"ตอนที่ 4/1"
หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้านแล้วผมก็เดินขึ้นไปบนห้องนอน กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น
“มีอะไรคร๊าบบบ เรากำลังจะอาบน้ำ เดี๋ยวเราโทรกลับได้เปล่า”ผมรับสายชายหนุ่มหลังจากที่ดูเบอร์เรียบร้อยแล้ว
“โหหหห....อะไรอ่ะ คนเค้าอุตส่าห์โทรมาหา แทนที่จะคุยสักนิดก็ไม่มี”บูมพูดน้ำเสียงน้อยใจนิด ๆ
“ก็อาบน้ำก่อนได้ไหมล่ะ เหนียวตัวมาก ๆ เลยวันนี้ นะ นะ นะ สัญญาว่าจะรีบโทรไปหาเลย นะ นะ”
ผมอ้อน เพราะรู้สึกเหนื่อยและเหนียวตัวมาก ๆ
“ก็ได้ ๆ อย่านานนะ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจ
“อืมมม.....ครับผม”ผมรับคำแล้ววางสายเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ลืมเรื่องที่จะต้องรีบโทรไปหาบูมซะสนิทเลย จนกระทั่งหลับไป
แต่แล้วผมก็ต้องตกใจตื่นเพราะเสียงมือถือที่ถูกโทรมาอย่างกระหน่ำ
“ทำไมไม่โทรมา ไหนสัญญาว่าจะโทรมาหาเราหลังจากอาบน้ำเสร็จไง เราไม่สำคัญเลยใช่ไหม ฯลฯ”
บูมใส่อย่างไม่ยั้งจนผมที่งัวเงียลุกขึ้นมารับสาย (สติยังไม่ครบเลยอ่ะ) พูดกลับไป
“ทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่า เราง่วงอ่ะ” ผมพูดโดยไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ (ก็คนมันง่วงแล้วหลับไปจริง ๆ นิ)
“.....................................” เงียบ
“มีอะไรหรือเปล่าอ่ะ” นั่นสติยังไม่กลับมาอีก ชะตากำลังจะขาดยังไม่รู้ตัวอีก
“...........................................”เงียบ อีกครับ แล้วอยู่ดี ๆ ก็วางสายไปเลย
“อะไรวะ ใครโทรมา” ผมยังคงงัวเงียไม่รู้เรื่อง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้บูมโทรมาและผมสัญญาว่าจะโทรกลับ
ผมเลยรีบโทรกลับไป
ผมพยายามต่อสายไปหาชายหนุ่มหลายครั้งแต่เค้าก็ไม่ยอมรับสายแถมยังปิดมือถือทิ้งอีก
ผมเลยต้องจำใจวางสายไปแล้วคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบโทรไปหาในตอนเช้า
หลังจากที่ผมตื่นนอนในตอนเช้า สิ่งแรกที่ผมคิดได้ ก็คือ ผมต้องรีบโทรไปหาบูมทันที
เพราะเมื่อวานสัญญาแล้วก็ไม่ได้โทรกลับ แถมพอเค้าโทรมาผมก็พูดจาอะไรไม่รู้เรื่องอีกอ่ะครับ
“บูมหรอ เมื่อคืนเราโทรไปทำไมไม่รับสาย แถมยังปิดมือถือทิ้งอีก”ผมถามทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย
“แล้วทำไมล่ะ แค่ไม่อยากคุยด้วย มีอะไรหรือเปล่า”บูมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปนโมโหนิด ๆ
“.............................”ผมอึ้งกับคำพูดที่ชายหนุ่มตอบมา
“มีอะไรหรือเปล่าเราจะรีบไปมหาวิทยาลัย”บูมยังคงเย็นชา
“เป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจอะไร เราขอโทษก็ได้นะ พอดีเมื่อวานเราเพลียจริง ๆ เลยเผลอหลับไป”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสำนึกผิด
“แล้วไง มีอะไรอีกไหม”บูมยังคงเย็นชาต่อไป
“ทำไมบูมพูดแบบนี้อ่ะ เราบอกแล้วไงว่าเราขอโทษ”ผมเริ่มน้อยใจนิด ๆ ที่ทำไมบูมไม่เข้าใจซะเลย
