อรุณสวาทครับ ตอนที่ 31 มาแล้วครับ วันสองวันนี้จะพิมพ์ที่เหลือให้จบนะครับ เพราะหลังจากนั้นจะไม่อยู่อีกนาน และที่สำคัญต้องไปเข็นวิดยานิพนให้เสร็จ
เอ่อ ถามหน่อยครับ ใครมีบทละครเรื่องอวสานของเซลส์แมน และ นางนวล ไหมครับ หรือรู้ว่าที่ไหนมีละครดีๆ แสดง ผมต้องไปตระเวนดู เก็บข้อมูลมาประกอบวิดยานิพน

หวังว่าเทอมนี้คงได้จบซะที
31
ริกกี้นั่งมองธีรดนย์ด้วยสายตาครุ่นคิด ตอนแรกเขาหลงดีใจที่ธีรดนย์ชวนออกมาเที่ยว ทันทีที่กลับถึงเมืองไทยและเห็นข้อความในโทรศัพท์มือถือเขาเกือบจะวิ่งมาหาธีรดนย์แต่อะไรบางอย่างห้ามเขาเอาไว้ ตลอดเวลาที่ถ่ายภาพยนต์อยู่ต่างประเทศเขารู้สึกแปลกใจตัวเองที่คิดถึงธีรดนย์อย่างทุรนทุรายทั้งๆ ที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ธีรดนย์ก็คือธีรดนย์ ไม่เคยคิดที่จะมีความสัมพันธ์จริงจังกับใคร ส่วนเรื่องรักนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่เมื่อคืนวานที่เขาเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความว่า “คิดถึง อยากเจอ” ข้อความสั้นๆ กลับจุดประกายแห่งความหวังขึ้นมา
...เพียงเพื่อที่จะมีลมมาพัดให้มอบดับภายในเวลาไม่ถึงครึ่งคืน...
...ธีรดนย์มีแต่ตัว หัวใจไม่มี...
...ไม่เคยมีหัวใจเลยหรือว่าหัวใจให้ใครไป...
“คุณชวนผมมานั่งมองสระว่ายน้ำทำไมหรือครับดนย์” ริกกี้ตัดสินใจถาม “ถ้าอยากมานั่งมองสระว่ายน้ำ นั่งดูที่บ้านคุณก็ได้ ไม่เห็นต้องมาไกลถึงขนาดนี้ เสียเงินตั้งหลายพันด้วย”
ธีรดนย์หันมายิ้มบางๆ แล้วเอื้อมมือมาจับมือของดาราหนุ่ม “งอนหรือ ผมขอโทษ ผมกำลังคิดอะไรเพลิน”
“ดนย์ คุณอกหักหรือครับ” ริกกี้ยิ้มขื่นๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะถามธีรดนย์ออกไปได้แบบนั้น “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถามคุณแบบนี้”
“ผมนั่นหรืออกหัก” ธีรดนย์เลิกคิ้ว ไม่มีแววตาขี้เล่นอย่างที่ริกกี้เคยเห็น
“อ้อ ลืมไป คุณไม่มีหัวใจนี่นา จะอกหักได้ยังไง แต่ที่คุณเอาแต่นั่งเย็นชาอยู่แบบนี้ ช่วยไม่ได้ มันทำให้ผมต้องคิด” ริกกี้ยักไหล่
“ริกกี้ คิดยังไงกับผม” ธีรดนย์เงียบไปชั่วครู่แล้วถามขึ้นมา
“คุณต่างหาก คิดอะไรกับผม ตอนนี้นะ คิดอะไร แต่เมื่อก่อนนั่นน่ะผมรู้ คุณก็คิดว่าผมเป็นแค่ของหวานเอาไว้กินเล่น”
“โธ่ อย่าคิดแบบนั้นสิ แต่คุณก็รู้นี่นาว่าเราคบกันแบบไหน คุณเองก็...”
“ใช่ ผมก็มีคนอื่นบ้าง ขอโทษที่ผมพูดออกไปแบบนั้น เอาเป็นว่าประเด็นนั้นตัดทิ้งไปซะ แต่ว่าตอนนี้เอาประเด็นนี้ เอาตอนนี้ ตอนที่คุณพาผมออกมาวันนี้ บอกว่าคิดถึง อยากเจอ คุณหมายความว่ายังไง”
“เรามาเป็นแฟนกันเถอะ” ธีรดนย์พูดโพล่งขึ้นมา
“อะไรนะ” ริกกี้อุทานเสียงดัง ตาเหลือก ปากค้าง ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากของผู้ชายเจ้าชู้ระดับหัวหน้าสมาคมคนเจ้าชู้แห่งทวีปเอเชีย
“ผมอยากมีแฟน อยากคบใครซักคนจริงจัง อยากมีความสัมพันธ์แบบคู่รัก” ธีรดนย์มองหน้าริกกี้นิ่ง
ริกกี้อึ้งไปนาน มองหน้าธีรดนย์อย่างไม่เชื่อสายตา และทันใดก็สะบัดหน้าพรืดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เค้นเสียงใส่ธีรดนย์ว่า “คุณจะไปไหนก็ไป ผมจะตัดใจจากคุณให้ได้ ซึ่งไม่ยากหรอก เพราะผมยังไม่ได้รักคุณ แต่ถ้าต้องการเซ็กส์ ใครที่ไหนก็ให้ผมได้”
ธีรดนย์ถอนหายใจยาว ขบกรามแน่น มือกำจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ อยากจะโขกศีรษะลงบนโต๊ะอาหารยิ่งนักเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
...แม้แต่ริกกี้ก็ไม่อยากจะรักเขา ปฏิเสธเขาอีกคน ไล่เขาเหมือนวิธวินท์กับภิรายุไล่...
...จะมีคนรักมันยากขนาดนี้เลยหรือ...
...เมธัส สาริน ต้น พเนศวร์ หนุ่ม เรียว โดโด้ อั๋น เจฟฟรี่ ต้องมีซักคนที่จะยอมเป็นแฟนเขาสิน่า พอเขามีแฟนแล้วจะควงไปเย้ยวิธวินท์ให้เห็น อยากไล่เขาให้ไปพ้นๆ ดีนัก...
การประชุมมาราธอนตลอดทั้งบ่ายทำให้ธีรดนย์แทบหมดเรี่ยวแรง ไม่นึกเลยว่าการนั่งอยู่เฉยๆ แล้วใช้สมองตัดสินใจเรื่องทางธุรกิจจะดึงเอาพลังของเขาออกไปจนหมดตัว เต้ยก็ไม่ต่างกัน คราวนี้เขาให้เลขาเขาประชุมด้วย ตั้งใจจะให้เป็นเป็นคนจดบันทึกให้เขาโดยเฉพาะเพราะรู้สึกว่าบางครั้งตัวเองใจไม่อยุ่กับเนื้อกันตัว แต่เขาก็สังเกตว่าบางครั้งเลขาผู้คล่องแคล่วของเขานั่งเหม่อเป็นบางครั้ง พอออกจากห้องประชุม เต้ยก็เดินนำหน้ากลับออฟฟิส ท่าทางเร่งรีบ ธีรดนย์เดินไปทันที่หน้าประตูทางเข้าสำนักงานจึงถามด้วยความอยากรู้
“มีนัดกับหนุ่มที่ไหนคุณเต้ย ทำไมรีบนัก”
“หนุ่มใกล้ตัวครับ” เต้ยตอบแล้วผลักประตูกระจกบานใหญ่เข้าไป
“คุณศรายุธหรือ” ธีรดนย์ถามยิ้มๆ
“ใช่” เลขาหนุ่มหันมาตอบเสียงเรียบ “วันนี้เต้ยจะคุยกับคุณยุธให้รู้เรื่อง ว่าจะเลือกเต้ยหรือคุณภิรายุ”
“ฮื่อ” ธีรดนย์ทำเสียงรับรู้แล้วเดินเลยตรงไปที่ประตูห้องทำงานแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเลขาดังตามมา
“แล้วคุณก็ควรจะชัดเจนเสียที หากคุณยุธเลือกคุณภิรายุแทนที่จะเลือกเต้ย คุณก็อย่าหวังว่าจะได้สมหวังกับคุณวิธวินท์”
