เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  (อ่าน 191721 ครั้ง)

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
“จอมจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อหรือครับ” ยุทธจักรที่จับความคิดของจอมยุทธ์ได้เร็วพอๆกับศิวะถามออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับศิวะที่ยังคงนิ่งเฉยแต่ก็หันไปสบตาจอมยุทธ์

จอมยุทธ์พยักหน้าเบาๆ พร้อมเสียงตอบรับอย่างหนักแน่น

“ครับ”

“มันอันตรายเกินไป...จอม” นครินทร์พูดขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว แม้ใจหนึ่งก็เห็นด้วยกับความคิดของจอมยุทธ์แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงว่าจะเป็นการเสี่ยงอันตรายเกินไป ลำพังแค่ตั้งรับเฉยๆก็เสี่ยงพอดูอยู่แล้ว ถ้าต้องทำตัวเป็นเหยื่อล่ออีกความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ

“แต่มันก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ทำให้เรามีโอกาสทราบว่าใครคือคนจ่ายของไม่ใช่เหรอครับ” จอมยุทธ์ตั้งประเด็นสวนกลับอย่างสุภาพ

“มันก็จริงอยู่..จอม...แต่พี่อยากจะหาทางอื่นดีกว่า” นครินทร์พยายามไกล่เกลี่ยให้จอมยุทธ์ล้มเลิกความตั้งใจ และหันมาตั้งคำถามใส่ศิวะ โดยหวังว่าศิวะจะช่วยพูดเข้าข้างตนเองและล้มล้างความคิดเดิมของจอมยุทธ์

“เสือ...แกคิดว่าอย่างไร”

“บอกตามตรงว่ะ....ข้าเห็นด้วยกับจอม เพราะว่าถ้าเราตั้งรับ...เราต้องตั้งรับอยู่ตลอด จะยาวนานขนาดไหนก็ไม่รู้  ...สู้เสี่ยงซักหน่อย บังคับให้มันเปิดเผยตัวเลยดีกว่า มันเร็วดี”

คำพูดของศิวะทำให้นายตำรวจทั้งสองคนแปลกใจอีกครั้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าศิวะที่เป็นคนรอบคอบจะเห็นด้วยกับความคิดเสี่ยงอันตรายที่จอมยุทธ์เสนอมา ...นครินทร์ถึงกลับแสดงสีหน้าแปลกใจอย่างเปิดเผย สำหรับยุทธจักรนั้นยังคงนิ่งเงียบอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ก็หันมาสบตาทั้งศิวะและจอมยุทธ์

จอมยุทธ์ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสนับสนุน เนื่องจากตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าศิวะจะเห็นด้วยประการใด เพราะไม่ได้ปรึกษาหารือกันมาก่อนล่วงหน้า ...แต่ในตอนนี้จอมยุทธ์มั่นใจแล้วว่าศิวะเห็นด้วยกับความคิดของตน เพราะการอยู่ในที่สว่างนั้น จะตกเป็นเป้าสังเกตอย่างง่ายดายของคนที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด แม้ว่าคนในที่สว่างจะป้องกันตัวอย่างแน่นหนา แต่โอกาสพลาดก็มีสูงเพราะไม่ทราบว่าคนที่อยู่ในมุมมืดจะมาไม้ไหน หนทางเสมอภาคมีทางเดียว คือ บังคับให้พวกที่อยู่ในความมืดออกมาสู้กันในที่สว่างๆ ให้รู้เล่ห์และทันกัน....

“มันก็อาจจะเสี่ยงก็จริง....แต่ข้ามั่นใจว่า ท่านรองฯผู้กำกับอย่างแก รวมถึงหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ จากสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง......อย่างแซม ร่วมมือกันแล้ว....น่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” คำพูดของศิวะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมที่มอบให้แก่เพื่อนสนิทและสหายใหม่....นายพันตรีผู้สุขุม และเป็นชายหนุ่มที่กำลังตกหลุมรักน้องชายหน้าหวานของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

สิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดของศิวะนั้นมิได้มีแค่ความมั่นใจอยู่เพียงอย่างเดียว.....แต่กลับมีการวางหมาก...วางทางเดินไว้ให้คนสามคนอย่างแยบยล

การดึงเอายุทธจักรเข้ามาในแผนครั้งนี้นั้น คือการวางหมากครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ยุทธจักรได้ใกล้ชิดจอมยุทธ์มากและบ่อยครั้งขึ้น มิใช่แค่เพียงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างเช่นในปัจจุบัน..... ศิวะหวังว่าการที่สองหนุ่มได้ใกล้ชิดกัน จะเป็นหนทางที่จะช่วยให้จอมยุทธ์เปิดใจตัวเองบ้าง และที่สำคัญศิวะมั่นใจว่ายุทธจักรจะปกป้องจอมยุทธ์ ราวกับปกป้องหัวใจของตนเอง.....

หมากตัวที่สองที่ศิวะวางคือ การแทรกความคิดที่จะดึงเอาตัวยุทธจักรเข้ามาในแผนการล่อเสือออกจากถ้ำที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีความชำนาญในเรื่องยุทธวิธีต่างๆตลอดจนมีประสบการณ์เพื่อทำให้แผนประสบความสำเร็จและอุดช่องโหว่ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ....

ในการนี้นครินทร์สามารถส่งหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของยุทธจักร เพื่อขอการสนับสนุนในด้านที่จำเป็นต่างๆ โดยอาจจะระบุชื่อยุทธจักรไปโดยตรงหรือไม่ก็ได้......ที่สำคัญนครินทร์สามารถอ้างเหตุผลความจำเป็นหลายอย่างเพื่อให้การอนุมัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว  เช่นว่าแผนการนี้อาจก่อให้เกิดประโยชน์ในการตอบโต้ขบวนการก่อการร้ายหรือขบวนการค้าอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นเฟืองตัวสำคัญของกลุ่มก่อการร้าย ที่กำลังก่อเหตุวินาศกรรมต่างๆ อยู่ในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยในขณะนี้

“ข้ายังไม่รับปากอะไรทั้งนั้น.....ขอข้าปรึกษากับเจ้านายและแซมมันดูก่อนดีกว่า” แม้คำพูดของศิวะจะสร้างความภูมิใจให้กับนครินทร์รวมถึงช่วยให้มองเห็นช่องทางที่เป็นไปได้ แต่ก็ทำให้นครินทร์รู้สึกกดดันอยู่พอสมควรเนื่องจากแผนการครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนที่เขาสนิทสนมราวน้องชายเช่นจอมยุทธ์ นครินทร์จึงต้องคิดหนักและวางแผนงานอย่างรอบคอบ

“ผมยังไม่มีความเห็นใดๆในตอนนี้เช่นกันครับ คงต้องรอข้อมูลอีกหลายอย่างทั้งเรื่องรหัสพันธุกรรม ที่สำคัญผมต้องมีข้อมูลสนับสนุนหลายๆด้าน เพื่อไปเสนอเจ้านาย เพื่อประกอบการตัดสินใจในการให้การสนับสนุนต่างๆ
ครับ.....แต่ผมสัญญาว่า ถ้าแผนการนี้ถูกกำหนดขึ้นมาจริง...ผมยินดีปกป้องจอมอย่างเต็มที่ครับ...ไม่ให้เสียทีที่พี่เสือไว้ใจครับ” ยุทธจักรอธิบายในตอนแรกและรับปากหนักแน่นในประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง.......แม้ว่าแผนการนี้จะเสี่ยงอันตรายอยู่มาก แต่ถ้ายุทธจักรมีโอกาสเข้ามาอยู่ใกล้หัวใจของตนเองอย่างจอมยุทธ์นั้น ยุทธจักรมั่นใจและพร้อมเสมอที่จะปกป้องคนที่เขารักเสมอ.....

ศิวะและนครินทร์อมยิ้มเล็กน้อย หลังได้ยินหนุ่มหน้าเข้มเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่พูดความในใจของตนออกมาอย่างหนักแน่น ทั้งคู่ตระหนักได้ในทันที่ว่า ยุทธจักรนั้นรักและเป็นห่วงจอมยุทธ์มากเพียงใด...แม้เวลาที่รู้จักกันจะสั้นนัก....แต่ยุทธจักรก็พิสูจน์ให้เห็นความตั้งใจผ่านทั้งน้ำเสียงและแววตา

ฝ่ายจอมยุทธ์ที่ถูกอ้างถึงในประโยคที่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการหน้าแดงเพราะความเขิน แต่เขาก็พยายามข่มมันไว้ไม่ให้ใครเห็น เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา จอมยุทธ์รับบทบาทเป็นผู้ปกป้องเสมอ ไม่เคยเลยที่จะกลายเป็นผู้ถูกปกป้องเสียเอง....