“แล้วไง มีอะไรอีกไหม” บูมยังคงทำเป็นไม่สนใจผมอีก
“................................................”ผมเริ่มเงียบ และน้อยใจมาก ๆ
“ถ้าเงียบเราวางแล้วนะ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับไม่มีความรู้สึก
“ตามใจ ถ้ากล้าวางก็เลิกกันไปเลย”ผมตะโกนด้วยความน้อยใจปนโมโหสุด ๆ
“...........ตื๊ด ๆ ๆ...........”บูมวางสายลงไปจริง ๆ ส่วนผมได้แต่อึ้งปนสับสน
หลังจากที่ผมวางสายจากบูม ผมรู้สึกสับสน เสียใจ และน้อยใจมาก ๆ ที่บูมทำกับผมแบบนี้
วันนี้ผมจึงไปเรียนด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับมาก ๆ
“ไงไปทะเลาะกับใครมาอีกล่ะ ท่าทางแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทะเลาะกับใครมา”
ไอ้โบทักผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหาที่ห้องสมุด
“เออ อย่าพูดได้ป่ะคนกำลังอารมณ์ไม่ดี”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย
“นั่นไงจี้ใจดำเลย”ออฟล้อ
“เออ อย่าพูดได้ป่ะ ช่างมันเหอะ”ผมพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะ ทะเลาะกันได้ทุกวันคู่นี้”ไอ้โบบ่น
“ก็คิดดูดิเมื่อวานกว่าเราจะกลับถึงบ้าน เราก็เหนื่อยแล้วใช่ป่ะ ง่วงด้วย บูมโทรมาแล้วเราว่าเดี๋ยวเราจะโทรกลับไปหา
แต่เราดันเผลอหลับอ่ะดิ พอเค้าโทรมาเราก็ยังงัวเงีย ๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเค้าเลยปิดโทรศัพท์มือถือหนีไปเฉยเลย”
ผมระบายความอัดอั้นออกมา
“แกก็โทรไปง้อเค้าหน่อยดิ”ออฟพยายามหาทางช่วย
“ก็เราโทรไปแล้วเค้าก็ปิดมือถือหนี วันนี้โทรไปเค้าก็ไม่ยอมพูดด้วย
จนเราทนไม่ไหวเพราะเค้าพยายามตัดบทไม่ยอมคุยเราเลย เราเลยโมโหว่าเค้าไปว่าถ้าวางหูเลิกกันไปเลยนะ
เค้าก็วางหูไปเฉยเลย คิดดูดิ”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย
“หา......แกจะบ้าเหรอโย ทำไมแกไปพูดแบบนั้น ปกติแกไม่น่าจะพูดแบบนี้นิ”ออฟพูดอย่างตกใจ
“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะออฟ อาจจะเป็นเพราะเราโมโหด้วยมั้งที่เค้าพูดไม่รู้เรื่อง”ผมพยายามหาข้อแก้ตัว
“ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหน เป็นใครถ้าเอาเรื่องเลิกไม่เลิกมาขู่ เป็นใครๆ ก็โกรธทั้งนั้นแหละ
ทางที่ดีแกไปขอโทษเค้าเลย”ไอ้โบสนับสนุนความเห็นของออฟ
“เราก็ว่าแบบนั้นด้วย รีบไปเหอะ”กายก็สนับสนุนออฟกับโบเช่นกัน
“ไม่.......เราจะไม่ไปขอโทษ เพราะเราไม่ผิด อาจจะผิดที่เราพูดแรงไปหน่อย แต่ทำไมเค้าไม่พยายามเข้าใจเราบ้างล่ะ
เราก็เหนื่อยเป็นนะ แถมเราก็โทรไปง้อก่อนแล้วด้วย เราไม่สนใจละ ไปเรียนดีกว่า”
ผมไม่สนใจคำเตือนของพวกเพื่อน ๆ ผม แล้วลุกจากโต๊ะเดินนำไปที่ห้องเรียน ซึ่งเพื่อน ๆ
ผมได้แต่ส่ายหน้าในความดื้อรั้นของผมในครั้งนี้
ผมเดินผ่านเพื่อน ๆ ของบูมขณะที่กำลังจะเข้าไปในห้องเรียนซึ่งผมก็ยิ้มทักทายปกติ
ผิดกับคุณชายบูมที่ทำตัวเย็นชาเหมือนกับผมไม่มีตัวตนอย่างงั้นแหละ
ยิ่งบูมทำแบบนี้ผมยิ่งหมั่นไส้ เลยแกล้งทำเป็นไม่สนบ้าง......
