หุหุ ผมก็จะได้จำได้ด้วยแหละๆ ความจำสั้นต้องอ่านหลายๆรอบ คิกคิกเลยเอามาเก็บไว้จะได้หากันง่ายๆ

ว่าแต่ปริ้นเป็นคนแบบนี้เองเหยอ คิกคิกว่าแล้วไม่ค่อยอ่านนิยายทั่วไป ต้องอ่านเซ็กสตอรี่แน่เยย อยู่บอร์ดไหนน้า คิกคิก

***************************************************************************************************************
ตอนที่ 6 ของ นายนพพร
“Love Island”
ทุกครั้งที่กลับมาดูกระทู้ตัวเองแล้วเห็นคนลงความเห็นและเฝ้ารอดูตอนต่อไป มันเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มใจแบบบอกไม่ถูกจริงๆครับ ผมไม่สามารถรู้ได้ว่า มีคนติดตามผลงานของผมมากน้อยแค่ไหน ถ้าปราศจากความเห็นทุกๆความเห็นที่เขียนให้ผม ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ
ตอนที่ 6 นี้ผมให้ชื่อตอนว่า Love Island ก่อนที่ผมจะพาทุกคนข้ามไปขึ้นเกาะแห่งความรักของผมด้วยกัน ผมยังคงพักอยู่ในตัวเมืองก่อนอยู่ในคืนนี้ ช่วงบ่ายในวันแรกของ trip นี้ หลังจากทานข้าวกับพี่นารีเสร็จ น้อยตั้งใจมาหาเพื่อนซึ่งเคยเข้าข่ายมัธยมอะไรด้วยกันนี่แหละ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไม่รบกวนน้อย โดยผมคิดว่าจะเดินเล่นในตัวเมืองไปเรื่อยๆ แต่ด้วยฝนที่ยังคงตกพร่ำๆ น้อยบอกผมว่า ให้ผมขึ้นรถไปด้วยกันกับเขา
น้อย : “นพจะไปไหน ช่วงบ่าย”
นพพร : “ผมยังไม่แน่ใจเลยน้อย อาจจะเดินเล่นรอบๆตัวเมือง น้อยไม่ต้องห่วงผมนะ ผมเดินเองได้ นี่ไง ผมมี หนังสือนำเที่ยวติดมือมาด้วย รับรองว่าไม่หลง แล้วเย็นๆค่อยมาเจอกันที่ที่ทำงานพี่นารีแล้วกัน”
น้อย : “ฝนตกพร่ำอย่างนี้ออกไปเดินตกฝน เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก... ไปหาเพื่อนผมด้วยกันแล้วกันนะ”
นพพร : “ผมไปด้วยก็เกะกะเปล่าๆ นานๆจะได้มาที่นี่ซักที ผมไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณกับเพื่อน ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงจริงๆ”
น้อย : “เชื่อผม ไปด้วยกัน ผมไม่มีทางปล่อยคุณเดินตากฝนไปไหนในที่ที่คุณไม่รู้จักคนเดียวหรอก”
แล้วน้อยก็ดึงตัวผมขึ้นรถไป โดยไม่ให้โอกาสผมออกความเห็นใดๆเพิ่มเติม
เพื่อนน้อย เปิดร้านขายอุปกรณ์ computer อยู่ในตัวจังหวัด ร้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็มีคนเข้า-ออกพอสมควร น้อยเล่าให้ผมฟังว่า “ก๊อก” เพื่อนเขาคนนี้ เป็นเพื่อนที่รู้จักกันสมัยที่เข้าค่ายมัธยมฯ ด้วยกัน และน้อยกับก๊อก ได้อยู่ค่ายกลุ่มเดียวกัน ซึ่งผมก็พึ่งจะทราบว่า โรงเรียนในแถบจังหวัดภาคใต้ จะมีการให้เด็กๆ เข้าค่ายชุมนุมพบปะกัน เพื่อความสมัครสมานสามัคคี ทำไมโรงเรียนในกรุงเทพฯอย่างที่ผมเรียนไม่เห็นจะมีเลย (หรือว่ามี แต่ผมไม่เคยร่วมกิจกรรมแบบนี้ก็ไม่รู้)
