เรื่องนี้ผมกอปปี้มากจากที่อื่นอีกทีนะครับผม บอกกันไว้ก่อนตอนที่ 7 ความรัก และ ทางเลือก
“ชั้นรู้ว่า เธอกับลูกชายชั้น ชั้นหมายถึงทสน่ะ แหมชั้นไม่อยากพูดเลย พวกเธอทำไปได้ยัง เรื่องแบบนี้ เธอเองก็ดูไม่น่าจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้ บอกฉันซิ พวกเธอทำไปได้ยังไง” แม่ทสพูด ผมนิ่งเงียบครู่หนึ่งเพราะไม่รู้จะปรับอารมณ์ยังไงดี ธรรมดาผมหัวแข็งและไม่ยอมคนอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะมาผมใคร่ควรดูแล้ว ว่าควรทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอมาเจอเข้าจริง ผมถึงกับนึกคำพูดไม่ออก “คุณแม่ถามไม่ได้ยินเหรอ....หูหนวกรึไง” นกตวาดเสียงแหลม
ด้วยความรู้สึกไม่พอใจเป็นทุนเดิม พอได้ยินน้ำเสียงที่บาดโสตประสาท สายตาผมที่มองแก้วน้ำอยู่ก็ตวัดขึ้นมาองหน้าเจ้าของเสียงนั้น “ได้ยิน ผมไม่ได้หูหนวก แต่ผมไม่รู้จะตอบได้ยังไง คำถามที่คุณแม่ถามผม มันยากไป” ผมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะพยาพยามทำได้ “ดี งั้นชั้นจะถามเธออีกครั้งนะ เธอต้องการอะไรถึงได้มาเกาะแกะลูกชายชั้น” แม่ของผู้ชายที่ผมรัก ถามผมด้วยน้ำเสียงและคำพูดที่บ่งบอกเหมือนผมเป็น ตัวหมัด เห็บ เหา หรือตัวไร หรือเลวไปกว่านั้นก็คงเป็น ปลิงควาย ไปเลย “ทีแรกผมก็ไม่ต้องการอะไรหรอกครับ แต่ถ้าพูดตอนนี้ผมจะบอกไม่ต้องการก็คงไม่ใช่ เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าผมต้องการอะไร แต่พอได้อยู่กับทสมาสองปีกว่าๆนี้ ผมก็ได้รู้ความต้องการของตัวเอง ถ้าผมพูดออกไป คุณแม่จะให้ผมได้มั้ยล่ะครับ” ผมตอบแบบร่ายยาว “คุณแม่คะ คนอย่างงี้จะต้องการอะไร ถ้าไม่ต้องการแค่ผู้ชายไปปรนเปรอ ก็คงต้องการเงิน เอางี้แล้วกัน เธอต้องการเงินเท่าไรถ้าจะเลิกกะทส ชั้นจะจ่ายให้เอง.....แสนนึงพอมั้ย” นกแทรกขึ้นก่อนที่แม่ของทสจะทันได้พูด “แสนนึงคงไม่พอมั้ง เพราะธรรมดา ผมก็ใช้เดือนละหมื่นกว่าๆ อยู่แล้ว คุณนกนี่ ท่าจะใช้เงินฟาดหัวคนอื่นบ่อยจนเคยตัวนะครับเนี่ย” ผมพูดคืนเพราะหมั่นไส้ (ในความเสือกสะแหล๋น ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่เคยทำให้ทสเกือบเสียคน ผมคิด) “เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอก็ระดับปัญญาชน เรียนปี 4 เทอมสุดท้ายแล้วนี่นา คงจะคิดมาก่อนว่าชั้นต้องการอะไรถึงเรียกเธอมาวันนี้ หรือไม่ก็เห็นแก่ครรลองคลองธรรมก็ยังดี เธอไม่มีทางมีความสุขแน่ ถ้าอยู่กันอย่างนี้ ทสเองก็เหมือนกัน ยังไงเธอก็ต้องเลิกกะเค้า เธอเข้าใจใช่มั้ย” แม่ทสยื่นคำขาด ที่แทบจะทำให้ผมขาดใจ
“ความสุขเหรอครับ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ผมก็ว่าผมมีนะครับ มีมากด้วย ก็ก่อนที่นกจะมาหาผม แล้วก็ก่อนที่คุณแม่จะเข้ามาในชีวิตผมไงครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยาก ให้มีวันนี้ด้วยซ้ำ ผมกับทสคงมีความสุข แบบที่บรรยายไม่ถูกเลยล่ะครับ ถ้าคุณแม่เรียกผมมาแค่เรื่องนี้ละก็ ผมก็จะบอกคุณแม่เลยนะครับ ผมระดับปัญญาชน ดังนั้นผมคงจะต้องคิดและตัดสินใจเองว่าจะอยู่หรือจะไป ผมคงไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกแล้วเอาหญ้าล่อให้เดินไปตามทางที่เค้าต้องการหรอก (อันนี้ผมไม่ได้ตั้งใจว่ากระทบแม่ของทสนะครับ จริงจริ๊ง) ถ้าคุณแม่เรียกผมมาฟังความต้องการของคุณแม่ละก็ผมก็ฟังให้แล้วนะครับ แต่ถ้าจะให้ผมสนองความต้องการละก็ มันมากเกินไป ผมคงทำให้ไม่ได้ อย่าลืมนะครับ ทส กับคุณแม่ คนละคนกัน ผมจะทำให้สิ่งที่ผมคิดว่าดีแล้วเท่านั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมยังมีเรื่องที่มีสาระอีกมากมายที่ต้องทำ” ผมพูดเสร็จก็ยกมือไหว้ แล้วเดินออกจากที่นั่นทันที แล้วนกก็พูดตามหลัง “ ต่อไปนี้แกจะไม่มีวันมีความสุข แกคอยดู” โอ้โห ทำได้เหมือนตัวอิจฉาในหนังเป๊เลย
จริงๆ นกไม่ต้องพูดก็ได้ ผมไม่มีความสุขอยู่แล้วในตอนนี้ เหมือนกับความทุกข์ทั้งหมดมันมาทับถมที่ใจผมคนเดียว จะเล่าใครฟังก็ไม่ได้ มีเพียงคนเดียวที่ให้คำปรึกษาผมมาตลอด พี่นุ ตอนนี้พี่นุไปเรียนต่อนที่ออสเตรเลียได้ 2 ปีแล้ว(เรียนที่นี่จบก็ไปต่อโทเลย) พี่นุให้ผมคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ทั้งสังคม และผมกระทบที่จะตามมา พร้อมทั้งให้กำลังใจ แนะนำการปรับตัวมากมาก ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก
วันนั้น หลังจากที่ทสกลับจากเลิกเรียน ผมชวนทสไปตั้งแคมป์ที่เขาใหญ่ (เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์) เราจัดของเสร็จก็ไปนั่งรถ ราชสีมา-กรุงเทพฯ ไปลงที่ปากช่อง แล้วเช่ารถไปเขาใหญ่ เราเช่าเต้นท์ 600 บาท แล้วก็ขับไปที่ที่จัดให้ตั้งเต้นท์ เราตั้งเต้นท์ห่างจากคนอื่นพอสมควร (ก็เวลาเรามีอะไรกันเราไม่อยากให้ใครได้ยิน) ทสเป็นคนตั้งเต้นท์ ส่วนผมก็จัดที่ทางทำอาหาร หลังจากกินอาหารเสร็จเรานั่งมองบรรยากาศรอบๆ เพราะเป็นคืนเดือนหงาย เราจุดเทียนที่เตรียมไปเท่านั้น เราคุยกันสรรพเพเหระ อย่างมีความสุข จนเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ผมดับเทียนแล้วก็ชวนทสเข้านอน ทสทำหน้าทะเล้น แล้วเข้ามาจูบปากผมทันที ผมก็จูบตอบ สักพักเราเริ่มหายใจแรงขึ้น ผมจึงผลักทสออก มองซ้ายขวาสำรวจรอบข้าง แล้วมุดเข้าเต้นท์ก่อน ทสหัวเราะ แล้วรีบตามเข้ามา แล้วถอดเสื้อนอนลงข้างผม “น้ำว่าทสเซ็กซี่มั้ย” ทสพูด แล้วก็เปิดไฟฉายนีออน ผมหันมามองเห็นทสทำท่าเหมือนนายแบบในแมกกาซีน โดยยกมือไปหนุนหัว โชว์รักแร้ที่มีขนพอให้ดูแมนๆ หน้าอกที่มีกล้ามและไรขนนิดหน่อย หน้าท้องที่มีแพ็คลอนของกล้ามหน้าท้อง ทั้งยังไรขนที่ไล่ลงไป ในที่ลับ กางเกงยีนส์ที่ปลดเข็มขัด และรูดซิปเผยให้ กกน. สีขาวแบรนด์ดังทีผมซื้อให้ ธรรมดาทสก็เซ็กซี่อยู่แล้ว (อันนี้ผมไม่ได้พูดเอง เพื่อนผมบางคนมันพูดตอนนั่งกินข้าวน่ะ ทั้งเพื่อนผู้หญิงผู้เกย์เลย แต่มันไม่รู้ว่าผมกะทสอยู่กินกันฉันท์คู่รัก ทสเองก็ไม่ค่อยพูดคุยกะใครอยู่แล้ว) ยิ่งมาทำท่าและสีหน้าอย่างนี้ มันทำให้ผมเกิดอารมณ์ อย่างอยากที่จะควบคุม “อืมก็พอดูได้” ผมแกล้งตอบ แล้วเอาบ้าง ผมถอดเสื้อและกางเกงออก แล้วเอามือยีหัวตัวเองให้ฟูจากนั้น เอาผ้ามาปกตัวนิดหน่อย แล้วนั่งแยกขา เอามือกุมผ้าปิดบริเวณเป้าให้พอหลุดลุ่ย แล้วเผยอปาก ถามทสบ้างว่า “แล้วทสคิดว่าน้ำ พอจะ เซ็กส์ซี่ บ้างมั้ยอ่ะ....” แล้วปรือตามองมาที่ทส (จริงๆก็อายอยู่นะ ใช่ว่าจะเคยทำอย่างนี้มาก่อน) ทสไม่ตอบ ลุกพรวดขึ้นมากอดปม แล้วโถมลงพร้อมทั้งผม ไซร้เข้าที่ซอกคอผม แล้วเลียเล็มมาถึงติ่งหู พูดว่า “ห้ามทำอย่างนี้กะใครนะ...รู้มั้ยน้ำทำงี้ ทส ยิ่งอยากกลืนกินน้ำเข้าไปทั้งตัวเลย น้ำจ๋า” ผมแทบอ้วก แต่ก็ชอบนะ เพราะผมรู้ว่ามาจากใจจริงของทส ก็ทสเป็นคนไม่ค่อยพูด ดังนั้นเวลาที่ทสพูด จะเป็นไปตามที่ใจเค้าคิด ทสเริ่มจูบเข้ามาที่ใบหน้าผม และมาหยุดที่ปากผม มือก็ขยำอยู่ที่สะโพกผม เราเริ่มคราง ผมพลิกตัวขึ้นบนตัวทส แล้วคลำไปที่เป้ากางเกงทส แล้วพูดว่า “ไหนดูสิว่า ตรงนี้ทำไมชอบทำอันตรายน้ำ นัก” ผมคลำแล้วบีบ ทสร้องอู้ แล้วพลิกตัวผมลง ทสถอกกางเกง พร้อม กกน. ตอนนี้Kของทส มันผงาดพร้อมปฏิบัติการแล้ว “โอ๋ๆ ไม่ต้องดีใจนะจ๊ะ คิดถึงใช่มั้ย ถึงได้ผงกหัวดีใจอย่างงี้” ผมพูดพรางอื้มมือไปรูดหัวKของทส “รักทส หรือรักมันมากกว่ากัน” ทสถามผม ผมตอบ “ ก็ไม่รู้นะ ...ทสก็ลองแยกมันออกจากตัวทสดูสิ แล้วน้ำจะตอบให้” ทสไม่พูดต่อ ฉกลิ้นเข้าที่รูผม ทสทำได้อย่างยอดเยี่ยม สักพัก ทสก็กลับหัวมา 69 กับผม ผมลามเลียอยู่รอบๆ ทั้งไข่และหมอย ซอกขา จนทสทนไม่ไหว เรียกร้อง “โอย ..ที่รัก อย่าทรมานกันสิครับ” ผมจึงครอบปากเข้าที่Kอันมโหฬารนั้น แล้วอมค้างนิ่ง สังเกตว่ามันเต้นตุ๊บในปาก แล้วก็ค่อยรูดเข้าออก จากช้าเป็นเร็ว ทสครางฮือ ๆ ฮึมๆ ในลำคอ ดูดของผม และมือก็แยงเข้ารูที่เยิ้มฉ่ำจากน้ำลายเมื่อครู่ เสียงจิ้งหรีด เรไร และนกกลางคืน ร่ำร้องอยู่ด้านนอก แต่เราหาสนใจไม่ ตอนนี้มีเพียงความเสียวซ่านที่ทสมอบให้เท่านั้น ในตอนนี้สำหรับผม แล้วทสก็กลับแล้วพลิกตัวผมลง พูดว่า “น้ำ ทสทนไม่ไหวแล้ว ขอเลยนะ” ผมยังไม่ทันพูดอะไร ทดก็เอาKจ่อ แล้วเสียบพรวดเข้ามา ผมคราง “ฮ๊า.... เบาก่อนนะทสสสสส ” ทสจึงแช่ไว้ก่อนสักพัก ทสจึงค่อยๆ ควง ความเสียวซ่านทำให้ผมครางไม่ได้ศัพท์ แล้วทสก็ทาบทับลงแผ่นหลังผม พูดว่า “ทสรักน้ำนะ รักน้ำนะ” แล้วทสก็เริ่มรัวก้น ยิกๆ ผมเสียวมาก ท่านี้เราไม่คอยได้ใช้เท่าไรนัก แต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปทำให้เราได้อารมณ์มากขึ้น ผมเสียวถึงกับกระฉูดออกมาเลย ทส ก็ตามผมมาติดๆ เสร็จแล้วเราใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาด(ก็เดี๋ยวฝูงมดจะมานอนด้วยอ่ะ) แล้วทสทำท่าจะนอนทั้งยังงั้น ผมเลยเอากางเกงบอลส่งให้บอกทสว่าเราควรสวมเสื้อผ้า เผื่อตอนเช้าจะมีคนมาจะได้ไม่อาย ทสก็ทำตามโดยดี แล้วเราก็นอนหลับในอ้อมกอดของกันและกัน
วันอาทิตย์ตอนบ่ายเรากลับมาจากเขาใหญ่ พอมาถึงห้อง ผมก็เอาเสื้อผ้าของเราใส่เครื่องซัก พอเดินกลับมาโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นกโทรมา ขอคุยกะทส ผมจึงเรียกทสมาคุย แล้วผมก็หลบไปด้านหลังห้อง(คิดว่าไม่ได้ยินจะสบายกว่า) สักครู่ ทสก็เขามากอดผมจากด้านหลัง หอมแก้มผมฟอดใหญ่ บอกผมว่าแม่ไม่สบายให้กลับบ้านด่วน ผมรู้ได้ทันทีว่านี่อาจเป็นแผนแยกผมกับทส แต่ผมก็ให้ทสไป ทสกลับบ้านไปทันทีในเย็นวันนั้น