันตลอดไปผมก็มั่นใจว่าผมคิดไม่ผิดที่เลือกเธอ แต่สำหรับเรื่องของความรู้สึกนั่นมันก็คนละเรื่อง


 แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อผมตัวเองก็เป็นทายาทที่จะต้องสืบทอดตระกูล แถมกับคุณสิก็กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ผมเองก็ไม่อยากทอดทิ้งหัวใจของผมเหมือนกัน ในเมื่อน้องชายของผมก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจของเขาอีกแล้ว เพราะตลอดมาเขาได้แต่เฝ้าเรียกร้องความรักความสนใจจากคนรอบข้าง ถ้าตอนนี้ผมยังทิ้งเขาไปอีกคนเขาจะรู้สึกยังไง...


“อืม...พี่แสนฮะ...ผมรักพี่...”อยู่ๆเริงก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาแต่ที่ไหนได้พอผมก้มลงไปมองเจ้าตัวก็แค่ละเมอนั่นเอง  ผมอดจะยิ้มไปกับความน่ารักของเจ้าตัวที่นอนหลับตาพริ้มทั้งใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ ผมตัดสินใจปล่อยทิ้งเรื่องของอนาคตไว้ เบื้องหลัง และเฝ้ามองใบหน้ายามหลับของน้องชายอย่างมีความสุข


ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรก็คงต้องปล่อยให้เป็นไป แต่ผมจะเก็บภาพตรงหน้าของผมเอาไว้ในความทรงจำตลอดไป...

.
.
.
.
.
.
.
=================
The end


Polarbear

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลายรัก My Beloved Brother!! 1
«ตอบ #15 เมื่อ02-04-2010 15:37:47 »

ซะเมื่อไหร่จบง่ายๆได้ไงขอแถมอีกหน่อยน่า



=================


แสนแดดร้อนแรงยามสายรอดผ่านช่องผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตาที่ปิดสนิทของผม จนผมเริ่มหงุดเหงิดและหมดอารมณ์ที่จะนอนต่อทั้งๆที่ผมง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย

“โว้ยยยย ตื่นก็ได้วะ โอ้ยยยย! เจ็บ!” ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมานั่งแต่ว่ามันก็ทำให้ผมรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วตัวทั้งยังเจ็บระบมไปหมด


“ตื่นแล้วหรอเริง”


ผมที่ล้มตัวลงกระแทกเตียงอีกครั้งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ผมฝันถึงเมื่อคืน ผมจำไม่ผิดหรอก


“พี่แสน...เข้ามาในนี้ได้ไง”ผมที่ลืมตาพรวดขึ้นมามองไปยังพี่แสนที่นอนเปลือยอกอยู่ข้างๆพรางจ้องมองมาที่ผมอย่างขำๆ


“ทำไมจะเข้ามาไม่ได้ก็นี่มันห้องพี่ เราต่างหากล็อคกุญแจห้องตัวเองแล้วเอากุญแจไปทิ้งไว้ไหน ฉันจะพาไปนอนดีที่ห้องก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องลากมาห้องฉันเนี่ย”


“ทำไมผมจำไม่เห็นได้” ผมถามเมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกเรื่องที่พี่แสนเล่าไม่ได้เลยซักนิด


“นายคงจำได้หรอก เมาซะขนาดนั้นแถมยังละเมออออ...” พี่แสนลากเสียงยาวในท้านเสียวจนผมอดรู้สึกหวั่นๆไม่ได้ ก็เมื่อคืนดันฝันเรื่องบ้าๆอย่างฝันว่ามีอะไรกับพี่แสนซะด้วยซิแถมไม่ใช่แค่รอบเดียวอีกด้วย แล้วพี่แสนจะรู้มั้ยเนี่ยยย


“ละเมออะไร”ผมถาม พรางลุกพรวดขึ้นมานั่งประจันหน้ากับพี่แสน


“โอ้ยยย!”ผมเจ็บจนน้ำตาเร็ด รู้สึกเหมือนตอนท้องผูกไม่มีผิด เจ็บโว้ยยยยยยยยยย!


