บุพเพวายร้าย(สอง)
11.[พิเศษ]
พอแม่ขับรถออกไปทำงานแล้ว ผมปิดประตูหน้าบ้านเดินเข้ามาในตัวบ้าน ในห้องรับแขกพี่วุฒิกำลังดูโทรทัศน์(การ์ตูน)ตอนที่ผมเดินไปถึงก็เป็นช่วงโฆษณาพอดี
ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อพี่วุฒิหันมาพร้อมยื่นแขนเรียกให้ผมไปนั่งดูดัวยกัน ผมส่ายหน้าแต่ก็เดินไปหา
“ เดี่ยวผมจะขึ้นไปเอาผ้ามาชัก” ผมบอกพี่วุฒิ เพราะโดยปกติแม่จะเป็นคนชักให้รวมของพี่วุฒิด้วย หรือไม่บางทีผมก็แค่ไปช่วยแม่ตากครับ ถึงเมื่อก่อนผมจะชักเองก็ตาม แต่ช่วงนี้แม่ทำโอบ่อยมากผมเลยจะชักเอง
“ งั้นพี่ช่วย” พี่วุฒิบอกปิดโทรทัศน์ พร้อมลุกขึ้น
“ พี่เคยชักผ้าด้วยเหรอครับ?” ผมถามแปลกใจแต่คิดว่าพี่วุฒิไม่น่าจะเคย
“ ไม่เคย” พี่วุฒิตอบ เดินตามหลังผมขึ้นบันได
“ พี่ไม่ต้องช่วยชักก็ได้ครับ พี่แค่ช่วยตากก็พอ” ผมบอกเพราะที่บอกว่าชักผ้าก็ไม่ได้ชักเองทั้งหมด โดยจะชักแค่กางเกงใน และถุงเท้าเท่านั้นเอง และเสื้อนักเรียน เสื้อนิสิตที่ต้องแช่ก่อนและมันน้อยเกินไปที่ชักเครื่องเลยต้องชักมือ นอกจากนั้นก็ใช้เครื่องชักครับ
“ .......” พี่วุฒิไม่ได้ตอบว่าอะไร ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเดินไปดูตะกร้าเสื้อทั้งอาทิตย์ที่ยังไม่ได้ชัก แล้วก็นั่งลงจับแยกๆ พวกเสื้อ กางเกงกับกางเกงใน(ไม่มีผ้าสีตกครับ)
กางเกงในของผมสีน้ำเงิน ขาวบ้าง เขียวก็มีนะครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อเอง แม่เป็นคนซื้อให้ของพี่วุฒิสีขาวล้วนคิดว่าพี่เขาคงไม่ได้ซื้อเองเหมือนกัน
“ ...............” พี่วุฒิหยุดเดินข้างตะกร้า ผมที่นั่งขัดสมาธิเงยหน้ามองพี่วุฒิ ?
“ครับ?” ผมถามว่าพี่วุฒิมีอะไรรึเปล่า?
“ ...........” พี่วุฒิเงียบ มองมือผมที่จับกางในสีขาวของพี่วุฒิ ผมก้มหน้าลงเขินครับ พี่วุฒินั่งลงบ้าง
“จุม เมื่อคืน...” พี่วุฒิพูดพร้อมเอี้ยงหน้าหอมแก้มผม
“ หลับก่อนพี่นะ” พี่วุฒิว่าจากหอมแก้มเริ่มเป็นซุกไซร้ตรงคอ ผมรีบเอามือดันหน้าพี่วุฒิไว้
“ พี่อย่าครับ!? ” เมื่อวานเป็นbig cleaning day ของโรงเรียนผมเหนื่อยและเพลียมาก ตอนพี่วุฒิเข้าอาบน้ำผมก็เผลอหลับไปก่อน
“ จุม” พี่วุฒิพูดเสียงอ้อนและจะจูบผมอีก
“ พี่ครับ เดี่ยวชักผ้าเสร็จก่อน ไม่งั้นจะไม่ทันแดดนะครับ” ผมรีบบอก แม้จะกล้ากลัวๆอยู่
“ ........” พี่วุฒินิ่งไปครู่หนึ่ง
“ งั้นรีบชักผ้ากัน” พี่วุฒิรวบๆผ้าที่ผมแบ่งเป็นกองเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งโยนใส่ตะกร้าทันที
“ พี่ครับ ผมแยกแล้ว!” ผมว่าแต่ไม่ทันแล้ว พี่วุฒิหันมามองผม หน้าสงสัยชัดเจนว่าพี่เขาทำอะไรไม่ถูกต้อง
“ เสื้อ กางเกง ทั้งหมดชักในเครื่อง ส่วนเสื้อนิสิตพี่กับเสื้อนักเรียนผม แช่ไว้ก่อน กางเกงในและถุงเท้าชักมือมือครับไม่งั้นมันย้วย” ผมบอกเอาผ้าทั้งหมดที่พี่วุฒิใส่ตะกร้าออกมาใหม่
“ ยุ่งยาก” พี่วุฒิว่าไม่ได้มีท่าทางหงุดหงิด แล้วเดินไปนั่งบนเตียงดูผมทำ
“ ........เป็นการถนอมผ้าไปในตัวด้วยครับ” ผมบอก เพราะถึงจะใส่ถุงชักผ้า แต่มันก็ยืด เสียทรงอยู่ดี
จนผมแยกผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็เอาใส่ตะกร้าวางเป็นมุมไม่ให้มันร่วมกันมากนัก
“ พี่ช่วย” พี่วุฒิบอกพร้อมทั้งเดินมาถือตะกร้าให้ผม ทั้งที่มันไม่ได้หนักเลย
“ ขอบคุณครับ” ผมยิ้มก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูให้พี่วุฒิ
เครื่องชักผ้าตั้งอยู่เยื้องๆโต๊ะกินข้าวตรงสวนข้างห้องครัว โดยอยู่ด้ายหลังของห้องครั้วก็ว่าได้ครับ
พอมาถึงผมเอาผ้าใส่เครื่อง ใส่ผงชักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มกดปุ่ม ดูเวลาที่เครื่องชัก 55 นาที จากนั้นก็เอาเสื้อนิสิตพี่วุฒิกับเสื้อนักเรียนผมแช่ในกะละมังที่ผมตีฟองก่อนหน้านั้น ถุงเท้าก็ทำแบบเดียวกันแต่คนละกะละมัง
“ เดี๋ยว อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับมาชัก” ผมบอกกพี่วุฒิ แล้วเดินเข้ามาในบ้าน
“ ครึ่งชั่วโมงนี้เราทำอะไรกัน?” พี่วุฒิถาม
“ ดูโทรทัศน์รอครับ” ผมบอก เดินเข้ามาถึงห้องรับแขกแล้ว ตามด้วยเดินไปกดปุ่มเปิดโทรทัศน์ ก่อนที่จะมานั่งลงบนโซฟาไม้(มีหมอนเป็นใบๆรองอีกทีหนึ่ง)
“ ..........” พี่วุฒิก็มานั่งด้วย แต่นั่งติดมาก ผมเลยขยับนิดหนึ่ง พี่วุฒิก็ขยับมาติดเหมือนเดิม ผมหันไปหาพี่วุฒิ
“ อยากนั่งติดเมีย จะได้รู้ว่ารักมาก” พี่วุฒิหันมาพูดหน้าตาเฉย
“ .........” ผมรีบหันกลับมาเพราะเขิน แต่ก็ดีใจมากเช่นกัน ผมไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย พอก้มลงก็มองเห็นแหวน 2 วงที่ห้อยอยู่
“ พี่ให้แหวนผมทำไมครับ?” ผมถาม
“ ...........หรือไม่อยากได้”
“ ไม่ใช่ครับ! ผมดีใจที่พี่ให้ผม เพราะ เหมือนกับว่าผมกับพี่................หมั้นผม” ผมบอกท้ายประโยคเสียงเบา ก้มหน้าลงอีก ไม่รู้ว่าตัวเองพูดไปได้ยังไง ผมไม่รู้เลยครับว่าโทรทัศน์กำลังพูดว่าอะไร
“ไม่ใช่แค่หมั้น...” พี่วุฒิว่าก้มหน้าลงมาให้พอดีกับหน้าผม
“ .................” ผมเขิน
“ บอกพี่หน่อยว่ารู้สึกยังไงกับพี่?” พี่วุฒิถาม ผมตอบเหมือนที่เคยตอบทุกครั้ง
“ รักครับ” ผมตอบจากใจจริงที่สุด พี่วุฒิจับคางผมให้เงยหน้าขึ้น
“ พี่ก็รักจุม” พี่วุฒิพูดพร้อมจ้องหน้าผม
“ ..................” ผมนึกถึงเรื่องที่ผมไปหาพี่แบงค์ เรื่องที่ผมปิดปังพี่วุฒิ และเรื่องที่ผมจูบกับพี่แบงค์ มันทำให้ผมรู้สึกผิด……………………………มาก
“ พี่ครับ ถ้าวันหนึ่งผมโกหกพี่ พี่จะโกรธไหม?” ผมถาม
“ ยกตัวอย่างมา” พี่วุฒิว่า เสียงเปลี่ยน
“ผมแค่คิดครับ.............” ผมว่ากอดพี่วุฒิ พร้อมกับพูดต่อว่า
“ ผมรักพี่นะครับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอยากให้พี่รู้”
“ .......................” พี่วุฒิเงียบไป ทำให้ผมใจเสีย หรือว่าพี่วุฒิติดใจเรื่องที่ผมพูดเมื่อกี้
“ พี่ครับ?”
“ จุม พี่ให้จุมได้ทุกอย่าง”
“ครับ”
“ อย่าหักหลังพี่ เพราะพี่คงทนไม่ได้ รู้ไหม?”
“ ...............”ผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น แต่ที่ผมทำก็เพื่อทุกคน
“ ก่อนหน้านี้ก่อนที่จุมจะความจำเสื่อม พี่ทำร้ายจุมไว้มาก ต่อไปพี่จะดีกับจุมมากๆ”
“ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับ” ผมบอก มือพี่วุฒิที่ลูบหลังผมรู้ดีมากๆ ผมไม่อยากให้พี่เขาหยุดเลยอยากให้พี่วุฒิกอดผมอยู่อย่างนี้
“ พี่กลัวนะรู้ไหมว่าถ้าจุมจำอะไรได้ จุมจะเกลียดพี่”
“ ไม่หรอกครับ ผมไม่มีวันเกลียดพี่” ผมบอกคิดอย่างงั้นจริงๆ ผมจะเกลียดคนที่ผมรักได้ยังไง
แม้ตอนที่พี่วุฒิส่งคนไปซ้อมชิด ผมก็เกลียดพี่วุฒิไม่ลง! แต่ผมโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้ชิดต้องมารับเคราะห์ ถึงเรื่องมันจะผ่านมาแล้วก็ตาม..ผมก็ยังรู้สึกอยู่ดี
“ พี่ก็เหมือนกัน”
“ ครับ” ผมว่าเงยหน้ายิ้ม ก่อนที่เอาหน้าไปซบบนไหล่พี่วุฒิ
ผมอยากหยุดเวลาไว้
.
.
ราว 40 นาทีได้ผมออกมาชักผ้าที่แช่ไว้
“ พี่ช่วย จุมเอาเสื้อ พี่เอาถุงเท้า” พี่วุฒิบอก
“ผมเอาถุงเท้าดีกว่า มันสกปรกมาก พี่คงไม่…”
“ พี่จะชักถุงเท้า จุมห้ามขัด!” พี่วุฒิชิงพูดดักผม
“ ก็ได้ครับ” ผมบอกเอาเก้าอี้ชักผ้าวางข้างกะละมังให้พี่วุฒิและของผมอีกตัว อดเป็นห่วงพี่วุฒิว่าจะไหวหรือเปล่า
“ .............” พี่วุฒิเอามือลงไปในกระมั้งดูท่าพี่เขาน่าจะไม่เคยชักจริงๆ
“ พี่ทำแบบนี้นะครับ” ผมบอกพี่วุฒิที่นั่งหันหน้ามาหาผม
“ แบบนี้เหรอ?”
“ ครับ” ผมว่า พี่วุฒิทำตามที่ผมบอก
“ ไม่เห็นจะยาก” (พี่วุฒิ)
“ พี่ครับ อย่าทำแรงขนาดนั้นสิครับ เดี๋ยวถุงเท้ามันจะยืด” ผมบอก เพราะพี่วุฒิขยี้แต่ละครั้งถุงเท้าแทบขาด
“ ก็มันสกปรก”
“ ขยี้ไปเรื่อยๆมันก็หลุดครับ” ผมว่าขยี้คอเสื้อนักเรียนผมให้พี่วุฒิเห็นว่าคราบมันก็ค่อยๆหลุดออก
“ ...............” พี่วุฒิทำตาม
และแล้วผมก็พี่วุฒิก็ชักเสร็จเรียบร้อย ผมไปเอากะละมังมาวางไว้จากนั้นก็เปิดน้ำใส่ยืนรอจนน้ำเต็มกะละมังพอดี แล้วเอาเสื้อนิสิตพี่วุฒิกับเสื้อนักเรียนผมมาแช่จะล้าง
แต่แล้วพี่วุฒิก็เอาถุงเท้ามาเทใส่กะระมังที่ผมกำลังล้างเสื้อสีขาว
“ พี่ครับ?!” ผมที่นั่งอยู่เงยหน้าพูด
“ อะไร?” พี่วุฒิว่าไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป
“ ถุงเท้าล้างต่างหากครับ” ผมว่ามองถุงเท้าในกระละมั้งที่ตอนนี้มีน้ำสีขุ่นกว่ากระจายออกมา
“ เหรอ”
“ ครับ” ผมพยักหน้า
“ งั้นเอาใหม่” พี่วุฒิว่าดึงผมลุกขึ้น ก่อนที่พี่เขาจะเอาถุงเท้าใส่อีกตะกร้าใบเดิมและเอาเสื้อสีขาวใส่กะละมังเปล่าอีกใบ(ไม่ได้บิดผ้าหรือถุงเท้า) ตามด้วยเทน้ำในกระละมังนี้ทิ้ง จากนั้นเปิดน้ำใส่กะละมังเหมือนที่ผมทำเมื่อกี้
“ ..........” (ผม)
“ พอใจยัง?” พี่วุฒิถามหลังจากเอาเสื้อสีขาวใส่ในกระละมังแล้วเรียบร้อย
“ครับ”(ยิ้ม) ผมบอกเพราะพี่วุฒิทำได้แค่นี้ก็ดีพอแล้ว
พี่วุฒิยืนดูผมล้างผ้าไปเรื่อยๆจนเสร็จและผ้าในเครื่องก็เสร็จแล้วเหมือนกัน ผมเปิดฝาหน้าเอาผ้าเกือบแห้งออกมาใส่ตระกร้า
“ เอาไปตากใช่ไหม?” พี่วุฒิถาม
“ ครับ” ผมบอก พี่วุฒิยกตระกร้าผ้าไปยังราวตากผ้า ที่ผมกับแม่ทำเอาไว้ เป็นราวตากผ้าที่ลวดขึงกับเสาที่ปักไว้ (มี 2 ราว ยาวประมาณ 3เมตร)
“ ...........” ผมหยิบไม้แขวนเสื้อวิ่งตามไป ตอนนี้เริ่มแดดแล้วครับ น่าจะชัก 10 โมงกว่าๆ
ผมก็แขวนเสื้อไปตามปกติ พี่วุฒิเห็นผมทำก็ทำบ้าง รวมทั้งสะบัดผ้าก่อนใส่ไม้แขวน ผมทำไปก็ยิ้มไป มีความสุขมากที่ได้อะไรร่วมกับพี่วุฒิ
เรียบร้อยแล้วพวกผมก็กลับเข้ามาในบ้าน ผมเหงื่อออกเพราะตากแดดและเปียกเล็กน้อย เลยว่าจะอาบน้ำเลย
ในห้อง
“ ผมอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกพี่วุฒิเอาผ้าเช็ดตัวจากตู้เสื้อผ้าเดินไปห้องน้ำ
หมับ!?
“ พี่อาบด้วยนะ” พี่วุฒิบอกกอดผมจากด้านหลัง (พี่วุฒิเปียกทั้งเสื้อและกางเกง)
“ .............” ผมก้มหน้าลงเขิน
“ อย่าดีกว่าครับ” ผมว่า
“ อาบด้วยกันดีกว่า” พี่วุฒิว่ากอดผมอยู่แต่ก็ดันให้ผมเดินเข้าห้องน้ำ
“ ผม........”
“ นะ” พี่วุฒิบอกข้างหู ผมขนลุกหน้าร้อนวูบวาบ
พอเข้าไปในห้องน้ำแล้วพี่วุฒิก็จูบต้นคอด้านหลังผม มือพี่เขาเข้าไปลูบหน้าท้องในเสื้อผม
“ พี่ครับ อาบน้ำก่อนเถอะ” ผมว่า
“..........” พี่วุฒิไม่ตอบ หมายความว่า คงต้องอาบน้ำหลังจากนี้ ผมหันหน้ามาหาพี่วุฒิ
“ .........” พี่วุฒิยิ้มแล้วจูบผม ริมฝีปากผมกับพี่วุฒิแตะสัมผัสกันแผ่วเบาแสนจะนุ่มนวล ตามด้วยปลายลิ้น ที่ค่อยๆลิ้มรสสิ่งที่สัมผัส ผมเอามือเกาะเอวพี่วุฒิ
มือพี่เขาลูบไล้แผ่นหลังของผ่านเสื้อที่ผมใส่อยู่ก่อนที่มือนั้นจะเข้ามาลงไปในกางเกงขาสั้น เข้าไปข้างในผ่านกางเกงใน(สีฟ้า) และคลึงสะโพกของผม
ผมเริ่มเกร็งหายใจถี่ขึ้น
“ จับของพี่” พี่วุฒิบอกผมขณะที่กำลังซุกไซร้คอของผมและเลื่อนต่ำลงมา ในตอนนั้นกางเกงผมถูกมือพี่วุฒิทำให้ไปกองอยู่ที่เท้าผมแล้ว
“ พี่ผม ผม ผม ..” ผมบอกหน้าซบกับไหล่พี่วุฒิ
“ แค่จับก็พอ” พี่วุฒิว่าแล้วปลดกางเกงตัวเอง จับมือผมไปจับน้องชายพี่วุฒิ มันแข็งและกำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนผมมือผมโดนน้องชายพี่วุฒิผมตกใจเล็กน้อยครับ
พี่วุฒิบอกให้ผมจับผมก็จับอยู่อย่างงั้นครับทว่าน้องชายผมถูกมือพี่วุฒิจับพร้อมดึงเข้าออกแรงๆและเบาในบางครั้ง ผมขาสั่น ผมวางหน้าหลับตาบนไหล่พี่วุฒิอายไม่กล้ามองตัวเอง
“ พี่ อ้า อะ” ผมครางเผลอจับน้องชายพี่วุฒิแน่น
“ อะ อะ อ” นิ้วมืออีกข้างพี่วุฒิใส่เข้ามาในสะโพกผม และตามด้วยอีกนิ้วในเวลาไม่นาน
“ จุม ให้พี่เข้าไปนะ”พี่วุฒิว่าดูรีบร้อน
“คะครับ” ผมบอก เพราะตอนนี้ตัวผมก็เหมือนมีเขื่อนกำลังรอไหลทะลัก ขาผมถูกทำให้ก้างออก มืออีกข้างหนึ่งพี่วุฒิเอาแขนคล้องตรงข้อพับผมแล้วยกขึ้น
“ กอดคอพี่” พี่วุฒิบอกผมทำตาม จากนั้นพี่วุฒิก็พาน้องชายเข้ามาในตัวผม
แน่น
“ ........พี่ครับ!” ผมว่ากอดคอพี่วุฒิแน่น ริมฝีปากพี่วุฒิที่นัวเนียตามแก้มผมเปลี่ยนมาเป็นประกบปากผมแทน
ร่างกายเบื้องล่างผมถูกกระทั้นเข้ามา คราวนี้น่าจะมิดแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าร่างกายด้านในของผมกำลังเต้นตอดรัดน้องชายพี่วุฒิ และยิ่งมากขึ้นเมื่อพี่วุฒิดึงเข้าออก
ผมหายใจหอบ ตามจังหวะที่รวดเร็วของพี่วุฒิ ลมหายใจเหมือนจะอึดอัดแต่ไม่ใช่
“ ..............”
“ พี่ครับ!” ผมเรียกชื่อพี่วุฒิ เมื่อพี่วุฒิกระแทกร่างกายเข้าออก
“ ...........” จนสุดท้ายผมก็ปล่อยน้ำรักออกมา พี่วุฒิเองก็น่าจะเหมือนกัน แต่พี่เขากลับกอดผมแน่น ก่อนที่ปล่อยในตัวผม
“ ............” พี่วุฒิยังกอดผมแน่น ลมหายใจพี่เขาเกือบเป็นปกติ ส่วนผมก็ยังหายใจหอบๆอยู่
“ .........” ผมกอดพี่วุฒิแน่นเช่นกัน ร่างกายผมกับพี่วุฒิเหมือนจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว ร่างกายพี่วุฒิก็ยังอยู่ในตัวผม
“ ขอโทษ” พี่วุฒิว่า
“ เรื่องอะไรครับ?” ผมถามหน้าที่วางอยู่ไหล่พี่วุฒิหันมองหน้าพี่เขาแม้จะไม่เต็มหน้าก็ตาม
“ ทุกเรื่อง”
“ ผมเคยบอกพี่แล้ว ว่าอย่าไปนึกถึงเรื่องเก่า”
“ .................” พี่วุฒิกอดผมแน่นจนผมหายใจไม่ออก
“ พี่ครับ ผมหายใจไม่ออก” ผมบอกพี่วุฒิเลยคลายอ้อมแขนจากตัวผม ก่อนที่จับไหล่ผมข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งลูบหัวผม ผมยิ้มก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ อาบน้ำกัน”(พี่วุฒิ)
“ ครับ” (ผม)
** **
บ่ายโมงผมกับพี่วุฒิลงมาข้างล่าง เข้ามาในครัว พวกผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เมื่อเช้าแม่บอกไว้แล้วเหมือนกันว่า ตอนเที่ยงให้หาอะไรกินกันเอง หรือจะออกไปกินข้าวนอกก็ได้ ผมเปิดตู้ด้านบน มีมาม่า อยู่หลายซอง เมื่อเช้าผมเห็นในตู้เย็นมีผักบุ้งและตำลึงอยู่นิดหน่อย เอามาต้มใส่มาม่าพอดีเลย
“ พี่ครับ เอ๊ะ!?” ผมหันกลับไปหน้าผากผมชนหน้าพี่วุฒิ เพราะไม่รู้ว่าพี่วุฒิมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไร(ยืนชิดมาก)
“ .. ..............โทด-....” พี่วุฒิถอยเดินหลังออกไป
“ เรากินมาม่ากันนะครับ” ผมบอก พี่วุฒิไม่พูดอะไรแต่นั่งลง
ผมเลยเปิดเตาต้มน้ำ เอามาม่าออกมา 2 ซอง เอาผักจากจากตู้เย็นมาล้าง ตอนนั้นเอาไข่ไก่ด้วยครับ 2 ฟอง ..พี่วุฒิเดินมาหา
“ ให้พี่ช่วยอะไร?” พี่วุฒิถาม
“ ไม่เป็นไรครับ ผมทำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ” ผมบอก ล้างผัก(ตำลึงและผักบุ้ง)แล้วเอาพักไว้ในตะกร้า ก่อนที่จะเด็ดไม้ตำลึงและหั่นผักบุ้ง
“ .................ใช่ไหม?” พี่วุฒิถามเอาชาม 2 ใบมาวางให้ผมใส่มาม่า
“ ขอบคุณครับ” ผมว่า ตอนนี้น้ำในหม้อเดือดแล้วผมเลยใส่ผักลงไปแล้วคนนิดหน่อยตามด้วยตอกไข่ 2 ฟอง บวกมาม่า 2 ซอง และปิดฝาหม้อ พร้อมปิดเตา
“ เสร็จแล้วเหรอ?” พี่วุฒิลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาผม
“ ยังครับ รอก่อน” ผมบอก แล้วหันกลับเปิดฝาหม้อดู มาม่าสุกแล้ว เลยเอาทัพทีคนให้มันเข้ากันก่อนที่จะตักใส่ชามที่พี่วุฒิเอามาให้วางไว้ก่อนหน้านี้
“.................”พี่วุฒิมองดูท่าทางสนใจมาก
“ เสร็จแล้วครับ” ผมว่ายกชามไปวางบนโต๊ะกินข้าว(เอาจานรองก่อน)
“ ....................” ผมกับพี่วุฒิวางแทบจะพร้อมกัน จากนั้นพี่เขาก็ไปช้อนส้อมมาให้ผมด้วย
“อร่อย” พี่วุฒิบอกหลังจากที่กินไป 1 คำ
“ ขอบคุณครับ” ผมว่าภูมิใจ
“ วันหลังไว้ทำให้พี่กินอีก”
“ มาม่ากินบ่อยๆไม่ดีนะครับ”
“ ทำอย่างอื่นก็ได้” พี่วุฒิบอกจ้องหน้าผม
“ครับ” ผมว่าก้มลง เอาส้อมตักเส้นมาม่าขึ้นมากิน ตอนที่ผมก้มลงเห็นว่าพี่วุฒิกำลังยิ้ม
.
.
.
“ อ้า พี่ ช้าๆครับ” ผมบอกขณะที่พี่วุฒิกระชันน้องชายเข้าออกจากตัวผม มือผมกำปูที่นอนแน่น ขาก้างออกอยู่ในท่ารูปตัวเอ็ม มีร่างกายพี่วุฒิอยู่ตรงกลาง
“ ............” พี่วุฒิไม่ตอบจูบผมแทน
.
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมา และได้รู้ว่าเสียงที่ทำให้ผมตื่นก็คือเสียงลมพัดนอกหน้าต่าง และเสียงฟ้าร้องนั่นเอง
ผมหันหน้าไปมองพี่วุฒิที่ยังหลับอยู่
“ ................” กี่โมงแล้ว ผมคิด มองดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะทำการบ้านที่อยู่ติดผนังอีกด้าน
บ่าย 4 โมง
ผมเอาหน้าแนบกับไหล่พี่วุฒิ คิดไม่ออกว่าตัวเองลืมอะไร?
ผ้าที่ตากไว้ ผมลุกขึ้น พรวด!?
ถ้าฝนตกผ้าที่ตากไว้ก็จะเปียก . . . ..
“ อะไรจุม?” พี่วุฒิลืมตาขึ้นมามองผม
“ ฝนจะตกครับ”
“ แล้วไง?”
“ ผ้าที่ตากไว้ก็จะเปียก…” ผมว่ายืนขึ้น ร่างกายโงนเงนนิดหน่อยเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป
“ เดี๋ยวพี่ไปเก็บให้” พี่วุฒิบอก และเสียงฝนที่กระทบกับสังกะสีด้านบน(บ้านผมเป็นบ้านไม้ สังกระสีน้ำตาลแดง)
“ ไม่ทันแล้วครับ! ” ผมว่า รีบวิ่งไปเปิดประตูโดยมีพี่วุฒิวิ่งตามมาติดๆ
“ ..............” ผมวิ่งเข้าไปในครัว แต่พอจะออกไปด้านนอก
หมับ!
