Special ตอน..ความหลังของซูเปอร์สตาร์ (3) “นี่มันมืดมากแล้วนะ ไม่กลัวยุงกัด ไม่หิวข้าวบ้างเหรอ ลงมาเถอะ” ไอ้พีมหน้าขาวมันมาเดินวนไปวนมารอบรถแล้วก็โผล่หัวลอดกระจกที่มันเปิดไว้เพราะกลัวผมขาดอากาศหายใจมาคุยกับผมครับ แต่ผมก็เงียบใส่มันลูกเดียว แม้ว่าท้องผมจะร้องว่าหิวๆสักแค่ไหน
“เลิกทำอย่างนี้เถอะต้น เราขอโทษ ต่อไปเราจะไม่พูดแบบนั้นอีก ขึ้นบ้านเถอะ มันดึกแล้ว” มันเดินวนๆรอบรถไปบ่นไปจนผมหูอื้อตาลายได้ไม่นาน มันก็เปิดประตูเข้ามาพยุงผมลุกขึ้น แล้วพูดขอโทษผมซะหวานหยด แถมมันยังเอามือมาลูบหน้าลูบหัวผมที่มีแต่รอยชื้นเหงื่อให้ด้วย
“ร้องไห้เหรอ ร้องทำไม” มันจ้องตาผมอยู่นาน คงสังเกตเห็นรอยบวมที่ตาผม ใช่ครับผมร้องไห้ ผมเสียใจที่มันด่าผม ดูถูกผม แล้วยังเอาตัวผมมาขังไว้อีก ที่สำคัญที่ผมร้องไห้ก็คือ เพราะผมไม่มีสิทธไม่มีโอกาสที่จะได้รักมันครับ ผมไม่อาจเอื้อมถึงมันได้เลย
“ขอโทษ ขอโทษครับ เราทำให้นายร้องไห้ใช่มั้ย เราขอโทษ อย่าทำแบบนี้สิต้น” ในที่สุดมันก็ทำผมใจอ่อนหายโกรธมันจนได้ มันเอานิ้วมือมันมาลูบๆที่ลูกตาผม กอดผมไว้เบาๆแล้วพูดว่าขอโทษๆซ้ำๆจนผมเกือบจะน้ำตาแตกโผเข้ากอดมันซะแล้ว แต่ก็อดใจไว้ครับ กลัวมันจะรู้ว่าผมแอบรักมัน จากนั้นมันก็พาผมขึ้นบ้านไปอาบน้ำ แล้วก็เอาข้าวขึ้นมาให้ผมกินถึงบนห้อง มันทายาตรงแขนขาของผมที่โดนยุงกัดให้ แล้วพาผมขึ้นเตียงห่มผ้าให้ผม แล้วมันก็ค่อยๆย่องออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงกับแฟนมันเหมือนเช่นทุกคืน มันเก่งมากที่สามารถทำให้ผมรู้สึกสุขใจและทุกข์ใจในเวลาเดียวกันได้
“ต้น หลับหรือยังหือ?” นานพอสมควร มันก็ปิดไฟแล้วคลานขึ้นเตียงเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมตัวของผมอยู่ ผมค่อนข้างตกใจนิดหนึ่งเพราะมันค่อยๆเอาแขนเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลังไว้ แล้วอยู่มันก็ถามผม ผมก็ตอบอืมเบาๆกับมันไป แต่ข้างในนี่พยามๆฝืนกลั้นไว้พยามไม่หายใจให้ดังเดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมกำลังตื่นเต้นอยู่
“เราอยากให้นายไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก จะได้มั้ย” อ้าว..แล้วมันจะให้ผมทำมาหาแดรกยังไงล่ะครับ
“ทำไมล่ะ นายรังกียจเราเหรอ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ เราก็อดตาย จะให้เราทำยังไงล่ะ”
“เอาเงินของเราไป เราจะให้เงินนายไปเรียนมหาวิทยาลัย จบแล้วนายจะได้หางานทำ ไม่ต้องเป็นแบบนี้อีก”
“แลกกับอะไรล่ะ เงินของนายน่ะ” มันจะต่างอะไรกับขายตัวล่ะครับ ถ้ามันให้เงินผมแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่มันต้องการ
