๑.
กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่านานเท่าใด ทราบแต่เพียงเรื่องราวที่เล่าต่อๆกันมาเท่านั้น เรื่องมันเริ่มจากหลังจากคู่ชีวิตท่านเซอร์ตายจากไป ทำให้ท่านเหงาและว้าเหว่(มากๆ) อยากจะคนข้างกาย แต่ท่านก็พยายามหักห้ามใจ เพียงเพราะท่านต้องการสตรีที่งามพร้อมทั้งกายและใจ เพื่อที่จะมาเป็นมารดาของบุตรชายที่ท่านรักยิ่งกว่าชีวิต บุตรชายนางที่นางอันเป็นที่รัก.. จนกระทั่งเมื่อท่านได้เจอเลดี้ซีซี่ ท่านเซอร์รับรู้ว่าเลดี้ผู้นี้คนที่เหมาะสมที่แล้วที่จะมาเป็นมารดาของบุตรชาย เพราะยางคือผู้ที่งามพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ถึงแม้ว่าเลดี้ซีซี่จะเป็นม่ายก็ตาม แต่ท่านเซอร์หารู้ไม่ว่าท่านคิดผิด….
ไม่นานหลังจากนั้นท่านเซอร์ก็ได้จากไป(ตาย)ทิ้งบุตรชายอันเป็นที่รัก นามว่า จุมฟ้ากับแม่เลี้ยงซีซี่ พร้อมบุตรของนาง บันบัน และธีรทัต
คอกม้าหลังคฤหัสถ์หลังใหญ่ของท่านเซอร์ ที่ที่ไม่มีใครอยากจะย่างกายเข้ามา เพราะด้วยเหม็นด้วยมูลช้าง และพื้นที่สกปรก จุมฟ้ามักจะมาที่นี่เสมอ เพราะที่นี่มีเทวาบุตรชายคนเลี้ยงม้าที่รับใช้เจ้าของปราสาทมาหลายรุ่น จุมฟ้าในชุดเปื้อนฝุ่นไม่สมกับเป็นบุตรของท่านเซอร์ที่มีนับหน้าถือตาและมีที่ดินในครอบครองหลายหมื่นไร่ นั่งลงบนพื้นดินที่มีฟางวางทับกันหลายชั้น
“ ท่านไม่ควรไม่มาที่นี่” เทวาหนุ่มคนเลี้ยงม้าพูดกับร่างโปร่ง
“ แต่ข้าชอบที่นี่ ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอกเทวา” ร่างโปร่งบอก นัยน์ตามองอีกคนตาเป็นประกาย ความรู้สึกในใจมันมากกว่าเห็นร่างสูงนี้เป็นคนแค่เลี้ยงม้า
คนรัก
“ แต่ ถ้าใครเขารู้เข้า มันจะไม่ดี ข้าไม่อยากให้ใครนินทาท่าน” เทวาบอกแต่ก็นั่งไม่ห่างจากจุมฟ้าเท่าไร ในใจเขาเองก็อยากจะนั่งให้ใกล้กว่านี้ แต่ตัวเองรับรู้เองว่าไม่สมควร
“ ไม่มีใครสนใจข้า ท่านก็รู้เทวา” ร่างโปร่งบอกดวงตาเศร้าหมองเอากิ่งไม้วาดเส้นไปมาลงพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นอยู่ปะปลาย
“ แต่ท่านคือบุตรของท่านเซอร์ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง” เทวาบอกร่างโปร่ง ร่างกายขับเข้าไปใกล้อีก ทั้งที่คิดว่าห้ามใจตัวเองแล้ว
“ นั่นเป็นสิ่งที่ค้ำใจข้าอยู่เพียงสิ่งเดียว.....จนกระทั้งข้ามีท่าน” ร่างโปร่งหันหน้าไปสบตาร่างสูง
“ ทำไม ท่านไม่พาข้าไปจากที่นี่ล่ะเทวา?”
“................อย่าได้พูดเรื่องนี้อีกเลย” เทวายืนขึ้น มันเป็นสิ่งมากไปสำรับเขาที่จะพาร่างโปร่งหนีไป ทั้งที่รักมาก เพราะเขาจะไม่ได้รับการอภัยจากบิดาเลย สิ่งที่เขาได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็กคือการรับใช้ท่านเซอร์และบุตรชาย ไม่มีสิ่งอื่น...แต่เขากลับรักจุมฟ้าแม้จะหักห้ามมากเพียงใดก็ตาม และเมื่อยิ่งรู้ว่าท่านจุมฟ้าเองก็คิดไม่ต่างกัน ทว่าเขาไม่คู่ควร...เขสเป็นเพียงบุตรของคนเลี้ยงม้าที่ที่ดินเพียงไม่กี่ไร่
“ เทวา ท่านก็รู้ว่าข้ารักท่าน”(บอกเสียงหวานไพเราะดั่งระฆังทอง0.0)
“ แต่ข้าเป็นแค่คนเลี้ยงม้า ไม่มีทางทำให้ทางทำให้ท่านสุขสบายได้”
“ แต่ข้าตอนนี้ ก็ใช่ว่าสุขสบาย ท่านก็รู้...ว่าข้ามีชีวิตอยู่ไม่ต่างจากข้ารับใช้คนหนึ่ง.....”
“ ข้าทำไม่ได้” เทวาว่าหันหลังให้ผู้เป็นที่รัก เพราะความตั้งมั่นที่เคยมีมันหลอมละลายใจเขาทุกครั้งที่มองหน้าร่างโปร่ง
“ เทวา ท่านรักข้าหรือไม่?” ร่างโปร่งถามตัดเพ้อ แม้จะรู้ว่าคำตอบนั่นคืออะไรแต่ก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้
“ ข้ารักนายท่าน....” เทวาบอกยังไม่กล้าหันกลับมาหาร่างโปร่งแต่อย่างใด
หมับ!
จุมฟ้ากอดเทวาจากด้านหลัง วางใบหน้าอ่อนหวานบนแผ่นหลังหนา
“แล้วเหตุใดเรา 2 คนถึงไม่ไปจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักท่าน และรู้จักข้า ที่นั่นเราจะมีความสุข...”
“...........................นายท่าน” เทวาหันกลับมาจับมือร่างโปร่งไว้
“ โปรดให้เวลาข้า....โปรดให้เวลาข้า”
หมับ! (จุมฟ้าโผเข้ากอดเทวาอีกครั้ง)
“ ข้าให้เวลาท่านได้เสมอ แต่อย่านาน ข้ารู้สึกไม่สบายใจข้ากลัวว่าเราจะพรากจากกัน” จุมฟ้าบอกกอดเทวาแน่นกว่าเดิม
“ ได้ ข้าจะคิดไม่นาน” เทวาว่ามองใบหน้าอ่อนละมุน ทั้งแก้มเนียนที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบ
“ ท่านมองข้าเช่นนี้ นั่นทำให้ข้าเขิน” จุมฟ้าว่าผลักคนรักออกไปแอบอมยิ้มทั้งเขินทั้งอาย ในอกหัวใจมันเต้นตึกตัก
“ ให้ข้าผู้ต้อยต่ำได้หอมแก้มท่านด้วยเถอะ” เทวาขอเดินหน้า 1 ก้าวเข้าไปใกล้จุมฟ้าที่หน้าแดงระเรื่อ
“ ทำไมจะไม่ได้” ร่างโปร่งบอกหลับตาลง ...
เทวาว่าจุมพิตที่แก้มขาวนั้นแผ่วเบา ก่อนที่ถอยหลังกลับไป เพียงแค่นั้นก็ทำให้แก้มสีไข่มุกแดงเหมือนลูกแอ็บเปิ้ล
“ ข้าต้องไปทำงานแล้ว วันนี้จะมีงานเลี้ยงที่ปราสาทของกษัตริย์ ข้าต้องไปช่วยท่านพี่เตรียมชุด”จุมฟ้าบอกเอามือลูบแก้มที่เพิ่งถูกหอมไป
“ .........................” เทวาพยักน้าเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน แล้วยังไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าขอจุมพิตเจ้านายถึแม้จะเป็นคู่รักก็ตาม
“ ..............อย่าลืมว่าท่านบอกข้าจะคิด เทวา...โปรดได้รู้ว่าข้ารอคำตอบจากท่านว่าเมื่อไร” ร่างโปร่งบอกแล้ววิ่งกลับไปยังปราสาท ใบหน้ายังร้อนผ่าวอยู่เลย....
“........................”
.
.
.
.
“ เจ้าไปไหนมาจุมฟ้า?” ซีซี่ถาม ริมฝีปากของเธอทาด้วยสีแดง ผมเกล้ายกสูงตามกาลนิยม
“ ท่านแม่ ข้าไปคอกม้า”
“ เจ้าคงไปหาเจ้าเทวาเจ้าคนเลี้ยงม้าล่ะสิ” ซีซี่ว่า พอเห็นลูกเลี้ยงไม่ตอบ นางก็รู้ว่าที่นางพูดถูก จึงยกยิ้มที่ริมฝีปากสีแดงก่อนที่จะเอ่ย
“ แต่นั่นก็เป็นชีวิตของเจ้า ข้าเป็นแม่เลี้ยงไม่อาจจะห้ามเจ้าได้.....แต่ว่าตอนนี้พี่ๆของเจ้ากำลังเตรียมตัวที่จะไปงานเลี้ยงของกษัตริย์ที่ทรงจัดงานเพื่อหาคู่ให้กับเจ้าชายวรวุฒิ เพราะงั้นเจ้าจงไปช่วยพี่ๆแต่งตัว”
“ขอรับ”
“ อ้อ เจ้าอยากไปงานเลี้ยงนี้หรือไม่” ซีซี่ถาม แต่ถึงจะอยากไปนางก็มีวีธีที่จะทำให้ลูกเลี้ยงคนนี้ไม่ทางไปเสนอหน้าได้งานเลี้ยงได้แน่นอน เพราะนางไม่วันจะให้ใครเด่นเกินหน้าบุตรชายนางมิได้ และยิ่งด้วยลูกเลี้ยงที่หน้าตาหมดจนเช่นนี้ นางจำต้องตัดไฟแต่ต้นลม
“ ไม่ขอรับ ข้าไม่อยากไป” จุมฟ้าบอก เพราะเขาไม่ต้องการที่จะไปจริงๆ ในงานที่มีคนใส่หน้ากากเข้าหากัน หาความจริงใจก็ไม่มี เขาพูดกับม้ายังจะดีกว่าที่จะไปคุยกับคนพวกนั้น และยังเจ้าชายวรวุฒิที่ว่ากันว่าเป็นคนที่แสนเอาแต่ใจ และเจ้าชู้จนเป็นที่เลืองลือ เขามีรึอยากจะไปงานของคนเช่นนั้น
“ ก็ดี เพราะข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ไปไม่ได้ เพราะวันนี้มีงานอีกมากมายที่จะให้เจ้าทำ เจ้าคงไม่มีเวลาที่จะไปงายเลี้ยงนี้หรอก ...” ซีซี่บอกปลายหางตาที่ยาวเรียวจนเกินจริงมองลูกเลี้ยง
“ ถ้าท่านมีสิ่งใดที่จะสั่ง ข้าจะขอตัวขึ้นไปช่วยท่านพี่แต่งตัว”
“ ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าไปได้ และข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยท่านพี่ของเจ้าแต่งกายให้เลิศหรูมากกว่าใครในงาน
“ข้าจะพยายาม” จุมฟ้าบอกแล้วขึ้นบันได้มาบนชั้น 2 ณ ห้องของบุตรคนที่ 2 ของซีซี่
--ก็อกๆ—
“ ท่านพี่ ข้าจุมฟ้า”
“ เข้ามา” เสียงธีรทัตบอกจากในห้อง จุมฟ้าจึงเปิดประตูเข้าไป
ในห้องไม่มีความดีใจ รื่นเริงเหมือนการไปงานเลี้ยงเหมือนทุกครั้ง
ร่างเล็กๆของบันบันนอนอยู่เตียง 4 เสาที่สวยงาม ข้างกายมีธีรทัตนั่งลูบศรีษะคล้ายปลอบขวัญ
“ ท่านพี่เกิดอะไรขึ้น?” จุมฟ้าถามเดินยืนข้างเตียง เขาสงสัยว่ามีสิ่งใดกันที่ทำให้ท่านพี่ผู้ร่างเริงต้องนอนร้องไห้เช่นนี้
“ จุมฟ้า ข้าไม่รู้จะทำเช่นไร ข้าไม่คิดว่าข้าจะมีทางรอดใด หากว่าเจ้าไม่ช่วยข้า” บันบันสวมกอดจุมฟ้าที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“ท่านพี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ เจ้ารู้ไม่ว่า งานนี้คืนนี้จัดเพื่อให้เจ้าชายวรวุฒิได้เลือกคู่”
“ ข้ารู้”
“ แล้วเจ้ารู้ไม่ว่า เจ้าชายวรวุฒิทรงมีพระทัยชอบบุรุษที่ตัวเล็กน่ารักเช่นข้า”
“ 0.0”
“.....................เจ้าคงว่าหลงตัวเอง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และข้า และข้า ฮือๆ” บันบันว่าพลางร้องไห้ น่าสงสาร เรือนร่างเล็กสั่นสะท้าน
“ท่านพี่โปรดสงบใจเสียก่อน ..”
“ เพราะงั้นให้ข้าตายดีกว่าที่จะไปเป็นชายาของเจ้าวรวุฒิ ข้ารักท่านพี่ธีรทัติเพียงผู้เดียว เจ้าก็รู้จุมฟ้า โปรดช่วยข้าด้วย” จุมฟ้าทราบเรื่องนี้มานานแล้ว ทราบว่าท่านพี่ธีรทัต และท่านพี่บันบันมีความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ แต่ในเมื่อความรักได้เกิดขึ้นแล้ว จะห้ามก็เปล่าประโยชน์
“ข้าขอร้องเจ้าอีกคนจุมฟ้า อย่าว่าข้าทวงบุญคุณเจ้าเลยว่า หลายครั้งที่เจ้าถูกท่านแม่ทำโทษ มีหลายครั้งที่เรา 2 คนพูดเพื่อช่วยเจ้า และในครั้งนี้ข้าขอร้องให้เจ้าช่วยเรา”
“ แต่ข้าจะช่วยท่านพี่ได้เช่นไร ข้าเองก็ไม่ได้ไปงานนี้” จุมฟ้าบอก เขาเองก็อยากช่วยแต่เขาจะช่วยอะไรได้
“ เจ้าต้องไปงานนี้” บันบันบอกน้องชาย เช็ดน้ำตาแล้วเดินครุ่นคิด
“ แต่ท่านแม่ไม่ยอมให้เขาไปแน่” ธีรทัตบอกซึ่งจุมฟ้าก็เห็นเป็นเช่นนั้น
“ แต่ท่านพี่ หากข้าไปไปงานนี้จริง ข้าจะช่วยท่านพี่ได้อย่างไร ข้ามองไม่เห็นทางแม้แต่น้อย” จุมฟ้าบอก
“ เจ้าก็แค่เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าชาย ไม่ให้เข้าใกล้ข้าได้ก็พอ หลังจากนั้นข้ากับท่านพี่ธีรทัตจะหนีออกมา และจะกลับมาปราสาททันที ” บันบันบอก เพราะเขาไม่มีทางปฎิเสธการเชิญไปงานครั้งนี้ ทั้งท่านแม่ก็เห็นดีเห็นงามด้วย มีแต่ไปและรีบกลับมา แล้วค่อยหาเหตุผลไปเป็นข้ออ้างที่หลัง
“ แต่ข้าไม่รู้ว่า จะเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าชายได้อย่างไร”
“ นั่นไม่อยาก เจ้าก็แค่เข้าไปพูดคุย ตามติดเจ้าชายแจ อย่าให้คาดสายตาได้ก็พอ”
“O.0” แต่ว่านั้นมากยากไม่ใช่หรือไง
“ หรือว่าเจ้าไม่อยากช่วยข้า จุมฟ้า” บันบันกุมมือร่างโปร่งไว้ ใบหน้าอ้อนวอนสุดซึ้ง
“......................”
“ ได้โปรดจุมฟ้า น้องพี่” บันบันว่า
“ขอรับ”
“ งั้นเอาตามนี้” ธีรทัติบอกแล้วเอาชุดที่เตรียมไว้ให้ออกมาจากหีบไม้สีน้ำตาลแดง
“ นี่เป็นชุดที่ดีที่สุดของพี่ ข้าจะให้เจ้า แต่จะไม่ให้ตอนนี้ ข้าจะนำมันไปไว้ในห้องเจ้าทันทีที่มีโอกาส เพื่อไม่ให้ท่านแม่รู้ว่าเจ้าก็จะไปงานเลี้ยงนี้เช่นกัน”
“ ...................”
“หลังจากที่พวกเราไปแล้ว เจ้าค่อยตามไปที่หลัง”
“ แต่ท่านพี่ข้าไม่มีรถม้า” จุมฟ้าบอก
“ แต่เจ้าเทวาคนรักของเจ้า เขาพาเจ้าไป.....”
“...................”
ประตูอีกด้านเลดี้ซีซี่ฟังทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ชัดทุกคำพูดแต่นางรู้ว่าลูกเลี้ยงจุมฟ้าจะไปงานเลี้ยงของเจ้าชาย ซึ่งนางไมมีวันยอม ‘แต่ข้าจะเป็นไม่รู้’ นางกระหยิ่มย่องอยู่ในใจ ในหัวมีแผนการณ์พุดขึ้นจนริมฝีปากคลี่ยิ้มราวกับผู้ชนะ
. * . * .
เอามาลงจนได้ (ฮา)
อ่านแก้เครียดเน้อ ปล.ตอนรับท่านน้องพลัมเจ้าค่ะ