ไม่เป็นไรจ้า เราอาจจะเม้นท์ไวไปนิด แต่ชอบปะละให้เรียก "คุณนาย"
อยากไฮโซ หรือโลโซ บอกมาได้จะจัดให้
อ่านแล้วติดใจจะถาม คุณนาย มีอะไรฝังใจกับตำรวจปะ เขียนมากก็หลายเรื่องเกี่ยวกะตำรวจเยอะเลย
จะมีต่างไปก็เรื่องสถาปนิกหนุ่ม อันนี้เค้าแค่สงสัยนะ หรือถ้าจะเดา คุณนายชอบหนุ่มให้เครื่องแบบ
หรือว่า เอาลักษณะของตำรวจ เพราะตำรวจเจ้าชู้
อยากโลโซครับ อิ อิ
คือว่า 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของผมก็วนเวียนอยู่ที่ตำรวจนี่ล่ะ หวังว่าคงไม่เบื่อกันหรอกนะ
เรื่องตำรวจเป็นรับก็มีคร้าบบ แต่ยังวางโครงเรื่องไม่เสร็จ เรื่องนั้นออกแนวตลกๆ หน่อย แต่เรื่องนี้ออกแนวดรามาครับ
ส่วนเรื่องไหนๆ ก็มีตำรวจเนี่ย เหตุผลก็คือ อืมมมมม คือไรดีอ่ะ
คือไรก็ช่างเถอนะ
ตอบ - หนุ่มให้เครื่องแบบไม่ชอบครับ
หนุ่มในเครื่องแบบก็ไม่ชอบ
แต่ชอบสาวในเครื่องแบบ
- 1 -
นายแพทย์ชาลีเดินออกจากลิฟท์โดยสารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หูฟังสีดำรุ่นใหม่ของ Bose ครอบอยู่บนหัว มือขวาถือไอพอดทัชที่เพิ่งซื้อใหม่ นิ้วเรียวขาวสะอาดเลื่อนแถบเร่งความดังเสียงเพราะต้องการได้ยินเสียงกีตาร์พริ้วชัดเจนขึ้น
…
No strings attached
That's a promise I can't keep
So I waste my time
With lazy crazy dreaming
A sparkling wine, a twist of lime
A whisky soda, hole in time
When you're not here
เพลงท่อนโปรดของเขากำลังจะเริ่ม เมื่อสิ้นเสียงกีตาร์ เสียงกลองหนักๆ จะกระหน่ำพร้อมเสียง Anouk กรีดร้องบาดอารมณ์ เมื่อถึงตรงนี้ เขามักจะร้องตาม ส่ายหัวไปมาทำท่าเหมือนเป็นคนเล่นกีตาร์เอง แล้วหลุดเข้าไปในโลกแห่งเสียงเพลง
Don't say you're sorry
Don't say it, No….
Don't say you're sorry1
…
พลันนายแพทย์ผู้รักเสียงเพลงก็ชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาขวางทาง อารมณ์เพลงสะดุด นิ้วแตะไอพอดหยุดเพลงทันที
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเคร่งเครียดยืนอยู่ไม่ห่าง ท่าทางรอดักพบเขาอยู่นานแล้ว ใบหน้าคมเข้มนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะลานจอดรถโรงพยาบาลร้อนอบอ้าว
"ชาลี"
"ดนัย"
ดนัย เดินเข้ามาใกล้นายแพทย์หนุ่มที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาของนักธุรกิจหนุ่มหันไปมองรถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ทรีสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ราวกับกลัวว่านายแพทย์หนุ่มจะวิ่งหนีไปขึ้นรถ
"คุณไม่เห็นรับโทรศัพท์ผมเลย ไม่โทรกลับด้วย ผมพยายามติดต่อคุณตั้งนาน" ดนัยเสียงเข้ม
"พักนี้ผมยุ่งมาก ไม่ค่อยว่าง แล้วก็เครียดๆ คนไข้ก็เยอะ" ชาลีทำหน้าเรียบนิ่ง พยายามนึกหาทางออก พลางนึกขอบคุณที่ดนัยไม่บุกเข้าไปหาเขาในโรงพยาบาล เขารู้ว่าชายหนุ่มคงไม่กล้าทำถึงขนาดนั้นเพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว หน้าตาทางสังคมของดนัยยังต้องรักษาไว้อย่างดี ความเป็นคนที่มีชื่อเสียงทำให้ดนัยต้องแอบมายืนดักเขาที่ลานจอดรถที่ร้อนอบอ้าว
"ว่างจนโทรหาผมไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว" ดนัยตัดพ้อ "แต่ดูท่าทางคุณมีความสุขดีนี่ครับ"
"เลิกงานแล้วจะให้ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ทำไม" ชาลียักไหล่
"ชาลี ผมอยากคุยกับคุณ ไปหาอะไรดื่มกับผมซักครู่นะ พรุ่งนี้ผมต้องไปญี่ปุ่น ผมคิดถึงคุณมาก"
"ผมอยากกลับบ้าน วันนี้ทำงานเหนื่อยทั้งวัน เอาไว้คุยกันตอนที่คุณกลับมาดีกว่า"
"ขอเวลาผมหน่อยเดียว คุณจะหลบหน้าผมไปถึงไหน โทรศัพท์มาหลายสิบครั้งคุณก็ไม่รับ ไม่โทรกลับ ไม่รู้เหรอว่าผม…” ดนัยไม่ยอม “ทำไมล่ะชาลี ทำไมอยู่เฉยๆ คุณก็ไม่รับโทรศัพท์ผม บอกผมสิว่าทำไม"
ชาลีดึงหูฟังออกมาคล้องคอ สอดไอพอดเข้ากระเป๋ากางเกง ถอนหายใจเบาๆ
...สงสัยต้องตัดสินใจเสียแล้ว ที่จริงไม่ได้คิดจะบอกเลิกดนัยที่ลานจอดรถ แต่หากดนัยมาถึงที่ขนาดนี้ก็ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า ปล่อยทิ้งไว้ก็เสียเวลา...