วันนั้นผมนอนคนเดียว ประมาณ 2 ทุ่ม ผมกระวนกระวายจึงหยิบแจ๊คเกตออกมานั่งที่สวนสาธารณะที่เคยนั่ง วันนี้ผมได้เจอกับชายคนเดิมที่เคยเจอ เราคุยกันถูกคอมาก เค้าบอกผมว่าเค้าชื่อ สตีฟ เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แต่ผมว่าเค้าพูดไทยได้ชัดมาก เค้าก็บอกว่าเค้าใช้ภาษาไทยเป็นประจำ เค้าถามผมว่าผมเรียนที่ไหน ผมก็บอกเค้าไป แล้วเค้าก็ถามเรื่องการเรียน ผมก็บอกเรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เค้าหน้าตาดีพอสมควร แต่ผมไม่อาจชอบใครได้อีกแล้วในเวลานี้ (ถ้าเป็นใครก็คงเหมือนผม) ผมคุยพอสบายใจ ผมก็ขอตัวกลับ ห้อง แล้วนอนหลับไป
รุ่งเช้าทสยังไม่กลับมาผมเลยออกไปเรียนก่อน ผมไปถึงก่อนเวลาเรียนประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผมเลยไปหาข้าวเช้าทานก่อน ผมกำลังทานข้าวและคิดอะไรเพลินๆ ก็มีชามก๋วยเตี๋ยววางตรงหน้าและผมก็ได้สติกลับคืนมา ทสนั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เราทานข้าวที่ ม. ด้วยกัน ผมสังเกตเห็นทสท่าทางซึมเศร้า ผมก็เลยยิ้ม แล้วมองตาทส ทสก็ยิ้มตอบ ผมพูดเบาๆ ว่า “ทส น้ำรักทสนะ น้ำกล้าที่จะบอกแก่ทุกๆ คนแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน อย่างที่ทสเคยขอแล้วนะ” ทสยิ้ม ไม่พูดอะไร เสียงเพลงตอนเช้าที่ทาง ม.เปิดกระจายเสียงก็ดังขึ้น “ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อมไปด้วยกัน .........” เป็นเพลง โบว์ สุนิตา ผมกลับทส ยิ้มอีกครั้ง แล้วผมก็ทำหน้าทะเล้น ทส เบิ๊ดกระโหลกผม ผมบีบจมูกทส วันนั้น เพื่อนๆ ที่เห็นพากันแปลกใจ ผมก็บอกไม่มีอะไร แต่ท่าทางเพื่อนไม่เชื่อ ผมก็ไม่สนใจเพื่อนๆ เพราะถ้าเค้าเป็นเพื่อนผม เค้าต้องยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น
ผมกับทส ใช้ชีวิตร่วมกันจน จะจบปีการศึกษา แล้ววันหนึ่งขณะที่ผมกับทสกำลังทานข้าวกลางวันกันอยู่ อาจารย์ที่ปรึกษาก็เรียกตัวผมเข้าพบ ผมก็รีบไป พอเข้าไปในห้อง ผมก็ได้เห็น สตีฟ นั่งอยู่ที่ชุดโซฟารับแขก อาจารย์พูด “นาย#### (สมมตินี่ชื่อผม)นี่คุณ สตีฟ” ผมยกมือไหว้ สตีฟเอ่ยขึ้น “เรารู้จักกันแล้ว” อาจารย์ได้ยินดังนั้นเลยพูดว่า “ดีเลย ที่เรียก #### มาก็เพื่อจะบอกว่า คุณสตีฟ เค้าพอใจในความประพฤติของเธอ แล้วก็ดูผลการเรียนของเธอแล้ว บริษัทของคุณสตีฟ จะเสนอทุนให้เธอไปเรียนต่อที่อเมริกาหลังจากที่เธอจบจากที่นี่แล้ว โดยจะมีที่พักให้เธอที่นั่น พร้อมค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็น การเรียนที่นั่นจะเริ่มในเดือนตุลา ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจบจากที่นี่ไปเล้ว 5 เดือน เธอจะว่ายังไง” ผมอึ้งอยู่ กึ่งดีใจ กึ่งประหลาดใจ what is it? อะไรกันนี่ ผมเลยตอบอาจารย์ และสตีฟว่า “ผมขอขอบพระคุณคุณสตีฟ และอาจารย์เป็นอย่างมากนะครับ ที่ให้โอกาสผม แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ ผมขออนุญาต ปรึกษาผู้ปกครองก่อนได้มั้ยครับ” อาจารย์และสตีฟได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มพร้อมกัน สตีฟ พูดว่า “เห็นมั้ย ผมว่าแล้วว่าเด็กคนนี้ มีความคิด ถ้าเป็นเด็กคนอื่นเค้าคงรีบรับไว้ทันทีเลย เอาล่ะ น้ำ เธอกลับไปปรึกษาครอบครัวเถอะนะ ยังมีเวลาอีกนาน” ผมตอบ “ครับ ขอบคุณ นะครับ” พรางยกมือไหว้ แล้วผมก็ขอตัวออกมา นั่งเรียนไปตามปกติ
และก็เรียนจบ ผมกับทสยังคงใช้ชีวิตเป็นคู่รักกันเรื่อยมา ทสเริ่มหางานทำ ผมก็เช่นกัน แต่ในใจยังไม่ลืมเรื่องที่อาจารย์เรียกไปคุยในวันนั้น ทสได้งานทำที่โรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่ง ส่วนผมได้งานทำเป็นนักวิชาการที่สถาบันแห่งหนึ่ง เราใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แล้ววันอาทิตย์เวลาสายๆ วันหนึ่ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น “น้ำ นี่แม่ทสนะลูก” เสียงของแม่ทส หวานจนขนลุกและวิธีการพูดก็แปลกไป “น้ำจ๊ะ ....แม่อยากคุยกับน้ำนะ มาที่โรงแรมเดิมเวลาบ่ายโมงนะลูกแม่จะรอ…อ้อ...อย่าบอกทสนะจ๊ะ” แล้วก็วางสายทันที ผมอึ้ง อีกครั้งที่ผมต้องอึ้งกับคนตระกูลนี้ จะมีคนปกติบ้างมั้ยเนี่ยแล้วก็ชำเลืองมองทสนิดนึง (ยังไม่ตื่น เมื่อคืน 3 รอบ) คิดอยู่ว่าจะบอก ทสดีมั้ย แล้วก็ตัดสินใจไม่บอกดีกว่า แล้วผมก็ไปอาบน้ำ แต่งตัวที่ในชุดที่ดูเรียบร้อย แล้วนั่งที่ขอบเตียงมองดูทสที่นอนคว่ำเปลือยกาย หายใจอย่างผ่อนคลาย มันแสดงให้เห็นว่าเค้าคุ้นเคย เป็นกันเอง อบอุ่นและวางใจเมื่อได้อยู่ที่นี่กับผม ผมมอง ใบหน้าที่คุ้นเคย ไรหนวดที่มากขึ้น ร่างกายที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีแทบทุกตารางนิ้ว ผมยิ้ม แล้วก็ดึงผ้ามาปกปิดร่างนั้น ผมก้มลงหอมแก้มคนรักอย่างแผ่นเบา แล้วลุกขึ้น เดินออกมาจากห้อง
บ่ายหนึ่ง 15 นาที ผมมาถึง โรงแรมที่แม่ทส นัดไว้ ผมเดินไปนั่งที่ชุดโซฟาที่แม่ทดนั่งรอ วันนี้แม่ทสแต่งกายด้วยชุดลูกไม้สีขาว และประดับด้วยเครื่องมุกที่คอและข้อมือ เธอทำผมทรงใหม่ เป็นทรงที่ดูแล้วนึกถึงอาจารย์ยิ่งศักดิ์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร) ผมนั่งลง ยกมือไหว้แล้วยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นตรงๆ “คุณแม่เรียกผมมาคุยเรื่องของทส เหรอครับ” แม่ทสสีหน้าเจื่อนไป แล้วกระพริบตาถี่ๆ พูดว่า “น้ำ มีพ่อแม่มั้ยลูก” คำพูดนี้ทำให้ผมเดาสถานการณ์ได้ยากขึ้น “มีสิครับ คุณแม่ถามอย่างนี้ ต้องการอะไรเหรอครับ” ผมพูด “แล้วน้ำมีพี่น้องมั้ยลูก” แม่ทสยังคงยื่นคำถามต่อไป “มีครับ เป็นพี่ชายอีกหนึ่งคน” ผมตอบ แล้วพูดต่อ เพราะไม่อยากให้แม่ทสถามอีกว่า “ตอนนี้พี่ชายผม เค้าเพิ่งเรียนจบโทรจากเมืองนอก เค้ามีภรรยาและลูกแล้ว เป็นลูกชาย 2 คน คุณแม่จะถามอะไรเกี่ยวกับครอบครับผมอีกมั้ยครับ” “แหม น้ำจ๊ะ พ่อแม่ของน้ำก็มีลูกต้องสองคน แถมมีคนสืบทอดทายาทแล้ว ก็พอจะวางใจแล้วนะ แต่แม่มีลูกชายแค่ทสคนเดียว เป็นลูกคนเดียวของตระกูล น้ำคงเดาออกว่าแม่จะพูดอะไรต่อไปนะ” แม่ทส พร่ำออกมา ผมได้ยินก็เลยตอบไปว่า “คุณแม่จะให้ผมเลิกกะทส แต่ผมอยากให้คุณแม่พูดเรื่องนี้กับทส เพราะเป็นแม่ลูกกัน ถ้าทสยินดีที่จะไปจากผม ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ผมบอกคุณแม่ตรงนี้ ว่า ผมรักทส ถ้าคุณแม่เคยรักใครจริงๆ คุณแม่คงเข้าใจผมกับทสนะครับ” แม่ทสยิ้มที่มุมปาก “จะมีรักไหน ยิ่งใหญ่ไปกว่ารักที่แม่มีต่อลูกล่ะน้ำ ที่แม่พยายามทำทุกอย่างตอนนี้ก็เพื่อทส แม่ต้องยอมมาให้น้ำใช้คำพูดยอกย้อนเพราะแม่รักทส แม่พยายามดึงทสเข้าสู่ทางที่สังคมยอมรัก เพราะแม่รักทส แม่พยายามสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคงก็เพื่อทส แม่พยายามหาภรรยาที่ดีให้กับทสก็เพื่อทส แม่คนนี้ล่ะที่คลอดและเลี้ยงดูทส แม้ยามป่วยไข้ จนทสโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ทสกลับเห็นความรักที่เพิ่งได้มาจากน้ำสำคัญกว่าอีแก่คนนี้ คิดดูนะน้ำ แม่ทำให้ทสทุกอย่างล้วนแต่ดี มีอนาคต ทั้งสิ้น แต่ถ้าน้ำกับทสยังอยู่กันอย่างนี้ คนอื่น เอาง่าย แค่ที่ทำงานทสรู้เข้า ทสก็ไม่เจริญแล้ว อ้อ คิดดู อีกทีนะ น้ำเคยทำอะไรให้ทสบ้าง ตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมา ตอนนี้ถึงเวลาแล้วนะ ถึงเวลาที่น้ำจะทำเพื่อทสคนที่น้ำใช้เพียงปากพร่ำบอกว่ารักเท่านั้น ทำเพื่อเค้า ทำเพื่ออนาคตเค้า ให้เค้าได้กลับเข้าสู่เส้นทางคนปกติ นะน้ำ นะลูก แม่ขอร้อง” โอ้โห ผมไม่รู้ว่าแม่ทสซ้อมบทนี้นานมั้ย แต่มันทำให้ผมได้คิด ผมอึ้งในคำพูดเหล่านี้ หัวผมประมวลภาพตามที่แม่ทสพูดมาทั้งหมด ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมลุกขึ้นทันที มองหน้าแม่ของทส แล้วหันหลังเดินออกมาจากที่นั่นทันที รถยนต์ของผมที่เพิ่งซื้อได้ไม่นานหลังจากเรียนจบ ถูกสตาร์ทเครื่องและขับออกมาจากที่นั่นทันที ในใจผมคิดถึงคำที่แม่ทสพูดตลอดทาง ผมกลับมาถึงห้อง(ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่หอแล้ว ผมย้ายมาอยู่ อพาร์ทเม้นท์ซึ่งใกล้ที่ทำงาน) ผมจอดรถที่โรงรถแล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้องทันที ก๊อกๆ....ผมเคาะประตูห้อง ทสเปิดออกมารับ มีผ้าขนหนูพันกายอยู่ ทสยิ้มเมื่อเห็นหน้าผม ผมก็แกล้งยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มี แล้วไปนั่งที่เตียง ทสมานั่งข้างๆ แล้วหอมแก้มผม ผมบอกให้ไปอาบน้ำ ทสทำอิดออด อ้อนจะไม่อาบ ขออาบตอนเย็นทีเดียว ผมทำตาดุ ทสจึงไป
พอทสไปอาบน้ำ ผมโทรศัพท์ไปหาอาจารย์เพื่อติดต่อขอรับทุนที่เคยคุยไว้ อาจารย์ให้ผมไปพบที่ ม. ผมไปที่ ม. คุยกับอาจารย์แล้วผมก็บอกอาจารย์ว่าผมยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ผมอยากรู้ว่ายังเหลือเวลาที่ผมตัดสินใจอีกเท่าไร อาจารย์ก็บอกผมว่าเหลืออีก 2 อาทิตย์ แล้วให้ที่อยู่ติดต่อกับสตีฟ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ ผมบอกว่าผมจะกลับบ้าน ทสบอกไปด้วยไม่ได้ ต้องเข้ากะ เพราะทำงานที่โรงพยาบาล ผมขับรถกลับบ้าน แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับทสให้แม่กับพ่อฟัง พ่อกับแม่ได้ฟังเรื่องราวจากปากผมทั้งหมด แล้วก็ยิ้ม บอกว่าพี่นุเคยพูดให้ฟังแล้ว พ่อก็บอกว่า “ไม่ว่าลูกของพ่อจะเป็นอะไร เป็นยังไง พ่อกับแม่ก็รักลูกเสมอ ขอให้ลูกมีชีวิตที่มีความสุขและเป็นคนดีของสังคม พ่อก็ดีใจหายห่วงแล้ว และพ่อขอบอกเลยนะ น้ำ ในชีวิตของพ่อกับแม่ที่อยู่มาจนแก่เฒ่าทุกวันนี้ ไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้พ่อแม่ภูมิใจเท่ากับการที่มีลูกอย่างน้ำ และนุ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจในความรักของลูกนะ” เมื่อได้ยินพ่อพูด ผมถึงกับน้ำตาไหล ตื้นตันเป็นที่สุด ไม่มีคำบรรยายใดๆ จะ บอกความรู้สึกของผมได้หมด ผมกอดพ่อกับแม่พร้อมกัน แม่พูดว่า “เรื่องเรียนต่อ แม่ว่าน้ำตัดสินใจดีๆนะ ลูก ฟังความคิดจากหัวใจตัวเอง และ คิดถึงทสให้มากๆ ตอนนี้ชีวิตของลูกไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม่เชื่อว่าลูกคนนี้ของแม่ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย” คำพูดนี้ของแม่ทำให้ผมยิ่งตื้นตันเข้าไปอีก ตอนนี้เมื่อพ่อแม่เปิดไปเขียวให้แล้ว ผมกับทสก็สามารถมาอยู่ที่บ้านนี้ได้อย่างไม่ต้องปิดบังกันต่อไป เมื่อผมได้ปรึกษากับพ่อแม่แล้ว เย็นวันนั้น ผมกลับไปหาคนรักของผม เย็นนั้น ผมกลับถึงห้อง อาบน้ำทานข้าวกับทสเสร็จ เรานั่งดูทีวีด้วยกัน ส่วนทสนั่งอ่าน สปอร์ตแมกกาซีน แล้วเราก็เข้านอนปกติ หลังจากปฏิบัติภาระกิจจนเหนื่อยอ่อนทั้งคู่ ผมซึ่งนอนหันหลังโดยมีทสกอดรอบเอวอยู่ พูดว่า “ทส น้ำรักทสนะ” ผมพูด ทสได้ยินจึงพูด “อืม ทสรู้ แล้วทสก็รักน้ำ รักมากด้วย” ผมพูดต่อ “ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา น้ำไม่เคยทำอะไรให้ทสเลย” ทสก็เลยพูดบ้าง “ก็ทำอยู่ทุกวันไง...จำไม่ได้เหรอ ...น้ำทำให้ ทสมีความสุข มีความอบอุ่น อุ่นใจ และทำให้ที่นี่ เป็นที่ที่ทสเรียกมันว่าบ้าน แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วที่น้ำให้ทส” ผมได้ยินดังนั้นผมก็เลยพูดต่อว่า “มันยังไม่พอหรอกทส น้ำ อยากให้ทส อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข น้ำแอบเห็นนะ ทสน่ะ รักเด็ก ทสอยากมีลูก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีลูกด้วยกัน” ผมบอก ทสกอดผมแน่น พูดว่า “ไม่มีก็ไม่เป็นไร” แล้วเราก็หลับไป
รุ่งขึ้น ผมเข้ากรุงเทพ โดยไม่บอกทส โดยทำทีแต่งตัวออกไปทำงาน วันนั้นทำพาสปอร์ต วีซ่า พร้อมจองตั๋วเครื่องบิน แล้วกลับโคราช ตอนเย็นเราก็เหมือนเดิม ของทุกวัน แต่ กลางดึก เมื่อเห็นว่าทสหลับสนิท ผมลุกขึ้นมาแล้วเขียนจดหมาย ถึงทส
ตอนเช้าผมก็ตื่นทำอาหารเช้า(ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว) แล้วปลุกทสขึ้นมากิน ทสทานข้าวเสร็จ ก็ออกไปทำงาน ส่วนผมออกมาทีหลัง ผมขับรถไปที่บ้าน ซึ่งที่บ้านได้เตรียมข้าวของที่จำเป็นไว้ให้ผมเอาไปใช้ที่เมืองนอก แล้วครอบครัวผมก็ขับรถมาส่งผมที่สนามบิน ดอนเมือง แม่น้ำตาไหลเพราะห่วงผม พ่อก็บอกให้ผมตั้งใจเรียน พี่นุมาด้วย ถามผมว่าคิดดีแล้วเหรอ ผมพยักหน้าน้อยๆ พ่อเห็นดังนั้น เลยถามผมว่า “แล้วทสล่ะ ไม่เห็นทสมาเลย” ผมเลยว่า “ผมไม่ได้บอกทสหรอกพ่อ” แม่ได้ยินเลยว่า “มันจะดีเหรอลูก” ผมตอบแม่ว่า “น้ำคิดว่านี่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนแล้วล่ะครับแม่ ทสต้องเข้าใจ” ผมหันกลับไปหาพ่อแล้วยื่นซองจดหมายให้พ่อ “พ่อครับ ผมฝากจดหมายนี้ให้ทส ด้วย วันนี้ทสไม่เห็นผมกลับต้องโทรมาที่บ้านแน่ๆ พ่อบอกให้เค้ามาบ้านเรานะ แล้วช่วยบอกเค้าว่าน้ำรักเค้ามากถึงต้องทำแบบนี้ แล้วเอารถของน้ำให้ทสใช้นะครับพ่อ ทสไม่มีรถ จะไปทำงานลำบาก” ผมพูดพลางยื่นลูกกุญแจรถของผมให้พ่อ พ่อมองหน้าผมที่มีน้ำตาซึม แล้วพูดว่า “น้ำไม่เสียใจภายหลังนะลูก” ผมตอบพ่อ “ไม่รู้เหมือนกันพ่อ น้ำไม่มั่นใจ ที่มั่นใจคือ มันดีแล้วสำหรับทส ทสจะได้มีภรรยา มีลูกสืบตระกูล” ผมพูดจบ ก็มีประกาศให้ผู้โดยสารเที่ยวบินที่ผมจะไป เตรียมตัวขึ้นเครื่อง ผมกอดลาทุกคนอีกครั้ง แล้วลากสัมภาระ เดินเข้าไปช่องผู้โดยสาร
เมื่อผมถึงอเมริกา วันรุ่งขึ้นผมโทรกลับมาที่บ้านทันที พ่อบอกว่าทสมาที่บ้านอย่างที่ผมพูด พ่อก็จัดการตามที่ผมฝากฝัง ทสฉีกจดหมายอ่านที่ตรงนั้น พ่อบอกว่าทสร้องไห้ทันทีที่อ่านจบ ซึ่งข้อความในจดหมายผมเขียนว่า
==========================================================
ทสที่รัก
ตอนที่ทสอ่านจดหมายนี้อยู่น้ำคงอยู่ที่เมืองนอกเรียบร้อยแล้ว น้ำไม่บอกหรอกว่าน้ำอยู่ประเทศไหน ไม่ต้องคาดคั้นถามพ่อแม่และพี่นุนะ น้ำขอร้อง ที่น้ำทำอย่างนี้เพราะกลัวทสไม่ให้น้ำได้ทำ น้ำได้ทุนเรียนต่อ จากบริษัทต่างชาติ ตอนแรกน้ำก็ไม่คิดจะไปเรียน แต่พอน้ำได้มองทสที่น้ำรัก น้ำไม่อาจเห็นแก่ตัวที่จะกักทสให้อยู่กับน้ำต่อไปอย่างคนเห็นแก่ตัวได้ น้ำได้ทำใจเอาไว้แล้วล่ะ ตอนแรกเราทั้งคู่อาจต้องทุกข์ใจอย่างสาหัส แต่น้ำเชื่อว่าทสต้องทนได้ น้ำเองก็จะพยายาม ทสต้อง หาผู้หญิงที่เค้ารักทสนะ แล้วเริ่มต้นใหม่ กับเค้า มีลูกที่น่ารัก ไว้สืบสกุล และอยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ แม่และครอบครัวของทสจะได้ภูมิใจ ในลูกชายคนเดียวที่มี ลืมน้ำซะ ส่วนน้ำ อยู่ที่นี่ ก็คงจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วลงหลักปักฐานที่นี่ น้ำจะจำทสไว้ตลอดไปว่าครั้งนึง เราเคยรัก และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกัน แต่จงจำไว้ว่า น้ำยังรักทสอยู่เสมอ ไม่มีใคร แทนทสได้ ไม่มีเลย ไม่มี
รัก
น้ำ
===========================================================
แล้วชีวิตรักระหว่างผม กับ ผู้ชายที่ชื่อทส ก็จบลง
ถึงวันที่ผมลงเรื่องให้ได้อ่านนี้ ก็ ผ่านมาเกือบครบสามปี ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วและทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ สร้อยทองที่ทสซื้อให้ผมตอนวันลอยกระทงปีคราวนั้น (ตอนที่ 4 ) ผมยังเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา โดยไม่ลืมว่าคนซื้อสร้อยเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด และรักตลอดไป
ถึงตรงนี้ ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเกิดเป็น ชาย หญิง หรือว่า เกย์ กระเทย เราต่างสามารถเป็นคนที่ดี มีคุณค่าได้ และ ใช่ว่าเกย์จะต้องมีความรักที่ไม่สมหวังตลอดไป ขอเพียงมีความหวัง เชื่อในสิ่งที่ดี เรียนรู้ ทุกสิ่ง โดยไม่เรียกร้อง หรือเร่งเร้าสิ่งใด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น แล้วพวกเราจะพบกับความสุข
#######################################################################