
มอบดอกไม้ให้ทุกคนครับ
สัปดาห์นี้พอเข้าเรียน อาจารย์จะพาผมไปปรึกษาเรื่องโทเฟล-โทอิกไม่ถามผมก่อนเลยครับ เหอะๆ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ คงไม่คิดต่อครับ ผมอยากดูแลแม่ของผมครับ เท่าที่ดูจากตารางการทำปริญญาเอก ผมไม่มีเวลากลับบ้านแน่นอน สาขานี้ค่อนข้างต่างจากสาขาอื่น ตรงที่ในประเทศยังไม่บูมครับ ต้องให้ศาสตราจารย์ต่างประเทศเป็นคนดูแล

ส่วนพรุ่งนี้ จะไปเยี่ยมคุณแม่ครับ ช่วงสัปดาห์นี้มีอาการใหม่อีกแล้ว หวังว่าคงไม่มีอะไร เอาล่ะครับ มาต่อกันดีกว่า
---------------------------------------------------------------------
กีตาร์ ตัวแม่ ตอนที่ 29 ผมพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งวัน ออกจากโรงพยาบาลในวันอาทิตย์ พี่เบสให้ผมมาพักที่หอของพี่เขาก่อน ส่วนตัวของพี่ๆจะไปพูดกับพวกเพื่อนของผม เช่นว่าอย่างน้อยให้ผมพักที่คอนโดก่อนได้ไหม
“ สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ ” ผมมานั่งตรงชั้นล่างของหอ เจอกับคนๆนั้น คนที่บอกว่าเป็นลูกชายเจ้าของตึกนี้อะครับ วันนี้แต่งชุดสบายๆ
“ ครับ ”
“ ทำไมดูเศร้าๆยังไงชอบกล มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ ” ต้องหันไปมองเลย รู้จักกันยังไม่ถึงสิบนาทีเลย เริ่มซอกแซกละ
“ นิดหน่อยครับ ” วันนี้ไม่อยากพูดจาหยาบคายกับใคร ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ครับ
“ เล่าให้ฟังก็ได้นะ ไม่เอาไปบอกใครหรอก ”
“ ทะเลาะกับแฟนมา ทะเลาะกันหนักด้วย ” ผมนั่งเอนตัวพิงเสา คนๆนั้นวิ่งเข้าไปในมินิมาร์ท ก่อนจะรีบวิ่งกลับมา ทำเอาผมตกอกตกใจ
“ อ่ะ กินน้ำก่อน ”
“ มียาพิษไหมอะ ” หน้าตาเขาน่าไว้ใจอย่างไรไม่รู้สิครับ จู่ๆก็อยากหยอกขึ้นมา
“ แหม ถ้ามี คนทั้งตึกคงไม่รอดแล้ว อ่ะๆกินก่อน ” ผมรับน้ำเปล่ากับหลอดมา
“ ทะเลาะกับแฟน ที่ว่าหนักน่ะหนักขนาดไหน ”
“ ... เรามีอีกคน นอกจากแฟนอะ ”
“ หืม (พรวดดด) ... แค่กๆๆ ” เอ้าๆ ตายแน่ สำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล ถ้าเป็นปกติผมจะวิ่งไปลูบหลับให้ครับ แต่นี่ไม่สนิทเลยนั่งมองคนสำลักน้ำไปเรื่อยๆ
“ หน้าตาไม่ให้เลยครับ ไม่อยากเชื่อ ” ผมกอดอก มองหน้าเขา
“ ทำไมครับ หน้าตาแบบนี้เป็นยังไง ”
“ ภูมิใจเหรอครับ ที่ซ่อนคนอื่นจากแฟนตัวเองได้ ” สะอึกครับ
“ ไม่อะ ... แค่ ไม่เข้าใจตัวเอง ” ผมสารภาพกับเขาตามตรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำลงไปทำไม เพื่ออะไร
“ เล่าให้เราสิ เผื่อนายจะสบายใจขึ้น เราทำบ่อยนะ ”
“ ทำอะไรเหรอ ” ยังไม่ค่อยเข้าใจคำของเขาครับ
“ ก็ระบายไง ระบายกับคนที่เราไม่รู้จัก ”
“ ตอนมอต้น เรามีแฟนอยู่คนหนึ่ง เรารักเขานะ แต่คงเพราะความคิดเด็กมัธยมน่ะ เราไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ สุดท้ายเขาทิ้งเราไป แล้วเราก็มาเจออีกคนตอนเรียนมอปลาย ” คนนั้นนั่งฟังนิ่งเชียวครับ นั่งมองตาแป๋วเลย
“ เรามาเจอคนเก่าอีกครั้งตอนเรียนมหาวิทยาลัย ... แล้วก็นั้นแหละ ”
“ แปลกจัง นายคบกับคนเก่า โดยที่มีอีกคนอยู่ด้วยกันเนี่ยเหรอ ทำเข้าไปได้ไง ” นี่ถ้าไม่เพิ่งรู้จัก คงนึกว่าคนๆนี้รู้จักผมมานานแน่นอน เขาพูดโดนใจหลายครั้งแล้วครับ
“ คนนั้นไปเรียนต่างประเทศ แล้วกลับมาเจอเรื่องนี้เข้า คือเรื่องมันค่อยๆหนักขึ้น ... ” ผมเล่าเรื่องที่เป็นปัญหาตอนท้ายให้เขาฟังอีก เล่าไปเล่ามา ผมเล่าให้คนๆนี้ฟังมากกว่าคนอื่นๆอีกครับ
“ เหอะๆ ไม่รู้สิ เหมือนไม่ใช่ความผิดของนายทั้งหมดนะ ” หูผึ่งเลยไอกี หึหึ
“ ยังไงเหรอ ”
“ คนเราห่างกันไกล มีไม่กี่คนหรอกที่รักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ อยู่ที่ตัวนายเองมากกว่า ว่าต้องการอะไรในตอนนี้ ... แต่ดูจากอาการนี้แล้ว นายรักคนที่เจอกันตอนมอปลายมากกว่าแหง ” ฟันธงกันแบบนี้เลยครับ
“ ทำไมล่ะ ”
“ ตั้งแต่พูดมา นายเอาแต่บอกว่านายผิดเอง นายยังไม่ได้พูดอะไรถึงแฟนคนเก่าเลย เราเลยคิดว่านายน่าจะแคร์อีกคนมากกว่า ” จริงด้วยสิ
“ ขอบคุณนะ ” นายคนนั้นยิ้มให้
“ เอ่อ ... นี่นายเรียนที่ไหนเหรอ ” หมดเรื่องหนักๆ หันกลับมาคุยเรื่องเบาๆบ้างดีกว่า
“ เราเรียนปริญญาโทที่ ... ”
“ อ้าวเหรอ ... เหอะๆๆ งั้นต้องเป็นพี่เราสิ ” เกิดอาการอายฉุกเฉิน นี่ครั้งแรกผมก็เสียมารยาท ครั้งนี้ยังพูดไม่มีหางเสียงอีก น่าจะถามเขาตั้งแต่ตอนที่มานั่งคุยด้วยแล้วแท้ๆ ทึ่มเหลือเกินกู
“ ไม่ถามชื่อล่ะ ”
“ ครับๆๆ ชื่ออะไรครับ ” เขานั่งหัวเราะชอบใจ
“ เราชื่อทิวไผ่ เรียกอันไหนก็ได้ นายล่ะ ”
“ งั้นผมเรียกพี่ไผ่ดีกว่า ผมชื่อกีตาร์ครับ ... เรียกกีแล้วกันครับ ” ผมคิดว่าพี่เขานิสัยดีนะครับ ขนาดรู้ว่าเป็นพี่แล้วยังแทนตัวเองว่าเราอยู่เลย ที่สำคัญไม่ถามอะไรเกี่ยวกับผมด้วย
“ เรียกต้าไม่ได้เหรอ ”
“ มันไปคล้ายกับอีกคนน่ะครับ ไม่ค่อยชินหู ” ผมให้คำตอบไป
“ เจอก็ทักทายกันได้นะ พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว ... คืนดีกับแฟนไวๆนะ อย่าทำอีกล่ะ ” พี่ไผ่เดินไปแล้ว เฮ้อ ดีจังที่มีคนคุยด้วย ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นคนๆนั้นน่าจะเป็นไอนุ ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีโทรศัพท์ถึงผมครับ
“ ดีครับ ”
“ กี หิวอะไรไหมน้อง เดี๋ยวพี่แวะซื้อไปให้ ” พี่เบสนั้นเอง
“ ไม่อะครับ ... พี่เบส กีขอออกไปเที่ยวได้ไหมอะ ” นึกเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำครับ อยากออกไปเที่ยว
“ อ่อ เดี๋ยวพี่ไปรับแล้วกัน ... สัด มึงส่งเงินมาดิ เชี้ย ” นี่ด่าผมหรือด่าใครวะพี่ ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีนะเนี่ย
“ ไม่ต้องๆ กีจะออกไปคนเดียว ”
“ หืม พี่ไปด้วยดิ อยากไปด้วย ” เฮ้อ พี่เบสเหนื่อยมาทั้งวัน วันนี้เข้าวันที่สองแล้วด้วยซ้ำไป ผมจะเปลี่ยนตัวเองให้ได้ครับ ผมจะไม่ให้ใครต้องห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไรไม่ได้อีก
“ ผมไปไม่นานครับ เย็นๆเจอกันนะ ” ผมกดวางสาย พี่เบสไม่โทรกลับมาอีก ผมเดินไปขึ้นรถเพื่อไปที่ห้างที่ผมกับเพื่อนๆมักจะไปกันประจำ
ช่วงที่ผมกับปุ๋ยกลับมามีความสัมพันธ์กันใหม่ ผมต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพื่อดูแลฝ่ายหญิง ผมขับรถคล่องขึ้น ไปไหนมาไหนคล่องแคล่วกว่าเดิม เรื่องนี้ทำให้ผมหวนคิดไปว่าถ้าไม่มีวันนั้น ผมจะเป็นอย่างวันนี้หรือปล่าว วันนี้ผมออกจากหอ ขึ้นรถโดยสาร และมาถึงที่หมายได้ด้วยตัวเอง เฮ้อ ...
“ รับอะไรดีคะ ” ผมเดินมาสั่งไอศกรีมเจ้าเดิม กะว่าจะไปเดินดูหนังสือเหมือนที่ไอลิงนุมันชอบ วันนี้ผมจะลองดูบ้าง
“ เอาโคน สตรอเบอร์รี่ ครับ ” พนักงานคิดเงิน และส่งไอศกรีมให้ ผมชอบยิ้มให้พนักงานอะครับ ไม่รู้เป็นอะไร มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว
“ ฮัลโหล ”
“ นี่ เธออยู่ไหน ” เสียงคล้ายๆหญิงจูนนะ
“ จูนใช่ไหม ”
“ ใช่ๆ เธออยู่ไหนกีตาร์ ” ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นบน มาหยุดตรงที่นั่งข้างๆครับ
“ กำลังเดินเล่น มีอะไรล่ะ ”
“ ฉันคุยกับนุแล้วนะ รายนี้ไม่ว่าอะไร แค่ให้กีตาร์กลับหอพี่เบสก่อน ” หืม ไปเกี่ยวอะไรกับพี่ชายผมอะ
“ ทำไมล่ะ เกี่ยวอะไรกับพี่เบสอะ ”
“ โหยๆๆ พี่ชายของกีตาร์ฉุนน่ะสิ มาอาละวาดต่อยพี่เชนพี่จัส แต่ละคนวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง พี่บอลเกือบเอาตัวไม่รอด กลับหอไปคุยกับพี่ชายหน่อยนะ ” อะไรวะ พี่เบสไปทำเรื่องเข้าเหรอ แล้วทำไมคุยกับผมเสียงนิ่มนวลจัง
“ โอเคๆ เราจะโทรคุยนะ ” ผมวางสายจากจูน แล้วต่อโทรศัพท์ถึงไอลิงนุ
“ สวัสดีครับ ”
“ ไอลิง ... เอ่อ ไอนุ กูกีนะเว้ย ” กลัวมันยังไม่หายโกรธผมครับ ไม่กล้าเล่นอะ
“ มึงอยู่ไหน จะกลับมาคอนโดเมื่อไหร่ ” มาแบบนี้ ผมตอบไม่ถูกเลยครับ น้ำเสียงมันห่วงใยผมอะ
“ กู ... กูมาเดินเล่นที่ห้าง เอาไว้จะกลับ ”
“ เหรอ มึงอยู่ห้างไหน กูก็มาห้าง เพิ่งคลาดกับไอต้า ” พวกมันก็มาเดินเล่นด้วย
“ ที่ ... พี่กูไปทำอะไรพวกมึงเหรอ ”
“ เฮ้ย ! จริงอะ มึงอยู่ไหน กูกำลังจะไปกินสุกี้ มึงรอหน้าร้านเลยสิ แล้วค่อยคุยกัน ” เวรของกรรม อยากมาเดินคนเดียวแท้ๆ ผมรีบลุกหนีจากที่นั่ง แล้วตรงไปที่ดาดฟ้าของห้าง
“ กูๆๆ กูว่าจะกลับแล้วว่ะ ไงกูโทรไปหานะเว้ย ”
“ ไอกี ... ” ผมกดวางสาย แล้วปิดมือถือ ผมไม่อยากเจอกับมันตอนนี้อะครับ กลัวจะทำตัวไม่ถูก พวกนั้นใจกว้างกว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก ผมเดินมารับลมตรงระเบียงของห้าง เฮ้อ ... เอ๋ !!!!!!
“ ... ”
“ ... ”
“ นายมาทำไม ” สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วครับ ผมไม่กล้าเจอหน้าเพื่อนๆ แต่กลับต้องมาเจอหน้าคนที่ไม่กล้าสู้หน้าที่สุด ตัวต่อต่อ สองต่อสอง
“ มาเที่ยว ” ผมตอบออกไปสั้นๆ ตอนนี้เหงื่อแตกหมดแล้วครับ กลัวมันขึ้นมาเฉยๆ
“ หึ คงไม่ได้มากับ ... ”
“ ไม่ เรามาคนเดียว ” ผมรีบชิงตอบคำถามก่อน ไอต้าหันมามอง
“ มาได้ยังไง ... ใครมาส่ง ” พอได้ยินประโยคนี้ น้ำตาของผมไหลออกมาทันที ผมรู้สึกได้ นี่คือความห่วงใย มันห่วงใยผมอยู่
“ ฮือ ... ฮือ ” ผมยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น โดยที่ไอต้ายังไม่มีท่าทีเดินเข้ามาหา อารมณ์น้อยใจของผมผสมเข้ามา ทำไมมึงถึงไม่พูดอะไรเลยวะ ไอบ้า
“ พอแล้ว หยุดร้องได้แล้ว ” มันพูดครับ ผมยังไม่หยุดร้อง ผมอยากให้มันทำมากกว่านี้อะ
“ เฮ้อ หยุดได้แล้ว ”
“ ฮือออออ ” ไอต้าเดินมากอดผมไว้ มันลากผมมาหลบๆมุม มันกอดปลอบผมอยู่สักพัก ก็ผละออก
“ เราต้องคุยกันนะ ” ไอต้าพูดขึ้น
“ อืม เราต้องคุยกัน ” ผมตอบรับ ดีล่ะ ผมมีโอกาสเล่าทุกๆเรื่องเสียที
-------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้ทำตัวไม่ดีครับ ไม่ค่อยเข้าบริษัท ผู้จัดการก็บ่นได้บ่นดี แต่ไม่รู้ล่ะครับ ประธานให้ไปได้ก็ไปครับ หุหุ นอนก่อนนะครับทุกคน พรุ่งนี้ต้องรีบไปตั้งแต่เช้า เลี่ยงรถติดครับ
