Imprison 55: ก่อเหตุ
บรรยากาศในนี้เริ่มเปลี่ยนไป..
ถ้าเปรียบเหมือนท้องฟ้า ก็คงเป็นสภาพของเมฆหมอกที่เข้าปกคลุมอย่างเงียบงัน และก่อตัวช้าๆเพื่อรอให้มีกำลังมากพอจะเปลี่ยนตัวเป็นพายุฝนโหมกระหน่ำรุนแรง..
ผมคิดว่าตอนนี้ บรรยากาศในเรือนจำ แดนสิบสอง..มีสภาพเป็นแบบนั้น ทั้งลักษณะท่าทางของนักโทษ สายตาที่มองอย่างใคร่ครวญและระมัดระวัง การจับกลุ่มพูดคุย รวมทั้งข่าวลือสารพัดที่ถูกปล่อยออกมาในแต่ล่ะวัน ..หนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่เป็นแบบนี้ นับแต่วันที่พี่โตถูกพาตัวไปสอบสวน..วันรุ่งขึ้น คนที่โดนสอบสวนบ้างคือพี่กันย์..ที่มีข่าวมาว่าเป็นคนพบศพ และต่อมาก็เป็นพี่วิทย์.. และอีกหลายๆคนที่ถูกเรียกตัวไปไม่ขาดสาย..
สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอการปะทุขึ้นมา ทำให้บรรยากาศในนี้แปรปรวนและชวนให้หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย..
ผมละมือจากไพ่ในมือหลังจากถูกกินเป็นรอบที่สองโดยเจ้ามืออย่างพี่แม้ก ซึ่งรายนั้นเอาแต่ยิ้มร่าเพราะชนะมาหลายรอบติดๆ โดยมีเสียงเยาะเย้ยของพี่ทินเรื่องความอ่อนของตัวเองอยู่ใกล้ๆ..
ตอนนี้เป็นตอนบ่ายของวันอาทิตย์ในรอบสัปดาห์อันน่าเบื่อหน่าย อาจจะบอกว่าน่าเบื่อกว่าปกติด้วยซ้ำ เพราะทุกทีเราจะได้ออกไปข้างนอก ไปกวาดพื้นลอกท่อหรือบำเพ็ญประโยชน์อะไรก็ช่างเถอะ แต่การได้ทำงานข้างนอกที่ไม่มืด ทืบ อับ เหมือนในเรือนนอนนี่ ก็ดีกว่าแน่นนอนเสียแต่ตอนนี้เสียงเม็ดฝนที่กระทบหลังคานั้นทำให้พวกเรานึกเบื่อ เพราะฝนตก ทำให้ไม่มีโอกาสได้ไปนั่งชิวอยู่ใต้ร่มไม้ หรือแอบจิ๊กหนังสือพิมพ์ของผู้คุมมาอ่าน ทำได้แค่นั่งเล่นไพ่อีแก่กินน้ำแก้เบื่ออยู่นี่..
ผมเหลือกตาขึ้นมองเพดานเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำฝนที่รั่วลงมาใส่หลัง พลางอ้าปากหาวนึกอยากนอนคลุมโปงหลับไปซะเลย เสียแต่พี่ๆเขายังเล่นไพ่กันไม่เลิกรา..
“...น่าเบื่อจังแฮะ...” ผมบ่นออกมาดังๆพลางหาวอีกรอบ เอื้อมมือหยิบสำรับไพ่จากมือพี่แม้กเจ้าเดิมที่ยิ้มร่า
“...เออน่า หยิบๆไป รอเดี๋ยวผัวมึงก็มา..” ชะ..ผมหรี่ตามองคนพูดแล้วแบะปากใส่ พี่แม้กกำลังพูดถึงพี่โตที่ตอนนี้ออกไปข้างนอก ไม่ใช่ไปถูกสอบหรืออะไรหรอกครับ แต่ออกไปเพราะ..วันนี้เป็นวันอาทิตย์..เหมือนเดิมนั่นแหละ มีคนมาเยี่ยม..
