มา่ต่อบทที่ 22 ให้จบนะครับ
งานใหม่ยังไม่ได้ทำหรอกครับ มีเสนอมาให้แต่ขอทำใจซักระยะก่อน และคิดว่ารับจ้างทำเป็นจ๊อบๆ น่าจะดีกว่า แต่ไ้อ้งานเดินทางครึ่งทวีปเดือนละสามสี่ครั้งนี่ต้องคิดหนักมากๆ เงินเยอะ แต่เขาก็คงต้องเรียบร้องจากเราเยอะเหมือนกัน ใช่ป่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและเป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณทุกคนที่กดคะแนนให้
แต่ที่แน่ๆ พอออกจากงานที่ทำเป็นเวลาเซ็นชื่อเข้าออก ไปพักกลางวันตามเวลาเป๊ะ มีเวลาว่างเยอะขึ้นมาก ได้แวะไปนั่งกินโจ๊กหมูตอนเช้า ไม่ต้องขับรถไปกินเข้าเช้าไปด้วย มือขวาขับรถ มือซ้ายกินข้าว ตอนเย็นก็มือขวาขับรถ มือซ้ายทานของว่าง ไม่ใช่เพราะยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวเย็น แต่เพราะเลิกงานแล้วหมดแรงและหิวมาก รอถึงบ้านไม่ไหว เลยต้องคว้าอะไรในตู้เย็นที่ออฟฟิสไปกินระหว่างทาง
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงานนะครับ อย่าให้สาหัสขนาดผู้เขียน
คิดดูนะ บางครั้งทำปากกาตก นั่งลงเก็บ พอได้ยินคนเดินเข้าออฟฟิสมาก็นั่งเงียบกับพื้น ทำเป็นไม่อยู่ในห้อง รอจนออกไปแล้ว ค่อยลุกขึ้นมา เพราะวันนั้นสู้กับคนไม่ไหวแล้ว คิดแ้ล้วก็สงสารตัวเอง
บ่นซะนาน ขอโพสครึ่งหลังของบทที่ 22 ให้จบนะครับ และบทที่ 23 จะรีบๆ ตามมานะ เรื่องนี้คิดว่ามีทุกรส รสเปรี้ยวหวานน่าจะมีแล้ว รสเจ็บๆ ขมๆ เดี๋ยวจะตามมา
*********************
...คืนนี้คงไม่ต้องนอนกันแล้ว ธีรดนย์นี่กวนจริงๆ เลย...
...คิดผิด คิดผิดจริงๆ ที่ยอมมาที่นี้ในคืนนี้...
...แล้วมาทำไมล่ะวิธวินท์ มาทำไม ไม่ชอบหน้าคนหลงตัวเองคนนี้แล้วมาทำไม...
...ปล่อยไปก่อน ตอนนี้เป็นทีของธีรดนย์ อย่าให้ถึงคราวของเขาบ้าง จะเอาให้คลั่งเลยทีเดียว...
'ที' ของวิธวินท์มาถึงเร็วดังใจนึก เช้าตรู่ ธีรดนย์ยังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง ส่วนวิธวินท์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว
"คุณธีรดนย์ครับ ตื่นเถอะ ผมจะไปแล้ว" วิธวินท์จงใจปลุกคนที่บอกว่าตื่นแต่เช้า
"หือ จะไปแล้วหรือ" ธีรดนย์งัวเงียลืมตาขึ้นมามองวิธวินท์ช้าๆ
...หน้าขาวใส คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากแดง มองลงมาดูเขาตาแป๋วเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่มีผิด...
...วิธวินท์ ผม...
"ขอบคุณนะครับสำหรับเมื่อคืนที่รักษาสัญญา" วิธวินท์ยิ้มให้ ในใจนึกสนุกอยากทิ้ง 'อะไร' บางอย่างให้ธีรดนย์เก็บไปคิด
"หือ อะไรนะ" ธีรดนย์งง ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มพูดกับเขาดีๆ
"แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ " วิธวินท์ก้มหน้าลงมา ยื่นมือไปแตะแก้มสากๆ ของคนที่นอนอยู่บนเตียง แล้วดึงมือกลับช้าๆ ปลายนิ้วลากผ่านริมฝีปากของธีรดนย์อย่างแผ่วเบา เรื่อยจนถึงต้นคออีกด้านและแผ่นอก ส่งผลให้คนที่นอนอยู่มองตามตาปริบๆ
...โอว นี่หรือคือสัมผัสของวิธวินท์...
...เมื่อกี้เขาลืมหายใจ...
