Imprison 50: ผีผ้าห่ม
ผมนั่งนิ่งเอนตัวพิงลูกกรงสีสนิมของเรือนจำห้องเดิม ที่นอนที่เดิมที่ตัวเองคุ้นเคย หลังจากได้มาใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ร่วมสามเดือนแล้ว สายตาของผมมองไปยังบรรดาพี่ๆในห้องขังที่นั่งคุยจุ๊กจิ๊กอะไรกับีตามมุมนั้นมุมนี้ จะบอกว่าไอ้เนมเป็นที่รังเกียจจนไม่มีใครเข้ามาเรอะ มันก็ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะคำสั่งขาดของ”พี่โต” คนนั้นต่างหากล่ะ ที่ทำให้ผมไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาคุยด้วยสักคน
...เอาล่ะ อยากจะให้ย้อนไปเล่าให้ฟังใช่ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น..
ก็นับจากเดินออกมาจากห้องน้ำน่ะสิ ผมต้องพบกับสายตาสารพัดคู่ที่จ้องมองมาพร้อมกับคำพูดโห่แซวมากมายหลากหลายจนแทบจะเอาหน้ามุดดินหนี แถมไอ้”รอย” ที่มีอยู่ทั่วตัว ก็ยังเด่นเสียจนไม่กล้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แน่นอนล่ะ ว่านั่นทำให้ทุกคนรู้ว่ายังไงผมก็กลายเป็น”เมีย”พี่โตไปเรียบร้อยแล้ว
อยากตะโกนบอกว่าไม่ใช่เฟ้ย ยังไม่ถึงตรงนั้น ยังไม่ได้XXXXX อะไรกัน แต่ก็ไม่กล้าพูดเพราะร้ดี ว่าต่อให้พูด มันก็เท่านั้น.. ..
สุดท้ายผมเลยได้แต่มานั่งแกร่วรอคุณพี่โตที่หายไปพร้อมกับพี่วิทย์เมื่อตอนเย็น ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วก็ยังไม่กลับมา..ไม่รู้ไปแอบเล่นชู้..เอ๊ย...ไปทำอะไรกันนักหนา..
แกร๊ง...
เสียงเปิดประตูเหล็กพร้อมกับเสียงทักทายของพี่ๆทำให้ผมรู้ว่าตาลุงที่ผมเพิ่งแช่งไปเมื่อครู่กลับมาแล้ว ผมเงยหน้าไปมองใบหน้าที่ฉายแววเครียดไม่น้อยที่มองตรงมา คนตัวโตหันไปคุยอะไรกับพวกพี่ทินนิดหน่อยแล้วเดินมาหาผมที่นั่งพิงลูกกรง และมองภาพในมืออยู่เงียบๆ..
“...รูปใคร?..” ไออุ่นจากคนตัวโตมาพร้อมกับคำถามเบาๆ...ผมเลิกคิ้ว มองหน้าคนพูดที่เริ่มเอามือมาวางแหมะบนเอว แต่สายตาคู่นั้นเขม็งจ้องไปที่รูปถ่ายในมือผม..
“...รูปกับแม่..กับน้องไง...” ผมบอก...รูปถ่ายท่ได้มาเป็นของที่แม่เอามาให้ผมเมื่อวันเยี่ยม เป็นรูปที่ผมถ่ายครั้งล่าสุดกับครอบครัว..อันประกอบไปด้วย..แม่..กับน้อง..ในชุดนักเรียนมัธยมปลายเสื้อขาวกางเกงดำ ถือใบประกาศนียบัตรและดอกไม้จนเต็มมือในวันจบการศึกษา
มองแล้วอดจะยิ้มออกมาเศร้าๆไม่ได้..รูปถ่ายที่ตอนนั้นผมยังคงมีอนาคตงดงามสวยหรู..มีมหาลัยที่ตัวเองจะเข้าเรียนต่อ มีเพื่อนๆมีแม่ มีน้อง..มีบ้าน มีครอบครัว... รอยยิ้มของผมในรูปถ่ายใบนี้ เทียบกับรอยยิ้มของผมในตอนนี้แล้ว..มันช่างต่างกันจนน่าใจหาย...
