Imprison 53: ดัดหลัง
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้...มันก็คงจะตาย...ตายไปแล้วนับแต่วันนั้น
และแน่นอนหากว่าสายตาห่วงใย อาทร สามารถทำให้คนฟื้นชีวิต มันก็คงจะฟื้นมานับครั้งไม่ถ้วน
คงเพราะมีทั้งคนชัง และรัก เพราะมีทั้งคนอยากฆ่าให้ตายและปกป้องสุดชีวิต..มันจึงยังมีชีวิตรอด..
เหมือนกันกับตัวเอง..เหมือนกับตัวเรา..ทั้งสามคน..
ทะเลาะวิวาทต่อปากต่อคำ จองล้างจองผลาญ ทำไปมันก็เท่านั้น สิ่งที่ได้มีเพียงความสะใจชั่ววูบ..แต่กลับร้าวลึกอย่างรุนแรงในจิตใจ..
..ทว่าก็ยังจะจ้องล้างผลาญ..ทำร้าย มุ่งเอาชีวิตอยู่อย่างนั้น..
ซ้ำไป..ซ้ำมา...
วิ่งวนอยู่ในวงกลมแคบๆ ราวกับหนูติดจั่น
ทำตรงข้ามกับความรู้สึกและสถานะของตน จนตัวเองก็พลอยนึกว่าตนเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แอ๊ด.....
ประตูบานสีทึบตรงหน้าถูกผลักออกช้าๆ นัยน์ตากวาดมองทั่วห้องที่ว่างเปล่า..ไร้ผู้คน
..ตึก....ตึก....ตึก..
ได้ยินเสียงบางอย่างดังอยู่ในสมอง..นั่นคือเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง..ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันแปล่งหูที่ออกมาจากปากของตน..
“..พี่?..” เสียงที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้ต้องขยับยิ้มรับบางๆ...หันไปสบมองแววตาของน้องรักที่สบมองมาหา..
“...ครับ...” เอ่ยรับพลางเอื้อมมือลูบแก้มขาวช้าๆ สบมองแววตาพราวระยับของเจ้าตัวแล้วก็ต้องอมยิ้ม..
“...พี่วิทย์จะมาไหม?..” คำถามนั้นทำให้ต้องขมวดคิ้ว ฝ่ามือที่ละออกจากแก้มขาวซึ่งมีรอยขีดแดงๆยังชัดเจนอยู่เผลอกำแน่น...จิกเล็บลงไปจนเจ็บ..แม้ว่ารอยยิ้มจะยังประทับอยู่บนใบหน้าและแววตาอ่อนโยนจะไม่ได้หายไปไหน..
“...มาสิครับ...มาแน่นอน...” ..มาแน่...เดินเข้ามาในนี้...เดินเข้ามาหาด้วยความโกรธ ไร้สติยั้งคิด และต้องพลั้ง...พลาด เช่นคนโง่เขลาอย่างทุกครั้งที่เป็น..
..ไม่ว่าจะมาทำไม พยายามไปเพื่ออะไร...ก็เปล่าประโยชน์..
“..ก็ดี..ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้ารายนั้นรู้เรื่องที่ไอ้ป๋ามันสั่ง...จะเป็นยังไง..” นั่นหมายถึงคำพูดที่ราวกับเอ่ยประหารของคนๆนั้น...ชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลแห่งเรือนจำ..และ..รวมไปถึงโลกใต้ดิน วงการมืด”ข้างนอก” นั้นด้วย..
“..หึ...ไม่เป็นไรหรอกน่า..คนฉลาดน่ะ ต้องรู้จักปรับตัวและระวังตัว..มัวแต่ยึดติดกับเรื่องเดิมๆ ก็มีแต่จะเสียใจเปล่าๆ..”..
มันก็ใช่..
แต่บางที อาจจะยกเว้นเจ้าพวกนั้น...และเจ้าคนๆนั้น..ที่ยังยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างนั้นจนไม่ลืมตามองรอบกาย
หวังยึดเอาที่พักพิงเดิมที่ตัวเองคิดว่ามันเป็นขุนเขา หากแท้จริงแล้วกำลังจะถูกสายลมพัดพาและกัดกร่อนลงทีล่ะน้อย..ทีล่ะน้อย..
“..ไอ้พวกนั้นมันจะยอมเรอะ...ไอ้การจะ”รวมแกงค์” กันนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆน่ะ..” เมฆบ่นออกมาลอยๆ พลางนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสีสด และแบะปากออก “ ถึงจะเป็นคำสั่งของไอ้ป๋า...แต่จะให้ไอ้โตโดนเด้งไปแดนอื่นแล้วให้พี่เป็นหัวหน้าพวกมันแทน...แค่ค้นเรื่อง”ศพ”ของไอ้นพมาน่ะ...พวกมันจะยอมได้เหรอว่ะ?..”
“..ถ้าไม่ยอม...ก็ไม่ต้องอยู่สิ..” ยักไหล่พลางยิ้มออกมาน้อยๆ สายตาก้มมองกระดาษจดบันทึกบรรดาผู้ใช้บริการห้องพยาบาล แล้วพลิกหน้าต่อมาที่ว่างอยู่ พร้อมกับเอาคลิบสีดำมาหนีบไว้กับพื้นฟิวเจอร์บอร์ดสีน้ำเงินเข้ม นัยน์ตาหรุบต่ำลง..ยามครุ่นคิดถึงเรื่องที่น้องชายคนสำคัญเป็นคนถาม..
..การขุดเรื่อง “ศพ” ของไอ้คนทรยศ..ไม่สิ ไอ้คนปากมากที่ตายด้วยฝีมือหัวหน้าแกงค์ของพวกมันขึ้นมาก็เหมือนการหาเรื่องใส่ตัว ไหนจะคำถามถึงเรื่องราวท รับรู้ ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง จัดการทุกอย่างให้ไร้ข้อสงสัย ให้เหมือนกับมันเป็นการ”บังเอิญ”ค้นพบเรื่องผิดปกติ มากกว่าการสมรู้ร่วมคิดและเอามาเปิดโปงภายหลัง..
..ตอนที่ไอ้นพมันตาย...เขารู้..รู้ดีเลยทีเดียว..
..ตอนที่มันต้อง”ลงบ่อ” เขาก็เห็น..
กระทั่งเรื่อง”ความผิดพลาด”ของไอ้โต...เขาก็รู้ดี..
คิดแล้วกันย์ก็ยิ้มออกมาน้อยๆอย่างระอาใจ..
พวกมันที่ซื่อสัตย์กับเจ้านายอย่าง”ป๋า” ที่คนในคุกถือว่าเป็นตัวอันตราย ซื่อสัตยบ์และทำงานให้ ทั้งที่ไอ้ป่าคนนั้น กลับกลอกและหลอกใช้คนไปทั่ว..
พวกมันไม่ยอมให้มีข้อเสีย หรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในงานของตนเป็นอันขาด คนที่ทำพลาด ต้องถูกกำจัด..
แม้จะแค่ครั้งเดียว ก็ถือว่าใช้งานไม่ได้..
ดังนั้น เมื่อไอ้โตทำพลาดเรื่องไอ้เด็กเนมนั่น..มันจึงกลายเป็นเหมือนไส้ติ่งที่ต้องถูกตัดออก..
และยิ่ง”ลุงชาติ” เจ้านายของเขา ตัดสินใจรวมแกงค์เข้ากับพวกไอ้ป๋า..การเลือกหัวหน้าแห่งแดนสิบสองคนใหม่..ในแกงค์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมนั้น..ไม่มีทางเลย ที่จะเป็น”ไอ้โต”คนเดิมที่เคยทำพลาด
..ยิ่งเป็นไปไม่ได้กับไอ้วิทย์...ไอ้คนที่มันทำพลาดมาตลอดแบบนั้น..
ดังนั้น...เขาคนนี้ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด...ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าและสานต่องานของลุงโชติและไอ้ป๋าให้เรียบร้อย..
..งานแรกคือการกำจัดไอ้โตออกจากแดนสิบสอง...จึงเริ่มขึ้น..
“..แล้วพี่จะทำยังไงกับพี่วิทย์...” คำถามนั้น..ทำให้กันย์ชะงัก..รอยยิ้มที่ปรากฏค้างอยู่บนใบหน้าค่อยหายไปอย่างช้าๆ..
“..ถ้ามันยอม...ก็ได้อยู่...ถ้าไม่..ก็ต้องไป...” กันย์เอ่ยช้าๆ พลงมองไปทางประตูห้อง..ถามถึงเวลาจากเมฆเบาๆ..เพราะนี่...มันก็ใกล้เวลาที่พวกเขาจะต้อง”คุย” กันแล้ว..
“..อา....งั้นเหรอ?..” น้ำเสียงแผ่วเบาแปลกหู...ชวนให้จิตใจสั่นไหว..เมฆหันหน้าไปมองทางอื่น ไม่ยอมสบตาเมื่อแววตาของกันย์มองมายังตนเอง..
...นั่นทำให้ดวงตาของอดีตนักศึกษาแพทย์หรี่ตาลงช้าๆ อย่างครุ่นคิด...
“..ทำไมหรอครับ...? สงสารหรือไง...” เอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ แม้ในใจจะเริ่มคุกรุ่น ได้ยินเสียงกรีดร้องในสมอง..และเสียงคำรามด้วยความไม่พึงใจจากในอกซ้ายของตัวเอง ขณะที่พยายามมองสบแววตาคู่นั้นของเจ้าตัว..
...เมฆหรุบตาลงช้าๆ...และหัวเราะออกมาเบาๆ...ฟังดูเจื่อนหู..
..บอกไปเถอะ...พูดเถอะว่าสงสาร...บอกว่าแค่สงสารก็ได้..
..เพราะต่อให้เป็นความสงสาร แค่พูดออกมาแบบนั้น จะได้แน่ใจ และมั่นใจบ้าง..ว่าไม่ได้คิดอะไร..
กันย์พยายามเฝ้าหวังแบบนั้น แต่ทว่าดวงตาที่มองมา มันกลับทำให้หัวใจแปลบวูบ..
“..ใครจะสงสารมันกัน ไอ้คนแบบนั้น..” น้องชายที่น่ารักของเขาพูดออกมาพลางหัวเราะหึ ด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก...ถ้อยคำฟังดูเย้ยหยัน ชอบใจ แต่ทว่า...แววตากลับมองหนี ห่างออกไปจากสายตา..
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองกระจกใสออกไปด้านนอก..ไม่ยอมสบตา..
....โกหก....นั่นน่ะ...ไม่ใช่ความจริง..
แม้จะเจ็บปวด แต่เพราะรัก..รักมาก...จึงได้แต่เม้มปาก เบือนหน้าหนี ไม่พยายามสบมองแววตานั้นอีกต่อไป..
..เพราะรัก...จึงไม่ยอมหักใจ..
เพราะรัก..ถึงได้ทำทุกอย่าง..
แอ๊ด.....
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ..ทำลายความเงียบที่อวลอยู่ในบรรยากาศ..ทำให้นัยน์ตาสองคู่หันไปสบ..มองดูเจ้าตัวที่บัดนี้ดวงตาคู่นั้นขุ่นมัว ไม่สบตาใครเสียด้วยซ้ำ..
“..เรียกมานี่...มีอะไร...” ปกติน้ำเสียงของวิทย์ ถ้าไม่หงุดหงิดอารมณืเสียก็คงห้วนๆไม่น่าฟัง ทว่าน้ำเสียงเรียบเย็นฟังดูรื่นหูแปลกๆนี้ทำให้คนฟังทั้งสองคนต้องเลิกคิ้วขึ้น...อีกทั้งรอยยิ้มบางๆบนใบหน้านั่นอีกเล่า..มันมีท่าทีเหมือนคนที่ต้องเจอปัญหาที่หนักอกหรืออย่างไร?
“...อา..ก็เรื่องไอ้นพ...ไม่สิ...หมายถึง”ศพ ”ของเจ้านั่นน่ะ...” กันย์หรี่ตาลงแล้วแสยะยิ้มเยือกเย็นตอบ มองไปยังร่างที่ค่อยๆปิดประตูห้องลงแล้วยืนพิงอยู่ตรงผนังด้วยแววตาครุ่นคิด...ท่าทางแบบนั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก..นั่นแสดงว่าเจ้สตัวคงจะเตรียมตัวมา...ดีพอสมควร..
“..แล้วไง?..ใครเป็นคนขุดศพมันขึ้นมาก็จัดการอุทิศส่วนกุศลแล้วก็บวชหน้าไฟให้แม่งด้วยสิ..” วิทย์ยกมือมาเคะขี้หูตัวเองอย่างไม่สนใจ..แม้ปากคนจะเราะร้ายเช่นเดิม..แต่อาการใจเย็นแบบนี้ เรียกได้ว่าผิดไปจากที่รอคอยค่อนข้างมาก...
..นั่นจึงทำให้กันย์ยิ้มออกมาอย่างหงุดหงิด..กับท่าทีแบบนั้น..
“...ยังไม่ได้มั้ง..พอดีว่าคนทำยังถูกสอบสวน..ผู้ต้องสงสัย ทั้งคนที่เคยมีเรื่องด้วยอีก..” กันย์หรี่ตาจ้องสบตาเจ้าตัวที่ยืนนิ่งฟัง..คำพูดนั้นทำให้วิทย์ชะงัก..หน้าตาเริ่มตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย..ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
“...ก็ตามใจสิ..จะสืบอะไรก็สืบไป..ก็ให้ผู้คุมมาถามพ่อคนรู้ดีแบบมึงก็แล้วกัน..ใช่ไหม?..” จ้องมองสบแววตาคู่นั้นพลางยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหันไปมองร่างเล็กที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้พลาสติก
“..เมฆ..มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่ไปกินข้าวรึไง?..” คำถามนุ่มหูนั่นไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมสำหรับเมฆอีกต่อไป ตรงกันข้าม รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ทำให้หนุ่มน้อยเริ่มมีท่าทีอึกอัก...ไม่แน่ใจ..
“..เมฆกินมาแล้วน่ะครับ..ไม่ต้องห่วง..ผมดูแลเขาอย่างดี..” กันย์สวนขึ้นมาทันควันอย่างไม่ยอมใฝห้คนตรงหน้าทำให้คนของเขาไขว้เขว วิทยืเพียงแค่เลิกคิ้ว.. ความหงุดหงิดโมโหในใจที่พยายามข่มลงอย่างยากเย็นก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้องนี้เริ่มจางลงไป..ไม่ใช่เพราะหายโกรธแต่เป็นเพราะท่าทีของคนในห้องนี้ มันชวนขันเสียจนเขาเริ่มสาแก่ใจต่างหาก..
นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองไปยังใบหน้าที่เริ่มฉายแววขัดเคือง รวมทั้งแววตาลั่นเลิ่กที่มองมายังตัวเขา..ชายหนุ่มก็แสยะยิ้มออกมานิดๆ..
“..งั้นเหรอ..น่าเสียดายแฮะ ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกันซักหน่อย ไอ้โตกับไอ้เนมเพิ่งจะไปกินกันเมื่อกี้นี้เอง..” วิทย์ยิ้มออกมา พร้อมกับแสร้งถอนใจเบาๆ..
“..อ้อ....กลับมาแล้วเหรอ?..” กันย์สวนขึ้นด้วยแววตาวาววับ.. “แล้วไม่พามาหาหมอเหรอครับ..เห็นว่าแผลเยอะเอาการ..”
“..กุว่าไม่จำเป็นว่ะ...อีกอย่าง มาหาหมอแถวนี้ก็เท่านั้น...เพราะมันมัวแต่เอาเวลารักษาคนอื่นมานั่งคุ้ยศพแดกเองซะนานแล้ว..”
“..นั่นมันเป็นคำพูดของคนที่โดน”ศพ”นั่น...เห็น...อะไรที่...”
“นั่นสิน่ะ..มันเป็นเรื่องของ”เราสองคน”แท้ๆเนอะ..กันย์...” วิทย์สวนขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ใบหน้ารื่นเริ่งนั้นถูกฉาบทับด้วยแววตาเขินอายมีเลศนัย...จนทำให้เมฆเบิกตากว้าง หันขวับไปมองหน้ากันย์ทันควัน..
“..อ่ะ..โทษที...ลืมไปว่า...” วิทย์แสร้งกัดปากตัวเองเบาๆไม่ให้พูดออกไป พร้อมกับหรุบตาต่ำ ทว่าแววตาวาววับมองเห็นท่าทีเลิ่นลั่กของกันย์ที่หันไปหาเมฆ..นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มแสยะ นึกสะใจที่อุตส่าห์ทำตัวเหมือนนางร้ายในละครทีวีไปแล้วไม่เสียเปล่า..
“...เอ้อ...เมฆ...วันนี้มีเวรไปซักผ้าไม่ใช่รึไง..รีบไปก่อนจะโดนด่าสิ...” วิทย์ยิ้มพลางบ่นออกมาลอยๆ ท่าทีคล้ายจะอุบเรื่องที่ต้องการจะคุยกันต่อไว้แค่สองคน ยิ่งทำให้เมฆนึกสงสัย จนเจ้าตัวยิ้มเครียด
“..ไม่เป็นไรครับพี่เมฆ...ผมไม่เป็นไร...คุยกันต่อสิ...” เอ่ยพลางจ้องหน้าสองคนเขม็งราวกับจับผิด วิทย์เลิกคิ้วแล้วยิ้มรับ..มองหน้ากันย์ที่เริ่มฉายแววหงุดหงิดแล้วอมยิ้มหวานส่งให้..
..อย่างจงใจเย้ยเยาะ..
“...แล้วจะคุยอะไรอีกล่ะ..หือ?..” รอยยิ้มแสยะถูกส่งไปยังกันย์ที่นิ่งไป...ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนใจช้าๆ
“..งั้นก็ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาแล้ว..” กันย์บอกเสียงเรียบ นึกเคืองโกรธคนตรงหน้าในใจ..ทั้งที่ทุกครั้ง..ทุกครั้งที่ผ่านมา คนที่ชนะ คนที่ได้นำในเกมส์พวกนี้ก็คือเขา แต่นี่...มันกลับมาทำท่ากวนน้ำให้ขุ่น ทำให้เขาต้องนึกไขว้เขวไปได้..
...ยิ่งมันกล่าพูดเรื่องนี้ ต่อหน้า...
มองไปทางเมฆที่บัดนี้จ้องตนเขม็งด้วยแววตาขวางๆแล้วก็นึกเคืองโกรธ...ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องาอ้อมโลกเพื่อกดดันหลอกล่อเจ้านี่อีกต่อไปแล้ว!!
“...แกงค์ของมึงและของกูจะรวมกัน...และคนที่จะเป็นหัวหน้า..ก็คือกู...”
“................”
ความเงียบคือคำตอบของทุกสิ่ง..ขณะที่กันย์ยิ้มออกมาอย่างหมายมาด..
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ..” เสียงหัวเราะลั่นของวิทย์ทำให้ชายหนุ่มที่เหลืออีกสองคนถึงแก่สะดุ้ง มองไปยังวิทย์ที่ยืนหัวเราะลั่นด้วยท่าทีราวกับขบขันนักหนา แววตาที่มองมาฉายแววเย้ยเยาะเสียจนน่าโมโห..ยิ่งกับท่าทีที่แสดงออกแล้ว..มันยิ่งทำให้กันย์นึกเคืองโกรธ
“..โธ่เอ๊ย..กุนึกว่าอะไร..เห็นท่าทางแบบนี้นึกว่าฉลาด สุดท้ายมึงก็แค่ไอ้โง่ที่โดนหลอกอยู่ดี..” วิทย์หัวเราะลั่นพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีกลั้วหัวเราะขบขัน แต่ทว่าแววตาที่มองออกมทาก็ฉายแววหมิ่นแคลนอย่างเห็นได้ชัด
“ จะเป็นหัวหน้าแกงค์ หัวหน้าพวกกู..แน่จริงก็ข้ามศพกูกับไอ้โตไปให้ได้สิ !! “ วิทย์เอ่ยกร้าวพลางจ้องหน้ากันย์เขม็ง “ ไอ้แผนโง่ๆที่มึงกับไอ้เหี้ยชาติมันคิดขึ้นมา อย่านึกว่ากูไม่รู้น่ะ คิดจะล้มพวกกูงั้นเหรอ?..มึงนึกว่าทำได้ง่ายๆรึไง?..”
“...กับไอ้คนที่มีมือมีตีนแต่เหมือนไม่มี ทำอะไรไม่ได้ซักอย่างแบบมึงน่ะ..ยังมีหน้าจะมาท้าอีกเหรอ?..” กันย์ตอกกลับทันทีด้วยความเคืองโกรธ ไม่ได้สนใจเมฆที่ยืนมองหน้าเขาอย่างตกใจเลยแม้แต่น้อย
“ถุย !! ..ทำมาเป็นพูด ไอ้หมาลอบกัดอย่างมึง ก็ไม่ได้ดีกว่ากูนักหรอก!! “ วิทย์สวนกลับทันที พลางเดินย่ำสามขุมเข้าไปหาร่างที่ยืนอยู่บนโต๊ะ
หมับ!!
“...ตำแหน่งหัวหน้า ถ้ามึงคิดว่าจะเอาไปได้ก็ลองดูสิ ไอ้กันย์...”เขย่าคอเสื้อร่างสูงแรงๆพลางจ้องหน้าเขม็ง “ อย่ามาทำเป็นหมาลอบกัดเที่ยวเอาเรื่องเหี้ยๆที่มึงทำมาป่าวประกาศ..ทำแบบนี้ซักวันมันจะวกเข้ามาหาตัวเอง..ไอ้ขี้ขลาด !! “
ผลักร่างของคนตรงหน้าออกแรงๆพร้อมกับเอื้อมแขนไปคว้าเอาข้อมือของเมฆที่ยืนนิ่งอยู่ให้หันมามองตน วิทย์มองหน้าหวานที่ตอนนี้ฉายแววลังเล ก่อนจะออกปากถาม..
“ ว่าไง...มึงจะอยู่กับกู..หรือจะอยู่กับมัน เลือกมาซะ เมฆ...” เอ่ยพลางบีบแขนเจ้าตัวแน่น..ขณะที่เมฆชะงักกับคำถามนั้น..เม้มปากแน่น..
“..พี่วิทย์.....”
“..ตอบ” คราวนี้ชายหนุ่มไม่ยอมอ่อนข้อลง “..จะโกรธเกลียดแค้นพี่ต่อไปก็ตามใจ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปอยู่กับมันซะ พี่จะได้คิดได้ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันก่อนๆ มันเป็นแค่เรื่องโกหก..”
“..อ่ะ...ผม.. “เมฆนิ่งงันไปเมื่อถูกจี้จุด....ใช่แล้ว..หลายวันที่ผ่านมา..ที่พี่กันย์คอยแต่หายตัวไปไหนนานๆอยู่เรื่อย เพราะแบบนั้น วิทย์จึงเข้ามาหา..เข้ามาใกล้.งเข้ามาทำให้หวั่นไหวอีกครั้ง..
“...วันก่อนๆ...อะไร?.. “ กันย์เอ่ยถามเสียงเรียบแต่แววตาของช่ายหนุ่มเริ่มปั่นป่วน..หันมามองหน้าวิทย์ที่ยืนนิ่ง..พร้อมกับมองสบตาเมฆที่กำลังมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด..
“...พี่....ผม...ผมเอ่อ...” เมฆเอื้อมมือกุมแขนเสื้อของกันย์ไว้ นั่นทำให้วิทย์หน้าบึ้งและละมือออกจากข้อมือของเจ้าตัวทันควัน..
“..พี่วิทย์ !!! เดี๋ยว....” เมฆรีบคว้ามือวิทย์ไว้ทันควัน..สีหน้าของเจ้าตัวดูราวกับลำบากใจแสนสาหัส..ไม่ต่างกับกันย์ที่ยืนอึ้ง..แววตาสั่นไหว..
“..ปล่อย...พอได้แล้ว..จะอยู่กับมันก็อยู่ไป..อย่ามายุ่งวุ่นวายกันอีก..”วิทย์เอ่ยเสียงห้วน พลางดึงมืออกอย่างรวดเร็ว..พร้อมกับเดินไปที่ประตู ไม่สนใจเสียงร้องท้วงของเมฆสักนิด..
แกรก...
มือที่กำลังหมุนลูกบิดประตูของวิทย์ชะงัก..เมื่อรั้สึกถึงแรงกอดรัดที่เอวของตัวเอง..กอดแน่น พร้อมกับใบหน้าและร่างอันสั่นเทาที่เข้ามากอดซบ..
“..พี่วิทย์..เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป..คุยกับผมก่อน...” เมฆนั่นเองที่กอดเอวเขาไว้แน่น พึมพำถ้อยคำที่ทำให้ต้องชะงักฝีเท้า..
