บุพเพวายร้าย
61/2
ผมปิดเทอมแล้ว เรื่องเรียนต่อผมได้โครต้ามอk ตามที่วุฒิต้องการ ตอนนี้ผมกำลังเก็บหนังสือเรียนมอ6 ใส่ลัง ด้วยความไม่ระวังสันหนังสือก็ขูดผ้าพันแผลที่ข้อมือ ผมรีบเอามาดูมีเลือกซึมออกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรมาก ผมจึงเก็บหนังสือให้เสร็จ แล้วค่อยมาดูแผล
ผมนั่งเก้าอี้เปิดกล่องยาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะออกมา แล้วแกะผ้าก็อตสีขาวที่พันข้อมือข้างซ้ายออก(ข้างขวายังดีอยู่ไม่ต้องเปลี่ยนผ้าก็อตใหม่)
รอยแผลทับซ้อนรอยเก่าที่ยังไม่หาย รอบเก่าที่ทับร้อยเก่ากว่าทำให้ข้อมือดูเหมือนมีกำไรหลายอัน ที่แขนจะมีรอยซ้ำมากมายแต่ผมไม่ได้สนใจเพราะเดี๋ยวมันก็หายชินแล้วครับ เพราะแค่นี้มันน้อยกว่าเดือน 2 เดือนที่แล้วเยอะ ผมก็แอบคิดว่าความโกรธของพี่วุฒิอาจจะลดลงแล้วด้วย
“ ................” แล้วผมก็พันผ้าสีขาวแทนของเดิม คิดว่าตัวเองถ้าจะใส่เสื้อแขนยาวเหมือนทุกทีดีกว่า
แกร๊ก!?
ผมหันไปมองประตู พี่วุฒิเดินเข้ามา พี่เขาจ้องมองข้อมือผมที่กำลังเอาผ้าพันไว้
“ มีอะไรครับ?” ผมถามก้มหน้าเล็กน้อยแต่ก็มองพี่วุฒิอยู่
“ จะต้องให้มาเรียกก่อนใช่ไหมถึงจะกินข้าว” พี่วุฒิบอก ทำให้ผมรู้ว่าเที่ยงแล้ว
“คะครับ ผมจะไปดี่ยวนี้แหละครับ” ผมนึกขึ้นได้ ว่าจะโทรศัพท์หาแม่
“ พี่ครับ ผมขอยืมโทรศัพท์พี่หน่อยครับ ผมจะโทรหาแม่” ผมบอก เพราะผมไม่มีโทรศัพท์มานานแล้ว พี่วุฒิขว้างมันลงพื้นและไม่ให้ผมใช้โทรศัพท์ ถ้าจะโทรไปไหน ให้เอาของพี่วุฒิโทร
“ ไปกินข้าวเดี๋ยวเอาให้”
“ขอบคุณครับ” ผมว่าแล้วพี่วุฒิก็เดินออกไปโดยไม่ปิดประตู
ผมรู้ว่าพี่วุฒิเจ็บเพราผมมามาก แต่หลังจากนี้พี่เขาจะไม่เจ็บแล้ว อีกไม่นานเรื่องทุกเรื่องจะจบ ผมยิ้ม ก่อนที่หัวเราะเบาๆ
กินข้าวเสร็จผมก็โทรแม่ครับ
“แม่ครับผมคิดถึงแม่นะครับ” ผมบอกนั่งบนเตียงในห้องนอนของผม ส่วนพี่วุฒิออกไปไหนไม่รู้ พี่เขามักจะออกไปแบบนี้เสมอแหละครับ พี่วุฒิเคยบอกว่าเห็นหน้าผมแล้วหงุดหงิดที่พี่วุฒิออกไปแบบนี้ทุกๆวัน ไม่กลางวันก็กลางคืนคงเพราะไม่อยากเห็นหน้าผม เพราะงั้นถ้าพี่วุฒิอยู่ห้องผมก็จะไม่ออกจากห้องนอกจากเวลากินข้าว
แต่ถ้าพี่วุฒิอยู่ พี่เขาก็มักจะมาหาผม มาเพื่อ....
ผมหลับตาลงไม่อยากนึกถึง
ไม่อยากนึกถึงว่าพี่วุฒิทำอะไรกับผมบ้าง….แต่ผมไม่โกรธพี่เขาหรอกครับ
“ แม่ก็คิดถึงจุม นี่เอาโทร-สับวุฒิโทรมาอีกแล้ว แม่ซื้อโทร-สับให้เอาไหม?” แม่ถามผมอีกทั้งที่เคยถาม 2 3ครั้งแล้ว
“ ผมอยากอยู่อย่างนี้ไปสักพักครับ ถ้ามีอะไ หรือผมคิดถึงแม่ผมโทรหาแม่เองครับ หรือถ้าแม่มีอะไรโทรบอกพี่วุฒิแล้วเดี๋ยวจุมโทรกลับ”
“ แล้วจะมาหาแม่เมื่อไร ปิดเทอมแล้วมาอยู่บ้านเราดีกว่าแม่ว่า”
“ ไม่รู้เลยครับว่าจะได้กลับเมื่อไร.....” ผมพูดแล้วใจหาย ผมอยากกลับบบ้านเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้
“ ไม่อยากอยู่กับแม่ก็บอก อยากอยู่กับวุฒิกมากกว่าใช่ไหม” แม่พูดเชิงหยอกล้อ แต่ผมไม่สนุกด้วย
“ ผมอยากอยู่กับแม่นะครับ” ผมบอก
“ พูดเอาใจคนแก่”
“ ผมพูดจริงๆครับ”
“ กลับบ้านสิจุม หรือจะให้แม่ไปรับ”
“ ไม่ต้องครับ ไม่ต้องมารับ” ผมรีบบอก เพราะไม่จำเป็นแล้ว
“ แค่แม่รู้ก็พอว่าผมรักแม่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“ จุมเป็นอะไรลูก?” แม่ถามคงสังเกตเห็นน้ำเสียงผม ที่กลั้นสะอื้นไว้
“ ขอโทษนะครับ”
“ ขอโทษเรื่องอะไร?!” แม่ถามดูร้อนรนขึ้นมา
“ เรื่องที่ผมมไม่ได้กลับไปหาแม่”
“ เรื่องแค่นี้เอง แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าคิดถึงก็มาหาได้” ....ไม่ได้หรอกครับ
“ แม่รอจุมอยู่บ้านเสมอ”
“ครับ จุมรู้ ส่วนเรื่องเรียนยังไงผมก็ไม่ทิ้งนะครับแม่สบายใจได้”
“ จะทิ้งได้ยังไง อีกไม่กี่วันก็จะมอบตัวแล้ว วันที่ 15 ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ครับ”
“ แม่ดีใจนะที่จุมติดมอเดียวกับวุฒิ พี่เขาจะได้ช่วยดูแลจุม”
“ครับ” ผมบอกแทบจะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ไหว
“ แม่ครับ แค่นี้นะครับ” ผมบอก อดร้องไห้ไม่ได้..
“ จ้ะ ยังไงก็กลับมาบ้านบ้างนะไม่ได้กลับมาเป็น 2 เดือนแล้วแม่คิดถึง”
“ผมก็คิดถึงแม่ครับ”
แม่วางไปแล้ว ผมร้องไห้
“ ฮือๆ อึ้ก ฮือๆ”
ผมร้องไห้ฟูมฟาย ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอแม่อีก
“ แม่ครับ จุมขอโทษ”
แต่จุมจำเป็น
ถ้าจุมไม่ไปทุกอย่างจะไม่จบ
เพราะจุมเองทุกมันเพราะจุม
ผมวางโทรศัพท์แล้วล้มตัวลง นอนสะอื้นให้น้ำตามันเหือดแห้งจะได้เอาโทรศัพท์ไปคืนพี่วุฒิ
** ** ** **
ก็อกๆ
ผมเคาะประตุห้องพี่วุฒิเอาโทรศัพท์มาคืน
“ เข้ามา” เสียงด้านในบอก ผมเปิดประตูเข้าไป พี่วุฒินอนอยู่บนเตียง ลืมตาขึ้นมามองผม แปลกมากที่ออกไปข้างนอกแค่ชั่วโมงเดียว
“ มีไร?”
“ผมเอาโทรศัพท์มาคืนครับ”
“ วางไว้” พี่วุฒิบอก ผมเอาไปวางบนโต๊ะ แล้วเดินออกมา
“ เดี๋ยว” !? พี่วุฒิพูดผมหันกลับไป กล้ากลัวๆ
พี่วุฒิมองผมตั้งหัวจดเท้า แล้วกลับขึ้นมามองหน้าผม
“...................”
หน้าพี่เขาไม่บอกว่าคิดอะไรอยู่ มองหน้าผมสักพักก็หันหลังให้ผม
“ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน” พี่วุฒิบอก
“ .........................” ผมที่กำลังจะขยับตัวยืนนิ่ง
จน
เวลา
ผ่าน
ไป
1 ชั่วโมง
2 ชั่วโมง
3 ชั่วโมง
4 ชั่วโมง
5 ชั่วโมง
จน
2 ทุ่ม
พี่วุฒิที่นอนหลับอยู่บนเตียงถึงได้ปรือตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่งหันมามองผม ที่ยังอยู่ยืนอยู่ที่เดิม
“ กี่โมง?” พี่วุฒิถาม
“ 2 ทุ่มแล้วครับ”
“ ..............” พี่วุฒิไม่ตอบเดินเข้าห้องน้ำราว 20 นาทีก็เดินออกมา
“ วันนี้ไม่รู้จะกลับไหม?” พี่วุฒิบอก เดินมาหาผม พี่เขาใส่ชุดคลุ่มอาบน้ำสีขาว ตัวยังเปียกอยู่เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ ครับ”
“ ...........ถอดเสื้อ ทุกอย่าง..ออกแล้วไปนอนที่เตียง” ผมหายใจเฮือก มองหน้าพี่วุฒิ
“ ทำไมมีปัญหา”
“ ไม่ครับ ไม่มี” ผมบอก เพราะไม่ว่าอะไรจะเกดิขึ้น ผมก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
“ ก็ดี” พี่วุฒิยิ้ม
.
.
.
ช่วยด้วย
อย่าครับ ผมเจ็บ!
อย่า!?
ช่วยด้วย
.....เฮือก!.....
พรึ่บ!ผมลืมตา ยังอยู่ในห้องพี่วุฒิ ร่างกายเจ็บระบมจจนแทบไม่มีความรู้สึก หรือว่าเพราะมันกำลังชินก็ไม่รู้
ในผ้าห่มผมขดตัว ต้องรออีกสักพัก แล้วค่อยไป ..ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงพี่วุฒิ..ผมได้กลิ่นของพี่เขา อยากซึมซับเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนที่พี่วุฒิรัก ตอนนี้พี่วุฒิคง...ไม่รักผมแล้ว ..
พี่เขาคงไม่รักคนที่หนีไป พี่อาจจะแค้น ผมเข้าใจไม่โกรธพี่เลยสักนิด แต่ผมคงโทษตัวเอง
ตอนนี้พี่เขาเจ็บ แต่ไม่นานพี่วุฒิต้องได้เจอคนที่ไม่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ครั้งหนึ่งพี่วุฒิหยิบยื่นโอกาสนั้นให้ผม แต่เพราะผมไม่ดีพอ เลยทำให้พี่เขาต้องเจ็บปวดแบบนี้..
ผมรู้ว่าพี่วุฒิรู้สึกยังไงเพราะในบ้างครั้งพี่วุฒิก็แสดงออกมาให้ผมเห็น แม้ว่ามันจะพริบตาเดียวบนใบหน้านั้นก็ตาม แต่ ผมก็รู้
ทว่าตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว..................................................................
“.....................ขอโทษนะครับ”
ผมว่าเรา 2 คนคงไม่ได้เจอกันอีก
พี่ก็ลืมผมเถอะ
ถ้าการที่เราเจอกันคือความเจ็บปวดทั้ง 2 ฝ่ายก็อย่าเจอกันเลยดีกว่า
ผมจะเก็บความทรงจำดีๆที่ผมกับพี่วุฒิเคยมีด้วยกันไว้ในใจผมเหมือนเดิม ไว้ตลอดไป....
ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่หนีไปแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไง ทุกอย่างมันถึงจะดีขึ้น
“ ..................”
ผมยังรักพี่วุฒิอยู่ และไม่คิดจะเลิกรัก ถึงแม้ว่าพี่เขาจะยังรักผมอยู่ไหม?
...........พี่เขาจะยังรักคนที่หักหลังอยู่ไหม?
ที่พี่วุฒิทำร้ายผมครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั้งเมื่อกี้ ผมไม่โกรธ เพราะผมผิดเอง
ลาก่อนนะครับ
ผู้ชายที่ผมรัก
ลาก่อนพี่วุฒิที่ไม่ใช่ของผม
ผมเอาแขนยันตัวลุกขึ้น เมื่อกี้ที่มีอะไรกันกับพี่วุฒิเบากว่าครั้งแล้ว อย่างน้อยพี่วุฒิก็ไม่มัดผม ไม่ทำร้ายร่างงกายผม
พอลุกขึ้นนั่ง แหวน 2 วงที่ห้อยคอส่งเสียงดัง กริ้ง เบาๆแต่ผมได้ยิน เลยหยิบมันขึ้นมาดู อ่านชื่อด้านในของวงสีเงิน
วรวุฒิ ...
ผมก้มหน้าปลดสร้อยออกแล้วเอาใส่อุ้งมือ ยิ้มให้มันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมจะไม่มีมันอีกต่อไปแล้ว
ผมยิ้มแต่ทำไม น้ำตาผมถึงไหลก็ไม่รู้
คำตอบคือผมเสียใจ อาลัยอาวรณ์
“ ..................ผมมันโง่จริงๆ” ผมพูดกับใคร?ไม่สำคัญ แต่ผมรักพี่วุฒิ แม้ตอนนี้....ผมเอามันวางลงบนหมอนสีน้ำเงินที่ผมเพิ่งใช้หนุนนอน
หลับตาลง ระลึกไว้ในใจ
ก่อนที่จะลืมตาผมลุกขึ้นเดินตัวเปลือยออกจากห้องพี่วุฒิที่ประตูเปิดค้างไว้ เดินเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง เดินไปยังตู้เสื้อผ้า เอาเสื้อยืดสีขาวเอามาใส่ ตามด้วยเซิ้ตแขนยาว และกางเกงยีนต์
เอาเป้สีดำที่ใส่ของเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นสะพายหลัง แล้วเรียวแรงที่ฝืนมีก็หมดเอาดื้อ ๆ ผมนั่งลงร้องไห้
“ ฮือๆ” นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่
ผมทำถูกแล้ว มันคืดสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ผมบอกตัวเอง เตือนตัวเองให้ไปสักที อย่าได้เห็นแก่ตัวอยู่อย่างนี้
ไม่ใช่เพราะผมเหรอ ทุกๆคนถึงได้เป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งพี่วุฒิ พี่แบงค์ พี่ชนะที่ตอนนี้ตั้งแต่วันลอยกระทงก็ไม่เคยมาที่นี่อีก ทั้งชิดที่เจ็บตัวเพราะผม และคนอื่นๆ .........ทั้งตัวผมเอง....เรื่องรูปไม่มีความคืบหน้าว่าใครส่งมาแต่มันไม่มีค่าอะไรหรอก ความจริงมันก็คือความจริง.....ผมไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้ว
ผมฝืนร่างกายยืนขึ้น ปิดประตูตู้จนแนบสนิทช้าๆเหมือนรั้งรอให้มีสิ่งไหนเปลี่ยนแปลง ...แต่ไม่เลยทุกอย่างยังนิ่งสนิท
“ ........” ผมหันมองตุ๊กตา 2 ตัวที่ยังนั่งติดผนังอยู่ ที่มักจะเป็นเพื่อนปรับทุกข์ คอยเป็นเพื่อนผมเสมอ
“ ไปนะ” ผมบอกลา
แล้วเดินออกมา มองไปรอบๆห้อง ทั้งโทรทัศน์ ชุดโชฟา ห้องครัวที่ผมไม่ได้ใช้มานานแล้วนับตั้งมาอยู่ที่นี่ในวันนั้นผมก็ไม่เคยใช่เลย ก่อนที่จะหันไปมองห้องที่เปิดค้างไว้ของพี่วุฒิ
ขาของผมเดินไปไม่รู้ตัว แต่ยังไม่ถึงประตูผมก็ถอยกลับ แล้วหันหลังวิ่งเปิดประตูออกไป วิ่งผ่านลิฟท์ไม่คิดสนใจ วิ่งลงบันไดหนีไฟไปเรื่อยๆ
วิ่งไปก็ร้องไห้ไป ทั้งเหนื่อยแต่ก็ไม่หยุด ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหนก็ตาม
พี่ครับ ขอโทษครับ
แม่ครับ ขอโทษครับ
แล้วลาก่อนอดีต …………..
** ** ** **
ใกล้จบสุดๆ
^^~