ตอนพิเศษ “ต๋องๆ วันนี้ว่างป่ะ ไปดู Poltergay เป็นเพื่อนหน่อยดิ ไม่กล้าไปดูคนเดียว” เสียงโวยวายที่ส่งผ่านมาทางโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่ผมรับสาย นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้ยินเสียงนี้
“เอาดิ วันไหนอ่ะ”
“วันนี้ได้ป่ะ วันนี้ผมเลิกเร็ว เนี่ย งานเส็ดล่ะ” (เอื๊ อีนี่นิ เมิงเส็ดกูไม่เส็ดนี่หว่า ทำเป็นจำไม่ได้ ว่าต้องเส็ดพร้อมกันดิ ถึงจะ Perfect
)
“คุณเลิกเร็ว แต่ผมมีประชุมนิ กว่าจะเลิกคงดึกอ่ะ น่าจะเกือบทุ่มนึงอ่ะ” ผมตอบกลับไป
“ดูรอบ 2 ทุ่มครึ่งก็ได้ นะ นะ ดูเป็นเพื่อนกันหน่อยเหอะ นะ นะ ต๋อง นะ เราอยากดูอ่ะ
ไม่ได้ดูด้วยกันนานแล้วนะ” ทุกทีสิน่า ผมล่ะขัดมันไม่ได้จริงๆ เวลาเจอลูกตื้อกับเสียงอ้อนๆจาก พ่อยอดชายของผมคนนี้
“เออ ไปก็ได้ แต่เลี้ยงกูด้วยนะ” (ดี กรูจะให้เลี้ยงให้เข็ดเลย ชวนดูหนังดีนัก ชิส์)
แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่ให้มันเลี้ยงผมหรอกคับ ก็ช่วยๆกันออกมากกว่าเพราะยิ่งมารู้ว่าตอนนี้เค้าย้ายออกมาจากคอนโดของพี่หนุ่ยแล้ว ยิ่งมีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นมากว่าเดิมอีกเป็นเกือบเท่าตัว
ใช่ครับ คนที่ผมจะไปดูหนังด้วยคืนนี้ เป็นคนเดียวกับที่พวกคุณๆอ่านเรื่องของเค้ามาก่อนหน้านี้ คนที่ทำผมร้องไห้จะเป็นจะตาย พ่อยอดชายนายเอกนั่นแหละครับ หลังจากที่มันคุยกับผมผ่านทาง MSN มาได้สักระยะ (ก็เกือบเดือนเหมือนกัน) มันก็เริ่มโทรมาคุยเล่นบ้าง ชวนผมไปดูหนังบ้าง (ซึ่งผมยังไม่เคยไปดูหนังกับมันอีกเลย หลังจากเกิดเรื่องตอนนั้น) อย่างที่ผมเคยบอกแหละครับ คนมันชอบอะไรเหมือนๆกันอ่ะ มันหายากโคดๆ ถึงไม่ได้เป็นแฟนกัน เป็นเพื่อนกันก็ยังดี
ข่าวล่าสุดของมันตอนนี้คือ มันย้ายที่ทำงานจากแถวรัชดาไปอยู่ไกลถึงแถวแจ้งวัฒนะ ได้ขึ้นทั้งเงินเดือนและตำแหน่ง รวมทั้งย้ายออกมาจากคอนโดพี่หนุ่ยเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องระหว่างมันกับผม (เหมือนเลิกกับกรูแล้วชีวิตมันดีขึ้นยังไงยังงั้น นี่มานหมายความว่าไงฟ่ะ โกด โกด สรุป กูถ่วงความเจริญมันนี่เอง
ช่างเป็นเรื่องที่น่าถูมิใจจริงๆ)
เอก “งั้นเด๋วเจอกันที่ลิโด้นะ”
ผม “เออ ตามนั้น เด๋วเจอกัน”
2 ทุ่มที่หน้าโรงลิโด้ สยามสแควร์ ผมกำลังเดินขึ้นไปที่หน้าโรงก็หันไปเห็นคนๆเดิมที่ยืนอยู่ที่เก่าที่เราชอบนัดเจอกันเวลาไปดูหนัง
