บทส่งท้าย
Wittawin Chapter 35
วิธวินท์ชะลอรถมอเตอร์ไซด์คู่ชีพจอดหน้าร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันเล็กๆ ริมถนน รถของเขาเร่งความเร็วไม่ขึ้น ทำเสียงกึกกักๆ เหมือนจะดับ ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันใด ในใจอดระแวงไม่ได้ว่าอาจโดนธีรดนย์แกล้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ขับรถออกมาเที่ยวต่างจังหวัดแล้วธีรดนย์ตามมาและรถเสียงจนต้องค้างคืนด้วยความจำเป็น แต่คราวนี้เขาวางแผนไว้เป็นอย่างดีเพราะได้ติดต่ออู่เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หากรถเกิดเสียขึ้นมา อู่จะส่งช่างมาซ่อมเป็นการด่วน เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม นอกจากนั้น เขายังสั่งภมรเอาไว้ด้วยว่าวันนี้จะต้องอยู่บ้าน ทำตัวให้ว่าง และต้อง 'พร้อม' ที่จะมารับเขาได้ทันทีที่ติดต่อไป
"รถเป็นอะไรอีกแล้วล่ะวิธวินท์" ธีรดนย์ถามเมื่อจอดรถ Ducati คันงามของตัวเองลงข้างๆ ทำหน้าตาเป็นห่วงเป็นใย
"เร่งไม่ขึ้น ไม่รู้เป็นอะรไร สงสัยลูกลอยถังน้ำมันมีปัญหา มันชอบเป็นบ่อยๆ" วิธวินท์ทำหน้ามุ่ย
"ก็บีเอ็มนี่นะ" ธีรดนย์ยักไหล่ ทำหน้าเอือมแล้วยักคิ้วให้อย่างน่าหมั่นใส้ "เอาไหม จะซื้อ Ducati ให้ซักคัน"
วิธวินท์ยิ้มเยาะแล้วปรายตามอง 'คนรวย' ที่มีเงินเหลือเฟือและชอบใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายกับเรื่องไร้สาระ
"ขอบคุณครับ แต่ผมว่าเอาเงินของคุณไปบริจาคให้สมาคมคนตาบอดจะดีกว่า ได้บุญด้วย ผมเป็นคนตาดี มองเห็นอะไรได้ชัดเจน"
"ใจดีแล้วยังมาเหน็บแนมกันอีก" ธีรดนย์ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้านที่โดนว่า "ไหนดูซิ รถมันเป็นอะไร"
"คุณดูรถเป็นด้วยหรือ" วิธวินท์เลิกคิ้วถาม
"ผมไม่ได้ขายเหล้ากับเบียร์เป็นอย่างเดียวนะ" ธีรดนย์ตอบ "นอกจากเติมน้ำมันรถเป็นแล้ว อย่างอื่นก็พอทำได้"
"ลืมไปว่าเก่งและชำนาญเรื่องรถ" วิธวินท์ยื่นกุญแจให้ธีรดนย์แล้วเดินหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
เมื่อวิธวินท์กลับออกมาจากร้านก็เห็นธีรดนย์ยืนเท้าสะเอวทำหน้ายุ่งมองรถ BMW สีน้ำเงินของวิศวกรหนุ่มแล้วส่ายหน้า
"ผมว่าคุณขายต่อซะเถอะ เสียแล้วเสียอีกแบบนี้ถึงซ่อมก็เหมือนโยนเงินทิ้งไปเปล่าๆ"
"ช่างเถอะ" วิธวินท์ทำเป็นไม่สนใจรถ "คนขายของบอกว่ามีโรงแรมเล็กๆ อยู่ตรงโน้น ผมว่านอนพักเอาแรงซักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยจัดการกับมัน"
...เฮ่ย เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ทำไมไม่ต้องให้ชวนเลย วิธวินท์พูดจริงหรือพูดเล่น...
