
บุพเพวายร้าย
39.
ผมตื่นมาแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนเช้ากว่าปกติเพราะต้องไปกินข้าวเช้าที่โรงเรียน ตอนแรกว่าผมจะทำกับข้าวแต่ที่นี่ก็ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลย ตู้เย็นก็โล่งๆมีนม น้ำ และเบียร์อยู่ไม่กี่กระป๋อง ถึงพี่แบงค์ก็บอกว่าเดี๋ยวไปซื้อมาให้ หรือจะให้พาออกไปกินข้างนอกก่อนได้ แต่ผมเกรงใจครับ เลยยืนกระต่ายขาเดียวว่าขอไปกินที่โรงเรียนดีกว่า
“ อ้าวเสร็จแล้วเหรอ?” พี่แบงค์ที่นั่งรออยู่โชฟารับแขกถามแล้วเดินนำผมไปก่อน ส่วนพี่ชนะยังไม่ตื่น เห็นพี่แบงค์บอกว่าจะตื่นสายๆแล้วแล้วไปรับพี่วุฒิไปร้านอาเลย
“ครับ” พูดถึงพี่วุฒิแล้ว ทำไมพี่วุฒิถึงได้ย้ำว่าจะมารับผมตอนเย็น อย่างกะว่าพี่วุฒิจะทำงานแค่วันนี้วันเดียว ...
“ พี่แบงค์ครับ พี่วุฒิจะได้เงินวันเท่าไรหรือครับ?” ผมถาม
“ เห็นไอ้ชนะบอกว่า 300 นะ ทำตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น” แต่พี่วุฒิบอกผมว่าตอนเย็นมารับ แล้วเงิน 300 บาทจะซื้อตุ๊กตาตัวขนาดนั้นมาได้ยังไง
“ พี่ครับ พี่วุฒิรู้ใช่ไหมครับว่าจะได้เงิน300”
“ พี่ไม่แน่ใจว่าไอ้ชนะบอกหรือเปล่า แต่มันคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง เพราะเขาก็ให้สมน้ำสมเนื้อนะ”
“ เหรอครับ” ผมว่าในใจกังวลว่าถ้าพี่วุฒิรู้ว่าได้ค่าแรง 300 บาทจะมีปัญหาหรือเปล่า เพราะผมว่าพี่วุฒิคิดว่าตัวเองจะได้เงินมากกว่านั้นมาก ซึ่งไม่มีทางได้จากชีวิตจริงอย่างแน่นอน
* * * *
ตอนเที่ยงขณะกินข้าวผมเอาโทรศัพท์เข้ามาดูว่ามีใครโทรหาไหม เพราะว่าผมปิดเสียงเลยไม่รู้ว่ามีใครหาผมไหม มี 1 ข้อความจากพี่วุฒิตอน 10 โมง 40
‘กรูเหนื่อย วันนี้กลับแล้ว มรึงออนท็อป’ออนท็อป !? หน้าผมร้อนผ่าวเพราะนึกไปถึงเรื่องอย่างว่า ..คำนี้ผมเคยได้ยินธีกับบันบันอยู่หลายครั้ง
เขินครับ
พี่วุฒิอาจจะไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นก็ได้...ทำไมผมถึงได้ลามกแบบนี้ พอผมคิด ภาพมันก็ปรากฏตรงหน้าผมแล้ว ทั้งผม ทั้งพี่วุฒิ ทั้งลมหาย ทั้งเสียงกระเสร่า …..
ไม่นะ ผมส่ายหน้าสลัดภาพบ้าๆออกไป
“ จุมมรึงบ้าป่ะ?” จักรนั่งตรงข้ามถามผม
“ หน้าแดง คิดเรื่องลามกอะดิ”(ซีซี่)
“ ไม่ใช่ เปล่า” ผมบอก ผมไม่ได้...ลามกสักหน่อย แต่มันคิดไปเองผมไม่ได้ตั้งใจคิด
“ ทำไมพอปฎิเสธแล้วหน้าแดงกว่าเดิมด้วยล่ะ มีพิรุธ” จักรพูดเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมแทบชน ผมผงะแทบหงายหลัง
“ ฮ่าๆ แกล้งมรึง สนุกดีวะ”
“ จักร แกล้งซีซี่บ้างดิ” จากเสียงหัวเราะเมื่อกี้ จักรหน้านิ่งโดยพลัน แต่ซีซี่นั่งข้างๆผมยิ้มหวานครับ
“ ให้กรูตาย เถอะ ไอ้สิทธิ์ .......” จักรพูดก้มหน้ากินข้าวต่อไม่สนใจ ยูยักไหล่ ซีซี่เหมือนจะเศร้าแต่ก็ไม่ หันมายิ้มหวานให้ผมแทน ก่อนที่เอาไหล่กระแซะผม แล้วพูดขึ้นว่า
“ จุม มรึงเคยเอาผู้ชายป่ะ?” 0.0
จักรสำลักข้าว ยูอึ้งช้อนที่ยกขึ้นค้าง ผมใบ้กิน ตกใจจนตาโต
“ เซี่ยสิทธิ์ มรึงถามอะไรเนี่ย?!” ยูว่า ขณะที่จักรกำลังสำลักเอาเป็นเอาตาย
“ กรูก็แค่สงสัย ถามไม่ได้หรือไง! ว่าไงล่ะ? เคยป่ะ?”