พอมาถึง ร้านของก๊อก ตอนแรกผมก็เขินๆ ยังไม่กล้าเข้าไป เลยเดินวนเวียนแถวๆอยู่หน้าร้าน น้อย เดินออกมาตามผมให้เข้าไปข้างใน การเจอคนแปลกหน้าที่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเจอ ผมเลยไม่แน่ใจว่าจะทำตัวยังไงดี ได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา
น้อย : “เฮ้ย ก๊อกนี่เพื่อนเรา ชื่อนพพร”
นพพร : “สวัสดีครับ”
ก๊อก : “สวัสดีครับ ตามสบายเลยนะ ทานอะไรกันมาหรือยัง”
น้อย : “เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง แม่นายอยู่ไหน เราจะเข้าไปไหว้หน่อย”
ก๊อก : “ขึ้นไปสิ นอนเล่นอยู่ชั้นสอง”
น้อย : “นพ เข้าไปด้วยกันนะ”
จริงๆแค่เจอตาก๊อกอะไรนี่ ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว ยังให้ผมไปไหว้แม่เขาอีก หรือว่าผมเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีก็ไม่รู้ ผมค่อนข้างมีปัญหากับการ breaking ice เอามากๆ ผิดกับน้อยน้อยเท่าที่ผมรู้จัก น้อยเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย เอาซะมากๆ ทักทายคนแปลกหน้าได้อย่างไม่เขอะเขิน หรืออาจจะเพราะหน้าที่การงานของน้อยที่ต้องติดต่อลูกค้าเองก็เป็นได้ แตกต่างจากผมที่ทำแต่งานเอกสารเป็นส่วนใหญ่ การพูดคุยติดต่อกับคนที่รู้จักกันครั้งแรก เลยเป็นการยากสำหรับผมเอามากๆ
ผมคิดว่า น้อยเองก็คงจะรู้ว่าผมทำตัวไม่ถูก น้อยเลยพยายามหาเรื่องอะไรที่ผมพอจะคุยกับก๊อกได้บ้าง แต่ยังไงผมก็ยังอึดอัดอยู่ดี พอคุยได้แบบฝืดๆ
น้อย : “ ก๊อกจำพี่หมอดูไพ่ยิปซีที่เราเคยมาดูครั้งที่แล้ว ครั้งที่เรามานอนบ้านก๊อกได้ไหม คราวที่แล้วนี่โคตรแม่นเลย นพสนใจไหม เดี๋ยวให้ก๊อกพาไป นายจำทางได้ไหมก๊อก”
ก๊อก : “คิดว่าได้นะ นพชอบดูหมอไหมครับ เดี๋ยวพาไป”
นพพร : “แล้วแต่น้อยแล้วกันครับ”
น้อย : “แม่นจริงๆนะนพ นพลองไปดูสิ ครั้งที่แล้วที่น้อยมาดูนะ เขาบอกว่า น้อยจะได้เรียนต่อ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า เราจะสอบโทติด... นพลองดู อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่า งานที่ทำอยู่จะรุ่งหรือเปล่า”
ก๊อก : “นั่นสิ ครั้งที่แล้ว เขายังบอกว่า นายจะเจอความรักช่วงปีนี้ แล้วไงเพื่อน มีแฟนหรือยัง ไม่เห็นพาสาวๆมาเที่ยวให้เราเห็นบ้างเลย” ก๊อกเสริม
น้อย : “ เออ! จริงด้วย...ถ้านายไม่บอกก็ลืมไปเลย... สงสัยจะไม่แม่นก็แค่เรื่องนี้แหละ แต่เรื่องอื่น แม่นจริงๆนะนพ ไปดูด้วยกันนะนพนะ”