"จะดีหรือวิธวินท์ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามา" ธีรดนย์ทำหน้าขรึม ทั้งที่ในใจลิงโลดเป็นที่สุด
...ตอแหลที่สุด เรื่องเจ้าเล่ห์นี่คงไม่มีใครเกินธีรดนย์แล้วล่ะ...
"เงินมี กลัวอะไร ที่นี่เขามีขายทุกอย่าง เสื้อผ้าไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ ซื้อเฉพาะชั้นในเอาไว้ใส่พรุ่งนี้" วิธวินท์ยักไหล่
"ไม่จำเป็นต้องใช้" ธีรดนย์นัยน์ตาวิบวับขึ้นมาทันที "หมายความว่าเราจะนอนเปลือยกายกันใช่ไหม"
...คุณนอน ไม่ใช่ผม...
"หรือคุณจะใส่ชุดขับมอเตอร์ไซด์นอน" วิธวินท์ยิ้มบางๆ ยกน้ำอัดลมกระป๋องขึ้นดื่มๆ แล้วโยนลงถังขยะใกล้ๆ ธีรดนย์มองตามแล้วชมว่าแม่น
หลังจากหาผ้ามาคลุมรถเสร็จ ธีรดนย์จึงเดินตามวิธวินท์เข้าไปในโรงแรมเล็กๆ และเห็นว่าชายหนุ่มกำลังรับกุญแจสองดอกมาจากพนักงานจึงโวยวายขึ้นว่า
"วิธวินท์ จะเปิดโรงแรมสองห้องให้เปลืองเงินทำไม"
"ผมนอนกรน" วิธวินท์ทำหน้านิ่ง แล้วยื่นกุญแจให้คนที่กำลังยื่นทำหน้าบึ้ง
"ผมไม่ถือ" ธีรดนย์ทำตาขุ่น รู้สึกไม่พอใจ ยังไม่ยอมยื่นมือไปรับกุญแจจากอีกฝ่าย แต่กลับหันไปมองหาพนักงานโรงแรมที่หายตัวไปทันทีที่ได้รับเงินค่าห้อง
"โรงแรมจิ้งหรีด พนักงานก็ไม่มี" ธีรดนย์บ่น ชะเง้อมองหาพนักงานเพราะต้องการอยากจะเปลี่ยนห้อง
"ผมเหนื่อย จะนอนพักซักหน่อย ตื่นมาซักหกโมงครึ่งค่อยไปหาอะไรกิน" วิธวินท์พูดแล้วเดินไปยังห้องพักทันที ปล่อยให้ธีรดนย์ยืนหงุดหงิดอยู่หน้าเคาท์เตอร์ส่วนต้อนรับของโรงแรม มองตามวิธวินท์อย่างขุ่นเคืองใจ
...เอาวะ ดึกๆ ค่อยไปเคาะประตูห้อง ไม่ก็ปีนหน้าต่างเข้าหาซะเลย...
วิธวินท์ค่อยๆ ย่องออกจากห้อง มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังเพราะกลัวว่าจะโดนจับได้ ขณะนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น เขานั่งอยู่ในห้องพักตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่ง รอเวลาให้ผ่านไปเสมือนว่ากำลังนอนกลางวันตามที่บอกธีรดนย์ วิธวินท์โทรศัพท์ไปบอกให้ภมรขบรถมารับที่ปั้มน้ำมันและสั่งให้อู่ซ่อมรถมายกรถกลับกรุงเทพฯ
ทางสะดวก วิธวินท์ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เดินออกมาจากโรงแรม จากนั้นรีบจ้ำอ้าวตรงไปยังสถานีบริการน้ำมันที่ห่างไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ระหว่างทางก็โทรศัพท์ตามภมรอีกครั้ง เพื่อนของเขารับสายด้วยความหงุดหงิด
"นายจะเร่งทำไม เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ตอนนี้อยู่แยกวังมะนาว รอหน่อยสิโว๊ย"
"เร็วๆ เข้าภมร" วิธวินท์เร่ง อดหันไปมองด้านหลังไม่ได้เพราะกลัวว่าธีรดนย์จะรู้ตัวว่าโดนหลอกให้นอนโรงแรมคนเดียว
"จ้าคุณพ่อ หนูกำลังรีบสุดชีวิต จะเหยียบให้มิดคันเลยล่ะ" ภมรทำเสียงประชดแล้ววางสายไป
...ฮึ อยากตามดีนัก ชอบแกล้งเขาจริงๆ เลย โดนกับตัวเองซะบ้าง ตอนนี้เขาแน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ว่าธีรดนย์ต้องเป็นตัวการทำให้รถเขาเสีย สองครั้งที่ผ่านมารถเสียใกล้ที่พัก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น...
เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน วิธวินท์ก็เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อลูกอมและน้ำดื่มแล้วเดินมานั่งรอที่ม้านั่งหินอ่อนใกล้ๆ กับจุดล้างรถ เวลาผ่านไปอีกสิบห้านาที วิธวินท์ร้อนใจจึงโทรศัพท์ไปหาภมรอีกครั้ง ยังไม่ทันจะพูดอะไรภมรก็โวยวายเสียลั่นว่า
"ใกล้จะถึงแล้ว อีกห้ากิโลกับอีกสองร้อยสามสิบห้าเมตร อะไรนักหนาวู๊ย เอ็งจะรีบเข้ากรุงเทพฯ ไปทำไมกันวะ"
"เป็นคนใช้แกทั้งปี นี่ขับรถมาจากกรุงเทพฯ เลยนะวินท์ ไม่ได้ขับมาจากนครปฐม" ภมรกระแทกเสียง "นี่ถ้าอยากจะให้ถึงเร็วก็อย่าโทรมาบ่อยนัก ขับรถไปรับโทรศัพท์ไปมันอันตรายโว้ย อีกห้านาทีก็ถึงแล้ว"
วิธวินท์วางสายโทรศัพท์ มองไปรอบๆ เห็นแต่พนักงานของสถานีน้ำมันและรถจอดอยู่อีกสามคัน ในใจนึกถึงภาพที่ธีรดนย์เดินไปเคาะประตูห้องพักของเขาแล้วชวนไปทานข้าว
..."ผมชอบนอนกลางวันเปิดทีวีทิ้งเอาไว้ คุณอย่ากวนผมนะ ตื่นมาแล้วจะไปเคาะประตูห้องคุณเอง"...
..."ทานข้าวแล้วเราไปหาที่เงียบๆ นั่งคุยกันนะวิธวินท์ ผมมีอะไรจะคุยด้วย เรื่องสำคัญ ถ้าไม่ได้บอกคุณวันนี้คงนอนไม่หลับ"...
...เขาจะบอกอะไรเรา แล้วทำไมไม่คุยตอนก่อนจะเข้าห้องพัก ตอนนั้นก็เห็นยืนมองเราอยู่หน้าห้องเป็นนานสองนาน...
วิธวินท์เผลอถอนหายใจ หากธีรดนย์จะเคาะประตูห้องเขาก็คงได้ยินแต่เสียงทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้ และคงใช้เวลานานหลายนาทีกว่าจะรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง และหากรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องก็คงไปเดินหาเขาทั่วโรงแรม
...ธีรนดย์จะคิดหรือเปล่าว่าเขาหนีมานั่งอยู่ตรงนี้ แล้วก็กำลังจะแอบเข้ากรุงเทพฯ...
วิธวินท์คิดไปต่างๆ นาๆ แต่ก็ต้องหยุดทันทีเมื่อรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำติดฟิมล์ทึบแล่นเข้ามาจอดตรงหน้า วิศวกรหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมรู้สึกลังเลขึ้นมาทันใด ในใจนึกถึงภาพใบหน้าของธีรดนย์อีกครั้ง
...หากรู้ว่าเราหายตัวไป คนเจ้าเล่ห์คนนั้นจะทำหน้าโกรธๆ อย่างที่เคยเห็นประจำ หรือทำหน้าเคร่งขรึม แล้วควรจะสะใจหรือสงสารดี...
