4.40% หน้า 306
+
บุพเพวายร้าย(สอง)
04.60%
“ แล้วรู้จักกับปรางแบบไหนล่ะ?!” ผมถามเสียงเริ่มเปลี่ยนและดังขึ้น
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย!” จักรพูดยืนขึ้นตามผม
“ เพราะพี่อยากรู้”
“ ผมไม่จำเป็นต้องบอกพี่” มีพิรุธเห็นๆ ถ้าไม่มีอะไรทำไมจะตอบไม่ได้
“ คงไม่ใช่คบกันหรอกใช่ไหม!?” ผมว่า จักรหน้าตกใจเหมือนไม่คิดว่าผมจะรู้
“ แล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วยที่ผมจะคบกับใคร?!” มันก็ไม่เกี่ยวหรอก ถ้าปรางไม่ได้เป็นแฟนผม เป็นเมียผม
หมับ!?
ผมจับแขนจักร
“ตกลง คบกันจริงๆใช่ไหม?!”
“ ชนะ?” ไอ้แบงค์ที่นั่งอยู่ลุกขึ้น ผมยกมืออีกข้างบอกมันว่า อย่าเพิ่งยุ่ง
“ ไม่ได้คบ!?” จักรตอบบิดแขนให้หลุดจากมือผม
“
ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!? และพี่ปรางก็มีแฟนแล้วด้วย!” ผมยอมปล่อยแขนจักร เพราะไอ้แบงค์เอามือแตะแขนผม
“ จักรพวกพี่ไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องหรืออะไร แต่ว่าตอนนี้...เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยพวกพี่ก็เลยอยากรู้เรื่องบางเรื่องเท่านั้น” ไอ้แบงค์บอก จงใจที่จะไม่พูดเรื่องปรางท้องคงเพราะคิดว่าจักรไม่รู้เรื่องนี้ เลยไม่อยากบอกก็ได้
“ ................................”(จักร)
“ พวกพี่แค่อยากรู้ว่าจักร รู้จักปรางแบบไหน พวกพี่รู้มาว่าจักรคบกับปรางมากกว่าพี่น้อง แค่อยากจะรู้ว่าจริงไหม?” ไอ้แบงค์อธิบาย
“ แค่พี่น้องร่วมคณะธรรมดา ไม่มีอย่างอื่น พี่คิดว่าผมจะไปแย่งแฟนใครเหรอครับ พี่ปรางมีแฟนแล้วใครๆก็รู้..” ยิ่งพูดจักรก็ยิ่งพูดเสียงเบา
“ พี่ถามตรงๆเลยนะจักร...”(ไอ้แบงค์)
“ ครับ”
“พี่ ถามอย่างลูกผู้ชาย ว่าจักรเคยมีอะไรกับปรางรึเปล่า?”
“ พี่?” จักรทำหน้าไม่เชื่อว่าไอ้แบงค์กำลังถามประโยคนี้ แต่ก็ตอบ
“ ไม่ครับ ไม่เคย ผมบอกแล้วไงครับ ว่าพี่น้องธรรมดา” ไอ้แบงค์มองหน้าผมแทนที่จะเป็นจักร
“ นี่ใช่ไหมครับ ที่ว่ามีเรื่องจะคุยกับผม” จักรถาม
“ ใช่” ผมตอบ
“ ถ้างั้นก็กลับไปได้แล้ว เรื่องที่พวกพี่อยากรู้ผมก็ตอบไปแล้ว”
ผม ไอ้แบงค์ จักรยื่นนิ่ง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเดินออกมาก่อน และไอ้แบงค์เดินตาม
“ ใครจะไปยอมบอกว่าตัวเองเองค้ายาบ้า!” ผมว่าหัวเสียโยนกุญแจให้ไอ้แบงค์ขับรถผมเมื่อเดินออกมาข้างนอกแล้ว แต่ก็หันกลับไปมองบ้านจักรอีก
“ เรื่องนี้ เราต้องถามปรางอย่างเดียว กรูไม่อยากให้เราเดาสุ่ม จนตัวเองมาเสียใจภายหลัง” ไอ้แบงค์บอกผมหลังจากเข้ามานั่งในรถ แล้วสตาร์ตรถขับรถตรงไป
“ ไปหาไอ้วุฒิ!” ผมบอกแกมสั่ง แล้วโทรบอกไอ้วุฒิว่าจะไปหา ก่อนที่จะวาง
“ แบงค์มรึงโทรถามเจนให้มันชัวร์ดิว่าคนที่ปรางคบมีแค่จักรคนเดียวรึเปล่า?” ผมบอก ไม่พอใจที่ผมเหมือนทำอะไรไม่คืบหน้า
“ ชนะกรูว่ามรึงใจเย็นก่อนได้ไหมวะ ค่อยๆคิดค่อยๆหาทาง”
“ ใช่สิ ปรางไม่ใช่แฟนมรึง มรึงก็อยู่เฉยได้!”
!?! ไอ้แบงค์เบรคกระทันหัน หัวผมแทบโขกกับด้านหน้า เพราะผมไม่ได้คาดเข็มขัด
“ แบงค์มรึงจะฆ่ากรูรึไง!!” ผมต่อว่ามัน แต่มันจ้องผมเขม็ง ทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ นี่ผมทำอะไรให้มันโกรธเหรอครับ
“ อะไร?” ผมว่าเสียงเบาลง ไม่กล้าขึ้นเสียงเหมือนเมื่อกี้ เพราะผมไม่รู้ว่าไอ้แบงค์มันเป็นอะไร ต้องอ่อนให้มันก่อน
“ อย่าพูดแบบนี้ ที่กรูทำที่กรูช่วยมรึงก็เพราะเป็นเพื่อนกรู ความรู้สึกมรึงกรูเข้าใจไม่มากก็น้อย”
“ ขอโทษ.......” ผมพูดอีก ไอ้แบงค์มันไม่พอใจที่ผมพูดเมื่อกี้ครับ? ไอ้ที่ผมพูดว่า
‘ใช่สิ ปรางไม่ใช่แฟนมรึง มรึงก็อยู่เฉยได้!’“ ....................” ไอ้แบงค์หันกลับไปแล้วขับรถไปคอนโดไอ้วุฒิต่อ
ส่วนผมจ๋อย บทจะโกรธก็ไม่บอกกรูล่วงหน้า กรูจะได้เตรียมใจ แม่ง! เล่นเอาใจหายวาบ
.
.
เนื่องจากว่าคอนโดไอ้วุฒิอยู่ไม่ไกล จึงใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว และนี่ล่ะครับครั้งหนึ่งไอ้วุฒิใช้เป็นข้ออ้างให้จุมมาอยู่กับมันที่คอนโด ทั้งที่ตัวเองเป็นคนบังคับจุมย้ายโรงเรียนแท้ๆ เรื่องไอ้วุฒิกับจุม แม้จะเป็นเรื่อง 2 ปีผ่านมาแล้ว แต่พูดอีกก็ใหม่อีก
ขับรถเข้าไปจอดแล้วก็ขึ้นลิฟท์ไป จนเดินมาหยุดหน้าห้องไอ้วุฒิชั้น 8 ผมเป็นคนกดออด ไม่นานก็ไอ้วุฒิก็มาเปิด
“ หวัดดี คิดถึงกรูป่ะ?” ผมถาม ไอ้วุฒิอยู่ในชุดสูทสีชมพู อันนี้ผมพอรู้ครับว่าเป็นยูนิฟอร์มโรงแรมมัน แต่ปกติจะไปใส่ที่โรงแรมมากกว่าไม่คิดว่ามันจะใส่ไปตั้งแต่อยู่ที่นี่
" ..............."
“ จะไปทำงานเหรอ?” ผมถาม มองเข้าไปในห้องจุมที่เปิดค้างไว้
“เพิ่งกลับมา เดี๋ยวไป แค่กลับมากินข้าว” ไอ้วุฒิบอกผมเลยดูนาฬิกาสีเงินที่ข้อมือ เที่ยงพอดิบพอดี
“ มรึงไม่กินที่โรงแรม”
“ กรูอยากมากินที่นี่” เป็นอันเข้าใจครับว่าทำไม ผมกับไอ้แบงค์ไม่ถามต่อ
คำตอบเป็นเพราะจุมอย่างเดียวเลย
“ ว่าแต่พวกมรึงมาหากรู ว่ามีเรื่อง เรื่องอะไร?” ไอ้วุฒิถามหย่อนตัวบนเก้าอี้โต๊ะกินข่าว ส่วนผมเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นที่มีน้ำอยู่ไม่กี่ขวด แล้วถือขวดน้ำพร้อมแก้วเดินออกมา
หิวน้ำครับผม^^
“ เรื่องปราง” ผมบอก หลังกินน้ำในแก้วแล้ว ยื่นให้ไอ้แบงค์ว่ามันจะกินไหม แต่ไม่แบงค์มันส่ายหน้า ผมเลยวางขวดน้ำกับแก้มไว้ตรงหน้า(บนโต๊ะกินข้าว) หวังว่าไอ้แบงค์มันคงหายโกรธผมเรื่องเมื่อกี้แล้ว
“ เรื่องปราง?” ไอ้วุฒิพูดสงสัย ผมเลยเล่าเรื่องให้มันฟัง
“ มรึงต้องการที่จะแก้แค้น?” ไอ้วุฒิถาม
“ ก็ไม่เชิง เพียงแต่กรูอยากให้มันรับผิดชอบอะไรบ้าง ถ้ามันกลับไปคบกับปรางก็จะดีกว่า เพราะดูปรางคงชอบมัน ไม่งั้นคงไม่ถึงมีลูกกับมัน” ผมพูดตอกย้ำตัวเองโดยไม่ตั้งใจ
“ มรึงไม่แค้น?” ไอ้วุฒิถามอีก
“ แค้นดิวะ เป็นใครใครไม่แค้น แต่กรูไม่กล้าทำร้ายคนที่กรูรัก ส่วนไอ้จักรนั่นกรูก็อยากเอาคืนมันบ้างเหมือนกัน แต่คิดไปแค่ชกมันสัก 2 3ทีกับตื้บมันสักหน่อยคงพอถ้ามันรับผิดชอบ” ผมบอก
หน้าไอ้วุฒิมีปฏิกิริยาเล็กน้อย
“ แล้วมันยอมรับไหมล่ะ?” ไอ้วุฒิถามทั้ง ที่ผมบอกเรื่องที่ไปคุยกับจักรที่บ้านแล้ว คำพูดนั้นมันถามเหมือนเป็นการย้ำผมมากว่าว่า ‘จักรไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น’
“ บางทีน้องเขาอาจจะไม่รู้เรื่อง” ไอ้แบงค์พูดบ้าง ผมหันหน้าไป
“ ถ้ามันจะยอมรับในสิ่งที่มันทำ มันคงยอมรับกับปรางไปแล้ว” ไอ้วุฒิบอก ผมเห็นด้วยครับ ไอ้แบงค์เงียบคงคิดเหมือนว่าถ้าจักรจะยอมรับก็คงทำไปนานแล้ว
ผมไม่น่าใจอ่อนเลย เรื่องแบบนี้มันต้องเด็ดขาด ถ้าผมมัวแต่รอให้แน่ใจในความรู้สึกทั้งที่หลักฐานมันก็แน่นหนา นี่แหละที่เขาว่าอย่าเอาความรู้สึกที่คิดมาตัดสิน ต้องดูที่หลักฐาน
“ กรูอยากให้มันได้สิ่งที่มันทำ” ผมบอก
“
ชนะ!?”(ไอ้แบงค์)
“ แบงค์กรูคิดดีแล้ว มรึงดูตอนนี้ว่าปรางเป็นยังไง
แล้วกรูเป็นยังไง แต่ไอ้ตัวการมันลอยนวลกรูทนไม่ได้!”“ กรูคิดว่าจักรไม่น่า..”