"ดนัย คุณไม่เข้าใจหรือไงว่ามันหมายความว่ายังไง" ชาลีพูดเสียงเย็นชา
ดนัยหน้าเจื่อน เริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น "คุณจะเลิกกับผมหรือ"
"แล้วแต่จะคิด" ชาลีทำใจแข็ง มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยามนี้ผู้บริหารหนุ่มบริษัทจิวเวอรรี่แทบไม่เหลือมาดนักธุรกิจไฮโซ
"แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดตรงไหน ทำไมอยู่เฉยๆ คุณก็จะเลิกกับผม ชาลี คุณรู้ไหมว่า ผมรักคุณ"
...นี่ล่ะ ผมรักคุณนี่ล่ะ ประโยคนี้เองที่เขารอฟังอยู่...
...ดนัย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจากกัน...
ชาลีนึกอยู่ในใจ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เมื่อใดก็ตามที่คนที่เขาคบด้วยเอ่ยคำว่า "ผมรักคุณ" เมื่อนั้นก็ถึงเวลาทางใครทางมัน
"ผมไม่ดีตรงไหนหรือชาลี ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้" ดนัยเริ่มตาแดง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ตอนอายุสามสิบสองปี
มายืนอ้อนวอนให้ผู้ชายคนหนึ่งอย่าทิ้งเขาไป!
ชาลีมองหน้าดนัยนิ่ง คิดอยู่ในใจว่า...ทำไมนะหรือ...เพราะผมไม่เชื่อว่าความรักของคนอย่างเราๆ จะไปรอดนะสิ และที่สำคัญ ผมไม่เชื่อว่าใครจะรักผมจริงจังหรอก ร้อยทั้งร้อย พอถึงเวลาก็เบื่อแล้วทิ้งทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทิ้งใครก่อน แต่ผมไม่มีวันมานั่งรอจนกว่าจะถูกทิ้งหรอก ไม่เอาอีกแล้ว พอกันที ผมจะไม่ยอมเป็นคนที่ถูกทิ้งอีกแล้ว...
ชาลีอยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป แต่เขายังไม่คิดว่าดนัยสมควรจะได้รับฟังอะไรเช่นนั้นในตอนนี้
จะว่าไปดนัยก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องโหดร้ายขนาดนั้นก็ได้
...แต่ใครจะไปรู้ล่ะ นี่แค่ไม่ถึงห้าเดือน ตอนนี้ยังรักยังหลง พอเบื่อ ไม่แน่ ดนัยก็อาจกลายเป็นคนไร้หัวใจก็ได้ เขาเห็นเทพบุตรจากสวรรค์กลายเป็นซาตานจากนรกมาอย่างน้อยก็สามคนแล้ว...
"ดนัย คิดซะว่าเรามีความสุขด้วยกันแค่นี้ก็พอเถอะนะ พอผมคบคุณไปได้ซักพักผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราคงไม่ใช่คู่กัน ต่างคนต่างไปเถอะ ผมอยากมีชีวิตใหม่" ชาลีพูดหน้าเรียบๆ
ดนัยขมวดคิ้ว ใบหน้าเจ็บปวด ตกใจกับคำพูดของนายแพทย์หนุ่มที่ดูเหมือนไร้เยื่อใย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาว่า "ชาลี ทำไม..."
ชาลีหันไปมองนอกอาคารที่จอดรถ ค่ำคืนของกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ต่างจากหัวใจของเขาที่มืดสนิท ว่างเปล่า
เขาบอกดนัยไปตรงๆ ราวกับท่องจำมาเป็นอย่างดี นี่คือคำพูดแบบเดิมๆ ที่เขาบอกทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่เรียนจบและกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ
...เราคบกันแค่นี้ก็พอเถอะ…เวลาผ่านไปผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่...ต่างคนต่างไป...ขออิสระให้ผม...แนวคิดสี่อย่างนี่ไงที่สลักอยู่ในใจเขาตลอดเวลา ไม่มีวันลบออกได้ แนวคิดที่สลักไว้ในหัวใจอ่อนๆ ของเขาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลาย และสลักซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้งเมื่อเรียนแพทย์ปีหนึ่งหลายรอบ ประสบการณ์เลวร้ายเหล่านั้นทำเขาซวนเซจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน กว่าจะลุกยืนขึ้นได้อีกครั้งชีวิตก็เกือบพังทลาย
...ตอนนี้ รู้สึกอย่างที่เขารู้สึกเสียบ้าง...
ดนัยไม่ยอมให้ชาลีขึ้นรถ ชายหนุ่มพร่ำวอนไม่ให้ชาลีเลิกกับเขาแต่แพทย์หนุ่มยืนกรานหนักแน่นจนดนัยอ่อนใจ ชาลีบอกดนัยว่าถึงไม่เลิกวันนี้ อีกไม่นานก็เลิกอยู่ดี ในเมื่อเขาไม่ได้รักแล้วจะให้ทนต่อไปทำไม
"ทำไมชาลี หัวใจคุณทำด้วยอะไร" ดนัยรำพึงรำพันน้ำเสียงสั่นพร่า น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาคมเข้มคู่นั้น จำใจต้องถอยห่างให้ชาลีเปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไป
"หัวใจผมทำด้วยเลื้อดเนื้อ เลือดสีแดงๆ และเนื้อสดๆ เจ็บปวดจนไม่อยากจะเจ็บต่อไปอีกแล้ว" เมื่อขับรถพ้นออกมาจากอาคารจอดรถของโรงพยาบาลใหญ่กลางกรุง ชาลีพูดกับกระจกรถเบาๆ ประหนึ่งว่าพูดกับดนัย ชายหนุ่มหมายมั่นเอาไว้แล้วว่าไม่มีวันเสียล่ะที่เขาจะโดนทิ้ง วินาทีที่เดินเข้าไปในสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เขาบอกตัวเองว่าชีวิตใหม่ของเขากำลังจะเริ่มต้น และเขาคือคนใหม่...คนที่จะกลับมาบ้านเกิดพร้อมกับชีวิตใหม่...ชีวิตใหม่ที่จะไม่เจ็บปวดกับความรักอีกแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้าน ชาลีเปิดประตูห้องชุดเดินโผเผเข้ามาแล้วตรงไปยังห้องนอนทันที ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงนุ่ม แล้วทิ้งตัวลงนอนหงาย เหยียดแขนเหยียดขา ตามองเพดานอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพลิกตัวไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปุ่ม Contacts มือเรียวขาวสะอาดกดไล่รายชื่อไปจนถึง Danai แล้วลบทิ้ง หลังจากนั้นกดต่อไปจนถึง Saksit แล้วลบทิ้งอีกเบอร์
...จบไปแล้วอีกสองคน เช้าถึงที่ทำงานปฏิเสธรักหนึ่งคน เย็นเลิกงานอีกหนึ่งคน สนุกดีจริงๆ ถึงเวลาหาคนใหม่…
…แต่ใครดีนะ...
ชาลีกลับตัวนอนหงายมองเพดานอีกครั้ง
...ที่ผ่านมาค่อนข้างหน้าเบื่อ ไม่มีรายไหนน่าตื่นเต้นเลยซักคน แต่ละคนเป็นสุภาพบุรุษผู้น่ารักประเภทรักจริงหวังแต่ง ไม่เจอที่ยิมก็ที่ผับ ไม่ก็ร้านขายของในห้างสรรพสินค้า ไม่ก็คนไข้ หรือไม่ก็เป็นพื่อนของเพื่อน...
...เขาไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่นัก หากไปผับก็จะเจอคนเจ้าชู้เยอะแยะ ที่จริงคนเจ้าชู้นั่นล่ะเป้าหมาย แต่คนกลุ่มนั้นที่พบได้ทั่วไปในผับหรือที่เที่ยวกลางคืนนั้น "ตื้น" จนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เจอกันวันสองวันแรกก็บอกว่าชอบเขา หมดสนุกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม...
นายแพทย์หนุ่มคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาเจอใครเด็ดๆ ซักคน ใครที่ท้าทาย ใครที่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ใครที่เมื่อเขาปฏิเสธรักแล้วเขาจะรู้สึกสนุกและภูมิใจมากกว่านี้ เขาอยากสัมผัสกับความรู้สึกที่เหมือนกับได้เหรียญทองโอลิมปิก!
*****