“..ว่าจะถามหลายทีแล้ว ไม่กลัวผู้คุมยึดรึไงพี่..” ผมถามพี่ทินที่กำลังหยิบไพ่มาจั่วด้วยสีหน้ารื่นเริง เพราะไพ่แกได้เปรียบกว่าเห็นๆ คำพูดนั้นทำให้คนฟังชะงัก หันมามองหน้าผมตาขวาง
“.จะยึดเพราะมึงปากโป้งนี่แหละ สาดดด ..ไม่ต้องถามหาพ่อมึงเลย ..หงุดหงิดเรื่องผัวตัวเองแล้วพาล ไอ้นี่..” โว๊ะ..ผมชักสีหน้าใส่คนพูดที่กำลังรอเอาไพ่ลงรอบต่อไปอย่างตั่งอกตั้งใจ คนเขาอุตส่าห์ถามเพราะเป็นห่วง เกิดอะไรจะได้ไม่โดนจับยัดเข้าขังเดี่ยว แต่นี่ดันเสือกมาว่ากันอีก เรื่องไหนไม่ว่า เรื่องไอ้คุณพี่โตด้วยน่ะ พูดอยู่ได้ว่าเป็นผัว ..ขอให้โดนมั่งซักวันเหอะ..
ผมทำหน้าบึ้งใส่คนพูดแล้วแอบถอนใจ ถามว่าหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียมั้ยที่พี่โตไปหาแฟนของเขาอีกแล้ว..พูดตามตรงว่าผมหงุดหงิด...จนถึงหงุดหงิดมาก..แต่ เพราะนึกได้ว่าตอนนี้เราก็แค่..อยู่ข้างๆกัน..เท่านั้น ทำให้ผมได้แต่ยอมรับมันไป ..
แต่ถ้าถามว่าชอบไหม..ก็ไม่ชอบอยู่ดี
พี่ทินพูดถึงความสัมพันธ์แบบนี้ว่า...มันเป็นเรื่องปกติ..หลายคนเขาก็เป็นแบบนี้ อยู่ในคุกก็กินนอนด้วยกันฉันผัวเมีย แต่พอมีญาติๆหรือแฟนมาเยี่ยม ไอ้สถานะนั้นก็จะเปลี่ยนผันเป็น น้อง หรือเพื่อน อะไรไปได้หน้าตาเฉย..
พี่แกสรุปง่ายๆว่าพี่โตก็แค่ “มีเมียสองคน “ คนนึงอยู่ในคุก กับอีกคนอยู่นอกคุก มันก็เท่านั้น
...หรือก็พูดง่ายๆ ว่าผมมีความสำคัญ..ก็แค่ตอนอยู่ในคุก รู้กันแค่ในคุก ข้างนอกไม่เกี่ยว..
แน่นอนว่าผมไม่ได้พอใจสักเท่าไหร่กับข้อสรุปแบบนั้น แต่จะทำไงได้ ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะถ้าถามว่าถ้ามีแม่น้องหรือเพื่อนๆมาเยี่ยม ผมจะบอกเขาไหมว่าคนๆนี้เป็นแฟนน่ะ หรืออะไรเทือกนั้น ผมก็ไม่กล้าบอกอยู่ดี..
สรุปว่าตอนนี้ ที่ผมทำได้ ก็แค่นั่งเฉยๆ แล้วรอ..ให้พี่โตกลับมาก็แค่นั้น..
พูดตามตรงว่ามันน่าเบื่อ...เบื่อมากๆ แถมยังชวนแสลงใจ..
ทำไมน่ะเหรอ?..จะให้ผมพูดมั้ยว่าที่เห็นตอนหน้านี่มันอะไร ไอ้ภาพชวนแหวะของคนสองคนที่..เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญและกำลังสวีตกันจนชวนมดกัดอยู่แบบนี้เนี่ย
“..ป๊อกเก้า..” น้ำเสียงที่แสนภูมิใจของพี่วิทย์ดังขึ้นพร้อมกับมือที่วางไพ่ลงกลางวง ทำให้เหล่าขาไพ่ครางฮืออย่างไม่พอใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันเต็มไปด้วยความพอใจของพี่วิทย์และคนที่นั่งตักอยู่..