“ อย่าใช้ความรู้สึก!” ผมพูดตัดความคำพูดไอ้แบงค์ก่อนที่หันไปหาไอ้วุฒิ
“ มรึงจะให้กรูช่วยยังไง?” ไอ้วุฒิถาม
“ มันเป็นผู้ชาย และถ้าถูกผู้ชายข่มขืน พร้อมถ่ายคลิปไว้เป็นไงบ้างวะ?” ผมถามก็จริง แต่ไม่ได้ให้ตอบว่าดีหรือไม่ดี แต่อยากให้ตอบว่าจะจัดการให้สิ่งที่ผมพูดเป็นจริงได้ยังไง
“ ชนะมรึง!?” (ไอ้แบงค์)
“ อย่าแบงค์ อย่าห้าม”(ผม)
“ กรูไม่เห็นว่าการแก้แค้นมันจะมีใครมีความสุขจริงๆสักที ไอ้วุฒิมันก็เคยแค้นจุม แล้วมรึงดูตอนนี้ ไอ้วุฒิมันเป็นไง แล้วจุมอยู่ไหน?!”“ แต่จะให้กรูอยู่เฉย
กรูก็ทำไม่ได้!?” ผมตอบกลับไอ้แบงค์ทันที ไม่ต้องคิดให้เปลื้องสมอง
“ วุฒิ มรึงเป็นเพื่อนมรึงก็ห้ามมันหน่อยสิวะ!?” ไอ้แบงค์บอกไอ้วุฒิ
“ กรูพร้อมจะช่วย ถ้ามันต้องการ” ไอ้วุฒิบอก ให้มันได้อย่างงี้สิเพื่อน เข้าข้างกรูตลอดดีกว่าไอ้พ่อพระนี่
“ แต่ชนะ มรึงทำอะไรก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา...” ไอ้วุฒิหันหน้ามาหาผมแล้วพูด ดูน่ากลัวยังพิกล
“ กรูเตรียมใจไว้แล้ว” ผมบอก ไม่คิดว่าการที่ผมให้ไอ้จักรมันรับสิ่งตอบแทนในสิ่งที่มันทำจะผิดมากมายอะไร
“ เดี๋ยวกรูจัดการให้ แต่ต้องคอยหาโอกาสก่อน จะได้ไม่ยุ่งยาก แต่ไม่น่าจะเกินวันนี้พรุ่งนี้ได้ตัวมันแน่” ไอ้วุฒิตอบ
“ มรึงมีปัญหาอะไรไหมแบงค์?” ผมถามไอ้แบงค์ ไอ้วุฒิยืนขึ้นเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้องจุม หมายความว่าก่อนที่พวกผมจะมาไอ้วุฒิมันอยู่ในห้องนั้น
“ กรูจะมีปัญหาอะไรได้” รู้ตัวกลัวก็ดีแล้ว ว่าคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้คือผม
ไอ้วุฒิออกมาจากห้องจุมแล้วบอกจะไปโรงแรมแล้ว ไอ้นี่ก็งานเข้าได้ตลอด
“ จะลงไปพร้อมกันไหม?” ไอ้วุฒิถาม
“ เดี๋ยวมรึงไปก่อนกรูขอคุยอะไรกับไอ้ชนะก่อน” ไอ้แบงค์บอกครับ
มันจะมีอะไรคุยกับผม ? กลับไปคุยที่คอนโดก็ได้นิ่หว่า
“ มีเรื่องไรจะคุย?” ผมถามหันหน้าหันตัวหันเก้าอี้ไปหาไอ้แบงค์ ดูสิมันมีอะไรจะคุย^^
“ ชนะ” ไอ้แบงค์เรียกชื่อผมสีหน้าจริงจัง มาแนวเครียดนะเนี่ย
“ เออ” ผมว่าไอ้แบงค์เอามือ 2 ข้างมาจับหน้าผม งงสิครับ
!? ด้วยความรวดเร็วไอ้แบงค์มันจูบผมคร้าบบบ
0.O!?“ อื้อ” เสียงผมในปากที่ถูกปิดแนบสนิท จูบไอ้แบงค์รุนแรงมากจนผมเจ็บปาก ลิ้นมันซึ่งผมยอมให้เข้ามาในปากตั้งแต่แรกก็จ้าบจ้วงไม่แพ้กัน
มันเป็นอะไรของมัน!! รู้สึกไม่ดีเลยครับ เพราะปกติไอ้แบงค์มันนิ่มนวลมาก
ผมเอามือผลักไล่มัน 2 3 ครั้งมันก็ยอมปล่อย
“ อะไรของมรึงเนี่ย!?” ผมถามไอ้แบงค์ หรือ ว่ามรึงพิศวาลกรูขึ้นมา
“ชอบไหมล่ะ?” ไอ้แบงค์ถามมาได้
“ ไม่ชอบ” ถามมาได้ รู้สึกเหมือนว่าจูบเมื่อกี้เหมือนกำลังถูกดูถูก
“
แค่นี้มรึงยังทนไม่ไหว ทั้งที่มรึงกับกรูก็เคย.................มีอะไรกัน แค่ไม่อยากทำมรึงก็รู้สึกไม่ชอบ
แล้วมรึงคิดว่าคนที่เป็นผู้ชายแท้ๆโดนผู้ชายข่มขืนจะรู้สึกยังไง!?”“ ที่มรึงทำกับกรูแบบนี้ เพราะมรึงอยากจะให้กรูเปลี่ยนใจไม่ให้ทำร้ายมัน แต่มรึงรู้ไหมว่ากรูรู้สึกยังไง กรูเจ็บขนาดไหน?” ไม่สบอารมณ์เว้ย!!
“ มรึงจะเจ็บกว่านี้ กรูมั่นใจว่าถ้ามรึงได้ลงมือไปทำไปแล้ว”
“ กรูไม่เสียใจ กรูมีแต่ดีใจ มีแต่สะใจ!” ผมบอกเดินออกมาเลย
เดินมาก็กดลิฟท์ พอลิฟท์มาหยุดที่ชั้นแล้ว แต่ผมยังไม่เข้าไป ทำไมไอ้แบงค์มันไม่ตามมา
“ ..........................” ใช่แล้วผมจะกลับได้ยังไง กุญแจรถผมอยู่ไอ้แบงค์ ว่าแล้วผมก็เดินกลับไปเอา
ห้องยังเปิดค้างไว้
“ กุญแจล่ะ?” ผมเดินเข้าไปแล้วถาม ไอ้แบงค์นั่งอยู่เก้าอี้ตัวเดิมหันมา
".............."
“ ไม่มีกุญแจ กรูจะกลับได้ไง...?” ผมบอก ไอ้แบงค์มันยืนขึ้นล้วงเอากุญแจจากกางเกงให้ผม
“ ............................” ผมคว้าเอากุญแจจากมือไอ้แบงค์ทันทีก่อนที่เดินออกมา
ผมไม่พอใจ
แล้วมายืนรอลิฟท์อีกครั้ง รู้แล้วว่าไอ้แบงค์ไม่ตามมาแน่
ยังไงก็ตามมันเรื่องของผม ผมจะทำในสิ่งที่ผมต้องการ
ผมกลับคอนโด
.
.
.
กริ๊งๆ
เสียงโทรศัพท์ผมดัง
ผมตื่นหลังจากที่คิดว่าน่าจะหลับไปไม่นาน
ผมคว้านหาโทรศัพท์ที่โต๊ะโคมไฟ
กริ๊งๆ
เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ต่อเนื่อง ใครโทรมาวะ! ถ้าเป็นไอ้แบงค์เดี๋ยวมีสวย
'เจน'
แฟนไอ้แบงค์ทามาหาผมทำไม?