"วิธวินท์" ธีรดนย์ครางเสียงแผ่ว ยันตัวลุกขึ้น ศอกตั้งอยู่บนเตียง มองตามชายหนุ่มร่างสูงที่เดินไปยังประตูด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะลุกวาบขึ้นด้วยความถูกใจเมื่อวิธวินท์ก้มลงผูกเชือกรองเท้า แล้วยืดตัวขึ้นยืน หันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากประตู ในใจของธีรดนย์พองโตเพราะรู้สึกว่าชายหนุ่มแสดงท่าทีอ่อนโยนกับเขา ในใจบอกตัวเองว่า เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นคุ้มค่ามาก มีความสุขยิ่งกว่าพาคู่นอนคนแล้วคนเล่าไประเริงรักด้วยที่บ้าน
...ชักจะยังไงๆ ซะแล้ว นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการ 'อยากได้' ตัวของวิธวินท์อย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก เขาอยากได้มากกว่านั้น อยากได้มากกว่าตัว...
...เกิดอะไรขึ้นกับเขา เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้...
วิธวินท์ตักข้าวต้มหมูสับเข้าปากช้าๆ ตามองภมรที่นั่งทานอาหารเงียบๆ เช่นกัน รู้สึกแปลกใจที่เพื่อนไม่ถามว่าเมื่อคืนทำไมเขาไม่กลับไปนอนที่ห้องพักโรงแรม
"เมื่อคืนหลับสบายไหมภมร" วิธวินท์ตัดสินใจภามก่อน
"หา อะไรนะ" ภมรเงยหน้า เลิกคิ้ว ตาหลุกหลิก
...แค่นี้ก็รู้แล้วว่าภมรก็ไม่กลับมานอนโรงแรมเหมือนกัน...
"เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย เลยไม่ค่อยรู้สึกตัว" ภมรยิ้มแหยๆ
"แล้วกลับโรงแรมได้ยังไงล่ะ คลานกลับมาหรือต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน"
"จะรู้ไปทำไม" ภมรตอบเสียงห้วนแล้วหันไปมองคนที่เดินตรงมาที่โต๊ะพร้อมกันบ่นพึมพำ "อะไรกันล่ะที่นี้"
วิธวินทห์หันตามจึงเห็นว่าศรายุธเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าคุณอาหนุ่มของเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
"ไหนบอกว่าดูแลตัวเองได้ เมื่อคืนหายไปไหนกันมาทั้งสองคน" ศรายุธเสียงเข้ม มองวิธวินท์กับภมรสลับกันไปมา
"ไอ้วินท์" ภมรหันมาถลึงตาใส่เพื่อน "แหม เมื่อกี้ซักไซร้ไล่เลียงเหมือนเราหายไปคนเดียว แกก็ด้วยหรือ"
"วินท์ อาเป็นห่วงแทบแย่" ศรายุธใบหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"โธ่ ผมโตอายุย่าง 28 ปีแล้วนะครับ เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย เลยไม่ค่อยรู้สึกตัว" วิธวินท์โอดครวญ ยืมคำพูดของภมรมาใช้ "ผมก็เลยไม่ได้กลับโรงแรมเพราะอันตราย พอดีผมเช่ามอเตอร์ไซด์ขับไปเที่ยวผับท้ายเกาะ"
"แล้วพักที่ไหน" ศรายุธถาม หากในใจอยากพูดต่อว่า 'พักกับใคร'
...ขออย่าให้เป็นธีรดนย์เลย...
"พักกับคุณธีรดนย์มั๊ง" ภมรตอบแทน
"ปากเสีย เดี๋ยวโดนตบปากแตก" วิธวินท์หันไปถลึงตาใส่เพื่อน ยกหลังมือขึ้นทำท่าจะตบภมรจริงๆ
"อายุธครับ ช่วยภมรด้วย ผมจะเก็บปากไว้กินส้มตำตอนกลางวัน" ภมรเอียงหน้าหนี ทำท่าจะซบไหล่ศรายุธที่ไม่มีสีหน้าล้อเล่นด้วย
"อาไม่อยากให้วินท์ไปยุ่งอะไรกับคุณธีรดนย์ อาไม่ค่อยไว้ใจเขา" ศรายุธพูดเสียงเรียบ
"อ้าว" ภมรอุทานแล้วทำหน้าเหรอหรา
"ผมไม่ได้อยากจะยุ่งกับเขานักหรอกื อายุธนั่นล่ะเอาเขามายุ่งกับผม นี่มาเที่ยวกันคุณธีรดนย์ยังมาโผล่กลางทะเล อายุธโดนคุณเต้ยหลอกใช้เป็นเครื่องมือหาหนุ่มใส่ปากเจ้านาย" วิธวินท์เบ้ปาก ทำหน้าตึงเหมือนกัน
"อาเผลอพูดอะไรออกไปเฉยๆ ไม่นึกว่าคุณเต้ยจะไปวางแผนกับคุณธีรดนย์ อาไม่ได้คิดว่าเขาจะ..."