...ไม่ต้องถามก็รู้ใช่ไหม ? ว่าคนๆนั้นเป็นใคร เพราะนับแต่อาทิตย์ที่แล้วที่ผ่านมา คนๆนั้นก็กลายมาเป็นเหมือนเงาตามตัวของพี่วิทย์ มีพี่วิทย์ที่ไหน มีเมฆที่นั่น แถมยังสวีตกันหวานแหววจนคนอื่นยังเอียนแทน..
ผมเท้าคางพลางรับไพ่มาจากเจ้ามือที่กำลังเริ่มแจกไพ่ หลังจากตาที่แล้วพี่วิทย์ชนะไปแบบเฉียดฉิวนัยน์ตายังคงมองไปยังสองคนนั่นอย่างงวยงง กำลังพยายามนึกว่าไปปิ๊งรักกันตอนไหน แต่ยังไงก็คิดไม่ออก..
ช่างเถอะ..ผมถอนใจแล้วละสายตามาจากคู่รักชวนหวาดนั่น หลังจากเมฆถลึงตาใส่ผมเป็นรอบที่สองโทษฐานไปจ้องหน้าเค้าจนเจ้าตัวจับได้..กำลังจะก้มมาดูไพ่ของตัวเอง แต่ก็ต้องสะดุ้งกับแขนหนาที่สอดรอบเอวพร้อมกับออกแรงยกจนผมสะดุ้ง..
“..อ้าว?...” ผมครางงงๆเมื่อเห็นคนที่ผมกำลังบ่นหาปรากฏตัวขึ้นเร็วเกินคาด เหลียวมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ประตูใหญ่ มันบอกเวลาบ่ายสองครึ่ง.. มาก่อนเวลาตั้งนาน..
“..ยังไม่ถึงบ่ายสามเลย..” ผมออกปากท้วงเมื่อพี่โตเข้ามานั่งในวงไพ่แทนที่พร้อมกับยกตัวผมมานั่งตักเหมือนคู่รักที่ผมเพิ่งวิจารณ์ไปเมื่อครู่
“ อยากให้อยู่ถึงบ่ายสามรึไง..” พูดจายังกะผมจะไปบังคับอะไรเขาได้ ผมเหลือกตาขึ้นขณะที่ฟังคำโวยวายของพี่โตที่บังคับให้ทั้งวงแจกไพ่ใหม่ เพราะตัวเองได้แต่ไพ่ห่วยๆ แถมยังมาพาลบ่นว่าผมมันซวยจับได้แต่ใบแย่ๆ ...ฟังแล้วชัดอยากให้ผู้คุมเดินมาตรวจจริงๆ จะได้ลากคอกันไปขังเดี่ยวทั้งแกงค์ให้รู้สำนึก..
“...เฮีย..ว่าแต่รอบนี้เจ้กิ๊งไม่เอาไรมาให้เหรอ?..ไม่มีไรมาแบ่งกันบ้างรึไง..? “ พี่กิตหันมาถามหลังจากจับไพ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเงียบไปเพราะโดนทั้งวงทำสายตาพิฆาตใส่ ผมถอนใจเฮือกขณะที่หันไปจ้องหน้าแล้วแบมืออกทันควัน..
“..อะไร?..” พี่โตทำเสียงเข้มๆใส่..
“..ของฝากไง มีไรก็มาแบ่งกันบ้างสิ อยากกิน..” ผมว่าพลางจ้องหน้าพี่โตเขม็ง..ไม่ได้ต้องการของฝาก และกำลังไม่พอใจมากๆอยู่ ที่ทำนี่แค่อยากรู้ว่าเขาจะเอาอะไรมาให้ แค่อยากรู้ว่าคนของพี่โต..จะเอาอะไรมาฝากก็เท่านั้น
นัยน์ตาคู่นั้นหรี่ลงก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมแรงๆแล้วจับบิดคอหันไปกลางวงต่อ
“ ไม่มี..กินหมดแล้ว..”
“..เหรอ? งั้นคราวนี้ผมกินให้หมดบ้างดีกว่า..” พูดถึงตอนแม่มาเยี่ยมอาทิตย์ก่อนหน้า เอากับข้าวมาเยอะจนผมเอามาแบ่งให้ทุกคนกินบ้าง ผลก็คือ..บางรายแทบจะแทะปิ่นโตกินให้หมดกันไปข้าง บอกแล้วไงว่าแม่ผมทำอร่อยจริง
“..อย่ามางี่เง่า..” หา..? แค่พูดแบบนั้นดันโดนด่าว่างี่เง่าซะงั้น ผมทิ้งตัวเอนกับแผ่นอกหนาแรงๆให้เจ้าตัวรู้ว่าไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะเขาดูจะไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรสักนิด..
ผมเหลือบมองปลายคางสากและเสี้ยวหน้าของพี่โตที่กำลังจดจ้องกับการเล่นไพ่อย่างหงุดหงิด หงุดหงิดที่ดูจะไม่สนใจอะไรผมเลยนอกจากเจ้ากระดาษสี่เหลี่ยมนั่น
เฮ้อ.. ไปดีกว่า..
“..จะไปไหน..” ออกปากถามเมื่อผมลุกพรวดจากตักของตัวเอง ขณะที่ผมหันไปมองหน้าด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งไม่หาย สนใจด้วยเรอะ อยากเล่นไพ่นักก็เล่นไปสิ.
.
“..ไปขี้!!!..” ว่าแล้วก็เดินออกมาจากห้องขัง ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นอันเต็มไปด้วยความพึงพอใจ(ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะพอใจอะไรนัก) ของพี่ทินกับเสียงล้อเลียนของคนอื่นๆพาลให้ไม่อยากฟังจนต้องรีบเดินออกมาเร็วๆ.. รู้สึกว่าตังเองโคตรงี่เง่า แต่จะทำยังไงได้ ก็คนมันอารมณ์เสียนี่..ไม่ใช่พ่อพระน่ะโว้ย จะได้มานั่งยิ้มร่าไม่รู้สึกอะไรตอนโดนเมิน..
ไอ้พี่โตก็หมือนกัน ถึงจะรู้ว่ายังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆจังๆ แต่จะช่วยไว้หน้า รึพูดจารักษาน้ำใจกันมากกว่านี้น่ะเป็นมั้ย ไม่ใช่ว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้น ยังจะไปพูดถึงแฟนตัวเองหน้าตาเฉย.. ทีตอนจะเอาล่ะพูดจาซะดิบดี มาตอนนี้ล่ะก็ทั้งด่าทั้งบึ้งใส่.. ชวนหงุดหงิดชะมัด อะไรก็ขวางหูขวางตาไปซะหมดจริงๆ..
ผมถอนใจเฮือก ตั้งใจจะเดินฝ่าสายฝนไปนั่งซ้อมดนตรีที่อาคารโน้นซักหน่อย จะได้อารมณ์ดีขึ้น แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็เห็นหลังไวๆของคนที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว..
ทำอะไร?..
ผมเดินเข้าไปใกล้พี่กันย์ที่กำลังหยุดยืนอยู่หน้าเรือนนอนรวมของพวกผม ใบหน้าที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้านั่นทำให้ผมนึกสงสัย..ยิ่งของบางอย่างในมือด้วยแล้ว..
“.พี่กันย์...” ผมออกปากเรียกคนตรงหน้าเบาๆ ได้ผม พี่กันย์หันมามองหน้าผม..ใบหน้าที่กำลังเฝ้ามองบางอย่างนั้น เสี้ยวด้านข้างที่ผมเห็นเมื่อกี้ดูจริงจังและเคร่งเครียด แต่เมื่อหันมาสบตา ท่าทางนั้นก็เลือนหายไป..
“..ครับ....” พี่กันย์ยิ้มรับ พร้อมกับซ่อนบางอย่างไว้ทางด้านหลัง ทำให้ผมขมวดคิ้ว ใบหน้าของพี่กันย์มีรอยฟกช้ำที่พอเห็นอยู่หลายจุด คิดว่าคงเพราะโดนเรียกตัวไปสอบถามนั่นแหละ นัยน์ตาคู่นั้นตวัดมามองฝ่ามือผมก่อน ขณะที่ผมยกมือขึ้น แล้วยิ้มออกมาช้าๆ
“..ผมคิดว่ามือหายแล้วครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง..” ชิงตอบไปก่อนเจ้าตัวจะได้ถามขึ้นมาเสียอีก “ แล้วพี่กันย์มีอะไรเหรอครับ?..หรือว่าจะมาหาเมฆ?..” ผมถามออกไป เพราะสายตาที่จับจ้องไปยังทางเข้าเรือนนอนนั้น มันเป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องขังของพวกผม ที่วันนี้พี่วิทย์กับเมฆอยู่ในนั้น..
