
บุพเพวายร้าย
24.
ผมตื่นขึ้นจากเสียงนาฬิกาปลุก แล้วดูมือถือว่าพี่วุฒิวางไปหรือยัง?
พี่วุฒิวางไปแล้ว ผมลองเช็ดสายที่รับล่าสุดว่ากี่นาที เกือบ 9 ชั่วโมง! หมายความว่าพี่วุฒิเพิ่งวางไปไม่นานนี้เอง
พี่วุฒิลืมหรือเปล่า หรือว่าตั้งใจ.......
“ .................พี่ครับ แบบนี้ ผมดีใจนะครับ เหมือนกับว่าพี่ก็คิดถึงผมเหมือนกัน” ผมพูดคนเดียวมองโทรศัพท์แล้วผมยิ้มอยู่นานพอดู จนระลึกได้ว่าต้องไปโรงเรียน
จึงได้ผมออกมาทำกับข้าว ส่วนพี่แบงค์น่าจะยังไม่ตื่นเพราะยังไม่ออกจากห้องเลยครับ จากนั้นผมกลับมาอาบน้ำ แล้วกลับออกไปว่าจะไปปลุกพี่แบงค์ด้วย แต่พี่แบงค์ตื่นแล้ว นั่งบนโต๊ะรอผมแล้วยังจัดแจงกับข้าว ตักข้าวให้ผมเสร็จสับ เหมือนวันแรก
“ พี่แบงค์?” บอกได้เลยว่าผมไม่สนิทใจ
“ จุม เมื่อคืนพี่ขอโทษ พี่เมา” พี่แบงค์บอก ไม่ได้แตะต้องช้อนในจานข้าวที่ตักรอไว้
“ ผมเข้าใจครับ” ผมบอก กินข้าวไปด้วยพยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“ .............จุมไม่โกรธพี่นะ” พี่แบงค์ถาม สายตาเป็นกังวลว่าผมจะโกรธ
“ ไม่ครับ ผมไม่โกรธ ผมบอกแล้วว่าผมเข้าใจ เมื่อคืนพี่เมามาก คงคิดว่าผมเป็นคนที่พี่ชอบใช่ไหมครับ?”
“ ใช่ พี่ชอบ” พี่แบงค์บอกเสียงแหบพร่า
“ เพราะงั้น ลืมมันไปเถอะครับ พี่กังวลเรื่องนี้แล้วพี่แล้วยังมากังวลเรื่องผมอีก” ผมพูดรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คำว่า ‘ขอโทษ’ มันเพียงพอแล้วที่เรียกความสนิทใจของผมกลับมา เพราะพี่แบงค์ไม่ใช่คนที่เลวร้ายแต่อย่างใดแค่เหล้าทำให้ขาดสติ
“................................”
“กินข้าวเถอะครับ” ผมบอกตักหมูทอดกระเทียมให้พี่แบงค์ พร้อมทั้งยิ้มให้
“ .....................” พี่แบงค์ไม่ได้พูดอะไร กินหมูทอดกระเทียมที่ผมตักให้เงียบๆ
“......................................”
จนเวลา 7 โมงครึ่งพี่แบงค์ก็ไปส่งผมที่โรงเรียน
“ ขอบคุณครับ” ผมยกมือไว้พี่แบงค์ แต่ก่อนที่จะลงจากรถพี่แบงค์ก็พูดขึ้นมา...
“....จุม......................”
“ครับ” ผมหันกลับไปมือยังจับค้างอยู่ประตูรถ
“ พี่คิดดูแล้ว พี่คิดว่าพี่ควรจะหยุด….เพราะความรักที่คิดไปคนเดียวมันไม่มีทางสมหวัง....” พี่แบงค์บอกจ้องหน้าผมจริงจัง
“ ....................................” ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ทั้งสงสารพี่แบงค์แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมไม่ใช่คนที่ตัดสินใจ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมแค่ผมรู้สึก …
ผมเปิดประตูออกมา ยืนมองพี่แบงค์ขับรถขับไปจนลับสายตา
พี่แบงค์...คงเจ็บมาก
ผมยืนนิ่งอยู่โดยไม่รู้ตัว จนเมื่อมีมือมาตบไหล่ ก่อนที่ตัวผมจะเย็นยะเยือก แล้วปัดมือที่จับไหล่ออกรวดเร็ว
“ โทษที กรูลืมไปว่ามรึงไม่ชอบให้ใครถูกตัว” จักรว่า
“ ไม่เป็นไร” ผมบอก ยิ้มให้จักร แล้วเดินเข้าโรงเรียนด้วยกัน
สรรพนาม กรู มรึงถูกนำมาใช่แทน เรา,นาย เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 2 วัน ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผมก็ใช้คำพวกนี้กับบันบัน และธีเพื่อนคนอื่นๆอยู่แล้วด้วย และมันเป็นคำที่บอกว่าพวกเราสนิทกัน
“ ซีซี่ล่ะ?” ผมถามเพราะเมื่อวานเห็นด้วยกันกับจักร แต่วันนี้ไม่เห็น
“ กำลังมา”
“..?..” ผมหน้างง แล้วทำไมจักรไม่รอล่ะ
“ อย่ามาว่ากรูทิ้งเพื่อนล่ะ มันให้กรูรอทุกวัน วันนี้เลยว่าจะดัดนิสัยมันหน่อย แหม่งกว่าจะแต่งตัวองค์เครื่องเสร็จ เลยมาก่อนซะเลย” จักรบอก
“ ไอ้จักร!” ผมและจักรหยุดเดินหันหลังกลับไปพร้อมกับเสียงเรียกชื่อจักร
ภาพที่เห็นคือซีซี่ กำลังวิ่ง 100 เมตรมาหาพวกผม(ไม่อยากบอกเลยครับว่าดูหน้ากลัวมาก) สิ่งที่เด่นในตัวซีซี่คือผ้าคาดผมสีส้มลายลูกไม้ที่มองเห็นมาแต่ไกล
“ ทำไมมรึงไม่รอกรู!” ซีซี่ว่าเอามือปาดเหงื่อ(พูดเสียงใหญ่แบบผู้ชายเถื่อนๆ)
“ แล้วทำไมกรูต้องรอมรึงด้วย” จักรว่า หันกลับมาหาซีซี่ตาเขียว
“ ถ้ามรึงไม่รอเมีย มรึงจะรอควายที่ไหน!” ซีซี่ตอบเอียงหัวไปมา ผมตกใจครับ หมายความว่า 2 คนนี้...
“ ไอ้สิทธิ ไอ้ควายกรูไปเป็นผัวมรึงตอนไหน!”
“ ตอนไหนกรูจำไม่ได้ แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นไปแล้ว” ซีซี่บอกอมยิ้มเอาไหล่กระแซะจักร
“ ควาย! ถ้ากรูจะเอาทำผู้ชายทำ เมีย.....” จักรหันหน้ามาผม ผมชักรู้สึกว่าผมต้องเข้าไปเอี้ยวด้วยแน่ๆ
“ ถ้ากรูจะเอาผู้ชายทำเมีย กรูเอาไอ้จุม ดีกว่ากว่าเอามรึง”
“.............0.0..” (ผม)
“ จุม นายมันตีท้ายครัวเรา” ซีซี่ชี้หน้าผม แล้ววิ่งไปหายูที่เพิ่งเดินมา
“ ไอ้สิทธิ์มรึงอย่ามาสีกรู กรูไม่นิยมของแปลก..” ยูวิ่งหนีครับ และแน่นอนซีซี่วิ่งตาม
“ ฮะๆไอ้เลว มัวเอากรูเป็นผัวตลอด” จักรหัวเราะไม่ได้มีความรู้สึกโกรธซีซี่แต่อย่างใด แต่ผมหน้าเจื่อนครับ
(เตือนความทรงจำ : ชิด 182 จุม 180 ซีซี่ 178 ยู 175 จักร 173)
“ อ้าว หน้าซีดเลย โทษที กรูพูดเล่นๆไม่ได้จริงจัง อย่าซีเรียส ดิ” จักรว่าหันมามองผม
“ แค่ตกใจน่ะ” ผมบอกเดินต่อ มีจักรเดินข้างๆ
“ กรูไม่ได้เป็นเกย์ วางใจได้ กรูไปล้ำมรึงแน่ แต่ไอ้ชิดไม่แน่ อย่าไปเล่นกับมันมาก มันเห็นจุมติ๋มๆระวังโดนเสียบ ...ฮ่าๆ” จักรได้ทียิ่งพูดแกล้งผม
“ โอ๋ๆลูกรัก อย่าได้กลัวไปแม่อยู่นี้แล้ว แม่จะปกป้องลูกเอง แต่แค่แม่ไม่พอต้องหาพ่อเพิ่ม...อืม” จักรทำท่าคิด “ ซีซี่ก็ไม่เลวเนอะ เดี๋ยวให้มันเป็นพ่อ เพราะกล้ามมันใหญ่ดี” จักรวิ่งนำหน้าผม พอผมอยู่คนเดียวแล้วหันซ้ายหันขวา ชักไม่แน่ใจ วิ่งตามจักรดีกว่า
“ จักรรอด้วย!”
ชีวิตม.ปลายปีสุดท้ายไม่เลวไปสักทีเดียว……………..
* * * * *
คาบชุมนุมจะอยู่วันพฤหัสฯคาบสุดท้ายซึ่งก็คือวันนี้ครับเพราะงั้นคาบสุดท้ายผมกับจักรเลยพากันมาสนามบอล(ไปลงชื่อกับอาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุมตั้งตอนเที่ยง วันพุธ) พอไปถึง ก็โดนแบ่งออกเป็น 2 ทีมลงแตะกันเลย หลังจากวอร์มร่างกายกันแล้วนะครับ
จนถึง 4 โมงก็พากันพักครับ
“ มรึงไม่เลวเลยว่ะ” จักรว่ามือค้ำเอนหลังกับพื้นหญ้า ส่วนผมนอนลงไปเลย เหนื่อยมาก เหมือนไม่ได้เล่นมานาน พอเล่นหนักๆแบบนี้เหมือนร่างกายมันปรับไม่ทัน
“ มรึงไม่ลองสมัครนักกีฬาโรงเรียนดู สาวตรึมนะเฟ้ยบอกก่อน”
“ มอ6แล้ว เลยคิดว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือดีกว่า แล้วก้ไมได้เล่นเก่งจนจะทำเป็นอาชีพได้”
“ ก็จริง”
“ .................................”
“ ตายยัง?” จักรชะโงกหน้ามาดู
!?
“ ..........................” ผมส่ายหน้าตอบ แล้วลุกขึ้นมา เพราะตกใจที่อยู่ๆจักรก็ชะโงกหน้ามา
“ มรึงนี่ ตกใจง่ายวะ” จักรว่าเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อ ผมเองก็เช่นกัน
“..............................” ผมไม่ได้ตอบ ก้มหน้าลง
“ กรูก็แค่พูดเล่นมาคิดมากล่ะ”
กริ้งๆ“ โท-สับ มรึงป่ะ? เสียงนี้กรูจำได้” จักรว่านอนหงายเอาผ้าผืนเมื่อกี้คลุมหน้า
กริ้งๆใช่ครับ เสียงโทรศัพท์ของผม เลยวิ่งไปยังกองกระเป๋าที่กองรวมๆกันไว้ แล้วดึงเอาเป้ตัวเองออกมา
พี่แบงค์ โทรมา
“ อัลโหลครับ”
“ จุม 4 โมงแล้วนะ”
“ หรือครับ!” ผมว่าเอานาฬิกาที่ถอดไว้ก่อนลงเล่นมาดู 4: 14
“ ขอโทษครับพี่ผมเพิ่งเตะบอลเสร็จ เดี๋ยวผมรีบไปตอนนี้เลย”
“ ไม่เป็นไร ทำแบบที่เพื่อนเขาทำนั่นแหละพี่รอได้....”
“ครับ” แล้วเอามือถือยัดใส่ซิบด้านข้างของเป้
“ พี่มารับแล้วเหรอ?” จักรถามดึงเอากระเป๋าตัวเองออกมาจากกองเหมือนผมเมื่อกี้
“อืม” (พยักหน้า)
“ งั้นก็ไป” จักรว่าเดินออกมาก่อน
“ ไม่เก็บบอลก่อน?”
“ให้ ม.4 เก็บ เรามันมอ6 ต้องใช้ความอาวุโสให้เป็นประโยชน์” จักรบอกผมเลยเดินตามจักรไปติดๆ ความจริงอยากไปล้างหน้าล้างตาก่อน แต่เห็นว่าพี่แบงค์มารอแล้ว และคอนโดก็อยู่ไม่ไกลเลยคิดว่าไปอาบน้ำที่คอนโดเลยดีกว่า
พวกผมเดินออกมาหน้าโรงเรียนเห็นพี่แบงค์กำลังคุยกับซีซี่อยู่ครับ
“หวัดดีครับพี่” จักรยกมือไหวพี่แบงค์
“ หวัดดี”
“ ซีซี่มานานแล้วเหรอ?” ผมถาม
“ ไม่นาน” ซีซี่ว่าหน้าจ้องมองพี่แบงค์ตลอด จนผมเองคิดว่าพี่แบงค์ก็เขินอยู่เหมือนกัน
“ งั้นกลับกันเลย เดี๋ยวไอ้วุฒิมันจะกลับมาแล้ว” พี่แบงค์ว่า ทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นก่อนที่ผมจะสงบลง
พี่วุฒิ ..ผมไม่ได้เจอหน้าพี่วุฒิมา 3 วันแล้ว...
“ ไปนะ เจอกันพรุ่งนี้” ผมว่าเดินตามพี่แบง์ไปที่รถโดยมีซีซี่โบกมือตาม ผมเลยต้องโบกมือตอบ(ทำไม?)
* * * * *
“ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกเมื่อมาถึงห้องเพราะเหนียวตัวมาก อยากจะอาบน้ำให้สะอาด
“ เดี๋ยวจุม”
“ครับ ? ” ผมหันกลับไปหาพี่แบงค์
“ พี่ดีใจนะที่ 3 วันนี้พี่ได้อยู่จุม..............”
“ครับ ผมก็ดีใจ” ผมบอกเพราะดีใจจริงๆ พี่แบงค์เป็นคนดีและดูแลผมดีมาก ถึงแม้ว่าพี่แบงค์จะเมาวันนั้น...และมีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจก็ตาม
“ .........................ถ้ามีปัญหาอะไรกับไอ้วุฒิ โทรบอกพี่ก็ได้ พี่จะพูดกับมันให้”
“ครับ” ผมว่าสบายใจขึ้นมาเฉยๆ แล้วเข้าห้องไปอาบน้ำ จะได้ทำกับข้าวรอพี่วุฒิที่จะมาถึง 2 ทุ่ม
“ ........................”
สัก 5 โมงครึ่งได้ผมออกมาทำกับข้าว ส่วนพี่แบงค์กำลังดูโทรทัศน์แต่พอผมเดินไปดูพี่แบงค์หลับครับ อย่างงี้เขาเรียกโทรศัพท์ดูคน แต่ยังไม่ทันที่ผมลงจะลงมือทำ เสียงกดออดหน้าห้องก็ดัง
ผมเลยไปเปิดประตู…
!?
พอผมเปิดประตูเท่านั้นแหละวัตถุบางอย่างก็เข้าจู่โจมผมรุนแรงจนมันทำให้ไม่รู้สึกถึงความนุ่มของมันเท่าไรเลย ผมถอยหลัง 2 ก้าวเมื่อเจ้าวัตถุนั้นกระแทกลำตัว
“ กรูให้!” เสียงพี่วุฒิครับ
(ดีใจ)
“ ...................” ผมมองเจ้าตัวที่ผมกอดอยู่ตอนนี้คือตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่มาก น่าสูงจะสัก 2 เมตรได้
ให้ผม??
“ ชอบไหม?” พี่วุฒิถามยังคงยืนอยู่หน้าประตู
“.........................” ผมยังตกใจอยู่ครับพูดไม่ออก ว่าเนื้อแท้เจ้าตัวที่ปะทะผมเมื่อกี้คือตุ๊กตาหมีตัวนี้นี่เอง
“ กรูก็แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ เพราะกรูให้มรึงต้องชอบ...” พี่วุฒิว่าเดินเข้ามาในห้อง แล้วเอามือคลายเทคไทล์ที่คอออกหลอมๆ พี่วุฒิในชุดสูทไม่เคยเห็นเลยครับดูเป็นผู้ใหญ่มาก
“ รู้ว่าผมชอบ ?...” รู้ตอนไหน?
“ใช่” พี่วุฒิหันกลับมา ใบหน้ามองผมไม่ไว้วางตา “ อย่ามาปฎิสธตอนอยู่โรง-บาลกรูเห็นว่ามรึงชอบลิงกรูเลยซื้อมาให้”
ลิง?
“...............................” มันไม่ใช่หมีเหรอ? แต่ถึงมันจะเป็นลิงผมก็ดีใจ
“ ทำไม หรือว่ามรึงไม่ชอบ!” พี่วุฒิถามเสียงเข้ม
“ ชอบครับชอบ” ผมตอบก่อนที่พี่วุฒิจะเข้าใจผิด
“ ชอบก็ดี”
“ ไอ้วุฒินี่มรึงหอบตุ๊กตาหมีมาจากฮ่องกงเลยหรือวะ?” พี่แบงค์เดินมาหาพวกผมแล้วถามพี่วุฒิ
“ เปล่า กรูสั่งทำไว้เป็นอาทิตย์แล้วเพิ่งได้ และมันไม่ใช่ตุ๊กตาหมี แต่มันเป็นตุ๊กตาลิง!”
“ลิง เออ ลิงก็ลิง” พี่แบงค์ว่าเหมือนจะขำแต่ก็ไม่ขำ หันมาทางผมที่กำลังกอดเจ้าตุ๊กลิง?แน่น มันหนักใช้ได้เลยครับ
“ ข้าวล่ะ?” พี่วุฒิหันมาถามผมที่กอดตุ๊กตาลิงอยู่
“ ยังไม่ได้ทำครับ” ผมตอบ
“ มรึงว่าไงนะ!” พี่วุฒิขึ้นเสียงจนผมสะดุ้ง
“ กรูยังไม่ได้กินข้างเที่ยง เพราะคิดว่าจะมากินข้าวที่มรึงทำแต่มรึงบอกว่ายังไม่ได้ทำ!” พี่วุฒิว่าเดินตรงมาผมที่เดินถอยหลัง
“ ผมกำลังจะทำครับ” ผมบอก
“ แล้วทำไมมรึงเพิ่งจะทำมรึงเลิกเรียนตั้งแต่ 4 โมง หรือว่ามรึงไปไหนมา” (ผมกอดตุ๊กตาลิงแน่น แม้แขนจะสั่น ความรู้สึกดีใจเมื่อกี้หายไปหมดสิ้น)
“ ไอ้วุฒิ มรึงแหละผิด ไหนมรึงบอกว่าจะมาถึง 2 สักทุ่ม แต่นี่ยังไม่ 6 โมง มรึงจะมาว่าน้องเขาไม่ได้ และจุมก็ไม่ได้ไปไหน เลิกเรียนกรูก็พามานี่เลย”
“ กรูว่ามันได้ มันเป็นของกรู.. กรูจะมาตอนไหนมันก็เรื่องของกรู มันมีหน้าที่ทำมันก็ต้องทำ!” “...วุฒิมีเหตุผลหน่อยดิ” พี่แบงค์ว่า และบอกผมให้เอาตุ๊กตาไปเก็บ
“ ไม่ไป!กรูจะให้มันทำ” พี่วุฒิหันมามองผมที่เดินออกมาจากห้อง
“ ยืนบื้ออยู่ได้ ไปทำกับข้าวเซ่!!”“ครับ” ผมว่าเดินเข้าครัว
“เอาไข่เจียวก็พอ เพราะกรูหิว!” พี่วุฒิสั่งตามหลัง
“ ..........................” ผมเอาไข่ออกจากตู้เย็นน้ำตามันก็พาลไหลลงมา ทั้งๆที่ผมคิดว่าบางสิ่งบางอย่างมันดีขึ้นแล้ว ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับพี่วุฒิ ผมรู้ว่าพี่วุฒิเปลี่ยนไปบ้างแล้ว แต่ความจริงแล้ว ไม่เลย ผมคิดไปเองคนเดียว
“จุมพี่กลับก่อนนะ” (เสียงพี่แบงค์)ผมเอามือลูบน้ำตาแรงๆแล้วหันกลับไปยิ้มอย่างพยายามที่สุดให้พี่แบงค์
“ไม่กินข้าวก่อนหรือครับ?”
“ ...................ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำธุระต่อ................” พี่แบงค์บอกเสียงเรียบจนเกินไปด้วยซ้ำ
“ ........................” พี่แบงค์จ้องผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมก้มหน้าลงแล้วหันกลับไปตีไข่ ผมมองเห็นชามไข่ไม่ชัดเลยน้ำตามันไหลลง ลงมาอีกแล้ว
3 วันที่ไม่ได้เจอกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ เสร็จหรือยัง?” พี่วุฒิเร่ง
“ ครับ ครับ กำลังทำอยู่” แต่ผมนึกขึ้นได้ ว่าผมยังไม่ได้หุงข้าว ผมหันไปมองชั้นในหม้อหุงข้าว ที่ล้างแล้วเรียบร้อย พี่แบงค์คงจะล้างไว้
“ พี่ครับ เดี๋ยวต้องรอหุงข้าวสัก 20 นาที” ผมเดินไปบอกพี่วุฒิที่นอนรออยู่โชฟา
“ ..................” พี่วุฒิลืมตาขึ้นมาทันที
“ รีบ” พี่วุฒิพูดหลับตาลง ไม่ได้ว่าผมอย่างอื่น ผมพอใจชื่นขึ้นมาหน่อย 20 นาทีพอจะทำกับข้าวอย่างอื่นเพิ่มได้
ผมรีบกลับไปทำกับข้าว ในหัวคิดว่าจะทำอะไรเพิ่มดี แต่พอจะเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบ มือพี่วุฒิก็จับมือผม!? ผมหันหน้าไปมองพี่วุฒิ
“ ...................................” อยากจะถามว่า ‘มีอะไรหรือเปล่าครับ?’ แต่พอมองหน้าพี่วุฒิแล้วพูดไม่ออก
“ กรูไม่อยากกินข้าวแล้ว...” พี่วุฒิว่าจ้องหน้าผม ผมดึงมือตัวเองกลับมา ขาเดินถอยหลังอัตโนมัติจนชนขอบซิงค์ แต่พี่วุฒิไม่หยุดเดิน
“ พี่ ค รั บเ ..ดี๋ ยว ก็ เ ส ร็ จแ ล้ วค รั บ .....” เสียงผมพูดกะท่อนกระแท่น
“ กรูไม่กินแล้ว จะเสร็จตอนนี้หรือตอนไหน ไม่สำคัญกับกรูแล้ว”
“ พี่ครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าพี่จะมาตอนนี้ ผมไม่รู้จริงๆ...” ผมพูดพลางส่ายหน้า
“ กรูจะยกโทษให้มรึงก็ได้”
“ จริงหรือครับ” (ผมยิ้ม)
“ ใช่ กรูก็ไม่ใช่คนใจร้าย”
ดีใจ
“ ............แต่มรึงต้องให้กรูเอามรึงก่อน ไม่งั้นกรูไม่หายหงุดหงิด”
“.........................”(หน้าซีด) ผมหน้าชา
“ตกใจทำไม?”
“ ไหนพี่ว่าจะยกโทษให้ผม”
“ ก็จะยกโทษให้ แต่มันหลังจากนี้ กรูจะได้ตรวจมรึงด้วยว่ามรึงนอกใจกรูหรือเปล่า?”
“ ผมไม่เคยทำแบบนั้น” “ เหรอ?”
“ครับพี่ ผมไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากพี่” “ ก็ดี แต่กรูไม่เชื่อ
กรูต้องพิสูจน์เอง!” พูดจบพี่วุฒิก็กอดเอวผมไปชิดกับตัวพี่วุฒิ
“ มรึงตัวสั่น นี่มรึงกลัวอีกแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ครับผมกลัว” ผมบอก
“ แต่มรึงทำใจเถอะ ผัวเมียที่ไหนเขาก็ทำกันแบบนี้แหละ โทษทีวะกรูช่วยไม่ได้จริงๆ...
“..........................”
“ เงียบแปลว่า ทำใจได้..”พี่วุฒิยิ้มเอาแขนอีกข้างช้อนใต้เข่าผมแล้วอุ้มผม(แบบที่เจ้าบ่าอุ้มวเจ้าสาว)ไปห้องพี่วุฒิ
พอเอาผมวางเตียง ก่อนที่พี่วุฒิจะขึ้นมาคร่อมตัวผม ผมกำมือแน่นมากหรือมันเกร็งกันแน่ผมก็ไม่แน่ใจ
“ มรึงจะกลัวอะไรหนักหนา!” พี่วุฒิว่าเสียงหงุดหงิดยิ่งทำให้ผมกลัว หรือว่าผมทำให้พี่วุฒิโกรธแล้ว
“ ผะ ผม....” พูดไม่ออก
“ อะไร ..พูดมา....”
“ ........................อะอย่า” อย่าเสียงดัง อย่าตะคอกผม
“ กรูก็แค่ทำเหมือนที่เคยทำ กรูฆ่ามรึงไหมก็ไม่!” เพราะมันเหมือนทุกครั้งเลยกลัว ถึงแม้ว่าบางครั้งพี่จะอ่อนโยนกับผม แต่มันน้อยครั้งเหลือเกินจนผมคิดว่ามันเกิดขึ้นจริงๆเหรอ?
“ พี่ครับ อย่าเสียงดัง” “ กรูจะเสียงดัง เผื่อมรึงจะเข้าใจ!” “ ..........................”
“ มรึงทำให้หมดอารมณ์เลยรู้ป่ะ? ไม่ได้เจอกัน 3 วันแทนที่มรึงจะ...แต่พอเจอหน้ากรูก็เอาแต่ร้องไห้ ยังกะกรูเป็นยักย์เป็นมาร ยังกะว่ากรูทำร้ายมรึงหนักหนา!” พูดจบพี่วุฒิก็ลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ผม
“ .............................” ผมลอบถอนหายใจ รอยยิ้มพุดขึ้นบนริมฝีปากโดยไม่คาดคิด..
ควับ!
“มรึงยิ้มอะไร?” พี่วุฒิหันกลับมาถาม
“ ................ปะเปล่าครับ” ผมบอกขยับตัวหนีจากพี่วุฒิแต่ไม่ทัน แขนผมถูกดึงพร้อมดวงตาคมกริบจ้องผมไม่วางตา
“...........................ปะเปล่าครับพี่....” “ ตอแหล่ กรูเห็นมรึงยิ้มชัดๆ นี่มรึงคงดีใจที่ตีหน้าซื่อหลอกกรูได้ใช่ไหม?!”
“ ไม่ใช่ครับ” แรงจับที่แขนเปลี่ยนเป็นบีบผมเจ็บแปล้บร้าวไปทั้งแขน
ตื่นกลัว
“ นี่มรึงคิดว่ากรูโง่”
“ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่จริงๆเมื่อกี้ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายิ้ม พี่ครับเชื่อผมด้วย” “ มีที่ไหนไม่รู้ตัวเองว่ายิ้ม ถ้าจะมีก็มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ!” “ จริงๆครับ ผมไม่ได้หลอกอะไรพี่เลย ผมไม่กล้าหรอก” ผมบอกน้ำตาเต็มหน้า ภาวนาให้พี่วุฒิเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่ถ้าพี่วุฒิไม่เชื่อผมไม่อยากคิด
“.............................”
“ จริงๆนะครับ” “ ไม่ต้องย้ำ กรูรู้ว่าความจริงมันคือะไร....”
“ .. .................” ขออย่าให้พี่วุฒิโกรธมากกว่านี้เลย
“ ไปทำกับข้าว เร็วๆกรูหิว” พี่วุฒิสั่งจบ ผมก็รีบลงจากเตียงออกจากห้องผ่านประตูที่เปิดค้างไว้ทันที
ดีใจมาก ดีใจจนใจมันกำลังหัวเราะ.......
“ ทำแค่ไข่เจียวก็พอ มีไก่ มีปลา อะไรก็ใส่ลงไป” พี่วุฒิยืนที่ประตูสั่งเสียงปกติแต่มันก็ทำให้ผมสะดุ้งจนตัวแข็ง
“........................ครับ” ผมพูดไม่ได้หันกลับไป ไม่กล้าหันไม่อยากรู้ว่าพี่วุฒิอยู่ในอารมณ์ไหน
“ เร็วด้วย”
“ครับ” (ผงกหัวไปด้วย)
“ ................................”
ผมรีบทำตามที่พี่วุมิสั่ง 20 นาทีต่อมาทั้งข้าวทั้งไข่เจียวก็วางอยู่บนโต๊ะ
“ ..................” แล้วพี่วุฒิก็เดินมากินไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็เช่นกัน
“ นั่นมือไปโดนอะไร?” พี่วุฒิถาม ผมชะงัก มองมือตัวเอง โดนมีดบาดจากการหั่นหัวหอมเมื่อกี้
“ มีดบาดครับ” ผมบอก
“ เมื่อกี้?”
“ครับ”
“ ปกติมรึงไม่เคยโดนบาด?”
“ ........................”ผมตอบไม่ได้ในทันที เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็รู้เจ็บจิ้ดที่นิ้วแล้ว “ ครั้งต่อไปผมจะระวัง” ผมตอบมองนิ้วตัวเองไปด้วย มี 3 แผลนิ้วหัวแม่มือ 2 และปลายนิ้วชี้อีก 1 แผล
“ แล้วทำไมไม่ติดพลาสเตอร์?”
“.........................”
“ ทำไม!” พี่วุฒิเริ่มเสียงดัง เมื่อผมไม่ตอบ
“ มันจะช้าครับ” ผมบอก เพราะคิดว่าถ้าไปติดพลาสเตอร์อาจจะทำให้กับข้าวเสร็จช้าก็ได้ ตอนแรกก็แผลเดียว ต่อมาก็ 2 และก็ 3 แต่มันก็ยังดีกับข้าวเสร็จช้าแล้วพี่วุฒิโกรธ
“ ................................”
“ ............................” ทำไมพี่วุฒิไม่พูด หรือว่าผมทำให้อะไรให้โกรธ
ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ
“ ไปเอากล่องยามา” พี่วุฒิสั่ง ผมทำตามที่สั่ง แล้ววางกล่องยาข้างๆจานข้าวพี่วุฒิ
“ ...........................”
“ มรึงนี่มัน.....” พี่วุฒิว่าแล้วเปิดกล่องยาค้นๆได้พลาสเตอร์ออกมา “ ยื่นมือมา”
ผมทำตาม
“...............................” พี่วุฒิติดพลาสเตอร์ให้ผม ที่ละแผลจนครบ ขณะที่พี่วุฒิทำผมจ้องมองรู้สึกแปลกใจ เพราะพี่วุฒิทำเบามือ แต่ผมก็กลัวว่ามือนั้นจะกลายเป็นฉุด ดึงผมอย่างรุนแรง หรือแม้ว่ามือนั้นจะทำร้ายผม
“ ...........................ไปกินข้าว” ผมกลับไปนั่งที่ แล้วลงมือกินข้าวต่อ พี่วุฒิกินได้ 2 สามคำก็วางช้อนผมหันไปมองเหมือนเป็นคำถาม เพราะจำได้ว่าพี่วุฒิบอกว่าหิวข้าว
“ มองหน้ากรูทำไม?” พี่วุฒิถาม ผมไม่ได้ตอบ แต่หันกลับมากินข้าวต่อเงียบๆและพยายามทำตัวที่คิดว่าไม่ให้สะดุ้ดตาพี่วุฒิที่สุด
“ ทำไมมรึงไม่ก้มไปจูบจานเลยล่ะ ก้มขนาดนั้น!” พี่วุฒิว่า
“..............................”
“จุม” พี่วุฒิเรียกชื่อผม และแทบจะทันทีผมเงยหน้าขึ้นมา
“ครับ?”
“...................................................”
“...................?.............................”
“..............................................”
“ .........................................................” พี่วุฒิไม่พูดอะไรเลยผมเลยก้มลงกินข้าวต่อ ทำเหมือนว่าเมื่อกี้ผมหูฝาดไป แล้วพี่วุฒิก็ลุกเข้าห้อง แล้วปิดประตู
.............ในครัวมีซิงค์ในนั้นมีจานที่ผมยังไม่ได้ล้างเพราะผมมัวแต่ทำกับข้าว ตรงโชฟาไม่มีคนนั่ง โทรทัศน์ที่ปิดอยู่ ประตูห้องพี่วุฒิที่ไม่รู้คนในห้องทำอะไร รอบตัวผมเหมือนไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว นอกจากผมที่นั่งบนเก้าอี้กำลังกินข้าว
“..............................” ผมวางช้อนยกมือข้างที่พี่วุฒิติดพลาสเตอร์ให้มาดู ผมเอียงคอซ้ายที ขวาที จ้องมองอยู่อย่างงั้น จนเหมือนมีบางอย่างทำให้ผมหยุดแล้วผมก็กินในจานต่อจนหมด ผมก็กินในจานพี่วุฒิต่ออีก แต่ไข่เจียวยังเหลืออยู่เต็มจาน นั่นก็เพราะผมไม่ได้กินมันเลย ผมก็เลยกินต่อให้หมด
ไม่เหลือแล้ว......
ผมยิ้มให้ตัวเอง เท่านี้พี่วุฒิก็จะไม่ว่าผมแล้ว
“ ..................................”
ผมเก็บจานไปล้าง วางลงในซิงค์ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพี่วุฒิจะได้ไม่ได้ยิน จะได้ไม่มีเรื่องพาลมาโกรธผมได้ น้ำในก๊อกเปิดออกมา พอผมเอามือไปรองมันเย็น
เย็นดีจัง......
เย็นดีจัง
ดีจัง
“ .......................” น้ำเย็นดีจังเปียกมือ เปียกมือหมดเลย....เปียกพลาสเตอร์!!!!
แล้วพี่วุฒิจะว่ายังไง!!
พี่วุฒิเป็นคนติดให้ด้วย ถ้ารู้ว่าพลาสเตอร์เปียกล่ะก็ผมตายแน่....
“...................” ไม่รอให้มันเปียกไปมากกว่านี้ผมเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่อยู่ใกล้มือเช็ดมือให้เร็วที่สุดก่อนที่พี่วุฒิจะมาเห็น
เช็ดให้มันแห้ง
เร็วๆ
ก่อนที่พี่วุฒิจะเห็น
“ .........................” ผมหันไปมองประตู เกรงงว่าพี่วุฒิจะเปิดมาตอนนี้ แต่ก็ต้องหันมาดูมือว่าแห้งหรือยัง ผมจะทำยังไงดี
น้ำตาบ้ามันไหลลงมา ...เมื่อกี้พี่วุฒิก็ว่าผมเอาแต่ร้องไห้
ผมตายแน่ บางทีก็คิดถ้าตายไปก็คงจะดีกว่าเจ็บปวดอยู่อย่างงั้น...
“ ...............................” ผมต้องทำอะไรก่อนที่พี่วุฒิจะเปิดประตูออกมา???
ผมมองดูประตูอีกครั้ง....
“ ................................ฮึ้ก ฮือๆ” ผมสะอื้น เสียงนี้พี่วุฒิต้องได้ยินแน่นอน ...พี่วุฒิต้องกำลังเดินมาเปิดประตูแน่...ๆ
ผมวางผ้าเช็ดโต๊ะแล้ววิ่งกลับเข้าห้องตัวเองตามด้วยปิดประตูทันที .
!? ตุ๊กตาลิงที่นอนบนเตียงทำให้ผมตกใจ ทั้งที่เมื่อกี้มันทำให้ผมดีใจมาก
ใช่แล้วผมต้องเข้าไปในห้องน้ำ.... ผมทำอย่างที่คิดเข้าไปในหัองน้ำ แล้วนั่งลงในส่วนที่ลึกที่สุด...ผมนั่งลงกอดเข่า แต่ก็ยังจ้องประตูเผื่อพี่วุฒิเปิดประตูมาผมจะได้รู้.....
“. .............” ผมจ้องมอง จ้องมองอยู่อย่างงั้น....
“..............................”
ไม่รู้ว่านานเท่าไร ที่สิ่งที่มองเห็นมันค่อยๆถูกเปลือกตาบีบให้แคบลง ..แคบลง แม้ผมจะพยายามฝืนมันหลายครั้ง แต่แล้วทุกอย่างมันก็หายไปจากรอบตาและสติ....
.
.
ในอดีตไกลสายไกล ไกลจนพี่คงลืมไปแล้ว พี่โบกมือให้ผมผ่านกระจกใสๆที่นั่นมีคนมากมายแต่ผมมองเห็นแค่พี่คนเดียว ต่อมาพี่ชมผมว่าเสื้อที่ผมใส่น่ารักทั้งที่ผมเป็นผู้ชาย ผมทั้งเขินทั้งอาย หัวใจก็เต้นแรงจนผมกลัวว่ามันจะหยุดเต้น คำว่าน่ารักของพี่ ..พี่รู้ไหมว่าครับว่ามันทำให้ผมดีใจมากแค่ไหนแม้ว่าหน้าของผมจะเหมือนมีไฟกำลังลุกก็ตาม …ที่พี่ยิ้มให้ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องโกหก...ทั้งที่รู้ว่านั่นมันไม่จริง
***********
24.ตอน เมื่อคืนพิมพ์ไปร้องไห้ไปจนท้องปั่นป่วนไปหมด
ปล.ตอนนี้ยาวมากเลย 5++ 