“ ฮัลโหล” ผมว่าลุกขึ้นนั่ง ยังง่วงอยู่เลย
“ ชนะ จำเรื่องที่ชนะถามเจนเรื่องปรางได้ไหม?” ผมหูผึ่งขึ้นมาเลย
“ จำได้! ว่าแต่เจนมีอะไรเหรอ?” ผมถามตาสว่าง อยากรู้ว่าเจนจะบอกอะไรผม
“ ตอนนี้เจนอยู่บ้านปราง จักรก็อยู่ด้วย”
อึ้ง !?“ ........................ชนะมีอะไรหรือเปล่าเงียบไป” เจนถามเสียงไม่แน่ใจในบางอย่าง
“ ปะเปล่า”
“ ที่เจนที่โทรมาบอกชนะ ก็อยากให้ชนะมาคุยกันให้รู้เรื่อง เจนอยากให้ชนะเป็นแฟนกับปราง เพราะชนะเป็นคนดีแล้วก็รักปรางมาก”
“ แล้วจักรล่ะ?”
“ อันนี้เจนไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นชนะคงจะรับเป็นพ่อลูกในท้องปรางใช่ไหม?” มันก็จริง
“ แต่ชนะคงไปบ้านปรางไม่ได้หรอก ปรางคงไม่ให้ชนะเข้าบ้าน” ผมบอก
“ ไม่เป็นไร แต่ยังไงเจนเชียร์ชนะ”
“ ขอบคุณ” ผมว่า
ไหนจักรบอกว่ารู้จักแค่พี่น้องปกติแล้วไหงไปถึงบ้านปราง
หลอกกันนี่หว่า
ไอ้ตะลบตะแลง!?“ ...........................”
ผมไม่รอช้ารีบไปที่บ้านปรางทันที
เห็นไหมล่ะแบงค์ ไอ้นี่มันใช่คนดีที่ไหน?
แบบนี้มันตาต่อตาฟันต่อฟัน ปรางนี่ก็ยังไง ไอ้คนที่ที่ดีอย่างผมไม่ยอมให้เข้าบ้าน แต่ไอ้ชั่วที่มันทำให้ร้องไห้ กลับยอมให้เข้าหาถึงในบ้าน
อยากได้คนเลวเดี๋ยวจัดให้!
เร็วไม่ได้ดังใจ รถผมจอดก่อนถึงหน้าบ้านปรางสัก 10 เมตรได้ ผมไม่ได้เข้าไป แต่คอยเวลาให้จักรออกมา ตอนนั้น 4 โมง จนตอนนี้เกือบๆ 5 โมง จักรถึงได้ออกมา
และแน่นอนเป็นจักรที่ผมคิดจริงๆ ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงดำ ตอนออกมาก็คุยอะไรกับป้าแกงที่มาเปิดประตูให้
ผมเห็นหน้ามันแล้ว แค้นใจ ทำเป็นยิ้มแย้มไม่มีพิษไม่มีภัย
“.......................” คงไม่ต้องรอไอ้วุฒิให้มันช่วยหรอก ผมจะจัดการเอง
จักรมันเดินออกมา และก็เดินมาทางผมรถผมที่จอดอยู่ คงจะไปขึ้นแท็กซี่เหมือนครั้งที่ผมเจอครั้งที่แล้ว
พอจักรเดินมาใกล้จะถึงรถ ผมก็เปิดประตูออกมา
“ ไงเรา?” ผมว่า จักรตกใจครับ ยังกะว่าไม่เห็นรถผม หรือว่าเหม่ออะไรผมไม่รู้ หรืออาจจะจำรถผมไม่ได้
“ พี่ ชนะ?!”