“..เปล่าหรอก...” ออกปากปฏิเสธพร้อมกับทำท่าจะหันหลังกลับ..แต่ก่อนหน้านั้น พี่กันย์ก็คว่ามือผมขึ้นพร้อมกับยัดบางอย่างใส่มือ
“..อะไร?..” ผมออกปากถามอย่างไม่ไว้ใจ พย่ายามยื้อมือพี่กันย์ไว้กันเวลาเอาของอันตรายมาให้แล้วชิ่งหนี
“..ให้เมฆ...” บอกแล้วสะบัดมือผมหนี แต่ดันเป็นการเดินเข้าไปในเรือนนอนของผมตามด้วยพรรคพวกอีกสามสี่ราย.. ทำให้ต้องขมวดคิ้วงงๆ ผมยกมือขึ้นมาดูของในมือ มันคือกระดาษใบหนึ่ง..ไม่สิ รูปถ่ายใบหนึ่ง รูปถ่ายสีซีดจางตามกาลเวลาในนั้นเป็นร่างของเด็กชายสองคนในวัยไล่เลี่ยยืนยิ้มให้กล้อง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไร้เดียงสา..
..ใคร?...
ผมพลิกไปด้านหลังรูป ไม่เห็นอะไรนอกจากวันที่ซึ่งเขียนไว้ด้านหลัง..
...เอาให้เมฆ... ผมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก..คงเป็นรูปของเจ้าตัวล่ะมั้ง..
คิดไปก็เท่านั้นเลยตัดสินใจเอามันใส่ในกระเป๋ากางเกงก่อน ผมจะก้าวเท้าออกไปแต่หูกลับได้ยินเสียงเอะอะข้างในเรือนนอน..ที่ๆพี่กันย์กำลังเดินเข้าไป..
เกิดอะไรขึ้น..?
“..โอ๊ย !!! “ ร้องออกมาเมื่อถูกชนที่ไหล่แรงๆ จากร่างของใครคนหนึ่ง แต่ก่อนจะได้คิดอะไร มือของใครบางคนก็คว้าแขนผมไว้แล้วกระชากตัวปลิวทันที..
“..เฮ้ย !!!นี่มัน...เหวออออออออออออ...” ผมอ้าปากท้วงเจ้าคนที่ลากแขนผมมา แต่พอเห็นว่าคนทำเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่โตก็ทำท่าจะร้องถาม..ถ้าหากพี่แกจะไม่เอามือทั้งคู่ของตัวเองกดทั้งหัวทั้งตัวของผมให้ซุกลงกับแผ่นอกตัวเอง แล้วกดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก !!!
มันอะไรกันเนี่ย..?
ผมได้แต่งวยงง เพราะถามไปนอกจากจะไม่ได้คำตอบ ตอนนี้ยังจะโนด่าอีกด้วย เพราะสีหน้าเครียดๆของพี่โตบอกว่ามันน่าจะมีเรื่อง..
เสียงตุ๊บตั๊บที่ได้ยินทำให้ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะกระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นว่าพวกพี่ทิน พี่แม้ก พี่กิต กับอีกสองสามคนกำลังโรมรันพันตูกับพวกของพี่กันย์ที่ผมเห็นเมื่อครู่เป็นพัลวัล..
“...เหี้ยนี่มันสติแตกรึไงว่ะ..มันจะทำอะไรของมัน?..” เสียงของพี่วิทย์ที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้ผมค่อยดันตัวออกมาจากอกพี่โต มองเห็นพี่วิทย์ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างๆ ตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ในซอกแคบๆของอาคาร ส่วนสามสี่คนนั่นกำลังตะลุมบอนกันหน้าเรือนนอนโดยมีนักโทษทั้งหลายยืนเชียร์อยู่..