เพื่อแก้เขินจอมยุทธ์จึงพยายามเปลี่ยนบทสนทนาโดยดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่แผนการอีกครั้ง

“ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรครับ....เชิญพี่เอกับพี่แซมปรึกษากันตามสบายครับ...ถ้าได้ข้อสรุปอย่างไรก็รบกวนบอกผมด้วยครับ....อย่างไรเสียผมจะไม่เปลี่ยนใจแน่ครับ” จอมยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย

“โอเคครับ...พี่จะรับไว้พิจารณาและจะบอกอีกที.....ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อน เพราะต้องไปดูลูกน้องที่ยังอยู่ที่โรงงาน คอยตรวจรถขนเบียร์ที่ตีกลับมาทั้งหมด” นครินทร์กล่าวขอตัวกลับเพราะความจำเป็นดังกล่าว

“ผมต้องไปด้วยมั้ยครับพี่เอ...”จอมยุทธ์ถามเผื่อว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง

“ไม่เป็นไรจอม.....ลูกน้องพี่เฝ้าอยู่โรงงานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รวมถึงกำลังเสริมก็เข้าไปเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อเช้า.....อีกอย่างหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็อำนวยความสะดวกต่างๆได้เป็นอย่างดี....จอมอยู่ที่บ้านก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งออกไปไหน ...”

“แซม...แกจะไปโรงงานหรือจะอยู่ที่นี่ล่ะ” นครินทร์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันหน้ามาถามยุทธจักร

“ผมอยากขออยู่เล่นกับตาภูซักพักครับ...” สายตาและคำตอบของยุทธจักรคือคำขอกลายๆที่ทำให้ศิวะต้องรับลูกส่งอย่างรวดเร็ว

“ตามสบายครับแซม...เมื่อเช้าตาภูก็บ่นถึงแซมเหมือนกัน”

“งั้นข้าไปโรงงานก่อนนะเสือ...ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรมาบอก...พี่ไปก่อนนะจอม....” นครินทร์กล่าวคำอำลาและเดินออกจากห้องรับแขกออกไป โดยมีจอมยุทธ์ตามไปส่งอีกเช่นเคย และปล่อยให้ศิวะและยุทธจักรนั่งคุยกันต่อในห้องรับแขก

“พี่เสือครับ....ผมขอพี่เสือช่วยพาผมเดินดูบริเวณรอบๆบ้านหน่อยได้มั้ยครับ....เมื่อวานผมเขามาเสียเย็นเลยไม่ได้เห็นเต็มตาครับ.......แต่คิดว่าต้องสวยมากแน่นอนครับ”

“ได้ครับ.....” ศิวะรับคำอย่างว่าง่าย เพราะไม่คิดว่ายุทธจักรจะคิดแต่เดินชมบ้านเพียงอย่างเดียว แต่จะมีเหตุผลอะไรอีกนั้น เขามั่นใจว่าภายหลังการทัวร์เสร็จสิ้น เขาจะต้องรับรู้อย่างแน่นอน


Andreas

  • บุคคลทั่วไป
บ้านของศิวะตั้งอยู่ภายในคลับเฮ้าส์ที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ ก่อสร้างโดยบริษัทเชียงใหม่คลับเฮ้าส์โปรดักชั่นซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “รัตนพงศ์คิรีกรุ๊ป” ที่บริหารงานโดยพี่ชายคนรองของศิวะ

พื้นที่ทั้งหมดของคลับเฮ้าส์ตั้งอยู่กลางพื้นที่ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยทุ่งนาสีเขียวสด ด้านหลังสุดของพื้นที่คือแม่น้ำขนาดกลางที่กั้นระหว่างทุ่งนาและชายเขาที่เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายนี้

ลักษณะของคลัปเฮ้าส์นี้จะแบ่งออกเป็นสองโซน โดยโซนแรกเป็นโซนของบ้านสองชั้นขนาดกลางที่ก่อสร้างเรียงรายกันอยู่รอบๆ สระน้ำขุดขนาดใหญ่ตรงกลางหมู่บ้าน รอบๆสระน้ำจัดแต่งเป็นสวนหย่อมไว้สำหรับนั่งเล่นรับลมเย็นๆ และมีการกันพื้นที่ด้านในสุดไว้สำหรับออกกำลังกายกลางแจ้งติดกับรั้วคอนกรีตสูงของโซนที่สอง

อาณาเขตของบ้านแต่ละหลังในโซนแรกจะถูกกำหนดโดยรั้วคอนกรีตฉาบปูนสีขาวสดสูงประมาณหนึ่งเมตรด้านบนต่อเป็นรั้วไม้ซี่ห่างๆ สีน้ำตาลเข้ม ความสูงประมาณห้าสิบเซนติเมตร ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านสามารถมองเห็นทัศนียภาพนอกบ้านและในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ได้

ถัดจากโซนแรก หลังผ่านจุดตรวจของพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งจะเป็นโซนของบ้านขนาดใหญ่ จำนวนทั้งสิ้น 5 หลัง โดยบ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 2500 ตารางเมตร อาณาบริเวณบ้านถูกกั้นโดยรั้วสูงกว่าสองเมตร ด้านบนของรั้วมีการติดตั้งลวดไฟฟ้าเพื่อรักษาความปลอดภัย.....พื้นที่สาธารณะของโซนนี้ที่มีเหลืออยู่ไม่มากคือที่ตั้งของถนนวงเวียนที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่เพื่อความสวยงาม

บ้านทั้งห้าหลังที่กล่าวมานี้ก่อสร้างอย่างสวยงามและทันสมัย รอบๆบ้านตกแต่งด้วยไม้ดอกและไม้ใบรวมถึงต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างลงตัว องค์ประกอบที่ทำให้คนในบ้านดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเป็นสุขถูกบรรจุไว้ในพื้นที่กว้างขวางนี้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระวายน้ำทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ น้ำตกจำลอง สนามหญ้าสีเขียวสด และโรงรถที่บรรจุรถได้หลายคัน รวมถึงสวนหย่อมสวยทั้งหน้าและหลังบ้าน

หนึ่งในห้าของบ้านที่สวยงามเหล่านั้นคือบ้านของศิวะ จอมยุทธ์และภูฟ้า โดยที่เหล่าคุณปู่-คุณย่าของภูฟ้าลงขันกันซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเงินสดมูลค่าหลายสิบล้านบาทเพื่อรับขวัญหลานชายหลังจากกลับมาจากอังกฤษ โดยที่ไม่เกี่ยงงอนหรือขอสิทธิพิเศษในการลดราคาจากพี่ชายของศิวะแต่อย่างใด เพราะทุกฝ่ายต่างลงความเห็นกันว่าเรื่องส่วนตัวกับธุรกิจต้องแยกออกจากกันให้ได้

“ด้านหลังบ้านของพี่เสือติดกับอะไรครับ” ยุทธจักรถามขึ้นภายหลังเดินสำรวจความสวยงามของบ้านมาได้พักใหญ่ และสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่สวนหลังบ้าน 

“ถัดจากรั้วบ้านก็เป็นทุ่งนาครับ ถัดจากทุ่งนาอีกก็เป็นแม่น้ำขนาดกลางติดชายเขาครับ.....” ศิวะตอบอย่างสบายๆ

“ไกลมั้ยครับกว่าจะถึงชายเขา” ยุทธจักรถามต่อ

“ประมาณห้าร้อยเมตรครับ”

“บ้านพี่เสือนี่ปลอดภัยมากเลยนะครับ....” ยุทธจักรกล่าวชม...จริงๆแล้ววัตถุประสงค์ในการเดินชมบ้านของเขามิใช่เพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อประเมินความปลอดภัยของคนที่อยู่ในบ้าน ในกรณีที่อาจจะถูกจู่โจมจากผู้ไม่หวังดีต่างๆ ด้วย

ยุทธจักรสามารถสรุปได้ว่า....จุดเด่นของบ้านหลังนี้นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังอยู่บนทำเลที่ปลอดภัย เพราะเป็นบ้านหลังตรงกลางขนาบกับบ้านอีกสองหลังทั้งซ้ายและขวา รั้วรอบๆบ้านเป็นรั้วคอนกรีตสูงแข็งแรงและมีระบบสายลวดไฟฟ้าป้องกันไม่ให้คนปีนขึ้นมาได้

ด้านหน้าสุดของบ้านคือสนามสีเขียวกว้างที่สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆบ้านได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นการที่จะเข้ามาในบริเวณประตูหน้าบ้านของศิวะได้จะต้องผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยถึงสองชั้นด้วยกัน........จุดที่น่าจะเป็นจุดด้อยที่สุดของบ้านน่าจะเป็นด้านหลังที่ติดกับทุ่งนา แต่เมื่อพิจารณารั้วคอนกรีตสูงแข็งแรงที่ติดตั้งลวดไฟฟ้าไว้ด้านบนแล้วนั้น กลับลดจุดด้อยลงไปได้มากทีเดียว

“อย่างนี้ผมคงสบายใจแล้วว่า พวกที่กำลังจ้องเล่นงานจอม คงหาทางเข้ามาวุ่นวายในบ้านโดยตรงไม่ได้แน่นอน” แซมต้องกล่าวเพิ่มเติม เพราะเห็นใบหน้าที่ปรากฏคำถามของศิวะ

“ขอบคุณครับ....แซมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมมั้ยครับ...หลังจากสำรวจมาจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว” ประโยคแซวเล่นเบาๆ จากศิวะ เรียกรอยยิ้มของยุทธจักรออกมาจนได้....เขาทราบได้ทันทีว่าศิวะคงเดาออกว่าเขากำลังเดินสำรวจความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ แทนที่จะชื่นชมความงดงามที่มีอยู่

“ผมคงไม่มีอะไรแนะนำแล้วครับ....คนออกแบบบ้านนี้ตั้งแต่แรกคงคำนึงถึงความปลอดภัยเบื้องต้นไว้อย่างดีเลยครับ....” ยุทธจักรกล่าวชมอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในผู้ออกแบบบ้านหลังนี้คือคนที่เขากำลังพูดคุยอยู่ด้วย

“ประตูหน้าบ้านที่เป็นอัลลอยด์แข็งแรงขนาดไหนครับพี่เสือ” ยุทธจักรถามต่อเพราะเพิ่งนึกได้ว่า ประตูหน้าบ้านอาจเป็นจุดด้อยอีกจุดหนึ่ง

“ทำจากเหล็กแท้ครับ....น่าจะแข็งแรงพอสมควร.....ผมว่าถ้าใครขับรถชน คงต้องชนหลายครั้งหน่อยครับ กว่าจะพังประตูเข้ามาได้” ประโยคคำตอบของศิวะเรียกรอยยิ้มได้จากยุทธจักรอีกครั้ง เพราะดูเหมือนศิวะจะเดาใจเขาได้เป็นครั้งที่สอง

“พี่เสือรู้มั้ยครับ...ถ้าผมไม่ทราบว่าพี่เสือเป็นอาจารย์สอนหนังสือนี่...ผมว่าพี่เสือต้องเป็นทหารหรือตำรวจแน่เลยครับ....ผมนับถือพี่เสือจริงๆครับ” ยุทธจักรอดไม่ได้ที่กล่าวชมออกมา

“ผมชอบอ่านเรื่องราวสืบสวนสอบสวนก็เท่านั้นแหละครับ...ไม่มีอะไรมาก” ศิวะอธิบายความสงสัยของนายพันตรีหนุ่ม

“แต่ว่า.......เดี๋ยวผมจะขึ้นไปหาตาภู....แซมจะขึ้นไปด้วยมั้ยครับ..หรือว่าจะเดินเล่นก่อน” ศิวะเอ่ยขอตัว เพราะทิ้งภูฟ้าให้อยู่กับพี่เลี้ยงเกือบทั้งวัน

“ไปหาตาภูกับพี่เสือดีกว่าครับ”

ศิวะพายุทธจักรเดินเลาะสวน ผ่านสระว่ายน้ำ กำลังจะเข้าไปในบ้านทางประตูข้าง...แต่กลับพบว่าจอมยุทธ์กำลังเดินสวนออกมาพร้อมกับภูฟ้าพอดี

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh5: ขำน้องถุงอ่ะคิ ได้ไง
สำรวจเผื่อจาได้เข้ามาอยู่เองซะมากกั่ว :kikkik:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เข้ามาลุ้น และเป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า :yeb:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
รักพี่เสือจัง :give2:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:

นั่นสิ  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
พี่เสือกับจอมเนี่ยเก่งซะพวกตำรวจชิดซ้ายไปเลยอาจเข้าขั้นอัจฉริยะด้วยซํา :-[

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:

นั่นสิ  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:

เห็นด้วยอย่างแรง  :laugh3: :laugh3: :laugh3:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:  ค่อยยังชั่ว ตอนนี้ไม่ค่อยเครียดเท่าไร
แต่ตอนหน้านี่สิ  ชักหวั่นๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






wee

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาตั้งแต่นายภูผา กะ ฟ้าลั่น เลย 
แต่ไหง ภาคจอมยุทธ์ กะ ยุทธจักร  จึงดุเดือดเลือดพล่านอย่างงี้เนี่ย...
แล้วจะหา เวลาหวาน เหมือนภาคแรกได้หรือป่าวเนี่ย... :รักจัง11: :จ้อบจัง1: :5555:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


เรื่องนี้นแล้วหนาวๆ ไงไม่รู้  รู้สึกว่ามันต้องตื่นตัวตลอดเวลาเลยอะ  :really2:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ศิวะพายุทธจักรเดินเลาะสวน ผ่านสระว่ายน้ำ กำลังจะเข้าไปในบ้านทางประตูข้าง...แต่กลับพบว่าจอมยุทธ์กำลังเดินสวนออกมาพร้อมกับภูฟ้าพอดี

“สวัสดีครับอาแซม” มือเล็กๆของภูฟ้ายกขึ้นพนมไหว้คุณอาคนใหม่อย่างอ่อนน้อม 

ยุทธจักรทรุดตัวลง ตรงหน้าของหนูน้อย ก่อนจะกล่าวทักทายกลับอย่างอารมณ์ดี

“สวัสดีครับภู.....จะไปไหนกันหรือครับ”

“ภูตามอาจอม....มาตามหาพ่อเสือครับ” ภูฟ้าตอบคุณอาตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหน้า

“ตามหาพ่อมีอะไรครับลูก” น้ำเสียงยามที่ศิวะพูดกลับลูกชายนั้นอ่อนโยนจนใครๆก็รับรู้ได้ว่าศิวะรักลูกชายของตนเองมากเพียงไร

“ภูจะชวนพ่อเสือไปว่ายน้ำครับ” ภูฟ้าบอกเหตุผลให้บิดาตนเองฟัง

ศิวะยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ พบว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว และตอนนี้แดดก็เริ่มอ่อนแรงลงไปมาก เหมาะที่จะว่ายน้ำออกกำลังกายพอดี

“เลยได้เลยครับ” ศิวะตอบลูกชาย ส่งผลให้ได้รับรอยยิ้มหวานมาเป็นของตอบแทนให้ชื่นใจ

“แซมสนใจมั้ยครับ......ถ้าสนใจก็เชิญว่ายน้ำกับพี่และตาภูได้เลยนะครับ....เสร็จแล้วก็ได้เวลาทานข้าวเย็นพอดี ...ผมชวนอยู่ทานด้วยกันเลยครับ” ศิวะเอ่ยชวน

“ผมคงต้องไปดูที่รถก่อนครับ ว่าเตรียมกางเกงว่ายน้ำมาหรือเปล่าครับ....ถ้าเตรียมมาผมก็ไม่ปฏิเสธครับ...”ยุทธจักรตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ....ถ้าไม่ได้เอามา ยืมของพี่ก่อนก็ได้ครับ....เราคงใส่ไซส์เดียวกัน” ศิวะยื่นข้อเสนอ

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าผมไม่ได้เอามา ผมคงต้องยืมพี่เสือ...แต่ตอนนี้ขอตัวไปค้นในรถก่อนนะครับ...” ยุทธจักรจึงเดินกลับไปที่รถเพื่อตรวจดูว่าในกระเป๋าเสื่อผ้าที่ติดรถอยู่นั้นมีกางเกงว่ายน้ำอยู่หรือไม่

ยุทธจักรจากไปไม่ถึงนาทีก็กลับมาพร้อมกับกางเกงว่ายน้ำและผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ยุทธจักรนึกขอบคุณแม่บ้านของลุงพลที่มักจะจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไว้ในรถตั้งแต่วันศุกร์ โดยที่ข้าวของในกระเป๋าจะประกอบด้วยเสื้อผ้าชุดลำลอง ชุดกีฬาในแต่ละประเภท รองเท้า ถุงเท้า และเครื่องใช้อื่นๆครบครัน

“แซมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำข้างสระได้เลยนะครับ....เดี๋ยวพี่พาตาภูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ศิวะบอก และผายมือไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างสระว่ายน้ำ

“จอมจะว่ายน้ำหรือเปล่า” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ว่ายครับพี่เสือ....วันนี้มีเรื่องยุ่งเต็มสมองไปหมด...ออกกำลังกายซักหน่อยน่าจะดีครับ” แน่นอนว่าคำตอบของจอมยุทธ์จะสร้างความยินดีแก่คนยุทธจักร เขาซ่อนความยินดีนั้นให้อยู่ภายใต้สีหน้าที่ราบเรียบ

“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันนะครับภู...เดี๋ยวจะได้มาว่ายน้ำกัน” ศิวะพูดกับจอมยุทธ์และก้มลงบอกลูกชายของตน

“ครับ” ทั้งอาและหลานรับคำพร้อมกัน

หลังจากจอมยุทธ์ ศิวะและภูฟ้าเดินเข้าไปในบริเวณบ้านอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ยุทธจักรจึงเดินมุ่งตรงไปสู่ห้องอาบน้ำกึ่งกลางแจ้งข้างสระว่ายน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน

ห้องอาบน้ำกึ่งกลางแจ้งนี้เป็นห้องอาบน้ำแบบหลังคาเปิด ยกเว้นบริเวณห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นที่มีหลังคาปิดอย่างมิดชิด ลักษณะของผนังห้องอาบน้ำเป็นทรงโค้งเกือบครึ่งวงกลมสองอันซ้อนเหลื่อมกัน ส่วนที่ซ้อนเหลื่อมกันคือบริเวณทางเข้า  บริเวณตรงกลางภายในห้องอาบน้ำขนาดกว้างนี้ถูกจัดตกแต่งด้วยต้นไม้หลากพันธุ์ทั้งไม้ใบและไม้ดอก  พื้นของบริเวณส่วนอาบน้ำถูกปูด้วยแผ่นหินอ่อนออกสีชมพูสลับด้วยกรวดมนก้อนเล็กๆสีขาวเช่นเดียวกับสีของผนังห้องน้ำที่แต่ละด้านมีฝักบัวติดอยู่ด้านละ 3 อัน โดยสามารถเลือกอาบน้ำร้อนหรือน้ำเย็นได้ตามต้องการ

