ปัญหาเรื่องรถก้อผ่านไป แต่ใช่ว่าจะหมดปัญหานะคะ เดี๋ยวก้อมีเรื่องใหม่ๆเข้ามาอีก
ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่หมอบอกว่าเป็นช่วงมรสุมอีกช่วง..........
กว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้...เล่นเอาพี่หมอต้องกลายเป็นคนไข้เองเลยค่ะ
อยากรู้ว่ามรสุมอะไร ต้องติดตามอ่านกันต่อไปค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 44...งานใหม่...เพื่อนใหม่...อะไรๆก้อเริ่มเปลี่ยน
วันนี้เป็นอาทิตย์ที่สองแล้วครับ ที่ผมต้องทานข้าวคนเดียว ก้อแฟนผมเค้าไปเริ่มงานใหม่ที่โรงงานได้เกือบเดือนแล้ว
ตอนแรกเราก้อพยายามที่จะดำเนินชีวิตกันแบบเดิม คือตอนเช้าเค้าเตรียมอาหารเช้าไว้ก่อนไปทำงาน
ตอนเย็นเค้าก้อรีบกลับมาทำอาหารเย็นแล้วรอทานอาหารเย็นพร้อมกัน
ทำได้หนึ่งอาทิตย์ผมก้อคิดว่าคงไม่ไหวครับ เพราะดูท่าทางแล้วเค้าคงเหนื่อยมาก
เพราะตอนเช้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า ทำอาหารเช้าแล้วรีบไปให้ทันรถหกโมง
ตอนเย็นกว่าจะกลับถึงบ้านก้อประมาณทุ่มกว่าจะทำอาหารกว่าจะได้ทานข้าวก้อสองทุ่มสามทุ่ม
ทานเสร็จก้อต้องรีบอาบน้ำเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นอาทิตย์
ผมเลยตัดสินใจลองคุยกันว่าจะลองปรับเปลี่ยนตารางการดำเนินชีวิตของเรากันครับ
“ แทน...ชั้นว่าถ้าทำแบบนี้ต่อไป..แทนต้องไม่ไหวแน่ๆเลย ...”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้ คุณกรไม่ต้องห่วงนะ ...”
“ ไม่ห่วงได้งัย เอาอย่างงี้ ตอนเช้างดไม่ต้องทำอาหาร ต่างคนต่างไปทานที่ทำงาน ...”
“ ส่วนตอนเย็น ชั้นจะให้ป้าแดงสั่งอาหารร้านกุ๊กเก่งให้เหมือนเดิม ชั้นก้อจะแวะไปเอาอาหารก่อนเลิกงานทุกวัน ...”
“ แต่ถ้าวันไหนอยากทานอะไรเป็นพิเศษค่อยสั่งเพิ่มทีหลัง ...”
“ เลิกงานกลับมา แทนก้อจะได้ทานข้าวเลย ไม่ต้องเสียเวลาทำ ดีมั๊ย ...”
“ อย่างนั้นก้อได้ครับ ตามใจคุณแล้วกัน ...”
หลังจากวันนั้น เราลองทำตามที่คุยกัน ก้อดูว่าท่าทางเค้าดูเหนื่อยน้อยลง ไม่ต้องเร่งรีบอะไรมากมาย
ตอนเย็นมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
วันแรกๆ ผมก้อรอทานข้าวเย็นพร้อมกันนะครับ แต่หลังๆเค้าเริ่มกลับค่ำขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยต้องทานไปก่อนครับ
ไม่อยากต้องหิ้วท้องรอถึงสองทุ่ม
แต่การทานข้าวคนเดียวมันก้อไม่อร่อยเหมือนทานสองคน ทำให้ช่วงนี้ผมทานได้น้อยลงเรื่อยๆครับ
ไม่รู้ว่าทำไมนะครับ ทั้งที่เมื่อก่อนผมก้อทานข้าวคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่เห็นจะเป็นอะไร
แต่พอมีอีกคนเข้ามาในชีวิต ใช้ชีวิตร่วมกันทุกวัน พอต้องกลับไปทานข้าวคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนเดิม
มันกลับรู้สึกเหงาๆ..ไม่ชิน..ยังงัยก้อบอกไม่ถูกครับ
เฮ้อ....ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมกับแทนเราห่างเหินกันยังงัยก้อไม่รู้ครับ
ทั้งที่เรายังอยู่ด้วยกันทุกวัน เจอหน้ากันทุกวัน แต่ผมก้อยังรู้สึกเหงาๆอยู่ดี
หรืออาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก้อได้ครับ
คิดว่าต่อไปซักพักผมคงจะชินและคงไม่รู้สึกเหงาแล้วแหละครับ
ผมก้อเข้าใจเค้านะครับ ที่เค้าต้องทุ่มเททำงานหนักขนาดนี้ เพราะเค้าบอกผมเองว่า เค้าอยากทำงานให้เก่งๆ
จะได้ผ่านงานเร็วๆ เพราะรุ่นพี่ที่โรงงานบอกว่าที่นี่ถ้าใครขยันๆเก่งๆก้อจะมีโอกาสก้าวหน้าสูงมากครับ
เห็นเค้าตั้งใจแบบนี้ ผมก้อไม่อยากเอาเรื่องความเหงาไร้สาระของผมไปทำให้เค้าต้องกังวลใจครับ
แต่ตอนนี้ผมหาวิธีแก้เหงาได้แล้ว เพราะผมแจ้งไปที่โรงพยาบาลที่ผมไปขึ้นพาร์ทไทม์ว่าตอนนี้ผมว่างแล้ว
สะดวกที่จะไปออกตรวจแล้ว ให้เค้าจัดตารางให้ผมออกตรวจได้เลย
เค้าก้อจัดมาให้ผมเต็มที่เลยครับ จันทร์ พุธ ศุกร์ ห้าโมงเย็น ถึงสองทุ่ม วันเสาร์แปดโมงเช้าถึงเที่ยง
แล้วอังคารกับพฤหัส ผมก้อยังมีเวรถึงเที่ยงคืนที่โรงพยาบาลผมเองด้วยครับ สรุปว่าผมคงไม่มีเวลาเหงาแน่ๆครับ
วันนี้วันศุกร์แทนบอกว่าคงจะเลิกงานช้านิดหน่อย แต่ช้ายังงัยนี่ก้อเกือบจะสามทุ่มแล้วน่าจะถึงบ้านได้แล้วนะครับ
ซักพักผมก้อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าบ้าน สงสัยแทนคงกลับมาแล้วครับ
“ กลับมาแล้วคร้าบ.... ...”
เสียงมาก่อนตัวเลยครับ แต่พอตัวเข้ามาถึงก้อพุ่งเข้ามากอดพร้อมกับหอมแก้มผมทันทีครับ
“ หอม......ชื่นใจ ...” แทนพูดพร้อมกับหอมแก้มผมอีกทีครับ
“ แต่นายหนะเหม็น.... ...”.ผมพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆครับ
“ โห..ก้อคนมันทำงานโรงงาน แถมขี่มอไซด์นี่ครับ มันก้อต้องเหม็นเหงื่อเป็นธรรมดาแหละ
จะให้หอมตลอดเวลาเหมือนคุณหมอได้งัยหละคร้าบ ...”
“ ไม่ต้องมาพูดเลย ก้ออยากขี่เองไม่ใช่เหรอ มอไซด์หนะ แล้วนี่ดูซิ ไปทำงานแค่สามอาทิตย์ดำขึ้นตั้งเยอะ ...”
“ ดำขึ้นเหรอครับ ..ผมว่าไม่นะ อย่างผมหนะ น่าจะดำถึงขั้นสูงสุดแล้วคงดำขึ้นอีกไม่ได้แล้วแหละ ...”
“ แต่ผมว่านะ...ยิ่งดำยิ่งเร้าใจ ..จริงมั้ยครับ คุณหมอที่รัก.. ...”
“ แหวะ....เร้าใจตายเลย..ไปอาบน้ำได้แล้ว..เดี๋ยวชั้นอุ่นอาหารให้ ออกมาจะได้ทานเลย ...”
"คุณทานยังครับ..."
"ทานแล้ว...."
"ทานแล้วจริงเหรอ....ผมว่าพักนี้คุณผอมๆไปนะ แอบโกหก ไมยอมทานข้าวรึปล่าว..."
"ปล่าว..ทานแล้วจริงๆ..แล้วชั้นก้อไม่ได้ผอมลงซะหน่อย..น้ำหนักเท่าเดิมแหละ ..."
"ไม่จริงหรอก..คุณหนะผอมลงตั้งเยอะ..ผมกอดอยู่ทุกวันทำไมผมจะไม่รู้..."
ไอ้บ้า....เล่นพูดแบบนี้ผมก้อไม่รู้ว่าจะเถียงยังงัยเลยครับ
"พูดมาก....ไปอาบน้ำได้แล้วไป..จะได้รีบมาทานข้าว..."
“ ครับผม...... ...”
ผมเดินเข้าไปอุ่นอาหารในครัว แล้วก้ออดยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
ผมรักวันศุกร์จังเลยครับ…………………………..
หลังทานข้าวเราก้อนั่งเล่นดูทีวีกันไป แทนก้อบอกผมว่า พรุ่งนี้ที่โรงงานมีปฐมนิเทศน์พนักงานใหม่
จะมีไปแคมปิ้งกันด้วย รถจะมารับตีห้า แล้วก้อไปค้างคืนหนึ่งคืนที่เขือนครับ
ผมก้อไม่ได้ว่าอะไร บอกแค่ว่างั้นวันนี้ต้องรีบเข้านอนแค่นั้นเองครับ
จากนั้นผมก้อเลยบอกเรื่องที่ผมจะไปออกตรวจเพิ่มให้แทนฟัง เค้าก้อบ่นนิดหน่อยครับ บอกว่าผมทำงานมากไป กลัวผมเหนื่อย แค่นี้เค้าก้อว่าผมดูเหนื่อยๆแล้วก้อผอมลงตั้งเยอะแล้ว
ผมเลยไปว่างานโรงบาลเอกชนวันธรรมดาคนไข้ไม่เยอะหรอก สบายๆ ดีกว่าที่ผมต้องมานั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียว
เค้าก้อเลยไม่ว่าอะไรครับ จากนั้นเรานั่งเล่นกันอีกซักพักแล้วก้อเข้านอนกันครับ
พอผมปิดไฟเรียบร้อยกำลังจะล้มตัวลงนอน แทนก้อพลิกตัวมาคร่อมผมไว้ทันทีพร้อมกับก้มลงมากระซิบที่ริมฝีปากผมเบาๆ
"คิดถึงคุณจัง... ……..."
"ชั้นก้อคิดถึงแทน..........."
ใบหน้าของแทนคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้าผม จากนั้นก้อพรมจูบไปทั่วใบหน้า และรืมฝีปากของผม จูบนั้นเริ่มลุกลามไปเรื่อยๆจากริมฝีปาก สู่ซอกคอ ติ่งหู ไปจนถึงไหปลาร้าทั้งสองข้าง สองมือเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนผม
จากนั้นก้อใช้สองฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วตัวผม พร้อมกับที่ริมฝีปากเริ่มพรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงยอดอกทั้งสองข้าง
ตอนนี้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มและมีความสุขมากครับ
แต่ก่อนที่ผมจะเคลิบเคลิ้มไปมากกว่านี้..เสียงโทรศัพท์ของแทนก้อดังขึ้นครับ
“ แทน...โทรศํพท์ ...”ผมรู้สึกว่าเสียงผมเริ่มแหบพร่าตามแรงอารมณ์ที่เริ่มก่อตัวครับ
“ อืมม...ไม่รับครับ... ...”แทนก้อตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่ต่างกันครับ
แต่เสียงโทรศัพท์ก้อยังดังไม่หยุดครับ
“ แทน..รับก่อน..เผื่อเค้ามีเรื่องด่วน... ...”
“ แทน... ...”
“ เฮ้อ..ใครวะ.....บังอาจโทรมาตอนที่กูกำลังจะกุ๊กกิ๊กกะที่รัก ...เดี๋ยว..เหอะมึง..ถ้าไม่ด่วนกูด่าเช็ด..."
แทนบ่นพึมพำพร้อมกับเดินไปหยิบโทรศัพท์
“ ครับ..แทนครับ ...”
“ อ้าวก้อยเองหรอ...ครับ..ว่างัย ...” ก้อย..เหรอ..ต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆเลยครับ
“ ยังครับ..ยังไม่นอน.. ...”
“ อ๋อ...ตื่นได้ ..ไม่ต้องเป็นห่วง.. ...”
“ ไม่เป็นไรครับ...ไม่รบกวนดีกว่า ...”
“ ไม่เป็นไรจริงๆ.. ผมมีนาฬิกาปลุกส่วนตัวแล้ว.... ...”
“ อ๋อ....นาฬิกาปลุกอะไรหนะเหรอ...ก้อแฟนผมงัย..ตรงเวลายิ่งกว่านาฬิกาปลุกซะอีก 555... ...”
“ ครับ.. ...”
“ ครับ...เจอกันพรุ่งนี้ครับ.. ...”
ผมอยากรู้นะครับว่าใครโทรมา..แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะถามเค้ามั้ย สุดท้ายแทนเค้าก้อเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองครับ
“ เพื่อนที่โรงงานโทรมาหนะครับ ชื่อก้อย ...”
“ เหรอ....แล้วสนิทกันเหรอถึงมีเบอร์ ...” ผมอดไม่ได้ก้อเลยถามออกไปนิดหน่อยครับ
“ ก้อพึ่งรู้จักกันหนะ ครับ ขึ้นรถไปกลับพร้อมกันทุกวัน บ้านเค้าอยู่แถวๆโรงบาลศรี ...”
“ บางวันถ้ากลับค่ำผมก้อขี่รถไปส่งเค้าที่บ้านหนะครับ ไม่อยากปล่อยให้เค้าเดินเข้าซอยคนเดียว ...”
“ แล้วทำไมเค้าไม่พักที่โรงงาน จะไปกลับให้ลำบากทำไม ...”
“ เค้าอยู่กับแม่กับน้องสาว ผู้หญิงอยู่กันแค่สามคน แม่เค้าไม่ค่อยแข็งแรง เค้าก้อเลยไม่อยากพักที่โรงงานหนะครับ ...”
“ ผมเห็นเค้าเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด ก้อเลยชวนเค้าคุย พึ่งเริ่มๆสนิทกันหนะครับ ..."
ที่แลกเบอร์กันไว้ก้อเผื่อมีธุระอะไรจะได้ติดต่อกันได้ ...”
“ แล้วเค้าโทรมาทำไม ...”
“ ก้อพรุ่งนี้ต้องขึ้นรถตีห้า เค้ากลัวผมตื่นไม่ทัน เลยโทรมาถามว่าจะให้โทรมาปลุกมั้ย ...”
“ แต่ผมบอกไปแล้วว่าไม่ต้อง..ผมมีคนปลุกพิเศษแล้ว... ...”
“ สงสัยอะไรอีกมั้ยครับ....ที่รัก... ...”
จบประโยคนี้ แทนก้อมาเดินถึงเตียงพร้อมกับทิ้งตัวลงคร่อมทับตัวผมพร้อมกับใช้ริมฝีปากประกบปิดริมฝีปากผมทันที
แล้วอย่างนี้ผมจะมีโอกาสสงสัยอะไรได้อีกครับ.............
“ ห้ามพูดเรื่องคนอื่น..มาต่อเรื่องของเราดีกว่านะครับ ...” เสียงของแทนกระซิบแผ่วเบาสลับกับจูบไปทั่วตัวผม
ทำเอาผมขนลุกไปหมด จนผมพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยครับ กว่าจะรู้ตัวผมก็โดนถอดเสื้อผ้าหมดตัวแล้วครับ
แต่ผมก้อยังพอจำประโยคสุดท้ายที่ผมมีโอกาสพูดกับแทนได้ครับ
“ รอบเดียวนะแทน....พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า... ...”+++++++++++++++++++++
มรสุมลูกนี้จะชื่อก้อยรึปล่าวเนี่ย.....