พี่วุฒิดึงแขนผมไว้
“ พี่ไปเอง เดี๋ยวจุมตากฝน” พี่วุฒิพูดพร้อมออกไปด้านนอก ผมวิ่งไปอีกทางดูพี่วุฒิเก็บผ้าทั้งไม้แขวนเสื้อที่ตากเป็นสาย ทั้งไม้แขวนกลมที่ตากถุงเท้า กางเกงใน ผ่านหน้าต่างห้องห้องครัว ด้านนอกลมแรงมาก แต่ฝนยังแค่ปอยๆ
ตึก ตึก
“ ............”
“ ผมช่วยครับ” พี่วุฒิวิ่งเข้ามาในครัว ผมรีบวิ่งไปรับอะไรที่พอถือได้ ตอนนี้พี่วุฒิถือไม้แขวนเสื้อเต็ม 2 มือและยังเอาที่เหลือมือมาพาดตามไหล่อีก
พอผมได้จับผ้า รู้มันชื้นจากฝุ่นเมื่อกี้ คงต้องมาผึ่งสักหน่อย
พี่วุฒิวางผ้าทั้งหมดลงบนโชฟาห้องรับแขก ผมก็จับมาเรียงกันใหม่ดีๆ แล้วนำไปแขวนที่ราวพลาสติกหน้าห้องน้ำ(เยื้องห้องรับแขก)
“ ผ้าครับ” ผมยื่นผ้าขนหนูสีขาวให้พี่วุฒิเช็ดหน้าเช็ด และหัวที่เปียกจากที่ไปเก็บผ้าเมื่อกี้ หลังจากที่แขวนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“ ....................” พี่วุฒิที่นั่งอยู่โซฟาเงยหน้ามองผม เอามือจับเอวผมให้เดินไปชิดตัวพี่เขา
“ เช็ดให้พี่หน่อย” พี่วุฒิว่า
“ ............” ผมก็เอาผ้าเช็ดหน้าพี่วุฒิและตามด้วยผมเผ้า พอผมเช็ดเสร็จพี่เขาก็คล้องเอวผมเข้าไปกอด
“ มีอะไรหรือครับ?” ผมถามจะนั่งลงข้างๆพี่วุฒิแต่พี่วุฒิดึงตัวผมนั่งตักแทน(เขินครับ)
“ ไม่..มี ..”
ข้างนอกฝนตกแรงมาก อากาศเลยเริ่มเย็น
ผมกับพี่วุฒินั่งฟังสียงฝนไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ขึ้นไปนอนบนห้อง วันนี้ผมว่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบ ยังไม่ได้อ่านเลย เอาไว้ตอนเย็นหลังจากกินข้าวแล้ว ค่อยเริ่มอ่าน
“......................”
** ** ** **
จากนี้ก็อย่างที่ท่านทราบกันว่าหลังจากนี้ไม่นานมีรูปมหาภัยส่งมาให้พี่วุฒิ
คำผิดขอบคุณ ท่านChae ท่านpattra_13
อ่านเรื่องนี้เหมือนนั่งรถอีแต๋นวิ่งไปในทางกันดาร
ถึงจะโยกเยกไปบ้างเพราะอาการโรควรรรยุกต์อักเสบ
แต่ก็ยังอยากนั่งต่อไป เพราะวิวสองช้างทางสองดี ดูเพลิน เหมือนความสนุกของเนื้อเรื่องเลย
น้อมรับคำแนะนำเจ้าค่ะ คำผิดนั้นก็มีการแก้อยู่ทุกตอน แต่ท่านอื่นๆจะบอกเพิ่มก็ขอบคุณจ้าค่ะท่าทาง ค่าโฆษณา จะแพง..
ท่านทำเจ้าหญิงเขินปล.ท่านๆใจเย็น ไม่ว่าจะFCใคร