ตลอดคาบเรียน เพื่อน ๆ คงจะสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างผมกับบูม
เพราะ ผมกับบูมต่างไม่มองหน้าไม่พูดกันเลยตลอดทั้งคาบ
จนทำให้ กลุ่มเพื่อน ๆของผม เพื่อน ๆของบูม และกลุ่มของแพทที่ตอนนี้พวกเราจับกลุ่มนั่งใกล้กัน
ต่างก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก (มีเฉพาะ กลุ่มเพื่อนผม กับแพทเท่านั้นที่รู้เรื่องผมกับบูม
ส่วนคนอื่นจะรู้แค่ว่า ผมกับบูมสนิทกันมากเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน)
แม้ว่าผมกับบูมจะไม่พูดกัน ไม่มองหน้ากัน แต่จริง ๆ แล้ว เราสองคนต่างก็แอบมองอีกฝ่ายนึงเสมอ
เพราะหลายครั้งที่สายตาของผมกับบูมต่างก็มาประสานกันพอดี
แต่ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่คอยหลบตาแกล้งมองผ่านไปทางอื่น
(ผมนั่งเก้าอี้เยื้อง ๆกับบูม ซึ่งนั่งหน้าผมไปแถวนึงแต่ถัดไปทางซ้ายมืออีกตัวนึง
แล้วไอ้ที่ตามาผสานกันเนี่ยเค้าแกล้งหันหลังกลับมาคุยกับไอ้โบ โธ่เอ๊ยยย...รู้หรอกน่า)
เรานั่งเรียนแบบนี้จนกระทั่งหมดคาบเรียน พวกเพื่อน ๆ ผมเลยชวนทุกคนไปโยนโบว์ลิ่งและทานอาหารด้วยกัน
เพราะวันนี้พวกเราไม่มีเรียนแล้ว ซึ่งทุกคนก็ตกลง และนัดแนะกันไปที่ห้างเมเจอร์รัชโยธินเพราะใกล้บ้านเพื่อน ๆ หลายคน
และก็เป็นไอ้โบกับแพทอีกนั่นแหละที่จัดแจงใช้ให้ผมกับบูมไปหาซื้อถุงเท้ามาเผื่อทุกคน
เพราะถ้าไปซื้อที่นั่นจะแพงกว่ามากเพราะพวกผมไปกันหลายคน
(ทำไมต้องเป็นผมกับบูมก็ไม่รู้ ทำไมคนจะโกรธกันมั่งไม่ได้หรือไง)
ผมกับบูมเลยอยู่ในสภาพยอมจำนน และต้องไปหาซื้อถุงเท้า
ทั้ง ๆ ที่ไปแวะซื้อเอาที่ห้างก็ได้ ผมเลยต้องออกมากับบูมสองคน ส่วนที่เหลือก็ไปด้วยกัน
บูมรีบเดินนำผมไปโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผมกำลังนับคนอยู่ว่ามีกี่คนจะได้ซื้อถุงเท้ามาครบ
พอผมนับเสร็จ บูมก็เดินไปตั้งไกลละ ผมเลยต้องรีบเดินตามให้ทัน (ทีใครทีมันนะ)
จนกระทั้งมาถึงรถของบูมที่ตอนนี้ชายหนุ่มสตาร์ทรถและจอดรออยู่แล้ว ผมเลยต้องเดินขึ้นไปบนรถอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ตลอดทางผมไม่พูดกับบูมเลย และไม่มองหน้าเค้าด้วย
จนเราสองคนต่างก็อึดอัด บูมเลยขับรถเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนผมทนไม่ไหว........
“จะรีบไปไหน รังเกียจเรามากหรือไง ทำไมต้องรีบอย่างงั้นด้วย”
ผมถามอย่างเหลืออดจนคนที่กำลังขับรถชะลอความเร็วลงและยิ้มที่มุมปากอย่างผู้มีชัยที่ผมต้องยอมพูดก่อน
“หา....ถามไม่ได้ยินหรือไง จะเอายังไงก็ว่ามาเลย”ผมชักจะเหลืออดแล้วนะมาเล่นจิตวิทยากับผม
“..............................................”ชายหนุ่มเงียบอีกครั้ง ยิ่งทำให้ผมเหลืออด
“เงียบใช่ไหม นี่.........................”ผมบิดไปที่เอวชายหนุ่มอย่างแรงจนอีกฝ่ายต้องร้องออกมา
“โอ๊ยยยยยยยยยยยย........เจ็บนะโว๊ยยยย”บูมร้องออกมา
“เจ็บก็อย่ากวนสิวะ โมโหเหมือนกันนะโว๊ยยย จะเอาไงก็ว่ามาเลย” ปกติผมไม่เคยพูดกับบูมแบบนี้เลย ทำให้บูมอึ้งไปเล็กน้อย
“…………………”ชายหนุ่มเงียบพลางลูบเอวไปพลาง
“ตกลงจะเอายังไง ถ้าไม่ชอบกันก็อย่ามามองหน้ากัน จะได้ตัดใจกันไปเลย”ผมพูดอย่างมีน้ำโห
“ทำไมเอะอะๆ คำก็เลิก สองคำก็เลิก ตกลงโยอยากจะเลิกกับเรานักเหรอไง”
บูมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซีเรียสและดูจริงจังมาก...........
จบตอนที่ 4/1 แล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ช่วงนี้ต้องรีบ ๆ เข้ามาต่อเรื่องให้.....อิอิ
****************************************************