นพพร “อืม”
ผมขอสารภาพเลยว่า ผมเป็นคนไม่เคยดูหมอเป็นเรื่องเป็นราวเลยซักครั้ง อาจมีบ้างที่เพื่อนดูให้เล่นๆ แต่ไม่เคยต้องเสียเงินดูหมอเป็นจริงเป็นจัง จะบอกว่าผมเป็นคนไม่เชื่อหมอดูก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เหตุผลแรก อาจจะเพราะผมเชื่อตัวเองมากกว่า เพราะคงไม่มีใครรู้ดีว่าเราเป็นคนอย่างไรเท่ากับตัวเราเอง เหตุผลสุดท้าย ผมกลัวว่าถ้าดูแล้วไม่ดี มันจะเป็นการบั่นทอนจิตใจกันซะเปล่าๆ ผมไปดูหมอครั้งนี้เพราะตามใจน้อย น้อยเองก็กลัวผมเบื่อเลยพยายามหากิจกรรมให้ผมทำ
สุดท้ายแล้ว การไปดูหมอครั้งนี้ก็ไม่เป็นที่ประทับใจของผม (ตามคาด) หมอดูบอกเล่าในเรื่องของผมซึ่งผมรู้ดีอยู่แล้ว (เพราะมันคือตัวผม) สิ่งที่ผมอยากรู้ ผมก็ไม่ได้รู้ ว่าแล้วก็นึกเสียดายตังค์อยู่เหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะ น้อยเขาว่าแม่นของเขา เรื่องอย่างนี้ เป็นเรื่อง ลางเนื้อชอบลางยา
คืนนี้ ต่างคนต่างก็เหนื่อย หลังจาก ทานข้าวเย็นกับพี่นารีเสร็จ ต่างคนก็ต่างหลับ (กันคนละเตียง) ผมอาจจะเหนื่อยเดินทาง เมื่อ 12 ชั่วโมงที่แล้ว ผมยังอยู่กรุงเทพฯอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมมาอยู่ไกลจากกรุงเทพกว่า 800 กิโลเมตร น้อยเองก็คงเหนื่อยที่ขับรถจากหาดใหญ่มาถึงที่นี่
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นก่อนน้อย ตั้งใจว่าจะเดินชมเมืองยามเช้าไปเรื่อยๆ ผมเดินออกจากโรงแรม ถนนยังออกชื้นๆ เมื่อคืนฝนอาจจะตก (ผมหลับเป็นตายเลยครับ เลยไม่รู้ว่าฝนตกจริงหรือเปล่า) ผมเห็นพระรูปนึง กำลังเดินบิณฑบาต ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก็ใส่เงินลงไปในบาตรแทน และ อธิษฐานว่า ขอให้การเดินทางไปเกาะของผมราบรื่น ขออย่าให้ฝนเป็นอุปสรรคในการเดินทาง
ผมกลับมาที่ห้อง น้อยยังคงหลับอยู่ ผมก็เลยนอนต่อ เพราะไม่มีอะไรต้องรีบร้อน พี่นารีนัดให้เราไปเจอกันที่หน้าที่ทำงานพี่นารีประมาณ 10 โมง
ประมาณ 9โมง น้อยปลุกผมให้อาบน้ำและไปหาอะไรทานกัน มาถึงที่นี่ทั้งที่ เราก็น่าจะทานอาหารพื้นเมืองกัน ผมกับน้อยเลยตรงไปที่ร้านติ่มซำขึ้นชื่อในตัวเมือง ทานรองท้องก่อนลงเรือในช่วงเที่ยง
รถตู้ที่มารับเราไปลงท่าเรือมาค่อยข้าง late เอามากๆ ทำผมหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะนึกว่าน่าจะได้ไปถึงเกาะก่อนเที่ยง ช่วงบ่ายจะได้หากิจกรรมอะไรทำต่อ แต่ไม่เป็นไร ผมมีหนังสือติดมือมา สองสามเล่ม เลยได้นั่งอ่าน รอเวลาก่อนที่จะลงเรือ