“ ....................คือว่...........” ผมไม่กล้าตอบครับ พยายามหาทางเลี่ยงที่จะไม่ตอบ แต่ไม่อยากโกหก
“ ไอ้จุมมันจะไปเคยได้ไง มันมันไม่ใช่ตุ๊ด อย่างมรึง!”(ยู)
“ ถึงกรูเป็นตุ๊ด แต่กรูก็ยังไม่เคยเว้ย! เพราะกรูยังไม่เจอคนที่กรูรัก แม่กรูสอนให้รักนวลสงวนตัว”ซีซี่บอกเอามือกอดตัวเอง แล้วส่ายไปมา
“ อ้าว แล้วไหงมรึงยกพานถวายไอ้จักรทุกวัน”
“ ........................” ผมมองซีซี่กับยูต่อปากต่อคำกัน เริ่งโล่งใจเพราะดูเหมือนเหมือนซีซี่จะลืมเรื่องที่ถามผมไปแล้ว ผมหันไปมองจักรที่หน้าดำหน้าแดงพยายามระงับอาการไอ แต่น้ำตาเล็ดไปแล้ว ผมเข้าใจดีเลยล่ะครับไอ้อาการสำลักเนี่ย
“ จักร”
“ .............” จักรหันหน้ามาหาผม แล้วโบกมือว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมว่าน่าเป็นห่วงครับ
“...............”
ตอนเย็นผมมากินลูกชิ้นทอดกับจักร ยู และซีซี่ จน 4 โมง 20 แล้วแต่ไม่ม่วีแววว่าพี่ชนะหรือพี่แบงค์จะมารับผมปกติผมเดินออกมาต้องเห็นพี่เขารอแล้ว หรือว่าพี่เขาจะไม่ว่าง ผมเองก็คิดว่าผมก็เป็นภาระที่ต้องให้มารับมาส่งแบบนี้
กริ้งๆ พี่ชนะโทรมาครับผมรีบกดรับ
“ ฮัลโลจุม เดี๋ยวคอยพี่ก่อนนะ พี่กำลังไป” พี่ชนะบอกท่าทางกำลังยุ่งเลยครับ
“ เอ่อ พี่ครับ ผมกลับเอง พี่ไม่...”
“ พี่ไปรับน่ะดีแล้ว ...” พี่ชนะพูดเหมือนดุ
“ ครับ” ผมเลยค้องปิดปากไม่กล้าพูดออกไป แล้วพี่ชนะก็วาง
“ รอพี่นานป่ะ ไปรอบ้านกรูไหม?” จักรถามเอาไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มลูกชิ้นในจานกระดาษที่ซีซี่เป็นคนถือ แล้วกิน
“ ไม่เป็นไรพี่เขาออกมาแล้ว” ผมบอก เกรงใจครับถึงจะรู้ว่าบ้านจักรอยู่ไม่ไกล ถนนก็เส้นเดียวกันกับโรงเรียนแต่ก็อยู่คนละฝั่ง
“ ตามใจ” จักรบอก แล้วเดินไปสั่งลูกชิ้นทอดเพิ่ม สงสัยจะกินรอเป็นเพื่อนผม และก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ ทั้งจักร ทั้งยูทั้งซีซี่อยู่เป็นเพื่อนผมจนพี่ชนะมารับผม ยูบ่นว่ากินลูกชิ้นจนแน่นท้องไม่รู้ว่าตอนเย็นจะกินข้าวได้หรือเปล่า ผมก็รู้สึกอิ่มเหมือนกันครับ
พี่ชนะมาถึงก็ เกือบๆ 5โมงแล้วครับ พี่ชนะเห็นว่าเย็นแล้วก็เลยอาสาไปส่งจักร ยู และซีซี่ แต่ได้ไปส่งยูแค่คนเดียวเราะจักรกับซีซี่บอกว่าจะเดินกลับเอง
หลังจากที่ไปส่งยูแล้ว พี่ชนะก็บอกให้ผมโทรหาพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิไม่รับครับ โทรไป 5 ครั้งก็ไม่รับ
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามเริ่มเป็นกังวล เพราะวันนี้พี่วุฒิไปทำงานวันแรก จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? แต่เมื่อเช้าพี่วุฒิก็ส่งข้อความหาผมไม่น่าจะมีอะไรนิครับ
“ เมื่อเช้า ไอ้วุฒิมันไปทำงานที่ร้านอาพี่อย่างที่บอก แต่ดันมาซวย เพระมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเป็นอริจากอามณ์ร้อนของไอ้วุฒิ พวกมันมาเป็นลูกค้าที่ร้านยังกะนัดไว้ และยังพยายามยั่วโมโหไอ้วุฒิ หรือที่เรียกว่าหาเรื่องนั่นแหละ.......”
“ !?......หมายความว่าพี่วุฒิ.........”
“ ก็ไม่เชิงหรอก ตอนแรกมันอดได้ดีพอควร พี่ก็เป็นคนไปเสริฟโต๊ะนั้นเอง แต่ตอนคิดเงินไอ้วุฒิมันต้องไป เพราะตอนนั้นมันเที่ยงกว่าๆลูกค้าเยอะ ไม่มีใครว่างแล้วด้วย..พี่ไม่รู้หรอกว่าพวกมันพูดอะไรกับไอ้วุฒิ รู้แต่ว่าหันไปอีกที่ ไอ้วุฒิต่อยเขาไปแล้ว”
“ .................” พี่วุฒิ!?
“ และยังเอาตรีนไปกระทืบซ้ำอีก....ทั้งแขกในร้านทั้งพวกมันต้องมาล็อกตัวไอ้วุฒิไว้...พอมันได้สติมันเดินออกมาจากร้าน พี่วิ่งตามไป แต่มันไม่สน พี่พูดอะไรมันก็ไม่ฟัง มันเรียกแท็กซี่แล้วไปไหนก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับอย่างที่เห็น บ้านก็ไม่ได้กลับ คอนโดก็ไม่ได้ไป ไอ้แบงค์ไปหาที่ที่มันเคยไปก็ไม่เจอ........”
พี่ชนะพูดสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยส่งข้อความไปหาพี่วุฒิแทนเพราะคิดว่าพี่วุฒิอาจจะเปิดดู
‘พี่ครับ อยู่ไหน?’แต่ไม่การตอบรับเช่นเดิม แต่ผมคิดว่าถ้าพี่วุฒิต้องการที่จะหลบหน้าทุกคนจริงๆก็น่าจะปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
“ เอาน่า จุม เราคงจะเจอมันเร็วๆนี้แหละ” พี่ชนะบอก แต่ผมยังไม่สบายใจอยู่ดี นั่งใยรถก็คิดแต่ว่าพี่วุฒิอยู่ไหน ทำอะไรอยู่? คงจะไปทำอะไรที่มันเสี่ยงๆ และทำร้ายตัวเอง
สัก 10 นาทีได้พี่วุฒิส่งข้อความกลับมา ผมดีใจมาก
“ พี่วุฒิส่งข้อความมาครับ” ผมบอกพี่ชนะพร้อมกับเปิดอ่าน พี่วุฒิส่งข้อความมาว่า
‘เกี่ยวอะไรกับมรึง’ ผมเลยพิมพ์ตอบกลับครับ
‘พี่อยู่ไหนครับตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงพี่มาก’ พี่วุฒิตอบกลับมาเร็วมากเหมือนว่ากำลังรออยู่
‘แล้วมรึงล่ะ’ ผมต้องเป็นห่วงพี่วุฒิอยู่แล้ว ถามมาเหมือนกำลังลองใจผมอย่างงั้น..
‘ผมก็เป็นห่วงพี่มาก’ พี่วุฒิตอบกลับมาอีก ว่า
‘เป็นห่วงกรู แล้วไปอยู่คอนโดไอ้ชนะทำไม’ ผมอ่านและนิ่งไป
“.......มันว่าไง แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน?” พี่ชนะถาม ผมส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้ และโทรหาพี่วุฒิแทนการส่งข้อความ ครั้งแรกไม่รับ แต่ครั้งที่ 2 รับครับ ทว่าไม่พูด
“ ฮัลโลพี่ครับ อยู่ไหน?” ผมถาม
“ .......................”
“ พี่อยู่ไหนครับ?” ผมถามอีก แต่เช่นเดิมพี่วุฒิไม่ตอบและคงจะไม่พูดแน่ๆคงจะฟังผมพูดอย่างเดียว ผมเลยพูดไปเรื่อยๆ
“ ตอนนี้ผมเป็นห่วงพี่มาก กลัวว่าพี่จะไปทำเรื่องที่มันเป็นอันตราย เวลาขับรถก็ใจเย็นๆนะครับ และผมก็ไม่อยากให้พี่กินเหล้าด้วย ถ้าให้ดีกลับบ้าหรือคอนโดเถอะครับ”
“...................”