“ ตกใจอะไร หน้าซีดเชียว?” ผมถามยิ้มอยู่ในใจ เพราะดูเหมือนอะไรอะไรมันจะเป็นใจให้ผม ได้มาเจอจักรแบบนี้
“ เปล่า” จักรบอกเดินผ่านผมไป
หมับ! ผมหมุนตัวจับแขนจักร เจ้าตัวสะบัดออกทันที
อยากจับตายล่ะ
“ ผมจะรีบกลับบ้าน ไม่มีเวลาว่างพอที่จะให้ถามอะไร!” พูดแล้วก็เดินไปอีก ผมก็ตามไปจับมืออีก คราวนี้ถึงเจ้าตัวจะสะบัดออก แต่ผมไม่ปล่อยเลยไม่หลุด
“ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ ไม่ต้อง! ขอบคุณ” พูดแล้วบิดมือ ผมยิ่งกำแน่น แขนเล็กแรงยังน้อยอีก ไม่หลุดหรอก
“ ปล่อย!”
“ เดี๋ยวไปส่ง ขึ้นรถ”
“ ไม่!” พูดหันหน้ามาเอาเรื่องผม ข่มขู่ผมทางสายตา
อยากบอกมากว่าไม่กลัวเลยสักนิด
“ เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าพูดไม่มีหางเสียงกับผู้ใหญ่”
“ ไม่ครับ ขอบคุณพี่มากที่กรุณาจะไปส่งผม” จักรพูดประชดผม
“ และเป็นเด็กเป็นเล็กก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่”
“ ไม่จำเป็น!”
“ โอ๊ย!?” ผมร้องเพราะจักรกระทืบตรีนบนเท้าผมเต็มๆ และตามด้วยสะบัดมือผมออกก่อนที่จะวิ่งครับ
ผมเจ็บสิครับไม่งั้นไม่ร้อง แต่เจ็บใจมันมากกว่า
“
หนอย!” ผมว่าวิ่งตามจักรและด้วยช่วงขามันต่างกัน ผมตามทันและและวิ่งไปดักหน้า จักรหยุดแล้วจะเลี่ยงไปด้านซ้ายผมก็วิ่งตามดักได้ จักรเลยวิ่งมาด้านขวาผมก็ตามดักทางได้อีก
“ เป็นบ้าอะไร ตอแยคนอื่นอยู่ได้!”“ ก็บอกว่าจะไปส่งไง!” แต่ไม่ไปส่งบ้านแน่นอน
“ บอกแล้วไงว่า ไม่ต้อง มีปัญญากลับเองได้!”“ ศาลไม่รับคำร้อง” ผมบอกย่างสามขุมเข้าไปหา จักรวิ่งกลับไปทางที่วิ่งมา ผมวิ่งตามก่อนที่เอาแขนกอดไว้ทั้งตัวจากด้านหลัง
“ ปล่อย!!” จักรดิ้น
“ ไม่ปล่อย” ผมตอบ ยกตัวจักรไม่ให้เท้าถึงพื้น
“
ปล่อยโว้ย!! ไอ้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”** ** ** **
เห็นว่าท่านค้างกัน 60% จบตอนพอดี จะได้หลับสบายเน้อ
ปล.คำผิดขอบคุณ
ท่านSakin
ท่านChae
วันนี้ได้อ่านหนังสือเรื่อง อ่านดวงชนะกรรม มันมีบทหนึ่ง (เล่มนี้หนาเท่าสารานุกรม ) ที่ว่าด้วยเรื่องของของ
Soulmates และ Lovers ถ้าแปลความหมายคือ คู่แท้ และ คู่รัก เชื่อว่าเพื่อนๆ คงเข้าใจความหมายของคู่รักแล้ว วันนี้
เลยจะมาเล่าเรื่อง Soulmate คู่แท้ (ภาษาไทยเรียก บุพพเพสันนิวาส )ซึ่งความหมายโดยรวมคือ ไม่ใช่ความสัมพันธ์
ของคนสองคนที่รักกันแล้วพอแต่เป็นความสัมพันธ์ที่สามารถเขย่าดวงวิญญาณได้ ซึ่งคู่บางคนก็เข้ามาส่งเสริมสนับสนุน
ด้านดีงามของเรา แต่คู่บางคนก็สามารถดึงด้านที่เลวที่ที่เราไม่เคยรู้ตัวว่าเรามี และไม่จำเป็นต้องเป็นคู่รัก ชาย หญิง อาจ
เป็น เพื่อนสนิท บิดา มารดาและบุตร....................ใครที่อ่านคงงง แกเอามาบอกทำไม คือตอนที่ได้อ่านเรานึกถึง
วุฒิ กับ จุม แบงค์ กับ พี่ชนะ( ขนาดอ่านหนังสือดวงยังนึกถึงวุฒิและจุม ฉันนี้เป้นเอามากจริงๆๆ ) คือเขาทั้งสองไม่ใช่คู่
รัก แต่เป็นคู่แท้ซึ่งอยู่ในหมวดของคู่กรรมเป็นคู่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง ทั้งรัก ลุมหลง โกรธแค้น หรือปวดร้าวขมขื่น
ฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายสร้างปัญหาหนักให้กันและกันยามอยู่ด้วยกัน แต่ก็สอนบทเรียนที่ล้ำค่าชนิดเปลี่ยนวิถีชีวิตและ
ความคิดทั้งสองฝ่ายสิ้นเชิง .......อ่านแล้วโดยใจสุดๆ ใช่เลย วุฒิ กับ จุม วิธีแก้มีอยู่สองทาง 1.เรียนรู้และแก้ไขก้าวไปข้างหน้า หรือ 2.แตกหักกันไปข้าง ต้องไปชดใช้กันในชาติต่อไป .........
ขมันโดนใจก็เลยเล่าสู่กันฟังเด้อค่ะ
ฮารีนี้ 
อ่านหนังสือดวงแล้วก็ยังคิดไปได้เนอะ เสพติดเรื่องนี้เข้าเส้นจริงๆ 
เพิ่งอ่านภาค2ค่ะ ตลอดเวลาจมอยู่กับปัญหาไฟทั่วกรุงอยู่ ไม่มีอารมณ์จะอ่านเลย เห็นสภาพแล้วอยากจะเป็นลมร้องไห้ทรุดลงกับพื้นจริงๆ(นี่ขนาดไม่ใช่แม่ค้าขายของในย่านนั้นๆนะ แล้วคิดดูว่าใจคนที่โดนกระทบโดยตรงเข้าจังๆจะเป็นยังไง)
เอาล่ะเข้าเรื่อง... อยากบอกว่าอ่านแล้วทำเอาอึ้งไปเลย ที่จริงก็คิดๆไว้แล้วล่ะนะเรื่องพี่ชนะต้องมีซัมติงอะไรสักอย่างกับพี่แบงค์แหง แต่ก็เห็นว่าพี่ชนะรักปรางมากมาย สวีทวี่วีขนาดนั้นคงไม่มีอะไรมากมาย.... แต่ตอนนี้ ท่าทางร้อนแรงกับพี่แบงค์น่าดู พี่แบงค์ก็ดูร้อนแรงดี ผิดกับอิมเมจภาคแรกเลย ที่ดูพระรองจริงๆ(ฮา) พี่ชนะภาคนี้ก็ดูเป็นเจ้าชู้ที่รัก(อดีต)แฟนอย่างปรางมากมาย ยังดูฮาๆดี แต่ภาคนี้ดูเป็นคนขึ้นมาหน่อย(แบบว่าดูมีความรู้สึกนอกจากฮาๆขึ้นมาบ้าง)

บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงอ่ะนะกับภาคเนี๊ย เอาเป็นว่าคอยดูต่อไปค่ะ เป็นกำลังให้เหมือนเดิมเสมอ 
ขอย้ำว่า..เกลียดนังเจนมากมาย (ไม่เข้าใจว่าพี่แบงค์หาก้างหาเห็บอย่างนังนี่ให้ตัวเองด้วยการขอมันเป็นแฟนทำไม?)
ขอย้ำว่า..อยากเจอจุมน้อยๆสักที ^^ รอจ๊ะ