มาถึงท่าเรือที่จะนำเราไปสู่เกาะ ฝนตกลงมาอีกแล้วครับ ท่าทางคำอธิษฐานของผมเมื่อเช้าจะไม่เป็นผล แต่หลังจากนั่ง speed boat ของทาง resort ไปถึงเกาะ ฝนก็ซ่าลงแล้ว มาถึงแล้วครับ เกาะในฝันของผม
หลังจากรับกุญแจห้อง (กระต๊อบไม้ไผ่) เรียบร้อย ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากกลับกรุงเทพฯ และ อยากอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ช่างเป็นชีวิตในฝันของผมจริงๆ กระต๊อบไม้ไผ่เล็กๆ ในห้องมีเตียงกว้างๆอยู่หลังนึง และห้องน้ำในตัว (ที่เปิดโล่ง) พออาบน้ำกับเสร็จ ผมก็ชวนน้อย ไปเดินเล่นรอบๆเกาะ เกาะที่นี่ก็ถือว่าไม่ใหญ่มากนะ (หรือว่าผมเดินริมหาดได้แค่ฝั่งเดียวก็ไม่รู้) ตลอดทางที่เดินมี resort ขึ้นเต็มไปหมด เสร็จแล้วก็เล่นน้ำ หน้าหาด ผมก็พึ่งรู้ว่าน้ำว่ายน้ำไม่เป็น น่าแปลกเหมือนกันนะ คนใต้ บ้านติดทะเลซะขนาดนั้นแต่ว่า ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ว่าน้อยก็ยังมี ทักษะในการลอยตัว (ดีกว่าผมซะอีก)
โชคดีที่ package ที่ผมซื้อ (จริงๆต้องเรียกว่า พี่นารีหาให้) รวมค่าอาหารเอาไว้ด้วย ทั้ง 3 มื้อ อาหารก็ถือว่าอร่อยทีเดียว แถวเราก็ยังเป็น คนไทย 2 คนที่อยู่ใน resort แห่งนี้ ผมเลยตีสนิทกับเด็กเสริ์ฟ และ แม่ครัว ให้ทำอาหารตามเมนูที่ผมอยากทาน
หลังอาหารค่ำ น้อย สั่งเครื่องดื่ม มานั่งดื่มด้วย ตรง Bar ริมหาด แรกๆ เราก็ยังนั่งกันอยู่บนโต๊ะหน้าหาดอยู่ดีๆ ซักพักเราก็มานั่งหันหลังชนกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
นพพร : “น้อยจำวันแรกที่เราคุยกันได้ไหม”
น้อย : “อืม วันนั้นผมกำลังขับรถกลับบ้าน แล้วคุณก็โทรมา คุณรู้ไหม วันนี้ฝนตกด้วยนะ”
นพพร : “แล้วคุยยังจะกลับไป fax เอกสารของพี่บลให้ผมอีกเหรอ ฝนตก ขนาดนั้น”
น้อย : “ไม่รู้สิ คุณขอให้ผมช่วย ก็คงแปลว่าคุณมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆ ผมช่วยได้ผมก็ช่วย”
นพพร : “จริงๆ วันนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก แค่ผมติดต่อ พี่บลไม่ได้เท่านั้นเอง ยังไงก็ขอบคุณน้อยมากๆนะ รวมทั้งที่มาเที่ยวกับผมวันนี้ด้วย”
น้อย : “นพคิดมากอีกแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ผมเองก็อยากมาอยู่แล้ว”
นพพร : “ก็กลัวว่า ที่คุณมาเป็นเพื่อนผมเพราะว่าคุณเกรงใจ”
น้อย : “จะเพราะอะไรก็ตามเถอะ ผมก็มากับคุณแล้ว”
นั้นสินะ ทำไมผมเป็นพวกชอบคิดมาก คิดไปเรื่อยเปื่อยก็ไม่รู้ อย่างว่า ผมมันเป็นลูกคนเดียว ชอบอยู่คนเดียว เลยทำให้จิตไม่ว่าง ชอบจินตนาการ คืนนั้นคุยกันไปอีกซักพัก น้อยก็ขอตัวไปนอน ส่วนผม ผมถือหนังสือติดตัวมาเล่มนึง กะว่าจะอ่านให้จบคืนนี้เลย (สุดท้ายก็ไม่จบหรอกครับ) เลยนั่งอ่านต่อ ผมไม่อยากเปิดไฟรบกวนน้อย เลยไม่ได้กลับเขาไปอ่านในกระต๊อบ