“..เมฆ..นี่มันอะไร..ลืมที่เราคุยกันไปแล้วเหรอ?..” กันย์เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าหวั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน.. วิทย์มองหน้าเจ้าตัวมุมปากยิ้มแสยะอย่างเหนือกว่าตวัดผ่าน....ก่อนจะก้มไปหาเมฆที่ยังกอดเอวเขาไว้แน่น..
“...เมฆ...ปล่อย...” เอ่ยออกมาเรียบๆ สายตาจ้องมองไปยังรอยแยกของบานประตูเบื้องหน้าที่กำลังเปิดอ้าออก..
“..ไม่เอา...คุยกับผมก่อน อย่าเพิ่ง..อย่าไป...” เมฆไม่สนใจแรงยื้อทางด้านหลัง สองมือยังคงกอแอววิทย์ไว้แน่น..สองตาหลับปี๋ไม่ยอมลืมขึ้นด้วยซ้ำ..
..บางที มันก็อาจจะเป็นการดีแล้วที่เขาไม่ลืมตาขึ้นมา..เพราะภาพที่เห็นอาจจะทำให้ต้องนิ่งอึ้งอย่างไม่อาจกล่าวคำ
ด้วยระยะห่างที่มีไม่มากระหว่างคนสามคน ยิ่งกันย์ที่พยายามดึงแขนเจ้าตัวออกจากร่างของวิทย์ ยิ่งออกแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น..
และเมื่อวิทย์ตัดสินใจหันกลับมาเหมือนจะต่อบทสนทนาหรือทำให้มันจบๆลงไป..ใบหน้าที่เข้ามาประชิดของกันย์ ทำให้เจ้าตัวถึงกับแทบผงะ..
ขณะที่กันย์กัดฟันกรอด มองแววตาอวดดีที่อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อม..จึงคว้าหมับเข้าที่กกหู..ซึ่งปะพล่าสเตอร์สีข่าวเอาไว้แน่นหนา..
ปลายนิ้วกดลงบนรอยแผลแรงๆ คล้ายจะจิกลงให้เกิดรอยซ้ำและเจ็บปวด..ทำให้วิทย์อ้าปากค้างทำให้ริมฝีปากของกันย์ทาบปิดลงไปอย่างรวดเร็ว..
หัวสมองคล้ายจะมึนตื้อขึ้นชั่วขณะ..
..ทำไปด้วยความโกรธ..โกรธจนหน้ามืดและเกลียด เกลียดจนไม่รู้จะทำยังไง..
มองไปยังคนที่รักนักหนา คนสำคัญคนนั้นกำลังกอดแล้วร้องร่ำไห้ไม่ให้มันไป..ให้ความสำคัญกับมันที่น่าเกลียดชัง คนที่น่ารังเกียจ..
..คนที่เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย..
เพราะอย่างนั้นจึงได้แต่เอื้อมมือไปกดย้ำซ้ำรอยแผลเดิมและปิดริมฝีปาดคู่นั้นด้วยปากของตัวเอง ขบกัด..ดูดดึงแรงๆให้เจ้าตัวเจ็บ...ให้ปวดร้าว..จนได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้ง..
..เกลียด..เกลียด..นี่คือความเกลียดที่ไม่มีทางระบายออกไปได้ต่อหน้า”คนสำคัญ” คนนี้..
ผลั่ก!!
“..เมฆ...ไปกันได้แล้ว!! “ เอ่ยห้วนๆพลางดึงแขนเมฆที่กอดเอวตนเองไว้แน่ ถ้อยคำนั้นทำให้เมฆเงยหน้ามาสบตาด้วยอารามดีใจ ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อพบว่าวิทย์หันไปมองทางอื่น..
“..พี่กันย์..ผม... “ เมฆหันไปมองหน้าอีกคนที่อยู่ด้านหลัง..สบมองแววตารวดร้าว..และ..มองเห็นริมฝีปากที่แดงและมีรอยเลือดติด..แต่เพราะชายหนุ่มตรงหน้ากำลังกัดฟันกรอด เขาจึงไม่คิดอะไรมากมายนัก..
“...ไปกันได้แล้ว..” วิทย์เอื้อมมือมาลูบเส้นผมนิ่มเบาๆพร้อมกับกดใบหน้าหวานให้ซบลงกับแผ่นอก..ขณะที่ทืออีกข้างเปิดประตูห้องพยาบาลออกกว้าง ไม่ยอมให้วิทย์ได้เงยหน้าขึ้นมาจากอกตัวเอง หรือมองมายังร่างของ”พี่ชาย” ที่ยืนอยู่ในห้องเด็ดขาด..
จะได้ไม่รู้..ว่าแววตาของเขามั่นสั่นไหว..
จะได้ไม่เห็น ว่าริมฝีปากของเขาแดงจัดและมีเลือดไหลซิบๆ..
จะได้ไม่สนใจ..ว่าเขากำลังทำสายตาท้าทาย..ทั้งที่หัวใจกำลังปั่นป่วนสับสน..
จะได้คิดต่อไป..ว่าเขารัก..รักมันคนเดียว...
เมฆนึกดีใจปนหวั่นกลัวเล็กๆ..แม้จะยินดีที่ถูกหึงหวง ทว่าก็กลัวกับท่าทางเคืองโกรธของ”พี่ชาย”เหลือเกิน..
..สารภาพตามตรงก็ได้ ว่ายังไงเขาก็ต้องการ”พี่กันย์”ไว้เป็นที่พึงสุดท้ายอยู่ดี..
คิดขณะที่ซุกหน้าลงบแผ่นอกของชายที่เขาหลงรักแน่นพร้อมกับเอื้อมกอด หักอกหักใจตนเองไม่ให้ใจอ่อนสงสารพี่ชายที่ต้องอยู่คนเดียว..
...โดยไม่รู้เลยว่า..สายตาของชายที่เขารักและผูกพันทั้งสองคนที่มองสบตากันอยู่เบื้องหลังนั้น..มันเป็นเช่นใด..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ทำไมอารมณ์มันเหมือลอบเล่นชู้กันว่ะค่ะ????
อ๊ากกกก มิเข้าจ๊ายยยยย.. ทั้งที่พย่ายามแต่งออกมาเชิงชังรักหักสวาทพร้อมๆกับแผนหักหลังซึ่งกันและกันแท้ๆ กลับกลายเป็นว่าเหมือนวิทย์กับกันย์นัดกันมาเล่นชู้ต่อหน้าเมียหลวง(ของทั้งคู่) ซะงั้น
ปล. สรุปย่อๆกันงง..
- ป๋ากับลุกพี่ของกันย์ชื่อ”ชาติ” กำลังจะรวมแกงค์ของตัวเองเพื่อทำงานใหญ่
- กันย์จึงรับคำสั่งมาว้าต้องกำจัดโตเพื่อเป็นหัวหน้าแกงค์ให้ได้(เป็นต้นเหตุของคดีศพนพที่พี่โตตกเป็นผู้ต้องสงสัย)
- กันย์กับเมฆเรียกวิทย์ออกมาคุยเรื่องแกงค์ ซึ่งวิทย์รู้มาจากป๋าก่อนแล้ว(จากตอนที่แล้วที่ว่าไปคุยกับป๋ามาและป๋าไม่ยอมช่วยโตอีก)
- แน่นอนว่าวิทย์ไม่ยอม และท้าทายกันย์ว่าทำให้ได้
- ให้เมฆเลือกว่าจะอยู่กับทางไหน ซึ่งแน่นอนว่าเมฆเลือกวิทย์ ทำให้พี่กันย์เกิอาการคลั่งและเอ่อ...นั่นน่ะ..
-ตกลงว่าที่เอ็งทำไปนี่เกลียดแน่นน่ะพี่ก๊านนนนน งงแทนว่ะ ???? (แ้ล้วถ้าเอ็งไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจว่ะ หา?

)
ปล. สอง เมฆเกลียดพี่โตจริงๆ และคิดว่าถ้าพี่โตตายไปได้ยิ่งดี แต่เพราะพี่โตเป็นเพื่อนกับวิทย์ เมฆที่รักวิทย์มากเลยยอมอยู่ฝ่ายพี่โต แต่แน่นอนว่าถ้าพี่โตโดนซิวไปจริงๆ วิทยืก็จะดีใจมากๆและสามารถอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพี่โตได้ทันที เหอๆ