“อ้าว” ธีรดนย์หัวขวับ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ พูดแบบนี้ก็สวยสิ”
“คุณวินท์พยายามเชียร์เพื่อนให้อา และตอนนี้ก็ใกล้จะสำเร็จเพราะคุณภิรายุกำลังน่าสงสาร คุณยุธเป็นคนใจอ่อน หากคุณภิรายุเจ็บช้ำเพราะโดนคนใจดำหักอก ไม่แน่ว่าคุณยุธอาจจะเห็นใจ” เต้ยพูดเสียงจริงจัง
“มันเกี่ยวอะไรกับว่าผมจะพลาดหวังจากวิธวินท์”
“เกี่ยวสิครับ คุณคิดหรือว่าภิรายุเจ็บแล้ววิธวินท์จะดีใจ หันมาหาคุณ เพราะไม่ว่าคุณยุธจะเห็นใจภิรายุยังไง ผมก็ไม่ยอมแพ้” เลขาผู้มุ่งมั่นหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์ เตรียมตัวจะออกจากสำนักงาน
“ถ้าคุณยุธเลือกภิรายุ ผมจะดับเครื่องชน” เต้ยทำหน้าเยือกเย็น “ชนทั้งภิรายุ ชนทั้งวิธวินท์ของคุณ ชนทุกคนที่ขวางทางผม”
“ต้องเอาเขาให้ได้หรือคุณเต้ย พูดตรงๆ นะ ผมว่าคุณศรายุธไม่เหมาะกับคุณหรอก เขาเหมาะกับภิรายุ”
“คุณก็ไม่เหมาะกับวิธวินท์” เต้ยตาลุกวาบ ทำหน้าง้ำ “วิธวินท์ไม่เหมาะกับคุณ”
“งั้นผมเหมาะสมกับใคร แล้วถ้าวิธวินท์ไม่เหมาะกับผมแล้วจะเหมาะกับใคร”
“บารมี” เต้ยยิ้มหยัน “และตอนนี้บารมีก็กำลังทำคะแนนทิ้งคุณไม่เห็นฝุ่น ผมว่าคุณเลิกยุ่งกับวิธวินท์เสียเถอะ นี่ก็หลายเดือนแล้วคุณยังไม่ได้คืบหน้าไปถึงไหน แค่ได้หลอกให้เขาผายปอด น่าสมเพธที่สุด กอดน่ะได้กอดหรือยัง อย่างมากคุณก็คงได้แค่แอบจับมือ”
“ดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะเต้ย” ธีรดนย์เสียงห้วน ทำท่าจะกระโดดเข้าบีบคอเลขาปากดี
“ผมมองใครไม่เคยพลาด วิธวินท์กับบารมีมีใจให้กันอยู่บ้างแล้วเพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้ววิธวินท์ก็ไม่ชอบคนเจ้าชู้ ถ้าผมเป็นวิธวินท์ ผมก็จะเลือกบารมีอย่างไม่ลังเล อายุเท่ากัน คุยกันรู้เรื่อง ขาซิ่งมอเตอร์ไซด์เหมือนกัน แล้วก็จริงจังในความรักเหมือนกัน ไม่ใช่กะจะฟันแล้วทิ้งเหมือนใครบางคน” เต้ยพูดเสียงเข้ม แต่ในใจอดรู้สึกเจ็บไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ตอนนั้นบารมีทิ้งเขาไปเพราะเหตุผลง่ายๆ ว่าที่บ้านบังคับให้แต่งงานและต้องเลือกครอบครัวก่อนความรัก
“ใครว่าผมจะฟันแล้วทิ้ง”
“ต๊ายตาย เต้ยไม่ยักกะรู้” เลขาทำเสียงน่าหมั่นใส้ “คุณดนย์นี่นะรักจริงหวังแต่ง”
“ผมจะคว้าวิธวินท์ให้ได้คอยดูสิ ผมจะทำให้วิธวินท์รักผม ให้มันรู้ไปว่าธีรดนย์ทำให้ใครหลงรักไม่ได้” ธีรดนย์เสียงกร้าว นัยน์ตามุ่งมั่น
“คุณก็แค่นี้ มีแต่จะเอาชนะคนอื่น ที่พยายามยื่นข้อเสนอ บีบให้บริษัทนั้นส่งวิธวินท์ไปทำระบบคอมพิวเตอร์ที่คลับ นี่ก็คงจะ...”
“ผมจะเอาชนะใจวิธวินท์ คอยดูก็แล้วกัน” ธีรดนย์แทรกเสียงกร้าว
“แล้วทำแบบนี้คุณจะได้อะไรขึ้นมา สนุกนักหรือไงที่จะเอาชนะเขาแบบนี้ มีความสุขมากหรือที่จะได้แล้วทิ้ง” เต้ยส่ายหน้า ใกล้จะหมดความอดทนกับธีรดนย์ ตอนแรกก็นึกสนุกที่เคยช่วยเจ้านายให้จีบคนหน้าขาวๆ คิ้วเข้มๆ จมูกโด่งๆ ปากแดงๆ ที่ธีรดนย์เอาแต่เพ้อถึง ซึ่งเขาเติมอีกคำเข้าไปเองด้วยว่า ‘ก้นสวยๆ’ แต่ทว่า ตอนนี้เขากลับรู้สึกหมั่นใส้ธีรดนย์ยิ่งนัก นึกอยากให้คนเจ้าชู้คนนี้โดนทุกคนปฏิเสธให้สิ้นเรื่อง
...จะว่าไปธีรดนย์ก็ทำกรรมมาเยอะ ไม่เคยจะเห็นจริงจังอะไรกับใคร อยู่ดีๆ จะมาจริงจังกับวิธวินท์เขาไม่เชื่อหรอก อยากได้เขาจนตัวสั่นสิไม่ว่า พอได้ยากหน่อยก็จะเป็นจะตาย ออกอาการหนักเกินปกติ เห็นไหมล่ะ บอกว่าชอบวิธวินท์มาก แต่ตัวเองก็ไปสร้างเรื่องยุ่งๆ กับภิรายุ แล้วถึงขนาดนี้ก็ยังไม่เลิกตอแยฝ่ายนั้น โทรไปหาอยู่ได้ แล้วเรื่องที่ดินนั่นก็อีก ทำเลดีๆ ในเมืองแบบนั้นจะขายราคาถูกให้เอาไปสร้างโรงเรียนอนุบาล ธีรดนย์เพี๊ยนไปใหญ่แล้ว สงสัยไฟฟ้าในสมองคงช๊อต...
“ใครว่าผมจะทิ้งวิธวินท์” ธีรดนย์พูดห้วนๆ “วิธวินท์ต้องเป็นของผม ใครหน้าไหนมาขวาง ผมจะจัดการให้เรียบ ไอ้บารมีหน้าจืดนั่นผมก็จะเขี่ยให้พ้นทาง คุณก็อย่ามาขวางผม”
“แสดงว่ายังไงๆ คุณก็ไม่เลือกภิรายุ” เต้ยถามเสียงราบเรียบ หรี่ตาเรียวเล็กมองเจ้านาย
“ผมไม่ได้รักภิรายุนะเต้ย ถ้าไม่ได้รักจะให้เลือกได้ยังไง เลิกยัดเยียดให้ผมซะที เรื่องหัวใจ ผมเลือกเองได้”
“แสดงว่าคุณเลือกวิธวินท์”
ธีรดนย์ไม่ตอบ มองหน้าเลขาครู่หนึ่งแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงาน ปล่อยให้เต้ยยืนนิ่งเงียบ ในใจรู้สึกร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
...ธีรดนย์เลือกวิธวินท์ ธีรดนย์รักวิธวินท์จริงๆ อย่างนั้นหรือ บ้ากันไปใหญ่แล้ว...
...ธีรดนย์ดูจริงจังมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และที่แน่ๆ ไม่เลือกภิรายุ...
...ภิรายุก็จะเคว้ง วิธวินท์ก็ต้องช่วยเพื่อนให้หายเจ็บปวด คนที่จะดามอกก็คงหนีไม่พ้นศรายุธนักบุญ...
...ศรายุธของเขา...
...เขายอมไม่ได้ เขาแพ้ไม่ได้ แพ้ภิรายุไม่ได้ แพ้วิธวินท์ไม่ได้ และตอนนี้ธีรดนย์ก็ประกาศออกมาแล้วว่าใครหน้าไหนมาขวางตัวเองกับวิธวินท์ก็จะจัดการให้เรียบ...
...จัดการเต้ยหรือ เฮอะ ไม่ง่ายนักหรอก...
ปกติเต้ยไม่ใช่เป็นคนขับรถเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถในกรุงเทพฯ แต่เย็นวันนี้โชคดีที่การจราจรค่อนข้างโล่ง และอารมณ์ก็กำลังคุกรุ่น เขาจึงขับรถฮอนด้าแจ๊ซคันเล็กของตัวเองปาดไปปาดมา ตั้งใจจะรีบไปให้ถึงบริษัทของศรายุธให้เร็วที่สุด
...เผื่อได้เห็นอะไรดีๆ อีก คราวที่แล้วเห็นเดินออกมาจากบริษัทกับภิรายุ คิดแล้วยังรู้สึกฉุนไม่หาย ศรายุธนี่ก็น่าตีนักเชียว ไม่รู้จะเอายังไง เที่ยงวันนี้ยังออกไปทานอาหารกับภิรายุ นี่ถ้าไม่โทรมาสืบเรื่องราวในบริษัทตอนกลางวันก็คงไม่รู้...
...แล้วตกลงภมรจะเป็นฝ่ายไหนกันแน่ หรือว่าจะแกล้งให้เราอกแตกตาย แล้วอีตาภมรนี่ก็ดูเหมือนจะเชียร์ให้วิธวินท์ได้ลงเอยกับธีรดนย์เสียจริง...
...ศรายุธเป็นคนอ่อน หากภิรายุออดอ้อนใช้มารยาเหมือนเขาหน่อยก็คงใจละลาย เพราะว่าแม้ไม่ใช้เล่ห์กล ภิรายุก็เป็นคนน่ารัก ใครได้ใกล้ชิดด้วยก็คงเผลอตัวเผลอใจไม่ยาก...
...อ้าว มาว่าตัวเองใช้มารยาได้ยังไง แล้วทำไมจะต้องคิดว่าใครอยู่ใกล้ภิรายุก็ต้องชอบกันทุกคน ธีรดนย์ยังไม่เห็นหลงเลย...
...แต่หากไม่มีวิธวินท์ก็ไม่แน่ หรือหากธีรดนย์ได้วิธวินท์แล้วก็ไม่แน่เช่นกัน ตอนนี้ธีรดนย์ยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการจากวิธวินท์เฉยๆ คนเรา ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้ นิสัยของธีรดนย์เป็นยังไงเขารู้ดี แต่ศรายุธนี่สิ ดูเหมือนว่าจะมองออกทะลุปรุโปร่ง แต่คิดไปคิดมา เขาก็มองศรายุธไม่ค่อยออกเพราะเป็นคนค่อนข้างเก็บความรู้สึก ไม่เหมือนธีรดนย์ รายนั้นแค่มองตายังไม่ทันอ้าปากก็รู้ว่าจะพูดอะไร แล้วเวลาพูดก็ไม่ต้องใช้สมองคิดตีความให้ยาก ธีรดนย์กับเขานั่นเหมือนๆ กัน ต้องชนะให้ได้ ต้องเอาให้ได้ อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้ ไม่งั้นไม่ยอม...
ไม่นานเลขานักสู้ก็จอดรถหน้าอาคารสี่ชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท Network Solutions พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ไฟตามถนนเปิดสว่าง อากาศปลายเดือนธันวาคมเริ่มเย็น อีกไม่กี่วันจะถึงวันหยุดสิ้นปี
...เขาอยากชวนศรายุธไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสอง หนีจากเรื่องยุ่งๆ ที่กำลังเกิดขึ้น...
รปภ. ที่ได้ขนมเป็นของฝากจากเต้ยสองครั้งแล้วยิ้มต้อนรับทันทีที่เห็นชายหนุ่มร่างบางเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นกล่องขนมให้ ยังไม่ทันที่เต้ยถาม ยามร่างผอมวัยกลางคนก็รายงานว่าศรายุธยังทำงานอยู่ที่ห้องทำงานชั้นสอง เต้ยกล่าวขอบคุณแล้วขึ้นบันไดไปช้าๆ ยิ้มบางๆ เมื่อนึกภาพใบหน้าของศรายุธ ในใจอดขำตัวเองไม่ได้ที่มาหลงไหลชายหนุ่มผิวเข้มท่าทางเรียบๆ นิ่งๆ พูดจาเนิบนาบ
...คุณอาของวิธวินท์ บุคลิกหน้าตาท่าทางอย่างนี้นี่นะเป็นอาของวิศวกรหนุ่มที่ดื้อรั้นไม่ใช่เล่น คนแรกที่ปั่นหัวธรดนย์คนเจ้าชู้จนเพี๊ยนไปน่าใจหาย...
...อากับหลาน ท่าทางอายุไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นัก แต่ศรายุธก็ดูเหมือนจะคุมวิธวินท์อยู่ เก่งถึงขนาดบังคับให้วิธวินท์ยอมไปพบขอโทษธีรดนย์ได้ถึงที่ทำงาน...
...อากับหลาน ที่....
เต้ยหยุดกึกที่ใกล้กับหน้าต่างมุมห้องทำงานห้องใหญ่บนชั้นสอง ภมร วิธวินท์และเลขาประจำสำนักงานนั่งทำงานรวมกันอยู่ในห้องนี้ ส่วนศรายุธมีห้องทำงานแยกต่างหาก แต่ว่าตอนนี้นั่งหมิ่นๆ อยู่บนขอบโต๊ะทำงานของวิธวินท์ที่นั่งมองจอคอมพิวเตอร์เหมือนกำลังดูอะไรเรื่อยเปื่อย
...ปากแดงๆ ยิ้มกว้าง เหมือนกำลังขำอะไรซักอย่างที่ศรายุธกำลังพูด ส่ายหน้าช้าๆ เหมือนจะแย้งกับผู้เป็นอาซึ่งยิ้มกว้างเช่นกัน...
...ใบหน้าของศรายุธนั้นไม่ได้หล่อเหลามากนักหากเทียบกับธีรดนย์ หรือแม้กระทั่งบารมี หรือชายหนุ่มคนอื่นๆ ที่เขาเคยคบ แต่เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมชอบศรายุธมาก...
...ศรายุธที่เย็นนี้ดูร่าเริงยิ่งนัก...
...ศรายุธที่ยกมือขึ้นตบแก้มวิธวินท์เบาๆ...
เต้ยยืนนิ่ง ก่อนจะถอยหลังไปอีกสองก้าว ตามองเข้าไปในห้อง มือที่จับโทรศัพท์อยู่เริ่มกำแน่น
วิธวินท์แหงนหน้ามองผู้เป็นอา แลบลิ้นล้อเลียน แล้วหัวเราะ ก่อนจะดันเก้าอี้ที่นั่งอยู่ให้ถอยหลังออกไป ส่วนศรายุธก็โน้วตัวตาม ยกมือขึ้นผลักหน้าผากของหลานเบาๆ วิธวินท์เอียงหน้าหลบ แล้วลุกขึ้นยืน เดินไปที่โต๊ะใกล้ๆ แล้วค้นหาอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่เจอ จึงเดินไปอีกโต๊ะหนึ่ง และย้อนกลับมาที่เดิม ตลอดเวลา มีศรายุธมองตามด้วยสีหน้าอ่อนโยน
...ศรายุธมองตามวิธวินท์ทุกฝีก้าว หลานเดินไปเดินมาหาของอยู่ในห้อง คนที่เป็นอานั่งอยู่บนโต๊ะ มองตามด้วยสายตาเป็นประกาย ขนาดเขายืนแอบมองอยู่นอกห้องยังเห็นประกายตาพราวระยับของศรายุธ...
...โอ...ไม่...ไม่นะ ไม่...
เต้ยหันหลัง เดินลงบันไดไปช้าๆ แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร สายตาของศรายุธนั้นชัดเจนมาก เขาพยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่เห็นคือการหยอกล้อระหว่างคนสนิทกัน ระหว่างอาที่เอ็นดูหลาน ระหว่างคนที่...คนที่...คนที่...
...ไม่ใช่ภิรายุหรอกหรือนี่...
...ไม่ใช่เขาหรอกหรือนี่...
...ที่ศรายุธบ่ายเบี่ยง ขอเวลาคิด ก็คงเป็นเพราะ...
...บ้าจริงๆ เลย บ้าที่สุด ทำไมต้องเป็นแบบนี้...
...แล้วที่วิธวินท์ไม่ยอมตกลงปลงใจไปกับธีรดนย์ล่ะ เพราะอะไรหรือ แค่เพราะที่ไม่ชอบคนเจ้าชู้ หรือมีเหตุผลอื่น...
...อยากให้ธีรดนย์มาเห็นนัก...
...อยากให้ธีรดนย์เห็นนัก...
เต้ยยืนอยู่หน้าประตูทางออกบริษัท สูดลมหายใจลึกๆ แล้วหันหลังกลับ เดินขึ้นไปบนชั้นสองของบริษัท Network Solutions อีกครั้ง คราวนี้ แต่ละก้าวที่ปีนขึ้นไปบนบันไดทำให้เขากัดฟันจนเจ็บ มือกำราวบันไดแน่นแล้วออกแรงดึงตัวเองให้ขึ้นไปช้าๆ ปากเม้ม หายใจแรง คิ้วขมวด สองความคิดในสมองพยายามถกเถียงกันว่าควรก้าวต่อไปอีกดีหรือไม่
...แค่ที่เห็นเมื่อกี้นั้นไม่พอหรือ...
...เขาต้องการยืนยันให้แน่ใจ เขาเป็นเลขานุการของเจ้านายที่ไม่เหมือนใครในประเทศ นิสัยเขาต้องยืนยันข้อมูลที่ได้มาให้แน่นอนทุกครั้งไม่เคยพลาด...
*****31****