"วินท์ ขึ้นรถซะทีสิ" กระจกติดฟิมล์ดำของโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ลดลง เสียงของภมรดังออกมาจากข้างใน วิธวินท์เปิดประตูรถแล้วขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ภมรออกรถ
"ติดเทอร์โบไปเลยนะวินท์ แต้ถ้ากลัวไม่เร็วทันใดก็มาขับเองก็แล้วกัน" ภมรพูดโดยไม่หันมามอง "แล้วไม่กลัวรถมอเตอร์ไซด์หายหรือ ขโมยมันยิ่งชุมอยู่ด้วย ไว้ใจใครไม่ได้เลยนะรู้ไหม"
...ถ้าจะมีขโมย ก็คงมีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ ขโมยที่ชื่อธีรดนย์...
"สั่งให้รถยกมาเอาไปแล้ว" วิธวินท์ตอบ
"รถสุดที่รักขนาดนั้นยังยังกล้าทิ้งได้นะ ไม่เสียดายของรักของหวงบ้างเลย ถ้าเป็นเราจะรอจนกว่าจะเห็นกับตาว่ารถยกมาเอาไปแล้วจริงๆ อยู่กับเขา ใช้เวลากับเขาอย่างคุ้มค่า กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆ เขาไม่ได้ทำผิดตรงไหน ซื่อสัตย์กับเรามาตั้งนาน อยู่ดีๆ ก็มาทิ้งกันไว้" ภมรแสดงความเห็นยืดยาว
"หยุดพูดเถอะภมร ขับรถอย่างเดียวได้ไหม ไม่อยากฟัง"
"จ้า" ภมรทำเสียงล้อเลียน "เราก็แค่เป็นห่วงรถที่โดนเจ้าของทิ้งเอาไว้"
วิธวินท์นั่งนิ่ง นึกถึงทั้งรถทั้งคนซึ่งทิ้งเอาไว้ที่โรงแรมเล็กๆ ริมถนน คำพูดของภมรยังรบกวนจิตใจ เขายอมรับว่าห่วงรถ แต่ตอนนั้นเขาอยากแก้เผ็ดธีรดนย์บ้าง ธีรดนย์ตื๊อเขามานานย่างเข้าเดือนที่เก้าแล้ว จนตอนนี้ก็ไม่เลิกเสียที
ในเวลานี้ ธีรดนย์คงนั่งเซ็งๆ อยู่ในห้อง หิวข้าวจนท้องกิ่วเพราะรอทานข้าวพร้อมกับเขา หรือไม่ก็กำลังหัวเสียตามหาเขาอยู่กระมัง
...ธีรดนย์จะรู้หรือเปล่าว่าเขาหนีเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว และจะโกรธแค่ไหนเมื่อรถยกไปถึงโรงแรมแล้วยกรถเขากลับกรุงเทพฯ...
...ธีรดนย์คงแทบอยากจะชกกำแพงเมื่อรู้ว่าโดนเขาตลบหลัง แล้วคงจะเลิกตามตื๊อเขาเสียที...
...จริงหรือ...
...เฮ้อ คงไม่หรอก ท่าทางธีรดนย์เอาจริง...
...เอาจริงอย่างนั้นหรือ เขารักเราจริงหรือ หน้าอย่างนั้นนะจะรักใครเป็น...
...เป็นสิ เก้าเดือนนี่ยังไม่พอที่จะพิสูจน์ใจของธีรดนย์หรือไง...