กระต๊อบไม้ไผ่ที่ผมพัก เป็น open air แต่ก็มีพัดลมอยู่ตัวนึง แล้วก็มีมุ่งใหญ่ๆ พี่นารีบอกว่า มาเที่ยวทั้งที จะติดนอนแอร์ก็ใช่ที่ เราต้องรับอากาศบริสุทธิ์บ้าง ซึ่งผมก็เห็นด้วย จริงๆผมก็เป็นคนติดนอนแอร์เหมือนกัน มานอนที่นี่ ผมเลยกลัวว่าจะร้อนเกินไปสำหรับผม ผมเลย นอนใส่กางเกงเลแค่ตัวเดียว โดยไม่ใส่เสื้อ (โชว์พุง)
กว่าผมจะเขามานอนก็เกือบเที่ยงคืนได้แล้ว (มั้ง) ผมเองก็นอนหลับบ้าง ไม่หลับบ้าง โดยส่วนตัว ปรกติแล้ว ผมเป็นคนนอนหลับยากอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่กล้าพลิกตัวมากนัก เกรงใจน้อย ซึ่งปรกติ ผมเองก็นอนของผมคนเดียว ไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร คืนนี้เลยแปลกหน่อย มีคนนอนด้วย แต่ก็เอาเถอะ ก็แค่ 2 คืน ผมไม่ได้ serious อะไรมาก
ซักราวๆ ตี 2 ผมกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมนอนหันหน้าไปทางน้อย น้อยพลิกตัวหันหน้ามาหาผม น้อยเอาแขนพาดมาวางบนไหล่ผม(เท่าที่ผมจำได้นะ..ตอนนั้นก็ครึ่งหลับครึ่งตื่น) ผมเองเอาแขนไปพาดโอบไหล่น้อยบ้าง
ซักพัก น้อยเอาหัวมาใกล้ผมมากขึ้น แล้วก็หายใจแรง ตอนแรกผมก็นึกหงุดหงิดนิดหน่อยว่า คนกำลังจะหลับแล้วเชียว แต่ผมก็ไม่สนใจ นอนต่อ (เพราะแขนก็ยังพาดกันอยู่อย่างนั้น) ผมกำลังตั้งใจจะพลิกหันหลังให้น้อย ก็มีเหตุการณ์ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผมเลย
น้อย หอมผม และพยายามจะจูบผม
นพพร : “เฮ้ย!!!! น้อย ละเมอหรือเปล่า ตื่นๆๆๆๆๆ”
น้อยไม่ตอบอะไรผมเลย นอกจาก พยายามจะจูบผมต่อไป ผมพูดตามตรงเลยว่าผมไม่เคยคิดอะไรกับน้อยทำนองนี้มาก่อน และก็ไม่เคยคิดว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกับน้อย จนเลยเถิดถึงขนาดนิ้ มากที่สุดสำหรับน้อยคือ น้อยเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดในตอนนี้เท่านั้น และผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าน้อยจะคิดอะไรกับผม ไปมากกว่าเพื่อนสนิทเช่นกัน
ผมสับสนไปหมดแล้วครับตอนนี้ ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำลายน้อย ผมพยายามจะปลุกน้อยขึ้นมาอีกครั้ง และถามเขาว่า เมื่อคืนทำอะไรไปได้สติหรือเปล่า น้อยเหมือนพยายามจะไม่ตื่น ผมก็เลิกพยายาม และนอนหันหลังให้น้อย น้อยเขามากอดผมอีกครั้ง แล้วก็บอกผมว่า
“หายตื่นเต้นหรือยังครับ นอนซะนะเด็กโง่”