ภายในห้องอาบน้ำบริเวณตรงข้ามกับผนังฝักบัว คือห้องขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีหลังคาปิดมิดชิดจำนวนทั้งสิ้น 4 ห้อง....สามห้องแรกคือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ประตูห้องทำด้วยกระจกฝ้าขนาดใหญ่ ยอมให้แสงเล็ดลอดผ่านเข้าออกได้เล็กน้อย จึงสามารถเห็นรูปร่างของคนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนี้ได้อย่างลางๆ ส่วนอีกหนึ่งห้องที่เหลือคือห้องสุขาไว้สำหรับทำธุระส่วนตัว

ยุทธจักรเลือกที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน โดยวางเสื้อผ้าชุดเดิมไว้บนชั้นวางที่มีอยู่ในทุกห้อง หลังจากนั้นจึงเดินไปสู่บริเวณอาบน้ำเพื่อล้างตัวให้สะอาดก่อนลงว่ายน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จยุทธจักรก็เดินมานั่งรอที่บริเวณสระว่ายน้ำ......ไม่นานนักศิวะ จอมยุทธและภูฟ้าก็เดินเข้ามาสมทบ ทุกคนสวมกางเกงว่ายน้ำแบบขาสั้นที่แตกต่างกันเฉพาะสีและลวดลายที่พิมพ์บนเนื้อผ้า ส่วนลำตัวช่วงบนของทั้งสามเปลือยเปล่าปล่อยให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดยามเย็น เช่นเดียวกับลำตัวที่แข็งแรงมีกล้ามเนื้อสวยงามของยุทธจักร

ทั้งสี่คนเริ่มต้นว่ายน้ำทันทีที่พร้อม โดยจะสลับกันทำหน้าที่ดูแลภูฟ้าที่ว่ายน้ำอยู่สระน้ำตื้นสำหรับเด็กที่กั้นออกจากบริเวณส่วนน้ำลึกของผู้ใหญ่

ขณะว่ายน้ำ......ยุทธจักรต้องพยายามควบคุมสายตาของตนเองเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้แสดงความซุกซนบนร่างกายของจอมยุทธ์มากจนเกินไป เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่หวานใจของเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นมากที่สุด ซึ่งทำให้ยุทธจักรสามารถมองสำรวจร่างกายของจอมยุทธ์ได้เต็มตา

ร่างกายส่วนบนของจอมยุทธ์สมบูรณ์แข็งแรง มีกล้ามเนื้อพองามอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ สีผิวของหนุ่มหน้ากึ่งหวานเป็นสีขาวอมชมพูตลอดทั่วร่างกายไม่เว้นแม้แต่บริเวณฐานนมก็ยังเป็นสีชมพูสดที่ต้องตายุทธจักรยิ่งนัก ไม่นับรูปหน้าที่ครองใจยุทธจักรไปมากกว่าครึ่ง

ยุทธจักรสังเกตว่าไม่เพียงแต่จอมยุทธ์จะมีกล้ามเนื้อร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ศิวะก็มีร่างกายที่แข็งแรงเช่นกัน ทั้งสองคนมีร่างกายที่มีสัดส่วนงดงามไม่มีไขมันส่วนเกินพอกพูน สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองคนคงเป็นแค่ความสูงและสีผิว เพราะศิวะสูงมากกว่าจอมยุทธ์เล็กน้อย รวมถึงมีสีผิวสีน้ำผึ้งแสนเซ็กซี่ที่แตกต่างจากผิวขาวอมชมพูของจอมยุทธ์

เวลาสนุกสนานในการว่ายน้ำออกกำลังกายผ่านไปอย่างรวดเร็วจนล่วงเข้าเวลารับประทานอาหารเย็น ทั้งสี่จึงขึ้นจากสระว่ายน้ำเพื่อแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และนัดเจอกันที่ห้องรับประทานอาหาร

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
อาหารหลากชนิดถูกจัดวางบนโต๊ะอาหารในเวลาหนึ่งทุ่มตรง โดยปกติแล้วในช่วงรับประทานอาหารเย็นจะมีเพียงแค่ศิวะ จอมยุทธ์ และภูฟ้าเท่านั้นที่จะรับประทานอาหารอยู่ร่วมกัน แต่วันนี้มียุทธจักรเขามาร่วมด้วยเป็นวันที่สอง บรรยากาศการรับประทานอาหารจึงแตกต่างไปจากทุกๆวัน ซึ่งภูฟ้าดูเหมือนจะชอบบรรยากาศนี้เป็นอย่างมาก เพราะ “อาแซม” เป็นคนสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้อย่างสม่ำเสมอ

“ภูอยากให้อาแซมมาทานข้าวกับภูทุกวันเลยครับ” ภูฟ้าพูดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

“ภูเบื่อพ่อเสือกับอาจอมแล้วหรือครับ” ศิวะแกล้งทำเป็นงอน

“เปล่าครับพ่อเสือ.....ภูไม่ได้เบื่อพ่อเสือกับอาจอมซักหน่อยครับ” เด็กน้อยส่ายหน้า บอกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอาการหน้าเสียเล็กน้อย

“โอ๋....ลูก พ่อล้อเล่นครับ......”ศิวะต้องรีบบอกลูกชาย เพราะไม่อยากให้ภูฟ้าเข้าใจผิด

“อาแซมมาได้เฉพาะวันหยุดเท่านั้นเองครับ....ช่วงนี้อายังต้องทำงานที่กรุงเทพ ถ้าอามาอยู่ที่เชียงใหม่...อาจะมาหาภูบ่อยๆ นะครับ” ยุทธจักรบอกภูฟ้า

“ถ้าอาว่างๆ อาจะพาภูไปเล่นที่บ้านอาด้วยนะครับ....บ้านอาสวยด้วยนะ.....มีน้ำตกด้วย” ยุทธจักรพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ....” ภูฟ้ารับปาก

ก่อนที่การสนทนาหลังอาหารจะดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของจอมยุทธ์ก็ส่งเสียงดังขึ้น จอมยุทธ์จ้องมองหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตานั้น ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและกดปุ่มรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ” จอมยุทธ์กรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ คุณจอมยุทธ์” เสียงเย็นๆ จากปลายสายกระตุ้นความทรงจำของจอมยุทธ์ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของบุคคลลึกลับคนเดียวกับเมื่อวาน

จอมยุทธ์ตัดสินใจเดินกลับมายังห้องอาหาร ส่งสัญญาณให้ศิวะรับทราบถึงโทรศัพท์ที่ไม่ชอบมาพากลอันนี้ ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารอีกครั้ง กลับมายังห้องรับแขกที่อยู่ติดกัน โดยมีศิวะและยุทธจักรเดินตามเข้ามาอย่างเงียบๆ

 จอมยุทธ์ปรับโทรศัพท์ให้ใช้ลำโพงทันที และกรอกเสียงลงไป

“ต้องการอะไร”

“.ไม่คิดจะทักทายผมเลยเหรอครับ......” เสียงปลายสายแสร้งบ่น

“โอเค....ไม่ทักทายก็ไม่เป็นไรครับ......ผมแค่อยากจะโทรมาบอกว่า...ผมประมาทไปนิดหน่อย....เสียลูกน้องไปหลายคนรวมถึงของของผมด้วย....” เสียงเย็นๆเปล่งออกมาจากลำโพงโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสามหนุ่มได้ยินอย่างชัดเจน

“ผมไม่รู้ว่าคุณทำได้อย่างไร ที่จัดการลูกน้องมือดีของผมได้ทั้งหมด....บางทีอาจเป็นโชคดีของคุณกับเพื่อนตำรวจของคุณ....แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า คุณจะโชคดีได้เพียงครั้งเดียว” สิ่งที่คนปลายสายพูดออกมา ทำให้ทราบได้ทันทีว่า พวกมันรู้ตัวแล้วว่าตำรวจได้ยื่นมือเข้ามาในสถานการณ์นี้แล้ว

“คุณทำให้ผมเสียเงินไปหลายสิบล้าน.....ผมจะคิดเงินคืนกับคุณให้ครบ.... อย่าเพิ่งตกใจไปล่ะครับ....ผมยังให้เวลาคุณหายใจอีกเล็กน้อย....”แม้ว่าคนปลายสายจะพูดจาไพเราะ แต่ก็เป็นการแสดงการคุกคามอย่างเต็มที่

“คุณต้องการอะไรกันแน่....” จอมยุทธ์ถามอีกครั้ง

“ก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอกครับ....แค่จะเอาเงินคืนเท่ากับราคาของที่เสียไปก็เท่านั้นเองครับ.....”

