ขอโทษที่ทำให้อารมณ์ค้างกันนะครับ แต่ในชีวิตจริงไม่เคยทำให้ใครค้างหรอกครับ

ขอบคุณสำหรับความเห็นและกำลังใจ ตอนนี้ต้องอ่านหนังสือสิบกว่าเล่มภายในหนึ่งอาทิตย์ครับ เคยกันไหมครับที่ส่งงานอาจารย์แล้วส่งกลับมาพร้อมกากบาทและมีแสตมป์สีแดงใหญ่ขนาดเท่า A4 บอกว่า "ทำใหม่"
อยากจะร้องให้ แต่พอดีเป็นคนชอบสู้ตายไม่เคยถอย ก็เลยยืดหน้าอย่างทรนงแล้วชูสองนิ้ว เอียงหน้า ทำแก้มป่องนิดๆ แล้วพูดว่า "สู้ตายฮ่ะ"
ตอนที่เหลือของบทที่ 29 มาแล้วครับ ขอบคุณครับที่เชียร์ผม เอ๊ย ธีรดนย์

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ชีวิตมีก็มีวิวัฒนาการของมันบ้างล่ะนะ

บทที่ 29 ต่อ
“ราตรีสวัสดิ์” วิธวินท์ไล่แขกเสียงห้วน แล้วหันกลับเดินออกไปยังประตูด้านหลังของออฟฟิสเพราะต้องการหนีหน้าธีรดนย์ หรือไม่ก็ไปหาเสื้อมาสวมเสียก่อน หลังจากนั้นจะออกมา “ไล่” ธีรดนย์อีกครั้งหากฝ่ายนั้นไม่ยอมไป
แต่ทันใดนั้นไฟก็ดับ ธีรดนย์กับวิธวินท์อุทานขึ้นพร้อมกันแล้วตามด้วยเสียงดังโครม และเสียงร้องของธีรดนย์เพราะคงเดินชนโต๊ะหรืออะไรซักอย่าง
“คุณธีรดนย์ กลับไปซะเถอะ ดึกขนาดนี้แล้วคุณมาวุ่นวายอะไรที่นี่” วิธวินท์ตะโกนไล่
“กลับได้ยังไง มองไม่เห็นทาง อูยเจ็บ” เสียงธีรดนย์ตอบในความมืด
“คุณยืนอยู่เฉยๆ อย่าขบัย เดี๋ยวจะเดินชนของเสียหาย”
“เออนี่ คุณกลัวของพัง แทนที่จะห่วงว่าผมจะเจ็บตัว” ธีรดนย์บ่น
“คุณจะมาทำไมก็ไม่รู้” วิธวินนท์บ่นเช่นกัน พลางเดินคลำทางออกไปทางด้านหลังของสำนักงานเพื่อตรวจดูระบบไฟ
“วิธวินท์ จะหนีไปไหน” ธีรดนย์ร้องตามเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มห่างออกไป
“ผมจะหนีที่ไหนเล่า ผมจะไปดูไฟ”
“อย่าทิ้งกันไว้แบบนี้สิ ผมกลัวความมืด” ธีรดนย์เสียงอ่อน
“จะบ้าหรือ เป็นผู้ใหญ่ ตัวโตขนาดนี้ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง” วิธวินท์บ่นเสียงดัง
“ถ้าบอกว่ากลัวผีก็จะหาว่าผมไร้สาระเกินไป”
“อยู่เฉยๆ ตรงนั้นล่ะ” วิธวินท์ไม่สนใจเพราะคิดว่าธีรดนย์อาจแกล้งพูด วิศวกรหนุ่มเดินไปที่ประตูแล้วออกไปจากห้อง มุ่งตรงไปยังตู้ไฟ แสงไฟจากนอกอาคารส่องเข้ามาพอให้เขามองเห็นทาง ไม่นานก็มาหยุดยืนอยู่หน้าตู้ควบคุมไฟ วิธวินท์ผลักแผงควบคุมไฟให้ไปอยู่ที่ตำแหน่ง “ON” ไฟสว่างวาบขึ้นมาไม่ถึงสามวินาทีแล้วก็ดับลงอีกเพราะเบรกเกอร์ดีดกลับมาเช่นเดิม วิธวินท์สบถอย่างอารมณ์เสียพร้อมได้ยินเสียงโครมครามในห้องทำงาน จึงส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความระอาที่ธีรดนย์ไม่ยอมเชื่อ
...คนอะไร ดื้อเป็นเด็กแบบนี้ น่าจะให้อยู่ในความมืดนานๆ กลัวความมือจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้...
...แล้วนี่มาทำไม ที่บอกว่าจะมาชวนเขาไปฉลองคริสต์มาสนั้นสงสัยเป็นข้ออ้าง ที่จริงแล้วคงตั้งใจว่าจะมา...
...เฮ้ย จะบ้าหรือ นี่กะจะมาเผด็จศึกเขาถึงนี่เลยหรือนี่ เล่นกันขนาดนี้หรือไง ช่างกล้านัก แล้วใครเปิดให้เข้ามาในบริษัทวะ ยามหรือจะกล้าถ้าไม่มีใครสั่งเอาไว้...
...ต้องมีใครเป็นใส้ศึกแน่ๆ ไม่น่าจะใช่อายุธ ผู้ต้องสงสัยคนเดียวก็คงเป็นภมร เจ็บใจนัก ไอ้ผึ้งงาน เจออีกทีละน่าดู...
“วิธวินท์ ช่วยด้วย” เสียงธีรดนย์ร้องดังออกมาจากห้องทำงาน ตามด้วยเสียงโครมครามอีกครั้ง
วิธวินท์เบ้ปาก แล้วแก้ไขตู้ควบคุมไฟอย่างใจเย็นจนเรียบร้อย ไฟสว่างขึ้นและใช้งานได้เช่นเดิม วิศวกรหนุ่มจึงคว้าเสื้อที่แขวนอยู่หน้าห้องน้ำมาสวมแล้วเดินกลบไปที่ห้องทำงาน ตั้งใจว่ายังไงก็จะจัดการไล่ธีรดนย์ออกไปให้ได้
แต่เมื่อเข้ามาในห้อง วิธวินท์ก็เกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มมาดเท่ หลงตัวเอง ที่คิดว่าหล่อเร้าใจกว่าใครนอนหงายอยู่กลางห้อง มีจอคอมพิวเตอร์และสายระโยงระยางวางพาดอยู่หน้าอกและหน้าทอ้ง กล่องใส่อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์กองอยู่บนหน้าขา แฟ้มและกระดาษกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“คุณทำอะไร” วิธวินท์กระชากเสียง ทำหน้าดุ ทั้งที่พยายามกลั้นหัวเราะ
“ผมก็ล้มนะสิ ถามได้” ธีรดนย์น้ำเสียงหงุดหงิด พยายามหยิบสิ่งที่อยู่บนตัวออก
“คุณทำข้าวของผมเสียหาย ซีพียูกับจอคอมพิวเตอร์คงพักแล้ว”
...ดีนะที่พรินเตอร์ไม่หล่นลงมาทับหัว ถ้าเครื่องนั้นไม่ใหญ่และหนัก เขาก็อยากให้หล่นใส่ธีรดนย์เสียจริงๆ...
“ผมยินดีชดใช้ มาช่วยผมก่อนสิวิธวินท์”
“พูดไม่มีหางเสียงเลย”
“วิธวินท์จ๋า ช่วยผมหน่อยสิจ๊ะ” ธีรดนย์ประชดทันที แต่ไม่รอให้อีกฝ่ายเข้าไปช่วย มือยังพยายามดึงสายต่อคอมพิวเตอร์ออก ส่วนวิธวินท์ก็โวยวายว่าจะทำให้ของเสียหายและจะทำให้สแกนเนอร์กับอุปกรณ์ต่อพ่วงชิ้นอื่นๆ หล่นลงมาด้วย
“คุณต่อสายอะไรระโยงระยางเยอะแยะไปหมด ทำไมไม่รู้จักใช้ไร้สายกับเขาบ้าง” ธีรดนย์บ่น และในที่สุดก็เอาตัวออกมาจากความยุ่งเหยิงได้
“พังหมดเลย” วิธวินท์ถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า เดินเข้าไปก้มเก็บสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ลืมนึกไปว่าตัวเองใส่เสื้อตัวโคร่งและกางเกงตัวเล็ก และอีกคนที่นอนหงายอยู่บนพื้นก็แอบมองตาเป็นมัน
“ขอเปลี่ยนจากการขอโทษเป็นการชดใช้นะครับ” วิธวินท์พูดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย จึงไม่เห็นว่าธีรดนย์อมยิ้ม นัยน์ตาวิบวับ
“พาออกไปซื้อคืนนี้ยังได้เลย”
“ใครที่ไหนเขาขายกัน”
“วิธวินท์” ธีรดนย์เสียงเบา “ไปหาอะไรดื่มกันเถอะ ผมอยากฉลองคริสต์มาส”
“เละเทะอย่างนี้จะไปไหนได้ยังไง ผมต้องเก็บของให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวโดนอายุธด่าตายเลย”
“แล้วค่อยมาเก็บ” ธีรดนย์ต่อรอง
“ไม่ได้หรอก คุณอยากจะดื่มอยากจะฉลองก็ไปคนเดียว” วิธวินท์ส่ายหน้า
“ผมอยากฉลองกันคุณ” ธีรดนย์เสียงนุ่ม เอื้อมมือไปกุมมือของวิธวินท์ที่กำลังหยิบสายคอมพิวเตอร์ท่าวางอยู่บนพื้น ชายหนุ่มดึงมือกลับทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมาทำตาดุใส่คนที่ฉวยโอกาสตอนเผลอ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” คนโดนแต๊ะอั๋งทำเสียงห้วน
“ทำไมล่ะ ผมทำแบบนี้มันผิดตรงไหน ผมแสดงความในใจออกมาไม่เห็นแปลก คุณสิ คิดยังไง จะเก็บงำเอาไว้ทำไม” ธีรดนย์พูดเสียงเรียบ ตาจับอยู่ที่แก้มแดงๆ ของชายหนุ่มที่เขาเฝ้าจีบอยู่หลายเดือนแล้ว
“อยากให้ผมแสดงอารมร์จริงๆ หรือ” วิธวินท์พูดขึ้นเสียงเย็นหลังจากเงียบไปชั่วครู่ “ได้เลย ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับผมเพราะผมไม่ต้องการให้เพื่อนเสียใจ และผมอยากให้คุณจริงจังกับภิรายุ คนดีๆ อย่างนั้นคุณจะต้องเสียดายหากปล่อยให้หลุดลอยไป หรือถ้าคุณไม่คิดจะจริงจัง ก็เลิกยุ่งกับเพื่อนผม เลิกยุ่งกับผม เลิกยุ่งกับเราทั้งสองคน”
“ผมบอกแล้วไงว่าหากคุณยอมเป็นแฟนผม ผมจะไม่ยุ่งกับภิรายุ”
“คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง” วิธวินท์ถอนหายใจเสียงดัง
“ก็คนมันชอบซะแล้วจะให้ทำยังไง” ธีรดนย์ยักไหล่
“คุณมันคนหลายใจ ชอบใครไปทั่ว มั่วไม่เลือก”
“อย่ามาว่ากันขนาดนี้นะวิธวินท์” ธีรดนย์เสียงเข้มขึ้น
“ยังน้อยไปสำหรับประธานสมาคมคนเจ้าชู้แห่งประเทศไทย อย่ามาพูดว่าผมว่าคุณน้อยไป ถ้าถึงขนาดคุณติดสติกเกอร์ไว้บนรถแบบนี้ มันก็ต้องสื่อถึงตัวตนคุณบ้าง ไม่ให้เชื่อไม่ได้หรอก นี่ยังไม่นับพฤติกรรมของคุณนะ”
“ถ้าคุณสังเกต จะเห็นว่าพฤติกรรมของผมเปลี่ยนไป และผมก็เอาแต่ตื๊อคุณไม่เลิกลา ทำไมล่ะวิธวินท์ เคยคิดไหมว่าทำไม แล้วไอ้สติกเกอร์บ้าๆ นั่นนะ ผมดึงทิ้งออกไปตั้งนานแล้ว จะดูไหม จะพาไปดูที่โรงรถที่บ้านคืนนี้เลย รถคันนั้นตั้งแต่คุณขับปาดหน้า ผมก็ไม่ค่อยขับ” ธีรดนย์อธิบาย
“รถยังมีตั้งหลายคัน แล้วประสาอะไรกับ...” วิธวินท์กระแทกเสียงแล้วรีบหยุด “ช่างเถอะ”
“รู้นะว่าจะพูดอะไร” ธีรดนย์พูดเบาๆ วิธวินท์ไม่ฟัง พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วลุกขึ้นตั้งใจจะเดินออกไปทางประตูหลังของออฟฟิสอีกครั้งแต่ธีรดนย์คว้าข้อมือเอาไว้
“วิธวินท์ให้โอกาสผมบ้าง”
“โอกาสอะไร คุณตั้งใจจะฟันผมให้ได้สิไม่ว่า” วิธวินท์กระชากเสียง
“นั่นก็ใช่ ผมยอมรับ แต่ไม่ได้คิดจะฟันแล้วทิ้งนะ” ธีรดนย์ทำหน้าจริงจัง “ที่บอกว่าให้โอกาส คือให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง”
“ว่าคุณฟันแล้วจะทิ้งจริงหรือเปล่าใช่ไหม” วิธวินท์แทรก “ฝันไปเถอะ ถ้าไม่รัก ไม่ได้ผมหรอก”
“ถ้าผมรัก คุณจะยอมเป็นของผมหรือ” ธีรดนย์โต้กลับเสียงกร้าว “คุณจะให้ผมพิสูจน์หรือเปล่าล่ะ”
“คนบางคนไม่รู้จักความรักหรอก” วิธวินท์หันขวับมามองหน้าธีรดนย์ “ ผมเบื่อจริงๆ เลยไอ้เรื่องรักใครข้างเดียวนี่ กี่คนต่อกี่คนที่ต้องเจ็บปวดกันเพราะเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆ คนใกล้ตัวผมกำลังทรมานอยู่ทุกคืนเพราะคนที่เขารักเอาแต่ลอยไปลอยมาหาความสนุกอยู่ทั่วเมือง”
“วิธวินท์” ธีรดนย์เสียงเข้ม ขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจยิ่งนัก
...ไม่เคยเลยที่จะรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวแบบนี้ วันนั้นที่โดนภิรายุว่าไม่ต้องการรับเดนใคร เขาก็เจ็บพอสมควร แต่ตอนน้ ถ้อยคำเชือดเฉือนของวิธวินท์ทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่า...
...ทำไม ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังหรือรักใครเป็นบ้างหรือไง เขาก็มีหัวใจเหมือนกันนะ...
...แต่เรื่องรักใครข้างเดียวนี่อย่าหวังเลย เขาไม่มีวันรักใครข้างเดียวหรอก ยังไงๆ วิธวินท์ก็ต้องรักเขาให้ได้...
“ถ้ายังงั้น คืนนี้ผมก็คงได้ฉลองคริสต์มาสเหงาๆ คนเดียว” ธีรดนย์ทำหน้าสลด คอตก เปลี่ยนแผนใหม่ ในใจอยากทำให้วิธวินท์รู้สึกผิดที่ผลักใสเขาขนาดนี้ “เมอรี่คริสต์มาสนะครับวิธวินท์ นอนหลับฝันดี ฝันถึงคนที่คุณรักนะ ผมขอโทษที่มารบกวน”
...ราตรีสวัสดิ์สำหรับคืนนี้นะพ่อเรนเดียร์น้อย ธีรดนย์ไม่ยอมหยุดแค่นี้หรอก ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จะพิสูจน์และเคลียร์ตัวเองแล้วเดินหน้าเต็มตัว อย่าคิดจะมาหลอกให้รักแล้วหักอก ไม่ยอมหรอก...
***29********