“..อย่าประมาท...” พี่โตพูดออกมาเบาๆพลางจับจ้องไปยังร่างของลูกน้องสามสี่คนที่กำลังวิวาทกันอยู่
“ หรือมันตั้งใจจะเพิ่มคดีให้มึง..” พี่วิทย์พูดออกมา ผมเพิ่งสังเหตุว่าเมฆกำลังเกาะแขนพี่วิทย์แน่น สายตามองออกไปด้านนอก..
“..ไม่มึงก็กูนั่นแหละ โดนคดีเพิ่มไม่ได้อีกแล้วทั้งคู่ มึงห้ามออกไปน่ะ ปล่อยพวกนั้นมันลุยไป..” พี่โตสั่งเสียงเครียด สายตาจับจ้องไปยังพี่ๆทั้งหลายที่ยังคงออกลีลาหมัดมวยกันอย่างลืมตาย..
“..ไอ้สัด!! “ พี่วิทย์สถบดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีนักโทษหลายรายกำลังเข้ามาร่วมวง และนักโทษที่ว่า มันเป็นพวกของพี่กันย์ทั้งนั้น เพราะผมเห็น ว่าพวกเขาเข้าไปรุมทำร้ายพวกของพี่โตทันที..
“.................” ผมเงยหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของพี่โต เมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นกำลังกัดฟันกรอดจนได้ยินเสียง พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดตรงหัวไหล่ผมแน่น..
“...เชี่ย !! มึงอย่า...” พี่โตร้องห้าม เมื่อพี่วิทย์ทำท่าจะโผเข้าไปร่วมวงนั้น เพราะเหมือนว่าพวกพี่ทินพี่แม้กและอีกสองสามคนจะโดนรุมมากขึ้นเรื่อยๆ เมฆดึงแขนพี่วิทย์ไว้แน่นพร้อมทั้งร้องห้ามทันควัน
“..เดี๋ยวผู้คุมก็มา..” นั่นทำให้พี่วิทย์ชะงักไปได้บ้าง ทว่าก็ยังคนลุกลี้ลุกลนจนน่าเป็นห่วง ผมนิ่งอึ้ง มองเหตุการ์ณเบื้องนอก สายฝนยังคงสาดซัดหนักขึ้นเรื่อยๆ ใจร้อนรนรอคอยว่าเมื่อไหร่พวกผู้คุมจะมาซักที..
“..ทำไมไม่มีใครมา..” พี่โตเอ่ยเสียงเหี้ยม..ผ่านริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างเครียดจัด เพราะการต้องยืนมองพรรคพวกถูกรุมมันไม่ใช่อะไรที่น่าอภิรมย์เลย..
“..หรือไอ้กันย์มันปิดปากพวกนั้นไว้..” พี่วิทย์พูดถึงเหล่านักโทษที่มุงดูโดยรอบ “ แต่คนของเราทำไมไม่ไปแจ้งว่ะ เชี่ยเอ๊ย..จะรอแม่งตายห่าหมดรึไง..”
“..พวกไอ้เบิร์ดล่ะ..” พี่โตถามออกมาเรียบๆ แต่ดวงตากลับคุโชนด้วยความไม่พอใจ..
“...กูไม่รู้...เหี้ยเอ๊ย !!! “ พี่วิทย์ทำท่าจะกระโจนเข้าหาเมื่อเห็นว่ามีคนของพี่กันย?มาสมทบอีก แต่โดนเมฆรั้งแขนไว้ทั้งสองข้าง จึงได้แต่ดิ้นพร้อมกับสถบดังลั่น..
“...มึงห้ามออกไป..!!! เนม...ไปกับกู...” ว่าพลางดึงแขนผมออกจากซกตึกโดยเร็ว..พี่โตไม่ได้กระโจนเข้าร่วมวงอย่างที่คิด แต่กลับพาผมวิ่งฝ่าฝนและแทรกตัวผ่านเหล่านักโทษที่เข้ามาเขียร์เหมือนดูมวยอยู่เวทีมวยราชดำเนิน เข้าไปในห้องขังที่พรรคพวกของเราอยู่กัน แต่ก็ต้องกัดฟันกรอก เมื่อพบว่ามีมือดีที่ไหนไม่รู้ล็อคกุญแจพร้อมกับขังพวกพี่ๆไว้ในเรือนนอนเรียบร้อยแล้ว..
“..ไอ้โต !! เกิดอะไรขึ้นว่ะ?..” พี่แบงค์ออกปากถามดังลั่น พวกที่ถูกขังอยู่ในเรือนนอนต่างก็กระวนกระวายเพราะได้ยินเสียงเชียร์และข่าวที่บอกต่อกันมาจากนักโทษข้างนอก..
“..พวกไอ้ทินโดนรุม !! เหี้ยเอ๊ย...ใครมาล็อกประตูขังพวกมึง..” พี่โตถามเสียงเครียด สีหน้าทะมึงราวกับจะฆ่าคนได้ ขณะที่พวกคนที่โดนขังเริ่มโวยวายขึ้นมาทันควัน เพราะที่โดนขังไม่ใช่ห้องเดียว แต่เป็นทุกห้องเลยทีเดียว พวกที่เหลืออกมาเชียร์ก็พวกที่ไปทำธุระอย่างอื่นไม่ทันได้กลับเข้าห้องขัง
“..ไม่รู้ ! พวกกูนึกว่าผู้คุมจะประชุมกันเลยส่งคนมาลอกกุญแจเหมือนทุกที เหี้ยเอ๊ย !! “ คำพูดนั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ ทุกบ่ายวันศุกร์หลังจากหมดการเยี่ยมญาติ พวกผู้คุมจะประชุมประจำสัปดาห์กัน เลยจะมีการขังนักโทษทุกคนไว้จนกว่าจะถึงมื้อเย็น เป็นการกันการก่อเรื่อง
งั้นแสดงว่า ถ้ามีการล็อกทุกห้อง พวกของพี่โตที่อยู่เรือนนอนอื่นก็ออกมาไม่ได้ด้วยงั้นสิ..?
“...จะล่อกูออกไปสิน่ะ !! “พี่โตสถบออกมาดังลั่นอย่างไม่พอใจ พี่กันย์รู้แน่ๆว่าพี่โตก่อเรื่องไม่ได้ และถ้าพี่โตเข้าไปตะลุมบอนช่วยพวกพี่ทินล่ะก็..ผู้คุมจะต้องจับได้และถูกทำโทษนี่ และพี่วิทย์ก็ไม่ต่างกัน แถมยังจะโดนหนักกว่าด้วยซ้ำ เพราะเจอทัณบนเรื่องทำร้ายพี่นพมาแล้ว !!
“...ไอ้โต !! ไอ้พี่โตโว้ยยยยย พี่โต !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “ เสียงของเมฆร้องดังลั่นพร้อมกับวิ่งถลาเข้ามาหาด้วยสีหน้าตระหนกนั้นทำให้ทุกคนหันไปมองทันควัน เมฆถลาเข้ามาพร้อมทั้งคว้าแขนพี่โตทันควัน
“..มีอะไร? “พี่โตถามเสียงห้วน ขณะที่ผมมองตาม คิ้วกระตุกวูบ แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาไม่พอใจ
“..วิทย์..ไอ้วิทย์ออกไปช่วยพวกไอ้ทินล้ว มึงไปช่วยมันเร็ว !!! “ เมฆร้องลั่นพลางออกแรงจะลากพี่โตไปให้ได้ ขณะที่พี่โตมีสีหน้าเครียดจัด...
ถ้าออกไป...พี่กันย์ก็ต้องใช้โอกาสนี้ไปบอกพวกผู้คุมแน่..แต่ถ้าไม่ไป..พี่วิทย์ล่ะ พวกพี่ทิน..พี่คนอื่นๆที่กำลังโดนรุมอยู่ตอนนี้ล่ะ !!
“...เร็วๆสิ...มึงจะรอมห้เพื่อนมึงตายรึไง !!!!! “เมฆตะโกนลั่นอย่างรีบร้อน นัยน์ตาแดงจัดด้วยความร้อนรนเป็นห่วงนั้นจ้องใส่พี่โตอย่างไม่ยอมแพ้ ขณะที่ผมนิ่งอึ้ง..สมองกำลังครุ่นคิดอย่างเร่งด่วน..
พี่โตหันขวับมามองหน้าผมทันควัน..
“..มึง...”