“ เรื่องงานที่ร้านพี่ชนะบอกผมแล้วว่าพี่ถูกหาเรื่องก่อน พี่ถึงได้ชกเขาไป ผมรู้ว่าพี่ก็พยายามเพื่อผม แต่ตอนนี้จะบอกได้ไหมครับว่าพี่อยู่ที่ไหน? ”
“ ..........................” พี่ชนะที่ส่งสายตาถามผมว่าได้เรื่องไหม? ผมส่ายหน้าตอบว่ายังไม่รู้ว่าพี่วุฒิอยู่ไหน?
“ พี่โกรธผมหรือครับที่ผมบอกให้พี่ไปหาเงินมาซื้อตุ๊กตาให้ผมพี่ถึงไม่พูดกกับผม ผมไม่เอาแล้วก็ได้นะครับ แต่อยากให้พี่บอกมาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“ มรึงไม่เอาตุ๊กตาลิง แล้วเมื่อไรจะกลับไปอยู่กับกรู....” พี่วุฒิพูดออกมาเป็นประโยคแรก ทำให้ผมพูดไม่ออก ให้กลับไปอยู่กับพี่วุฒิเหมือนเดิม ผมยังไม่พร้อม...
“ ..........................”
“ ..............ตอบมา”
“ พี่ครับ ..ผม...”
“ ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าไม่กลับไปกับกรูก็ไม่ต้องโทรมา แล้วกรูจะไปตายที่ไหนมันก็เรื่องของกรู!” พี่วุฒอพูดแทรกผม พอพูดจบแล้วก็กดสายออก
ผมโทรกลับไป 3 ครั้งไม่รับ และคงจะไม่รับแล้ว
“ จุมมีอะไร?” พี่ชนะถาม
“ พี่วุฒิ.....เขา......”
“ มันไม่บอกอะดิ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อแม่มันก็ให้คนหาอยู่ไม่นานก็เจอ มันก็เป็นแบบนี้แหละ ขอแค่มันอย่าไปหาเรื่องใครก็พอ มันจะได้ไม่ตายคาตรีนเขา” พี่ชนะบอกขับรถมาถึงคอนโดแล้ว
ในใจผมคิด ในใจผมเป็นห่วงพี่วุฒิมาก ทำไมพี่วุฒิชอบบังคับให้ผมเลือกอยู่เรื่อย
ทำไมถึงต้องบังคับผม พี่ก็รู้ว่าผมเป็นห่วงพี่
แต่จะให้ผมกลับไปอยู่กับพี่ตอนนี้...ผมจะทำได้ยังไง ก็ในเมื่อพี่ยังเหมือนเดิม
หากว่าพี่พูดมาสักนิดว่ามันจะไม่เหมือนเดิม
ว่าพี่จะไม่ตะคอกผม พี่จะไม่ตีผม พี่จะไม่ซ้อมผม..พี่จะไม่ข่มขืนผมตามที่พี่ต้องการ ทำไมคนอยากผมถึงจะไปไม่กลับไป แม้แต่ตอนนี้พี่ก็ยังขู่บังคับผมให้ผมกลับไปอยู่กับพี่
แต่ถ้าผมไม่บอกพี่ว่าพี่ว่าผมจะกลับไปอยู่กับพี่ ผมก็เป็นห่วงพี่อยู่อย่างนี้และพี่ก็คงจะทำให้ผมเป็นห่วงและไม่สบายใจ
“ จุม จุม”
“ ครับ” ผมหันควับไปหาพี่ชนะที่มองหน้าผมอย่างงงๆ
“ ถึงแล้ว” พี่ชนะบอก ผมก็เปิดประตูรถออกมา
“ ไม่ต้องคิดมากเรื่องไอ้วุฒิหรอก มันก็แค่รู้สึกเสียหน้าที่ทำงานวันแรกก็พังไม่เป็นท่าคงจะหลบไปทำใจสักพัก เดี๋ยวมันก็กลับมา” พี่ชนะบอกผม พร้อมกดลิฟท์ชั้น 9
“ ผมไม่น่าตั้งเงื่อนไขแบบนั้นเลย ..ทั้งที่ผมก็รู้สำหรับพี่วุฒิมันมากเกินไป” ผมบอกรู้สึกผิดมาก คิดว่าการที่พี่วุฒิไปทำงานพี่วุฒิอาจจะได้เรียนรู้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย แต่กลับไม่ใช่เลย ตอนนี้พี่วุฒิอยู่ไหนก็ไม่มีใครรรู้
“ ใครจะไปรู้ว่า 5 ตัวเหี้ยมันะไปกินร้านอาพี่พอดี โลกมันกลมพี่ก็เพิ่งเชื่อวันนี้แหละ” พี่ชนะบอก ผมหันไปมองพี่ชนะที่หน้ายังมีแววกังวลอยุ่
“ พี่ครับ ผมว่าจะกลับอยู่คอนโดกับพี่วุฒิแล้วล่ะครับ”
“ ....................” พี่ชนะดูแปลกใจแต่ไม่พูดอะไร
“ ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุด จะได้ไม่เดือดร้อนพี่ชนะกับพี่แบงค์ที่คอยไปส่งผม และอีกอย่างคอนโดพี่วุฒิก็อยู่ใกล้โรงเรียนผมด้วย”
“ จุมพี่รู้ว่าจุมตัดสินในแล้วที่จะกลับไปอยู่กับไอ้วุฒิ แต่พี่ไม่เห็นด้วย ไอ้วุฒิมันถามใช่ไหมว่า จะกลับไปอยู่กับมันเมื่อไร?”
“ ...............” ผมเงียบไม่ปฏิเสธ แม้ประตูลิฟท์เปิดแล้วแต่ผมกับพี่ชนะก็ยังอยู่ในลิฟท์
“ มันก็พูดไปงั้นแหละ มันรู้ว่าจุมเป็นห่วง มันก็เลยเอาเรื่องนี้มาอ้าง”
“...............”
“ ..........ไปคุยกันในห้อง ต่อ” พี่ชนะบอกรอให้ผมเดินออกมาก่อนแล้วเดินตามมา จนกลายเป็นเดินมาคู่กัน
“ ...การที่จุมกลับไปอยู่กับไอ้วุฒิมันไม่ใช่คำตอบ พี่บอกได้เลย”
“ครับ ผมรู้แต่ผมปล่อยพี่วุฒิไว้ไม่ได้” ผมบอก กำโทรศัพท์แน่น และยังคงยืนอยู่
“ ...........................ไม่กลัวมันใช้กำลังอีกหรือไง!”
“ กลัวครับ”
“ ......พี่ไม่ได้บอกว่าอยู่ห่างกันสักพักมันจะดีขึ้นจากหลังมือเป็นหน้ามือ แต่เผื่อว่ามันจะคิดได้บ้าง..แต่ดูตอนนี้สิ ไอ้วุฒิมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้และยังมาต่อรองกับจุมว่าให้กลับไปอยู่กับมัน นิสัยมันไม่ได้เปลี่ยนเลย มันเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเดิม”
“ .......................” ผมรู้ผมเข้าใจ ผมก็เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
“ เอาเถอะ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เดี่ยวรอดูสักพักก่อน ว่าได้เรื่องอะไรบ้าง...”
“ครับ” ผมพยักหน้าดินเข้าห้อง ส่วนพี่ชนะกดโทรศัพท์ขึ้นโทร
ผมเข้ามานั่งในห้องมองดูโทรศัพท์ตลอดเผื่อว่าพี่วุฒิจะโทรมาแต่ก็ไม่มีความเคลื่นไหวจากโทรศัพท์
“ .....................”
ไม่รู้ว่าตอนนี้ พี่วุฒิจะนังรอโทรศัพท์แบบผมไหม ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่วุฒิอยู่ที่ไหน?
“......................................” ผมรู้ว่าคนเราไม่ได้เปลี่ยนเพียงข้ามคืน แต่มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ผมจะมองโลกในแง่ดีว่า ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น
พี่ครับพี่วุฒิ
ผมโทรหาพี่วุฒิ
“ ฮัลโลพี่ครับ...............”
“ ...........................” พี่วุฒิไม่พูด คงต้องการที่จะฟังว่าผมจะพูดอะไร และถ้าผมพูดอะไรไม่เข้าหูไม่เป็นสิ่งที่ต้องการก็คงจะตัดสายไปอีก
“............ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดพี่ชนะ ถ้าพี่อยากให้ผม..................................อยากให้ผม....กลับ..” ผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ เสียงที่พูดออกไปสั่นเครือ
“......พี่..มา รับ ....................ผมสิ ครับ”
“ เดี๋ยวไปรับ” พี่วุฒิบอกแล้วกดออกทันที
ผมคิดว่าถ้าได้พูดไปแล้วภูเขาที่หนักอกมันจะเบาบางลงอย่างน้อยก็รู้ว่าพี่วุฒิกำลังมาที่นี่ไม่ต้องนั่งเป็นห่วงอีก แต่มันก็หนักเหมือนเดิมและมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดว่าพี่วุฒิกำลังมา
ผมเดินไปเก็บหนังสือ และเสื้อผ้าที่ผมพับไว้ในตู้ มายัดใส่ในกระเป๋าแล้วเดินออกมา
“ ...............” พี่ชนะและพี่แบงค์นั่งอยู่โชฟา หันมามองผม
พี่แบงค์มาตั้งแต่เมื่อไร??
“ จุมจะไปไหน? อย่าบอกนะว่า...” พี่ชนะพูด ผมยิ้มก่อนก่อนที่จะตอบว่า
“ผมจะกลับไปอยู่คอนโดกับพี่วุฒิครับ”
“ จุม ไมได้นะ!” พี่แบงค์พูดพร้อมทั้งเดินเข้ามาหาผม
“ ...........................”
“ อย่าไปเลย ทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น” พี่แบงค์บอกผมพร้อมทั้งดึงเป้ผมไปถือไว้
“ พี่ครับ ให้ผมไปเถอะ ทุกอย่างมันจะได้จบ” ผมบอก รู้ว่าพี่แบงค์เป็นห่วงผมแต่ผมตัดสินใจแล้ว
“ มันไม่จบหรอกจุม”
“ คิดดีแล้วเหรอ?” พี่ชนะเดินมาหาผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูอีกคน
“ครับ” คิดดีแล้วว่าผมกลับน่ะดีที่สุด
ไม่มีทางเลือกแล้ว
“ แต่พี่ไม่ให้ไป พี่ไม่ให้จุมกลับไปให้ไอ้วุฒิมันทรมานเล่น”
“แบงค์มรึงก็พูดเกินไป”
“..................ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าต้องทีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป อย่างน้อยพี่วุฒิก็ไปทำงานวันนี้เพื่อผม” ผมบอก ดึงกระเป๋าเป้ตัวเองจากมมือพี่แบงค์ แต่พี่แบงค์ไม่ยอมจนผมต้องเงยมองพี่แบงค์ด้วยความสงสัย
“ ..................”
“ ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงผม แต่ผมตัดสินใจแล้วและไม่อยากพึ่งพาพวกพี่ให้เดือดร้อนอีก”
“ พี่ไม่เดือดร้อน” พี่แบงค์บอกผมเสียงเบา ท้ายประโยคยิ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“.....................” มือผมจับเป้ค้างไว้ พี่แบงค์ก็ไม่ยอมปล่อย
ปิ่งป่อง?!
เสียงกดกิ่งหน้าประตู พี่ชนะเดินไปเปิดประตู พี่วุฒิแทบจะพุ่งเข้ามา ผมหันไปมอง
“ กลับยัง?” พี่วุฒิถาม สายมองต่ำลงมายังกระเป้สีดำที่มือผมกับมือพี่แบงค์จับอยู่
“ครับ” ผมหันไปตอบพี่วุฒิ และหันกลับมาหาพี่แบงค์ ให้ช่วยปล่อยมือจากกระเป๋าผม
“ กระเป๋าเดี๋ยวกรูถือให้” พี่วุฒิบอกพร้อมกระชากเป้ที่ผมและพี่แบงค์จับไว้ไป คราวนี้พี่แบงค์ปล่อยโดยดี แต่สายตายังมองผมอยู่
“ กลับแล้วนะครับ” ผมบอก
“ ...........................”
“ จุม ถ้ามีอะไร โทรมาหาพี่นะ พี่ไปหา ถ้าไม่มีที่ไปมาที่นี่ก็ได้” พี่ชนะบอก ผมพยักหน้าพร้อมกับคำว่า ‘ขอบคุณครับ’
“ จะกลับก็รีบกลับ!” พี่วุฒิบอก มือก็ดึงแขนผมจนผมแทบล้มแล้วลากให้เดินตามออกมา
“ พี่ครับ อย่าดึงแรง ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ” พี่วุฒิหันกลับมาพร้อมตวัดสายตากลับมา จนผมขนลุกตัวเย็น
“ ..........................” พี่วุฒิยังคงดึงแขนผมให้เดินตาม
“ วุฒิ” พี่แบงค์พูดก่อนที่พวกผมจะก้าวข้ามประตู ทั้งผมและพี่วุฒิหยุดและหันกลับไป
“ อะไร?”
“ ดีกับจุมให้มากๆ”
“กรูก็ดีกับมันอยู่แล้ว” พูดจบพี่วุฒิก็ลากแขนผมออกมา แล้วเดินตรงไปลิฟท์ ที่ประจวบเหมาะเปิดออก
ผมถูกพี่วุฒิพาเข้าลิทฟ์ ก่อนที่พี่วุฒิจะปล่อยมือผมเมื่อยู่ในลิฟท์แล้ว
“ ..........................”
“ มรึงคิดว่า 3 วันที่มรึงมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร และมรึงคิดว่าพอมรึงกลับไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ ...............................” ผมส่ายหน้าในคำถามข้อ 2 ว่าไม่รู้ ส่วนคำถามแรกผมคิดว่าพี่วุฒิคงจะรู้แต่ถามเฉยๆ
“ หนอยทำแสบนะมรึง ให้กรูมาตามต้อยๆให้กรูไปทำงานแล้วยังทำให้กรูถูกพวกนั้นมันด่า มันดูถูกเอาอีก”
“.........ขอโทษครับ” ผมบอกพยายามจะรับผิดมาคนเดียว เพราะถ้าผมเถียงไปละก็ ผมเจ็บตัวแน่
“ รู้ว่าผิดก็ดี คราวหน้าจะได้ไม่กล้าทำแบบนี้อีก” ผมพยักหน้าว่าจะไม่ทำอีก
“ ..........................”