“แลกกับ.. ความเป็นเพื่อนของเรา แลกกับที่นายจะไม่ทำตัวแบบเมื่อกลางวันอีก เราไม่อยากให้นายกลับไปเป็นแบบเดิมอีก” ผมออกจะงงๆกับความหมายของคำว่าเพื่อนที่มันบอกผม ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนมันซื้อกันได้ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะเจ็บปวดเท่ากับที่เพื่อนไม่เขื่อใจเพื่อนหรอกครับ
“พีม เราถามจริงๆเถอะ นายคิดว่าที่เรากลับมาช้าเมื่อเย็น เพราะเราไปทำเรื่องอย่างว่ามาจริงๆงั้นเหรอ” มันเงียบไปพักนึง แล้วมันตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่อยากฟังแล้วครับ ในเมื่อมันก็ยังเชื่ออยู่ว่าผมไปขายตัวมาจริงๆเมื่อกลางวัน
“ในเมื่อจะให้เงินเรา ก็นอนกับเราสิ แล้วเราจะเอาเงินของนาย” นั่นไงครับนิสัยเสียของผม ปากหมา ขี้ประชดเป็นที่หนึ่ง แต่ไม่ทันที่ผมจะนึกด่าตัวเองเสร็จ อยู่ๆมันก็ขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้เลยครับ ผมตกกะใจตาเบิกโผลงในความมืด รู้สึกได้ถึงตัวมันหนักๆที่ทับลงมาบนตัวผม ดวงตาแป๊วจ้องเป๋งมาที่หน้าผมอยู่ไม่ไกลแค่คืบ
“ทำไมชอบประชดใส่คนอื่นอย่างนี้ คิดถึงตัวเองบ้างสิ..” มันพูดมาหลายอย่างครับขี้เกียจฟัง รวมๆก็คือมันด่าผมแหละครับว่าหยิ่ง ทำเป็นท่ามาก ทั้งที่ตัวเองจะเอาไม่รอด ก็มันเสือกไม่เชื่อผมเองทำไม ผมบอกว่าไม่ได้ไปนอนกับไอ้นั่น ก็ไม่ได้ไปดิ ถ้าผมไปนอนกับใคร 3ชั่วโมงไม่พอหรอก ผมเถียงกับมันทางสายตาครับ มันพูดอะไรมาผมก็ทำเงียบอย่างเดียว
...
อุบส์!! ... จนกระทั่งมันประกบปากลงมาที่ผมครับ ผมช็อคมาก คิดว่าที่มันขึ้นมาทับผมอยู่นั้น มันแค่จงใจแกล้งผม จะให้ผมฟังมัน ทำตามที่มันต้องการเท่านั้น แต่ไม่คิดว่า มันจะกล้าจูบผมจริงๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่แค่จูบธรรมดา เพราะอยู่ๆมันก็สอดลิ้นเข้ามาด้วย ลิ้นนิ่มๆชื้นๆของมันรุกไล่อยู่ในโพรงปากผม จนผมเริ่มเคลิ้ม ริมฝีปากหวานๆของมันบดเบียดดูดดื่มเข้ามาเรื่อยๆ มันจูบเก่งมากครับ มันจูบจนผมตัวอ่อนระทวยไปหมด จน.. จนผมนึกขึ้นได้ว่า เป็นผมเองนิหว่าที่เป็นฝ่ายออกปากท้าทายให้มันมานอนกับผมก่อน เพราะผมตั้งใจจะพูดประชดมันต่างหากล่ะ ผมไม่ได้จะเอาจริง มันมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว อีกอย่างผมจะไม่ทำให้มันเขว ถ้ามันยังลังเลอยู่ว่ามันไม่ใช่เกย์
ไม่! ผมจะไม่ทำอย่างนั้น ไม่.. ผมผลักตัวมันออกอย่างแรงจนมันแทบกลิ้งตกเตียง และดูเหมือนมันก็เพิ่งได้สติเหมือนกันจากที่มันจูบผม
“เลิกทำตัวอวดดีได้แล้ว เอาเงินเราไปเถอะ เรื่องเรียนไม่ทันคนอื่น ไม่ต้องกลัว เราจะช่วยนายเอง ถึงเราไม่อยู่ไทยเราก็ช่วยสอนนายผ่านทางเมล์ ทางโทรศัพท์ได้ แต่นายต้องตั้งใจจริงๆ”
“ล..แล้ว แล้วเราต้องนอนกับนายมั้ย” ต้องถามกันไว้ก่อนครับ เพราะผมยังงๆอยู่ ไม่รู้ว่ามันจะยังคิดเอาคำประชดของผมเป็นเรื่องจริงจังอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวจะมาเข้าใจผิดกันทีหลัง
“ทำไมนายจะให้เรานอนกับนายรึไง ที่เราอยากให้เงินนาย เพราะอยากให้นายเรียน เรื่องตอบแทน เอาไว้วันที่นายเรียนจบมีงานทำ ค่อยมาทยอยใช้เราทีหลังก็ได้ โอเคมั้ย?” ผมเงียบครับ ได้แต่พยักหน้าตอบมันไป ไม่ใช่อะไรหรอก ไม่โกรธมันแล้วล่ะ แต่ผมเขินน่ะครับ ผมมันแพ้เสียงออดอ้อนสายตาหวานๆอยู่แล้ว และยิ่งตอนนี้หน้ามันอยู่ห่างผมไม่กี่เซนอย่างนี้ เสียงลมหายใจของมันผมยังรู้สึกได้เลย
“ขอถามอะไรหน่อย นายคิดว่าเรา ไปมีอะไรกับคนนั้นเมื่อกลางวันจริงๆงั้นเหรอ”
“ตอนนั้นก็คิดจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ต่อไปนี้ถ้าต้นบอกอะไรเรา เราก็จะเชื่อทุกอย่าง เรื่องเมื่อกลางวันเราขอโทษ เราจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ขอโทษจริงๆครับ” โอย.. มันทำตัวน่ารักใส่ผมอีกแล้วอ่ะ มันพูดขอโทษ พูดครับๆ กับผมแล้วแอบหอมแก้มผมแบบเฉียดๆ แล้วมันก็พลิกตัวหนีไปนอนหน้าตาเฉยเลยครับ ได้แต่ปล่อยให้ผมนอนใจเต้นตูมตาม คลำปากคลำแก้มตัวเองที่เพิ่งถูกมันจูบมันหอมมาเมื่อกี้นี้ ไอ้พีมบ้านี่ มันจะแกล้งผมไปถึงไหนนะ
หลังจากวันนั้นเราสองคนก็กลับมาเป็นคู่หูปาท่องโก๋กันเหมือนเดิมครับ มีไอ้พีมที่ไหนก็ต้องมีผมที่ถูกผูกติดเหมือนเด็กกะเตงอยู่บนหลังมันที่นั่น มันพาผมไปตะเวนหาดูมหาวิทยาลัยเปิด มันไปแต่ล่ะที่ผมแทบขาลากครับ ก็มันเล่นเดินจะวนรอบมหาลัยเลย ทำอย่างกะมันจะเรียนเองซะอย่างนั้น ..คืนนึงอยู่ๆมันก็เอาหลักสูตรของแต่ละที่มากางให้ผมดูแล้วเลือกว่าจะเรียนคณะอะไร ผมอยากทำงานเกี่ยวกับอะไร ดูมันเคร่งเครียดมากครับ มันใส่แว่นสายตาด้วย ดูกลายเป็นเด็กเนิรด์เลย อิอิ พอผมเริ่มจะหลับมันก็ดึงหูผมแทบยาน บอกว่าต้องรีบคุยเรื่องเรียน เวลาที่เหลือจะได้ไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ เพราะอีกไม่นานมันก็ต้องไปสิงค์โปรแล้ว มันอยากจัดการเรื่องเรียนของผมให้เสร็จก่อนไป มันกลัวว่าทิ้งให้ผมจัดการเองแล้ว จะไม่รอด ผมเลยตอบมันไปว่าอยากเป็นดาราเพราะผมหน้าตาดีและมันก็ได้เงินเยอะ มันตบหัวผมเบาๆทีนึงแล้วว่าผมเพ้อเจ้อ แต่สุดท้ายมันก็เปิดไปหาหลักสูตรที่เกี่ยวกับนิเทศศาสตร์ และมันก็แนะนำว่าให้ผมเรียนสื่อสารมวลชน เพราะผมเป็นคนมีทักษะการพูดที่ดี จะเลือกเรียนด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็เหมาะ หรือว่าถ้าผมจะเรียนเอาที่กว้างๆหน่อย และน่าจะหางานง่ายให้เรียนพวกสื่อสารการตลาดก็น่าจะได้ มันบอกว่าผมน่ะหัวการค้า ฉลาดแกมโกง สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเรียนโฆษณาประชาสัมพันธ์ วันรุ่งขึ้นมันก็พาผมไปถ่ายรูป จัดแจงเตรียมเอกสารแล้วพาผมไปยื่นใบสมัครที่มหาวิทยาลัย
..เสร็จแล้วมันก็พาผมไปเดินห้างซื้อเสื้อผ้าชุดนักศึกษา ผมว่ามันไม่ค่อยจะจำเป็นเลยเพราะเสื้อเชิ้ตผมเองก็มีสีขาวก็พอมีกางเกงสีดำผมก็มีตัวนึงก็ใส่สลับกับกางเกงยีนส์ หรือใส่ซ้ำเอาก็ได้ แต่มันก็ไม่ฟัง มันทำตาดุใส่ผมแล้วก็ซื้อให้ผมหมดทุกอย่าง ตั้งแต่กางเกงใน บอกเซอร์ ถุงเท้า เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็ค กางเกงยีนส์ นาฬิกา แถมด้วยโน๊ตบุ้คอีกหนึ่งเครื่อง แต่มีของเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ผมเอ่ยปากขอให้มันซื้อให้ผม ก็คือกล้องถ่ายรูปครับ ผมอยากได้กล้องเอาไว้ถ่ายรูปมันและรูปของเรา เพราะเมมในโทรศัพท์ผมใกล้จะเต็มแล้วจากรูปที่ผมแอบถ่ายมันไว้ ผมเลยคิดว่า ถ้ามีกล้องสักตัวเอาไว้เก็บภาพเฉพาะของผมกับมันก็คงดี มันก็ไม่อิดออดไม่ถามว่าผมจะซื้อไปทำไมด้วยซ้ำ มันให้ผมเลือกได้ตามใจอยากเอาแบบไหนรุ่นไหนก็ได้ทั้งนั้น.. ผมแอบคำณวนตัวเลขที่มันจ่ายให้ผมวันนั้นแล้วน่าจะเกือบสองแสนได้ครับ นี่มันไม่ได้คิดอะไรกับผมแน่นะ
หลังจากมันสะสางเรื่องเรียนเขียนแผนผังอนาคตของผมแบบขั้นบันได้เสร็จสรรพ มันก็ให้ผมวางแผนเรื่องเที่ยวต่อทันที เราเริ่มที่จะขับรถออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ้าง เที่ยวน้ำตกแถวๆสระบุรี นครนายกแวะกินเสต็ก ไปเที่ยวล่องแพที่กาณจนบุรี ไปเที่ยวทะเลที่ระยอง แวะหาอาหารทะเลอร่อยๆกินที่พัทยา กระทั่งเหลืออีกเพียง5วัน ที่มันจะต้องไปฝึกงานสิงค์โปร
..5วันที่เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของมัน และเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของผม เราเลือกที่จะนั่งเครื่องไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตกันครับ ไอ้พีมมันเปิดเน็ตเสิรช์หารีสอร์ทที่มีห้องพักแบบเป็นหลังๆติดทะเล จองไฟลท์บินสำหรับสองที่นั่งเสร็จสรรพ เราเดินทางมาถึงประมาณกันบ่ายแก่ๆครับ ผมตื่นเต้นมาเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่ได้มาเที่ยวภูเก็ต เค้าว่าทะเลและประการังที่นี่สวยติดอันดับโลก พอได้มาเห็นผมว่าก็สมคำร่ำลือจริงๆ มาถึงผมไม่สนใจคำเตือนของมันครับ ให้มันเอากระเป๋าไปเก็บก่อนส่วนผมวิ่งลงทะเลเลย แดดเดิดไม่สนใจแล้ว เพราะเอาครีมกันแดดขึ้นมาทาตั้งแต่ตอนยืนรอมันติดต่อธุระเรื่องเช่ารถแล้ว ผมเล่นน้ำอยู่นานเกือบ3ชั่วโมงได้ จนเย็นมันก็เดินเอาผ้าขนหนูเสื้อคลุมมานั่งรอผม ผมมองขึ้นไปบนฝั่งเห็นมันนั่งยิ้มบ้างหัวเราะบ้าง สงสัยมันคงขำที่ผมเล่นน้ำได้เป็นวักเป็นเวนอยู่คนเดียว ผมมีความสุขมากๆครับแค่ได้ลอยตัวอยู่ในทะเลน้ำใสๆมองออกไปเห็นคนที่ผมรักนั่งยิ้มและมองมาที่ผมไม่วางตา ว่ายพยามน้ำออกไปให้ลึกและไกลจากมันที่สุดแล้วตะโกนออกมาว่า
“
เรารักนาย” ... “
ต้นรักพีม” ... “รักพีม” .... “
รักๆๆ รักไอ้บ้าพีม!”
.... ผมได้แต่แอบตะโกนไม่ให้มันได้ยิน ผมทำได้แค่นั้น
พอตกดึก ก็เป็นอย่างคำมันพูดไว้จริงๆครับ ผมไข้ขึ้น ไม่สบาย ตอนแรกผมยังไม่รู้ตัว ก็นั่งพูดพร่ำฝอยน้ำลายแตกฟองไปเรื่อย ตั้งแต่เรื่องห้องพักสวยหรูที่เรากำลังพักอยู่ ห้องน้ำที่มีอ่างจากุชชี่ที่ผมใช้ไม่ค่อยจะเป็น ผมก็ถามมันไปเรื่อย อาหารที่ถูกตกแต่งมาซะสวยแต่รสชาติก็ธรรมดางั้นๆบ้าง ผมชอบที่จะพูดให้มันฟังเพราะเวลามันฟังผมมันจะยิ้มหวานและมองผมตลอดเวลา จนเข้านอนแล้วมันเอาแขนเข้ามาสวมกอดผมไว้(มันติดเป็นิสัยตั้งแต่คืนนั้นแหละครับ คืนที่มันแกล้งจูบและหอมแก้มผม) พอมันโดนตัวผมเท่านั้นแหละ มันก็ตีเพี๊ยะเข้าที่แขนผมทันทีแล้วก็บ่นว่าผมดื้อด้าน บอกแล้วไม่ฟัง เล่นน้ำจนตัวร้อน ไข้ขึ้นแล้วยังไม่รู้ตัวอีก สรุปแล้วคืนนั้นมันเลยแทบจะไม่ได้นอนเพราะมันมัวแต่หายา หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ผมยกใหญ่ เช็ดไปมันก็บ่นไปว่า ถ้าไข้ไม่ลดก็อย่าหวังจะได้ไปลงน้ำอีก จะไม่ให้ออกไปนอกห้องด้วย ผมล่ะกลัวมาก กลัวไม่ได้ไปเที่ยวกับมันอีก ทีนี้พอมันยัดยาอะไรมาผมก็อดทนกลืนหมดไม่เถียงสักแอะ ก็ผมอยากมีโอกาสได้เที่ยวกับมันอีกนานๆหนิ ผมนอนกอดมันเอาหัวถูๆหน้าอก อ้อนมันจนมันเลิกบ่น ผมไม่รู้ว่าที่มันกอดผม หอมแก้มผม จูบหน้าผากผม มันคิดอะไรแค่ไหน แต่ผมก็ยอมให้มันทำ เพราะผมรู้สึกดีมากๆ เหมือนกำลังได้รับความรักความห่วงหาอาทรจากมัน มันจะวางให้ผมเป็นตัวอะไรผมก็จะเป็น
..พอรุ่งเช้า จริงๆก็ไม่ค่อยเช้าแล้ว น่าจะสายมากอยู่ทีเดียว ผมสะลึมสลือตื่นขึ้นมาน่าจะเพราะหมดฤทธ์ยา จับตัวเองดูไข้น่าจะหายไปเยอะแล้วเพราะเหงื่ออกเต็มตัวเลย ผมเห็นกะละมังน้ำเล็กๆวางอยู่ตรงขอบเตียง ดูท่าไอ้พีมมันคงจะตื่นมาเช็ดตัวผมอีกครั้งเมื่อตอนเช้า แต่ว่าตอนนี้มันหายไปไหนไม่รู้ ผมเดินไปรอบห้องก็ไม่เห็นมัน เลยเดินออกไปดูตรงระเบียงไกล้ๆทะเล แล้วก็ได้ยินเสียงมันคุยโทรศัพท์ ก็คงไม่พ้นคุยกับแฟนมันนั่นแหละ แต่คราวนี้เสียงมันดูเครียดๆ ผมแอบย่องเดินเข้าไปหลบอยู่ตรงมุมที่ไกล้มากที่สุด และจับใจความได้ว่ามันกำลังทะเลาะกับแฟนมัน ดูเหมือนว่าจะถูกฝ่ายนั้นว่ามาว่ามันไม่สนใจกันเหมือนก่อน ไม่ค่อยโทรไป และถ้าผมฟังไม่ผิด รู้สึกว่าแฟนมันน่ะจะมาถึงกรุงเทพฯแล้ว และเธอคงกำลังตัดพ้อมันว่ามันไม่ไปเจอหน้ากันเลย ..ไม่รู้ผมคิดมากไปหรือเปล่า ว่าการพาผมมาภูเก็ตครั้งนี้เหมือนมันต้องการจะหนีการกลับมาเมืองไทยของแฟนมัน แล้วมันเพราะอะไรล่ะครับ?
“ไง ไอ้คนดื้อ ไข้หายแล้วเหรอ” พอมันกลับมาถึงเห็นผมนั่งกินขนมกินนมเนยที่มันซื้อมาแช่ไว้ในตู้ มันก็ทักผมหน้าตาปกติผิดกับตอนที่มันทะเลาะกับแฟนเมื่อกี้นี้เลยครับ ผมก็ตอบอือออไปตามประสา แล้วมันก็ไล่ผมให้ไปห้องน้ำมันตามมาเช็ดตัวให้ผม ตอนนั้นผมอายมาครับแต่ดีที่ว่าหน้าแดงๆของผมมาถูกอาการไข้กลบหมด ไม่งั้นมันต้องรู้ว่าผมเขินมันอยู่แน่ๆ ก็มันเล่นให้ผมถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือแค่บอกเซอร์ตัวเดียวแล้วมันก็เช็ดหน้าเช็ดตัวให้ผมจนหมดทุกซอกทุกมุม ผมบอกว่าเดี๋ยวผมเช็ดเองมันก็ไม่ยอม บอกให้ผมกินขนมไปเถอะ จะเที่ยงแล้วมันรู้ว่าผมหิว เช็ดเสร็จจะได้รีบแต่งตัว เดี๋ยวมันจะพาผมไปกินบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรม เท่านั้นแหละผมหูตั้งเลยครับ ผมอยากกินบุฟเฟ่ต์โรงแรม เค้าว่ากันว่ามันแพงมากและอร่อยมากด้วย ไอ้พีมมันหัวเราะเอิ๊กๆกับท่าทางของผมครับ วันนั้นทั้งวันก็ได้แต่ขับรถเที่ยวไปรอบๆภูเก็ต ตกเย็นก็ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกริมหาด โรแมนติคสุดๆ ที่ๆเรานั่งเล่นเป็นซุ้มผ้าใบที่ถูกตกแต่งไว้คล้ายๆกระโจม ข้างในมีเทียนหอมหลายๆสีส่องสว่าง เรานั่งสบายๆคุยกันเบาๆฟังเสียงคลื่นที่ซัดสาด ผมสังเกตุว่าทั้งวันไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลย เดาว่ามันคงจะปิดเสียงไม่ก็ปิดเครื่องหนีแฟนมันแน่ๆ ผมเลยแกล้งแซวมันเล่นๆว่าแฟนมันไปมีคนอื่นแล้วมั้งโทรศัพท์ถึงไม่มีคนโทรมา มันหันมาทำตาดุๆใส่ผมแล้วบอกว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของคนอื่น ผมเลยจ๋อยไปเลย อะไรว่ะแค่พูดถึงก็ไม่ได้ ชิๆ ..
“ขอโทษน่ะต้น เมื่อกี้เราไม่ได้ตั้งใจพูด อย่าโกรธเรานะ” ผมงอนมันครับที่มันมาว่าผมยุ่งเรื่องของมัน ก็ผมแค่แซวมันเล่น แต่มันนั่นแหละทำหน้าตาดุจริงจังใส่ผมก่อน
“หายโกรธได้แล้ว ไอ้ดื้อ” ผมแกล้งทำเป็นเงียบ มันก็เลยคลานมากอดผมไว้จากทางด้านหลังครับ มันเอามือมันมาขยำแก้มผมเล่นแล้วลูบหัวลูบหูผมให้มั่วไปหมด ผมรำคาญเลยรวบมือมันเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วหันไปยิ้มให้มันว่าผมไม่ได้โกรธจริงๆหรอก นาทีนั้นหน้าเราไกล้กันมาก มันนั่งซ้อนอยู่ข้างหลังผมจนหลังผมสัมผัสกับหน้าอกของมัน กลายเป็นว่ามันกอดเอาตัวผมไว้ทั้งตัวแล้วแนบแก้มลงมาที่แก้มของผม แล้วอยู่ๆมันก็ร้องเพลงเบาๆที่ข้างหูผม เป็นเพลงฝรั่งครับ ผมฟังไม่ออกหรอกว่ามันแปลว่าอะไร รู้แต่ว่ามันร้องเพราะมากๆ มารู้ทีหลังว่าชื่อเพลง Truly Madly Deeply
((ฟังเพลงที่ลิงค์นี้/บอลลูน))I'll be your dream, I'll be you wish I'll be your fantasy
ฉันจะดั่งที่คุณฝัน ปรารถนา และจินตนาการเอาไว้
I'll be your hope, I'll be your love be everything that you need
ฉันจะเป็นอย่างที่คุณหวัง จะเป็นคนรัก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ
I love you more with every breath truly madly deeply do
ฉันรักคุณมากขึ้นทุกๆลมหายใจ อย่างจริงใจ ลึกล้ำ ดื่มด่ำ