“..พี่โต...ไปเลย ผมจะไปบอกผู้คุมเอง..ไปพาพี่วิทย์กับทุกคนออกมา !!! “ ผมตะโกนบอกทันควัน “..เรื่องพี่กันย์ ผมจะขวางเอง ถ้าผมไปบอกผู้คุมไม่ได้ เขาก็ไปบอกไม่ได้เหมือนกัน !! “
ผมพูดพลางรุนหลังพี่โตให้วิ่งออกไป พี่โตหันมาจ้องหน้าผมก่อนจะพยักหน้ารับ มือหนายกขึ้นลูบหัวผมเบาๆแล้วออกแรงวิ่ง ขณะที่ผมก็หันขวับไปอีกทาง วิ่งออกไปแจ้งผู้คุมที่ตึกอำนวยการใหญ่..
แต่สาวเท้าไปตามเส้นทางนั้นไม่นานนัก กำลังผ่านห้องเก็บอุปกรณ์ ผมก็เจอร่างของตัวอุปสรรค์ใหญ่ขวางอยู่..
พี่กันย์...
ผมนิ่งเงียบ จ้องหน้าชายที่เคยช่วยเหลือตัวเองและหลอกใช้ผมไปในตัวด้วยแววตาระแวดระวัง..เขายืนอยู่ตรงนั้นแสยะยิ้มเหี้ยมๆออกมาทันที..
มีดปลายแหลมในมือนั้นทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ..เมื่อเขาชูขึ้นช้าๆและเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
“..ถ้าหันหลังกลับไปดีๆ..แล้วพี่จะช่วยทำเป็นไม่เห็นซะนะ...”
ผมนิ่ง จ้องหน้าเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปยังเบื้องหลัง..ที่ๆมีไม้กวาดทางมะพร้าวแขวนเรียงรายไว้..
“..โทษที...ถ้าผมไม่ได้แจ้งผู้คุม..พี่ก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน..”
ให้มันรู้ไปสิ..ว่าระหว่างมีดผ่าตัด กับไม้กวาดทางมะพร้าว อันไหนจะชนะ !!
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก......
.
แล้วคุณคิดว่าอันไหนจะชนะ???
ลงพนันได้ว่าจะเลือกข้างไหน หมดเวลาเมื่อตอนใหม่มาถึง รางวัลเป็นจูบของคนที่ชนะในแมตช์นี้ค่ะ รอรับได้ทันทีไม่จำกัดจำนวน( ส่วนมือใครหรือตีนใครจะตามมาอันนี้อิชั้นไม่ทราบเน้อ..

)
ส่วนเหตุการ์รในตอนนี้ กันงงนิดนึง ว่าเกิดอะไรขึ้น..
ปกติตอนบ่ายของวันอาทิตย์ หลังการเยี่ยมญาติจะมีการประชุมของเหล่าผู้คุม โดยก่อนการประชุมนี้จะมีการเรียกรวมนักโทษในแต่ละแดนแล้วให้อยู่ในห้องขังระหว่างที่ผ้คุมประชุมค่ะ เพราะไม่มีคนดูแล จะได้ไม่ก่อเรื่อง
ดังนั้นเมื่อพี่กันย์พร้อมพรรคพวกเดินมาเอากุญแจล็อคห้องทันที ส่วนมากเลยนึกว่าเป็นเหตุการ์ณนี้ โดยไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นแผนของพี่แก ที่ใช้ตัดกำลังพี่โต
ส่วนข้อสงสัยอื่นๆ(เราคิดว่าท่านมีแน่ๆ เช่น เอากุญแจมากจากไหน ทำไมถึงได้อภิสิทธิ์นี้ ..หรือแดนอื่นจะเป็นไง )อันนี้ขออุบไว้ตอบตอนหน้าค่ะ
ปล. ไรท์เตอร์ใกล้จะสอบแล้วววววววววววววววววววววว

เข้ามาซุ่มด้วยคน พร้อมประกาศจับยัยป้าคนเขียน 
เธอหายเข้ากลีบเมฆเป็นเวลายาวนานไปเเระ
ป้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
มาอัพด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 
เห็นอันนี้แล้วมันอยาก

แล้วทำไมเธอไม่ช่วยชั้นโพสต์เนี่ยยย แม่คู้นน หายสาบสูญไปไหนมา??
ใครป้าว่ะ เดี๊ยะๆ