กิ้ง! ประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดิน พี่วุฒิก็เดินนำให้ผมเดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
พอเข้าไปในรถพี่วุฒิก็โยนกระเป๋าผมไปเบาะหลัง ก่อนที่ขับรถออกไป
“ ........................”
ในรถพี่วุฒิเปิดเพลงคลอเบาๆ
“ เดี๋ยวพาไปกินข้าว”
“ ........?.........”
“ ได้ยินไหม ว่าจะพาไปกินข้าว!”
“ได้ยินครับ”
“ ได้ยินก็ตอบด้วย กรูจะได้รู้ว่ามรึงอยู่ด้วย”
“ครับ”
“ พออยู่กับกรู 2 คนไม่เห็นปากเก่งเหมือนตอนมีไอ้แบงค์ ไอ้ชนะ” พี่วุฒิพูดพร้อมใช้หางตาดูกระจกรถเพื่อเลี้ยว
“ ...........................”
“เออ .. เรื่องตุ๊กตาลิงกรูสั่งเขาทำให้แล้ว 2 ตัว เดี๋ยวไม่เกิน 2 อาทิตย์ได้” พี่วุฒิบอก
“ครับ” ทำไมผมถึงอยากจะร้องไห้...........................
“ ...........................”
หลังจากนั้นพี่วูฒิก็พาผมไปกินข้าวที่ร้านอิ่ม สั่งกับข้าวมาหลายอย่างจนเต็มโต๊ะทั้งที่กินแค่ 2 คนมากกว่าวันที่มากินกัน 4 คนเสียอีก
“ .............................” ผมมองจานข้าวตัวเองที่พี่วุฒิตักกับข้าวให้จนเต็มจาน ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมรู้สึกกลัวการกินข้าวพร้อมพี่วุฒิไปเสียแล้ว
“ กินให้หมด” พี่วุฒิสั่ง แล้วกินข้าวของตัวเองไป การที่จะให้ผมกินให้หมดนั้นยากมากครับ เพราะตอนเลิกเรียนผมก็กินลูกชิ้นทอดมาไม่น้อย แต่ผมก็ก้มหน้าก้มตากินไปเรื่อยๆ ถ้ากินไม่หยุดเดี่ยวก็คงหมดเอง
“ อยู่คอนโดไอ้ชนะมรึงนอนเตียงเดียวกับมัน” พี่วุฒิถาม
“ครับ และพี่แบงค์ด้วย” ผมตอบ
“ ..........................” พี่วุฒิเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ผมก็ไม่ได้ถาม จนพี่วุฒิอิ่มนั่งดูผมที่กำลังกิน แต่จานผมเหลือมากกว่าครึ่ง
ผมยังกินต่อไป
“ ไม่ต้องรีบ กรูกำลังให้คนทำความสะอาดห้อง” พี่วุฒิบอก
“ ทำความสะอาดห้อง ?”
“ใช่ ตอนแรกกรูว่าจะให้มรึงทำ แต่มรึงยอมกลับมาโดยดี กรูเลยใจดีให้คนมาทำ มรึงจะได้ไม่เหนื่อย.......” ผมดีใจครับที่พี่วุฒิเป็นคิดเรื่องผมเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะทำความสะอาดห้องมันจะไม่มีอะไรมากก็เถอะ
“ .............................”
จนเมื่อผมกลับถึงห้อง จึงได้รู้ว่าไม่ใช่ทำความสะอาดอย่างเดียว...
เข้ามาในห้องมีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปครับ ทั้งโชฟาที่แต่ก่อนจะมี 3 ตัวที่วางหันหน้าเข้าหาโทรทัศน์ เปลี่ยนมาเป็น 2 ตัว คือตัวยาว 1และอีกตัวที่เหมาะกับกับ 1 คน ผิดจากเดิมที่เป็นตัวยาว 1 ตัวตัวเล็ก 2ตัว แม้แต่โทรทัศน์ก็ยังไม่ใช่เครื่องเดิม เป็นเครื่องใหม่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย มีหลายอย่างในห้องที่เปลี่ยนไป ?
“ ไม่ต้องทำหน้างง ข้าวของอะไรที่มันเปลี่ยนไป มันพังเพราะตรีน เพราะมือกรูเองแหละ เห็นแล้วมันขัดตา กรูเลยพังมันซ่ะเลย” พี่วุฒิบอกลงไปนั่งบนโชฟาตัวใหม่
“ ....................” ทำลายข้าวของอีกแล้ว
“ พี่ครับ ทำไมต้องทำร้ายของด้วย แบบนี้ก็ต้องซื้อใหม่อยู่เรื่อยๆสิครับ” ผมว่า
“ เสือก!” พี่วุฒิบอก ผมเงียบไม่กล้าพูดต่อ
“ ......................” แล้วพี่วุฒิก็กระดิกนิ้วเรียกผม !