“แล้วถ้าผมไม่ให้ล่ะ” จอมยุทธ์พูดต่อ

“ผมพอเดาออกว่าคุณจะพูดอย่างนี้.....ไม่เป็นไรครับ....ผมมีทางของผมที่จะให้คุณเอาเงินมาให้ผมแน่นอน...คุณกับเพื่อนตำรวจของคุณเตรียมตัวให้ดีๆ แล้วกันครับ.....” คำตอบของคนปลายสายแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่

“แค่นี้แหละครับ...ที่ผมอยากจะบอกครับ.....หวังว่าคงได้คุยกันใหม่นะครับ....สวัสดีครับ”

“เกือบลืมไปเลยครับคุณจอมยุทธ์...เตรียมรับของขวัญจากผมด้วยนะครับ” คนปลายสายบอกประโยคสุดท้ายไว้เป็นปริศนา ก่อนสัญญาณจะขาดหายไป

ศิวะและจอมยุทธ์ยังคงนั่งนิ่งเงียบภายหลังการสนทนาเสร็จสิ้น ทั้งคู่กำลังควบคุมความโกรธที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว.....

“ผมว่าเราต้องบอกพี่เอนะครับ” ในที่สุดยุทธจักรที่นั่งอยู่ก็ไม่สามารถทนบรรยากาศอันนิ่งสนิทนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด เพราะศิวะและจอมยุทธ์นั้นนิ่งเงียบจนน่ากลัว

ศิวะและจอมยุทธ์หันหน้าช้าๆ มาที่ยุทธจักร

“บอกพี่เอแล้วอะไรมันจะเปลี่ยนแปลงมั้ยครับ” จอมยุทธ์ถาม

“เราคาดการณ์ไว้แล้วไม่ใช่หรือครับ...ว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้....ว่าเราก็ยังคงต้องตั้งรับอยู่อย่างนี้อย่างเดียว” จอมยุทธ์พูดต่อ

ยุทธจักรถอนหายใจหลังได้ยินความจริงดังกล่าว..... ทุกอย่างนั้นถูกต้องตามที่จอมยุทธ์พูดมา ว่า ณ. เวลานี้คือการตั้งรับแต่เพียงอย่างเดียว การรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แก่นครินทร์คงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่านี้ แต่เขาก็ยังคงคิดว่านครินทร์สมควรที่จะรับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดี

“จอมพูดมามันก็ถูก...แต่พี่ว่ายังงัยก็ต้องบอกพี่เออยู่ดี...บางทีพี่เออาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ดีขึ้นก็ได้ครับ” ยุทธจักรพยายามพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“เอาอย่างนี้ดีว่ามั้ยครับ....ถ้าจอมและพี่เสือยังคงไม่สบายใจอยู่.....ผมขออาสาบอกพี่เอเองครับ...และจะช่วยดูแลเรื่องตำรวจติดตามด้วยครับ.... ผมว่าพวกเขาคงต้องเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่คืนนี้แล้วกระมังครับ แทนที่จะเป็นพรุ่งนี้เช้า”

“แซมจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะครับ....พี่ขอรบกวนด้วยนะครับ....”ศิวะเป็นฝ่ายตอบแทนจอมยุทธ์ที่กำลังนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่

“อย่างนั้นผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ....” ยุทธจักรขอตัวออกมาจากห้องรับแขก เดินออกไปยังบริเวณหน้าบ้าน และต่อสายถึงนครินทร์ทันที

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
“โกรธหรือจอม” ศิวะถามขึ้นหลังจากยุทธจักรเดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอก

“มันคิดว่ามันเป็นใครกันครับพี่เสือ”

“อย่างน้อยมันก็คิดว่ามันถือไพ่เหนือกว่าเรา...” ศิวะพูด

“แต่ว่า....อย่าเพิ่งคิดมากเลยตอนนี้....รอให้ตำรวจจัดการเถอะ....เราสองคนทำใจให้สบายและทำในสิ่งที่เราควรทำดีกว่า” จอมยุทธ์หันมาสบตาศิวะ และเข้าใจในความหมายของสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างดี

“ครับ.....ตอนนี้พี่เสือว่างมั้ยครับ” อยู่จอมยุทธ์ก็ถามขึ้นมา

“อืม....ก็กะว่าจะเอานาฬิกาให้ตาภู...หลังจากนั้นก็ว่างแล้ว...ทำมัยล่ะ”

“ผมอยากยึดเส้นยึดสายซักหน่อยครับ...”

ศิวะหัวเราะเบาๆ เพราะเข้าใจความหมายของการยึดเส้นยืดสายนั้น....ซึ่งมิใช่หมายถึงการออกไปสังสรรค์หรือเต้นรำแต่อย่างใด การยืดเส้นยืดสายของจอมยุทธ์คือการฝึกศิลปะป้องกันตัว โดยที่จอมยุทธ์มักจะเลือกที่จะยึดเส้นยืดสายในกรณีที่ต้องสมาธิในการคิดวางแผนเรื่องต่างๆ

“ได้ซิ...แต่พี่เอานาฬิกาให้ตาภูก่อนนะ....จอมไปรอพี่ที่ห้องซ้อมได้เลย....เดี๋ยวพี่จะให้คุณภามาดูแลตาภูเอง” ศิวะตอบ

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำและแยกตัวออกไป

ศิวะเดินเข้าไปในห้องอาหารและพบว่าภูฟ้ากำลังรับประทานของหวานเสร็จ โดยมีคุณภาวดีคอยอยู่เป็นเพื่อน

“ภูครับ......พ่อเสือซื้อนาฬิกาให้ใหม่นะครับ...”ศิวะพูดก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบนาฬิกาพลาสติกลายน่ารักออกมาสวมให้กับลูกชาย

“ขอบคุณครับพ่อเสือ” ภูฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณบิดา

“ครับ....แต่ภูต้องสัญญากับพ่อเสือนะครับ...ว่าภูจะต้องใส่นาฬิกานี้ตลอดเวลาห้ามถอดนะครับ....ใส่จนกว่าพ่อจะเปลี่ยนเรือนใหม่ให้นะครับ....ภูทำได้หรือเปล่าครับ”

“ได้ครับพ่อเสือ” ภูฟ้ารับคำอย่างหนักแน่น

“ลูกพ่อน่ารักจะเลยครับ” ศิวะกล่าวชม

“แต่ตอนนี้ พ่อเสือกับอาจอมขอตัวไปออกกำลังกายก่อนนะครับ...ภูไปเล่นกับคุณภาก่อนนะครับ....แล้วเดี๋ยวพ่อเสือจะไปเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนนะครับ” ศิวะกล่าวขอตัวกับลูกชาย

“ครับพ่อเสือ”

“คุณภาครับ.....ถ้าคุณแซมตามหาผม......ก็รบกวนให้ใครนำไปที่ห้องออกกำลังกายได้เลยนะครับ...ผมกับจอมจะอยู่ที่นั่น”

“ค่ะ.....คุณเสือ”

หลังจากภาวดีรับคำสั่ง.....ศิวะจึงเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องออกกำลังกาย เขาพบว่าจอมยุทธ์เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดคาราเต้โด พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างเรียบร้อย อันได้แก่ ท่อนรัดแขน ช่วงขา และหน้าท้อง

“ขอพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะจอม” ศิวะเดินเข้าไปในหลังฉาก และจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

“ผมลืมไปเลยครับพี่เสือ...แล้วพี่แซมล่ะครับ”

“คงคุยกับเออยู่มั้ง....ถ้าได้เรื่องอย่างไรแซมคงมาบอกเราเอง” ศิวะตอบขณะที่จัดการอยู่กับเครื่องแต่งกายของตน

แม้ว่าศิลปะป้องกันตัวที่แต่ละคนถนัดจะแตกต่างกัน แต่เครื่องแต่งกายของทั้งคู่ก็มีความคล้ายคลึงกัน รวมไปถึงสีของสายเข็มขัดผ้าของทั้งสองคนก็เป็นสีเดียวกัน คือ เป็นสีดำทั้งคู่ ต่างเพียงแต่ว่าของศิวะจะเป็นสายดำดั้งสองของเทควันโด ในขณะที่ของจอมยุทธ์จะเป็นสายสีดำดั้งหนึ่งของคาราเต้

ทั้งสองหนุ่มเริ่มทำการอบอุ่นร่างกายตามแบบแผนของการต่อสู้ที่แต่ละคนถนัด เมื่อได้เวลาการฝึกซ้อมจริงทั้งคู่จึงออกมายืนเผชิญหน้ากันและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน การแสดงความเคารพนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นการแสดงความเคารพคู่ต่อสู้และปรมาจารย์ผู้ประสาทวิชา

การฝึกศิลปะป้องกันตัวของทั้งสองหนุ่มนอกจากจะเป็นการฝึกความแข็งแรงของร่างกายและของกล้ามเนื้อช่วงที่ต้องรับแรงปะทะจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังเป็นการฝึกสมาธิและเป็นการชิงไหวชิงพริบกันด้วย เนื่องจากแต่ละคนจะมีรูปแบบการรุกและรับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการต่อสู้ที่ถนัด ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องพยายามอ่านความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้