ผม “เฮ้ย เอก เหม่อไรวะ” ผมตะโกนใส่หูมันให้มันตกใจเล่น
เอก “แสรดดดด ตกใจหมด เด๋วสาวแตกขึ้นมาจะทำไง” โหย กูล่ะอยากเห็นสภาพสาวแตกของเมิงจริงๆ คงหลอนน่าดู “แล้วไปไหนมา ทำไมมาช้าจังอ่ะ” บ่นอีก ทำไมถึงเป็นผู้ชายที่ขี้บ่นอย่างนี้วะเนี่ย
“ต๋องล่ะอยากเห็นเอกสาวแตกจริงๆ จะน่ากลัวขนาดไหนเนี่ย 5 5 5” นึกสภาพผู้ชายที่สูง 170 กว่าๆ หน้าตี๋ๆ อย่างมัน ทำสาวแตกเนี่ย
เครียดขึ้นมาเลยนะเนี่ย นึกสภาพไม่ออกจริงๆ “ไป ไปดูหนังกันเหอะ ซื้อตั๋วไว้แล้วใช่ป่ะ”
คืนนั้น Poltergay ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด หนังออกจะหลับๆนิดๆด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากเป็นหนังเรื่องแรกที่เรามาดูด้วยกันหลังจากที่ เออออออ ...... เกิดเรื่องอ่ะครับ เลยจำได้มากเป็นพิเศษ สมัยตอนเขียนเรื่องนี้ใหม่ๆ เวลาที่ผมตื่นเต้น เขียนบรรยายไปคนที่อ่านชอบหาว่าผมหื่น
ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้หื่นนะครับ ออกจะเป็นคนดี (ที่ไม่มีใครรัก) ด้วยซ้ำ
อย่างครั้งนี้ก็เหมือนกัน อารมณ์มันเหมือนไปดูหนังกับมันครั้งแรกที่ เอ็มโพเรี่ยมเลย แอบตื่นเต้นไปหมด โดนขามันนิดก็ โอยยยยย หัวใจจะวาย ทั้งๆที่ มากกว่าขาก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ไม่ใช่แค่เห็นด้วย ทั้งกอด จูบ ลูบ คลำ ทำมาหมดแล้วววว
(แฮ่ะ คิดอารายยยอ่ะ ก็มือไงคับ แค่มือ) แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น ไม่รู้ทำไม
ไม่รู้บอกไปรึยังว่าผมเลิกกับไอ้โจ๊กไปแล้ว หลังจากที่คบมันมาประมาณเกือบ 4 เดือน ไม่รู้ดิครับ คนมันไม่ได้ “รัก” เท่าไงได้ ถึงเค้าจะรักเราเท่าไหร่ก็เหอะ แล้วผมจะโดนตาเรย์ด่าว่า “แล้วสักวันเมิงจะรู้สึก” ก็ตาม ผมก็เลิกกับโจ๊กไปแล้ว ผมยังรู้สึกผิดกับ ไอ้ตัวเล็ก ของผมจนถึงทุกวันนี้นะครับ ว่าตอนนั้นที่ผมตกลงคบกับมัน เป็นช่วงที่ผมเห็นแก่ตัวที่สุด เป็นช่วงที่ผมแค่ต้องการใครสักคนที่คุยด้วย ที่มาอยู่ข้างๆ แล้วมันเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี ขอโทษไว้ตรงนี้เลยนะครับ โจ๊ก
ถึงตอนนี้ผมจะไม่มีใครแล้ว แต่ผมก็ยังไม่คิดจะไป return กับเอกมันนะครับ ไม่รู้ดิ เป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า แต่ผมจะทำใจได้นานมั๊ยน๊า กลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะกลับไปหามัน แต่ไม่รู้ดิครับ ดูๆกันไปก่อน แต่คงไม่ เอ๊ะ หรือว่าจะทำดี
เอก “ศุกร์นี้ไปไหนป่ะ”
เอกชวนผมไปเที่ยว แต่ก็เหมือนกับทุกศุกร์แหละครับ ผมมักจะมีนัดไปร่าเริงกับเพื่อนๆ (ทั้งในเล้าและนอกเล้า) เลยไม่ว่างซะที อีกอย่างผมกลัวตัวเองเวลาเมาด้วย ขืนไอ้เอกมันไปด้วยมีหวัง ...... ไม่ผมก็มันแหละ มีเสียประตูกันแน่ ผมมันประเภทเมาแล้วไม่คิดมากอยู่ ดีกรีความหื่นเพิ่มขึ้นจากปกติ 34 % อีกต่างหาก เพราะงั้นผมเลยพยายามเลี่ยงไม่ไปกับมัน
ผม “ไม่ว่างอ่ะ นัดเพื่อนไว้แล้ว”
เอก “เพื่อนในเล้าอีกอ่ะดิ”
ผม “เออ ทำไมหรอ”
เอก “เปล่า เห็นช่วงนี้ไปกับเพื่อนในเล้าบ่อยๆ” ทำเป็นงอน เมิงงอนไปเหอะ กรูไม่สนหรอก ไม่ใช่แฟนกันนี่หว่า
ผม “ก็ไม่ค่อยบ่อยหรอ มันชวนก็ไป” ผมหมายถึง ... (คุณก็รู้ว่าใคร อ้าวววว !!! เป็น แฮรี่ ไปซะแล้ว อิอิ)
เอก “สนิทกันดีจังนะ”
ผม “เอาไว้วันหลังค่อยไปกับเมิงล่ะกัน”
ผมห่างหายกับการไปเที่ยวกับกลุ่มไอ้หญิงมาสักพักแล้วอ่ะครับ เพราะเวลามันไปกันทีก็มีไอ้บอล ไอ้เอกก็ต้องไปด้วยเกือบทุกครั้งซึ่งก่อนหน้านี้ ผมไม่สบายใจที่จะเจอกับมัน เลยขอ fade ตัวเองออกมาดีกว่า อีกอย่างไอ้นิว เพื่อนloveของผมมันก็ไปทำงานอยู่ที่สิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อย ผมเลยค่อยๆหายจากการไปเที่ยวกับกลุ่มนี้โดยปริยาย
พูดถึงในเล้า ไอ้เอกมันได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันครับ ใครก็ไม่รู้บอกมัน ตอนแรกที่ผมรู้ก็ตกใจเหมือนกัน :m30:อายด้วยเพราะถึงเรื่องนี้ผมจะเปลี่ยนชื่อตัวละครไปหมดก็ตาม แต่เรื่องหลักๆที่เราไปทำด้วยกัน มันก็เดาออกว่าคนที่ผมใช้ชื่อว่า “เอก” จริงๆแล้วก็คือ ตัวมันเองเล่นเอาผมหลอนจนขอเป็นชื่อ User name จาก Pompparazzi เป็น ~ScAreD:SAcreD~ เลยทีเดียว (เพราะ Pompparazzi เป็นชื่อที่ผมมักจะใช้ในเวปทั่วๆไป ซึ่งไอ้เอกมันก็รู้ ) มันอ่านจนจบก็เมลล์มาหาผมพร้อมทั้ง “ขอโทษ” อีกครั้งที่ทำให้ผมเสียใจ มันไม่รู้ว่าผมเป็นมากขนาดนั้น เล่นเอามันไม่สบายใจหลังจากอ่านจบเลยทีเดียว ซึ่งผมบอกมันไปว่า ไม่เป็นไร เรื่องมันแล้วไปแล้ว เราเหลือแต่สิ่งดีๆเก็บไว้ให้กันดีกว่า ทุกๆความทรงจำดีๆที่ผมกับมันทำด้วยกันย (ถึงจะไม่มีรูป เพราะผมลบไปหมดแล้ว แต่มันยังอยู่ในใจผม รวมไปถึงตัวมันเองด้วย
)
ก่อนที่เราจะแยกกัน ต่างคนต่างกลับบ้านในวันนั้น
เอก “ ต๋อง ขอบใจนะที่มาดูหนังเป็นเพื่อนเรา”
ผม “ไม่เป็นไร ดีออก เรื่องนี้คงไม่มาดูคนเดียวอยู่แล้ว เอกชวนมาดูเลยมีเพื่อนดูด้วย”
เอก “ถ้ากูเป็นผีแบบในเรื่องนะ เซ็งเลย”
ผม “อ้าว ทำไมล่ะ เมิงจะรีบตายไปไหน”
เอก “เปล่า ไม่ได้รีบ ก็ตอนแรกกะว่า ถ้ากูตายกูจะได้ตามหลอกเมิง แต่ถ้าตายแล้วต้องอยู่กับที่แบบนี้ คงเซ็งอ่ะ”
ผม “อ้าว ไอ้เวร ดันจะมาตามกูอีก ไม่เอาอ่ะ เมิงไม่ต้องรีบตายหรอก อยู่เป็นเพื่อนกูไปนานๆแบบนี้ก่อน”
เอก “แค่เพื่อนหรอ”
ผม “อึม แค่เพื่อนดีกว่า เอก กูรักเมิงนะ จริงๆ แต่ก็อยากที่เมิงเข้าไปอ่านแหละ กูกลัวว่าถึงเราจะกลับมาคบกัน มันก็คงไม่เหมือนเดิม มันอาจจะจบลงด้วยความรู้สึกที่แย่กว่านี้ก็ได้นะ”
เอกมันเงียบไปพักใหญ่ จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่า มันคงคิดว่า ผมกับมันคงจะกลับไปเหมือนเดิมได้เพราะผมยอมมาดูหนังกับมันเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว
ผม “เอก ฟังต๋องนะ ถึงเราไม่ได้เป็นแฟนกัน เราก็เป็นเพื่อนกันก็ได้นิ เอกมีงานใหม่ มีบ้านใหม่แล้ว เอกเป็นคนใหม่แล้วนะ ถึงเราจะกลับมาคบกัน เชื่อเหอะ เด๋วก็ทะเลาะกันเรื่องเดิมๆอีก ต๋องเป็นคนแบบนี้ มันแก้ไม่หายหรอก” สันดานผมยิ่งชอบขุดเรื่องเก่าๆอยู่ด้วยเวลาที่ทะเลาะกัน พยายามเลิกแล้ว แต่มันก็หลุดทู๊กทีเลยอ่ะครับ แหะ แหะ
ผม “เชื่อกูเหอะ หน้าอย่างเมิงอ่ะ มีคนรอต่อคิวเป็นแฟนอีกเพียบ” ผมพยายามให้บรรยากาศมันสนุกเข้าไว้ดีกว่า เด๋วมันกลับไปเครียดอีก
ผม “เอาไว้เด๋วถ้ากูกับเมิง 40 แล้วยังไม่มีคนเอาทั้งคู่ ค่อยว่ากันใหม่ ดีม่ะ 5 5 5”
แล้วเราทั้งคู่ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไป
======================================================
ที่ผมเขียนตอนพิเศษตอนนี้ขึ้นมา เพราะมีคน mail เข้ามาถามว่า แล้วผมยังได้เจอไอ้เอกอยู่มั๊ย หรือเอกเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้คง OK ขึ้นแล้วนะครับ เขียนให้แล้วนะครับ คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนต่อ-ไม่ต่อดีเพราะผมจบเรื่องเก่าแบบที่ผมอยากให้จบแล้ว แต่ก็นะ ถ้าอยากรู้ก็เอาสักนิดนึง จัดให้ แต่ประกาศเอาไว้เลยนะครับว่า ไม่มีต่อแล้วนะ คราวนี้จบจริงๆแล้วนะครับ ตามนั้น เข้าใจตรงกัน รับทราบบบบบ
เอาไว้ไปอ่านเรื่องใหม่ ที่ผมยังไม่ได้เขียนต่อเลยล่ะกันนะค๊าบบบบบบ
(ภูมิใจหรอ เมิง ขี้เกียจเขียนเนี่ย
)
เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ หรือไม่ก็ตอนผม 40 แล้ว อาจจะมีเหตุผลที่ผมกับเอกจะต้องมาเจอกันอีกก็ได้ ใครจะรู้ล่ะครับ