มือของผมชี้ไปยังใบหน้าของสตรีวัยกลางคนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับระบายรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า..
“..นี่แม่ผม...ส่วนนี่..” ผมชี้ไปยังเด็กสาวอีกคนที่ยังอยู่ในชุดมัธยมต้น ใบหน้าน่ารักยิ้มแป้นถักเปียสองข้างและแววตาสุกใสยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ “..น้องสาว..ชื่อน้ำ...”
“..อืม...น่ารักดี...” พูดพร้อมกับเอื้อมมือมากอดเอวผมไว้ แต่พอได้ยินแบบนั้นไอ้เนมหน้ามุ่ย หันไปมองหน้าทันที..
“..ห้ามจีบน่ะ..” หวงครับ น้องสาวน่ารักขนาดนี้ อย่างพี่น่ะอย่ามายุ่งกับอนาตของชาติเลย..
แต่คนฟังหัวเราะเบาๆใกล้หู ทำเอาผมขนลุกซู่ แต่คำถามที่ได้ยินต่อมาน่ะซี ทำเอาขนลุกจนทำอะไรไม่ถูกเชียว..
“..หึงรึไง?..ไม่เอาหรอก จีบพี่แล้วมาจีบน้อง รถไฟชนกันตาย..”
แหม..พี่ท่านจะหลงตัวเองเกินไปมั้ยครับ.. ผมหันไปทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอใส่ทันที ตวัดสายตาค้อนไปด้วยอย่างหมั่นไส้ แต่แววตาที่เหลือบเห็นเพียงชั่วครู่ทำให้ผมชะงัก..
“..มีอะไรรึเปล่า?..”
“..หือ..?...” ใบหน้าที่ซุกอยู่ตรงไหล่ของผมหันมามองสบตา..ก่อนที่มือใหญ่จะสัมผัสศรีษะของผมเบาๆ
“..ไม่มีอะไร...นอนเถอะ...” ว่าแล้วก็เอนตัวนอนลงกับที่นอนทันทีแถมยังคว้าคอผมให้หล่นตุ๊บตามไปด้วยเสียอีก.. ทำเอาผมหน้ามุ่ย จะนอนทั้งที่แสงไฟยังแยงตาเนี่ยน่ะ แถมตอนนี้ยังสองทุ่มกว่า มาทำง่วงอะไรนักหนา..
“..ปล่อยดิ...ปวดคอ... “ ผมบ่น พลางแงะอตัวเองออกจากฝ่ามือที่ทั้งลากทั้งเกาะไว้แน่น ไม่อะไรหรอกน่ะครับ ก็ที่นอนตรงนี้น่ะสิ คือผมน่ะนอนข้างพี่โตก็จริง แต่ไอ้ที่นอนของพี่แก ไม่อยากจะบอกน่ะว่ามันต่างกับผมแค่ไหน ไอ้เนมน่ะเป็นนักโทษธรรมดาที่แค่ได้นอนกับผ้าห่มบางๆรองพื้นก็ดีแล้ว แต่กับขาใหญ่แบบพี่โตแล้วเนี่ย ไอ้เศษผ้าที่ซ้อนทับกับจนหน้าเป็นตั้งแบบที่เขาเรียกว่า”คอนโด”แบบนี้น่ะ ลากเอาผมไปนอนแล้วเอาแขนหนีบคอไว้ ไม่จงใจให้ผมปวดคอตายแล้วจะอะไรล่ะครับ..
ผมเอื้อมมือเอารูปถ่ายที่แม่ให้มาสอดไว้ใต้หมอน พร้อมกับเอาตัวลงนอนบนที่นอนบางๆของตัวเอง ตอนนี้พวกพี่ๆก็เริ่มจะปูที่นอนตัวเองนอนบ้างตามที่ขาใหญ่แกทำ..ผมว่าก็เข้าใจอยู่หรอกน่ะ ว่าถ้าพี่โตนอนแล้วคนอื่นยังมาส่งเสียงจิ๊กจั๊กจ้อกแจ้กเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้น...
ผมเหลือบมองคนตัวโตที่นอนอยู่บนที่นอนตัวเอง เจ้าของที่นอนก็จงใจนอนแผ่จนเต็มที่ซะน่าเกลียด จะไม่แบ่งให้ผมไปแอบๆนอนด้วยซักนิดไม่ได้รึไง ใครๆเขาก็อยากได้ที่นอนนุ่มๆนอนทั้งนั้นแหละ..
แต่บ่นในใจไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้พี่ท่านนอนหลับตาไปซะแล้ว มองเห็นเค้าหน้าที่ยังคงความเครียดนั้นแล้วก็นึกส
งสารไม่น้อย คิดว่าคงไปเจออะไรที่น่าปวดกบาลมาอีกเป็นแน่...
...คิดถึงเรื่องน่าปวดกบาลแล้วก็วกมาหาตัวเอง..หวังว่าต้นเหตุมันไม่ได้มาจากผมน่ะ..เพราะผมก็ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้วนี่..ไหม?..
“..ปิดไฟ..” เสียงผู้คุมร้องบอกพร้อมกับฝีเท้าที่ย่ำห่างออกไปเรื่อยๆมาพร้อมกับความมืดสลัว มองเห็นได้เพียงรางๆเพราะแสงจากปากทางเข้าที่เดียวเท่านั้น..ขณะที่ผมตัดสินใจจะหลับตาลงและนอนให้เป็นสุข...กลับรู้สึกถึงฝ่ามือที่คว้านเข้ามาหาตัว และตะปบแขนไว้แน่น..
“...อะไร...” ผมร้องถามงงๆ นัยน์ตาสบมองกับดวงตาวับวามของพี่โตในความมืด คนตัวโตเอามือจุ๊ปากบอกให้เงียบ แล้วเปิดผ้าห่มตัวเองออก..พลิกตัวให้นอนตะแคงให้เหลือพื้นที่ไว้..
“..มาสิ...” แววตาคู่นั้นมองมาทำเอาผมหน้าร้อน..นึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อยที่มาทำอะไรแบบนี้..แต่ว่า...เพราะไอ้ที่นอนนุ่มๆนั่นต่างหากที่ล่อใจ ทำให้ผมอยากลองนอนดูมั่ง ไม่ใช่เพราะพี่โตนอนอยู่ตรงนั้นหรอกน่ะ..
..และอีกอย่าง..ก็แค่อยากรู้..ว่าที่ตรงนั้น มันเป็นยังไง..
ผมชะงักเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อสบมองแววตู่นั้นที่มองมา ก็เลิกอิดออด ได้แต่ขยับตัวไปหาและเอนตัวเข้าหาคนตัวโตที่นอนอยู่บนฟูกนอนนุ่มๆที่กางแขนรับให้ผมเข้าไป..
...อยากรู้..ว่า..”ที่ข้างๆ” ที่พี่โตบอก...มันจะอบอุ่น...และสบาย..แค่ไหน...
ผมขยับตัวเข้าแนบชิดคนตัวโต รู้สึกถึงอ้อมแขนหน้าที่กอดรัดร่างผมเอาไว้ไม่ให้ตกลงไป แขนแขนหนาอีกข้างที่ทำหน้าที่ต่างหมอนให้หนุน...
“...อืม..” เสียงพี่โตครางงึมงำพร้อมกับจมูกที่สูดลมหายใจเข้าช้าๆ และริมฝีปากที่แตะลงบนเส้นผม ทำให้ผมใจเต้นอยู่ไม่น้อย อ้อมแขนของคนตัวโตรัดตัวผมแน่นขึ้น ไม่ได้แน่นจนเจ็บ..แต่แน่น...พอที่จะให้ผมรู้ ว่ายังมีใครอีกคนอยู่ข้างๆ..
ผมยิ้มน้อยๆ เอื้อมมือสอดเข้าไปยังเอวหนา และกอดหมับเข้าให้อย่างรวดเร็ว..ความรู้สึกเหมือนได้กอดตุ๊กตาตัวโตๆ ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้..
...นี่ไม่ใช่ตุ๊กตา..แต่เป็นคน ที่มีเลือดเนื้อและมีชีวิต..
มีหัวใจเต้นอยู่บนอกซ้าย ที่กำลังเต้นประสานกับหัวใจของผมอยู่..
ผมยิ้มออกมาในความมืด พร้อมกับซุกใบหน้าลงไปยังแผ่นอกหนาของพี่โต..ฟังเสียงลมหายใจเข้าออก ฟังเสียงหัวใจเต้นที่เหมือนกัน ฟังมันดังพร้อมๆกันกับร่างกายของตัวเอง..
..ความรู้สึกของการได้โอบกอดและหายใจร่วมกับ มันเป็นแบบนี้นี่เอง..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
อืม....
ผมขยับตัวขยุกขยิกในความมืดและสติที่เลือนราง ความอบอุ่นที่ห่อหุ้มตัวไว้ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นความฝันมากกว่าความจริง..แต่มือเย็นๆที่แตะลงบนบั้นเอวพร้อมกับลูบไล้เบาๆ..นั่นทำให้ผมรู้สึกแปลก..
...ทั้งกึ่งรำคาญ..ทั้งวาบหวามแม้ในความฝัน..
อือ....
ผมพลิกตัวหนีฝ่ามือคู่นั้นที่เริ่มไล่เลาะเข้าหาตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะรู้สึกดีเพียงใด แต่ห้วงนิทราอันแสนสุขนี้ก็ทำให้ยังไม่อยากลืมตาตื่น..จึงได้แต่ร้องฮืมในลำคออย่างไม่พอใจนิดๆ ยามที่ฝ่ามือคู่นั้นเริ่มไล้วนเย้าหยอกให้รู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ..
“..ชู่ว...เบาๆ....”เสียงกระซิบคุ้นหูนั้น ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นตรงริมฝีปาก...เปียกๆ แฉะๆ และของบางอย่างที่นุ่มหยุ่นก็ทาบทับลงมาไม่ขาด ทำให้รู้สึกปวดปะแล่มและ...รู้สึกแปลกๆ..
“..อื้อ..... “ ฝ่ามือเย็นๆนั้นเอื้อมมาสะกิดยอกอกทำเอาผมสะดุ้งเฮือก และร้องครางออกมาทันที แม้ริมฝีปากหนาจะแตะทับลงมาทันควัน..แต่นั้นก็ทำให้เปลือกตาของผมปรือขึ้นในที่สุด...
....ความมืด...
ภาพที่ยังลางเลือนไม่ชัดเจนเป็นสิ่งแรกที่พบเจอ ก่อนที่ดวงตาจะปรับโฟกัสและมองเห็นว่าความมือที่ว่านั้น คือเส้นผมสีดำและใบหน้าของใรบางคนที่ผมคุ้นเคยดี..
“..พี่โต... “ ผมร้องถามออกไปเบาๆ ขณะที่คนตัวสูงก็ร้องงึมงำรับในลำคอ.. แต่มือกับริมฝีปากยังไม่หยุด ฝ่ามือหนายังคงไล้แตะเนื้อตัวของผมอยู่อย่างนั้น และริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอก็ยังไม่ยอมห่าง..
“..น่ะ...นี่...” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ พร้อมกับเหลือบตามองรอบๆอย่างหวาดระแวง อย่าลืมน่ะว่านี่คือห้องขัง..และ นักโทษยี่สิบกว่าคนที่นอนกรนคร่อกอยู่ตรงนี้น่ะ จะไม่อายเค้าเลยรึไง
“..พี่โต..ปล่อยสิ..ไม่เอาน่ะ..ผมไม่เล่นด้วยน่ะ... “ ผมพยายามเอื้อมมือดันคนตัวโตที่ทาบทับร่างผมทั้งตัวให้หลีกออก แต่เหมือนว่าจะไม่สะเทือนเลยสักนิด ร่างสูงใหญ่ที่คร่อมผมไว้ยังคงก้มลงซุกไซ้ซอกคอ พร้อมกับกัดมันเบาๆ...ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก..
“..ชู่ว..เงียบสิ..ไม่มีใครรู้หรอกน่า..” ไอ้คนหน้าหนาก็ยังคงหน้าหนาเหมือนเคย บอกแบบนั้นแล้วเอามือมาแตะปากผมไว้เชิงว่าให้หยุดพูด แต่ผมก็ยังไม่ยอมหยุดดิ้น สายตายังคงกวาดมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง ในหัวสมองมีแต่คำว่าถ้า..ถ้ามีคนตื่นมาเจอล่ะ ถ้าผู้คุมมาเห็นล่ะ ถ้า..นั่นโน่นนี่สารพัด...
“..ไม่เอาน่ะครับ..พี่โต..ไม่เอา... “ ผมร้องออกมาอย่างหมดหวัง ไอ้ที่จะทำกันตรงห้องน้ำยังว่าแย่แล้ว แต่ที่ตรงนี้ ห้องขังที่มีคนนับยี่สิบกว่าชีวิตอยู่ที่นี่..ผมไม่ยอม..ไม่ยอมทำแบบนี้แน่..
“..ไม่เป็นไรน่า...” พี่โตยังคงบอกผมด้วยคำพูดเดิม แต่ยิ่งทำให้ความกลัวของผมมันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้เป็นคนหน้าด้านไม่สนมนุษย์มนาแบบพี่น่ะ จะได้มาทำอะไรๆกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ แล้วถ้ามีใครรู้ ถ้ามีใครเห็น ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..
“..ฮึก....ไม่เอา..ผม...” ด้วยความกลัวและงอแงเป็นทุนเดิม ทำให้ไอ้เนมเริ่มแบะปากด้วยน้ำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ นั่นทำให้คนตัวโตชะงัก พื่โตหันมามองหน้าที่เบ้เหมือนมีใครจะมาทำมิดีมิร้ายของผม ก่อนจะถอนใจเฮือก..
“..เฮ้อ...ชอบทำให้กุคิดว่าตัวเองจะข่มขืนมึงอยู่เรื่อย.. “ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆผมพลางบ่นออกมา ขณะที่ผมก็ยังหน้าเบ้ แม้จะรู้ว่ารอดตัวไปได้แล้วก็เถอะ..
“..แล้วจะเอายังไงล่ะหือ..ไอ้ที่มันตั้งขึ้นมาแล้วเนี่ย.. “ บ่นพร้อมกับคว้ามือผมไปตะปบตรงหว่างขาตัวเองทันควัน ทำเอาไอ้เนมสะดุ้งเฮือก จะชักมือออกก็ไม่ได้ เพราะคนตัวโตขยับเอาใบหน้าและปลายจมูกมาชิดตรงลำคอเอาแขนผมแนบติดแผ่นอกตัวเองไม่ให้ขยับไปไหน..
“...ไม่เอาน่ะ..ถ้าคนอื่นเห็นจะทำยังไง... “ ผมยังพยายามดึงแขนหนี ไม่ยอมให้คนตัวโตที่เริ่มรุกเข้าหาทำสำเร็จง่ายๆ..
“..ถ้าคนอื่นไม่เห็น...ก็ได้สิน่ะ...” ริมฝีปากหนายิ้มออกมาบางๆท่ามกลางความมืด ทำเอาไอ้เนมหนาวสันหลังเยือก..
...พร้อมๆกับความมืดที่มาเยือนอีกครั้ง เมื่อพี่โตตวัดผ้าห่มคลุมร่างเราสองคน และร่างของเขาก็ร่อมทับตัวผมไปเป็นที่เรียบร้อย..
..เฮ้ยยยยยยยยยย ผมไม่ได้ต้องการแบบน้านนนนนนนนนนนนนนนนนน
“..ฮื้อ..... “ อ้าปากจะทักท้วงแต่ไม่ทันซะแล้ว เพราะพี่โตแตะริมฝีปากตัวเองเบียดเข้ากับริมฝีปากผมเป็นการปิดคำพูดที่จะกล่าวออกมาเรียบร้อยแล้ว..
ฝ่ามือร้อนๆไล้ตามสีข้างขึ้นมา พร้อมกับถลกเสื้อที่ผมใส่อยู่ให้ขึ้นมาถึงลำคอ และอีกข้างก็คว้ามือผมที่ถูกจับให้สัมผัสความแข็งขึงของตัวเองให้สอดเข้าไปในกางเกงของเขาบ้าง..
ริมฝีปากหนาบดเบียดรุนแรงเสียจนผมหายใจหายคอไม่ออก มืออีกข้างของผมไม่มีปัญญาจะผลักออกแล้วจึงได้แตะเอื้อมมือไปเกาะเกี่ยวแผ่นหลังของพี่โตไว้..
“..อ่ะ....” ผมร้องออกมาเบาๆเมื่อพี่โตแตะมือลงบนส่วนล่างของร่างกายที่เร่มแข็งขึง แค่ลูบไล้มันเบาๆก็ทำให้ผมตัวสั่นขึ้นมาทันที ในสมองไพล่คิดไปถึงตอนเย็น..ดังนั้นมือที่ถูกชักนำให้ลูบไล้ลงบนแก่นกายของคนตัวโตจึงเริ่มขยับไปตามที่ได้รับสัมผัสมาบ้าง..
“..อืม..ดีมาก... “ เสียงกระซิบเบาๆ และลมหายใจร้อนๆที่รดรินตรงซอกคอหลังจากผละจากริมฝีปากของผมไม่นานดังขึ้นราวกับคำชมเชย ขณะที่ผมหลับตาพริ้ม ร้องออกมาเบาๆยามที่ฝ่ามือคู่นั้นกอบกุมความปรารถนาของตัวเองไว้อย่างเต็มที่ ส่วนกางเกงและปราการด่านสุดท้ายก็หลุดลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้าอย่างรวดเร็ว..
ฝ่ามืออีกข้างแตะลงบนแผ่นอก บดขยี้ยอดอกเบาบ้างแรงบ้างทำเอาผมครางฮืออกมาไม่เป็นภาษา ผมละมือออกจากส่วนกลางร่างกายของพี่โตอย่างหมดแรง ได้เอื้อมไปหาลำคอหนาพยายามดึงให้ริมฝีปากคู่นั้นกลับมาประกบกับริมฝีปากของผม ครั้งแล้ว..ครั้งเล่าอย่างหลงลืมตัว..
“..อ่ะ.... “ ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อปลายนิ้วที่เคยแตะต้องส่วนกลางของร่างกายจนแข็งขึงไล้วนไปยังด้านหลัง พร้อมกับกดลงเบาๆ..สร้างความรู้สึกประหลาดจนชวนให้ขนลุกซู่...
“..เจ็บเหรอ..?.. “ คำถามแสนน่าอายทำให้ผมส่ายหัวช้าๆ..แต่เมื่อปลายนิ้วสอดลุกเข้าไปในร่างกายกลับต้องเบ้หน้าและร้องออกมาทันควัน.
“..เจ็บ.... “ ผมหน้าเหยด้วยความไม่คุ้นชิน ปลายนิ้วที่ขยับอยู่เบื้องหลังสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดเสียจนต้องส่ายหน้า..เจ็บแปลบ..แต่อีกชั่วขระหนึ่งก็แฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเจอ..
“..พี่โต...จูบ..ที.... “ ผมกระซิบเบาๆเมื่อเห็นว่าริมฝีปากคู่นั้นแวะเวียนขบกัดที่ลำคอและแผ่นอกจนเริ่มเจ็บชา แต่ความเจ็บปวดเบื้องล่างทำให้ริมฝีปากแห้งผากคล้ายกระหาย..
“..อืม....” ครางรับแล้วทาบริมฝีปากลงบนเรียวปากบางตามคำขอ ขณะที่ปลายนิ้วที่ซอกวอนเบื้องล่างเพิ่มจำนวนขึ้น..ทำให้คนใต้ร่างต้องเบ้หน้า ร่างกายบิดเกร็งด้วยความไม่คุ้นชิน..
“..เจ็บ... “ริมฝีปากหนาละออกมาประทับจูบบนผิวแก้ม ขณะที่เรียวปากบางร้องออกมาด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตา..
“..ไม่เป็นไร..แปปเดียว...” เสียงเอ่ยปลอบนั้นทำให้ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงรึเปล่า.. ได้แต่หลับตาลงแล้วปล่อยให้ริมฝีปากคู่นั้นคอยปลอบประโลมให้คลายความเจ็บ..
