
บุพเพวายร้าย
34/1
ตั้งแต่ ตี 3 ผมรู้สึกตัวตื่นผมก็นอนไม่หลับมาจนถึงตอนนี้ 6 โมงเช้า ....ผมหันหน้าไปมองอีกคนที่ยังหลับอยู่ แล้วเบือนหน้ากลับมาทันที มันเหมือนจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ เมื่อคืนผมกับพี่วุฒิมีอะไรกัน ผมไม่ขัดขืน เพราะมันไม่มีประโยชน์
“ ..........................” ผมอยากรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกไปจนถึงเมื่อไร ในอดีตผมฝัน ฝันว่าถ้าได้อยู่ข้างๆพี่วุฒิแล้วผมคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลย
‘ที่ระบาย’ นั่นคือคำที่พี่วุฒิบอกกับพี่แบงค์ พี่ชนะเมื่อวาน นั่นหรือคือตัวผม ผมไม่อยากจำคำคำนี้เลยแต่มันดังสะท้อนในหูผมอยู่เรื่อยๆ
ผมขยับร่างกายจะลุกไปอาบน้ำจะได้แต่งตัวไปโรงเรียน ไม่พยายามรู้สึกใดๆเกี่ยวกับร่างกายนี้
“ กี่โมง?” พี่วุฒิเอามือคว้าเอวผมแล้วถาม
“ 6 โมง 10 นาที ครับ” ผมตอบนั่งบนเตียงยังไม่ได้ขยับไปไหน
“ ยังไม่ต้องไป” พี่วุฒิบอก มือที่อยู่เอวผมไม่ยอมปล่อย
“ ........................” ผมนั่งนิ่งตรงนั้น หันหน้าและสายตามองประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ อีกด้านหนึ่งของประตู ผมอยากจะไป
“ ................................”
“...................................”
“ อยากไปก็ไป” พี่วุฒิบอกเอามืออก หันหลังให้ ผมลุกขึ้นช้าๆ เดินเข้าห้องแล้วปิดประตู ผมหายใจได้ดีกว่าเดิม ไม่อึดอัดเหมือนเมื่อกี้
ในห้องนี้มีผมแค่คนเดียว เหมือนเป็นที่ของผม แต่แล้วผมกลับมองเห็นภาพตรงหน้าคือผมที่กำลังดิ้นทุรนทุราย กำลังร้องขอความเห็นใจ ความสงสาร แต่อีกคนไม่แม้แต่สนใจมัน ทุกเสี้ยวนาที ทุกนาทีเวลาผ่านไปอย่างเชื้องช้า ผมถูกทรมานอยู่ตรงนี้ ถูกจับจนร้าว ถูกตบ ถูกชกครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกข่มขืนจนสลบไปหลายครั้งแต่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพบกับฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริง ซ้ำอีก.....
ผมหัวเราะกับภาพที่เห็นมือปิดริมฝีปากกลั้นเสียง น้ำตาร่วงพราวเต็มหน้า ไม่มีแม้แต่แรงยืน ขาทรุดนั่งลงกับพื้นเย็นๆ ร่างกายสั่นเทาหนาวยะเยือก ผมไม่อยากเจอมันอีกแล้ว ให้ผมตายยังดีกว่าที่จะเจออีก
“ ฮือๆ”
ผมอยากกลับบ้าน ผมมอยากไปจากที่นี่ แต่ผมไม่กล้า ...แค่คิดผมก็รู้กลัวว่าความคิดนี้พี่วุฒิจะรู้ ผมต้องแอบคิด แอบรู้สึก สักวันเมื่อผมเอาชนะความกลัวนี้แล้วหนีไปให้ไกล ไปในที่ไม่มีใครรู้จักผม ไปในที่ที่พี่วุฒิตามหาผมไม่เจอ .....
ผมนั่งปล่อยร่างกายตามแรงโน้มถ่วง หลังพิงผนังกระเบื้อง เอาชายเสื้อสีเขียวขึ้นมาดู ใช้นิ้วสัมผัสมันเบาๆ มันทำให้รู้ดีได้ เหมือนรู้สึกถึงความอ่อนโยนจากที่ไหนสักที่หนึ่ง ทำให้จิตที่สั่นไหวสงบลง
“..............แม่ครับ ...ช่วยผมด้วย.....แม่ครับช่วยจุมด้วย” ผมพูดหวังให้แม่ได้ยิน
“ .....................ผมไม่อยากอยู่ที่..แล้ว...ได้ไหม.....ครับ ฮือๆ” แม่ไม่มีทางได้ยินเสียงผม
ผมกอดเข่าให้ความอุ่นแก่ตัวเอง ผมหนาวเหลือเกิน...หนาวมากเลยรู้ไหม?
“ ...........................”
ผมสะอื้นไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวผมเอง..................
.
.
ตุบๆ เสียงทำให้ผมสะดุ้งตื่น แล้วหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง
อะไร?! เสียงอะไร? ใคร!? ผมลุกรีบลุกขึ้น
ตุบๆ เสียงคนทุบประตูจากด้านนอก
“ จะอาบไปถึงเมื่อไร 7โมงกว่าแล้ว จะกินไหมข้าว!” พี่วุฒิตะโกนจากอีกด้านหนึ่ง เมื่อกี้ผมนั่งหลับเกือบชั่วโมง
“ ครับพี่กำลังจะเสร็จแล้ว” ผมบอกทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร
เสียงจากด้านนอกเงียบไป ผมรีบไปแปรงฟัน...................
..
ผมใช้เวลาอาบน้ำแปรงวันน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วแต่งตัวคว้าเอากระเป๋า แล้วออกมา
พี่วุฒินั่งรออยู่บนโต๊ะกินข้าว ผมเดินไปนั่งที่ประจำ มองกับข้าวบนโต๊ะที่มากเกินไปสำหรับ 2 คน และหรูหรากว่าที่จะเป็นอาหารเช้าธรรมดา มันถูกจัดอย่างสวยงามในจาน อาหารวันนี้คงไม่ได้มาจากบ้านพี่วุฒิ น่าจะเป็นจากโรงแรม 1 ใน 2 ที่ของพ่อพี่วุฒิมากกว่า
แต่ผมไม่รู้สึกหิว หรือยากกิน
“ รีบกิน 7 โมงครึ่งแล้ว” พี่วุฒิบอก
“ครับ” ผมก้มหน้ากินข้าวทั้งที่กลืนแทบไม่ลง อยากจะอาเจียนมากกว่า แต่ก็ทนกินจนเกือบหมดจาน แต่ไม่หมดไม่ไหวจริงๆ
“ ทำไมไม่กินให้หมดเหลืออีกนิดเดียว”
“ ผมอิ่มแล้วครับ” ผมบอก มองข้าวในจานพี่วุฒิที่ไม่ได้แตะแม้แต่ช้อน
“ อิ่มก็ต้องกินให้หมด กะอีแค่ข้าวคำ2คำ” พี่วุฒิบอก ผมกินต่อ แต่กินเฉพาะข้าวในจานไม่ตักอย่างอื่น แค่นี้ก็จะอ้วก
จะอ้วก...
“ นี่มรึงทำประชดกรู!”
“ ไม่ใช่นะครับ” ผมบอก ไม่ใช่จริงๆครับคำว่าประชดไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย ผมแค่อยากจะกินข้าวให้ผมหมดในจานตามที่สั่งเท่านั้นเอง
“ ................” พี่วุฒิจ้องมองผม ผมสั่น
พี่ครับ....
“ อิ่มแล้วก็ไป” พี่วุฒิบอกลุกขึ้นก่อน โดยมีผมเดินตามหลัง
ในรถผมกับพี่วุฒิไม่ได้คุยกัน จนกระทั่งถึงโรงเรียนก็ไม่ได้คุยกัน มีแค่ผมที่พูดว่า ‘ขอบคุณครับ’ แล้วเปิดประตูออกมา
“ ..........................”
.........บางส่วนในร่างผมกลวง...........
..
..
ตอนเที่ยงหลังกินข้าวเสร็จผมก็อาเจียนสิ่งที่กินเข้ามาไปออกมาจนหมด
“ ท้องหรือเปล่าวะ?” ซีซี่พูด ยืนข้างผมที่เพิ่งจะยกคอขึ้นมามาจากอ่างล้างหน้าในห้องน้ำได้
“ ประสาทแล้วซี่ซี่ กรูว่าความเป็นไปได้เป็นมรึงมากกว่า” จักรพูด แล้วซีซี่ก็เข้าไปกระแซะ
“ ท้องกับมรึงใช่ป่ะ?” ซีซี่ถามแล้วยิ้มหวาน
“ อยากรู้ไหมล่ะ” จักรถาม
“ .............” ซี่ซี่พยักหน้าตอบว่าอยากรู้เต็มที่
“ งั้นมานี่” จักรพูดพร้อมจูงซีซี่เข้าไปในห้องน้ำ
ปัง! จักรขังซีซี่ไว้ในห้องน้ำ
“ ............................” ผมตกใจมากกับเสียงประแทกปิดประตู ตกใจจนขาสั่น ไม่ได้ยินเสียงซีซี่ที่ตะโกนจากห้องน้ำด้วยซ้ำ
“ เป็นไร?”ยูที่ยินเงียบอยู่นานถาม
“ ปะเปล่า” ผมตอบ เหมือนจะอ้วกอีก
“
เอ้ย! จุม?” ยูเข้ามาประครองผมที่กำลังจะล้มทั้งที่ตัวเล็กกว่า จักรเปิดประตูให้ซีซี่แล้วเข้ามาช่วยยูอีกแรง
ทั้งยูและจักรที่มาจับแตะตัว ทำให้ผมกลัว แต่ก็ไม่กล้าผลักออกไป มันทำให้ผมไม่มีแรงมากขึ้นไปอีก
“ ไปห้องพยาบาลเถอะ” จักรบอก ผมพยักหน้าเพราะทั้งปวดทั้งเวียนหัว ตอนบ่ายคงเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะงั้นตอนบ่ายผมจะขอนอนห้องพยาบาล
.
.
. .
.
ตอนเย็นผมทำความสะอาดเก็บใบไม้หน้าที่หน้าโรงเรียน แล้วเดินออกมาพร้อมพวกจักร เกือบๆ 4 โมง เห็นรถพี่แบงค์จอดอยู่ แล้วพี่แบงค์ก็เดินมาหาผม
“ พี่แบงค์ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถาม ซีซี่เข้าไปคล้องแขนพี่แบงค์ และแอ็คท่านางแบบกับแขนพี่แบงค์ไปเรื่อยๆ มีเสียงเพื่อนหัวเราะกันยกใหญ่
“ ไอ้วุฒิมันต้องไปศึกษางานกับพ่อมันที่อังกฤษอาทิตย์หนึ่งเลยให้พี่มารับแทน”
“ ........?.......” พี่แบงค์บอก ผมไม่สงสัยอะไรเพราะครั้งที่แล้วที่พี่วุฒิไปฮ่องกง พี่แบงค์ก็มารับผมแทนแต่น่าจะบอกผมบ้าง อย่างน้อยผมกับพี่วุฒิก็อยู่ด้วยกัน ....ความรู้สึกน้อยใจมันก็พุดขึ้น
พี่วุฒิไปอังกฤษ 1 อาทิตย์ โดยไม่บอกผม...หมายความว่าผมจะไม่ได้เจอพี่วุฒิ 1 อาทิตย์เต็มๆ....ไม่ต้องคอยหวาดกลัว 1 อาทิตย์ ไม่ต้องคอยว่ามือนั้นจะเข้ามาทำร้ายผมใน 1 อาทิตย์นี้...ผมดีใจ.....นะ....ครับ
“ ยิ้มอะไร?” พี่แบงค์ถาม ผมเงยหน้าไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังยิ้ม นี่ผมแสดงออกถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
“ ปะเปล่าครับ”
“.......... เออจุม พี่ยืมโทรศัพทืหน้อยได้ไหม พอดีของพี่แบตหมด มีเรื่องต้องโทรตอนนี้ด้วย” พี่แบงค์ว่า ผมเลยเอามือถือผมให้ยืม ถึงแม้ซีซี่บอกว่าจะให้ยืมเหมือนกันแต่พี่แบงค์บอกว่าเกรงใจใช้ของผมดีกว่า
พี่แบงค์เดินไปคุยธุระจากจากพวกผมไป 4 ห้าก้าว ไม่ถึง 5 นาทีก็กลับมา
“คุยเสร็จแล้วหรือครับ?” ผมถาม
“ ก็ยังไม่เสร็จดีเท่าไร แต่ก็พอรู้เรื่องกัน” พี่แบงค์บอก ผมสงสัยแล้วทำไมไม่โทรต่อ
“ อ้าว ทำไมล่ะครับ?”
“ นี่ไง โทร-สับจุมแบตหมด” พี่แบงค์บอกยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม
มือถือผมแบตหมดแต่ดูเมื่อตอนเที่ยงเหลือตั้ง 2 ขีด ? แต่ใครจะไปกะเกณฑ์มันได้ หมดก็หมด
“ กลับกันเลยนะ เพราะจุมต้องไปอยู่คอนโดไอ้ชนะ” พี่แบงค์บอก
“ ทำไมครับ?”
“ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังในรถ” พี่แบงค์บอกลูบหัวซีซี่แล้วแกะมือออกก่อนที่จะเดินพาผมไปที่รถ
“ ไอ้วุฒิมันลืมกุญแจไว้ในห้อง มันเลยไม่ได้ให้กุญแจพี่มา มันบอกว่าให้จุมไปพักที่คอนโดไอ้ชนะก่อน แล้วจะถ้าจะใช้อะไรไม่มีก็ให้ซื้อได้เลย” พี่แบงค์บอกผมขณะขับรถ
“ แต่ว่าผมมีกุญแจครับ” ผมบอกพี่แบงค์ ท่าทางพี่วุฒิคงลืมไปว่า ได้ให้กุญกับผมไว้ชุดหนึ่งตอนที่มาวันแรก
“ อ้าวเหรอ?!” พี่แบงค์สีหน้าตกใจ
“ครับ พี่วุฒิให้ไว้ตั้งแต่มาอยู่”
“ สงสัย คงลืม ฮ่ะๆ” พี่แบงค์พูดไปหัวเราะไป และยังหัวเราะสียงดังผิดปกติอีกด้วย
“ เพราะงั้นผมขออยู่ที่คอนโดเหมือนเดิมได้ไหมครับ ผมไม่อยากรบกวนพี่ชนะ” ผมบอกรู้สึกเกรงใจมากๆ และคิดว่าคงไม่เป็นไรที่ผมจะอยู่คอนโดพี่วุฒิเหมือนเดิม
“ ไม่ได้!” พี่แบงค์พูดเสียงดัง ผมตกใจครับ
“ ทำไมครับ?” ผมถามเสียงเบา รู้สึกไม่มั่นใจกับคำถามของตัวเอง
“................เพราะว่าไอ้วุฒิมันบอกให้จุมไปอยู่กับไอ้ชนะก็ต้องเป็นไปตามนั้น พี่หวังว่าจุมคงเข้าใจ” พี่แบงค์บอก ผมเข้าใจดีเลยล่ะครับว่าพี่วุฒิพูดคำไหนก็ต้องเป็นไปตามนั้น
“ งั้นผมขอกลับไปเอาของใช้ส่วนตัวก่อนได้ไหมครับ?”
“ เอาอะไรล่ะ? เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
“ ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ซื้อเปลื้องเงินครับ และผมยังมีหนังสือเรียนที่ต้องไปเอาอีก” ผมบอกมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อใหม่
“ ได้..............แต่ว่าหิวข้าวหรือยังพี่พาไปกินข้าว” ตั้งแต่ที่อ้วกไปเมื่อตอนเที่ยง ผมก็ยังไม่ได้กินอีก ถ้าจะกินสักหน่อยก็คงดีถึงแม้ไม่จะหิวก็ตาม หากแต่ร่างกายมันจำเป็นต้องใช้ ตอนนี้ก็เหมือนจะไม่มีแรงแล้ว
“ครับ”
“ ดีเลยเดี๋ยวพี่พาไปร้านอร่อยๆ”
“ครับ”
พี่แบงค์พาผมไปร้านอาหารแบบครอบครัว มีแผ่นป้ายสีเหลืองบอกชื่อ ร้านอิ่ม ตอนนี้ยังไม่5 โมงจึงยังไม่ค่อยมีคน ในร้านมีโต๊ะที่มีคนนั่งแค่ 4โต๊ะ จาก เกือบ 30 โต๊ะ
พี่แบงค์สั่งกับข้าวมา 3 อย่างแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงนั่งรออาหารอยู่คนเดียว
แล้วก็มีผู้หญิงสวยๆผมยาวใส่ยินต์สีเข้มกับเสื้อกล้ามสีขาวเดินมาหาผมที่โต๊ะ?
“ ครับ?” ผมถาม แน่ใจว่าผมไม่เคยรู้จัก
“ ตกลงเราจะไม่ยอมปล่อยแบงค์จริงๆใช่ไหม?” เขาจ้องผมสีหน้าไม่พอใจโจ้งแจ้ง ผมพอจำเสียงได้ ‘พี่เจน’
“ พี่ เจน?”
“ ใช่ พี่เอง จุมพี่พูดจริงๆนะ พี่รักแบงค์และพี่จะไม่ยอมเสียแบงค์ให้กับผู้ชายอย่างน้องที่ไม่รู้จักคำว่าพอ ทั้งที่มีวุฒิอยู่แล้ว มายุ่งกับแบงค์ทำไม!” พี่เจนพูดแล้วนั่งเก้าอี้ตรงข้ามผม เก้าอี้ตัวเดียวกันที่พี่แบงค์นั่งเมื่อกี้
“ พี่ครับ ผมกับพี่แบงค์ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด” ผมบอกคำที่เคยบอกพี่เขาไปแล้ว
“ ทำไมถึงไม่ยอมรับ พี่เห็นพี่รู้หมดแล้ว มันทำให้พี่หงุดหงิด ยอมรับมาเถอะว่าตัวเองเป็นคนยังไง อย่ามาทำเป็นคนดีเลย มันไม่เข้าท่า!” ผมนึกว่าพี่แบงค์พูดกับพี่เจนรู้เรื่องไปแล้วเสียอีก
“ผมพูดความจริง”
“ พี่อยากให้เลือกใครระหว่างวุฒิกับแบงค์ ถ้าจะเลือกวุฒิก็อย่ามายุ่งกับแบงค์ พี่ไม่อยากให้เขาเสียใจกับคนที่ไม่มีค่าพอ ...............และถ้าจะเลือกพี่ว่าน้องควรจะเลือกวุฒิ.....”
“ .....................”
“พี่จะให้โอกาสเรา
เลือก!”“ พี่เจน ตอนนี้พี่แบงค์กำลังเข้าห้องน้ำ รอให้พี่แบงค์กลับมาแล้วพี่เจนจะเข้าใจ” ผมบอก อยากให้พี่แบงค์มาเร็วๆ จะได้อธิบายให้พี่เจนฟังว่าผมกับพี่แบงค์ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่เจนเข้าใจ
“ ............จะบ้าหรือไง จะให้แบงค์รู้ได้ไงว่าพี่มาระรานคนใหม่ แบงค์ต้องโกรธพี่แน่ๆ”
“ พี่ครับ พี่แบงค์ไม่โกรธหรอก..” ผมบอกอยากจะรั้งพี่เจนที่ลุกขึ้นไว้ ให้รอฟังความจริงจากปากพี่แบงค์
“ แบงค์โกรธมาก.............”
“ .............................”
“รู้ไหมว่าครั้งที่แล้วที่ใครบางคนโทรไปฟ้องแบงค์ว่าพี่โทรไปหา แบงค์เขาโกรธพี่มาก”
“ ........................” หมายถึงผมอย่างงั้นเหรอ?
“ ...........ถ้าน้องไม่เลือก อย่าหาว่าพี่ใจร้าย”
“ พี่ครับ ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายให้พี่เข้าใจได้ยังไง ว่าผมกับพี่แบงค์เราไม่ได้เป็นแฟน เป็นกิ๊กอะไรกันเลย”
“ .............................พี่ขอร้องล่ะ ถ้าไม่คิดจะจริงจัง คืนแบงค์ให้พี่” พี่เจนพูดเสียงเบา..ก่อนที่เดินออกจากไปร้านไปอย่างรวดเร็ว
ผมคิดว่าอาจะเป็นเรื่องบังเอิญที่พี่เจนมาเจอผมที่นี่ แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจ..........บางทีพี่เจนอาจจะรู้ตั้งแต่แรกว่าพี่แบงค์เข้าห้องน้ำ มันเหมาะเจาะเกินไป
“ ............................” พี่แบงค์อธิบายกับพี่เจนยังไง พี่เจนถึงไม่เข้าใจว่าระหว่างผมกับพี่แบงค์มันไม่มีอะไร แล้วผมจะคืนพี่แบงค์ให้พี่เจนได้ยังไงในเมื่อพี่แบงค์มไม่ได้เป็นของผม ผมไม่มีสิทธิ์ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่พี่เจนพูดถึงเป็นใคร?
** ** ** **
นายไม่อยู่เฟ้ย! 
อัพ บุพเพวายร้าย
ดีกว่าเจ้าค่ะ
ปล.อันนี้ให้ทุกท่านที่อุตสาห์รอ