"งงไปหมดแล้ว" ภมรพูดแทรก มองหน้าอาหลานอย่างงงๆ
"คุณเต้ยถามนั่นถามนี่จนอาพูดอะไรออกไปไม่ทันระวัง" ศรายุธแก้ตัว
"บอกแล้วไงว่าอายุธตามคุณเต้ยไม่ทัน ไม่เหมาะกัน"
"วินท์ อาเป็นห่วง ไม่อยากให้วินท์ตกเป็นของเล่นของคุณธีรดนย์ ออกห่างเขาเสียเถอะ"
"ผมหนีเขาเหนื่อยจะตามอยู่แล้ว ไม่ต้องมาบอกผมหรอก" วิธวินท์ทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ
"ผมก็ว่าคุณดนย์ไม่ได้แย่อะไร จริงอยู่ เขาเจ้าชู้แต่เขาก็ลงทุนมากนะ ถ้าไม่ชอบวินท์มากจะทำอะไรขนาดนี้หรือ คนเจ้าชู้หวังจะเคี้ยวเล่นน่ะ เขาไม่ลงทุนเป็นล้านๆ หรอก" ภมรรีบพูดแล้วรีบหุบปาก ทำตาโต มองออกไปทางด้านข้าง
"อย่าบอกนะว่าเขาลงทุนซื้อเรือมาจอดดักอยู่กลางทะเล" วิธวินท์เข้าใจไปอีกอย่าง
"จะบ้าหรือ ใครจะทำอะไรขนาดนั้น" ภมรรีบปฏิเสธ "เราพูดเว่อร์ไปยังงั้นเอง ประเด็กก็คือ เขาใจถึงมากและท่าทางมุ่งมั่นเกินกว่าจะจีบเล่นประเภทฟันครั้งเดียวแล้วทิ้ง คุณธีรดนย์นี่แปลกๆ เอาการอยู่นา"
"เขาเห็นเป็นการท้าทายละสิ คนหล่อและรวยอย่างเขา มั่นใจในตัวเองมากๆ อย่างเขา อยากได้ก็ต้องได้" ศรายุธพูดขึ้นมา
"อายุธเปลี่ยนไปนะ นึกว่าเชียร์คุณดนย์ ไหงอยู่ดีๆ มากลับลำแบบนี้" ภมรเอียงหน้าถาม ทำท่าสงสัย
"อาไม่ได้เชียร์ ก็แค่ตอบคำถามคุณเต้ย และก็..."
"อาไม่ทันคุณเต้ย บอกแล้วว่าไม่เหมาะกัน ให้หันมามองภิรายุก็ไม่เชื่อ" วิธวินท์กระแทกเสียง "ของดีมีอยู่กับตัวไม่เห็นคุณค่า"
"แต่ว่า..." ศรายุธทำท่าจะเถียงแต่ภมรรีบแทรกขึ้นมาเสียก่อนเพราะเริ่มรู้สึกว่าการคุยกันจะกลายเป็นการเถียงกันเสียแล้ว
"พอเถอะๆ อย่ามาเถียงกันเรื่องนี่เลย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และเสียงเรียกร้องของหัวใจ"
...เสียงเรียกร้องของหัวใจหรือภมร เสียงเรียกร้องของหัวใจหรือ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก...
ศรายุธหันไปมองภมรด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ราวกับจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองก็อยากจะหยุดการสนทนาเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
วิธวินท์ถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งเงียบชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้นและบอกว่าจะไปหยิบผลไม้กับน้ำส้มคั้น ภมรลุกตาม ส่วนศรายุธนั้นมองสองหนุ่มเดินไปด้วยสายตาครุ่นคิด
...เกิดอะไรขึ้น เขาไม่อยากให้ธีรดนย์มายุ่งวุ่นวายกับวิธวินท์อีกแล้ว...
คำถามของเต้ยเมื่อคืนนี้ยังดังก้องอยู่ในหัว
..."แล้วหัวใจคุณยุธล่ะคับ พอจะพิจารณาเต้ยบ้างได้ไหม"
คำตอบของเขาที่ไม่พูดออกมาก็ดังก้องเช่นกัน
..."ผมกำลังคิดอยู่ ขอเวลาผมอีกนิดนะคุณเต้ย ผมกำลังพิจารณา มันมีหลายเรื่องต้องคิด หลายอย่างต้องทำ...
...หลายคน...
****end of chapter 22****