“..อื้อ....” สะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วที่อยู่ในร่างเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ สร้างกระแสความเจ็บปวดปนวาบหวามเสียจนต้องร้องออกมาเบาๆในลำคอ..ปลายนิ้วที่ขยับเสียดสีเบื้องล่าง เรียกให้เลือดสูบฉีดบริเวณผิวแก้มเสียจนแดงก่ำ.. ริมฝีปากบางเผยอออกหอบกระเส่า ยามที่คนตัวโตผละจาก
“..อา....” นัยน์ตาที่เอ่อคลอด้วยหยดทอดมองมาอย่างเว้าวอนท่ามกลางความมืด เพราะรู้ว่ามีคนร่วมห้องนับยี่สิบคนจึงต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น พยายามระงับเสียงของตัวเอง โดยหารู้ไม่ ว่าท่าทางของตนนั้นน่ามองเพียงใด..คนบนร่างหายใจแรงขึ้น พร้อมกับกัดฟันกรอดอย่างอดทน..แต่เมื่อแขนทั้งสองข้างเอื้อมเข้ามาหา นั่นทำให้ความยับยั้งช่างใจหมดไปโดยสิ้นเชิง..
“..อย่าเกร็งน่ะ...” เสียงกระซิบเบาๆนั่นทำให้ผมชะงัก ปรือขึ้นมาสบตาที่มองมา แต่พี่โตก็ไม่ปล่อยให้ผมคิดอะไรนานนัก คนตัวโตทาบแตะริมฝีปากของผมไว้อีกครั้งแต่จูบหวานๆทั้งหนักหน่วงและร้อนแรงนั่นกลับสิ้นฤทธิ์ทันควันเมื่อผมรู้สึกถึงบางอย่างที่แทรกเข้ามาในร่างกาย..
“.......... “ เสียงร้องของผมดังอยู่ในลำคอ ขณะที่น้ำตาซึ่งเอ่อคลออยู่แล้วไหลพรากออกมาอย่างสุดจะกลั้น..เจ็บ...เจ็บจนน้ำตาไหล..ทั้งเจ็บทั้งจุกเสียงจนร้องไม่ออก ความสุขวาบหวามที่เคยได้รับเมื่อครู่ราวกับจะสลายไปเป็นธาตุอากาศ ที่รู้สึกชัดเจนอยู่ตอนนี้คือความเจ็บ..เจ็บเสียจนอยากจะร้องไห้..
“..ฮึก...เอาออกไป..ไม่เอา..เจ็บ... “ ผมร้องออกมาเมื่อผละจากจูบนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาพร้อมกับฝ่ามือที่เคยเกาะเกี่ยวร่างกายเบื้องหน้าผละออก พยายามผลักไสพี่โตสุดกำลัง..
“..แปปเดียว...อย่าร้องไห้..น่ะ..อย่าร้อง... “ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นไม่ได้ทำให้ผมหายเจ็บไปมากกว่าจูบที่ปลอบประโลมนั่น พร้อมกับเกร็งตัวขึ้นเมื่อฝ่ามือร้อนๆแตะลงบนส่วนกลางของร่างกายทำให้ต้องครางฮือออกมาทันควัน
“..อ่ะ...อา.... “ ร้องครางออกมาเมื่อคนตัวสูงเริ่มขยับตัว..ผมหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด..ตอนใส่เข้ามาว่าเจ็บแล้ว..แต่ตอนขยับตัวยังเจ็บเสียยิ่งกว่า เจ็บจนน้ำตาที่ไหลออกมาเริ่มจะผลิตออกมาอีกรอบ ผมได้แต่จิกนิ้วลงบนแผ่นหลังกว้าง กดแน่นด้วยความเจ็วปวด..พี่โตดึงให้ผมเอาคางเกยไหล่ตัวเองไว้ เพราะแบบนั้น ผมเลยอ้าปากงับไหล่ของเขาเสียเลย..
“..ฮื้อ.... “ แต่ขยับไปได้สักพัก ความเจ็บปวดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ดีขึ้น ผมรู้สึกว่าตัวเองร้องครางน่าอายออกไปมากพอดู กว่าริมฝีปากของพี่โตจะเข้ามาปิดไว้ ถึงรู้ว่าไม่ควรให้ใครได้ยินก็ยากจะคุมสติได้อยู่ เพราะตอนนี้ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นทำให้ผมมีความสุขเสียจนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดพี่โตแน่น พร้อมกันแลกจูบกับริมฝีปากคู่นั้นอย่างคุ้นชิน..
“...อือ... “ เสียงครางในลำคอของพี่โตที่ผมได้ยินนั้นสั่นพร่าแปลกหูไม่ต่างกับเสียงของตัวเองเลย ขณะที่เบื้องล่างยังคงถูกสอดใส่เข้ามาไม่หยุด มีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความรู้สึกให้มากขึ้นความร้อนจากลมหายใจที่พร่างพรูมาปะทะกันยิ่งทำให้สติเลือนราง ที่รู้สึก ที่สัมผัสได้มีเพียงความสุขสมที่เกิดขึ้นเท่านั้น..
“..พี่...โต.... “ ผมร้องออกมาอย่างเว้าวอนเมื่อริมฝีปากคู่นั้นผละจาก มองเห็นรอยยิ้มล้อเลียนชัดเจนจนน่าโมโห อยากจะเอื้อมมือไปทุบซักทีสองทีแต่มือทั้งสองข้างก็ทำได้เพียงเกาะเกี่ยว กอดรัดคนตรงหน้าไว้เพียงเท่านั้น..
เบื้องล่างเริ่มปั่นป่วนรุนแรงขึ้นทุกที แรงสอดใส่ที่มากขึ้นพร้อมกับเสียงหอบหายใจแผ่วเบาทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากจะปลดปล่อย ริมฝีปากหนาขบกัดซอกคอแรงๆจนผมหน้านิ่ว แต่นั่นก็ยิ่งทำให้อารมณ์เพิ่มสูงขึ้นจนแทบทนไม่ไหว ผมซบหน้าลงกับไหล่หนา หอบสั่นระริก เอนตัวรับแรงกระแทกสอดใส่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นพร้อมกันนั้นก็ใช้ปลายฟันขบกัดไหล่หนาที่สั่นระริกแน่น...ได้ยินเสียงครางแผ่วเบาในลำคอของพี่โตและเสียงร้องของตัวเองที่พร่าสั้น..พร้อมกันนั้นก็ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาในที่สุด..
ผมหรี่ตามองภาพเบื้องหน้าที่ยังคงอยู่ในความมืดสลัว เสียงหอบหายใจของผมและพี่โตยังคงสอดประสานกันแผ่วเบาราวกับเสียงดนตรีที่บรรเลงร่วมกัน..ร่างกายที่ทาบทับตัวผมทั้งหนักและอุ่นจนร้อน ขณะที่ความเหนื่อยอ่อนเข้ามาเล่นงานจนต้องหลับตาลง ริมฝีปากของใครบางคนก็แตะลงบนหน้าผากผมเบาๆทำให้อดจะยิ้มออกมาไม่ได้..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
เหนื่อยอ่ะ..
เขียนตอนนี้เหนื่อยมากกกกกก เพราะมันเป็นตอนหื่น เหนื่อยเฟ้ยยย
มาอัพดึกมากเลยน่ะเนี่ย นั่งเขียนตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตอนนี้แหละแค่ะ หึหึ..ตอนเดียวเองน่ะ พูดตามตรงว่าฟุ้งซ่าน ไม่ค่อยมีสมาธิเลยใช้เวลานาน
เรื่องของเรื่องคือไรท์เตอร์เสี้ยนอยากเขียนดราม่ามากกกกกกกกกกก(แบบว่าปลดปล่อยความเครียด) แต่ต้องทำใจเพราะตอนนี้มันหื่น มิใช่ดราม่า เลยฟุ้งซ่านไปหน่อย เหอๆ..
ปล. คำเตือน..ไรท์เตอร์กำลังอยากเขียนดราม่ามาๆอยู่..ตอนนี้..

ปล. สอง...เราไม่มีอะไรจะพูดเรื่องข้อสอบ
