ตอนที่ 51 ทำระดับ
ตั้งแต่คุณครูสอนว่ายน้ำเสียคราวนั้นผมก็ไม่ได้ไปเรียนว่ายน้ำต่ออีกเลย (ก็เลยว่ายน้ำไม่เป็นจนถึงบัดนี้) ที่จริงสระเขาก็หาครูใหม่มาแทนให้แล้วแต่ก็ผมใช้ข้ออ้างสารพัดในการหลบหลีกไม่ไปว่ายน้ำ ทั้งกลัวผี ทั้งใกล้จะหน้าหนาวแล้วกลัวเป็นหวัด ทั้งอะไรสารพัด จนที่สุดพี่แบงค์คงทนความรำคาญไม่ไหว แหะ ๆ
“พี่แพรวสวัสดีครับ”เจ้านายเก่าผมโทรมา
“หายหน้าหายตาไปเลยไอ้ตอง ไม่แวะเข้ามาที่ร้านบ้างเลย”พี่แพรวเป็นเจ้าของร้านเช่าชุดพื้นเมือง แล้วก็รับจัดทำการแสดงด้วย พี่แพรวเคยได้ทำการแสดงใหญ่ ๆ ของจังหวัดก็หลายงานทีเดียว พี่แพรวบังเอิญไปเจอผมที่งานกีฬาภายในของโรงเรียน เห็นว่าหน่วยก้านดี ก็เลยเรียกเข้าไปทำงานด้วย ก็งานเชิงศิลปวัฒนธรรมนั่นแหละครับ
“ไม่ได้กลับบ้านเลยอ่ะพี่แพรว”ถ้าพี่แพรวรู้ต้องโดนด่าว่าติดผู้ชายแน่นอน อ๊างงง
“ถึงว่าไม่แวะเข้ามาเลย นึกว่าตายไปแล้ว”ดูพี่แพรวเขาพูดกับน้องสิ พี่แบงค์ตองโดนแกล้ง ขอจุ๊บที อ๊างง
“ยังไม่ตาย แหม ๆ”
“เออ ตองวันที่ 17 พฤศจิฯ กลับมาฟ้อนให้หน่อยสิ”ก็หลังลอยกระทงสองวันสิ
“เดือนหน้าใช่ไหมพี่”
“อืม ใช่ๆ มาได้ไหม”
“ได้พี่ มันเป็นงานอะไรอ่ะ”
“ก็เหมือนเดิม งานที่ไร่ฯ ฟ้อนเหมือนงานปูนซีเมนต์ตอนนั้นจำได้ไหม”คราวนั้นพี่แพรวได้ขำได้ทำการแสดงที่ไร่แม่ฟ้าหลวงเป็นงานเลี้ยงบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เป็นงานใหญ่มากอีกงานของพวกเรา
“อย่าบอกนะพี่ว่าฟ้อนที่เดิม”
“เออ ต้นไม้ต้นเดิม” อ๊างงงง ก็เมื่องานปูนฯผมได้ปีนขึ้นไปฟ้อนบนต้นไม้อ่ะสิครับ
เดี๋ยวจะขออธิบายคร่าว ๆ ให้ฟังนะครับ ว่า ไร่แม่ฟ้าหลวงโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเนี่ย เป็นที่เก็บสะสมรวบรวมศิลปวัตถุอันทรงคุณค่าของภาคเหนือ ทั้งไม้แกะสลัก จิตรกรรมฝาผนัง
ประกอบด้วยอาหารหลายอาคาร ทั้งหอคำ หอแก้ว หอคำน้อย ภายในหอคำก็จะประดิษฐานพระพร้าโต้และเครื่องสักการะที่ทำจากไม้ของล้านนาเอาไว้มากมาย หอแก้วจะเป็นสถานที่ใช้จัดเลี้ยงรับรอง ท่านใดสนใจก็สามารถติดต่อเข้าไปที่ไร่แม่ฟ้าหลวงได้ ส่วนหอคำหน้อยก็เป็นที่เก็บรักษาจิตรกรรมฝาผนังที่ผาติกรรมมาจากวัดเวียงต้าม่อน อำเภอลอง จังหวัดแพร่
ข้างหอคำหลวงก็จะมีบึงใหญ่ ซึ่งในบึงนั้นก็จะมีเกาะเล็ก ๆ อยู่เกาะหนึ่ง แล้วเกาะนั้นก็มีต้นทองกวาวสูงขนาดตึก 4 ชั้นอยู่ต้นหนึ่ง ต้นนั้นแหละครับที่ผมขึ้นไปยืนฟ้อนอยู่ข้างบน พี่เจ้าหน้าที่เขาสร้าง stage ขนาด 2x2 เมตรไว้ให้บนต้นไม้ รู้สึกโหวง ๆ หวิว ๆ
ผมก็ต้องนั่งเรือพายเงียบ ๆ ไปที่เกาะนั้นแล้วก็ต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปคนเดียว ลำพังแค่ปีนต้นไม้ด้วยชุดธรรมดาก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี้ต้องใช่ชุดฟ้อนด้วยพะรุงพะรังอีกต่างหาก เกือบตกลงมาตายก็หลายรอบ ขึ้นไปเตรียมตัวข้างบนตั้งแต่ 3 ทุ่ม กว่าจะได้ฟ้อนก็ 5 ทุ่ม ผมก็นอนรอสิครับหนาวก็หนาวกลัวก็กลัว โดนทิ้งเท้งเต้งอยู่บนต้นไม้กลางเกาะคนเดียวแบบนี้ ไม่กลัวก็บ้าแล้ว ห่างจากฝั่งราว 50 เมตรได้
พอถึงเวลาดนตรีขึ้น ผมลุกขึ้นมาเตรียมตัวเกือบไม่ทันแน่ะ แต่ภาพที่ออกมาสวยมากทีเดียว การแสดงกระจายกันไปตามขอบบึง ผมก็เป็นเทวดาอันมีนิวาสสถานอยู่ปลายต้นสุวรรณทองกวาว คนอื่นก็ฟ้อนเป็นสัตว์หิมพานต์ต่าง ๆ ชนิดกันไป คนอื่นไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่หรอกครับก็มีแต่ผมกับน้องอีกสองคนที่ลำบากกว่าคนอื่น มีเวทีอยู่กลางสระน้ำแบบนี้
“ต้นเดิมเหรอ”คิดถึงตอนนั้นยังหวาดเสียวไม่ลืม
“เออ ต้นนี้มีแต่แกเท่านั้นที่คู่ควร ตกลงมาให้พี่ได้ใช่ไหม แกไม่ต้องซ้อมแล้วไอ้ตอง” จะดีใจดีไหมครับเนี่ย
“ครับ ขอบคุณครับพี่” นาน ๆจะมีงานเข้ามาที สนิมเขรอะหมดแล้วมั้ง ฝีมือการฟ้อน
“ไปลอยกระทงเชียงรายกันไหม” ลองถามดูเผื่อไม่ไปด้วยก็จะได้กลับไปลั้นลาลอยกระทงคนเดียว
“เมื่อไหร่”พี่แบงค์หันมาถาม ตอนนี้เรากำลังจะเข้าไปบ้านใหญ่ ไปกินข้าวกัน อีกอย่างพ่อพี่แบงค์ให้ผมเข้าไปหาหน่อย
“เดือนหน้าไง”
“จะลอยกระทงอีกแล้วเหรอ ไวเนาะ โดนบอกเลิกก็วันลอยกระทงนี้แหละ”พี่แจนบอกเลิกเหรอ เอิ๊ก ๆ
“อ้าว จริงดิ”
“อือ ก็วันลอยกระทง sad เลย” ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า
“แล้วเป็นไงมั่ง ร้องไห้ป่าว”
“ไม่ทันได้ร้องอ่ะ เมาซะก่อน” แป่ว อยากเห็นอิลุงเมาแฮะ คงจะเรื้อนไม่ต่างจากไอ้ตองเท่าไหร่หรอก
“นานไหมกว่าจะหาย”
“ก็นานพอดู” น่าสงสารจังเนาะ ผู้ชายคนนี้มีอดูต เย้ย อดีต
“แล้วพ่อจะให้เข้าไปทำไมเนี่ย” เรียกไปด่าซะละมั้ง
“จดทะเบียนสมรสมั้ง จะได้ถูกต้อง” อ๊างงง ไอ้บ้า
“หมายถึงตองกับบูม”อ๊างงงง
“เดี๋ยวเอาฟันเฉาะหน้า” น่ารักอ่ะ เอาฟื่นยื่น ๆ มา เหมือนจะเฉาะจริง ๆ นาน ๆทีจะเป็น
“เอาเรื่องจริงดิ”
“ไม่รู้เดี๋ยวเข้าไปก็รู้” แน้ มีลับลมคมใน
“จะโดนด่าป่ะเนี่ย” ไอ้ตองไปทำอะไรไว้ว่ะ
“โดนชัวร์ ไปทำอะไรไว้ล่ะ” อ้าว ทำเยอะเกิน จำไม่ได้แล้ว
“ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย” เท่าที่จำได้นะ แต่ที่จำไม่ได้ก็ไม่รู้แล้ว แหะ แหะ
“แน่ใจ”
“อือ ไม่แน่ใจ”
“ตกลงแน่ใจไม่แน่ใจ”
“หึ ไม่แน่ใจเท่าไหร่ กลัวพ่อด่าอ่ะ” ปกติแล้วพ่อพี่แบงค์ก็เงียบ ๆ ออกจะดุซะด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วเรื่องผมกับพี่แบงค์พ่อแทบจะไม่พูดถึงเลย ก็เนาะลูกชายตัวเองแทนที่จะต้องสืบสายนามสกุลทั้งคนนี่นา แต่พ่อก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาว่ารังเกียจหรือมึนตึงอย่างชัดเจน เงียบ ๆ ซะมากกว่า นั่นแหละครับที่กลัว
“คิดมากน่า สู้หน่อย” เรื่องอื่นสู้ แต่เรื่องผู้ปกครองนี้ไอ้ตองขอยกธงขาว ตอนนั้นคิดไปเรื่อย หรือพ่อจะบอกให้เลิกกัน แล้วให้พี่แบงค์ไปแต่งงานวะ อ๊างง ดูเหมือนน้ำเน่า แต่ก็มีเค้าโครงความจริงนะเออ
“ถ้าพ่อให้เลิกกันง่ะ” ตอนนั้นไอ้ผมฟุ้งซ่านแล้ว ความคิดกระเจิง
“ไปใหญ่ละ คิดมาก”ผมก็เลยนั่งเงียบกริบ จนถึงบ้าน ผิดวิสัยที่ปกติผมต้องพูดมากจนต้องหาอะไรมายัดปากไว้
“พ่อ แม่สวัสดีครับ”ทันทีที่เข้าไปผมก็ทักทาย พ่อแม่พี่แบงค์
“พี่ตองหวัดดี”ไอ้บูมตะโกนจากหน้าเกมส์มา ไม่หยุดเล่นก่อนสัก 15 วินาทีล่ะพ่อ
“แม่จานนี้ยกไปเลยป่ะ” พี่แบงค์เดินเข้าไปในครัวแล้วก็แอบหยิบ หมูทอดในจานใส่ปาก แล้วก็ไม่ลืมหยิบมาใส่ปากผมด้วย
“ชิ้นนึงเด่ะ” แหมทีอย่างงี้พักเกมส์มาได้นะไอ้บูม พี่แบงค์ก็เดินไปหยิบให้น้องมันอีกชิ้นนึง
“ตองตักข้าวเลย”แม่บอกผม ผมก็จัดการตามที่แม่สั่ง
“ตองพักนี้ทำอะไรหรือเปล่า”พ่อเงยหน้าขึ้นมาถามผม เล่นเอาตกอกตกใจเลย เอาละเว้ย สงสัยได้กินข้าวเคล้าน้ำตา
“ก็ไม่ได้ทำอะไรครับ ก็ว่าง ๆ”
“พ่อจะทำระดับ ว่าจะให้ตองเข้ามาช่วยหน่อย”
“ทำไม่เป็นนะครับ” ขอระดับนี่เขาต้องทำยังไงกันหว่า ไม่เคยสักที
“ก็พิมพ์เอกสารธรรมดานี่แหละ แบงค์บอกว่าตองพิมพ์ไว”
“อ๋อ ครับ” โล่งอกเลยกู
“จะเข้ามาช่วยพ่อได้เมื่อไหร่”
“เย็น ๆ เรียนเสร็จก็ว่างครับ”
“ดี ๆ เข้ามาช่วยพ่อพิมพ์ ไอ้บูมมันก็มัวแต่เล่นเกมส์”อ๊างง โดนเล่นซะแล้ว
“โห พ่อก็ว่าไป บูมพิมพ์ช้าจะตาย”
“ขี้เกียจมันอ่ะสิ ทีขอเงินเนี่ยไม่ขี้เกียจ” ฮ่า ๆ สะใจ แม่ก็เข้ามาเสริมทัพอีกคน
“ไหงมารุมกันแบบนี้เนี่ย” ไอ้บูมโอด
“พิมพ์ไหวไหม”พ่อเดินเข้ามาถามผม
“ได้ครับพ่อ” กะจะคุยว่ารายงานเยอะกว่านี้ เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้
“พักก่อนก็ได้นะตอง”
“ครับ พี่แบงค์หาที่ทับให้หน่อยสิ” กระดาษมันชอบปลิวอ่ะ
“พี่ตองพิมพ์ไวหยั่งกะ M16”
“เวอร์ไปละ” ก็แค่เคยเรียนพิมพ์ดีดมาตอน ป.6 แค่นั้นเอง เรื่องแบบนี้ก็เลยไม่เป็นเรื่องยากสักเท่าไหร่
จากวันนั้นผมก็เข้าไปบ้านใหญ่ทุกเย็น เข้าไปช่วยพ่อพิมพ์ทำผลงานเลื่อนระดับ สงสัยอยากได้เครื่องราชฯ ชั้นที่เป็นสายห้อยคอ หุหุ บางทีผมก็พิมพ์เองอ่านเอง บางวันพี่แบงค์มันก็เข้ามาช่วยนั่งอ่านบ้าง แต่แบบนั้นช้าเพราะว่าบางทีต้องถามตัวสะกดตัวการันต์อีก แต่ถ้าพิมพ์เองอ่านเอง มันจะไวพิมพ์อย่างที่ตาเห็น ก็เลยไวหน่อย พิมพ์อยู่อาทิตย์กว่า ๆ ก็เสร็จ ตรวจทานต้นฉบับอีกสองวัน เรียงพิมพ์อีกเย็นก็เสร็จ
คราวนั้นผลงานของพ่อพี่แบงค์ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จะมีแก้ไขก็นิดหน่อย ไม่กี่หน้า พ่อก็ยังใจดีพาไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ เพราะมันหมายถึงเงินเดือนที่มากขึ้นตามระดับ
ระยะห่างของผมกับพ่อพี่แบงค์ก็เริ่มลดลง พักหลังเริ่มเอาเอกสารที่สอนนักศึกษามาให้ผมพิมพ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าจ้างเขาพิมพ์แล้วแพง ผมก็มีผลพลอยได้เพราะเหมือนได้อ่านหนังสืออีกเล่มไปด้วยแบบไม่ตั้งใจ ผมเลยรับสัมปทานพิมพ์เอกสารให้พ่อ-แม่พี่แบงค์ไปโดยปริยาย

นี่ไง ๆ ต้นไม้ที่บอก เป็นเกาะอยู่กลางน้ำ แล้วต้องปีนขึ้นไป

อีกมุมหนึ่ง เห็นไหมครับ ว่าลำบากขนาดไหน

นี้แหละครับชุดฟ้อนที่บอก เป็นเทวดานะครับ เชื่อไหม ใส่ชุดนี้เนี่ยแหละ ปีนขึ้นต้นไม้

ท่อนล่างก็จะประมาณนี้อ่ะครับ ซึ่งชุดก็อ้างอิงมาจากจิตรกรรมฝาผนัง