“เอ้าๆ เจ็บมากมั้ย รีบลุกขึ้นมาแบบนั้นน่ะ นอนอยู่เฉยๆเหอะน่า เมื่อคืนก็ทำตั้งขนาดนั้น ยังระบมอยู่ไม่ใช่รึไง”พี่แสนดุก่อนจะค่อยๆเข้ามาจับตัวให้ผมลงไปนอนคว่ำดีๆ ผมพยายามสะบัดแต่เมื่อนึกตามคำพูดของพี่แสนผมก็หยุดดิ้นแล้วเปลี่ยนมาถามพี่แสนอย่างคาดคั้นว่า


“เมื่อคืนผมทำอะไร”


“นี่ขนาดนี้แล้วยังนึกว่าฝันอยู่รึไง เริงฤทธา” พี่แสนว่าพรางใช้สายตากวาดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาแปลกๆ ผมจึงค่อยๆมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มและ...


“เฮ้ย!!! ทำไมเป็นงี้อ่ะ”ผมยังคงทำหน้าโง่อยู่ซักพักก่อนจะหันไปเห็นพี่แสนที่ก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก  ทั้งยังผ้าปูที่นอนสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด และคราบอะไรต่อมิอะไร และความรู้สึกปวดไปทั้งตัวแบบนี้ แถมด้วยอาการปวดหนึบที่ช่องทางด้านหลังก็เป็นหลักฐานยืนยันเรื่องจริงที่ว่าไอ้ที่ผมฝันว่ามีอะไรกับพี่แสนจนถึงเช้าแถมผมเป็นคนยั่วนั่นมันไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง!!!


“อ้ากกกกก ไม่จริงงงงงงงงงง”ผมร้องอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเอาหน้าที่คาดว่าคงแดงเถือกไปแล้วของผมซุกลงกับหมอน ให้ต่ยแล้วอย่างนี้พี่แสนก็ต้องรู้หมดแล้วแน่ๆ ก็เมื่อคืนพูดไปถึงขนาดนั้นนี่นา ฮึ้ยๆๆ ทำไมแกมันโง่แบบนี้นะเริงฤทธา อ้ากกก มันจะมีใครโง่ไปกว่านายอีกมั้ยเนี่ยยย ตายๆ แล้วจะมองหน้าพี่แสนติดได้ยังไงล่ะทีนี้ เริงอยากตายยยย


“หึหึ”


“ขำไร! มีไรให้ขำนักฮะ ไม่เห็นรึไงคนกำลังกลุ้ม แล้วทีนี้จะมองหน้าพี่แสนยังไงเล่า ฮึ้ยยย”ผมหันไปแหวใส่พี่แสนที่หัวเราะขึ้นมาในเวลาแบบนี้จนผมรู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ย ให้ตายเหอะ....


“อึก...คึคึ.... ไม่ขำ... คิก... ไม่ขำแล้วก็ได้ ฮ่าๆๆ” นั่นไงว่าไม่ทันขาดคำไม่ขำบ้าอะไรล่ะแล้วไอ้ที่ทำอยู่น่ะเห่ารึไงวะ


“พี่แสน!” ผมตะคอกใส่พี่แสนพลางจ้องหน้าเขาอย่างเข่นเคี้ยว คอยดูเหอะถ้าลุกขึ้นได้เมื่อไหร่นะพ่อจะป่วนให้เละเลย


“โอเคๆ พี่ขอโทษนะโอ๋ๆ ไม่ขำแล้วๆ ไม่เห็นต้องกลุ้มเลยก็มองหน้าพี่เหมือนที่เคยมอง ทำแบบที่เคยทำนั่นแหละ” พี่แสนพูดพรางใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนจนผมอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาอีกไม่ได้ แต่แล้วผมก็ต้องรู้สึกเศร้าลงทันใดเมื่อนึกถึงเรื่องของคุณสิ


“แต่พี่แสนมีคุณสิอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เรื่องของผมน่ะพี่ลืมๆมันไปซะเถอะ ผมเองก็จะลืมมันเหมือนกัน  หลังจากก้าวออกจากห้องนี้ไปเราจะไม่พูดถึงมันอีก”ผมพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความยากลำบากและรู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวของตัวเอง แต่แล้วพี่แสนที่ทำหน้าปั้นยากขณะที่ฟังผมพูดอยู่ก็ลุกขึ้นมากระชากตัวผมอย่างแรงจนตอนนี้พี่แสนจ้องหน้าและเขย่าตัวผมอยู่จนผมหัวโคลงก็ตะคอกใส่หน้าผมอย่างเดือดดาล


“นายพูดเหมือนมันทำง่ายมากเลยนะเริง นายเป็นคนเข้ามาหาเข้ามากอดแล้วก็บอกรัก แล้วก็ทำอะไรแบบนั้น แล้วนายคิดว่าฉันจะลืมมันได้ง่ายๆหรอเริง ทั้งๆที่ฉันรู้สึกดีกับมัน แล้วพี่ก็รักนายมากขนาดนี้ นายยังจะให้พี่ลืมมันอีกงั้นเหรอ”พี่แสนมองผมด้วยแววตาตัดพ้อที่ทำให้ผมใจอ่อนยวบ ประโยคนี้แค่ประโยคเดียวทำเอาหัวใจที่ว่างเปล่าของผมล้นปรี่ไปด้วยความสุขอย่างถึงที่สุดเป็นครั้งแรก น้ำตาของผมค่อยๆร่วงหล่นลงมาช้าโดยที่ผมไม่รู้ตัว


“พี่พูดจริงหรอ” ผมถามพี่แสน ลืมหมดสิ้นถึงความเจ็บของมือที่บีบแขนผมอยู่ และร่างกายที่ร้าวระบม พี่แสนที่ได้ยินคำถามนั้นมีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มบางๆให้ผมและเปลี่ยนมาลูบหัวแล้วตอบผมว่า


“จริงซิเด็กโง่ ถ้าพี่ไม่รักเรื่องแบบเมื่อคืนไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกน่า ถ้าพี่ไม่รักเริงก็คงไม่ทำรอบที่เหลือหรอก ”คำพูดของพี่แสนทำเอาผมยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปอีก แต่ด้วยความสุขที่ท่วมท้นผมก็โผเข้าซบอกพี่แสนซ่อนใบหน้าขึ้นสีนั้นลงกับแผงอกกว้าง


“แล้วหลังจากนี้ละฮะ เราจะทำยังไง ยังไงเรื่องของเรามันก็เป็นไปไม่ได้” ผมพูดพรางน้ำตาก็พาลจะไหลลงมาอีกครั้ง พี่แสนที่รู้สึกได้ถึงแรงโอบรัดของผมที่เพิ่มขึ้น และร่างกายที่สั่นน้อยๆก็กอดกระชับผมเอาไว้อย่างแนบแน่น
   
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง...พี่อยากมีความสุขร่วมกับเริงให้มากที่สุด”พี่แสนว่าก่อนจะก้มลงประทับจูบลงบนหน้าผากผมเบาๆ


“เริงจะอยู่ข้างๆพี่ได้มั้ย แล้วอย่าบอกว่าจะลืมเรื่องของเราอีกได้มั้ย”พี่แสนกระซิบเบาๆพร้อมกับวงแขนที่กระชับเข้าอีกจนผมรู้สึกอึดอัดน้อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะดิ้นหนี

“ครับ ผมสัญญา ผมจะอยู่ข้างๆพี่แสน และจะไม่พูดว่าจะลืมเรื่องของเราอีก”


จากนี้ต่อไป ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก แต่ว่าผมจะใช้เวลาที่มีอยู่ตรงหน้านี้ตอนนี้กับพี่แสนอย่างมีความสุขที่สุด


“รักพี่นะครับพี่แสน”


“พี่ก็รักนายเหมือนกัน..”
.
.
.
.
.
.
.

“ว่าแต่เรามาต่อรอบเช้ากันเถอะ”พี่แสนว่าพรางทำท่าเหมือนจะกระโจนเข้าใส่


“บ้าแล้ววว ไม่เอาแล้วนะ “ผมร้องลั่นแล้วรีบตะเกียกตะกายลงจากเตียงไปที่หน้าประตู ไม่สนใจกับสภาพที่เป็นอยู่  ห้องของผมอยู่ข้างๆนี่เอง ถ้ารอดออกไปได้ก็แค่แปปเดียวล่ะวะ


“จะไปไหน ไหนว่าจะอยู่ข้างๆพี่ไงล่ะ” นั่นไงมันก็แค่ถ้าออกไปทัน แต่ผมที่แทบจะไม่มีแรงแล้วนี่ซิ ล่วงลงไปกองตั้งแต่ลงจากเตียงแล้ว จะให้ทำยังไงเล่าก็ขามันสั่นนี่พอลงมาก็ล้มพั่บแล้ว ให้ตายไม่รอดแน่เริงฤทธา


“มามะ มาทำกันต่อเถอะจะได้หายเจ็บไง เคยได้ยินมั้ยครับว่าหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งน่ะ หนามใหญ่ขนาดนี้มันก็ต้องบ่งกันหลายๆทีหน่อยจริงมั้ย”


“ไม่ๆ ไม่บ่งอะไรทั้งนั้นแหละ เกลียดพี่แสนแล้ว เกลียดที่สุดเลยยยยยยย....” แล้วสุดท้ายหรอ คนโง่อย่างผมจะไปทำอะไรได้เล่า นอกจากจะเป็นเหยื่อคนฉลาดอย่างพี่แสนแล้วก็ร้องครางอยู่ในห้องนั้นจนเช้าของอีกวันนั่นแหละ ให้ตาย นายโง่เกินไปแล้วเริงฤทธา
.
.
.

“อา...อา... พี่แสน...แรงอีกๆ ...อืม...เร็วๆ...อา...อา...อา”
.
.
.
.

และแล้วหนึ่งวันของนายเริงฤทธาและนายแสนยากรก็หมดไปด้วยประการฉะนี้


=================

จบ

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
จบเเบบเลือดพุ่ง :m25:

cipher

  • บุคคลทั่วไป
 :m25:
ขอตอนพิเศษ o18

leeseunggi

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic] เลื่อมพรายลาย
«ตอบ #18 เมื่อ04-04-2010 20:55:17 »

จบแบบหวานๆ[ หรือ ร้อนๆหว่า :confuse: ]

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
จิ้มไว้ก่อน ตอนนี้ไม่ว่าง เด๋วไอกลับมาอ่าน พลาดไปหลายตอนกลับมาอ่านอีกทีจบซะแล๊ะ ไงก็ขอตอนพิเศษล่วงหน้าเลยนะคะ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kikipanda

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อร๊าก จบแล้วเลือดท่วมทุ่ง  :m25:

ออฟไลน์ arakanji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


สุดยอดด

จิ้นได้อีกกกก

ชอบบบ

nishi

  • บุคคลทั่วไป

ETOM

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยยยย.......ทะลักไปหมดแล้ว (เลือดกำเดา) เอากันเข้าไป.....อิอิอิอิอิอิอ :oo1: :oo1: :oo1: :o8: :-[ :-[

ออฟไลน์ ateataya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o8:  สุดยอดไปเลยอ่ะ ขอบคุณนะครับบ อิอิ

chae

  • บุคคลทั่วไป
โอยย ขาดใจ :m25: :m25:
ไม่เคยดูละครเรื่องนี้เลยอ่ะ
แต่ก็จิ้นได้ ><

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :m25: อ่อยยยยยยยยยยยยยยยยย


ด่วนๆๆๆๆ ขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปเอด่วนคร่ะ



สลบคาคอม เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป



ว่ะฮ่าๆๆๆๆๆ


ขอบคุณนะคะ

koi

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาทักทายก่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านจ้า

Nanzari

  • บุคคลทั่วไป
 :jul1: :jul1:

เอิ๊ก เอิ๊ก ตายคากองเลือดกันเลยทีเดียว

 :L2: เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ engrish

  • "LolliPoP"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 823
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
 :jul1: :jul1:
เลือดท่วมจอ
ขอไปพักหายใจหายคอก่อนนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด