
บุพเพวายร้าย
27.
ผมไปอาบน้ำกลับออกมาเจอแม่ครับนั่งอยู่บนเตียงครับ
“ แม่?”
“ แม่เห็นว่า 8 โมงกว่าแล้วไม่ลงไปเลยนึกว่ายังไม่ตื่น ว่าจะมาปลุก” แม่บอก
“แล้วพี่วุฒิละครับ?” ผมถาม
“ ตื่นขึ้นมาก็ถามหาพี่เขาเลย” ผมชักอายครับพอแม่พูดแล้วยิ้มแบบนี้
“ อยู่ข้างล่าง เมื่อเช้าแม่ลงไปทำกับข้าวเห็นนั่งอยู่ในสวน เห็นว่าไม่มีอะไรทำ ก็เลยให้เป็นลูกมือล้างผัก หั่นผักช่วย” สวนที่ว่านี่คือตรงต้นเฟื่องฟ้านั่นแหละครับ บางครั้งผมก็ไปนั่งเล่น นั่งทำการบ้านตอนแดดร่มลมตกเหมือนกันเพราะตรงนั้นบรรยายกาศดี และยังเย็นสบายด้วย แต่ที่ว่าแม่ลงไปทำกับข้าวโดยปกติแม่จะลงสักตี 5 ครึ่งแล้วพี่วุฒิไปนั่งทำอะไรตรงนั้น และยังช่วยแม่ทำกับข้าวอีก
“ พี่วุฒิเนี่ย นะครับ ช่วยแม่ทำกับข้าว?”
“ ใช่ แปลกเหรอ?”
“ ปะเปล่าครับ” ผมบอกใส่เสื้อ(ยืด)และกางเกงเสร็จพอดีกับที่แม่ลุกขึ้น
“ ตอน 7 โมงวุฒิขึ้นมาอาบน้ำ บอกแม่ว่าจุมนอนอยู่เห็นว่าเมื่อคืนคุยกับลูกจนดึกเลยไม่อยากปลุก แม่เลยคิดว่าเดี๋ยวคงตื่นเองที่ไหนได้จะ 8โมงครึ่งยังไม่ลงมา แม่เลยกังวลว่าจุมจะไม่สบายอีก ..”
“ ...........................” เรื่องที่แม่เป็นห่วงผมกลบความเขินอายที่พี่วุฒิบอกแม่พวกเราคุยกันจนดึก ครับเพราะแท้จริงแล้วเราก็รู้ว่ามันคืออะไร
“ แล้วตอนนี้พี่เขาทำอะไรอยู่ครับ?” ผมถาม เดินตามหลังแม่ออกมาจากห้อง
“ แม่ให้ดูแกงปลาช่อน ....” แม่พูดหันมายิ้ม ปกติทำแกงไม่ต้องมีคนเฝ้าหรอกครับ ผมก็ไม่เข้าใจแม่เหมือนกันว่าทำไมให้พี่วุฒิทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
“ แม่เห็นวุฒิเขาสนใจ ท่าทางจะไม่เคยเข้าครัว เลยใช้โน่นใช้นี่ไปทั่ว” แม่บอก หัวเราะเบาๆ
“ ........??...”
ผมเดินเข้าไปครัวเห็นพี่วุฒิใส่ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าลายตารางของผม กำลังยืนจ้องหม้อแกงปลาช่อน(ไม่ได้ปิดฝา) มือข้างหนึ่งถือทัพพีเตรียมพร้อม?
“ วุฒิ แม่พาลงมาแล้วนะ” แม่บอกพี่วุฒิ ผมหันไปมองพี่วุฒิที่ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วรู้สึกน่ารักดีครับ
“ ตื่นสาย” พี่วุฒิว่า ถ้าผมคิดไม่ผิดพี่วุฒิกำลังเขินอยู่แน่นอนครับ เพราะพี่วุฒิไม่ยอมสบตา
“ …………..”
“ แกงปลาช่อน แม่ให้วุฒิเขาปรุงเอง ชอบแบบไหนก็ใส่เลยจะหวานจะเปรี้ยวก็ตามใจ” แม่บอกเอากับข้าวอย่างอื่นวางลงโต๊ะ
“ ผมชิมได้ไหมครับ?” ผมถามเดินไปยืนข้างๆพี่วุฒิ แล้วมองดูในหม้อที่กำลังเดือดปุดๆ
“ ตามใจ” พี่วุฒิพูดส่งช้อนให้ผมถือไว้ แล้วใช้ทัพพีตักน้ำแกงในหม้อมาใส่ช้อนในมือผมอีกที
ผมลองชิมดูก็อร่อยดีครับ ไม่เค็มกำลังดีเลย
“.....................”
“ อร่อยครับ”
“ ให้รู้มั้งว่าพี่เป็นใคร”
“ครับ” ผมยิ้ม
“ ไปเอาชามมาจะได้กิน” พี่วุฒิบอกไม่ยอมสบตาอีกแล้ว
ผมเอาชามมาให้พี่วุฒิตักแกงใส่ชามแล้วยกไปวางรวมกับกับข้าวอย่างอื่น
.
.
.
กินข้าวเช้าเสร็จ(เป็นข้าวสายเพราะผมเองครับ) ผมกับพี่วุฒิก็ออกมานั่งเล่นให้ข้าวย่อยที่โต๊ะใต้ต้นเฟืองฟ้าที่ผมพูดถึงบ่อยๆนั่นแหละครับ นอกจากโต๊ะสี่เหลี่ยม 1 ตัว กับเก้าอี้ทาสีขาว 4 ตัว แล้วยังกระถางต้นไม้อีก 5 กระถางครับ มีกุหลายบ้าน 2 ดอกเหมย 2 และต้นสาวน้อยปะแป้ง
(แม่ไปบ้านน้าพร ถัดจากบ้าน ข้างๆผมไปหนึ่งหลัง ไปเอากล้วยครับ น้าพรบอกว่าญาติที่มาจากต่างจังหวัดเอากล้วยมาให้หลายเครือ ตอนนี้มันสุกหมดพร้อมกัน ยังไงก็กินไม่ทันแน่ เลยโทรบอกให้แม่ไปเอามากินช่วยกัน เพราะงั้นตอนบ่ายแม่จะทำกล้วยบวชชี)
ผมนั่งอยู่กับพี่วุฒิสักครึ่งชั่วโมงได้ พี่วุฒิไม่พูดอะไรสักคำ ผมสังเกตได้ว่าวันนี้พี่วุฒิเงียบกว่าปกติ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่วุฒิ หรือผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า แต่ถ้าผมทำอะไรให้ไม่พอใจพี่วุฒิน่าจะว่าผมแล้ว หรือทำอะไรผมไปแล้ว และผมก็ไม่รู้สึกอย่างนั้นด้วย
พี่วุฒิจับจ้องที่กระถางสักอันแต่ไม่แน่ใจว่ากระถางไหนเพราะมันตั้งเรียงติดกันตั้งแต่มาจนถึงตอนนี้
“ พี่ครับ พี่อะไรหรือเปล่าครับ?” พี่วุฒิหันหน้ามาหาผม (ผมไม่น่าถามเลย อยู่แบบนี้ก็ดี ผมคงชอบหาเรื่องให้ตัวเอง)
“ ................. ..........”
“ .......................” พี่วุฒิจ้องผมไม่วางตาแทนกระถางเมื่อกี้
“ ..................แม่มรึงใจดี เนอะ............” ?
“ แม่พี่วุฒิก็ใจดีเหมือนกัน” ผมบอก ก็เพราะมันจริงคุณแพรใจดีมาก และยังเอาของไปให้ที่คอนโดแทบทุกวัน(ให้คนอื่นเอาไปให้ แต่ไม่ค่อยซ้ำหน้ากันเท่าไร)
“ .......................... ไม่เหมือนกัน.........” บรรยายกาศที่เมื่อกี้มีสายลม แสงแดด กลายเป็นอึดอัดในพริบตา ทั้งวีธีการพูด และสายตาพี่วุฒิที่มองผม เหมือนจะหายใจไม่ออก
“ ....................” ผมไม่ควรพูดอะไรเลยดีที่สุด
“ แม่มรึงท่าทางรักมรึงมาก”
“ แม่ทุกคนก็รักลูกครับ”
“ ไม่เหมือนกัน”
‘ไม่เหมือนกัน’ พี่วุฒิพูดประโยคนี้อีกครั้งเหมือนเทปเล่นซ้ำ
“ เหมือนกันครับ ดูอย่างแม่พี่วุฒิก็ยังรักพี่วุฒิเลย” ผมบอก เพราะคุณแพรตามใจพี่วุฒิทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอนโด หรือแม้แต่เรื่องผม วันนั้นที่คุณแพรกับพี่เอ็มไปที่คอนโดและถูกพี่วุฒิว่า ผมไม่เห็นคุณแพรว่าพี่วุฒิคืนสักคำ
““ .......................... ไม่ เหมือน กัน.........” พี่วุฒิพูดคำนี้อีกแล้ว บรรยายกาศแทบจะบาดผิวผมได้ มันกดดันอย่างไงไม่รู้ครับ
“ .................”
“ ...........................นมขมิ้นบอกว่าพ่อแม่กรูงานยุ่งมากแต่ ก็ยังหาเวลามาอยู่กับกรูแบบพร้อมหน้ากัน เพราะงั้นใน 1 เดือนจะต้องมีวันที่เรา 3 คนอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่ตอนเย็นก็ตาม..”
พี่วุฒิหันไปมองที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าผม ทำให้ผมพอหายใจหายคอได้มากขึ้น และเรื่องที่พี่วุฒิเล่ามันหมายถึงอะไรครับ เหมือนคำที่พูดขึ้นมาลอยๆเฉยๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดให้ใครฟัง
“ กรูจึงตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อกรูจะได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนคนอื่นๆเขา แม้จะแค่ 1 ครั้งใน 1 เดือนก็ตาม เวลาเจอกันพ่อแม่กรูก็จะเอาของที่กรูอยากได้มาให้เสมอ กรูดีใจมาก เพราะมันเหมือนว่าเขาไม่มีเวลาแต่ก็หาของที่กรูชอบมาให้ นั่นเพราะเขารักกรู....หรือมรึงคิดว่าไง?”
“ ..........?!.” อยู่ๆพี่วุฒิก็หันมาถาม แล้วจะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะครับ ถ้าผมตอบไปแล้วไม่ถูกใจพี่วุฒิขึ้นมาแล้วมาลงที่ผม ผมควรจะไม่ตอบดีกว่า
“ กรูถามว่ามรึงคิดยังไงกับที่กรูพูด” พี่วุฒิถามเสียงเข้ม ผมตอบทันทีครับ
“ ใช่ครับ เพราะคุณแพรกับคุณวชิระรักพี่” ผมตอบรวดเร็วไม่อยากให้พี่วุฒิรอนาน
“ ......................ตอนเด็กๆกรูก็คิดอย่างงั้น...แต่แล้ววันหนึ่ง กรูก็เห็นแม่กกำลังกอดกับคนขับรถ ซึ่งไม่ใช่คนที่คนที่ขับรถให้แม่กรูตอนนี้”
“00..”
“ ตอนนั้นกรูอายุ 14 กรูไม่ใช่เด็กน้อยที่จะไม่รู้ว่านั่นมันหมายความว่าอะไร กรูรู้สึกตัวชาจนขยับไม่ได้อยู่ครู่ใหญ่ ทั้งที่อยากไปตะโกนใส่หน้าแม่และมันว่า............หึ” (ยักยิ้มเหมือนเยาะเย้ยใครสักคน)
“ ........................” ผมพูดไม่ออกครับไม่คิดว่าพี่วุฒิจะพูดเรื่องนี้กับผม มันเหมือนว่าพี่วุฒิเปิดให้ผมได้เข้าไปในโลกของพี่วุฒิมากขึ้น
“ตอนนั้นกรูไม่รู้หรอกว่าอยากจะโกนว่าอะไร แค่คิดทำตัวให้ปากเก่งเท่านั้น แต่อยากไปกระชากทั้งแม่และมันออกจากกัน แต่กรูก็ไม่ทำอะไรกลับเป็นคนวิ่งออกมาจากภาพอุบาทถ์ที่เห็น ตอนนั้นกรูเกลียดแม่มาก รับรู้ว่าแม่หักหลังพ่อหักหลังกรู แม่ทำยังงี้ได้ยังไง มีหลายครั้งที่กรูจะเข้าไปถามแม่แต่พอเอาเข้าจริงๆกรูก็....ไม่กล้า..”
“..............”
“ จากนั้นมากรูก็ไม่อยากคุยกับแม่ ไม่อยากมองหน้า แต่กรูก็ยังมีพี่พึ่ง คือพ่อที่ถูกแม่หักหลังเหมือนกรู แต่แล้วพ่อกรูก็ไม่ต่างจากแม่ ตอนนั้นกรูหนีเรียนไปบ้านเพื่อน ข้างๆบ้านเพื่อนตรงประตูรั้วกรูเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาส่งพ่อ.. คำถามแรกในหัวกรูตอนนั้นคือ พ่อกรูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงไหนว่างานยุ่ง ...แล้วพ่อก็จูบนังคนนั้น...กรูเข้าใจในตัวของมันเอง..! ว่ากรูมันโง่ มันควายที่ถูกตบตามาตลอด!” พี่วุฒิโกรธมาก กำมือที่วางอยู่โต๊ะแน่นจนตัวสั่น
“.................”
“หลังจากนั้นทั้งพ่อทั้งแม่กรูก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำทีว่ารักกันหนักหนา เห็นแล้วอยากจะอ้วก กรูมารู้ตอนหลังว่าพวกเขา 2 คนจะทำว่ารักกันเฉพาะอยู่หน้ากรู ของที่กรูอยากได้ที่เอามาให้กรูก็ไม่ได้ไปซื้อเอง ให้เลขาซื้อให้บ้างล่ะ ให้ลูกน้องซื้อให้บ้างล่ะ แต่กรูดีใจจนแทบบ้ากับของที่ได้”
“...................” ผมคิดว่าถ้ากับคนที่งานยุ่งเหมือนคุณแพร และคุณวชิระจะให้เลขาซื้อของให้มันก็ไม่แปลก และถ้ารู้ว่าพี่วุฒิชอบอะไรขนาดนี้ก็ต้องใส่ใจกับพี่วุฒิมากทั้งที่ไม่มีเวลา
“ จนวันหนึ่งกรูทนไม่ไหว ระเบิดใส่พ่อแม่กรูว่ากรูรู้เรื่องหมดแล้ว พากันทำหน้าซีด เหงื่อตก คงคิดไม่ถึงว่ากรูจะรู้
สะใจวะ”พี่วุฒิพูดคำสุดท้ายแบบส่งส่ง คนที่เขาสะใจเขาคงไม่ทำหน้าเหมือนทรมานแบบนี้หรอก
“....................”
‘พี่ครับ’ คำพูดที่เรียกอยู่ในใจ
“ แล้วยังมาบอกกรูว่าที่แต่งงานกันก็เพราะผู้ใหญ่จัดแจงให้
แล้วทำให้กรูเกิดมาทำไม กรูมันไม่ได้เกิดมาจากความรักเลยใช่ไหม กรูมันตัวอะไร!!” ผมไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ทำให้พี่วุฒิเจ็บปวดอยู่ตอนนี้คือ คือเรื่องที่พ่อนอกใจแม่ แม่นอกใจพ่อ หรือ เรื่องที่ตัวเองถูกหลอก หรือ เรื่องที่ตัวเองเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้รักกัน หรือเรื่องอะไรกันแน่ หรืออาจจะทั้งหมดรวมกัน
“แล้วที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนทุกวันนี้ บอกว่าเพราะกรู ไม่อยากให้กรูเป็นเด็กมีปัญา เพราะรักกรู ทั้งที่มันไม่ใช่ที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ก็
เพราะเงิน เพราะธุรกิจ เพราะหน้าตาทางสังคม! ”
ผมไม่รู้ว่าเหตุผลของคุณวชิราและคุณแพรคืออะไร แต่ที่บอกว่ารักพี่วุฒินั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ทุกสิ่งที่อย่างมันบอกชัดอยู่แล้วเพราะไม่ว่าพี่วุฒิอยากได้อะไรท่านก็หามาให้ แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่วุฒิต้องการจริงๆก็เป็นได้
พื้นฐานของครอบครัวคนเรามันไม่เหมือนกัน การแสดงความรักก็ย่อมต่างกัน มีถูกไม่มีผิดแต่อาจจะไม่ถูกวิธี
“พี่ครับ” ผมเห็นว่าตาพี่วุฒิเริ่มแดง ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พี่วุฒิรู้สึกดีแต่คิดไม่ออก เลยเอามือจับมือพี่วุฒิพี่วุฒิที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่พี่วุฒิสะบัดออก
“ ...............กรูไม่ต้องการให้ใครสงสาร!” “ ผมไม่ได้สงสารพี่” ผมบอก
“ โกหก หน้ามรึงมันฟ้องว่าสงสารกรู สมเพชกรู”
“ ผมแค่...” อยากอยู่ข้างๆพี่ แต่ไม่ทันได้พูด
“อย่าพูด อย่าเถียง!” พี่วุฒิพูดแล้วลุกขึ้น
“ พี่วุฒิจะไปไหนครับ?” ผมถามลุกขึ้นตาม นึกถึงวันที่พี่วุฒิวิ่งออกไปจากห้องแล้วไปกินเหล้าวันนั้น
“ อย่าเสือก!” พี่วุฒิบอกเดินออกไป แต่ผม
หมับ! ผมกอดพี่วุฒิจากด้านหลัง ผมรู้ว่าตัวเองกล้ามาก และก็ยินดีที่จะยอมรับผลที่มันจะเกิดขึ้นจากห้ามพี่วุฒิ ขัดใจพี่วุฒิในครั้งนี้
“ ปล่อยกรู!” “ พี่จะไปไหนครับ?”
“ มันเรื่องของกรู!” “ อย่าไปเลยครับ เหล้ามันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น มันมีแต่จะทำร้ายให้มากขึ้น” “ กรูบอกว่าให้ปล่อย!” “ ผมไม่อยากปล่อย นะครับพี่ อย่าไปไหนเลย” “ มรึงอยากเจ็บตัวจริงๆใช่ไหม เอามือออกไป”พี่วุฒิว่าแกะมือผมออกแต่ผมก็กอดอีก ผมไม่อยากนั่งรอคอยแต่เป็นห่วงพี่วุฒิเหมือนตอนนั้นว่าพี่วุฒิเป็นอะไรหรือเปล่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เรื่องที่คิดได้มันมีแต่เรื่องเลวร้ายทั้งนั้น
“..............................” ผมกอดพี่วุฒิแน่นมาก ยังไงก็ไม่ให้ไป
“ มรึงคิดว่ามรึงเป็นใครกล้ามาห้ามกรู!” “ ....... ............ ......... . . พี่บอกใครๆว่าผมเป็นเมียพี่ ....ถ้าผมใช้สิทธิ์นั้นขอร้องพี่ว่าอย่าไปจะได้ไหมครับ?” พี่วุฒิยืนนิ่งครับ ผมร้องไห้
“ นะครับพี่ ฮือๆ ผมรู้ว่าพี่ขับรถเร็วแล้วตอนนี้พี่ก็อารมณ์ไม่ดี เกิดอุบัติเหตุไปจะทำยังไง” พี่วุฒิยังยืนนิ่งแต่ก็ถือว่าดีขึ้นเพราะพี่วุฒิไม่พยายามจะสลัดผมออก
“ ทำไม หรือมรึงกลัวกรูตาย? ไม่ดีหรือหรือไง มรึงจะได้หาผัวใหม่” (เสียงอ่อนลง)
“ ไม่ดีครับ” “...................”
“ผมเป็นเป็นห่วงพี่นะครับ ฮือๆ พี่ครับ” “ .................................. ..............”
“ นะครับ เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะช่วยแม่ทำกล้วยบวชชี ผมจะตั้งใจทำ พี่อยู่รอกินนะครับ ....” ผมไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร คิดได้ตอนนี้มีแค่นี้ครับ
“ แล้วมรึงรู้เรอะว่ากรูจะไปไหน?”
“ ไม่รู้ครับ” ส่ายหน้า
“ กรูจะขึ้นข้างบนไปนอน กรูง่วง” พี่วุฒิพูดหันหน้ามา “ มรึงไม่อยากให้กรูไปนอน จนใช้สิทธิ์เมียมาอ้างเลยเหรอวะ” ผมไม่รู้ว่าพี่วุฒิพูดจริงหรทอพูดเล่นเรื่องที่ว่าจะไปนอน แต่อายมากครับตอนที่พูดผมไม่รู้สึกอายเลย คิดแต่จะหาทางรั้งพี่วุฒิไว้อย่างเดียว
“ ก็........” ผมพูดไม่ออกครับ ก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบของพี่วุฒิ เมื่อกี้พี่วุฒิไม่เหมือนคนง่วงเลยครับ แล้วผมจะไปรู้ได้ไงว่าพี่วุฒิง่วงผมนึกว่าพี่วุฒิจะออกไปกินเหล้าเหมือนครั้งที่แล้ว
“ มรึงนี่ก็โง่บรม แยกไม่ออกหรือไงว่าคนที่ง่วงนอนกับที่คนที่มีเรื่องจะออกไปแดกเหล้ามันต่างกันยังไง” ผมส่ายหน้าเป็นการตอบว่าแยกไม่ออก
“ อยากใช้สิทธิ์เมียดีนัก ไปนอนกับกรูเลยมรึง!” พี่วุฒิพูดพร้อมทั้งดึงแขนผมให้เดินตาม แต่ผมหน้าตื่นครับ พร้อมทั้งขืนตัวเองไว้
“ อะไรอีกล่ะ?” พี่วุฒิหันกลับมาถาม
“ ...........ตอนนี้เลยหรือครับ?” ผมถาม หวั่นใจ
“ เออดิ....”
“ แต่เมื่อคืน พี่ก็ทำไปแล้ว” ผมบอกเสียงเบามากว่าจะไม่พูดแล้วครับ แต่ถึงพี่วุฒิจะทำครั้งเดียวแต่บ่อยๆผมก็ไม่ไหวครับ แล้วเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว
“ ...............................มรึงคิดว่ากรูจะเอามรึง?” พี่วุฒิถาม ผมพยักหน้าแดงๆอีกครั้ง
“...................”
“ หรือมรึงคิดอยากจะให้กรูเอา”
“ ไม่ใช่นะครับ” ปฎิเสธทันควัน
“ แต่มรึงเล่นคิดจะเอากันเช้า กลางวันเย็น ถ้ามรึงไม่คิดก็ฝักใฝ่”
“ ก็ ก็ พี่ บอกว่าไปนอน” เสียงเบาลงๆเรื่อยครับ
“ กรูบอกว่าไปนอน ไม่ได้บอกว่าจะเอา หรือมรึงอยากกรูสนองให้ เพราะเมียขอกรูจัดให้”
“ ก็ ...ใครจะไปนึกว่าแค่นอนเฉยๆ” (เสียงผมเบาจนพี่วุฒิต้องเอียงหูฟัง)
“ มรึงถ้าไม่ลามก เขาเรียกหื่น”
“ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น” “ ไม่คิดก็ไม่คิด อย่าทำหน้าเหมือนกรูแกล้งมรึงดิ”
“ ..................” ผมไม่ได้หื่นและลามกครับ ผมกลัวผมก็คิดมาก แค่นั้นเอง
“ มา!ไปนอนเฉยๆ” พี่วุฒิบอกกอดคอผมเข้าไปชนตัว แล้วพาผมเข้าบ้านทั้งอย่างงั้น ถึงผมบอกว่าจะช่วยแม่ททำกล้วยบวชชีก็ตามและยังบอกผมว่า ‘ไหนว่าตอนบ่ายนี่มันเพิ่ง 10 โมง’
ใช่ครับผมก็หาข้ออ้างไปอย่างงั้นเอง รู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่รู้ต้องทำตัวยังไง.........
** * ** * **
มาช้ายังดีกว่าไม่มาตะต่ะตาแต้แต่แต่ตัดแต่ 
ท่านน้องในที่สุดก็ตามมาจาก เด็กดี แล้วค่ะ 
ความจริงมาได้สองสามวันแล้ว แต่เล่นเว็บนี้ไม่เป็นอ่า เลยต้องหาทางอยู่นาน (โง่เนอะ) 
เสียความรู้สึกก่ะเด็กดีไปมากโขเลย นิยายสุดที่รัก :กอด1:โดนแบน เดี๋ยวจะย้ายเว็บที่สิงสถิตตามท่านเจ้าหญิงแมวแล้วค่ะ
โกรธๆ เคืองๆ เด็กดี
หลังๆพี่วุฒิน่ารักจังเลย ชอบที่พี่วุฒิเป็นแบบนี้แหละค่ะ โหด โฉด เถื่อน ได้ใจ (สะใจ) ม๊ากกกกกกก 
แต่ดูเหมือนแฟนเก่าพี่แบงค์ จะเอาเรื่องอยู่นะคะ สงสัยคงได้มีตามมาตบกันแหงเลย
หวังว่าพี่วุฒิจะไม่เข้าใจผิดมากนะ...(อาจจะเป็นประโยคที่ไปไม่ถึงท่านหญิงแมว)
แต่ไม่ชอบประโยคนึงที่พี่แบงค์พูดมากๆ ประโยคที่พี่แบงค์พูด ประมาณว่า "ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหรอกนะที่ใช้ร่วมกัน"
มันดูเหมือนพี่แบงค์จะ "นึก ชอบ" ของที่เป็นของพี่วุฒิ ยังไงยังงั้น...
มันดูเหมือนพี่แกไม่ได้ชอบจุม แต่ชอบที่จุมเป็นของของพี่วุฒิ......
.........เอ๊ะ..........พี่แบงค์นี่ชักยังไงแล้วนะ......................
ปล.วุฒิอาจจะคิดมากเรื่อง พี่แบงคืกับจุมมากแน่ๆ เพราะดูๆไปแล้ว มันคล้ายจะซ้ำรอยแม่ของวุฒิที่ดันไปชอบก่ะคนขับรถ(เทียบกับพี่แบงค์ตอนมาเป็นสารถีของจุมตอนวุฒิไม่อยู่น่ะสิคะ)