"ภมร เลี้ยวกลับข้างหน้านี้นะ" วิธวินท์พูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่
"อะไรอีกล่ะ"
"บอกก็ไปเถอะน่า อย่าถาม" วิธวินท์ทำเสียงหงุดหงิด
"ดุจริงแฮะ พักนี้เป็นอะไร ดุได้ดุเอา" ภมรส่ายหน้า "ดุแบบนี้ระวังไม่มีใครเอานะ"
"ยูเทิร์น" วิธวินท์สั่ง "กลับไปส่งที่โรงแรม เราจะไปเฝ้ารถ กลัวรถหาย"
"จริงหรือ" ภมรทำหน้าไม่เชื่อ "รักรถขนาดนั้นจนยอมเปลี่ยนใจเลยหรือวินท์ นายนี่เปลี่ยนใจวันละร้อยหน ตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาดเลย ให้เราขับรถมาจากกรุงเทพฯ ตั้งใกล เหนื่อยจะแย่รู้หรือเปล่า ถ้ากลับไปส่งที่โรงแรมแล้วเกิดเปลี่ยนใจอีก ภมรไม่ย้อมกลับไปรับอีกแล้วนะ" ภมรบ่นเป็นหมีกินผึ้งอีกนานกว่าจะหยุด จนในที่สุดก็มาถึงโรงแรม วิธวินท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลงจากรถ พร้อมกับพูดสั้นๆ ประโยคเดียวว่า
"ขับรถดีๆ นะ"
"จ้า ขอบใจที่ให้มารับนะวินท์" ภมรส่งเสียงตามชายหนุ่มที่เดินดุ่มๆ เข้าไปในโรงแรมโดยไม่หันกลับมามอง "จะขอบใจเพื่อนซักคำก็ไม่มี"
ภมรอมยิ้ม มองตามวิธวินท์จนลับสายตาก่อนจะพูดขึ้นมาว่า "ไม่รู้ว่าคุณรักมันลงได้ยังไง ปากคอแบบนี้ น่าโดนต่อยวันละหลายหน"
เสียงกุกกักดังขึ้นด้านท้ายรถ ชายหนุ่มตัวใหญ่แขนยาวขายาวที่นอนขดตัวอยู่บนเบาะช่วงที่สามของโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมาพร้อมครางเสียงอ่อย
"โอย ไม่ไหวแล้ว ปวดขาปวดเอวไปหมด"
"คุณดนย์ครับ นี่คุณตั้งใจจะนอนขดตัวอยู่ที่เบาะหลังไปจนถึงกรุงเทพฯ เลยหรือ" ภมรหันไปถาม
"คงไม่หรอก แบบนั้นเหน็บกินตายพอดี ผมกะว่าอีกหน่อยจะโผล่ขึ้นมาจ๊ะเอ๋วิธวินท์" ธีรดนย์ยักไหล่ พับเบาะแถวหน้าลงแล้วเก้าข้ามมาจากแถวหลังสุดอย่างทุลักทุเล
"ได้โดนมันถีบลงจากรถพอดี" ภมรเบ้ปาก ทำหน้าหวาดกลัว เสมือนว่าวิธวินท์นั่งอยู่ในรถด้วย
"ผมไม่ยอมให้วิธวินท์ทำแบบนั้น"
"มันจะถีบผมนะสิ มันคงหันไปถีบคุณไม่ถึง" ภมรหัวเราะเบาๆ ตามองธีรดนย์ที่ทำหน้าเหยเกขณะที่ลงจากรถแล้วยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสาย
"ขอบคุณมากนะครับคุณภมร แล้วผมจะคุยกับบริษัทโปรแอคชั่นเรื่องวางระบบเครือข่ายให้ รับรองว่าบริษัทคุณได้งานไปแน่ๆ"
"ขอบคุณครับ แต่ที่ผมทำนี่เพราะอยากช่วยเพื่อนกับช่วยคุณเฉยๆ นะครับ ไม่ได้คิดว่าเป็นการตอบแทนทางธุรกิจหรืออะไร" ภมรออกตัว
"คนเรามันต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่าคิดมากเลยครับ เรายังต้องพึ่งพากันอีกนาน" ธีรดนย์ยิ้มบางๆ แล้วยกมือขึ้นโบกอำลา แล้วหันหลังเดินเข้าไปยังโรงแรม
"อย่าให้ถึงขนาดต้องมอมยาไอ้วินท์แล้วแบกไปวางไว้บนเตียงรอคุณก็แล้วกัน มาจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณก็รวบหัวรวบหางไอ้คนเกเรให้ได้ซะที" ภมรพูดยิ้มๆ อยู่คนเดียวแล้วออกรถ จุดหมายอยู่ที่รีสอร์ทหรูบนชายหายชะอำที่เจ้าของเป็นเพื่อนกับธีรดนย์
...ตกลงเพื่อนของเขาก็โดนธีรดนย์ตลบหลังใช้แผนซ้อนแผนจนได้ คนดื้อๆ อย่างได้วินท์มันต้องโดนแบบนี้ล่ะ...
วิธวินท์เดินมาหยุดยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าห้องพักธีรดนย์ครู่หนึ่งแล้วเคาะประตู แต่เจ้าของห้องก็ไม่เปิดออกมาเสียที ชายหนุ่มจึงเคาะดังขึ้นๆ
"คุณธีรดนย์ หิวข้าวแล้ว ไปทานข้าวเถอะ" วิธวินท์เริ่มอ่อนใจ เคาะประตูมาตั้งนานธีรดนย์ก็ยังเงียบ
"ผมทานแล้ว" เสียงห้าวๆ ดังขึ้นด้านหลัง วิธวินท์สะดุ้ง หันหน้าไปมองธีรดนย์ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ไม่ไกล ใบหน้านิ่งเงียบดูเคร่งขรึมต่างจากที่เคยเห็น "ผมตามหาคุณตั้งนานแต่ก็ไม่เจอ ตั้งใจจะรอทานด้วยกันแต่ผมก็ทนหิวไม่ไหว หวังว่าคุณคงไม่โกรธที่หนีไปทานก่อน แต่คุณก็คงไม่สนอยู่แล้วนี่ เพราะท่าทางก็ไม่ได้จะอยากทานกับผมเท่าไหร่"
"ผมไปเดินเล่น" วิธวินท์ให้เหตุผล ถอยห่างออกจากประตู เปิดทางให้ธีรดนย์
"ครับ" ธีรดนย์พยักหน้าแล้วไขกุญแจ "หน้าโรงแรมมีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวอร่อยดีเหมือนกัน เดินไปอีกหน่อยก็มีบะหมี่ แต่คุณคงรู้แล้ว ไปเดินเล่นมาตั้งนานนี่"
วิธวินท์ไม่ตอบ ยืนมองจนธีรดนย์เข้าไปห้องไปและปิดประตูเบาๆ แล้วส่ายหน้าช้าๆ เพราะไม่นึกว่าจะเห็นธีรดนย์ทำงอน
...นี่ถ้าโดนทิ้งไว้ที่นี่ทั้งคืนเพราะเขาหนีเข้ากรุงเทพฯ คงโกรธจนหน้าแทบจะไม่อยากมองหรืออาจจะไม่พูดกับเขาไปอีกนาน...
...นี่ไม่ใช่หรือที่เขาต้องการ นั่นก็คือให้ธีรดนย์เลิกมายุ่งกับชีวิต เขาก็ไม่ต้องห่วงว่าภิรายุจะมาเสียใจที่เห็นคนที่ตัวเองรักมาชอบเพื่อน...
...แต่ภิรายุก็ดูเหมือนทำใจได้แล้ว ตอนนี้ก็กำลังสานสัมพันธ์กับบารมี...
...ไม่จริงหรอก อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าภิรายุยังตัดใจไม่ลง...
ธีรดนย์ยืนเท้าสะเอวอยู่กลางห้อง พยายามใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในใจรู้สึกทั้งฉุนที่โดนวิธวินท์หลอกทิ้งไว้ที่นี่ ทั้งรู้สึกใจพองโตที่ฝ่ายนั้นเปลี่ยนใจกลับมา
...แบบนี้ก็แสดงว่าวิธวินท์มีใจให้เขามากขึ้นกว่าเดิม งั้นก็น่าจะถึงเวลาแล้วล่ะสิ นี่ก็เก้าเดือนแล้ว เขาไม่เคยรออะไรจากใครนานแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต...
...วิธวินท์ต้องไม่รอดแน่ ยังไงๆ ธีรดนย์ก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดมือ คราวหน้าคงหลอกวิธวินท์ไม่ได้อีกเพราะดูเหมือนว่าพ่อลิงน้อยหน้าขาวจะรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้งและคงระวังตัวมากกว่าเดิม...
ธีรดนย์มองไปรอบๆ ห้องพักของโรงแรมเล็กๆ เตียงขนาดใหญ่ไม่สมดุลกับพื้นที่ห้องเล็กๆ ตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างบาใหญ่ พรมสีเทาเก่าจนได้กลิ่นอับโต๊ะไม้สีเขียวซีดมีรอยสีถลอกอยู่ชิดผนังด้านซ้ายใกล้กับประตูห้องน้ำที่ต้องกดชักโครกถึงสามครั้ง แอร์ในห้องก็ไม่เย็น แต่กระนั้น ธีรดนย์บอกตัวเองว่าโดยรวมๆ แล้วเขาก็พอจะทนนอนในห้องพักของโรงแรมเก่าๆ แบบนี้ได้ แต่หน้าต่างบานใหญ่มากแบบนั้นคงทำให้เขานอนหลับลำบากเพราะแสงไฟจากข้างนอกสาดเข้ามามากจนเกินไป ผ้าม่านบางๆ สีขาวไม่ช่วยกันแสงได้เลย เขาชอบนอนในห้องมืดๆ ไม่มีแสงรบกวน เปิดแอร์เย็นฉ่ำแล้วห่มผ้าหน้าๆ
...เอาวะ แอร์ไม่เย็นแต่อีกหน่อยก็คงเย็นเพราะฝนกำลังจะตก...
เสียงฟ้าร้องครืน ลมกระโชกแรง ไม่ถึงห้านาทีฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ธีรดนย์เดินไปที่หน้าต่างเพื่อดูว่าฝนจะสาดเข้ามาตามกรอบหน้าต่างแล้วซึมเข้ามาในห้องหรือไม่
แต่ทันใดก็นึกอะไรบางอย่างได้
...ยังไงๆ คืนนี้ก็ต้องได้นอนกับวิธวินท์...
ธีรดนย์เปิดหน้าต่างออกแล้วเดินไปยืนพิงประตู มองฝนที่กำลังสาดเข้ามาในห้องอย่างยิ้มๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วลูบกระเป๋าธนบัตรอย่างแผ่วเบา พร้อกมันบอกตัวเองในใจว่า
...ไหนๆ ก็โดนวิธวินท์เหน็บแนมอยู่บ่อยๆ ว่าชอบใช้เงินเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ คราวนี้ขอใช้ซักสองสามพันปิดปากพนักงานโรงแรมเพื่อให้ได้นอนกับวิธวินท์เถอะ...
วิธวินท์ละสายตาจากจอโทรทัศน์ไปมองประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะแรงๆ แล้วถอนหายใจเพราะรู้ว่ามีคนเดียวที่จะกล้ามาเคาะประตูห้องเขาเสียงดังสนั่นแบบนี้
"คุณมีปัญหาอะไรอีก" วิธวินท์เปิดประตูออกแล้วถามคนที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าห้อง
"ผมขอนอนด้วย" ธีรดนย์พูดโพล่งออกมาแล้วรีบอธิบาย "ฝนสาดห้องผมเปียกหมดทั้งห้อง นอนไม่ได้เลยนะวิธวินท์ ผมไม่ได้อยากมากวนคุณหรอก แต่มันจำเป็น"
"ทำไมเปียก" วิธวินท์ถาม
"ผมฉี่รดมั๊ง" ธีรดนย์ประชด "บอกแล้วไงว่าฝนมันสาด"
"ทำไมให้มันสาด เวลาฝนตกคุณเปิดหน้าต่างได้ยังไง"
"ผมเปิดทิ้งไว้ให้มันระบายอากาศตั้งแต่ก่อนออกไปเร่ร่อนตามหาคุณแล้วก็ลืมปิด" ธีรดนย์ให้เหตุผล
"แล้วตอนผมกลับมาแล้วคุณไม่ได้..."
"ไม่ได้ปิด" ธีรดนย์รีบแทรก "ผมก็ออกไปเดินเล่นเหมือนกัน พอฝนตกก็รีบวิ่งกลับโรงแรม"
"ทำไมไม่เปียก" วิธวินท์ทำหน้าสงสัย
"ผมวิ่งเร็ว ทันพอดีฝนตก ผมนั่งเซ็งๆ อยู่ที่ล๊อบบี้ตั้งนาน ยังไม่อยากเข้าไปในห้องเล็กๆ อับๆ แต่พอเข้าไป ห้องก็เปียกและไม่เหลือสภาพ ไม่เชื่อคุณไปดูสิ" ธีรดนย์อธิบายแล้วเดินตามวิธวินท์ไปยังห้องของตัวเองวิธวินท์เปิดประตูห้องออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปมองแวบเดียวก่อนจะหันมามองธีรดนย์
"ไปเปิดห้องใหม่สิครับ เงินมีเยอะแยะ เหมาโรงแรมเลยยังได้" วิธวินท์แนะนำ
"หาว่าผมใช้เงินสุร่ยสุร่ายละสิ" ธีรดนย์เบ้ปาก "ห้องมันเต็มหมดแล้ว"
"เติมได้ยังไง โรงแรมแบบนี้นะเต็ม" วิธวินท์ทำหน้าไม่เชื่อ
"คุณไปถามรีเซฟชั่นสิ" ธีรดนย์ท้า
วิธวินท์หันหลังเดินตรงไปยังด้านหน้าโรงแรมทันที ไม่นานก็เดินกลับมาด้วยใบหน้าฉุนๆ แล้วเอียงคอมองธีรดนย์ที่กำลังยืนพิงผนังทำหน้านิ่งเรียบ
"วิธวินท์ ช่างเถอะ ผมจะทนนอนห้องเปียกๆ แบบนั้นก็ได้ มุมห้องด้านที่ใกล้กับประตูพรมคงไม่เปียกมั๊ง ขอยืมแค่หมอนใบเดียวก็พอ" ธีรดนย์ทำหน้าเคร่งขรึม เลิกที่จะกวนใจอีกฝ่าย
"งั้นรอเดี๋ยว" วิธวินท์พูดห้วนๆ แล้วเดินไปที่ห้องตัวเอง
...เฮ่ย เอาจริงหรือนี่ คนอะไร ไร้หัวใจ ไม่มีความสงสารกันบ้างเลย ใจคอจะให้เขานอนบนพื้นพรมเก่าๆ ข้างประตูจริงๆ หรือ...
ธีรดนย์เม้มปากสลับกับกัดฟันด้วยความไม่พอใจ หรี่ตามองตามวิธวินท์อย่างขุ่นเคืองผสมน้อยใจเมื่อนึกภาพวิธวินท์เดินกลับมาพร้อมกับหมอนหนึ่งใบที่จะให้ยืม
ประธานบริษัทคุณานนท์บริวเวอรี่และเจ้าของคลับหรูหรา The Dazzle ยืนทำท่าฮึดฮัดอยู่กลางทางเดินแคบๆ ของโรงแรมเป็นเวลาหลายนาทีก่อนจะเดินเนือยๆ กลับไปยังห้องพักของตัวเอง แต่เมื่อถึงหน้าห้องก็ต้องหันขวับเมื่อได้ยินเสียงของวิธวินท์ดังขึ้น
"เข้ามาได้แล้วครับ"
"ผมหรือ" ธีรดนย์ไม่เชื่อหูตัวเอง หันไปถามย้ำ ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"คงงั้นมั๊ง" วิธวินท์ยักไหล่ ไม่สบตาธีรดนย์
...อ๋อ เข้าไปจัดห้องนี่เอง เรารึตกใจนึกว่าจะเข้าไปเอาหมอนมาให้ยืมจริงๆ เข้าใจเล่นนะวิธวินท์...
...เดี๋ยวเถอะ พอเข้าไปในห้องได้แล้วพ่อจะปล้ำซะเลย...
...เฮ้อ ในที่สุด วันที่เขารอคอยก็มาถึง...