I will be strong I will be faithful 'cause I'm counting on
ฉันจะเข้มแข็งจะซื่อสัตย์ต่อคุณ เพราะว่า ฉันกำลังหวังพึ่งกับ
A new beginning
การเริ่มต้นครั้งใหม่
A reason for living
เหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไป
A deeper meaning
และความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
** I want to stand with you on a mountain
ฉันอยากที่จะยืนเคียงข้างคุณบนภูเขาอันสูงใหญ่
I want to bathe with you in the sea
ฉันอยากที่จะแหวกว่ายกับคุณในท้องทะเล
I want to lay like this forever
ฉันอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
Until the sky falls down on me
จนกว่าท้องฟ้าจะโรยรา
And when the stars are shining brightly in the velvet sky
และเมื่อดวงดาวส่องแสงสว่างสดใสในท้องฟ้าสีกำมะหยี่
I'll make a wish send it to heaven then make you want to cry
ฉันจะเอ่ยคำอธิษฐาน ส่งมันไปที่สวรรค์ และ ทำให้คุณอยากร้องไห้
The tears of joy for all the pleasure in the certainty
น้ำตาที่เกิดจากความสุข เพราะ เรื่องราวข้างหน้าของเรามัน แน่นอน
That we're surrounded by the comfort and protection of
พวกเราได้ถูกห้อมล้อมโดยความอ่อนโยนและได้รับการปกป้องจาก
The highest powers In lonely hours The tears devour you
ความรัก แม้ในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว และเต็มไปด้วยน้ำตา
Oh can't you see it baby ?
โอ คุณเห็นมันหรือไม่ ที่รัก ?
You don't have to close your eyes
คุณไม่จำเป็นที่จะต้องหลับตาลง
'Cause it's standing right here before you
เพราะว่า มันอยู่นี้ที่ตรงหน้าของคุณ
All that you need will surely come
สิ่งทั้งหมดที่คุณต้องการนั่นจะมาถึงอย่างแน่นอน
..พอเรากลับมาที่ห้องพัก วิญญาณคุณหมอของมันก็เข้าสิงทันที มันเข้ามาจับหัวจับตัวผมเพื่อดูว่ายังร้อนอยู่มั้ย มันพรึมพรำว่าไข้หายไปแล้วไม่ต้องเช็ดตัวแล้ว จากนั้นมันก็เดินไปเปิดน้ำในอ่างแล้วผสมน้ำจนอุ่นพอดีให้ผมลงไปแช่ แล้วรีบขึ้นมากินยานอน ผมก็เชื่องครับมันบอกอะไรผมก็ทำตามไม่ปริบปาก ก็รักมันหนิครับถ้ามันเอายาพิษให้ผมกินผมก็คงกิน แหะๆ~ ..
กลางดึกระหว่างที่ผมนอกพลิกตัวอยู่นั้น มันรู้สึกโหวงๆครับ อาจเป็นเพราะผมเริ่มชินที่มีมันนอนกอดผมตลอดหลายคืนที่ผ่านมา พอตอนนี้ที่รู้สึกตัวขึ้นแล้วเห็นว่ามันหายไป มันก็รู้สึกแปลกๆใจหายยังไงไม่รู้ครับหยิบมือถือมาดูเวลา ตี1กว่าๆ ดึกขนาดนี้แล้วมันหายไปไหนล่ะ ผมเดินไปดูรอบๆ ก็แว่วเสียงมันมาจากหน้าประตูห้อง ไม่แคล้วคุยกับแฟนมันนั่นแหละ เสียงที่คุยไม่ดังมาก มันคงจะดีกันแล้ว ลึกๆเหมือนผมรู้สึกหงุดหงิดนะ ที่เห็นว่ามันกลับมาคุยดีกับแฟนมันอีกครั้ง แต่ผมก็พยามรีบปรับใจปรับความรู้สึก พยามไม่เอาเรื่องนี้มาคิดให้กวนสมอง แล้วกลับไปนอนต่อ ก่อนหลับตา ผมย้ำให้ตัวเองฟังซ้ำๆครับ ว่าได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ทุกวันนี้มันดีกับผมไม่พอหรือไง ผมควรจะพอใจแล้ว ..
02.30 รู้สึกตัวตื่นอีกครั้ง และผมก็พบว่าข้างกายผมยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม คราวนี้ตาผมสว่างขึ้นมาเลยทันที ด้านฝั่งตรงข้ามประตูห้อง ผมยังคงได้ยินเสียงมันคุยโทรศัพท์อยู่กับแฟนมัน ผมไม่เข้าใจว่ามันจะคุยอะไรกันหนักหนา มันไม่เหนื่อยบ้างหรือไงที่กลางวันอยู่กับผม พอกลางคืนยังต้องมานั่งดูแลใจให้ใครอีกคน ทำไมนะ มันไม่พาแฟนมันมาที่นี่แทนที่จะเป็นผมล่ะ ผมรู้สึกเจ็บและโกรธมันมากครับ ผมยืนฟังคำหวานๆที่มันขานรับยัยนั่นอยู่สักพักก็เปิดประตูออกไป แว๊บแรกที่มันเห็นผมออกมา หน้ามันดูเอ๋อและตกใจมาก มันรีบเอามือกุมโทรศัพท์แล้วถอยออกห่างผม
“ออกมาทำไม ทำไมไม่นอน ดึกแล้ว” ดูมัน.. ผมว่าคำนี้มันควรจะเป็นผมที่พูดต่างหาก มันทำหน้าดุๆพูดออกมาเบาๆเหมือนไม่อยากให้คนปลายสายได้ยิน
“ก็เพราะมันดึกแล้วไง เราถึงต้องมาบอกให้นายไปนอน
ข้างนอกนี่ยุงก็เยอะด้วย!” แต่ผมจะแกล้งมันครับ ยิ่งมันไม่อยากให้ทางนู้นได้ยิน ผมก็จะยิ่งตะโกน แหบปากให้ดังเข้าไว้ ผมอยากจะป่วนให้มันกลับมาทะเลาะกันอีกรอบเลยถ้าทำได้
..สุดท้ายมันก็เดินหนีผมและก็พูดบอกกับทางนู้นว่าแบตจะหมดต้องวางก่อน ไม่รู้ว่าแฟนมันจะได้ยินเสียงผมมั้ย แต่ถึงได้ยินก็คงไม่มีโอกาสได้ถามหรอกเพราะไอ้พีมมันก็ชิงปิดมือถือไปทันทีที่ล่ำลาเสร็จ แล้วมันก็มาลากผมเหวี่ยงขึ้นเตียง แถมยังทำหน้ายักษ์บ่นผมอีกว่าชอบวุ่นวายยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“แฟนนายรู้รึเปล่า ว่านายอาจจะเบี่ยงเบนน่ะ” ผมโมโหมันครับที่มาว่าผมยุ่งอีกแล้ว เลยปากดีใส่มันซะเลย อยากรู้เหมือนกันว่ามันคุยกับแฟนมันยังไง
“
พูดอะไร! ระวังปากมั่งนะ!!” นั่งไงครับ มันหันมาหน้าดำหน้าแดงใส่ผมเลย ท่าทางมันคงโกรธน่าดู แต่คิดว่าคนอย่างผมจะกลัวเหรอ
“ก็นายบอกเราเองว่า นายกำลังสับสน เราก็แค่ถามว่านายบอกแฟนของนายหรือเปล่า มันปาบน่ะการที่ไปหลอกเค้าน่ะ”
“เราไม่ได้หลอก เรากับจีจี้คบกันก็เพราะว่าเรารักกัน” ผมฟังคำว่า'รัก'จากปากของมันแล้ว ตัวชาไปหมดเลยครับ ผมมองหน้ามัน คำว่ารักที่มันพูดถึงแฟนของมันยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวผมไม่หยุด ผมรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วหันหน้าหนีมันทันที กลัวครับ กลัวน้ำตาจะหยดลงมาแล้วมันจะเห็นเข้า
“
ถ้านายรักแฟนนายมาก ก็ควรจะบอกเค้าด้วยเรื่องของเรา ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเค้าจะเชื่อกันง่ายๆหรอกนะ ว่าจะยังมีพ่อพระที่ยอมจ่ายเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่ออนาคตของไอ้ตัวข้างถนนคนนึงโดยไม่หวังอะไรตอบแทนน่ะ แล้วยิ่งนายปิดทุกอย่างเป็นความลับ มันก็ยิ่งน่าสงสัย รู้ไว้ด้วย!!” ผมตะโกนบอกมันใต้ผ้าห่มให้ลั่นห้องไปหมด ไม่รู้หรอกครับว่ามันจะทำหน้ายังไง โกรธผมแค่ไหนที่ผมพูดออกไป รู้แต่ว่าไม่อยากจะสนใจมันอีกต่อไปแล้ว
************************************
รู้สึกผิดจัง ที่บอกว่าจะมาต่อให้เมื่อวาน และเพิ่งจะได้โผล่มาตอนนี้(ที่เข้าเช้าวันใหม่แล้ว) ..ขอโทษก้าบบบบ มิมีสิ่งใดจะแก้ตัว อิอิ
B a l l o o n