“ .................มีอะไร ครับ?” ผมถามแต่ก็เดินไปหาพี่วุฒิ แต่เดินช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ .......................” พี่วุฒิไม่ตอบ พอผมไปถึงก็กอดเอวผมแล้วดึงให้ไปนั่งบนตัก พอผมนั่งลงก็หอมผมของผม
“ อ่านข้อความยัง?”
“คะครับ” ปากผมติดอ่าง ยังจำข้อความที่พี่วูมิส่งให้ได้
‘กรูเหนื่อย วันนี้กลับแล้ว มรึงออนท็อป’“ กรูส่งไปว่าไง?” พี่วุฒิถาม เลื่อนจมูกมาแนบแก้มผม ทำให้ผมขนลุก หน้าก้มงุดลง
พี่วุฒิจะให้ผมพูดจริงหรือครับ? ผมอายไม่กล้าพูด
“.........................กรูส่งไปว่าไง?” พี่วุฒิถามอีกเสียงยังไม่หงุดหงิด ใบหน้าคล้อยต่ำลงอยู่คอจนผมต้องเงยหน้าขึ้นแทนการก้มเมื่อกี้
“ พะพี่ครับ !” ผมพูดเสียงสั่นเพราะพี่วุฒิไม่ได้แค่สูดกลิ่นเหมือนเดิมแต่เริ่มใช้ลิ้นเลีย
“ รีบบอกมาดิ ว่ากรูส่งไปว่าไร?” ถ้าผมบอกแล้ววจะหยุดเหรอครับ?งั้นผมก็จำเป็นต้องพูด
“ พี่ส่งมา บอกว่า วันนี้พี่เหนื่อย ถ้ากลับมาแล้วให้ผมออนท็อป” ผมตอบ แล้วพี่วุฒิก็หยุดจริงๆผมค่อยโล่งใจหน่อย
“ ..............มรึงจะออนเลยหรือว่ามรึงจะอาบน้ำก่อน?” พี่วุฒิถาม ผมตาเบิกโต !
“มะ หมายความว่ายังไงครับ!?”
หมับ!
พี่วุฒิเอาแขน 2 ข้างกอดเอวผมที่นั่งอยุ่บนตักพร้อมสายตาจ้องผม ก่อนที่จะยิ้มเมื่อผมเริ่มหน้าร้อนขึ้น และมันคงจะแดงด้วย
ตัวผมเริ่มสั่น
“ หมายความว่า.........หมายความว่าอย่างที่มรึงคิด” พี่วุฒิบอกก้มลง! ผมหันหลบ ปลายจมูกเฉียดแก้มพี่วุฒิไปนิดเดียว
“ หน้ามรึงแดงใหญ่ ตลกวะ” พี่วุฒิพูดเหมือนสนุก “ กรูคิดแล้วว่ามรึงต้องอาย”
“ ..............................” เป็นใครก็ต้องอายครับ
“ มรึงไม่ตอบงั้นกรูเอามรึงตอนนี้เลยดีกว่า...”
“ พี่ครับ ผมจะอาบน้ำก่อน” ผมบอกรวดเร็วราวกับกลัวใครแย่งพูดก็ไม่ปาน
“ ไม่ต้องอาบกรู รอไม่ไหว ไม่ได้เอามรึงตั้ง 3 วัน” พี่วุฒิบอก
“ ตะแต่แต่ ว่า...” “ตะแต่แต่ ว่า มรึงติดอ่าง” พี่วุฒิพูดล้อเลียนผม แล้วกอดเอวผมเข้ามาอีก
“ก็ได้ กรูให้มรึงน้ำก่อน แต่ว่ามรึงห้ามอาบช้าไม่งั้นกรูจะไปอาบให้มรึง หรือาจจะตามไปเอามรึงในห้องน้ำดี....” พี่วุฒิบอก พลันผมก็นึกเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนที่พี่วุฒิซ้อมและข่มขืนผมในห้องน้ำ.....
พลัน! ผมก็หนาวเย็นยะเยือกร่างกายทุกส่วนสั่น
“ ......................”
“ ......................” ผมไม่อยากเจอแบบนั้นอีก แค่คิดผมก็ทรมานแล้ว ผมมองหน้าพี่วุฒิอ้อนวอนอย่าทำแบบนั้นกับผม ผมยอมพี่วุฒิทุกอย่างแต่อย่าทำแบบนั้นกับผม
ได้ปรด.................. “...................”
“....................”
“ จะไปอาบน้ำก็ไป” พี่วุฒิบอก ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้อง
เข้ามาในห้องผมยังไม่หยุดสั่นเลย และเพิ่งรู้ว่าน้ำตามันไหลลงมาเต็มหน้า
/- /- /- /-
เก็บเสื่อท่าน ลงแล้ว 