ในเรื่องการต่อสู้นี้จอมยุทธ์จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบศิวะอยู่บ้างในเรื่องของความสูงที่น้อยกว่า แต่จอมยุทธ์ก็มีความว่องไวเป็นจุดเด่นซึ่งทำให้ศิวะต้องระมัดระวังตัวและพยายามปิดช่องว่างต่างๆ ที่เกิดขึ้น

หลายครั้งที่ความว่องไวของจอมยุทธ์ทำให้ศิวะต้องเกือบจนมุม แต่ด้วยประสบการณ์ที่ฝึกศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นซึ่งแตกต่างกับจอมยุทธ์ที่เริ่มฝึกเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ก็เป็นตัวช่วยให้ศิวะโต้กลับจอมยุทธ์ได้ทุกครั้ง   

จอมยุทธ์เริ่มฝึกศิลปะป้องกันตัวมาได้ไม่นานนัก เริ่มตั้งแต่หลังจากที่หนึ่งในบิดาที่แท้จริงของภูฟ้าเป็นคนต้นคิดการฝึกศิลปะป้องกันตัวนอกเหนือไปจากฝึกซ้อมกีฬาประเภทอื่นๆ ขณะที่ยังคงเรียนหนังสือกันอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

ศิวะและจอมยุทธ์ผลัดการรุกและผลัดกันรับอยู่ในห้องออกกำลังกาย ทั้งคู่มุ่งมั่นนำท่าเด็ดๆออกมาใช้เพื่อโจมตีซึ่งกันและกัน จึงไม่ได้สังเกตว่ายุทธจักรกำลังยืนมองอยู่จากบริเวณข้างสระว่ายน้ำ

ตอนแรกนายพันตรีหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เพราะกำลังโทรศัพท์รายงานนครินทร์เรื่องโทรศัพท์ข่มขู่จากชายลึกลับและปรึกษาเรื่องการคุ้มครองจอมยุทธ์ แต่พอได้ข้อสรุปและวางหูโทรศัพท์ สายตาของเขาบังเอิญมองทะลุกระจกห้องออกกำลังกายใกล้สระว่ายน้ำ ไปบรรจบกับชายหนุ่มสองคนในชุดขาวของศิลปะป้องกันตัวที่กำลังต่อสู้และชิงไหวชิงพริบกัน

ทุกท่วงท่าการบุกและการตั้งรับของศิวะและจอมยุทธ์ดึงดูดสายตาของยุทธจักรได้ตลอดเวลาการฝึกซ้อมที่ดูอย่างไรก็แทบไม่แตกต่างกับการต่อสู้จริง เพียงแต่การต่อสู้จริงๆ นั้นจะไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวใดๆ

ยุทธจักรรู้สึกชื่นชมและอดที่จะแปลกใจอยู่ไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้มาตลอดว่าทั้งสองหนุ่มฝึกศิลปะป้องกันตัวมานานและฝึกจนได้ถึงสายดำซึ่งเป็นสีสุดท้ายในการจัดลำดับสาย แต่ก็มีโอกาสเห็นทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าซักที

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ยุทธจักรเข้ามาผูกพันกับชายหนุ่มสองคนในฐานะมิตรนั้น ยุทธจักรรู้สึกว่าสองหนุ่มมักสร้างความแปลกใจระคนกับความชื่นชมให้กับเขาบ่อยๆ หลายครั้งอาจมองได้ว่าเป็นความบังเอิญแต่หลายครั้งกลับสร้างความสงสัยให้กับเขายิ่งนัก เพราะน้อยครั้งที่เขาจะพบคนที่มีความสามารถ มีสติปัญญา มีความสุขุม สุภาพ และมีหน้าตาที่งดงามคมคาย รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายอย่างชายหนุ่มที่ชื่อว่าศิวะ.....และชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของดวงใจของเขาเองที่ชื่อ....จอมยุทธ์  สองหนุ่มนี้มีคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าครบสมบูรณ์จริงๆ

นับตั้งแต่ยุทธจักรพบจอมยุทธ์ตั้งแต่วันแรก...และได้เรียนรู้นิสัยตลอดจนความเป็นตัวตนของจอมยุทธ์ จนกระทั่งวันนี้ยุทธจักรมั่นใจว่าหัวใจของตนเองไม่มีที่ว่างเปล่าเสียแล้ว....เพราะมันเต็มไปด้วยความรักที่เขามอบให้ชายหนุ่มหน้าสวยคนที่กำลังฝึกศิลปะป้องกันตัวอยู่ในห้องกระจกนั้น..คนที่เขาจะคว้าหัวใจมาครอบครองให้ได้ ด้วยความพยายามและสติปัญญาทั้งหมดที่มีของเขา...

ยิ่งรักมากเท่าไหร่.....ยุทธจักรก็ยิ่งห่วงจอมยุทธ์มากเท่านั้น แม้จะรู้ว่าจอมยุทธ์นั้นมีสติปัญญาที่หลักแหลมและฝีมืออยู่พอตัวทั้งการยิงปืนและศิลปะป้องกันตัว แต่ในรูปแบบที่ตกเป็นเป้าของคนที่มีทั้งอาวุธและกำลังพลมากมายนั้น ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนโอกาสที่จอมยุทธ์จะพลาดก็มีสูง เพราะไม่มีประสบการณ์เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์นั้น

ถ้าเป็นไปได้ยุทธจักรต้องการที่จะรับผิดชอบในคดีนี้เสียเอง เพราะมั่นใจว่าจะปกป้องจอมยุทธ์ได้เช่นเดียวกับปกป้องหัวใจของตนเอง แต่ติดอยู่ที่ปัญหาว่าเขาไม่ได้เป็นนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดียาเสพติด
ภารกิจหลักของยุทธจักรและลูกน้องในทีมอีกยี่สิบกว่าคนคือการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะรุนแรง อาชญากรที่มีอาวุธสงคราม/ระเบิด หรือมีความชำนาญทางยุทธวิธี รวมถึงการช่วยเหลือตัวประกัน หรือคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ และสุดท้ายคือการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ

หน่วยงานของยุทธจักรเป็นหน่วยงานในระดับเดียวกับสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ แตกต่างตรงที่ว่าเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี.....และเป็นองค์กรที่มีขอบเขตอำนาจอย่างเด่นชัด แยกออกเด็ดขาดจากกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพียงแต่มีการทำงานประสานกันเพื่อรองรับสถานการณ์เลวร้ายหรือฉุกเฉินต่างๆ

ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานมีอำนาจสั่งการเต็มที่ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง โดยสามารถขอร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น อีกทั้งยังทำหน้าเป็นหนึ่งในที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในกรณีเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กระทบกระเทือนอำนาจของรัฐอย่างรุนแรง และต้องมีการตอบโต้โดยรวดเร็วตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี

ลักษณะโครงสร้างของหน่วยงานเป็นแบบกองบัญชาการขนาดเล็ก มีกำลังพลทั้งสิ้น 400 นาย ซึ่งได้มาจากการสนธิระหว่างตำรวจและทหารทั้งสามเหล่าทัพ โดยมีเจ้าหน้าที่ยศชั้นประทวนประจำการอยู่เพียง 150 นาย ส่วนที่เหลือ 250 นายคือเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ปกปิดชื่ออีกโดยไม่ทราบจำนวน

การบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ฝ่ายข้อมูล และฝ่ายอื่นๆ นั้น จะเหมือนรูปแบบกองบัญชาการทั่วไปคือมีระบบเจ้านายเป็นขั้นตอนในแต่ละส่วน แต่ทว่าผู้ทำหน้าที่บังคับบัญชานายตำรวจฝ่ายปฏิบัติการเช่นยุทธจักรนั้น คือ ผู้บัญชาการสำนักงานเท่านั้น 

ข้อดีของการมีผู้บัญชาการสำนักงานเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง คือ ความสะดวกรวดเร็วในการประสานงานเพื่อปฏิบัติการ เพราะถือเป็นคำสั่งจากผู้มีอำนาจสูงสุด ดังนั้นฝ่ายปฏิบัติการทุกคนจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียก็คือบางครั้งต้องอาศัยข้อมูลที่ค่อนข้างมีรายละเอียดมากประกอบการตัดสินใจเคลื่อนกำลังพล หาไม่แล้วจะเป็นการรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่ต่างๆ

ยุทธจักรละสายตาชั่วคราวออกจากศิวะและจอมยุทธ์ที่ยังคงฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัวอยู่ พลางนึกทบทวนถึงสถานการณ์ที่จอมยุทธ์กำลังเผชิญและพยายามหาช่องทางที่เป็นไปได้ที่จะเข้ามาช่วยในคดีนี้ 

ข้อเสนอของศิวะที่กล่าวมาเมื่อบ่ายในเรื่องการประสานงานของตำรวจในกรณีดำเนินแผนการล่อเสือออกจากถ้ำนั้นพอจะเป็นไปได้ที่สุดที่จะเปิดโอกาสให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในคดีนี้ เพียงแต่ติดปัญหาสำคัญอยู่สองอย่างคือ แผนนี้ค่อนข้างเสี่ยงมาก และข้อสองเขาจำเป็นต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่บุกเข้าไปในโรงงานเมื่อคืน ว่าเป็นกองกำลังของนายพลลูเซอหรือไม่ ถ้าใช่ก็สามารถนำไปเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุญาตเข้าร่วมแผนดังกล่าวเพราะถือว่าเป็นภารกิจหลัก ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนครินทร์จำเป็นต้องส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงด้วย

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
.........ของขวัญที่ฝ่ายโน้นส่งมา....อาจจะทำหั้ยยุทธจักรได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้แบบเต็มตัวก็ได้นะ... :5555: :5555:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ของขวัยที่ว่าใช่ลูกระเบิดป่าวหว่า? ? ?
เหงช่วงนี้ชอบส่งให้กันจัง
 :ped151:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
นั่นอ่ะดิ่

น่ากลัวว่าของขวัญจะเป็นระเบิดผูกโบว์

หรือว่าจะทำอะไรภูน้อยหรือป่าว :o

เป็นห่วงภูน้อยจัง :serius2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รอของขวัญด้วยคน :pandalaugh:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12

ขณะว่ายน้ำ......ยุทธจักรต้องพยายามควบคุมสายตาของตนเองเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้แสดงความซุกซนบนร่างกายของจอมยุทธ์มากจนเกินไป เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่หวานใจของเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นมากที่สุด ซึ่งทำให้ยุทธจักรสามารถมองสำรวจร่างกายของจอมยุทธ์ได้เต็มตา

อิอิ  พอนึกภาพออกอยู่ ต้องควบคุมสายตาตัวเอง ยากจัง  :pighaun:  :pighaun:

พี่แซมจะเอาตัวเองเข้ามาพัวพันอย่างเต็มตัวซะแล้วววว  สู้สู้
สงสัยของขวัญจาเป็นระเบิดด้วยคน  แล้วก็เป็นห่วงน้องหนูภูฟ้าซะด้วยสิ  เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อเสือกับอาจอมขนาดนั้น
แต่น้องภูมีนาฬิกาอยู่ น่าจะมีประโยชน์อยู่นา

รออ่านต่อจ้า  เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า วันนี้ยาวดี ชอบชอบ  :loveu:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ ของขวัญเหรอ  :laugh3: คงเป็นระเบิดนั่นแหละ  :laugh3:
ยังไงก็อย่าให้หนูภูโดนลูกหลงน้า กำลังน่ารักเลย  :-[

kYos

  • บุคคลทั่วไป
 :give2:  วันนี้มาต่อซะเยอะเลย
พี่แซมได้กำไรจริงๆเลยช่วงนี้ เห็นจอมเปลือยท่อนบนด้วย อุอุ
แล้วมีทีท่าว่าจะได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคดีนี้แน่นอนเลย  พิชิตใจ จอมยุทธ์ให้ได้น้าา
ปล. เป็นกำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ตาภูนี่เป็นเด็กดีจริงๆ  ชักอยากจะมีลูกกะเค้าบ้างแล้วซิ :impress2:

ว่าแต่ของขวัญที่ว่านี่คืออะไรหว่า หวังว่าคงจะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกนะครับ :impress:



ปล.รักพี่เสือจัง :give2:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป

ขณะที่กำลังนั่งคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆอยู่ข้างสระว่ายน้ำเพียงคนเดียว....... ยุทธจักรก็เห็นศิวะเดินตรงเข้ามาโดยที่ยังคงสวมชุดเทควันโด้อยู่

“คิดอะไรอยู่หรือครับแซม.....พี่เห็นนั่งคิดอยู่นานแล้ว” ศิวะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบสงบของบรรยากาศข้างสระว่ายน้ำ

“นิดหน่อยครับพี่เสือ....เอ่อ......พี่เสือครับ ผมบอกพี่เอแล้วนะครับ ตอนนี้พี่เอกำลังเร่งเรื่องตำรวจอารักขาให้อยู่ครับ คาดว่าน่าจะพร้อมในวันพรุ่งนี้เช้าครับ จริงๆผมอยากให้เป็นวันนี้เลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ครับ...พี่เอเลยจะให้สายตรวจมาลาดตระเวนบ่อยๆแทนครับในคืนนี้”

“ขอบใจมากนะครับแซม.....”ศิวะกล่าวขอบคุณ แต่สายตาก็ยังแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน

“พี่เสือครับ....ผมขออนุญาตถามพี่เสือหน่อยได้มั้ยครับ.....” เพราะเหตุใดไม่ทราบที่ทำให้เขาตัดสินใจส่งคำถาม แต่เขาคิดว่าเขาพร้อมที่จะเล่าสิ่งที่คิดอยู่ออกมาให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ได้รับฟัง

“ได้เลยครับ” ศิวะตอบพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ อยู่ในท่าสบายๆ

“ทำไมพี่เสือถึงสนับสนุนแผนล่อเสือออกจากถ้ำล่ะครับ....ทั้งๆที่มันก็อันตรายและเสี่ยงมาก” 

ศิวะเตรียมพร้อมเสมอสำหรับคำถามนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกคำตอบได้ทันที

“ก็เพราะการอยู่ในที่สว่างมันอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่จะเล่นงานเราวิธีไหน... วิธีที่ดีที่สุดคือล่อให้มันออกมาในที่สว่างๆ ด้วยกันเลยดีกว่า จะได้เห็นกันชัดๆ ....... อีกอย่างผมคิดว่า จอมจะปลอดภัยมากกว่าถ้าเราวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ”

“ทำไมหรือครับ” ยุทธจักรถามขึ้นมาทันที

“ก็เพราะกำลังพลไงครับ....ถ้าเราวางแผนรุก เราต้องใช้กำลังพลมากกว่าวางแผนรับ ดังนั้นจอมจะปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากมีคนคอยคุ้มครองและระแวดระวังภัยที่มากขึ้น” ศิวะอธิบายอย่างใจเย็น

ยุทธจักรอดจะแปลกใจไม่ได้เป็นครั้งที่สองกับคำตอบของศิวะ เพราะเป็นคำตอบแสนสั้น แต่ก็แฝงไปด้วยยุทธวิธีทางทหาร

เป็นจริงอย่างศิวะว่า ถ้านครินทร์ใช้วิธีตั้งรับเฉยๆนั้น กำลังพลทั้งหมดคงจะมาจากกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเท่านั้น และคาดว่าจะเป็นกำลังพลอารักขาทั่วไป แต่ถ้านครินทร์ใช้แผนการรุก นั่นหมายความว่าต้องใช้กำลังพลผู้เชี่ยวชาญทางยุทธวิธีโดยตรงและจำนวนที่ใช้จะต้องมากกว่ากำลังอารักขาธรรมดาหลายเท่า

“พี่เสือไม่คิดว่า...มันยังเร็วไปที่จะตัดสินในวางแผนรุกเหรอครับ...ทั้งๆที่ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเลยครับ” ประโยคคำถามนี้ยุทธจักรตั้งใจอย่างยิ่งจะหยั่งเชิงความคิดของชายหนุ่มคนตรงหน้าที่เยือกเย็นและชาญฉลาด

ศิวะทราบดีว่าเขากำลังถูกหยั่งเชิง แต่กระนั้นก็ยังแต่ตอบคำถามไปตามที่คิด

“ข้อมูลมีตั้งเยอะนี่ครับ.... อย่างเช่น แซมกับเอกำลังรอผลรหัสทางพันธุกรรม เพื่อจะมาระบุให้แน่ชัดว่ากลุ่มคนที่บุกเข้าไปในโรงงานเมื่อคืนเป็นกลุ่มกระเหรี่ยงแดงหรือไม่...ซึ่งคงต้องรอนาน ไม่ต่ำกว่าสามสี่วัน ทั้งๆที่ถ้าเราพิจารณาแค่รูปพรรณสัณฐาน สีผิว ลักษณะของโครงหน้าและลักษณะทางกายภาพต่างๆ ของผู้เสียชีวิต เราก็น่าจะพอสรุปได้แล้วว่าเป็นคนไทยหรือไม่ .....เท่าที่พี่อ่านหนังสือมา ส่วนใหญ่พวกกองกำลังของชนกลุ่มน้อยพวกนี้มักจะสักสัญลักษณ์ไว้ที่ร่างกาย เพื่อประกาศความเป็นตัวตน....เราน่าจะดูตรงนี้ก่อนที่จะไปดูเรื่องรหัสพันธุกรรม”

“พี่อาจจะไม่ใช่นักมานุษยวิทยา.....แต่พี่พอจะคาดคะเนว่ากลุ่มคนเมื่อคืนเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนายพลลู่เซอ ซึ่งเป็นมืออาชีพ ดังนั้นพี่จึงต้องการให้จอมได้รับการคุ้มครองที่ดีที่สุดงัยครับ” ศิวะอธิบายต่อ

“แต่ถ้าสมมุติว่า กลุ่มคนเมื่อคืนไม่ใช่กองกำลังของนายพลลู่เซอ...มันก็ยังสมเหตุสมผลอยู่ดีที่จะวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อให้ออกมาให้เห็นกันชัดเจน.....พี่ว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนแบบไหน แต่ถ้าพวกมันมีอาวุธสงครามละก็ เราต้องหาทางทันเล่ห์พวกมันให้ได้....”

ยุทธจักรพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

“เมื่อกี้พี่เสือพูดว่า ยกตัวอย่างเช่น แสดงว่ายังมีข้อมูลอื่นๆอีกหรือครับ” ยุทธจักรถามเพราะติดใจในประโยคดังกล่าว

“ไม่บอกแล้ว.....ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าเอมันดีกว่า....พี่ขออยู่เฉยๆ แค่นี้ดีกว่าครับ” ศิวะตอบเลี่ยงๆ

“แหม..ผมนึกว่าพี่เสือจะบอกผมซะอีก...” ยุทธจักรแกล้งบ่น แต่ใบหน้าฉายรอยยิ้มชัดเจน

“อืม...แต่พี่ขอถามอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ”

“ได้เลยครับ...ถ้าผมตอบได้ผมจะตอบครับ”

“มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่แซมจะเข้ามาช่วยในกรณีที่ตกลงว่าจะใช้แผนการนี้”

ยุทธจักรถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะบอกศิวะถึงข้อจำกัดที่ตนเองมี

“ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลครับ....ถ้าผมหรือพี่เอได้รับข้อมูลต่างๆที่มีน้ำหนักพอว่า กองกำลังต่างสัญชาติกำลังมาสร้างความไม่สงบเรียบร้อยในเมืองไทย และนำไปเสนอผู้บังคับบัญชาของผม งานนี้คำสั่งอนุมัติช่วยราชการคงออกมาทันทีครับ....แต่ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็คงยากครับ”

“แม้ว่าหน่วยงานของผมจะสามารถปฏิบัติการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศก็จริงครับพี่เสือ.....แต่ว่าเราจะไม่เข้าแทรกแซงงานของนายตำรวจท้องที่ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆแบบสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ครับ... คำสั่งปฏิบัติการจากหัวหน้าของผมจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเป็นหลักครับ และขึ้นอยู่กับความฉุกเฉินของสถานการณ์ด้วยครับ...”

“ครับ” ศิวะพยักหน้า

ยุทธจักรขยับจะอธิบายรายละเอียดต่อ แต่ติดตรงที่เหลือบมองเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะที่เขาจะยังอยู่ที่นี่ต่อไป เพราะถือว่าเป็นการรบกวนความเป็นส่วนตัวของคนในบ้าน แม้ว่าเขาจะต้องการอยู่เพื่อคุ้มครองสมาชิกภายในบ้านทุกคนก็ตาม

“คุยไปคุยมา.....จนเกือบสามทุ่มแล้วครับ....ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”

“ผมรบกวนพี่เสือมามากแล้วครับ” ยุทธจักรลุกขึ้นยืน.....เอ่ยปากขอตัวลากลับไปพักผ่อน

“ตามสบายครับ....อีกอย่างไม่ถือว่าเป็นการรบกวนเลยครับ....บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับแซมเสมอนะครับ...” ศิวะตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“พรุ่งนี้ถ้าผมว่างไม่ติดอะไร ผมจะแวะเข้ามาตอนสายๆนะครับ เผื่อว่ามีอะไรให้ผมช่วยครับ”

“ขอบคุณล่วงหน้าครับแซม พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” ศิวะกล่าวลา และเดินไปส่งยุทธจักรที่รถ พร้อมทั้งเตรียมเปิดประตูบ้านให้ยุทธจักรขับรถออกไป

หลังจากตรวจตราความเรียบร้อยของรอบๆบ้านแล้ว ศิวะจึงขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัว จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนให้สบายตัว สุดท้ายจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของภูฟ้า

ภูฟ้าอยู่ในชุดนอนลายการ์ตูนตัวโปรด และกำลังนอนเล่นบนเตียงอยู่กับจอมยุทธ์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดนอนเรียบร้อย

“วันนี้ภูอยากฟังนิทานเรื่องอะไรครับ” ศิวะเอ่ยปากถามลูกชาย

“อยากฟังเรื่อง Lion King ครับพ่อเสือ”

หลังจากได้ยินคำตอบ ศิวะจึงเดินไปยังชั้นหนังสือที่มีหนังสือนิทานต่างๆจัดวางอย่างเรียบร้อย พลางค้นไล่ลำดับหมวดหมู่และชื่อเรื่องของนิทาน ก่อนจะหยิบเรื่องที่ภูฟ้าต้องการออกมาจากชั้น

ในขณะเดียวกันจอมยุทธ์ก็เตรียมที่นอน โดยวางหมอนใบนุ่มหนุนศีรษะและลำตัวของภูฟ้าให้อยู่ในระดับที่สามารถเห็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือนิทานได้ถนัด ทั้งสองคนอาหลานยังคงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็เป็นภาษาไทย บ้างก็เป็นภาษาอังกฤษสลับกับภาษาฝรั่งเศส

เมื่อได้หนังสือนิทานที่ต้องการแล้ว ศิวะจึงเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ภูฟ้า โดยมีจอมยุทธ์นั่งขนาบอยู่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสามคนนั่งชิดกันและโอบกอดกันด้วยความรักความห่วงใยที่เปี่ยมล้นหัวใจ

ศิวะเปิดหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบสวยงามและเริ่มต้นเล่านิทานให้ภูฟ้าฟัง.....เสียงนุ่มๆของศิวะที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆในหนังสือ สลับกับเสียงต่างโทนของจอมยุทธ์ที่มีความนุ่มนวลไม่แพ้กัน....สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น อบอวนไปด้วยความรักที่มากมายเกินกว่าจะคาดเดา....ความผูกพันของทั้งสามคนนั้นเหนียวแน่นและลึกซึ้งเกินกว่าจะมีสิ่งใดมาทำลายได้.....แน่นอนที่สุดว่า ภูฟ้าคือดวงใจของทั้งศิวะและจอมยุทธ์....คือดวงใจดวงน้อย ที่สดใส สวยงาม บริสุทธิ์ และมีคุณค่า

น้ำเสียงที่อบอุ่นของศิวะและจอมยุทธ์ นำภูฟ้าเข้าสู่เรื่องราวในนิทานได้อย่างง่ายดาย......

นิทานเรื่องนี้เล่าถึงเจ้าชายสิงโตตัวน้อยในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ฝูงสัตว์ต่างๆเห็นว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นราชาปกครองทุ่งหญ้านี้ต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไป รวมถึงต้องสร้างความเข้มแข็งและภูมิปัญญาให้กับตนเองเพื่อทำการชิงบัลลังก์ที่น้องชายของบิดาครอบครองอยู่โดยมิชอบ....... เจ้าชายสิงโตตัวน้อย หรือซิมบ้า ต้องผจญภัยไปตามสถานที่ต่างๆ ตามแต่ละสถานการณ์เพื่อเรียนรู้วิถีแห่งการเป็นผู้นำ พร้อมกับเหล่าสหายที่จงรักภักดี เพื่อหล่อหลอมให้มีความแข็งแกร่งและเป็นราชาที่ดีในอนาคตต่อไป

นิทานดำเนินมาจนถึงท้ายเล่ม และเป็นเวลาเดียวกับดวงตาที่หวานซึ้งของภูฟ้าปิดสนิท นำเข้าสู่ห้วงนิทราที่อบอุ่นภายใต้ความรักที่เต็มเปี่ยมของคุณพ่อผู้ใจดีและคุณอาผู้ร่าเริง

เมื่อภูฟ้าหลับแล้ว ศิวะจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง และเดินเอาหนังสือไปเก็บไว้บนชั้นให้เรียบร้อย ในขณะที่จอม
ยุทธ์ก็ลุกจากเตียงนอนเช่นกัน เพื่อจัดท่านอนของหลานชายใหม่ ให้มีความสบายตัวมากขึ้น สุดท้ายจึงห่มผ้าให้อย่างเบามือ

ก่อนออกจากห้องนอน ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ก็ก้มลงไปหอมแก้มใสๆของภูฟ้า และกล่าวราตรีสวัสดิ์เบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์ครับ....ดวงใจของพ่อ”

“หลับฝันดีนะครับ...ดวงใจของอา”

******************************************

jammy

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยให้รอดพ้นเงื้อมมือพวกค้ายาบ้า หวังว่าตาภูคงจะไม่เป็นไรนะ  :impress:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

แว๊ปมารีพลายให้ ปู่แอนดี้ ( :kikkik:) ก่อง ช่วงนี้มะค่อยว่างอ่านเรย แง๊ๆๆๆ

การทำ lab ช่างโหดร้ายต่อสุขภาพเสียจิ๊งงงงง (แหะๆ ขอบ่นนิดละกันคับ)

อ่า ภูฟ้า น่าร๊ากกกกกกก :give2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
....ตาภูจ๋า....อย่าเป็นอารายเลยนะ...อาเป็นห่วง... :110011: :เชิป2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หลงภูฟ้าเข้าแล้วซิ   :-[  :-[  :-[
เหอ เหอ รักเด็ก ๆ  :laugh3:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
วันนี้ไม่รู้จะเมนต์อะไร แหะแหะ  แต่มาให้กำลังใจจ๋อมแล้วกันจ้า อิอิ  :loveu:  :loveu:  :loveu:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
น้องภูน่าร๊ากกก  :-[ ชอบไลอ้อน คิงส์ เหมือนกานเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด